ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (จบแล้ว) #จินฮวานพันทิป | JUNHOE x JINHWAN

    ลำดับตอนที่ #4 : 03 : ขอความชื่นใจไม่ใส่ผัก 1 จาน

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ค. 60




     




     03
           ขอความชื่นใจไม่ใส่ผัก 1 จาน




                   หลังจากตั้งกระทู้นั้นไปไม่กี่วัน จินฮวานก็ลืมพันทิปดอทคอมและกระทู้ที่ตั้งเอาไว้เสียเกือบจะสนิท 

                   ใกล้ช่วงกีฬาสีเข้ามาทุกขณะ จินฮวานมัวแต่วุ่นวายอยู่กับการประชุมในรุ่นเพื่อเลือกเพลงให้รุ่นน้องม.1และม.2 ร้องบนสแตนด์เชียร์ ไหนจะต้องมานั่งใคร่ครวญอีกว่าสรุปเพลงมะลิลาขึ้นต้นด้วยมะลิซ้อนพอแตกใบอ่อนเป็นมะลิลาเนี่ย เนื้อหาที่แท้จริงมันตั้งใจจะสื่ออะไร ร้องไปทำไม และมีแรงบันดาลใจมาจากอะไรกันแน่


                   มันดูไร้ที่มาที่ไป ไร้ความเชื่อมโยงเกี่ยวกับกีฬาสี  จินฮวานมองภาพไม่ออกจริงๆว่าการร้องเพลงเกี่ยวกับดอกมะลิจะทำให้นักกีฬามีกำลังใจมากขึ้นตรงไหน


                   แถมยิ่งช่วงนี้เขาและเพื่อนๆม.6 ก็เรียนหนักขึ้นเพราะเริ่มเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทำให้จินฮวานไม่มีเวลานึกถึงเรื่องระหว่างเขากับจุนฮเวมากนัก


                   ก็นะ เขากับจุนฮเวก็ยังคงไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนเดิม ไปเรียนพร้อมกันและกลับบ้านพร้อมกันเหมือนเดิมนั่นแหละ แค่เพียงแต่จินฮวานพยายามเว้นระยะห่าง ไม่ให้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่อยู่กันสองต่อสองก็เท่านั้นเอง


                   เรื่องนอนห้องเดียวกันน่ะเหรอ หึ อย่าหวัง  


                   หลังจากอ่านคอมเม้นกระทู้ในวันนั้น จินฮวานก็ขยาดในความคิดเห็นของชาวเน็ตจนไม่กล้าเปิดเข้าไปดูกระทู้อีกว่ามีใครมาคอมเม้นท์อะไรต่อหรือเปล่า 


                   คำตอบในเม้นท์พวกนั้น ทำให้เขาแทบไม่กล้าอยู่ในห้องกับจุนฮเวสองต่อสองเลยด้วยซ้ำ ยิ่งจุนฮเวอยู่ในช่วงฮอร์โมนวัยว้าวุ่นแบบนี้ด้วยแล้ว จินฮวานกลัวใจเหลือเกินว่ามันจะเกิดสปาร์คกันขึ้นมา เขารู้ตัวว่าตัวเองเย้ายวนใจ จะโดนน้องมันปล้ำเอาวันไหนก็ไม่รู้ ก็เลยต้องดูแลสวัสดิภาพของตัวเองหน่อย


                   บึนปากทำไมกัน อย่าจิกน้อง นี่น้องจินไง จำไม่ได้เหรอ


                   เออ

                   ถ้าจะเป็นความผิดใครสักคน ก็คอมเม้นพันทิปพวกนั้นแหละ เขาเลยไม่สามารถมองจุนฮเวเป็นเด็กน้อยใสใสได้อย่างบริสุทธิ์ใจอีกต่อไป!



                   "หมวย"

                   น่ะ ตายยาก พูดถึงก็มา

                   "ทำข้าวให้กินหน่อย"

                   "ไม่" อิอิ ตอบอย่างมั่นใจ

                   "ทำ-ข้าว-ให้-กิน-หน่อย" จุนฮเวหน้าตึง พูดช้าชัดทีละคำ ยืนทะมึนเป็นยักษ์วัดแจ้ง แต่บอกเลย จินฮวานสตรอง กะอีแค่การมองแรง จินฮวานไม่สะเทือนหรอก

                   "ไม่เอา ไปซื้อเอาดิ ไม่ว่างเนี่ยเห็นมั้ย"

                   เขาแสร้งทำท่าขยันขันแข็งและคลุกกิมจิในกะละมัง(ที่แม่สั่งไว้) ไม่สนใจจุนฮเวที่กำลังมองบน กลอกตา360องศา ก่อนจะเดินมาหยุดนั่งยองๆอยู่ตรงหน้าจินฮวานที่กำลังใช้พลังกล้ามแขนคลุกกิมจิอยู่

                   "อยากกิน"

                   "ซื้อสิ" แน่ะ นี่กิมจิของแม่ไง อย่าหวังเลยว่าจะป้อน จินฮวานไม่หลงกลหรอก

                   "ไม่มีเงิน"

                   "ไปขอแม่"

                   "ไม่อยากขอแม่"

                   จุนฮเวต่อปากต่อคำ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วทำหน้าตากวนตีน ลอยหน้าลอยตายียวนจนจินฮวานอดหมั่นไส้ไม่ได้ หยิบเอาใบกุยช่ายที่อยู่ในกะละมังยื่นไปตรงหน้าเพราะรู้ว่าจุนฮเวไม่ค่อยชอบผักเขียวๆ พวกนี้

                   "อะ กิน"

                   กินเข้าไปเรย

                   จินฮวานกลั้นยิ้มด้วยความสะใจเพราะจุนฮเวทำหน้าหยีๆ เมื่อเห็นผักเขียวๆ นั่น แต่พอเขายื่นมันไปจ่อปาก เจ้าเด็กโข่งก็ยอมอ้าปากงับผักเขียวคลุกเครื่องปรุงกิมจิที่อยู่ในมือเขาเข้าไปอยู่ดี

                   น่าร้าก เจ้าหมาน้อย

                   "อร่อยปะ"

                   คนอายุมากกว่าถามอย่างนึกสนุก คือก็แกล้งมันอะแหละ สารภาพมาเถอะ

                   "หึ"

                   จุนฮเวทำหน้าหยีแล้วก็สั่นหัวดิกๆ จนเขาอดขำน้องไม่ได้
                   เด็กก็คือเด็กล่ะนะ

                   “ขอคลุกกิมจิแป็บ เดี๋ยวผัดข้าวให้กิน”

                   "เย้!" จุนฮเวยิ้มกว้าง ผิดกับหน้าตึงๆเป็นตูดเมื่อกี้ราวหน้ามือกับหลังทีน ซึ่งถามว่าแปลกใจไหม ก็ไม่


                   จินฮวานชินแล้วแหละ จุนฮเวเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร

                   ลูกชายคนเล็กของครอบครัวหัวโบราณ พี่สาวเรียนเก่ง ทำให้พ่อแม่รักและสปอยมากเป็นพิเศษ ส่วนจุนฮเวที่การเรียนกลางๆ แถมยังเกเร มักจะโดนพ่อแม่เทศนาดุด่าประกอบการเติบโตมาตลอดระยะเวลาเกือบสิบปีที่จินฮวานรู้จักน้องมา

                   จุนฮเวมีหน้าตาเป็นอาวุธ ปกติเวลาเฉยๆ ก็น่ารักขี้อ้อนดีอยู่หรอก แต่ชอบทำหน้าหงิกเวลาที่ไม่ได้ดั่งใจ ทำท่าทำทางเหมือนพร้อมไฝว้ และก็พร้อมจะบวกจริงๆ 

                   เพื่อนของจุนฮเวแต่ละคนก็เหมือนกัน นอกจากน้องบยองและไอ้เหยินจีวอนแล้ว แต่ละคนที่จุนฮเวเลือกคบก็มีแต่เพื่อนที่ดูอันธพาลพร้อมบวกทั้งนั้น แถมพ่อแม่ของจุนฮเวก็ไม่ชอบเพื่อนๆพวกนั้นของน้องด้วย เอาน้องมาฝากฝังกับจินฮวานอย่างดี เห็นนี่เป็นจุดบริการฝากกระเป๋าก่อนเข้าคอนเสิร์ตหรือไงไม่รู้


                   จินฮวานถอนหายใจเหนื่อยๆ พอคิดมาถึงตรงนี้


                   เอาเถอะ ตราบใดที่เด็กพวกนั้นไม่พาน้องชายเขาไปเสียผู้เสียคน ก็ปล่อยให้เด็กมันอยู่กันไปตามประสาแหละ 


                   ถึงจะเกเรยังไง แต่เพื่อนๆของน้องก็ให้ความเคารพเขาราวกับเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์แดงพยักฆ์ขาวเต่าคะนอง เจอหน้าทีไรก็โค้งทักทายกันหัวทิ่มหัวตำ แถมยังพูดเพราะกับเขาทุกคน


                   จะมีก็แต่คนบางคนแถวนี้นี่แหละ


                   "หมวย หิวแล้ว"

                   หมวยที่หน้ามึง


                   "เราบอกแกแล้วไงว่าห้ามเรียกเราหมวย"


                   "ก็เรียกมาเป็นสิบปีแล้วอ่ะ เปลี่ยนตอนนี้ไม่ทันแล้ว"


                   นี่หรือคือเหตุผล กูจุนฮเว๊ *ทำเสียงสู๊ง*


                   "เราชื่อจินฮวาน แกควรเรียกเราว่าพี่จินฮวาน"


                   "ไม่เอาอ่ะ" จุนฮเวทำหน้าหยีๆ อีกรอบ แสร้งทำท่าขนลุกใส่จินฮวานจนเขาอยากจะตีแสกหน้ามันให้หน้าแหก 


                   พอจุนฮเวได้กินข้าวผัดสมใจอยากก็นอนเล่นสบายใจแฮอยู่ที่โซฟาหน้าโทรทัศน์ ดูการ์ตูนเด็กแว่นเรื่องโปรดของมันไปโดยมีจินฮวานอ่านหนังสือเรียนอยู่ที่โต๊ะกินข้าวไม่ไกลกันนัก


                   น้องมันดูสบายอกสบายใจเสมอเวลาอยู่ที่บ้านของเขา คงเพราะความสัมพันธ์กับพ่อและแม่ของบ้านฝั่งโน้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทั้งระหว่างกันและกัน และระหว่างพวกเขากับจุนฮเวด้วย 


                   จินฮวานเท้าคางมองเด็กมัธยมต้นปีสุดท้ายที่กำลังหัวเราะให้มุกตลกโง่ๆในทีวีแล้วก็รู้สึกอาดูรน้องมันขึ้นมาแปลกๆ เป็นห่วงในอนาคตมืดมนของเยาวชนของชาติ


                   "จุนฮเว"


                   "ห้ะ"


                   "อาจารย์ให้เลือกยังว่าม.ปลายจะเรียนต่อสายอะไร"


                   "อื้อ ใกล้ละ" จุนฮเวตอบทั้งที่ไม่หันมามองหน้า


                   จินฮวานขมวดคิ้ว นั่งเท้าคางแล้วถามมันต่อ


                   "แล้วอยากเรียนสายอะไร"


                   "สายย่อ"




                   ย่อที่หน้า..


                  "เอาดีๆ"

                  "สายวิทย์มั้ง"

                  จินฮวานพยักหน้าและยิ้มอย่างพอใจในคำตอบ

                  เพราะเรียนไม่เก่งหัวไม่ดีเท่าพี่สาว ครอบครัวก็เลยปฏิบัติต่อจุนฮเวเหมือนปล่อยปละละเลยมาตลอด จินฮวานไม่เกี่ยวอะไรและคงไปว่าอะไรบ้างทางนั้นไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังห่วงน้องมันอยู่ดี

                  ใจนางฟ้ามั้ยล่ะ

                  "โตขึ้นอยากเป็นอะไร"

                  "อยากเป็นหมอออ" กูจุนฮเวทำเสียงสู๊งงตามแบบกูปันปัน พูดวลีฮิตช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ในโฆษณาเครื่องดื่มบำรุงสมองยี่ห้อหนึ่ง จินฮวานยิ้มอย่างพอใจพอได้ยินคำตอบ


                  "จริงเหรอ"


                  "อืม.." จุนฮเวหันมามองหน้าเขาครั้งแรกของการสนทนา ยิ้มแฉ่งจนตาปิด 


                  "หมอดู"


                             หมอดูที่หน้า..


                             จินฮวานพ่นลมหายใจพรืดใส่คนอายุน้อยกว่าอย่างหงุดหงิด จุนฮเวนี่มันไม่สามารถใช้คำอื่นมาบรรยายได้เลยจริงๆ นอกจาก กวนตีน กวนตีน และกวนตีนนนนน นี่เขาเป็นห่วงนะเว้ย ไม่งั้นไม่ถามหรอก



                             "เอาดีๆ ดิ้ จะกินมั้ยข้าว ถ้ายังกวนตีนอยู่ วันหลังไม่ต้องกงต้องกินมันละ"


                             เออ ให้มันรู้ด้วย ว่าใครผัดข้าว
                            นี่จินฮวานเชฟกระทะทองแดงนะรู้ยัง

                            "ทำไมต้องเอาข้าวมาขู่"

                            "ก็ตอบดีๆ จะตายปะ"


                            จินฮวานเท้าเอวแล้วมองจุนฮเวด้วยแววตาโกรธๆ นี่เขาชักสงสัยแล้วว่าเขาเป็นคนข้างบ้านหรือเป็นแม่มันกันแน่ ถึงต้องมาห่วงใยอนาคตน้องนุ่งมันขนาดนี้ แถมยังโดนน้องมันกวนตีนใส่อีก


                            จุนฮเวเกาท้ายทอยแล้วอึกอักพอจินฮวานส่งสายตาถมึงทึงใส่ จินฮวานคิดเอาเองในแบบของเขาว่าน้องมันต้องมีความเกรงกลัวกันบ้างแหละ!!


                            "ว่าไง อยากเป็นอะไร"


                            "ก็....คนเรามันต้องมีความฝันด้วยหรอ" น้องขมวดคิ้วแล้วถามด้วยหน้าซื่อๆ แบบไร้ซึ่งความกวนตีน กะพริบตาปริบๆ แล้วอธิบายความต่อ 


                            "คือทำไมคนที่ไม่มีฝันอะไรเลยมันต้องเป็นเรื่องผิดด้วยอ่ะ อันนี้ไม่ได้กวนตีนนะ แต่แบบ แล้วทำไมเราต้องอยากเป็นอะไรด้วยอ่ะ เราไม่อยากเป็นอะไรเลยไม่ได้เหรอ ทำไมการไม่อยากเป็นอะไรเลยต้องถูกมองว่าไม่มีอนาคตอ่ะ"


                            สะกิดต่อมดราม่าหรือเปล่าวะ คือกูจุนฮเวมีความพรั่งพรู แถมท้ายๆประโยคน้ำเสียงก็ติดจะน้อยอกน้อยใจ ตัดพ้อเรียกร้องความเป็นธรรมจนจินฮวานงง


                            คือแค่ถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไรเอง


                            "ใครว่าแกไม่มีอนาคต พี่ยังไม่ได้พูดสักคำเลย" มีความโอ๋ จินฮวานยีผมนุ่มสีเข้มของจุนฮเว เป็นไปโดยอัตโนมัติเพราะท่าทีหงอยๆของคนตรงหน้า มันเหมือนลูกหมาหูลู่หางตกไม่มีผิด


                            "ป๊าพูด"


                            กำ พี่ขอโทษ ที่ขยี้ปม


                            "แต่เราก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดนี่ ใช่มั้ย"


                            จินฮวานกึ่งขู่กึ่งปลอบ พูดกับจุนฮเวด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังปลุกใจให้เด็กป.4 สู้ๆ หน่อยในโลกที่โหดร้าย จุนฮเวพยักหน้าหงึก


                            "คนทุกคนมีอนาคตอยู่แล้ว"


                            "ถูกต้อง พ่อเราเขาคงโมโห ก็เลยพูดเกินไปหน่อย"


                            "ใช่ปะพี่" จุนฮเวพยักหน้าหงึกอีกที


                            "วินาทีต่อไปนี่ก็นับเป็นอนาคตแล้วอ่ะ ก็มีอนาคตทุกคนอะ ยกเว้นคนที่ตายไปแล้ว"





                            อืม
                            สัส..



    จิ น ฮ ว า น พั น ทิ ป 



                            หลังจากวันนั้นน้องมันกลับบ้านไป จินฮวานก็ได้รู้จากปากของเจ๊คิม แม่ของตัวเอง(นี่แหละ) ว่าน้องมันทะเลาะกับที่บ้านยกใหญ่ โดนพ่อเอาไม้แขวนเสื้อฟาดจนแขนเป็นจ้ำๆ แดงเต็มไปหมด เพราะมันให้คำตอบพ่อไม่ได้ว่าม.ปลายอยากจะเรียนด้านไหน แล้วมหาวิทยาลัยอยากจะเป็นอะไร


                            จินฮวานนึกถึงน้องมันแล้วก็สงสาร รู้สึกผิดขึ้่นมาเลยที่ชอบไล่มันกลับบ้าน


                            ก็พอรู้หรอกว่าความสัมพันธ์กะครอบครัวน้องไม่ค่อยดี แต่แม่งก็ไม่คิดนี่หว่าว่าจะแย่ขนาดนี้ แถมจุนฮเวยังไม่เคยเล่าอะไรให้เขาฟังเลยสักกะแอะ เขาก็ว่าแล้วว่าทำไมช่วงไม่กี่วันมานี้น้องมันถึงใส่เสื้อสเวตเตอร์แขนยาวทับเสื้อนักเรียนตลอดทั้งที่อากาศก็ร้อนในเลเวลกรุงเทพมหานคร ร้อนตับจะแตกเบอร์นั้นเลย


                            ว่าแล้วก็เป็นห่วงน้องมันขึ้นมา


                            จินฮวานถอนหายใจและละสายตาจากหนังสือเรียนตรงหน้า โยกเก้าอี้เล่นและค่อยๆเนียนแง้มผ้าม่านเพื่อแอบส่องบ้านของจุนฮเวซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม


                            ไฟห้องนอนของจุนฮเวยังเปิดอยู่ ไม่รู้ว่าน้องกำลังทำอะไร อาจจะทำการบ้าน อ่านหนังสือการ์ตูน หรือไม่ก็ตีดอทกับเพื่อนอยู่


                            เขาไม่ค่อยแน่ใจหรอก
                            ตอนนี้รู้แต่ห่วง

     

     
    จิ น ฮ ว า น พั น ทิ ป 

      

                            "มึงทำไมตาดำจัง เหมือนคนไม่ได้นอน"


                            หึ... จินฮวานอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงหมดปาก


                            "ก็ไม่ได้นอนไง"


                            สรุปเมื่อคืน หลังจากเขาด้อมๆมองๆน้องที่ข้างหน้าต่างอยู่พักใหญ่ รู้ตัวอีกทีก็ฟ้าใกล้จะสางแล้ว บ้านฝั่งตรงข้ามยังคงเปิดไฟในห้องนอนทิ้งเอาไว้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเด็กนั่นเล่นเกมหนักมากหรืออ่านหนังสือสอบเพราะตีกับพ่อมาเมื่อวันก่อน 


                            ก็อยากดูแลให้มากกว่านี้เหลือเกิน แต่กลัวจะเผลอทำเกินหน้าที่  ฟังเพลงต่อตรงนี้ 


                           ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้ เป็นแค่คนข้างบ้านก็เลยต้องเดินจากไปและพยายามข่มตานอน
                           แต่จินฮวานนอนไม่หลับจริงๆ


                           รู้ตัวอีกที แม่ก็มาเรียก


                           "จินฮวาน!! ตื่นหรือยัง!!"


                           "อือ" เขาขดตัวมุดลงไปอยู่ใต้ผ้าห่มจนเหลือแค่หน้าครึ่งบนโผล่ออกมานิดเดียว รู้สึกขี้เกียจขึ้นมาทันทีที่รู้ว่าต้องไปเรียนหนังสือ


                           "อือเอออะไร นี่มันแปดโมงแล้ว ลุกเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวไปโรงเรียนไม่ทัน!!



                           มุกเดิม---ทุกวัน


                           จินฮวานไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

                           เจ๊คิมเป็นอย่างนี้เสมอ หลอกลูกว่าแปดโมงทั้งๆที่ยังไม่หกโมงครึ่งดีด้วยซ้ำ พอใจเหลือเกินที่เห็นเขาวิ่งตาหูแหกออกมาจากห้องนอนและอาบน้ำล่กๆเพราะกลัวไปเรียนไม่ทันตามที่แม่หลอก


                           ท้ายที่สุดเขาก็เลยไม่ได้นอนเลยสักงีบ แค่นาทีเดียวก็ไม่ได้นอนแถมตอนเช้า น้องก็ไปโรงเรียนก่อนเขา แปะโพสอิทเอาไว้หน้าประตูบ้าน ว่าให้เขาไปโรงเรียนเอง จินฮวานงงมาก อยากถามว่าแบบนี้ก็ได้เหรอ


                           ฮันบินมองใต้ตาโหลๆของเขาแล้วยู่หน้าน่ารัก ดูมีความสงสารเห็นใจที่เขาไม่ได้นอนเลยทั้งคืน


                           "ไม่ได้นอนแบบนี้ จินฮวานจะไปคัดหลีดไหวหรอ"


                           "นั่นดิ นอนดึกหน้าบวมนะเว้ย ดูเหนียงดิเนี่ย"


                           และยุนฮยองก็แสดงความห่วงใยอย่างต่อเนื่อง เอามือมาเขี่ยๆเหนียงประกอบการสนทนา แต่จินฮวานคิดว่าถ้าจะห่วงแบบนี้ ไม่ต้องห่วงกูก็ได้นะ


                           ...กูไม่ได้หน้าบวม กูแค่อ้วน


                           "คัดหลีดอะไรวะ ก็เขียนลงสมัครไปแล้วว่าจะเป็นสต๊าฟเชียร์" จินฮวานขมวดคิ้ว "มินโฮก็รับรู้แล้วด้วยว่านี่เป็นสต๊าฟ ยังนัดวันมาฉีกพู่ให้น้องอยู่เลย" จินฮวานพูดแล้วก็ได้กลิ่นเชือกฟางลอยมา เหนื่อยกับกีฬาสีก็ตรงต้องมานั่งฉีกเชือกฟางเป็นพู่เชียร์นี่แหละ


                           "มินโฮยังไม่ได้บอกแกหรอ ว่าสีเราหลีดผู้ชายมันไม่พอ"

                           วอทเดอะ-ฟัค

                           "แต่---" จินฮวานเสียงสั่นไปหมด รู้สึกเหมือนมงจะลง "กูไม่อยากเป็นหลีดอ่ะ"


                           "เฮ้ยมึงก็ลองไปคัดดู ไม่เป็นไรหรอก มึงก็แกล้งเต้นง่อยๆ เขาจะได้เลือกคนอื่น แบบนี้ไง"

                           ยุนฮยองเพื่อนรักพูดแนะนำ แต่มันดูเหมือนจะไม่ช่วยให้จินฮวานสบายใจขึ้นสักเท่าไหร่ ยุนฮยองแม่งก็พูดได้ดิวะ ทำกรรมการนักเรียน ไม่ต้องลงกีฬา ไม่ต้องทำสแตนด์ ไม่ต้องเป็นลีด ไม่ต้องทำเห้อะไรนอกจากเป็นสวัสดิการ เลียอาจารย์ตั้งแต่ต้นจนจบงาน 


                           ที่พูดนี่คืออิจฉา


                           "แล้วนี่เขาจะคัดกันกี่โมงอ่ะ" พูดแล้วอยากถอนหายใจ "กูเต้นไม่เป็นนะ"


                           "เขาอาจจะแค่ดูหน่วยก้านหน้าตาหรือเปล่า เลือกคนขาวๆ น่ารัก จะได้แต่งหน้าขึ้นอะไรแบบนี้"


                           "เห็นเจ๊โจควอนบอกว่าจะนัดพวกหลีดตอนเย็นพรุ่งนี้ ข้างแป้นบาสหลังสแตนด์อ่ะ"


                           แป้นบาส แป้นบาส
                           แป้นบาสหลังสแตนด์


                           "ใกล้ๆตรงที่บาสสีเขียวซ้อมอะ" ยุนฮยองพูดต่อพอเห็นเขาทำหน้างง

                           คือ---ก็จุนฮเวมันเป็นนักบาสสีเขียวไม่ใช่เหรอ


                           "กูไม่อยากไปคัดแล้ว" 

                           จินฮวานแหวเสียงสูง ทำท่าเหมือนจะเป็นลม 
                           ไม่เอาเด็ดขาด เขาไม่อยากไปเด๋อต่อหน้าจุนฮเว ไม่อ๊าววววววววว


                           "มึงบอกเจ๊โจควอนแทนกูว่ากูป่วยได้มั้ยอ่ะ"


                           เจ๊โจควอนที่ว่าเป็นรุ่นพี่สีฟ้าที่จบม.หกไปนานหลายปี เป็นลีดมาตลอดตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลาย จนกระทั่งไปต่อมหาลัย ก็เป็นทั้งดรัมเมเยอร์ชาย ทั้งเชียร์ลีดเดอร์ แถมได้ลงเพจคิ้วท์บอยของมหาวิทยาลัยอีก


                           ครั้งล่าสุดที่จินฮวานเจอพี่แกคือตอนเจ๊เขากลับมาซ้อมลีดให้รุ่นน้องชาวสีฟ้า เจ๊แกบอกว่าไม่อยากเป็นหรอกคิ้วท์บอย อยากเป็นคิ้วท์เกิร์ลมากกว่า แต่สังคมไม่เห็นด้วย


                           "ไม่เอาอ่ะ มึงก็รู้ว่าพี่โจควอนดุยิ่งกว่าแม่มึงอีก กูจะไม่ยุ่ง" ยุนฮยองทำท่าขนลุก ส่วนฮันบินก็ได้แต่กะพริบตาปิ๊งๆ และส่งสายตาเอ๋อๆ ต๋าๆ แบบเด็กอนุบาลสามมาให้เขา


                           "ง..งั้นฮันบินไปบอกพี่โจควอนให้ก็ได้นะ.."


                           จินฮวานมองเพื่อนรักแล้วอยากร้องไห้ในความใสใส


                           "ฮันบินพูดโกหกไม่เก่งไม่ใช่เหรอ"


                           "ก็...ก็...ก็....." เจ้าฮันบินติดอ่าง ทำหน้าเหรอหรา แล้วเสียงดัง "พี่โจควอนครับ คือจินฮวานมันไม่สบายอะ มันก็เลยไม่ยอมมาคัดลีด"

                           ขอบคุณค่ะลูก
                           คำว่า 'มาไม่ได้' กับ 'ไม่ยอมมา' มันต่างกันนะเฟ้ย


                           "ไม่ดิ ฮันบินต้องพูดว่า จินฮวานไม่สบาย เลยมาคัดไม่ได้ ไหนลองพูดตามซิ"
                         

                             ฮันบินกะพริบตาปริบๆ 

                           "พี่โจควอนครับ...จินฮวานมันบอกว่ามันไม่สบาย มันก็เลยมาคัดไม่ได้"


                           โอย

                           สอนฮันบินโกหกนี่ ยากกว่าสอนให้ลิงชิมแปนซีเต้นเพลงเวิร์คของรีฮันน่าอีก ฟังเพลงเวิร์คตรงนี้ เผื่อนึกไม่ออก https://youtu.be/HL1UzIK-flA


                           "กูว่าอย่าให้ฮันบินโกหกเลย เดี๋ยวมันก็โดนเจ๊ควอนแหกอกเอาหรอก เจ๊เค้าเรียกร้องจะให้มึงไปคัดตัวนะ สงสัยเห็นหน่วยก้านดี"


                           "แต่กูเตี้ยนะ!!"


                           "เออ เห็นแล้ว"

                           จ้า 

                           "ไม่ไปได้มั้ยอ่ะ"

                           "ทำไมวะ ก็แค่คัดตัวลีดเอง"


                           นั่นน่ะสิ ทำไมล่ะวะ ไอ้ลำพังคัดตัวลีดมันไม่เท่าไหร่ แต่เขาไม่อยากจะให้จุนฮเวมาเห็นตอนที่เขาดูเด๋อๆอ่ะ น่าหงุดหงิดที่ยุนฮยองแม่งไม่เคยเข้าใจเขาเลย ส่วนฮันบินก็น่ารักและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจนไม่สามารถยืมมือไปทำเรื่องชั่วร้ายได้


                           สวรรค์ไม่เข้าข้างจินฮวานเลยจริงๆ


    จิ น ฮ ว า น พั น ทิ ป






                           "ไมวันนี้กลับเร็วจังอ่ะ ไม่ซ้อมบาสเหรอ"


                           แม้ตอนเช้าจะต้องโหนรถเมล์มาเอง แต่ตอนเย็นก็มีความกลับด้วยกันเหมือนเดิม จุนฮเวยื่นหมวกกันน็อคให้เขาใส่ พลางก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดด้วยสีหน้าจริงจังจนเขาอดห่วงไม่ได้


                           "เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนหรอ แล้วเมื่อเช้ารีบไปไหนอ่ะ"


                           เขากะพริบตาปริบๆ เมื่อจุนฮเวไม่ตอบ แต่ทำหน้าเครียดๆ กดโทรศัพท์มือถือและจ้องหน้าจอไม่วางตา



                           "มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า บ...."

                           "แม่งเอ้ย!!! หนีไปแล้ว!!"

                           อะไรวะ


                           จินฮวานสะดุ้งแรงเมื่ออีกฝ่ายสบถออกมาแบบนั้น เขาชะโงกหน้าไปดูหน้าจอมือถือของจุนฮเวแล้วกะพริบตาปริบๆ อีกครั้ง


                           โปเกม่อนโก






                           "หมวยดูดิ" จุนฮเวหันมาทำเสียงงอแง เก็บมือถือใส่กางเกงแล้วติดสายรัดใต้คางให้เขาพลางก็บ่นไม่ยอมหยุดปาก "เค้ากะสัสจีวอนกะสัสบยองตามจับอีวุยมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แม่งยากมาก เค้าแบบ... โอ้ย"


                           เดี๋ยว บอกกูที ว่าอีวุยคืออะไหร๋ 


                           "แล้วเมื่อคืนก็คือ..."


                           "ก็จีวอนกะบยองมันมานอนที่บ้าน นั่งหมุนโปเกสต็อปทั้งคืนเลย เออจะว่าไป บ้านหมวยมันเป็นยิมนะเว้ย"


                           ยิมอะไรอี้ก

                           สรุปว่าที่กูไม่ได้นอนเพราะเป็นห่วง นี่คิมจินฮวานเสียเวลาอ่านหนังสือมานั่งเฝ้าไอ้เด็กยักษ์นี่เล่นโปเกม่อนโกหรอม แม่คะ หนูงงไปหมดแล้ว แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอคะ


                           "หมวยรู้ป่าว เมื่อคืนมีคนขี่มอไซค์มาจอดหน้าบ้าน จะตียิมบ้านหมวยอะ พวกเค้าเลยป้องกันบ้านหมวยเอาไว้ให้ เจ๋งป่าวววววว" ไม่พูดเปล่า น้องมันก็โชว์รูปหน้าจอให้ดูพลังการปกป้องยิมให้จินฮวานด้วย





    ถามก่อนมั้ยว่ากูเล่นเป็นหรือเปล่า


                           "ทำดีใช่ป่าว"


                           "เออๆ" จินฮวานตอบรับงงๆ นี่เขาต้องขอบคุณมั้ยเนี่ย แล้วว่าแต่ยิมที่ว่ามันคือยิมอะไร เขายังไม่ค่อยจะเก็เท่าไหร่ "ทำดีแล้ว"


                           "เป็นเด็กดีก็เงี้ย เพราะงั้นวันนี้ผัดข้าวผัดให้กินด้วย!"


                           เอ๊า แบบนี้ก็ได้หรอ


                           จินฮวานอยากจะตอบกลับไปว่า ให้ไปกินข้าวบ้านตัวเองสิ แต่พอนึกได้ว่าน้องพึ่งทะเลาะกับพ่อแม่มา เขาก็เลยพยักหน้าเงียบๆโดยไม่พูดอะไร แม้จะยังคงสงสัยอยู่ว่าการปกป้องยิม มันสำคัญอะไรกับกูด้วย งงไปหมด





       จิ น ฮ ว า น พั น ทิ ป 



                           "โอย อร่อย" 


                           ทันทีที่ช้อนเข้าปาก จุนฮเวก็หลับตาพริ้ม ซึมซับรสชาติของข้าวผัดไข่ไม่ใส่ผักของโปรดของนางที่นางกินประจำมาตั้งแต่เด็ก จินฮวานนั่งเท้าคางมองแล้วบุ้ยหน้าอย่างหมั่นไส้


                           "เว่อร์"
     

                           "ไม่เว่อร์นะ ข้าวที่หมวยทำให้เหมือนไอเท่มเติมพลังเลย กินแล้วชื่นใจ เหมือนถัง E ในร็อคแมน เหมือนเห็ดในมาริโอ้"


                           โอย เด็กน้อยเอ้ย
                           ถามจินฮวานบ้าง ว่าเคยดูการ์ตูนเรื่องอะไรบ้างนอกจากแม่มดน้อยโดเรมีกับชินจัง


                           "ขอภาษาเข้าใจง่ายหน่อยได้มั้ย" 


                           "ก็----อร่อยอะ" จุนฮเวพูดต่อจนจบแล้วก็เงียบไปอีก นั่งเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ไม่พูดไม่จาจนจินฮวานเอ็นดู แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ พอข้าวหมดจาน จุนฮเวก็รีบวิ่งเอาจานไปทิ้งไว้ที่อ่างล้างจาน ก่อนจะหยิบมือถือมาจิ้มๆ กดๆต่อ


                           "หมวย"


                           "ห้ะ"

                           "เค้าไปจับโปเกม่อนก่อนนะ บายย"

                           เอิ่ม พอสิ้นคำว่าบาย มันก็วิ่งหายออกไปจากบ้านจริงๆ ทิ้งจานข้าวไว้ให้เขาล้างด้วย


                           จินฮวานชักจะสงสัยขึ้นมาว่าไอ้เกมโปเกม่อนอะไรนี่มันสนุกตรงไหน แล้วไอ้ถังอีในร็อคแมน เห็ดในมาริโอ้อะไรนั่นที่จุนฮเวมันเพ้อเจ้อใส่เขาแปลว่าอะไรกันแน่


                           แล้วการกินข้าวน่ะ...มันเป็นความชื่นใจตรงไหน
                           นี่ยังไม่รวมอีวุยอะไรนั่นอีกนะ

     
                           เขาขมวดคิ้ว นั่งคิด ยืนคิด ล้างจานคิดอยู่หลายนาที 

                             แค่กินข้าวผัด มันชื่นใจตรงไหน หรือเพราะเป็นข้าวผัดแบบที่ชอบ หรือเป็นเพราะว่าเป็นข้าวผัดที่เขาทำให้กันแน่ คำตอบของเรื่องนี้ดูเหมือนเขาจะไม่สามารถตอบด้วยตัวเองได้ แต่จะต้องไปถามใครข้อข้องใจของเขาถึงจะคลี่คลายนะ


           


    \ friday talk ; 
    ครบร้อยเปอแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววว


    อย่างที่ทราบกัน ช่วงนี้เหนื่อยๆค่ะ ไม่กล้าสัญญาแล้วอะว่าจะมาอัพทุกอาทิตย์ เพราะงานหนักมาก (ทำกราฟิกฯที่นิตยสารแห่งหนึ่งอยู่ ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเล่มค่ะ ดึกตลอด ถึงบ้านอย่างต่ำห้าทุ่มครึ่งทุกวัน ตื่นหกโมงเช้าทุกวันด้วย) แต่จะพยายามอัพให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะมีเวลาทำได้นะ 555555 สัญญาว่าจะเขียนออกมาให้บันเทิงสมกับช่วงเวลาที่หายไปทีละนานๆ

    อีพีนี้ครึ่งหลังสนุกมั้ยอ่ะ ;__; คิดถึงกันก็ฝากรอยรักแรงแค้นไว้ในเม้นหรือ #จินฮวานพันทิป นะ

    PS. ถัง E ในร็อคแมน คือถังพลังที่กินแล้วจะมีกำลังวังชา ส่วนเห็ดในมาริโอ้ก็น่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว เป็นเห็ดที่กินแล้วตัวโตขึ้น  ส่วนอีวุยคือตัวนี้ค่าาา หายากมาก ยังจับไม่ได้เลย





    ฟัยเดมาแย้ววว
    30%  11:20 30/7/2559
    50%      0:12 3/8/2559
    100% 16:08 12/8/2559

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×