ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (จบแล้ว) DISTANT | CHANHUN HUNKAI BAEKDO

    ลำดับตอนที่ #12 : ( 18 x 25 ) - สิบเอ็ด : โกหก

    • อัปเดตล่าสุด 27 ส.ค. 59


    Distant ( 18-25)
    Chanyeol x Sehun / Sehun x Kai By:ซรดจ.

    สิบเอ็ด.  โกหก






     


    [ 15- 22 ]



                "นานะ?"


                ชานยอลขานชื่อของหญิงสาวขึ้นมาตอนเห็นเจ้าหล่อนก้มๆเงยๆหันหลังทำอะไรซักอย่างอยู่ในโซนสำหรับสูบบุหรี่ที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่เลย เจ้าของชื่อหันมามองชานยอลเพียงปลายตาแล้วพึมพำตอบรับ ทำอะไรยุกยิกครู่หนึ่งก็หันมา



                ชานยอลมองแผ่นฟองน้ำเสริมบราที่พวกผู้หญิงชอบใส่กันในมือของหญิงสาวตรงหน้าแล้วก็ต้องเบนสายตาหลบด้วยเกรงจะเสียมารยาท นานะไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่หัวเราะนิดๆตอนที่เดินมาใกล้และเก็บแผ่นฟองน้ำดันทรงใส่กระเป๋าถือสีเงินขนาดเล็กของตัวเองแล้วรวบเอาผมที่ยาวสยายปรกหลังมาไว้ที่ไหล่ข้างหนึ่ง เผยให้เห็นแผ่นหลังขาวเนียนและซิปเดรสสีน้ำเงินเข้มที่ร่นลงมาเกือบครึ่ง



                "ขอโทษที นึกว่ายังไม่มาน่ะ เมื่อบ่ายยัยกาฮีแต่งตัวให้ ยัดฟองน้ำมาซะเยอะเลย อึดอัดชะมัด ชานยอลรูดซิปเดรสขึ้นให้ทีสิ"พอหญิงสาวขอแบบนั้น ร่างสูงจะทำอย่างไรได้นอกจากรูดซิปชุดราตรีให้กับอีกฝ่ายตามคำสั่ง



                นานะแสร้งเอียงคอให้เรือนผมสีน้ำตาลเข้มสัมผัสผ่านมือหนาโดยไม่ตั้งใจ ลำคอขาวเนียนและช่วงไหล่แคบสมส่วนทำให้ชานยอลกลืนน้ำลายอึกใหญ่


                เขาก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน แต่ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ระมัดระวังตัวเวลาอยู่กับเขา มันก็ไม่ใช่เรื่องสมควรเสียหน่อยที่จะฉวยโอกาสแอบมอง



                และแม้ไม่ได้ชอบคนตรงหน้าเกินกว่าเพื่อน แต่ก็เป็นธรรมดาของผู้ชายนี่นะ มีของสวยๆงามๆอยู่ตรงหน้า ก็ต้องใช้เป็นที่วางสายตาบ้างล่ะ ชานยอลเลยรู้สึกผิดหน่อยๆที่แอบคิดว่าช่วงไหล่ขาวเนียนนั้น มันขาวดีจริงๆ



                "อืม เสร็จแล้ว"



                "ขอบคุณค่ะ" นานะยิ้มและหันกลับมาเผชิญหน้ากับชานยอล เดรสเกาะอกรัดรูปเผยให้เห็นทรวดทรงสมบูรณ์แบบของนานะ ดาวคณะวิศวกรรมศาสตร์ เรือนผมสีน้ำตาลเข้มรับกับตากลมสีเฮเซล ใบหน้าหวานที่มองพิศหรือมองผ่านก็ดูสวยเสียจนไม่อยากละสายตา หน้าอกหน้าใจที่แม้จะเอาฟองน้ำดันทรงออกก็ยังคงใหญ่ตู้มต้ามกระแทกตา ไหนจะรอยยิ้มเย้ายวนที่ส่งมาให้นั่นอีก



                "มีอะไรหรือเปล่า อี้ฟานบอกว่านานะถามหาฉัน" ชานยอลรวบรัดพูดถึงธุระ



                 "เข้าเรื่องเลยก็ดี..ไหนๆวันนี้ก็จะเจอกันเป็นวันสุดท้ายแล้ว" นานะดูจะอึ้งไปนิดหน่อยตอนที่อีกฝ่ายถามขึ้นมาแบบนั้น แต่ก็เพียงครู่เดียว รอยยิ้มหวานหยดตามแบบฉบับของคิมนานะก็ฉาบระบายบนใบหน้าอีกครั้ง

     

                "งานเลี้ยงรุ่นปีนี้ใครๆก็พาแฟนมาเปิดตัวทั้งนั้น.. ฉันเองก็ไม่ได้ชวนใครมาเลย" ชานยอลมองหน้าอีกฝ่ายแล้วขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ  เขาไม่เข้าใจว่าสิ่งที่คิมนานะพูดเกี่ยวข้องอะไรกับตัวเองตรงไหนกัน และก็ไม่เข้าใจยิ่งกว่าเก่าเมื่อใบหน้าหวานของนานะดูผิดหวังตอนที่เห็นท่าทางงุนงงตอบสนองจากเขา



                "ฉันคิดว่าชานยอลจะชวนฉัน"



                "อ..อะไรนะ"



                "ใครๆก็รอจะเห็นเราสองคนมางานนี้คู่กัน"



                ".."


                "ไม่เคยได้ยินที่ผู้หญิงคณะอื่นพูดหรอ" หญิงสาวเว้นช่วง รอยยิ้มที่แต้มอยู่บนใบหน้าของเธอหายไปแล้ว เหลือไว้แต่ดวงตาเศร้าสร้อย และเสียงที่สั่นเครือเหมือนกับจะร้องไห้ "เจ้าหญิงของคณะวิศวะ กับอัศวินคู่ใจ"



                เงียบไปหลายอึดใจ จนนานะอ้าปากพูดอีกครั้ง "ชานยอลชอบใครอยู่.. ไม่ใช่ฉันใช่ไหม"



                ดวงตากลมโตที่แต้มไว้ด้วยเครื่องสำอางมองคนตรงหน้านิ่งราวกับพยายามจะอ่านชานยอลให้ทะลุปรุโปร่ง หากแต่ชานยอลมองตอบเธอด้วยสายตาที่ว่างเปล่าเสียจนนานะใจแกว่ง


                คิมนานะเป็นดาวมหาวิทยาลัย ทำกิจกรรมแทบทุกอย่างในคณะวิศวกรรมศาสตร์  เชียร์ลีดเดอร์ ถือป้าย ดาวคณะ พิธีกร เธอเก่งไปเสียแทบทุกอย่าง เนื้อหอมและมีแต่ผู้ชายเฝ้าตามจีบทั้งต่างคณะและในคณะเดียวกัน


                แต่เธอกับเลือกไปกับเพื่อนผู้ชายเพียงไม่กี่คนคือลู่หาน อี้ฟาน และชานยอล



                แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายดูแลเธอในฐานะเพื่อน แต่นานะก็อดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ ดาวมหาวิทยาลัยที่เพียบพร้อมไปทุกอย่างแบบเธอ จะมีผู้ชายคนไหนที่ไม่ชอบ?! เธอมั่นใจว่าชานยอลก็คงต้องแอบคิดอะไรกับตัวเองบ้าง



                "ใครเหรอชานยอล..." แต่เธอก็คิดผิดถนัด  นานะถามเค้น ต้องการจะรู้ว่าใครกันที่ชานยอลเก็บเอาไว้ในใจ ชายหนุ่มตรงหน้ากัดริมฝีปาก  หลีกเลี่ยงคำตอบด้วยการปฏิเสธออกมาอย่างสุภาพอ่อนโยน หากแต่เด็ดขาดอยู่ในที



                "ฉันชอบนานะไม่ได้จริงๆ ขอโทษนะ"


                ชานยอลเกลี่ยยิ้มบางและขอตัวกลับไปในงานเมื่อหญิงสาวเลื่อนมือคล้ายจะมาแตะตัว แม้จะเห็นแววตาผิดหวังและท่าทางโกรธเคืองของหญิงสาว แต่ท่าทีที่เหมือนจะยั่วยวนของนานะก่อนหน้านี้ก็ทำให้ชานยอลเลือกจะปลีกตัวออกมาก่อนที่ใครจะมาเห็นและมองนานะไปในทางเสียหาย กอรปกับไม่ต้องการจะให้เพื่อนหญิงคิดกับตนเองไปไกลกว่าเพื่อนกัน






     



                "คุยกับเพื่อนเสร็จแล้วเหรอครับ"



                พอเขาโผล่หน้ากลับมาที่โต๊ะ เจ้าตัวเล็กก็ทำหูตั้งหางกระดิกเหมือนลูกหมาที่ดีใจเมื่อเจ้าของกลับบ้าน ราวกับว่าโล่งใจที่เขากลับมาเสียที ชานยอลยิ้มเจื่อนให้แล้วนั่งลงที่นั่งข้างๆเซฮุน  ลู่หานที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ด้วยกันกับน้องกำลังด้อมๆมองๆแถวโต๊ะเครื่องดื่มค็อกเทลสีสดใส ส่วนอี้ฟานก็นั่งเงียบๆ ตามประสาคนพูดไม่เก่ง


               
               
    ชานยอลรู้สึกผิดนิดๆที่ทิ้งน้องไว้ให้นั่งเซ็งอยู่คนเดียวที่โต๊ะ



                "เสร็จแล้วแหละ เราเบื่อหรือเปล่าเนี่ย อยากกลับหรือยัง"


                "อยู่ต่ออีกหน่อยก็ได้ครับ"


                "หิวไหม อยากกินอะไรเพิ่มหรือเปล่า"


                เซฮุนไม่ได้ตอบแต่หัวเราะออกมาหน่อยๆแล้วส่ายหน้าและมองไปที่คนนั้นทีคนนู้นที สำหรับเด็กที่เพิ่งจบมัธยมต้นอย่างเซฮุน หลายสิ่งหลายอย่างในสังคมของคนที่โตกว่าล้วนยังคงเป็นเรื่องใหม่  เซฮุนจึงเอาแต่เฝ้ามองคนนั้นทีคนนี้ทีโดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าถูกสายตาของใครคนหนึ่งจ้องมองอยู่เช่นกัน



                ชานยอลมองใบหน้าของน้องชายข้างบ้านแล้วยิ้มออกมาบางๆ  ใบหน้าเรียวเล็ก คิ้วเข้มรับกับดวงตากลมที่มักจะฉายแววพยศเหมือนลูกม้าที่กำลังโกรธขึง ริมฝีปากบางทีเจื้อยแจ้วเรียกเขาว่า พี่ชางยอง สมัยเด็กๆ



                ไม่รู้เมื่อไหร่ที่น้องชายข้างบ้านกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของปาร์คชานยอล หลังจากเจ้าตัวเล็กนี่เข้าชั้นมัธยมยิ่งได้พูดคุยกันบ่อยขึ้น ยิ่งได้ใช้เวลาร่วมกัน ชานยอลยิ่งเอ็นดูคนข้างตัว จนบางครั้งเขาก็แอบเผลอคิดไปว่ามันคือความรู้สึกอย่างไรกันแน่ที่มีต่ออีกฝ่าย




                แค่พี่น้องจึงห่วงใย หรือเป็นความรักใคร่...แม้วัยจะต่างกัน




                "อยากกลับเมื่อไหร่ก็บอกนะ"


                "พี่อยากกลับแล้วเหรอ"


                "ก็เฉยๆ  แต่พี่กลัวเราเบื่อไง"


                "ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ไม่ได้เจอเพื่อนแล้วปะ อยู่กับเพื่อนสิครับ" เซฮุนไม่งอแงอย่างที่คิด ยิ้มเอาใจแล้วจิ้มไส้กรอกชิ้นเล็กๆที่ลู่หานเป็นคนตักมาให้ใส่ปากในจังหวะเดียวกับที่ลู่หานกลับมาจากโต๊ะเครื่องดื่ม พร้อมแก้วคอกเทลสีชมพูหวานในมือ


                "อะครับ น้องเซฮุน พี่เอามาฝาก"


                วางแก้วนึงลงตรงหน้าและยกอีกแก้วของตัวเองขึ้นจิบ ชานยอลมองน้องตาขวางจนเซฮุนต้องหันมายิ้มอ้อน


                "พี่ชานยอลอย่ายิ้มแบบนั้นดิ"


                "ไม่ให้กินนะ อายุยังไม่ถึงเลย" ชานยอลห้าม


                "ไม่เป็นไรหรอก ให้มันกินไปเหอะ วันนี้มึงก็ต้องไปส่งน้องที่บ้านอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ" พอลู่หานปรามขึ้นมา ชานยอลก็ตวัดสายตากลับมามองเพื่อนตัวดีแทน ส่งสายตาอำมหิตน่ากลัวเสียจนลู่หานต้องพูดต่อเสียงอ่อน "ก็เด็กมันอยากกิน ดีกว่าปล่อยมันแอบไปลองเอง"


                ชานยอลนิ่งไปนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้ารับ ยอมอนุญาต


                "แต่แค่แก้วเดียวนะ"


                พอคุณพ่อคนที่สองอนุญาตแบบนั้น เซฮุนก็ทำท่าดีใจนอกหน้าเสียจนทุกคน(ไม่เว้นแม้แต่คนหน้าตายแบบอี้ฟานก็)ขำออกมากับท่าทางที่เหมือนลูกหมาหูตั้งหางกระดิก ยกแก้วเครื่องดื่มสีสดใสขึ้นจรดริมฝีปากแล้วกระดกรวดเดียวจนหมดแก้ว



                เด็กชายหลับตาปี๋ตอนที่กลืนน้ำรสขมฝ่านเจือหวานเปรี้ยวลงคอแล้วส่งเสียง 'อาห์' ออกมาอยากชื่นใจ หันมายิ้มสดใสแล้วบอกพี่ชายข้างๆตัวหลังจากดื่มแอลกอฮอลล์เป็นครั้งแรก



                "อร่อยอ่ะ..ผมกินอีกได้มั้ย"







     
                "เซฮุน ก้าวขาขึ้นสิ นั่นบันไดนะ"



                เพราะส่วนสูงที่เกือบจะเท่ากัน ให้อุ้มหรือแบกขึ้นหลังก็ดูจะทุลักทุเล ชานยอลเลยได้แต่ประคองน้องชายโดยเอาแขนของเซฮุนพาดไว้บนไหล่ของตัวเอง แล้วใช้วงแขนกว้างสอดรอบเอวประคองให้น้องเดิน


                 ไม่น่าใจอ่อนยอมให้ดื่มต่อเลยแท้ๆ ถ้ากินแค่แก้วเดียวอย่างตกลงตอนแรกเซฮุนก็คงจะไม่เมาแอ๋แบบนี้



                "กลับบ๊านนนน...."



                "ชู่ว์" ชานยอลจุ๊ปากเป็นเชิงดุไม่ให้คนตัวเล็กโวยวาย นี่มันปาเข้าไปเกือบจะตีหนึ่งแล้ว แถมน้องยังเมาแอ๋ ใครจะมีหน้าพาน้องกลับไปส่งที่้บ้านได้อีกล่ะ มีหวังพอเจ้าเปี๊ยกสร่างเมาต้องโดนแม่ดุชุดใหญ่แน่ๆ



                "เมาขนาดนี้จะกลับได้ยังไง ถ้ากลับไปโดนแม่ฆ่าทิ้งพี่ไม่รู้ด้วยนะ"



                พอขู่แบบนั้นเจ้าตัวเล็กก็ทำท่าตกใจแล้วเอามือทั้งสองข้างปิดปากตัวเองไว้ ไม่ส่งเสียงดัง ยอมก้าวขาขึ้นบันไดบ้านและเข้าห้องนอนของชานยอลอย่างว่าง่าย



                คนแก่กว่าที่ไม่ได้ดื่มเลยซักแก้วเพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องพาเซฮุนกลับ จัดท่าทางให้เจ้าเด็กแสบที่พอถึงห้องก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงของเขาแทบจะทันที  ร่างสูงหายเข้าไปในห้องน้ำ และกลับออกมาพร้อมกะละมังน้ำอุ่นและผ้าขนหนูขนาดเล็ก จัดแจงถอดเสื้อสูทและเข็มขัดออก รวมถึงดึงชายเสื้อเชิ้ตออกนอกกางเกงไม่ให้อึดอัด



                ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าเช็ดตาให้เซฮุนที่กำลังกึ่งหลับกึ่งตื่นเพราะความเมา ยอมให้เช็ดตัวอย่างว่าง่ายโดยที่ไม่ดื้อดึงงอแง    ชานยอลชั่งใจอยู่เกือบนาทีก็ตัดสินใจริดกระดุมเสื้อเชิ้ตและปลดเอากางเกงสแล็กขายาวของน้องออกใส่ตะกร้า กลั้นใจตอนที่เห็นผิวขาวๆ ใบหน้าที่ระเรื่อเพราะฤทธิ์เหล้า


                มันเป็นความรู้สึกต่างไปจากที่เขามองนานะเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน


                กับนานะ ชานยอลเพียงแค่รู้สึกไม่ดีที่้้เผลอมองแผ่นหลังขาวๆและช่วงไหล่เล็กนั้นในตอนที่อีกคนไม่ระวังตัว แต่กับเซฮุน เขาต้องหักใจมากทีเดียวที่จะพยายามจัดการเช็ดตัวทำความสะอาดให้เสร็จๆ  เซฮุนที่กำลังหลับอยู่ตรงหน้าน่ารักเสียจนเขากลัวว่าจะเผลอทำอะไรเกินเลย..



               . มันต่างกันกับนานะอย่างสิ้นเชิง เพราะถ้าหากสามารถทำได้ แวบนึงชานยอลก็คิดอยากจะขย้ำเด็กที่นอนอยู่ตรงหน้าให้สมกับความดื้อที่ดื่มจนเมามาย เดือดร้อนให้เขาต้องมาดูแลแบบนี้



                เช็ดเนื้อตัวให้เสร็จเรียบร้อยก็จับน้องใส่ชุดนอนของตัวเองอย่างทุลักทุเล แม้ใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่แต่ชานยอลก็พยายามเพื่อให้เซฮุนหลับสบาย ไม่ต้องนอนตัวเหม็นเหล้าจนถึงเช้า



                คนอายุมากกว่าบรรจงถอดถุงเท้าให้น้องและใช้ผ้าขนหนูเช็ดเท้าให้เป็นอย่างสุดท้าย ก่อนจะห่มผ้าให้และเอากะละมังไปเก็บ



                มันกลายเป็นความเคยชินไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่เขาคอยเฝ้ามองและดูแลเซฮุนในหลายๆอย่าง และดูเหมือนขอบเขตของมันจะยิ่งมากขึ้นทุกที



                มากเสียจนชานยอลต้องย้ำกับตัวเองบ่อยๆว่าเซฮุนยังเด็ก และเขาก็ไม่ควรจะคิดอะไรกับเซฮุนแบบนั้น







    [ 18- 25 ]



                "เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมวันนี้ดูเหม่อๆ"


                จงอินเอ่ยออกมา เป็นครั้งแรกแท้ๆที่จงอินยอมมากินร้านกาแฟแพงแสนแพง(ร้านโปรดของแบคฮยอน)แห่งนี้กับเซฮุนแค่สองคน


                คือก็รู้อยู่หรอกว่าแบคฮยอนน่ะชอบมากินร้านนี้  มันหรูหรา เค้กอร่อย เพลงเพราะ เบาะนิ่ม แต่จงอินไม่ชอบ เพราะว่ามันแพง! แต่วันนี้ยอมมาก็เพราะเซฮุนบ่นว่าอยากหาอะไรหวานๆทาน อุส่าห์เป็นฝ่ายชวนมาแท้ๆ แต่เซฮุนกลับสั่งช็อคโกแล็ตมิ้นท์และฮันนี่โทสท์มาวางทิ้งไว้ตรงหน้าเฉยๆ แล้วนั่งเหม่ออกไปนอกกระจกร้านโดยไม่พูดอะไร



                "เฮ้ย ฟังอยู่ปะเนี่ย"  จงอินเอ็ดเมื่อคนตรงหน้ายังไม่ยอมหลุดจากภวังค์เสียที "โอเซฮุน!"


                "ห้ะ??"


                "เป็นไร ทำไมวันนี้เหม่อๆ"


                "เปล่าหรอก คิดงานนิดหน่อยน่ะ" เซฮุนโบกมือโบกไม้ปฏิเสธเป็นพัลวันแล้วยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นดูด


                จงอินพยักหน้าแล้วร้องอ้อออกมาอย่างไม่ค่อยเชื่อนักแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ก้มหน้าก้มตากินฮันนี่โทสท์ไปคนเดียวเงียบๆ จนเซฮุนรู้สึกผิดที่เอาแต่นั่งเหม่อทั้งที่แฟนอุตส่าห์พามาหาอะไรหวานๆทานตามที่บ่นอยาก


                "นี่หายปวดหัวหรือยัง"


                "ดีขึ้นเยอะแล้ว"


                "ทีเมื่อคืนล่ะ เมาไม่รู้เรื่องเลยนะ"  เซฮุนแซวแล้วหัวเราะจนตาปิด ส่วนจงอินพอฟังจบก็ได้แต่ทำหน้ามึนใส่อย่างหวาดวิตก


                "นี่ไม่ได้เผลอเต้นท่าน่าเกลียดๆ หรืออ้วกใส่มึงใช่ไหม"  เซฮุนหัวเราะนิดๆพอเห็นท่าทางน่ารักแบบนั้นของจงอิน ได้แต่ส่ายหน้าแล้วเอนหลังพิงโซฟาทั้งที่ยังคงยิ้มกว้าง  นี่จำไม่ได้จริงๆสินะ ว่าเมื่อคืนนี้ทำตัวน่ารักขนาดไหน


                จ้างให้เขาก็ไม่บอกหรอก


                "ไม่บอก"


                "เฮ้ย บอกมา"


                "ไม่บอก" เซฮุนเริ่มสนุกกับการแกล้งแหย่ พอจงอินใช้หมอนอิงปาใส่และหัวเราะออกมาจนตากลมๆคู่นั้นหยีเป็นพระจันทร์เสี้ยว ความสดใสของคนตรงหน้าก็ช่วยดึงเขาออกจากภวังค์ให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน



                'ตอนนี้เขามีจงอินอยู่แล้ว ยังจะต้องการอะไรอีก'



                เซฮุนบอกตัวเองแบบนั้นแล้วตบโซฟาข้างๆตัวแล้วเรียกให้จงอินมานั่งข้างๆกัน  คนตรงหน้าทำปากยื่น แม้จะบ่นถามว่าทำไมต้องไปนั่งตรงนั้นด้วย แต่ก็ยอมทำตามโดยไม่อิดออดอะไร


                เซฮุนกางแขนกอดคอคนที่ควบทั้งตำแหน่งเพื่อนรักและคนรัก เอียงหัวซบไหล่จงอินแล้วถอนหายใจออกมานิดๆจนจงอินต้องถามด้วยความเป็นห่วง



                "นี่เครียดงานจริงจังนะเนี่ยดูท่าทาง ไหวปะเนี่ย" จงอินลูบหัวลูบหูคนข้างๆเมื่อเซฮุนทำท่าทางหมดแรงเหมือนเหนื่อยใจจริงๆ คนที่ซบอยู่เลยได้ที เอียงหัวถูไถไปกับไหล่ลาดเหมือนจะออดอ้อน



                "เหนื่อยจริง ขอกำลังใจหน่อย"


                "กำลังใจไร" จงอินถาม


                "จุ๊บหน่อยดิ" พอได้ยินคำตอบจงอินก็ถามอีกรอบ


                "นี่มันร้านกาแฟปะวะ" 


                "ขอกำลังใจหน่อยดิ นะ" ไม่พูดเปล่า ล้มตัวลงนอนตักแล้วทำปากยื่น รั้งคออีกคนลงมาใกล้จนปลายจมูกชนกันจนจงอินยอมใจ กดจูบไวๆที่กลีบปากชมพูของคนเอาแต่ใจที่นอนหนุนตักอยู่


                "เยอะ"


                "ก็เยอะแบบนี้กะนีนี่คนเดียวแหละครับ" เรียกชื่อแม่ตั้งซะด้วย ก็รู้ทั้งรู้ว่าไม่ชอบให้เรียกชื่อนี้


                "ถ้าเรียกชื่อนี้ คืนนี้กูจะหนีไปนอนกับแบคฮยอน"


                "ไม่ให้เรียกนีนี่แล้วให้เรียกว่าไงล่ะ  ที่รักเหรอ"


                พอคนที่นอนอยู่บนตักพูดออกมาแบบนั้น จงอินก็ทั้งหมั่นเขี้ยวหมั่นไส้จนต้องใช้หมอนอิงที่วางอยู่กดหน้าเซฮุนให้มันหุบปากซักที


                เขินเว้ย


                "เงียบเลยนะมึงง"


                "แค่กๆ ทำไมทำงี้ ถ้ากำพร้าผัวแล้วจะเสียใจนะเว้ย" เซฮุนหัวเราะตอนที่ยื้อเอาหมอนออกจากมือของจงอินได้ จงอินเถียงทันควันว่าไปเป็นเมียตอนไหน จนสุดท้ายก็หัวเราะกันออกมาทั้งคู่แต่ก็ลืมตัวไปเสียสนิทว่ากำลังอยู่ในร้านกาแฟ จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ของเซฮุนดังขึ้นถึงได้รู้ตัวว่าโดนมองด้วยสายตาเชิงตำหนิจากลูกค้าท่านอื่นๆที่นั่งอยู่ในร้าน
     
     

                "ฮัลโหลครับแม่"  เซฮุนล้วงเอาไอโฟนออกจากกระเป๋าแล้วกดรับสาย เงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนที่เซฮุนจะรับคำเสียงเครียด "ครับ ผมจะรีบไป"



                จงอินมองสีหน้าเคร่งเครียดของเซฮุนแล้วขมวดคิ้วโดยที่ไม่เอ่ยถาม จนกระทั่งเซฮุนพยักหน้าและเอ่ยเรียบๆ



                "ไปโรงพยาบาลกัน จุนฮงโดนรถชน"











                "พี่จะกินแต่กาแฟจริงๆน่ะเหรอ"


                "อืม"



                แบคฮยอนเท้าคางตอนที่มองคยองซูใช้เวลานั่งเขียนแผนการสอน นี่มันก็เกือบจะครึ่งเทอมแล้วที่แบคฮยอนยื่นข้อเสนอให้รุ่นพี่ตรงหน้ามาเป็นเบ๊ เพื่อหาโอกาสใช้เวลากับคยองซูเพราะหวังจะทำความรู้จักรุ่นพี่คนนี้ให้มากกว่าเดิม แต่ไม่รู้ทำไมแบคฮยอนถึงรู้สึกว่ารุ่นพี่ที่นั่งอยู่ตรงหน้าไม่อยากจะให้เขาทำความรู้จักสักเท่าไหร่



                "เทอมหน้าพี่ก็จะไปฝึกสอนแล้วเหรอ"


                "อืม"


                "แบบนี้ผมก็ไม่ได้เจอพี่แล้วสิ"


                แบคฮยอนแทบจะเลื้อยไปกับโต๊ะหินอ่อนของคณะครุศาสตร์ มองหน้าตาท่าทางจริงจังตั้งใจของคยองซู  รู้สึกว่าเป็นภาพที่ดูมีสเน่ห์มากๆ แต่ดูคยองซูสิ เขาอุตส่าห์มาหาถึงคณะแบบนี้ ยังไม่สนใจเขาเลย แบคฮยอนส่งเสียงเง้าอย่างเอาแต่ใจ


                "พี่คยอง พี่ยังใช้หนี้ผมไม่หมดเลยนะ"


                "ก็ถ้าจะเรียกใช้ก็โทรหาสิ" คนแก่กว่าตอบเรียบๆ ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำตอนที่พูด แบคฮยอนมองแก้มกลมๆและริมฝีปากบางเฉียบ เรียนคณะแพทย์ว่าเครียดแล้ว หาทางจะใกล้ชิดคนแก่นี่ ยากกว่าอีก!


                "อย่างกับว่าพี่จะมาอย่างนั้นแหละ"


                "ก็ตอนเลิกงาน ถ้าไปได้ก็จะไป"


                "งั้นผมเรียกพี่มาหาที่หอพักตอนดึกๆก็ได้อะดิ?"


                แบคฮยอนตั้งสมมติฐานขึ้นมา แต่ก็ต้องชะงักไม่พูดต่อเพราะคนที่นั่งก้มหน้าเขียนงานอยู่เงยหน้าขึ้นมองตาเขียวปั๊ด จนเขาต้องหัวเราะแล้วพึมพำขอโทษ


                "แล้วพี่ไปฝึกสอนแถวไหน"


                "ก็สาธิตมหาวิทยาลัยนี่แหละ"


                "งั้นก็อยู่แค่ข้างมอนี่เองดิ"


                "แต่ห้ามไปหา" โดนดักทางจนแบคฮยอนทำหน้าเซ็ง


                "ก็ถ้าผมจะไป พี่ห้ามผมไม่ได้หรอก" แบคฮยอนว่า และคยองซูก็ทำหน้าเซ็ง 


              คนอายุน้อยกว่ารู้สึกว่าชนะนิดหน่อย ยิ้มกว้างออกมาอย่างสบายใจและแสร้งทำเป็นอ่านหนังสือกายวิภาค ท่องชื่อกระดูกไปเรื่อย ทั้งที่ตาก็ยังคงจับจ้องที่ใบหน้าไร้อารมณ์และขนตายาวเป็นแพของรุ่นพี่ตรงหน้า


              "อีคยองงงงง แก เงยหน้า ณ นาวค่ะะ กระเทยมีเรื่องจะเม้าท์"


              และก็เป็นเสียงของคิมคิบอม(หรือชื่อในวงการว่าคีย์นั่นแหละ)ที่ดังแหวกอากาศมาจากทางด้านหลังของแบคฮยอนและวางกระเป๋าหลุยส์ก็อบเกรดAAA ลงบนโต๊ะเสียดังจนแบคฮยอนสะดุ้ง


              เจ๊แกมาเต็มมากจริงๆ



               พอคยองซูเงยหน้ามองและเบนสายตาเหลือบไปที่คนข้างๆตัวนั่นแหละ คีย์ถึงได้รู้สึกตัว



              "อุ๊ปส์ อยู่กับผู้ก็ไม่บอก" เพื่อนสาวของคยองซูยิ้มหวานเชื่อมและขอโทษเสียงอ่อย "ขอโทษค่ะ"


              "ไม่เป็นไรครับพี่ นั่งด้วยกันสิครับ"


              "อุ๊ปส์ ผู้ชวนให้นั่ง ขอบคุณค่ะ.. น้อง...." ทิ้งช่วงเป็นเชิงถาม


              "แบคฮยอนครับ"  นักศึกษาแพทย์แนะนำตัวทั้งรอยยิ้ม คยองซูถลึงตามองทั้งคู่ทั้งที่ใบหน้ายังเรียบเฉย เพื่อนเราก็จะเฟรนด์ลี่เกิ้น!


              "พี่ชื่อคีย์กุญแจแสนซนคนสวยนะคะ  เรียกพี่คีย์ก็ได้" พูดจบก็เบียดตูดมานั่งข้างๆแบคฮยอนทันที คยองซูมองเพื่อนรักแล้วถอนหายใจปลงๆ เห็นผู้ชายทีไร เป็นอย่างงี้ตลอด


              "ตกลงจะเม้าท์อะไร รีบๆพูด"


              "อุ๊ยยย อีคยองก็ ทำเป็นวัยรุ่นใจร้อน ขอนั่งพักเหนื่อยให้หายร้อนก่อนสิยะ ชั้นเดินถ่อมาตั้งไกล" บ่นแว้ดๆแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าลายดอกไม้ซับเหงื่อเบาๆ ก่อนจะหันมาพูดกับคนอายุน้อยกว่าข้างๆ ด้วยน้ำเสียงทั้งใจดีและอ่อนโยน "แล้วน้องแบคฮยอนเป็นแฟนอีนี่..เอ้ยย..คยองซูมันเหรอคะ"


              คยองซูถลึงตามองเพื่อนตรงหน้า  ทีพูดกับไอ้เด็กนี่นะ คะขา ทีพูดกะเพื่อนนะ พูดคำด่าคำ!
              อย่าว่าแต่สองมาตรฐานเลย มาตรฐานเดียวให้มันมีซะก่อนเหอะ!!




              "ไม่ได้เป็นครับ แต่กำลังว่าจะจีบ" แบคฮยอนหยอดทั้งรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม จนคีย์อุทานออกมาอย่างลืมตัว และคยองซูก็ทำปากกาในมือร่วงลงบนพื้นโต๊ะ ถามกลับเสียงขุ่นอย่างเอาเรื่อง


              "ห้ะ?! จีบ?"  


              "อีแรด ทำสะดีดสะดิ้งอะไร" คีย์แลบลิ้นให้เพื่อนรัก "อย่าไปจีบมันเลยค่ะ มาจีบพี่ดีกว่า"
     

              เหมือนคีย์จะขำ และแบคฮยอนก็หัวเราะไปกับท่าทางของรุ่นพี่คนนี้ แต่คยองซูดูจะไม่ตลกไปด้วย มือเล็กรวบเอาสมุดแผนงานและเครื่องเขียนทั้งหมดใส่กระเป๋าแล้วปึงปังบอกทั้งหน้าง้ำโดยไม่มองแบคฮยอนซักนิด



              "กูกลับละคีย์"



              พูดจบก็เดินลิ่วๆจนแบคฮยอนลุกตามแทบไม่ทัน และเมื่ออีกฝ่ายลับตาที่เลี้ยวหนึ่งตรงมุมตึก แบคฮยอนก็ตามไม่ทัน คยองซูหายไปแล้ว แถมโทรเข้ามือถือก็ไม่ติด



                นั่นแหละแบคฮยอนถึงรู้ตัวว่าถูกโกรธเข้าให้แล้ว แม้จะไม่เข้าใจก็ตามว่าด้วยเหตุผลอะไรกัน








     



              ที่โรงพยาบาล เซฮุนและจงอินก้าวขาตามกันออกจากลิฟท์และตรงไปที่ห้องฉุกเฉินตามที่พ่อแม่บอกไว้ เพราะงานทำให้พวกท่านไม่มีเวลามากนัก อีกทั้งเพราะลูกทั้งสองก็โตพอจะดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อได้ยินว่าลูกคนเล็กอาการไม่สาหัสเท่าไหร่ คนเป็นแม่ถึงได้ใช้ให้เซฮุนล่วงหน้าไปดูจุนฮงก่อน


              พยาบาลสาวแจ้งว่าจุนฮงถูกย้ายไปอยู่ที่ห้องตรวจ และอาการไม่น่าเป็นห่วงแล้ว แม้ภายนอกจะมีเพียงแค่รอยฟกช้ำแต่เพราะต้องรอผลเอ็กซเรย์ และให้ตำรวจถามถึงเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุ จงอินและเซฮุนจึงนั่งรออยู่หน้าห้องตรวจนั้น



              "แม่บอกว่าจะให้กูกับน้องเลิกขี่มอเตอร์ไซค์แล้ว" เซฮุนเปรยขึ้นเหมือนบ่น


              เด็กผู้ชายแปลกหน้าที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันเงยหน้ามองเซฮุนนิดหน่อยแล้วหลบสายตา ส่วนจงอินก็ได้แต่เงียบ และฟังเซฮุนที่รอเวลาจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปดูอาการของน้องชาย
     

              "แล้วแบบนี้มึงก็ต้องกลับไปนอนบ้านดิ"จงอินเอ่ยปากถามขึ้นมาหลังจากเงียบกันไปนาน  


              "อาจจะ" เซฮุนถอนหายใจอย่างนึกขึ้นได้


              ไม่รู้ทำไม ทั้งบ้านและมหาวิทยาลัยถึงเป็นที่ๆเซฮุนไม่อยากจะไปเหยียบอีกต่อไป


              "เป็นไร ดูไม่สบายใจเลย กลับไปอยู่บ้านก็ไม่เป็นไรหรอก ดูแลน้องดีกว่า กูไปเรียนเองได้นะ" จงอินออกตัวพอคิดว่าคนตรงหน้ากำลังนึกถึงเรื่องที่ต้องไปส่งเขาเรียนที่มหาวิทยาลัยทุกเช้า


              แต่เปล่าเลย เซฮุนไม่ได้กำลังนึกถึงเรื่องนั้น และจงอินก็ไม่รู้


              "เปล่าหรอก แค่เหนื่อยๆเรื่องเรียนน่ะ" เซฮุนกรอกตามองเพดานและนึกถึงหน้าของชานยอล
     
     
     

    ติ ด ต า ม ต่ อ ต อ น ห น้ า
    _____________________________
     

    #พิชาน25น้องฮุน18  #ฮุนไคDistant

     



        O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×