ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (จบแล้ว) DISTANT | CHANHUN HUNKAI BAEKDO

    ลำดับตอนที่ #11 : ( 18 x 25 ) - สิบ : เพียงชายคนนี้..เป็นอาจารย์พิเศษ

    • อัปเดตล่าสุด 27 ส.ค. 59





    Distant ( 18-25)
    Chanyeol x Sehun By:ซรดจ.

    สิบ.


    เพียงชายคนนี้..เป็นอาจารย์พิเศษ



     

     



    [ 15 - 22 ]


     

     

     


              "เซฮุนครับ เปิดประตูให้พี่ชานยอลหน่อยน้า"

     

              การกระทำพวกนี้ดูจะไม่ใช่สิ่งที่ software engineer คนใหม่ของบริษัทญี่ปุ่นชื่อดังพึงกระทำเท่าไหร่ กับการมาเคาะประตูห้องนอนของคนข้างบ้านและส่งเสียงอ้อนวอนขอให้เจ้าของห้องหายงอนและออกมาคุยกันดีๆ

     

              ชานยอลกลับมาจากญี่ปุ่นหลังจากไปอยู่ที่นั่นนานเกือบสามเดือน การได้ทำงานในตำแหน่งที่เงินเดือนสตาร์ทสูงกว่ามาตรฐานเด็กจบใหม่ปกติ ถือว่ามิชชั่นคอมพลีท สมกับเวลาตั้งหลายเดือนที่จากบ้านเกิดเมืองนอนไปตะลอนในเมืองใหญ่ และกลับมาถึงเกาหลีกลางเดือนเมษายนในตอนที่เลยวันเกิดของโอเซฮุนไปแล้วหลายวัน

     


              เจ้าตัวเล็กงอน..

     

              แน่นอนล่ะ ไม่ได้อยู่กับน้องตอนที่น้องต้องสอบเข้าม.ปลาย แถมยังหายหัวไปอยู่ไกลข้ามประเทศในวันเกิดอีก เป็นใครก็ต้องน้อยใจ ชานยอลเลยคิดว่ามันเป็นเหตุผลสมควรแล้วที่เขาจะพยายามเคาะห้องและง้องอนน้องชายข้างบ้านคนนี้ต่อไปจนกว่าเซฮุนจะยอมใจอ่อนหายโกรธ

     

              "เปิดประตูก่อนเร็ว ไม่อยากเห็นของฝากจากญี่ปุ่นเหรอ เดี๋ยวเอากระเป๋าของฝากมากางให้เลือกคนแรกเลย"

     

     

              "....."

     

     

              "มีขนมด้วยนะ คิทแคทตั้งหลายรสแน่ะ โตเกียวบานาน่าก็มี"

     

              "...."

     

              แม้จะเอาของกินที่น้องอยากได้เป็นของฝากมาหลอกล่อให้น้องยอมใจอ่อนเปิดประตูมาเจอหน้ากัน แต่เซฮุนก็ยังคงนิ่งเงียบ ดูไม่สนใจเลยซักนิด มีแต่ละครจากโทรทัศน์ที่ส่งเสียงหึ่งๆดังออกมาจากประตูห้องของจุนฮงที่อยู่ข้างๆกัน ส่วนระหว่างสองคนที่ประตูกั้นดูเหมือนจะมีแต่ความกดดันแบบแปลกๆ

     

     

              "หนังโป๊ ไข่สั่น ถุงยางลายหมีคุมะก็มี"

     

     

              "....................."

     

     

              แม้จะพยายามเอาความสัปดนเรียกเสียงฮา แต่ก็ยังคงไม่มีเสียงตอบรับหรือแสดงตน  นี่คนที่อยู่อีกฝั่งของประตูยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่านะ หรือกำลังฟังเพลงร็อคจากหูฟัง เปิดเสียงเร่งจนดังสุดเพื่อให้ไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูของเขา ชานยอลเคาะจนมือแทบหักแล้วนะ ของฝากก็มีตั้งเยอะที่อยากจะให้ เรื่องสนุกๆที่ญี่ปุ่นตั้งมากมายที่อยากจะเล่า

     

     

              "มีของขวัญวันเกิดของเซฮุนด้วยนะ"

     

     

              "....."

     

     

              เงียบไปอีกอึดใจใหญ่ก่อนจะแว่วเสียงกลอนประตูที่ถูกปลดล็อคโดยการหมุนลูกบิดจากด้านใน  ชานยอลคลายยิ้มและค่อยๆผลักประตูห้อง แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างเล็กของคนเป็นน้องที่อยู่อีกฝั่งของประตูก็โถมตัวเข้ามากอดอย่างแรงจนร่างสูงเซถอยหลัง และเพียงไม่กี่วินาทีจากนั้น ชานยอลก็ยิ้มกว้างและกอดตอบร่างสูงโปร่งผอมบางนั้นอย่างยินดี

     


              "ผมติดสายศิลป์แล้วนะ ดีใจมั้ย"

     

              น้ำเสียงตื่นเต้นตื้นตันทำให้ชานยอลยิ้มรับตอนที่ฟังคำนั้นจากน้องชายข้างบ้าน ตระกองกอดคนที่คงคิดถึงเขามากจนอ้อนเป็นเด็กๆ ทั้งที่ตัวก็สูงเกือบจะเท่ากันอยู่แล้ว ชานยอลกระชับวงแขนกว้างแบบคนที่เล่นกีฬา กอดเจ้าตัวเล็กจนเซฮุนแทบจะจมหายไปกับอก

     


              แม้จะตัวสูงขึ้นมาก แต่เซฮุนก็ยังคงผอมบางไม่เคยเปลี่ยน ตัวเล็กจนสามารถกำรอบข้อมือได้ด้วยมือข้างเดียว ไหนจะรอยยิ้มน่ารักออดอ้อนเอาใจนี้อีก แล้วเขาจะไม่ดีใจได้ยังไงที่น้องชายสุดที่รักสอบติดในสายวิชาที่ต้องการได้

     

              "เก่งมาก คิดถึงมากเลย"

     

              เซฮุนหัวเราะนิดๆตอนที่เขาตอบแบบนั้น ก่อนจะดันอกกว้างออกห่างจากตัวทั้งที่เมื่อกี้เป็นคนโถมมากอดเองแท้ๆ ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อเกลี่ยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนที่คิ้วเข้มจะขมวดนิดๆ พร้อมๆกันเสียงประท้วงของคนอายุน้อยกว่าที่ผลักไสกันทั้งที่เมื่อกี้ยังกอดเขาเสียแน่น

     


              "ผมไม่กอดพี่ล่ะ ลืมไปว่ายังงอนอยู่"

     

              อ้าว ปาร์คน้อยผู้น่าสงสาร

     


              "โห เซฮุนอะ ก็พี่ไปเรื่องงานนี่นา แล้วนี่ก็ได้งานตามที่บอกแล้วด้วยนะ ไว้เงินเดือนแรกออกจะพาไปกินข้าวหน้าปลาไหลร้านดังตรงหน้าโรงเรียนเก่าด้วย สนเปล่า"

     

              เอาของกินเข้าล่ออีกแล้วนะปาร์คชานยอล

     

              ที่ล่อด้วยของกินก็เพราะคิดว่าข้าวหน้าปลาไหลร้านอร่อยที่แพงแสนแพงจะจูงใจเซฮุนได้ แต่ขอโทษเถอะ ปาร์คชานยอลรู้จักโอเซฮุนน้อยไปซะแล้ว กะอีแค่ข้าวชามเดียว คิดเหรอว่าจะทดแทนเรื่องทั้งหมดได้

     


              "ไม่กิน! ไหนบอกจะพาน้องเที่ยวรอบโลกวะ โกหกนี่หว่า พี่ชานยอลขี้โม้" เจ้าของห้องชี้หน้าแล้วเดินงอนตุ๊บป่องไปทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงของตัวเองจนชานยอลต้องยิ้มป้อแป้ เดินไปลากเอากระเป๋าเดินทางมาเปิดที่ตรงแทบเท้า นั่งขัดสมาธิลงบนพื้น และรูดซิปกระเป๋าเดินทางแบบล้อลากเปิดออกและเอาของฝากจากในกระเป๋ามาเรียงทีละอย่าง

     

              ไม่ว่าจะเป็นขนมจากจังหวัดต่างๆที่เป็นของฝากขึ้นชื่อ เซ็กซ์ทอยที่เพื่อนๆแก๊งหื่นกามของชานยอลฝากซื้อ หรือโตเกียวบานาน่าที่เซฮุนร่ำร้องอยากจะกิน แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคงหนีไม่พ้นกล่องของขวัญที่วางคู่กันอยู่ที่ก้นกระเป๋า

     

              กล่องสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดเท่ากันสองกล่องแต่ห่อด้วยกระดาษและริบบิ้นต่างสี  กล่องซ้ายเป็นสีชมพู กล่องขวาเป็นสีเทา  ชานยอลหยิบเอากล่องสีชมพูยื่นส่งให้เจ้าของห้องที่นั่งอยู่สูงกว่า และยิ้มกว้างออกมา..  ยิ้มกว้างแบบที่เซฮุนไม่เข้าใจ

     


              "อะไรครับ"

     

              "สุขสันต์วันเกิดย้อนหลัง" ชานยอลเอาแต่ยิ้ม "เปิดสิ"

     

              เซฮุนเปิดฝากล่องออก มันไม่ใช่กล่องกระดาษที่ถูกห่อด้วยกระดาษห่อแล้วผูกริบบิ้น แต่เป็นกล่องของขวัญแบบสำเร็จรูปที่เพียงแค่เปิดฝากล่องออกก็สามารถจะเห็นของขวัญข้างในได้ พวงกุญแจตุ๊กตาลูกหมีริลัคคุมะขนาดเท่าฝ่ามือนอนทำหน้าง่วงงุนอยู่ข้างในกล่อง เจ้าตุ๊กตาหมีสีขาวสวมชุดกระต่ายสีชมพู น่ารักเสียจนเซฮุนอดยิ้มออกมาไม่ได้

     

              "เฮ้ยน่ารักอะ ให้เหรอ" เสียงสดใสหันมาถาม ปิดความดีอกดีใจแทบจะไม่มิด

     

              "อื้ม" เห็นน้องยิ้มได้ชานยอลก็เบาใจ "ของขวัญวันเกิดไง"

     

              เซฮุนหัวเราะ ท่าทางเอ็นดูเจ้าพวงกุญแจนั่นไม่น้อย เอี้ยวตัวไปตะกุยลิ้นชั้นโต๊ะหัวเตียงและหยิบเอากุญแจพวงใหญ่มาห้อยกับเจ้าตุ๊กตาริลัคคุมะตัวเขื่องแล้วพูดทั้งๆที่รอยยิ้มยังไม่หายจากใบหน้า

     

              "แขวนพิ้งกุไว้กับกุญแจรถเลย"

     

              หลังจากพูดจบแถมยังตั้งชื่อให้เจ้าตุ๊กตาตัวน้อยที่ได้เป็นของขวัญ เซฮุนก็ทำตาโตอย่างนึกขึ้นมาได้และเล่าถึงเจ้า'สมรักษ์'รถมอเตอร์ไซค์คันใหม่ที่คุณพ่อคุณแม่ซื้อให้สำหรับขี่ไปโรงเรียน สีหน้าและน้ำเสียงที่มีความสุขของน้องทำให้ชานยอลยิ้มตาม

     

     

              มันจะมีความสุขอะไรมากไปกว่าการได้อยู่ด้วยกันอีก

     

     

              "คืนพรุ่งนี้มหาลัยพี่มีงานเลี้ยงรุ่น ไปด้วยกันไหม"

     

              เซฮุนขมวดคิ้วแล้วเงยหน้าขึ้นมอง งานเลี้ยงรุ่นน่ะมันไม่ใช่งานที่คนนอกจะไปนั่งกินหน้าตาเฉยได้ซะที่ไหน ที่เคยเห็น..ก็มีแต่พวกที่ไปคุมแฟนไม่ให้ดื่มเหล้า ไม่ก็คอยดูแลขับรถพากลับบ้าน ส่วนโอเซฮุนน่ะไม่ใช่ทั้งสองกรณี แถมไม่ใช่แฟนด้วย

     

              "ผมไปได้เหรอ ไมได้เป็นนักศึกษามหาลัยพี่ซักหน่อย"

     

              "ไปได้ดิ" ชานยอลยิ้มจนเห็นฟัน "แต่งหล่อๆเลยนะ"

     
              หล่ออยู่แล้วน่าาา" เซฮุนพูดทั้งที่กลั้วหัวเราะและแสร้งทำสนใจตุ๊กตาพิ้งคุในมือต่อ ทำไมนะเซฮุนถึงรู้สึกว่าหน้าร้อนๆ ตอนที่ชานยอลส่งยิ้มแบบนั้นมาให้ ทำไมก็ไม่รู้เซฮุนถึงอายขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ พอพี่ชายมองกลับมาด้วยสายตาอบอุ่นแบบนั้น


              อบอุ่นเสียจนโอเซฮุนรู้สึกว่าตัวเองแทบจะละลาย



     



     


              "แต่งตัวเสร็จหรือยังครับสุดหล่อ" เพราะพ่อแม่และจุนฮงไม่อยู่บ้าน แถมประตูหน้าบ้านก็ยังล็อคอยู่ เซฮุนถึงตกใจตอนที่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น และก็เปลี่ยนเป็นโล่งใจเมื่อแขกผู้มาเยือนส่งเสียงเอ่ยถาม



              "เสร็จแล้ว" เซฮุนเปิดประตูห้องให้ชานยอลเข้ามาข้างในแล้วบ่นอุบ "เข้ามาได้ไง อย่าบอกนะว่าปีนหน้าต่างครัวเข้ามา"


              ชานยอลไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เอาแต่ยิ้มระรื่นจนเซฮุนเดาคำตอบได้ ดวงตากลมสุกใสของชานยอลจ้องมองน้องชายตรงหน้าหัวจรดเท้า  เซฮุนสวมเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนจนแทบจะกลายเป็นสีขาว และสวมทับด้วยสูทกึ่งลำลองสีน้ำตาลเข้มเข้าชุดกันกับกางเกงสแล็ก ด้วยความที่เป็นคนผอมสูง พอกางเกงและเสื้อสลิมฟิตเน้นให้เห็นรูปร่าง เซฮุนเลยยิ่งดูตัวบางเข้าไปใหญ่



              "วันนี้แต่งตัวน่ารักจัง"
     


              "คนหน้าตาดี ใส่ไรก็ดูดีทั้งนั้นแหละ" เด็กชายหน้าบึ้งนิดๆเพื่อกลบเกลื่อนอาการ ทั้งที่จริง เซฮุนเขิน.... เขินจริงๆเวลาที่ชานยอลเอ่ยชมออกมาตรงๆแบบนั้นเลยแสดงท่าทางหุนหันเหมือนไม่พอใจออกมา  "จะไปกันได้หรือยังครับ"



              "ไปดิครับ" ชานยอลยิ้มกว้างพอเซฮุนพูดแบบนั้นเดินนำเจ้าของบ้านและเปิดประตูให้เซฮุนเดินนำหน้าลงไปที่ชั้นล่างของบ้าน และเปิดประตูบ้านให้กับเซฮุนเดินออกไปข้างนอก



              วันนี้ชานยอลสวมเสื้อเชิ้ตสีดำและสวมทับด้วยสูทสีดำอีกที แม้จะดูเรียบง่ายแต่ด้วยรูปร่างและหน้าตาของชานยอลมันก็ช่วยขับให้คนใส่ดูดีและภูมิฐานสมเป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์บริษัทดัง  เซฮุนอมยิ้มเมื่อชานยอลคอยบริการและอำนวยความสะดวก ประหนึ่งว่าเขาคือหญิงสาวที่ชานยอลเลือกเป็นคู่ควงไปในงานพรอม ชวนให้อดรู้สึกดีไม่ได้เมื่อชานยอลปฏิบัติกับเขาอย่างสุภาพ อบอุ่น และให้เกียรติ เหมือนกับว่าเขาคือคุณชายตัวน้อยๆที่ชานยอลคอยเทคแคร์



     

             

     


              "น้องเซฮุนน่ารักขึ้นเยอะเลย พี่ยังชอบผู้ชายเหมือนเดิมนะครับ แล้วเราล่ะยังโสดเหมือนเดิมไหม" 



               ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้อยู่ว่าเป็นเสียงของใคร เซฮุนยิ้มเจื่อนตอนที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารกับลู่หาน แม้ว่าในงาน
    จะเป็นคอกเทลล์บุฟเฟ่ต์ริมสระ แต่ก็มีโต๊ะจัดไว้ให้นั่งเช่นกัน เซฮุนที่ไม่รู้จักใครเลยเลือกจะนั่งอยู่ที่โต๊ะ ไม่เดินไปไหนวุ่นวายมาก นอกจากตักอาหาร ซึ่งก็มักจะเป็นชานยอลเสียมากกว่าที่ตักมาให้ ด้วยเหตุนี้เซฮุนก็เลยต้องมานั่งแกร่วให้ลู่หานแทะโลม ไม่ต่างอะไรกับเมื่อ 4 ปีก่อนเลย



              "โสดเหมือนเดิมครับ แต่ผมขอปฏิเสธเหมือนเดิมนะ" พอพูดจบทั้งลู่หานและเซฮุนหัวเราะครืนออกมาพร้อมๆกัน



              "แล้วไปไงมาไง ถึงได้มากับไอ้ชานยอลล่ะครับ" ลู่หานยกแก้วน้ำเมาขึ้นจิบแล้วมองเซฮุนตาฉ่ำ ต้องขอบคุณปาร์คชานยอลเพื่อนรักที่พาอาหารตาน่ารักๆมาให้เป็นที่พักวางตาในวันที่แฟนเด็กของเขาไม่ได้มาคุม



              "ก็พี่เค้าชวนมา ก็เลยมาครับ" เซฮุนตอบสบายๆ ไม่ได้มีท่าทีอึกอัก แสดงว่าก็ไม่ได้โกหกสินะ ... ลู่หานมองเครื่องหน้าที่ดูดีลงตัวไปหมดของเซฮุน ท่าทางแข็งๆ ดูดื้อดึงเอาเรื่อง ไม่ใช่เด็กหัวอ่อน ขี้น้อยใจเหมือนในตอนเด็กอีกแล้ว



              "ปกติ..ก็รู้ใช่ไหม ว่าส่วนมาก คนที่จะควงมางานเลี้ยงรุ่นน่ะ มีแต่..."



              "แฟน" เซฮุนพูดต่อจนจบประโยคของลู่หานแล้วพยักหน้า "ทราบครับ แต่ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพี่เค้าชวนผมมาทำไม"



              เซฮุนไหวไหล่ เขาไม่เข้าใจจริงๆ แต่พอพูดออกมาแบบนั้นก็รู้สึกว่าเป็นประโยคสนทนาที่แปลกๆ จึงคาดเดาต่อ "สงสัยพี่เค้าไม่มีคนจะชวนแล้วมั้ง"




              "ไม่หรอก" ลู่หานปฏิเสธทันควัน "ชานยอลมันมีผู้หญิงมาจีบเยอะนะ แต่มันไม่เคยสนใจใครเลย จนคนอื่น....."




              "คุยอะไรกัน หน้าตาเคร่งเครียดจัง"




        บทสนทนาหยุดชะงักตอนที่อี้ฟานเดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะและพูดแทรกขึ้นมา   อันที่จริงเซฮุนก็สงสัยว่าลู่หานจะพูดอะไรต่อ แต่ลู่หานก็ไม่ได้พูดอะไรถึงชานยอลอีกจนกระทั่งชานยอลเดินกลับมาพร้อมกับของกินในจาน



              "อยากกินอะไรอีกไหม"  คนแก่กว่าถามอย่างเอาใจ แต่เซฮุนส่ายหน้า "พี่พาเรามานั่งแกร่วหรือเปล่าเนี่ย เบื่อไหม"



              "ไม่เบื่อครับ คุยกับพี่ลู่หานสนุกดี"



              "มึงเจอนานะหรือยัง เมื่อกี้เขาถามหามึงน่ะ" อี้ฟานหันไปถามและชานยอลก็ส่ายหน้าดิก เซฮุนนั่งเงียบๆและตั้งใจฟังเผื่อว่าอี้ฟานจะพูดอะไรต่อ เขาอยากรู้...ว่าชานยอลในตอนที่อยู่กับเพื่อนเป็นอย่างไร  อยากรู้...ว่าชานยอลทำยังไงกับพวกผู้หญิงที่เข้าหา  อยากรู้....ว่านานะคือใคร


             แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้รู้สักอย่าง
             ชานยอลลุกหายไปจากโต๊ะครึ่งชั่วโมง และกลับมาโดยไม่พูดถึงผู้หญิงชื่อนานะซักคำ


     



    [ 18 - 25 ]



              "คบแล้วเหรอวะ"

     

              เสียงของรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ข้างๆทำให้เซฮุนต้องหันมองและเลิกคิ้วให้ทงเฮอย่างไม่เข้าใจในความหมาย รุ่นพี่หน้าหล่อพยักเพยิดไปทางจงอินที่กำลังโดนแบคฮยอนลากตัวออกไปเต้น  วันนี้มหาลัยมีเลี้ยงรวมตัวนักเรียนจากโรงเรียนเก่า จึงไม่แปลกที่รุ่นพี่รุ่นน้องจากโรงเรียนเดิมที่มาต่อที่มหาลัยโซลจะมีโอกาสได้มาสังสรรค์กัน แต่จงอินซึ่งอยู่มหาวิทยาลัยอื่น แถมยังดูไม่ค่อยอยากจะมาซักเท่าไหร่น่ะ ถ้าไม่เพราะตามเพื่อนหรือแฟนมา ก็ไม่น่าจะมีเหตุผลให้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่

     


              "ครับ คบแล้ว" เซฮุนรับคำ "พี่รู้ด้วยเหรอครับ"

     

              ทงเฮหัวเราะน้อยๆตอนที่ยกเบียร์กระป๋องขึ้นจรดริมฝีปากและกลืนน้ำสีอำพันลงคอ

     
              "ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าจงอินมันชอบแก มีแต่แกนั่นแหละที่ไม่รู้"

     

              เซฮุนเลิกคิ้ว เขาก็ไม่รู้จริงๆนั่นแหละ ไม่รู้แม้กระทั่งว่าตัวเองมองข้ามจงอินขนาดที่ว่ารุ่นพี่ที่ไม่ได้มาคลุกคลีพบปะอย่างทงเฮก็ยังดูออกว่าจงอินคิดยังไง แต่เขาที่อยู่ใกล้ชิดกับจงอินทุกวันดันดูไม่ออก

     

     

              เซฮุนยกขวดโซจูขึ้นจรดริมฝีปาก อันที่จริงมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาดื่ม แต่เซฮุนก็ไม่ได้รู้สึกชมชอบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลพวกนี้เสียเท่าไหร่ ตาฉ่ำทอดมองไปที่จงอิน ใบหน้าที่ดูน่ารักมากๆเวลาที่แย้มยิ้ม เรือนร่างที่มีกล้ามเนื้อ มีสเน่ห์ไปหมดทุกย่างเยื้องที่เคลื่อนไหว ริมฝีปากเจ่อสีเชอรี่ช้ำนั่น

     

              จงอิน .. ที่ตอนนี้เป็นของเขาแล้วจริงๆ

     

     
               "ได้กันยังวะ" จู่ๆทงเฮก็เปิดปากถามขึ้นมา เป็นคำถามที่ทั้งสั้นและกระชับได้ใจความ เซฮุนมองหน้าทงเฮแล้วกะพริบตาปริบๆ ไม่รู้จะเข้าใจคำถามของรุ่นพี่ตรงหน้าว่ายังไงดี

     

              ได้.... เดี๋ยวๆ ทงเฮกำลังหมายถึง..

     

              "ได้อะไรวะพี่"

     

              "มึงกับจงอินน่ะ ป้าบๆกันรึยังวะ" ไม่แค่พูดเปล่า ทงเฮเอามือทั้งสองข้างซ้อนกันแล้วทำท่าเลียนแบบกิจกรรมในร่มก้มแล้วกระแทก เซฮุนทำตาโตแล้วส่ายหน้าวืด

     

              "พึ่งคบกันเองพี่ อีกอย่าง ผมกะมันเป็นเพื่อนกันมาตลอด แค่จูบกัน..ยังแปลกๆเลย"

     

              "เพื่อนกันแล้วยังไงวะ" ทงเฮหัวเราะร่วน "เพื่อนกันก็มันส์ดีไม่ใช่เหรอ"

     

              เซฮุนฟังคำพูดสัปดนของรุ่นพี่ข้างตัวแล้วก็หัวเราะหึๆ ทงเฮคงเมามากแล้วถึงได้พูดไปเรื่อยเปื่อยแบบนี้ ส่วนเขาเองก็เริ่มกรึ่มๆเหมือนกัน  เซฮุนเกลี่ยยิ้มบางเมื่อเห็นจงอินทำหน้ายู่เมื่อแบคฮยอนยื่นคอกเทลสีสวยให้ดื่ม ไม่รู้ทำไมวันนี้เขาถึงได้รู้สึกว่า'แฟน'ของตัวเองน่ารักกว่าปกติ

     

              "มึงนี่ไม่เฟี้ยวเลยว่ะเซฮุน ไอ้จงอินรอจนแห้งแล้งเป็นทะเลทรายซาฮาร่าแล้วมั้ง"


             คำพูดของทงเฮเข้าหูซ้ายและทะลุออกหูขวาไป รอจนแห้งแล้งเหรอ.. ไม่หรอก..จงอินน่ะไม่แห้งแล้งหรอก...เพราะตอนนี้เขาก็อยู่ข้างๆจงอินแล้วไง เซฮุนหัวเราะกับตัวเองนิดๆอย่างนึกขำ  มันก็ใช่ที่เขาเคยปล่อยให้จงอินรอ แต่จากวันนี้มันไม่ใช่อย่างนั้นอีกต่อไปแล้วนี่



              เขาอยู่ตรงนี้ และจงอินก็ไม่จำเป็นจะต้องรออีกแล้ว

     

               ไม่นานทงเฮก็หลับเพราะเมามาก แต่เซฮุนกลับรู้สึกว่าเวลาเดินช้าเหลือเกินเมื่อมองเรือนร่างงดงามที่พริ้วไหวไปตามจังหวะเสียงเพลง สายตาและใบหน้าเย้ายวนที่จงอินส่งมาให้ทำเอาเซฮุนแทบจะลากคนที่กำลังเต้นอยู่ไม่ไกลกลับหอซะเดี๋ยวนั้น เซฮุนจ้องมองความมีสเน่ห์และเป็นธรรมชาตินั้นอย่างหลงไหล และเพลงที่ผับกำลังเปิดก็ชวนให้ปล่อยใจให้เต้นแรงตามจังหวะ



             รอยยิ้มของจงอินยั่วยวนเสียจนเซฮุนใจแกว่ง เผลอคิดถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของทงเฮ เผลอจินตนาการว่าจะเป็นอย่างไรถ้าจงอินมานอนอยู่ใต้ร่างและเป็นของเขาแค่คนเดียวเท่านั้น.. หากว่าเราสองคนได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน มันคงหอมหวานจนแทบสำลักความสุขตาย



             ใช่..จงอินก็คงเมาแล้วแหละ และเขาเองก็เมาเหมือนกัน
             ไม่งั้นเราคงไม่จูบกันอยู่บนเตียงแบบนี้..



              แม้จะเมาเหมือนกันแต่เซฮุนก็แค่มึนนิดหน่อยเท่านั้น หลังจากพาจงอินกลับมาที่หอพักได้ เซฮุนยังคงมีสติอยู่บ้าง มีสติมากพอจะรับรู้ความหอมหวานและน่ารักนุ่มนิ่มของคนตรงหน้า จงอินตอบทุกคำถามในใจของโอเซฮุนตอนนี้ได้หมดทุกอย่าง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจูบครั้งนี้ทำให้เซฮุนรู้สึกดีมากจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่  รู้สึกว่าคนตรงหน้าหอมหวานเย้ายวนกว่าครั้งไหนๆ
     


             ริมฝีปากสีช้ำเผยออ้าให้เซฮุนมอบความหอมหวานให้ ยั่วยวนเสียจนจงอินยิ่งลุ่มหลง มือยาวลูบไล้ช่วงเอวของจงอิน จูบเฟ้นพวงแก้มนิ่มหนักๆ และไล่ระลงต่ำตอนที่ปลดกระดุมกางเกงยีนส์เดนิมสีซีดของคนที่นอนทอดกายอยู่ใต้ร่าง หวังจะปลดเปลื้องสิ่งที่กีดขวางความรุ่มร้อนของกันและกันเอาไว้



             บางทีมันอาจจะถึงเวลาแล้วจริงๆอย่างที่ทงเฮว่า...มันเป็นเรื่องปกติระหว่างคนรักไม่ใช่เหรอ



             ริมฝีปากสีไวน์ถูกป้อนจูบซ้ำอีกครา จงอินครางเครือในลำคอ สั่นไปหมดตอนที่เขาค่อยๆรูดกางเกงขายาวของอีกฝ่ายลงมากองที่หน้าขา พร้อมๆกับที่ก้านนิ้วเรียวก็ลูบไล้ไกล่เกลี่ยต้นขาเนียนจนคนตรงหน้าครางหงิงในลำคออย่างน่าสงสาร ส่ายหน้าไหวๆเหมือนทั้งปฏิเสธและเชิญชวนอยู่ในที



             "เซฮุน..ไม่เอา..."



             เสียงพร่าของจงอินครางแหบแห้งเหมือนเพ้อ ตอนที่มือคู่เล็กๆเลื่อนมาปิดบังส่วนกลางลำตัวที่มีบ็อกเซอร์ตัวบางปกปิดอยู่อีกชั้น ท่าทางกระดากอายของคนที่อยู่ใต้ร่างน่ารักเสียจนเซฮุนรังแกไม่ลง ก็ถ้ามันจะเป็นครั้งแรกระหว่างเขาและจงอิน เซฮุนคิดว่าจงอินอาจจะมีความสุขมากกว่าถ้ามันถึงเวลาที่เราต่างก็พร้อมทั้งสองฝ่าย



             มือเรียวดึงเอากางเกงขายาวที่ถอดออกมาครึ่งหนึ่งให้หลุดพ้นจากช่วงขาเนียนและโยนกางเกงใส่ตะกร้าผ้าสำหรับซัก และไม่คิดจะทำอะไรมากกว่าการถอดกางเกงขายาวออกให้จงอินได้นอนสบายกว่าเก่า



             เซฮุนสบตาจงอินที่มองตอบกลับมา ริมฝีปากแดงที่เอาแต่พร่ำพูดว่าไม่เอา ไม่เอาอยู่แบบนั้น  ใบหน้าที่ขึ้นสีจัดเพราะเปี่ยมด้วยแรงอารมณ์และเขินอาย มันทั้งน่ารักน่าสงสารจนเซฮุนอดลูบผมสีสว่างของคนตรงหน้าไม่ได้ ดันไหล่ประคองให้จนอินนอนราบลงกับเตียงอีกครั้งและดึงผ้าห่มคลุมให้  ยิ้มและเกลี่ยแก้มเนียนของคนที่นอนอยู่อย่างอ่อนโยนเสียจนจงอินสั่นไปหมด



             "ไม่ทำแล้ว..นอนนะ.."



             แม้จะ'อยาก'แต่จงอินก็น่ารักจนเกินไป น่ารักเสียจนเขาไม่อยากจะรังแกจงอิน ไม่อยากจะทำอะไร ถ้าอีกฝ่ายยังไม่พร้อม เพียงแค่ริมฝีปากสีช้ำอ้อนขอและห้ามว่า'ไม่' เซฮุนก็แทบจะละลายลงตรงหน้าและทำตามใจที่อีกคนขอ


             ทำไมก็ไม่รู้ รอยยิ้มของจงอินมันถึงทำให้เซฮุนรู้สึกไม่เป็นตัวเองเลย รู้สึกเหมือนใจแกว่งไปหมดตอนที่อีกฝ่ายยิ้มอย่างมีความสุขแบบนั้น อยากจะให้รอยยิ้มนั้นอยู่ด้วยกันไปนานๆ



             นี่น่ะเหรอ.. สิ่งที่เรียกว่าความรู้สึกรักจริงๆ



     




             "จงอินอา ลุกไปเรียนไหวไหม" เสียงกระซิบที่ดังอยู่ข้างหูในตอนเช้าทำให้จงอินจำต้องงัวเงียปรือตาขึ้นมอง พอเห็นว่าเป็นใครก็ทำปากยื่นงอแงคล้ายจะขอนอนต่อจนเซฮุนที่นั่งอยู่ข้างเตียงอดไม่ได้ที่จะจูบหน้าผากคนที่ยังอยู่บนเตียงด้วยความเอ็นดู



             เซฮุนสวมชุดนักศึกษา ควงกุญแจรถพวงใหญ่ที่มีเจ้าหมีพิ้งกุห้อยอยู่ จงอินมองคนตัวสูงที่ยิ้มเพล่มาให้อย่างเอาใจ ไม่รู้ทำไม ทั้งที่เมื่อคืนนี้ก็เมาพอๆกัน แต่เซฮุนกลับไม่มีอาการแฮงค์เลยซักนิด


             "ปวดหัวไหม"
             จงอินไม่ชอบเลยเวลาเซฮุนทำน้ำเสียงอบอุ่นแบบนี้


             "ถ้าไปเรียนไม่ไหว เดี๋ยวไปซื้อโจ๊กมาไว้ให้"
             แล้วจงอินก็ไม่ชอบเลยเวลาเซฮุนคอยดูแลไปซะทุกอย่าง แถมยังเอามือมาลูบผมเหมือนกับว่าเขาเป็นเด็กตัวกระเปี๊ยก


             "ขอโทษที่ทำให้ลำบาก"
             และที่ไม่ชอบที่สุด ก็เวลาที่เซฮุนหัวเราะเสียงพูดอู้อี้เพราะรู้สึกผิดของเขา แล้วดึงแก้ม


             "ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็จงอินเป็นแฟนฉันนี่นา"
             เพราะทั้งหมดที่ว่ามามันยิ่งทำให้จงอินรู้สึกว่าตกหลุมรักคนตรงหน้ามากขึ้นทุกวัน ทุกวัน



             เซฮุนพูดอะไรอีกหลายอย่างที่จงอินจำไม่ได้ เขาได้แต่พยักหน้าและผล็อยหลับไปเพราะยังมึนหัวจากอาการเมาค้างเมื่อคืนอยู่



             จงอินเกลียดการไปปาร์ตี้ เพราะพอเขาได้เริ่มดื่มแล้ว มันจะหยุดไม่ได้ จนกระทั่งภาพตัดไปกลายเป็นโลกมืด และมีความทรงจำสั้นๆที่ถูกตัดเรียงไม่สมบูรณ์ถูกฉายอยู่ในหัวด้วยสีสลัวๆแบบฟิล์มนัวร์ ภาพกระชากสะเปะสะปะทุกๆห้าวินาที แต่แม้ว่าความทรงจำจะเรียงต่อกันเหมือนจิ๊กซอที่ไม่ลงล็อค แต่จงอินก็ยังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและการดูแลเป็นอย่างดีจากคนที่ได้ชื่อว่าแฟน
     

             ต่อให้จำไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อ้อมกอดหอมๆของเซฮุนที่กอดเขาไว้จนเช้าก็ทำให้จงอินมีความสุข เซฮุนทำให้เขารู้สึกเหมือนคนที่โชคดีที่สุดในโลก ที่ได้มาคบกัน



     





             "สำหรับวันนี้นะครับ อาจารย์บยองฮีติดสัมมนาที่ต่างประเทศ ผมอาจจะมาสอนแทนในรายวิชานี้อีกซักระยะหนึ่ง ถ้าใครมีข้อสงสัยไม่เข้าใจสามารถจดอีเมล์และเบอร์โทรศัพท์ของผมไว้เพื่อสอบถามเนื้อหาวิชาเรียนนอกรอบได้นะครับ"



             ถ้าจะมีอะไรที่ทำให้เซฮุนอารมณ์บูดได้หลังจากสดใสมาตลอดทั้งวัน
             สิ่งนั้นก็คงเป็นชานยอล


            เซฮุนหน้าบึ้งตอนที่ฟังอาจารย์พิเศษคนใหม่ของคณะพูดแจ้วๆอยู่หน้าจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ยักษ์ และก็รู้สึกรำคาญมากกว่าเก่าพอนักศึกษาสาวหุ่นโคโยตี้ที่นั่งด้านหน้ายกมือและถามเสียงแจ๋นว่าขอโทรไปจีบได้หรือเปล่า จากที่อารมณ์ดีเรื่องจงอินมาตลอดทั้งเช้า ก็กลับกลายเป็นว่าวันดีๆของเขาพังไม่เป็นท่าเพราะผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่ต่อให้เขาหนีหายหน้ามา ก็ยังคงตามมาหลอกมาหลอนถึงคณะ



             น่ารำคาญ



             "เฮ้ย เป็นไรปะวะ" จื่อเทาที่นั่งอยู่ด้านหลังถามอย่างเป็นห่วงและเอาเท้าสะกิดไหล่เมื่อเซฮุนไม่ยอมหันมอง  ห้องประชุมที่ใช้เรียนบรรยาย เป็นห้องประชุมที่เก้าอี้สโลปจากสูงไปต่ำ และมีจอโปรเจคเตอร์เป็นจุดกึ่งกลาง เพราะฉะนั้นคนที่บรรยายจะสามารถเห็นผู้ฟังในห้องได้อย่างชัดเจน


             นั่นแปลว่าชานยอลก็สามารถมองเห็นเขาได้ชัดเจนเหมือนอย่างในตอนนี้



             "เปล่า กูไม่ได้เป็นไร"



             "สำหรับคนที่ถามว่าสามารถโทรมาจีบได้หรือเปล่า... ขออนุญาตออกตัวนะครับว่าผมมีเจ้าของแล้ว" เสียงที่ผ่านเครื่องขยายเสียง พร้อมกับที่ชานยอลวาดยิ้มกว้างและมองจ้องมาที่เซฮุน ทำให้คนที่นั่งอยู่ตรงนั้นสบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย  ไม่ว่าจะรอยยิ้มของชานยอล หรือเสียโห่ฮาว่าเสียดายของพวกผู้หญิง ก็ล้วนแต่ทำให้เซฮุนหงุดหงิด



             "มึงไม่โอเคอะไรกับอาจารย์ชานยอลหรือเปล่า"



             "ก็ไม่หนิ"



             "มึงบอกว่าไม่แต่เวลามึงมองหน้าเค้าแม่งสายตาอย่างกับเกลียดมาเป็นร้อยชาติพันชาติ" เทาบ่นแบบนั้นแต่เซฮุนไม่ได้สนใจฟัง เขายังคงฮึดฮัดและอึดอัดที่ต้องถูกโลมเลียด้วยแววตาที่เหมือนทั้งท้าทายและตัดพ้อของคนที่ยืนบรรยายอยู่หน้าห้องตลอดจนจบคาบ


             เมื่อสิ้นเสียงบอกเลิกคลาส เซฮุนก็หุนหันลุกขึ้น และก้าวขาออกจากห้องบรรยายไปโดยไม่พูดอะไรซักคำ และนั่นก็ทำให้ทั้งชานยอลและจื่อเทาที่จ้องมองอยู่งุนงงกับสถานการณ์ตรงหน้า



             ชานยอลที่ได้สติขึ้นมาก่อน ก้าวขาฉับๆตามเซฮุนออกนอกห้องไป แต่น้องชายข้างบ้านก็เดินเร็วเสียจนชานยอลต้องเร่งฝีเท้าและคว้าเอาแขนของคนที่ตอนนี้มีศักดิ์เป็นนักศึกษาในคลาสให้หันมามองหน้า



             "เซฮุน หยุดเดินหนีพี่ซะที"



             เสียงตะคอกพร้อมทั้งแรงยื้อให้เด็กชายหันกลับมามองทำให้คนรอบๆข้างตกใจ แต่ดูเหมือนชานยอลไม่คิดจะสนใจหรืออายสายตาของคนพวกนั้น ยังคงจ้องมองลึกลงไปแค่เพียงในดวงตาของเซฮุน คล้ายจะหาคำตอบของความคลุมเครือที่เกิดขึ้นติดต่อยาวนานจนเขาทนไม่ไหว



             "เป็นอะไรบอกดิ โกรธอะไรพี่ ต้องให้พี่ทำยังไงถึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม"



             เซฮุนแค่นหัวเราะกับคำพูดของคนตรงหน้า กรอกตาขึ้นมองสบตาคนที่ตัวสูงกว่าแล้วเหยียดยิ้มมุมปากและพูดเสียงเย็นตอนที่บิดแขนให้พ้นจากการเกาะกุมของอีกคน



             "รบกวนปล่อยแขนผมด้วยครับ อาจารย์"

     

              ชานยอลจ้องหน้าเซฮุนตาแทบไม่กระพริบ อึ้งไปเพราะไม่คิดว่าเซฮุนจะพูดแบบนั้นออกมา มือหนาคลายจากการฉุดรั้งและถามกลับเสียงอ่อน มันฟังดูเป็นคำขอร้องที่จริงใจทั้งน้ำเสียงและแววตา



             "คุยกันดีๆได้ไหม ขอร้อง"


             หากแต่คนที่เด็กกว่าได้แต่อมยิ้มและส่ายหน้านิดๆ

     
             "ยังมีอะไรต้องคุยกันอีกละครับ" เซฮุนไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนหรือเสียใจเลย เพียงแค่เอามือล้วงกระเป๋า และระบายยิ้มบางที่ไม่บอกถึงอารมณ์ยินดียินร้าย ดวงตาร้าวรานจ้องมองใบหน้าของชานยอลไม่ยอมลดละก่อนจะพูดเน้นชัดช้าทีละคำ


             "ถ้ายังไงก็ไม่มีวันรักผม..ก็อย่าทำอย่างนี้เลย"


             "พี่ไม่อยากเสียเซฮุนไปแค่เพราะวันนึงเราคบกันแล้วเราก็เลิกกัน ถ้าถึงตอนนั้นเรากลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน เซฮุนคิดว่าพี่จะมีความสุขเหรอ---พี่ผิดเหรอที่พี่พยายามจะรักษาความสัมพันธ์ของเราสองคนให้นานที่สุด"


                 ชานยอลเสียงดังจนแทบจะกลายเป็นตะเบ็ง ลืมไปแล้วว่าที่ๆยืนอยู่คือโรงอาหารรวมของมหาวิทยาลัย ไม่สนอีกแล้วว่าใครจะกำลังมองมา ตอนนี้สิ่งที่ปาร์คชานยอลสนคือคำตอบของโอเซฮุนเท่านั้น


              เขาอยากจะรู้ว่าเซฮุนเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้เชียวหรือ เพียงเพราะเขาไม่ยอมตอบสนองความรักของเซฮุนตามวิธีแบบที่อีกฝ่ายต้องการ ปาร์คชานยอลผิดมากใช่ไหมที่หวังอยากจะอยู่กับเซฮุนให้นานที่สุดโดยไม่ต้องมีวันที่เลิกราจากกัน


             "พูดจบแล้วใช่ไหมครับ--อาจารย์" แม้จะเฝ้าคอยฟังแต่กลับไม่มีคำตอบจากเซฮุน ชานยอลรู้สึกเจ็บในอกเหมือนก้อนเนื้อที่ทำหน้าที่สูบฉีดเลือดมันเต้นตุบหนักหน่วงเสียจนเจ็บหน้าอกไปหมดเมื่อคำสุดท้ายหลุดจากปากของโอเซฮุน "ถ้าจบแล้วผมขอตัวนะครับ--ต้องไปรับแฟน"


             ชานยอลจุกจนพูดอะไรไม่ออก แม้รู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ทำได้เพียงมองเซฮุนก้มหัวให้และเดินหายไปจนลับสายตา เสียงของเซฮุนยังคงก้องอยู่ในหู ดวงตาคู่เดิมของเซฮุนที่เป็นประกายเหมือนมีดาวส่องแสงอยู่ข้างใน รอยยิ้มของเซฮุนที่ชานยอลมองว่ามันน่ารัก



             จบแล้วจริงๆใช่ไหม สิ่งที่เขาพยายามจะประคับประคองมาตลอด
             เขาจะรักษาความสัมพันธ์ยังไงได้ ในเมื่อตอนนี้มันไม่เหลืออะไรให้ได้รักษาอีกแล้ว



     




     


             "เป็นอะไรบอกดิ โกรธอะไรพี่ ต้องให้พี่ทำยังไงถึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม"


             เซฮุนรู้สึกเหมือนถูกตบจนหน้าหัน


             มันน่าตลกเสียยิ่งกว่ารายการเกมโชว์ในโทรทัศน์ น่าตลกเสียยิ่งกว่ามุกไหนๆบนโลกที่เซฮุนเคยได้ยินมา มันน่าตลกเพราะคนที่พยายามจะเว้นระยะระหว่างกันอย่างชานยอล อยู่ๆก็อยากจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมในวันที่เขาเลือกตัดสินใจเดินออกมาให้พ้นจากจุดๆนั้น .. ความสัมพันธ์ที่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรดี ..


             มันไม่มีอะไรเหมือนเดิมมานานแล้ว



             ในตอนที่เขาพยายามจะวิ่งตาม ชานยอลกลับถอยหนี  ปฏิเสธให้เขาต้องรู้สึกเจ็บช้ำ แต่กลับกันเมื่อเขาพยายามจะหยุด พยายามจะออกห่าง เว้นระยะระหว่างกันตามที่ชานยอลพยายามจะทำมาตลอด มันก็กลับเป็นฝ่ายนั้นเสียเองที่พยายามจะเข้าหา พูดจา ใช้สายตาที่เหมือนจะค่อยๆสร้างความหวังให้เซฮุนขึ้นมาใหม่


             ความหวังว่าชานยอลอาจจะรักกันบ้าง
             ความหวัง..ว่าชานยอลอาจจะคิดกับเขาเกินกว่าพี่น้อง



             ทั้งที่ชานยอลก็คงรู้อยู่แล้วว่าไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่านั้นได้ แต่ก็ยังคงทำเพื่อจะไม่ให้เซฮุนต้องไปไหน เอาแต่พูดพล่ามในสิ่งที่ตัวเองอยากจะให้เป็น



             คำว่า'ไม่อยากจะเสียเซฮุนไป'ที่ชานยอลพูด มันอาจจะฟังดูน่าซึ้ง แต่ทำไมก็ไม่รู้ เซฮุนกลับรู้สึกว่ามันช่างเป็นคำพูดที่เห็นแก่ตัวเหลือเกิน



             ไม่อยากจะเสียเขาไป แต่ก็ไม่เคยให้สถานะที่ชัดเจน ให้ความหวังลมๆแล้งๆกับเขาไปเรื่อยว่าซักวันหนึ่งเซฮุนอาจจะดีพอให้ชานยอลรัก ทั้งที่อีกฝ่ายก็รู้อยู่แล้วว่าไม่มีวันจะคิดเกินกว่าพี่น้อง



             ความหวังที่ชานยอลให้  เยื่อใยที่ชานยอลพยายามจะรักษา มันเป็นแค่คำโกหกที่เห็นแก่ตัว..



             ชานยอลไม่อยากจะเสียเซฮุนไป แต่เคยคิดถึงหัวใจของคนที่รออย่างเขาบ้างหรือเปล่า เคยเข้าใจความเจ็บปวดของคนที่หวังอยากจะดีพอให้รักมาตลอดบ้างไหม



             ในเมื่อเขาเป็นเพียงส่วนเกินแล้วชานยอลยังจะต้องการอะไรอีกล่ะ ยังอยากจะให้เขาเดินจากไป หรืออยู่ในฐานะอะไร ยังต้องการให้เขาวางตัวแบบไหนกันแน่ ชานยอลถึงจะพอใจเสียที


             ในวันนี้เซฮุนถึงมั่นใจแล้วว่าไม่มีอะไรจะต้องพูด



             "ฮัลโหลจงอิน เดี๋ยวฉันกำลังจะไปรับนะ"



             "อื้อ เพิ่งเลิกเรียนเหรอ" เสียงสดใสของคนที่โต้ตอบกลับมาทางโทรศัพท์ทำให้เซฮุนระบายยิ้มที่ออกมาจากใจจริงได้ในชั่วเวลาไม่กี่วินาทีทั้งที่เมื่อครู่กำลังโกรธจัดและอารมณ์บูดถึงขีดสุดแท้ๆ


             "เปล่าหรอก เลิกซักพักนึงแล้วล่ะ แต่ช้าเพราะคุยกับอาจารย์อยู่น่ะ เดี๋ยวฉันรีบไปรับนะ"


             ใช่--- แค่อาจารย์คนหนึ่ง ที่เซฮุนเสียเวลาคุยด้วยจนทำให้ต้องไปรับแฟนช้า
     
     

     


     

     

    โ ป ร ด ติ ด ต า ม ต อ น ต่ อ ไ  ป
    _________________________

     
    หน่วงจัง แต่งเองจะร้องไห้เอง 5555
    แท็ก : #พิชาน25น้องฮุน18 / #ฮุนไคDistant

     

     

     

     

     

    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×