ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (จบแล้ว) DISTANT | CHANHUN HUNKAI BAEKDO

    ลำดับตอนที่ #3 : ( 18 x 25 ) - สอง: ไม่เคยเปลี่ยน

    • อัปเดตล่าสุด 27 ส.ค. 59


     

    Distant ( 18-25)
    Chanyeol x Sehun By:ซรดจ.

    สอง.


    ไม่เคยเปลี่ยน







     
     


    [ 6-13 ]

     


          

              "ชานยอล เราไปทำอะไรให้เซฮุนโกรธเอารึเปล่าลูก"


              คุณนายปาร์คเอ่ยถามพ่อลูกชายที่กำลังวุ่นวายกับการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ เด็กชายรูปร่างตุ้ยนุ้ยก้มหน้าเสียจนแทบจะชิดสมุดการบ้าน ตั้งใจคูณตัวเลข นับนิ้วที่ทดเอาไว้ในใจเป็นพัลวัน ชานยอลตอบทั้งที่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง  


              "ก็ไม่หนิแม่ น้องมันจะมาโกรธไรผมอะ"


              "อย่าเรียกน้องว่ามันสิ แม่ว่าพักนี้เซฮุนแปลกๆนะ"


              คุณนายปาร์คครุ่นคิด ไม่ค่อยจะเข้าใจในความอ้ำอึ้งอันน่ากระอักกระอ่วนที่เกิดระหว่างพ่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ปาร์คชานยอล และ น้องเซฮุน ลูกชายคนโตวัย 6 ขวบของเพื่อนบ้าน


              เด็กทั้งสองเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เล็ก ตอนที่เซฮุนเข้าโรงเรียนอนุบาลครั้งแรก ก็เป็นชานยอลที่พาน้องไปส่งถึงห้องเรียนและจูงมือกลับบ้านในตอนเย็นเสียด้วยซ้ำ แต่พอปีนี้ชานยอลเริ่มเข้าเรียนชั้นมัธยม คุณนายโอก็เลยขอเป็นคนไปส่งเซฮุนเอง เพราะระยะทางของโรงเรียนทั้งสองอยู่ไกลกัน กลัวว่าจะทำให้ชานยอลเข้าเรียนสายไปด้วย

         
               พอไม่ค่อยได้เห็นหน้าเจ้าตัวเล็ก คุณนายปาร์คก็เลยรู้สึกแปลกแบบพิกล เซฮุนไม่ค่อยร่าเริงเหมือนเก่า ไม่ค่อยมาหาชานยอลที่บ้าน แววตาสดใสและท่าทางออดอ้อนน่ารักที่คุณนายปาร์คคุ้นเคยก็ห่างหาย นานๆทีจะได้เจอกันสักครั้ง


              "ทำการบ้านเสร็จรึยัง"


              "ยังแม่ แป็บนึง"


              "เดี๋ยวเราทำการบ้านเสร็จ เอาขนมในครัวไปให้คุณแม่เซฮุนทีนะ"


              ชานยอลรับคำทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมามอง เจ้าลูกชายนับวันก็ยิ่งกินเก่ง อ้วนจ้ำม่ำจนคุณพ่อของชานยอลกลัวว่าลูกชายสุดที่รักจะลดน้ำหนักไม่ลง


              "ชานยอล นั่งดีๆ ทำไมถึงก้มหน้าไปใกล้สมุดขนาดนั้น"

         
              เอ็ดเสียงดังตอนที่ชานยอลก้มหน้าไปชิดสมุดคณิตศาสตร์จนจมูกแทบจะชนแผ่นกระดาษ ชานยอลบ่นพึมพำ ก็มองไม่เห็นก็เลยต้องอ่านใกล้ๆนี่นา ถ้ามองเห็นใครจะอยากทำตัวสนิทสนมกับสมุดการบ้านขนาดนี้กัน




     





              "คุณป้าครับ แม่ให้เอาขนมมาให้ครับ" หลังจากกดนิ้งหน่องที่หน้าบ้านของเซฮุนอยู่นานสองนานก็ไม่มีใครโต้ตอบอะไร ชานยอลเอียงคออย่างใช้ความคิด แล้วตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในห้องครัวบ้านตัวเองและเปิดหน้าต่างครัว



              ปาร์คชานยอลอัจฉริยะอยู่แล้ว



                 ปีนสิครับ ! 



          ก็เพราะบ้านทั้งสองหลังอยู่ติดกันจนแทบจะดูเหมือนบ้านแฝด เพียงแค่เปิดหน้าต่างครัวทั้งสองบ้านค้างเอาไว้ ก็สามารถปีนไปอีกฝั่งนึงได้สบาย ชานยอลเลยชินกับการเข้าบ้านของน้องทางหน้าต่างมากกว่าประตู


          "คุณป้าครับ"


          ..เงียบ..


              ชานยอลคลำในความมืดและกดเปิดไฟในครัวด้วยความเคยชิน ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่ในบ้านจริงๆ ถึงได้ปิดไฟเงียบหมดทั้งบ้านแบบนี้ ชานยอลเดินลากเท้าไปที่ตีนบันไดซี่งเป็นทางเดินสู่ชั้นบนของบ้าน ในมือยังคงถือพายข้าวโพดกล่องใหญ่ที่คุณแม่ทำเอาไว้



              "เซฮุน"



          ..เงียบ..


     
               เพราะไม่มีเสียงตอบโต้ ชานยอลเลยตัดสินใจก้าวเท้าขึ้นบันไดอย่างกล้าๆกลัวๆ รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในการล่าท้าผีที่มีพิธีกรคอยบอกให้ไปทำภารกิจในบ้านร้างยังไงอย่างนั้น  เสียงบันไดขั้นที่สองลั่นเอี๊ยดท่ามกลางความมืดสลัวในเวลาโพล้เพล้


              "ชางยอง"

         
              เสียงเล็กๆที่คุ้นหูดังขึ้นที่ด้านหลัง ชานยอลหันกลับมาและพบว่าเซฮุนยืนอยู่ที่ตีนบันได เจ้าตัวเล็กที่ยังอยู่ในชุดยูนิฟอร์มโรงเรียนอนุบาลกางเกงลายสก็อต ถือไฟฉายกระบอกใหญ่ไว้ในมือ และเปิดจ่อแสงสว่างไว้ใต้คาง


              "แบร่"


              ชานยอลพรูลมหายใจยาวอย่างโล่งอก   กูต้องกลัวมั้ยเนี่ย


              "พี่เอาขนมมาให้"


              เดินลงมาหาเจ้าตัวเล็กแล้วพูดจุดประสงค์ที่ปีนเข้ามาในบ้านโดยพลการ แต่ดูเหมือนเซฮุนจะไม่สนใจเท่าไหร่ว่าเหตุผลที่เขาปีนข้ามครัวมาคืออะไร


              "..."


              "แม่ไปไหนล่ะ"


              เด็กชายวัยมัธยมยีหัวน้องชายแล้วใช้ช่วงแขนที่ยาวกว่าเอื้อมมือไปกดเปิดไฟ คิดเดาเอาเองว่าที่เซฮุนอยู่บ้านคนเดียวมืดๆเพราะคงกดสวิตช์ไฟไม่ถึง


              "ตะ! หลาด!"


              "แล้วยังไม่กลับเหรอ"


              "ถ้ากลับก็เห็งแล้วดิ" เหมือนโดนเด็กด่าว่าโง่เลย ขอโทษนะที่ปาร์คชานยอลโง่ถามขึ้นมาน่ะ  



          เด็กชายวัยอนุบาลกะพริบตาปริบๆแล้วก้มหน้าก้มตาปิดไฟฉายอันใหญ่ในมือ ชานยอลไม่ทันสังเกตว่าน้องตัวโตขึ้นตั้งเยอะ นิ้วมือเล็กๆที่จับไฟฉายไว้ในมือ ขาและเท้าเล็กๆที่สวมถุงเท้าอยู่ ชานยอลคิดว่าทุกอย่างใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนนิดหน่อย


          จะว่าไปแล้วพักนี้เขาและเซฮุนก็แปลกๆจริงอย่างที่แม่บ่น ทำไมก็ไม่รู้ชานยอลถึงรู้สึกว่าสนิทกับน้องชายตัวเล็กไม่เท่าเดิม ไหนๆก็เจอกันแล้วแถมน้องยังอยู่บ้านคนเดียวอีก



          "แม่ยังไม่กลับหรอก ไปเล่นบ้านพี่ไหม"



     
    [ 18-25 ]


     


              "ไงล่ะมึง ซ่าจนได้เรื่อง"


              แบคฮยอนเป็นคนแรกที่มาเยี่ยมถึงบ้านหลังจากเซฮุนแขนเดี้ยงไปข้าง ตอนที่ชานยอลพาเขามาส่งที่บ้าน พ่อที่อยู่ในช่วงลาพักร้อน และแม่ที่กำลังซักผ้า ต่างก็ตกใจกันใหญ่ ส่วนจุนฮงที่อยู่บ้านเพราะยังไม่เปิดเทอม ก็เอาแต่โอดครวญถึงสมรักษ์ว่าเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง


              เซฮุนได้แต่นั่งเซ็งอยู่บนเตียง


              "แล้วนี่นีนี่มันรู้ยังเนี่ยว่าแขนหัก"   เซฮุนทำหน้าบ้าใบ้ตอนที่ได้ยินชื่อเพื่อนรักอีกคนจากปากแบคฮยอน


              "ยังว่ะ กูลืม" คนแขนเดาะตะกายไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่บนโต๊ะหัวเตียงมากดพิมพ์ข้อความด้วยมือเดียว แต่ก็ยากเย็นเสียจนต้องโยนเครื่องมือสื่อสารขนาดพกพาไปให้แบคฮยอน


              "มึงพิมพ์"


              "ใช้อีก" แม้ปากจะบ่น แต่ว่าที่นักศึกษาแพทย์ตาหยีก็กดพิมพ์ข้อความตามคำบอกของเพื่อนรัก ส่งไปให้จงอินที่กำลังเรียนบัลเล่ต์รู้ข่าว   





              อันที่จริง 'นีนี่' เป็นชื่อที่จงอินเกลียดแสนเกลียด เขาเป็นลูกชายคนเดียวของคุณพ่อและคุณแม่ ครอบครัวคิมทั้งรักทั้งหวงจงอินอย่างกับอะไรดี


              ตอนที่แม่ตั้งท้องจงอิน หมออัลตร้าซาวด์ดูเพศออกมาว่าเป็นลูกสาว คุณแม่กับคุณพ่อก็เตรียมตัวอย่างดี ซื้อของใช้ลายน่ารักกุ๊กกิ๊กสีชมพูเตรียมไว้รอเต็มบ้าน แถมยังหมายมั่นว่าจะตั้งชื่อ 'นีนี่' ให้อีก พอคลอดออกมาเลยเหมือนแจ็คพ็อตแตก เพราะจงอินดันเป็นผู้ชาย


                 คนที่เพิ่งจะเปลี่ยนชุดและก้าวออกจากโรงเรียนสอนบัลเล่ต์อ่านข้อความที่ส่งมาจากมือถือของเซฮุนแล้วเบ้หน้า เมื่อสรรพนามที่ใช้เรียกในข้อความเป็นชื่อลูกสาวคุณแม่อย่าง 'นีนี่'


                 มือเรียวกดต่อสายไปหาเซฮุน บ่นเสียยืดยาวเรื่องขับรถไม่รู้จักระมัดระวัง เกือบสิบนาทีถึงได้วางสาย อดดุทิ้งท้ายไม่ได้เมื่อคนเจ็บหัวเราะเสียงใสผ่านสายโทรศัพท์มา


                 ภายนอก เซฮุนดูเป็นคนร่าเริงแม้จะพูดน้อย แต่ก็มีอารมณ์ขันและไม่ใช่คนเข้าใจยากอะไร แต่ถ้าได้คบหาและรู้จักเพื่อนคนนี้ให้ดีจะรู้ฤทธิ์ว่า เซฮุนน่ะเอาแต่ใจ แถมยังดื้อเงียบเสียด้วย


                 แบคฮยอนก็ดูจะเป็นห่วงเป็นใยจงอินอยู่ไม่น้อย ว่าที่นักศึกษาแพทย์เลยเลือกจะรีบบอกลาคนแขนเดาะ และขับรถยนต์ของแม่ที่แอบเอาออกมาไปรับจงอินที่โรงเรียน(แทนเซฮุน)  เขาเลยต้องฟังจงอินบ่นถึงเซฮุนยาวไปตลอดทาง


     

                 "จริงๆแล้วถ้าชอบมัน ก็ควรจะบอกมันไปตรงๆนะรู้ไหม"



                 จงอินเงียบ มันเป็นสิ่งที่แบคฮยอนรู้มาเกือบปีแล้ว อันที่จริงจงอินคิดว่าทุกคนก็คงรู้กันทั้งนั้น ยกเว้นก็แต่เจ้าตัว 


                  "ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าเซฮุนมีคนที่ชอบอยู่แล้ว" จงอินถามแล้วทำหน้าแปลกๆ


                  "ใครล่ะ ถ้างั้นน่ะ" แบคฮยอนถามกลับเพราะไม่รู้ หรืออันที่จริงเขาอาจจะไม่เคยสังเกต เพราะสำหรับแบคฮยอน เซฮุนก็เป็นแค่เพื่อนผู้เงียบขรึมที่มีความสุขไปวันๆกับการเล่นสนุกไปเรื่อย


                  "ฉันไม่รู้" จงอินพูดความจริง "แต่เซฮุนก็ทำเหมือนเขามีใครในใจอยู่ตลอดเวลามาตั้งนานแล้ว"


                  คำว่า'ใครในใจ'ของจงอินทำให้แบคฮยอนต้องขมวดคิ้ว นึกย้อนไปถึงวันเลี้ยงฉลองจบม.ปลายในห้องคาราโอเกะที่มีแค่พวกเขาสามคน จงอินหลับไปตอนที่เซฮุนถามคำถามนั้นกับเขา





              "มึงว่า..ตอนนี้เราเป็นผู้ใหญ่กันรึยังวะ"


              "แล้วเราเป็นผู้ใหญ่พอจะรักใครซักคนได้รึยังวะ"





                 "เซฮุนอาจจะยังสับสนตัวเองอยู่ก็ได้มั้ง" แบคฮยอนสรุป แต่ไม่ได้พูดถึงคำถามของเซฮุนในวันนั้น อันที่จริงหากเพื่อนสองคนจะตกลงปลงใจ เขาก็มองเป็นเรื่องดี แต่ในความรู้สึกด้านบวกนั้น แบคฮยอนกลับกลัวจับใจ ว่าความรักในแบบอื่นจะทำให้มิตรภาพที่มีให้กันตลอดมาสั่นคลอน




    เอี๊ยด!



              รถมอเตอร์ไซค์ที่หักแฉล่บเข้ามาในเลนส์ทำให้แบคฮยอนรีบแตะเบรคเสียเต็มเหยียบ หัวใจเต้นรัวเร็วตอนที่รถเล็กล้มหายไปต่อหน้า รีบเปิดประตูและลงมาดู


              รถมอเตอร์ไซค์เวสป้ารุ่นเก่าสีครีมมีรอยบุบเล็กน้อย แต่คนที่นั่งอยู่ที่พื้นถนนดูเหมือนจะลงพื้นแบบไม่สวยเท่าไหร่ ศอกและแขนขาวๆมีเลือดไหล สีหน้าไม่ชอบใจและแววตาฉุนเฉียวที่สะท้อนจากดวงตากลมโตทำให้แบคฮยอนใจไม่ดี


              เขามีใบขับขี่ซะที่ไหนล่ะ


          "คุณครับ ลุกไหวไหม ไปโรงพยาบาลนะ"


              ผู้ชายตัวเล็กคนนั้นไม่ตอบ แต่ค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นยืน แม้ท่าทางที่แสดงออกภายนอกจะดูปกติแต่แบคฮยอนก็ยังคงห่วงอยู่ดี น่าจะดีกว่าถ้าลองไปเช็คร่างกายที่โรงพยาบาล


          "ไปเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลก่อนไหมครับ"


          "ผมสายแล้ว"


              พูดเร็วๆก่อนที่จะก้มลงพยุงรถขึ้นมาทั้งที่เลือดก็ยังคงไหลไม่หยุด แบคฮยอนก้มลงและช่วยยกรถขึ้น แต่ก็ต้องหลบสายตาเมื่อสบเข้ากับสายตาเย็นชาของคนตรงหน้า ดวงตาคู่นั้นเศร้าเสียจนแบคฮยอนใจหายตอนที่มอง มันกลมโตเสียจนรู้สึกเหมือนคนตรงหน้าถลึงตามองเขาอยู่


              จนกระทั่งผู้ชายตัวเล็กคนนั้นลับสายตาไป แต่แบคฮยอนก็ยังจำความเศร้าสร้อยในดวงตาคู่นั้นชัดเจน แต่สิ่งที่น่ากังวลกว่าเรื่องผู้ชายตาเศร้าคนนั้นคือ  รถที่เขาแอบขโมยแม่ออกมาขับเป็นรอยสีถลอกยาวเกือบสองเซ็นติเมตร


          "ชิบ...หายแล้วไง"








          "ปิดไฟในห้องน้ำรึยัง"



          "พูดกับผู้ใหญ่น่ะให้มันเพราะๆหน่อยสิ"



          "--ครับ"  เซฮุนต่อท้ายด้วยหางเสียงแค่นั้น ไม่อยากจะพูดซ้ำซาก ชานยอลที่อาบน้ำและสวมชุดนอนเรียบร้อยแล้วใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กๆเช็ดผมของตัวเองตอนที่เดินมานั่งบนเตียงข้างๆกันกับเจ้าของห้องที่นั่งกึ่งนอน ฟังเพลงจากเครื่องเล่นเอ็มพีสามสีขาวขนาดเล็ก



          "ยังใช้อยู่อีกเหรอ"


          "อืม" เซฮุนฮึมฮำในลำคอ "ผมหลับยากมากถ้าไม่ฟังเพลงน่ะ" พอเห็นชานยอลหัวเราะหน่อยๆเซฮุนก็เกาคิ้วทำหน้าเหมือนจะไม่พอใจ มันไม่ตลกที่เขามีนิสัยแย่ๆในการนอนแบบนี้ เซฮุนรู้สึกว่าตัวเองหลับยากจริงๆถ้าไม่ฟังเพลงไปด้วย สุดท้ายมันมักจะจบที่ฝันร้าย อาการหลับๆตื่นๆ และนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ


          "ที่ผมเป็นอย่างนี้ก็เพราะพี่แหละ"


          "โทษกันเฉยเลย"


           ชานยอลพูดทั้งที่ยิ้ม น้ำเสียงตรงข้ามกับคำพูด ชานยอลไม่ได้ถือสาอะไร


          "ต้องนอนยังไงให้ไม่เจ็บแขน"


           ชานยอลเอาผ้าขนหนูพาดไว้บนบ่าตอนที่เลื่อนมือไปแตะเฝือกแขนของน้องชาย


          "หมอไม่ให้ขยับนี่ใช่ไหม"


              เซฮุนพยักหน้า

         
          
    "พี่ก็รู้ว่าผมนอนดิ้น"


              ชานยอลไม่ได้ตอบอะไร แค่ลุกจากเตียง หย่อนผ้าขนหนูลงในตะกร้าผ้าข้างประตูและกดปิดสวิตช์ไฟ เซฮุนรู้สึกถึงแรงยวบที่ข้างตัวตอนที่ชานยอลนั่งลงบนเตียงและจับให้เขานอนลง ใช้หมอนข้างใบใหญ่รองแขนข้างที่เดาะให้กับเซฮุนแล้วสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มและกอดรอบเอว เซฮุนไม่ได้ว่าอะไร แค่เพียงยื่นหูฟังข้างหนึ่งให้กับคนอายุมากกว่า ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราไปพร้อมๆกัน



                อย่างที่บอกนั่นแหละ เขาเองที่ทำให้เซฮุนติดนิสัยฟังเพลงตอนที่นอนหลับ เพราะเขาเองก็ต้องทำอย่างนั้นเช่นกัน







     
    [ 6-13 ]
     


     


          "ชางยองยังไม่นองหรอ"


            เจ้าตัวเล็กงัวเงียขยี้ตา หลังจากวันที่เขาชวนเซฮุนมาเล่นที่บ้าน คืนนั้นคุณแม่ของน้องกลับบ้านเย็นกว่าปกติมาก กว่าที่จะถึงบ้านเซฮุนกับชานยอลก็หลับไปเสียแล้ว


             เพราะติดพี่ชายข้างบ้านมาก และทั้งสองครอบครัวก็สนิทสนมกัน เลยกลายเป็นว่าชานยอลและเซฮุนเคยชินกับการนอนด้วยกัน บางครั้งก็เซฮุนก็มานอนที่ห้องชานยอล บางทีในตอนที่พ่อแม่ไม่อยู่บ้านชานยอลก็จะถูกฝากไว้กับครอบครัวโอ


              ช่องว่างที่เคยรู้สึกว่าห่างหายกันไปหลังจากชานยอลเข้าเรียนชั้นมัธยมนั้น ถูกเติมเต็มกลับมาในเวลาไม่นาน เซฮุนยังคงน่ารักเหมือนเคยไม่มีเปลี่ยน แถมยังติดพี่ชายแจ


          "ชางยองจะนองยึยัง"


          "พี่ชานยอล" เด็กชายที่บัดนี้สวมแว่นสายตากำลังตั้งใจอ่านหนังสือ พูดแก้ให้ทั้งที่ยังไม่ยอมหันมามอง


          "พิชางยองจะนองยึยัง"


          "ยังครับ พี่ต้องอ่านหนังสือนะ"


           หันมาบอกน้องชายตัวเล็กตอนที่ส่งเสียงในลำคอเหมือนจะงอแงให้รีบเข้านอน เด็กมัธยมมีสกิลการอดนอนสูงกว่าเด็กอนุบาลและประถมอยู่แล้ว ชานยอลไม่โทษเจ้าตัวเล็กหรอก


          "เซฮุนฟังเพลงนอนรอพี่ชานยอลก่อนนะ ขอพี่ชานยอลอ่านหนังสือก่อน"


           พูดอย่างใจเย็นแหละหยิบเอาเครื่องเล่นเอ็มพีสามสีขาวที่มีหูฟังเสียบอยู่ส่งให้น้องชาย ตั้งค่าshuffleและrepeat-allให้ ก่อนจะเปิดเพลงแล้วส่งน้องชายเข้านอน



           "ให้คุณเอ็มพีสามอยู่เป็นเพื่อนแทนพี่ชานยอลก่อนนะ"
    ไม่รู้ว่าผ่านมานานเท่าไหร่แล้วที่เซฮุนเก็บเอ็มพีสามเครื่องนี้ไว้อย่างดี เหมือนเป็นตัวแทนของชานยอล


               







     - ติ ด ต า ม ต่ อ ต อ น ห น้ า  -
    _________________________

    แท็ก : #พิชาน25น้องฮุน18


    รู้ตัวว่ามาต่อช้ามาก น้อมรับคำบ่นเลย แต่เพราะมู้ด,โทนของฟิคช่วงวัยเด็กกับปัจจุบัน
    มันมีหลายๆอย่างที่ต่างกันแล้วก็จะมีความสำคัญในอีพีหลังๆเลยต้องเขียนแบบตั้งใจและก็ระวังมาก
    ขอโทษจริงๆนะที่ต่อช้า T - T

    อีพีนี้น่าจะได้เห็นมุมอื่นๆของแบคฮยอนและจงอินบ้างแล้ว ชอบไม่ชอบยังไงบอกกันมาบ้างนะะ


     



     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×