ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (จบแล้ว) DISTANT | CHANHUN HUNKAI BAEKDO

    ลำดับตอนที่ #10 : ( 18 x 25 ) - เก้า : วันที่เธอดูแปลก

    • อัปเดตล่าสุด 27 ส.ค. 59





    Distant ( 18-25)
    Chanyeol x Sehun By:ซรดจ.

    เก้า.


    วันที่เธอดูแปลก



     


     
    [ 14 - 21 ]


                      "พี่ครับ ผมวางหนังสือฟิสิกส์ไว้นี่นะ" สุดท้ายแล้วเซฮุนก็กลับมามองหน้าและพูดคุยกับชานยอลได้ตามปกติ ถึงแม้จะมีบางครั้งคราวที่รู้สึกประดักประเดิดและเขินแบบแปลกๆ แต่ก็ยังนับว่าดีกว่าช่วงแรกที่โอเซฮุนแทบจะมองหน้าชานยอลไม่ติดเลยด้วยซ้ำ



                       "อ่านจบแล้วเหรอ มีตรงไหนไม่เข้าใจหรือเปล่า" แต่ชานยอลก็ยังคงเป็นชานยอลคนเดิมที่ให้ความเอ็นดูเซฮุนอย่างใจดีเสมอ แม้จะวุ่นวายอยู่กับการทำโปรเจคเพื่อสอบจบ แต่ก็ให้เวลากับเซฮุนโดยไม่เคยมีท่าทีรำคาญว่าเซฮุนรบกวนเลยซักครั้ง คงเพราะความที่เป็นลูกคนเดียว และผ่านช่วงหัวเลี้ยวหัวตอมาโดยที่ไม่มีรุ่นพี่ หรือคนที่โตกว่าคอยให้คำปรึกษาซักเท่าไหร่ ชานยอลก็เลยอยากจะคอยช่วยเหลือเซฮุนไม่ให้ต้องรู้สึกเคว้งเหมือนตัวเขาเองสมัยมัธยมต้น



                       "ก็มีนิดหน่อยฮะ ผมว่า ผมคงต้องเข้าสายศิลป์แล้วล่ะพี่" เซฮุนบ่นร่ำๆ และทิ้งตัวลงนอนบนเตียงสปริงหนาที่ปูด้วยผ้าปูเตียงสีน้ำเงินเข้ม เข้าคู่กับปลอกหมอนและหมอนข้างของชานยอล



                       "ก็ดีนะ" ชานยอลละจากงานบนโต๊ะและหมุนเก้าอี้มามองหน้าเซฮุนที่นอนเอกเขนกกลิ้งเกลือกอยู่บนเตียง "พี่อ่านเรียงความวิชาภาษาอังกฤษของเราเรื่องการถ่ายรูป โอเคเลยนะ พี่ว่าหัวเราน่าจะไปทางสายศิลป์ภาษา"



                       "ผมก็ว่างั้นแหละครับ" เซฮุนหัวเราะแล้วหลับตา เอาผ้าห่มหนานุ่มของชานยอลพันตัวเองแล้วกลิ้งให้ม้วนโดยมีร่างกายของเขาเป็นไส้ใน พอชานยอลพูดแบบนั้นก็เลยรู้สึกเขินขึ้นมา เขาลืมเรียงความพับสอดเอาไว้ในหนังสือตรีโกณมิติที่ยืมชานยอลไป แต่ก็ไม่คิดว่าชานยอลจะแอบอ่านมันก่อนเอาเรียงความมาคืนให้



                       เซฮุนชอบที่นอนของชานยอล ชอบกลิ่นที่คล้ายกับกลิ่นอาฟเตอร์เชฟของชานยอล กลิ่นที่เป็นลักษณะเฉพาะที่ทำให้รู้สึกสดชื่น สะอาดสะอ้าน ชอบความรู้สึกเหมือนกำลังถูกโอบกอดด้วยอ้อมแขนของเจ้าของเตียงนอน



                       "แล้วแผลที่คิ้วเป็นไงบ้าง" พอชานยอลถามออกมาแบบนั้น จากที่กำลังเพลิดเพลินกับการทดลองเป็นโรตี เซฮุนก็โผล่หน้าครึ่งหนึ่งออกมาจากผ้าห่ม เห็นแต่ตากลมๆที่มองชานยอลแล้วกะพริบปริบๆ พูดอ้อมแอ้มไม่เต็มปากเต็มคำ



                       "ก็......ดีขึ้นแล้วแหละฮะ"



                       "วันหลังก็อย่าทำซ่าอีก ตัวเท่าลูกหมา ถ้าไอ้พวกนั้นมันโดนกระทืบตายจะทำยังไง" คนแก่กว่าเริ่มร่ายยาว เซฮุนทำหน้าเหนื่อยหน่ายแล้วพูดอู้อี้ในผ้าห่มว่า'รู้แล้ว'


                       จริงๆแล้วก็ไม่ได้ตั้งใจจะบอกชานยอลหรอก เพราะว่าหลังจากคืนที่เขาไปโดนกระทืบเป็นเพื่อนแบคฮยอนมา เซฮุนก็หลบหน้าแม่ไปนอนบ้านแบคฮยอนเสียหลายวันโดยอ้างเหตุผลแสนโง่เง่าที่ใครๆก็เคยใช้โกหกผู้ปกครองทางบ้าน 'ทำงานกลุ่มครับ'


                       กลุ่มมากเลยดิ....  กลุ่มใหญ่ที่มารุมแจกตีนให้เนี่ย



                       แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมแผลก็อาการดีขึ้นเรื่อยๆ เซฮุนเลยกะว่าพอรอยช้ำมันจางๆ ค่อยกลับมานอนบ้านตามปกติ แต่มันก็มาโป๊ะแตกตอนที่แอบกลับมาเอาเสื้อนักเรียนที่บ้านตอนแม่ไม่อยู่และเจอชานยอลเข้าพอดี เลยโดนคุณพ่อคนที่สองซักไซร้เรื่องแผลบนหน้าอยู่พักใหญ่ แถมยังโดนดุอีกต่างหาก



                       ถึงชานยอลจะพูดบ่นเพราะว่าเป็นห่วงและไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีกก็เถอะ แต่เซฮุนก็รู้สึกได้ว่าพี่ชายข้างบ้านเริ่มปฏิบัติกับเขาอย่างเด็กที่เริ่มโตขึ้น ไม่ได้โอ๋เอาใจหรือดุเพราะเป็นห่วงเหมือนเขาเป็นเด็กผู้หญิงอย่างตอนเด็กๆแล้ว  มันไม่ใช่การดุเพราะอารมณ์โกรธ แต่มันคือการพูดคุยถึงเหตุผลด้วยความเป็นห่วง


                 
                            
    ซึ่งการอยู่กับแบบโตๆมันก็ดีนะ เซฮุนรู้สึกสบายๆกับบรรยากาศแบบนี้มากกว่า



                       "เดี๋ยวหลังช่วงพี่เรียนจบพี่ต้องไปญี่ปุ่นซักห้าเดือนนะ อยากได้อะไรที่ญี่ปุ่นมั้ย" ตอนนี้ชานยอลหมุนเก้าอี้หันหน้ากลับเข้าโต๊ะทำงานอีกรอบแล้ว เซฮุนมองเพดานห้องสีไข่ตุ่นๆแล้วพยายามนึก ที่ญี่ปุ่นมันมีอะไรเป็นของฝากบ้างนะ ตอนนี้เซฮุนคิดออกแต่ภาพของกินเต็มหัวเลย



                       "ไม่รู้ดิ ส่วนมากเพื่อนพี่เอาอะไรอ่ะ โตเกียวบานาน่าหรอ หรือคิทแคท"
     


                       "ของพวกนั้นมันไม่สนใจกันหรอก" ชานยอลหัวเราะก๊ากพอได้ยินชื่อของฝากที่เซฮุนอยากได้ "จำไอ้ลู่หานได้ปะ"



                       "จำได้ครับ" ใครจะลืมล่ะ คนแบบนั้น เจอกันครั้งแรกก็มาพรีเซนท์ตัวเองว่า 'พี่ชอบผู้ชายนะครับ จีบได้ไหม' แบบนั้นทั้งที่กำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ พอมาคิดย้อนกลับไปเซฮุนก็ยังขำอยู่เลย  


                       พอเขาตอบรับแบบนั้นชานยอลเองก็หัวเราะเอิ้กอ้ากและถามกลับ


                       "รู้ไหมว่ามันฝากซื้ออะไร"


                       "อะไรล่ะครับ"


                       "ไข่สั่นกับตุ๊กตายาง"


                       เกิดความเงียบไปชั่ววินาทีก่อนที่เซฮุนจะเผลออุทานว่า 'เชี่ยยยยยยยยยย'ออกมาจนชานยอลต้องหัวเราะร่วนจนเขาหัวเราะตาม



                       จะเพราะว่าเขาโตขึ้น  เพราะชานยอลเริ่มสนิทกันมากกว่าเก่า หรือเพราะเราเริ่มใกล้ชิดกันมากก็เถอะ ยิ่งได้พูดคุยและใช้เวลาร่วมกันมากเท่าไหร่ เซฮุนกลับยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเพ้อฝันและคลั่งใคล้ในตัวชานยอลมากขึ้นทุกทีโดยที่อีกฝ่ายไม่เคยได้รู้ตัวเลย


                       แม้จะเคยคิดว่าความรักที่มีให้ชานยอลมันเป็นแบบไหน แต่เซฮุนก็ไม่ได้สนใจจะหาคำตอบอย่างจริงจังอยู่ดี เขามีความสุขมากกว่ากับการแค่ได้อยู่กับพี่ชายข้างบ้านคนนี้ไปเรื่อยๆแบบนี้


                       "แล้วพี่ชานยอลจะกลับมาเดือนไหน"


                       "อืม......ก็น่าจะหลังเราปิดเทอมใหญ่ไปแล้ว"  ชานยอลพูดทั้งที่ยังก้มหน้าก้มตาเขียนสูตรลงในกระดาษโดยมีเซฮุนที่ตอนนี้เลิกเอาผ้าห่มพันตัวเองแล้วลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงกำลังนั่งนับเดือนคิดตามที่ชานยอลพูด


                       "งั้นก็ไม่ได้อยู่ตอนผมเข้าม.4ดิ"


                       "อาจจะนะ"


                       "โหยยย พี่ชานยอลอ้ะ นิสัยไม่ดี ทิ้งกันนี่"  พอเจ้าตัวเล็กงอแงออกมาแบบนั้น พี่ชายข้างบ้านก็รู้สึกผิดจนต้องละมือจากงานที่กำลังทำ ลุกมาล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างข้างๆกันกับเซฮุนที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่


                       "ก็ไปเรื่องงานนี่นา ถ้าไปญี่ปุ่นอาจจะได้งานเลยนะ หลังเรียนจบอะ แถมเงินเดือนสตาร์ทสูงอีกต่างหาก" ชานยอลนอนแผ่แล้วพูดอธิบาย เพราะชานยอลตัวสูงมาก เตียงที่เขาใช้นอนก็เลยเป็นเตียง6ฟุตที่กว้างพอสมควร แต่เซฮุนก็ยังคงงอนและพยายามจะใช้เท้าเขี่ยเขาให้ตกจากเตียงอยู่ดี


                       "ไม่เอา ไม่ต้องมาพูดเลย ทิ้งน้องนี่หว่า"


                       "ไมได้ทิ้ง อย่าถีบ เดี๋ยวตกเตียง" ชานยอลเถียงบ้าง หัวเราะร่วนตอนที่จับเท้าของเซฮุนไว้แล้วตีแรงๆ ใครสั่งใครสอนให้ถีบผู้ใหญ่เนี่ย ไอ้เด็กนี่


                       "งั้นถ้าได้งาน ต้องพาไปเที่ยวด้วย หลายๆที่เลย ไปตั้งแคมป์ ปีนเขา เข้าป่า ไปทะเล" เซฮุนแยกเขี้ยวตอนที่ชานยอลทำท่าจะตีแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆกัน ตั้งข้อแม้ซะยาวยืดโทษฐานที่จะไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเสียตั้งหลายเดือน


                       "ก็ได้เพคะฝ่าบาท กระหม่อมจะรีบไปหาเงินมาพาฝ่าบาทเที่ยวให้ทั่วเลย โอเคยังเพคะ อย่าทรงพระงอนไปเลย"  พอชานยอลพูดแบบนั้นเซฮุนก็ยิ้มออกและรับคำอย่างดีใจ

                      
                       อันที่จริงเขาไม่ได้งอนอะไรขนาดนั้นหรอก.. แค่คิดว่าถ้าไม่ได้เจอกันตั้งหลายเดือน
                       เขาคงจะต้องคิดถึงชานยอลมากแน่ๆ






     

    [ 18 - 25 ]


                       "เซฮุนอา..ตื่นได้แล้ว.."


                       เสียงของจงอินที่กระซิบอยู่ข้างหูทำให้คนที่กำลังหลับครางอู้อี้ในลำคอ ยืดตัวรั้งเอาคนที่นอนอยู่ข้างๆเข้ามากอดแล้วสูดกลิ่นหอมจากผมนิ่ม จงอินไม่ได้ดิ้นหรือขัดขืน ยอมให้คนที่ได้ชื่อว่า'แฟน'กอดรัดอยู่แบบนั้น


                       เซฮุนจูบหน้าผากมนของคนในอ้อมกอดย้ำๆทั้งที่ยังหลับตาแล้วพึมพำเสียงแหบแห้ง


                       "จงอินอา ง่วงนอนจังเลย"


                       "ไม่ต้องงอแงเลย วันนี้ต้องเรียนตัดต่อแต่เช้าไม่ใช่เหรอ" ถึงจะโดนพูดกรอกหูอยู่แบบนั้นแต่เซฮุนก็ไม่สนใจอยู่ดี มือยาวลูบไล่ไปตามผิวเนียนลื่นมือของคนในอ้อมกอด จูบจงอินจากหน้าผาก...ปลายจมูก..มาจนถึงริมฝีปาก ถือโอกาสนัวเนียลวนลามลูบไล้จงอินไปแบบเนียนๆ


                       "ยังไม่อยากลุกเลย"


                       "อย่า..อือ..งอแง..สิเซฮุน" จงอินจิ๊ปากดุๆเมื่อเซฮุนพยายามจะจูบย้ำๆที่ริมฝีปากทั้งที่เขากำลังพูดอยู่ 



                       เกือบครึ่งเดือนแล้วที่แบคฮยอน เขาและเซฮุนมาอยู่ด้วยกัน



                       จากที่เคยแอบรักอีกฝ่ายอยู่ใกล้ๆข้างเดียวเงียบๆมาตลอด ตอนนี้มันดีเสียจนไม่รู้ว่าจริงหรือฝันเมื่อเซฮุนและเขาได้รักกันจริงๆเสียที 


                        ในทุกๆเช้าเซฮุนจะเป็นคนไปส่งจงอินเรียนและขี่มอเตอร์ไซค์กลับมาเรียนที่มหาลัย และใช้เวลาหลังเลิกเรียนด้วยกันโดยการไปกินหม้อไฟสามคน(รวมแบคฮยอนที่บางครั้งก็ไม่มาเพราะเข้าแลป) เช่าหนังมาดูด้วยกัน หรือไม่ก็ไปเล่นบาส


                       ในตอนที่เป็นเพื่อนกันนั้น เซฮุนก็ใจดี ร่าเริงและเปิดเผยอยู่แล้ว และในที่สุดพอได้มาคบกันในสถานะแฟน จงอินก็ยิ่งได้รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นแฟนที่ขี้อ้อนและเอาใจเก่งขนาดไหน



                       เราจูบกันบ่อยๆ -- แค่เพียงจูบ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น
     


                       จงอินชอบเวลาที่จูบกัน ชอบความรู้สึกเหมือนกำลังจะหลอมละลายด้วยลิ้นอุ่นๆที่สอดเข้ามาและมอบความหอมหวานให้รู้สึกหวิวไหว ชอบความรู้สึกใกล้ชิดและทำให้ใจเต้นแรง อะไรก็ดีไปหมดถ้าหากเป็นโอเซฮุน



                       "วันนี้มีสอบเพลงใหม่ อยากไปซ้อมก่อนแป็บนึงอะ...ตื่นเร็วครับ" จงอินจูบที่ปลายจมูกของเซฮุนอย่างเอาใจจนคนตัวสูงยอมลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่โดยดี นึกครึ้มอกครึ้มใจที่พอเป็นเรื่องของตัวเองเซฮุนก็ยอมตื่นโดยไม่อิดออด ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาบอกไปแล้วแท้ๆว่ามีเรียน แต่เซฮุนก็ยังคงเอาแต่งอแง


                       จงอินลุกขึ้นจากเตียงบ้างและเตรียมเสื้อผ้าสำหรับใส่ไปเรียนในวันนี้ หยิบกางเกงยีนส์สีดำที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เอามาใส่ออกมาและล้วงกระเป๋ากางเกงดูเมื่อได้ยินเสียงเหรียญกระทบกันในกระเป๋า


                       เวลาเจอเงินในกระเป๋ากางเกงที่ลืมเอาออกตอนซักผ้านี่มันเป็นความรู้สึกที่สุดยอดไปเลยจริงๆ แม้ว่าจะเป็นแค่เหรียญห้าร้อยวอนหรือแบงค์พันวอนก็ตาม(500วอน=ประมาณ20บาท) แต่ก็รู้สึกเหมือนพบขุมทรัพย์ที่หายไปซะนาน


                       จงอินกำกระดาษที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาดู และพบว่ามันคือเหรียญห้าร้อยวอนสามเหรียญ กับ'ตั๋วเซฮุน'ที่มีรอยปั๊มไปแล้วหกครั้ง


                       ดวงตากลมของจงอินจ้องมองช่องว่างที่เหลืออีกสี่ช่องแล้วอมยิ้มอารมณ์ดี และหุบยิ้มไม่ได้เลย แต่ต่อให้เซฮุนคาดคั้นแค่ไหน จงอินก็ไม่ยอมบอกหรอก ว่าทำไมเขาถึงอารมณ์ดีได้ขนาดนี้







     
     
                       "ไง มาสายนะมึง"

                       ยังไม่ทันจะได้วางกระเป๋าเป้และหย่อนตัวลงนั่ง  จื่อเทา เพื่อนร่วมคลาสตัวสูงของเซฮุนก็เอ่ยทักทายด้วยคำพูดที่ทำเอาเจ้าตัวต้องยิ้มแต้ออกมาเขินๆ  และเอ่ยคำขอโทษที่เหมือนจะดูไม่ยินดียินร้ายกับการเข้าชั้นเรียนสายตามที่เพื่อนว่าเท่าไหร่

                      
                       "ส่งแฟนมาว่ะ โทษที"


                       "เห่อเชียวนะ คนแรกปะได้ข่าว"


                       "เออ" จื่อเทาหัวเราะพอได้ยินคำตอบจากเซฮุนที่ยอมรับแต่โดยดีไม่มีเขินอายหรืออิดออดซักนิด รู้ตัวแหละว่าตั้งแต่คบกับจงอินเขาก็เปลี่ยนไปมาก อะไรๆก็จงอินจงอินจนเซฮุนรู้สึกเกรงใจเพื่อนฝูงคนรอบข้างที่กลายเป็นคนติดแฟนซะจนกลัวจะน่ารำคาญ


                       ที่คณะนิเทศศาสตร์แห่งนี้ดูเหมือนจะเป็นที่ของเซฮุนจริงๆ  จากที่เคยคิดไว้สมัยมัธยมปลายว่าถ้าได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบแล้วจะมีความสุข เซฮุนก็ได้พิสูจน์ว่ามันสุขอย่างที่คิดไว้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นวิชาที่เรียน เพื่อนร่วมคณะ หรือสภาพแวดล้อม  


                       เซฮุนสนิทกับเพื่อนต่างห้องจากโรงเรียนเก่าอย่างจื่อเทา แม้จะไม่ได้คุยกันเท่าไหร่ในช่วงมัธยมแต่พอได้มาเรียนคลาสเดียวกันบ่อยๆ ก็กลายเป็นว่าเวลาเรียนหรือทำงานเราสองคนก็จะตัวติดกันแบบนี้เสมอ  นอกไปจากจื่อเทาแล้ว สังคมเพื่อนมหาวิทยาลัยก็น่ารัก ไม่เห็นจะแก่งแย่งชิงดีกันอย่างที่เคยได้ยินพวกรุ่นพี่ที่จบไปก่อนหน้านี้เล่าเลยซักนิด
    แถมพอได้มาคบกับจงอินจริงๆจังๆ---เซฮุนก็รู้สึกเหมือนได้ปลดเปลื้องพันธนาการในใจที่แบกเอาไว้ตั้งหลายปี รู้สึกดีกับความรักและเอาใจใส่ของจงอินที่จะนึกถึงเขาเป็นคนแรกๆเสมอในแทบจะทุกๆเรื่อง


                       "สำหรับวันนี้อาจารย์ก็มีอาจารย์พิเศษที่จะมาบรรยายเกี่ยวกับเรื่องอาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ตซึ่งปัจจุบันเป็นเรื่องที่สำคัญมากและก็มีกฏหมายออกมารองรับเรียบร้อยแล้ว สำหรับอาจารย์ที่จะมาบรรยายในวันนี้เป็นนักเรียนปริญญาโทด้านวิศวะคอมพิวเตอร์ที่----"


                       ที่อะไรก็ไม่รู้ เซฮุนไม่ทันได้ตั้งใจฟังเพราะมัวแต่จิ้มโทรศัพท์แชทไลน์คุยกับจงอินและหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว จนกระทั่งเสียงของอาจารย์พิเศษที่มาบรรยายดังผ่านเครื่องขยายเสียงและกึกก้องไปทั่วทั้งหัวใจ


                       "สวัสดีครับ ผมขออนุญาตแทนตัวว่าพี่นะครับ เพราะปกติไม่เคยได้เป็นอาจารย์พิเศษที่ไหน ได้มาช่วยอาจารย์ของน้องๆสอนก็เพราะเป็นรุ่นน้องของอาจารย์"  เซฮุนรู้สึกว่าเสียงที่ได้ยินมันคุ้นเหลือเกิน นิ้วเรียวยังคงรัวพิมพ์โต้ตอบผ่านทางไลน์กับจงอินที่ไล่ให้เขาตั้งใจเรียน แต่เสียงทุ้มของอาจารย์พิเศษคนใหม่มันกลับสะท้อนในหูเหมือนคนที่ยืนอยู่หลังโพเดียมนั้นเดินมากระซิบอยู่ข้างๆ


                       "พี่ชื่อปาร์คชานยอลครับ"







     
     



                       "อาจารย์ปาร์คชานยอลนี่หล๊ออออออออออหล่อเนอะแก" เซฮุนทำหน้าบอกบุญไม่รับตอนที่ได้ยินพวกนักศึกษาผู้หญิงที่จำชื่อไม่ได้กระซิบกระซาบและหัวเราะกันคิกคักบอกว่าอยากจะให้'อาจารย์พิเศษ'คนนี้มาสอนบ่อยๆ


                       เซฮุนกลับไม่รู้สึกอย่างนั้นซักนิด แทบจะทำหน้าเหม็นเบื่อทั้งคาบเลยด้วยซ้ำตอนที่ชานยอลคอยเอาแต่พูดบรรยาย และทอดสายตามองมาทางเขา โดยมีพวกผู้หญิงบ้ากามนั่งกรี๊ดกร๊าดราวกับอยู่ในแฟนมีทติ้ง---เข้าใจอะไรกันผิดไปหน่อยมั้ยแม่คุณ


                       เขารู้ว่าปาร์คชานยอลเรียนจบโทวิศวะคอมพิวเตอร์ รู้ว่าชานยอลเก่งเรื่องไอที แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมอยู่ๆคนแก่กว่าถึงมาโผล่อยู่ที่มหาวิทยาลัยของเขาในฐานะอาจารย์พิเศษคนใหม่ โผล่มาในคณะที่เขาเรียน และแถมยังประจวบเหมาะเป็นชั้นเรียนของเซฮุนพอดี มันเป็นความบังเอิญที่ดูเหลือเชื่อไปหน่อย


                       "ทำไมทำหน้าเซ็งจังวะ เมื่อเช้ายังดีๆอยู่เลย"


                       "เปล่า" เซฮุนโกหกคำโต รู้สึกหงุดหงิดรำคาญตอนที่คิดว่าอีกฝ่ายอาจจะตามมาเพราะพยายามจะมาเจอหน้าเขา แต่อีกใจก็ปฏิเสธว่ามันแค่บังเอิญที่อาจารย์บยองฮีเป็นรุ่นพี่ของชานยอล แค่บังเอิญที่อาจารย์บยองฮีวานให้ชานยอลมาช่วยในคลาสเรียนของเขาพอดี


                       แต่ถึงเป็นอย่างนั้นก็ยังน่ารำคาญ "ตอนบ่ายกูโดดนะ"


                       "อ้าว เป็นอะไรของมึง จู่ๆก็อารมณ์ไม่ดี จะไม่เรียนซะงั้น ทะเลาะกับจงอินเหรอ" เทาเกาท้ายทอยแล้วถามงงๆ  เซฮุนบุ้ยใบ้ส่ายหน้าแล้วโบกมือปัดๆไม่อยากจะให้เทามาเค้นหาคำตอบ


                       ไม่จำเป็นต้องทะเลาะกับใครเซฮุนก็อารมณ์ไม่ดีได้ แถมอารมณ์ไม่ดีอย่างมากซะด้วย เพราะการที่อยู่ๆชานยอลก็โผล่เข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันอีกครั้งมันกลายเป็นอะไรที่ผิดแผนมาก หลังจากหวังว่าจะหนีหน้าพี่ชายข้างบ้าน(----หรือที่ตอนนี้ต้องเรียนว่าอาจารย์)พ้น


                       "แล้วอาจารย์ชานยอลกะมึงรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าวะ"


                       "ก็ไม่หนิ"  โกหกหน้าตายแล้วดูดช็อคโกแล็ตเย็นจากร้านกาแฟยี่ห้อดัง หลับหูหลับตาปฏิเสธไปอย่างนั้น


                       "เหรอวะ กูเห็นเค้าโบกมือเรียกมึงอยู่นั่น" เทาพยักเพยิดไปด้านหลัง ชานยอลที่สวมชุดสูทกึ่งลำลองและรองเท้าหนังกำลังก้าวยาวๆมาตรงที่เขาและเทายืนคุยกันอยู่ เซฮุนทำหน้าไม่ถูกเมื่อหันไปมองและสบตาชานยอลเข้าแล้ว ถ้าเดินหนีไปตอนนี้ยังไงก็พิรุธ แถมยังดูปอดแหกเป็นที่สุด


                       "มึงไปรอกูที่ห้องสมุดก่อนเลย เดี๋ยวกูคุยธุระแป็บนึง" พอบอกเทาแบบนั้น เพื่อนร่วมชั้นเรียนก็ยอมตามที่เซฮุนบอกแต่โดยดีแม้จะมองด้วยสายตาเคลือบแคลงและดูงงๆนิดหน่อย


                        เซฮุนเงียบ ยืนรอจนคนอายุมากกว่าเดินมาถึงตัว ชานยอลมองหน้าของเขา มองเซฮุนด้วยสายตาเหมือนอ่อนใจเสียเต็มทน ก่อนจะเรียกเขาด้วยสุ้มเสียงแบบที่ใช้ตลอดเวลาเขาทำอะไรงอแงเป็นเด็กๆ


                       "เซฮุน"


                       "อาจารย์มีอะไรก็รีบๆพูดเถอะครับ ผมมีเรียนต่อ"


                       น้ำเสียงกระด้างที่ฟังก็รู้ว่าคงคุยกันไม่รู้เรื่องทำให้ชานยอลพูดอะไรไม่ออก ไหนจะคำเรียกที่ฟังดูห่างเหินนั่นอีก ถ้าหากนอกจากเรื่องที่อยากถามว่าทำไมต้องหลบหน้ากัน ชานยอลก็ไม่รู้จะพูดถามอะไรอีกแล้ว มันเจ็บตื้อไปหมดที่จู่ๆ เซฮุนก็ปฏิบัติกับเขาอย่างเย็นชาราวกับว่าคนที่ยืนตรงหน้าไม่ใช่โอเซฮุนที่เขาเคยรู้จัก


                       "สบายดีไหม"


                       นานจริงๆกว่าคำพูดนั้นจะกลั่นกรองและหลุดรอดจากริมฝีปากของชานยอล ชานยอลที่เคยมีรอยยิ้มสดใสอบอุ่นเสมอ ชานยอลที่ตอนนี้ดูผอมลง และหน้าตาซูบเซียวเหมือนพักผ่อนไม่ค่อยเพียงพอ เซฮุนคิดว่าคำที่หลุดออกจากปากชานยอลมันช่างเป็นคำถามที่โง่เง่าและไม่ได้เรื่องเอาซะเลย ---ชานยอลเองก็คงรู้ตัว


                       "สบายดีครับ"


                       ชานยอลกลืนน้ำลายเฝือฝืดพอเซฮุนตอบกลับมาเพียงแค่นั้น แสร้งยิ้มออกมาและพยักหน้านิดๆ เอ่ยเล่าเรื่องของตัวเองเผื่อว่าเซฮุนจะอยากฟังบ้าง


                       "พี่ออกจากงานเก่าแล้วนะ ตอนนี้ไม่ได้ทำอะไรประจำ มีเวลาว่างเหลือเยอะ ก็เลยมาช่วงอาจารย์บยองฮีสอนน่ะ"


                       "อ๋อ" เซฮุนพยักหน้า "ครับ"


                       รับคำและเงียบไปอีกวูบใหญ่ ช่วงเวลาหลายวินาทีมันช่างยาวนานเสียจนชานยอลต้องยกนาฬิกาขึ้นแก้เก้อและยิ้มออกมาบางๆที่มุมปากตอนที่พยายามพูดออกมาให้เป็นคำ


                       "เดี๋ยวพี่ต้องไปแล้ว....ไว้คุยกันนะ"


                       "ครับ งั้นผมขอตัวนะครับอาจารย์"


                       เซฮุนโค้งให้ชานยอลนิดๆ ก้มหัวให้อย่างที่ไม่เคยได้ทำบ่อยครั้งนัก มันเป็นความเคารพที่ห่างเหินและหมางเมินเสียจนชานยอลรู้สึกเคว้งไปหมด ยิ่งอีกฝ่ายหนีหน้ามาอยู่เสียไกลเขาเลยไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้ปรับความเข้าใจอะไรเลย ถึงตอนนี้เขาไม่รู้แล้วจริงๆว่าควรทำอย่างไรต่อไป







     



                       "พี่คยองซูครับ ช่วยถือเล่มนี้ไว้ให้ผมหน่อย" แบคฮยอนดึงเท็กซ์บุ๊คเล่มหนึ่งออกมาจากชั้นและส่งต่อมาให้คนตัวเล็กว่า คยองซูรับหนังสือในมือมาถือไว้โดยไม่พูดไม่บ่น ไม่แสดงสีหน้าไม่พอใจ ทั้งที่ข้างในใจอยากจะเอาเท็กซ์บุ๊คโบกกบาลไอ้เด็กนี่ให้ตายเป็นผีเฝ้าห้องสมุดไปเลยด้วยซ้ำ


                       แบคฮยอนมองหน้าคนอายุมากกว่าที่เงียบและเรียบเฉยแล้วกรอกตาเป็นกราฟพาราโบล่าคว่ำ ก่อนจะหาหนังสือเล่มอื่นบนชั้นเพิ่มเติม แม้จะอยู่ห่างกันแค่เอื้อมมือไปถึง แต่กลับรู้สึกถึงช่องว่างและระยะที่คยองซูเว้นเอาไว้ ไม่ยอมให้เขาได้เข้าไปใกล้มากกว่านี้


                       อันที่จริงแล้ว วันแรกที่แบคฮยอนไปส่งคยองซูกลับบ้าน พอเห็นสภาพร้านขายบะหมี่ของครอบครัวรุ่นพี่คนนี้ แบคฮยอนก็พอเข้าใจขึ้นมาบ้างว่าทำไมคยองซูถึงกลัวต้องชดใช้ค่าเสียหายเสียจนต้องรีบขับหนี


                       ครอบครัวของคยองซูเป็นครอบครัวชนชั้นกลาง  มีน้องสาวและน้องชายเล็กๆรวมแล้ว 4คน โดยมีคยองซูเป็นพี่ชายโตที่สุด แม่และพ่อเปิดร้านขายอาหารเล็กๆที่แม้จะดูมอซอไปหน่อย แต่ก็คงเพราะความอร่อยถึงมีคนแน่นร้านสมชื่อ 'บะหมี่สูตรจักรพรรดิ'


                       คยองซูแก่กว่าแบคฮยอน 7 ปี และเรียนมหาวิทยาลัยเป็นปีสุดท้าย ต้องดูแลน้องๆทั้ง4คนที่อาจจะไม่ได้เรียนหนังสือเพราะครอบครัวส่งเสียไม่ไหว นั่นก็เป็นเหตุผลอย่างหนึ่งที่แบคฮยอนเลือกจะไม่เรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงิน แต่ให้ทดแทนด้วยวิธีทำงานใช้หนี้


                       พอได้มาอยู่ใกล้ๆ แบคฮยอนก็ยิ่งรู้สึกว่าคนข้างๆกายน่าค้นหาอย่างบอกไม่ถูก



                       "พี่ทานข้าวเที่ยงหรือยังครับ"


                       "ยัง-----แต่ไม่หิว" คยองซูอ้อมแอ้มตอบ ส่วนแบคฮยอนก็ร้องอ้อขึ้นมาและบ่นร่ำๆทันทีว่าอยากจะกินสเต็กร้านอร่อยที่หลังมอ พอเห็นคนแก่กว่าหน้าคว่ำแทนคำตอบแบคฮยอนก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดีและเดินนำคนแก่กว่าไปยืมหนังสือ


                       บ่อยครั้งที่คยองซูชอบอดข้าวเช้า บางทีก็รวมถึงข้าวเที่ยง เพราะต้องการจะประหยัดเงิน แต่ดูสภาพเข้าสิ แค่นี้ก็ทั้งผอมทั้งเตี้ย แถมหัวโตเหมือนคนเป็นโปลิโอไม่มีผิด



                       "งั้นเดี๋ยวพี่ไปกินสเต็กเป็นเพื่อนผม แล้วผมจะไปส่งที่คณะนะครับ"


                       "อือ" คยองซูหน้าคว่ำแต่ก็ตอบรับโดยดี  คงเพราะชินและเรียนรู้ได้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะต่อล้อต่อเถียงกับคนแบบแบคฮยอน คนอายุน้อยกว่ายิ้มย่องและรู้สึกมีความสุขแบบแปลกๆที่ได้ดูแลคยองซูในแบบนี้ แม้อีกฝ่ายจะดูไม่ค่อยเต็มใจก็เถอะ


                       "พี่เล่นเฟสบุ๊คปะครับ" ระหว่างที่คยองซูกำลังยืนยิงบาร์โค้ดหนังสือทำหน้าที่เบ๊ให้อย่างสมบูรณ์ แบคฮยอนก็เท้าคางกับเคาเตอร์ตัวยาวและมองการทำงานอย่างแข็งขันของเบ๊กิติมศักดิ์ส่วนตัวคนนี้ คยองซูเหมือนจะปรายตามามองนิดๆแล้วก็ส่ายหน้าและยืมหนังสือต่อไปเงียบๆ


                       "งั้นเล่นทวิตเตอร์ปะ" คยองซูปรายตามามองแล้วส่ายหน้า


                       "งั้น...."


                       "ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันใช้มือถือรุ่นอะไร" คยองซูตอบยานคางด้วยน้ำเสียงเย็นชาระดับเจ้าหญิงน้ำแข็งเอลซ่ายังต้องยอมสยบด้วยแววตานิ่งๆและมือเล็กที่ล้วงเอาโทรศัพท์หน้าจอขาวดำขึ้นมาวางไว้ตรงหน้าแทนคำตอบ แบคฮยอนจะได้เลิกถามอะไรงี่เง่าเสียที


                       หน้าจอขาวดำแบบที่เล่นเจ้างูน้อยและเปิดไฟฉายได้ก็นับว่าหรู คงจะไม่ได้เล่นโซเชียลเน็ตเวิร์คสะดวกแบบแบคฮยอนที่ใช้สมาร์ทโฟน แต่จริงๆแล้วบอกดีๆก็ได้นะ.. แบคฮยอนแค่สงสัย แต่ทำไมคนแก่กว่าถึงตอบกลับมาได้แจ่มแจ้งขนาดนี้ แจ่มซะจนจุกเลย


                       ขอบคุณครับพี่คยองซู ไอ้มือถือรุ่นปาหัวหมานี่มันช่างตอบโจทย์ในใจของบยอนแบคฮยอนได้อย่างดี






     


    [ 14 - 21 ]



                       "คุณป้าครับ น้องหลับหรือยังฮะ"


                       "อ้าวชานยอล เข้ามาก่อนสิลูก"


                       พอเห็นว่าอาคันตุกะยามวิกาลเป็นใคร คุณนายโอก็เปิดประตูให้และต้อนรับหนุ่มข้างบ้านให้เข้ามาข้างใน ตอนนี้ใกล้จะถึงช่วงปิดเทอมแล้ว เซฮุนกำลังตั้งใจอ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อสอบเข้าสายศิลป์ภาษาให้ได้ตามที่หวังไว้ ส่วนชานยอลก็จัดการเรื่องโปรเจคจบเรียบร้อยและกำลังจะบินไปดูงานที่ญี่ปุ่นตามที่ได้บอกไว้กับเซฮุน


                       "เซฮุนหลับไปตั้งแต่หัวค่ำแล้วล่ะ เห็นว่าจะตื่นมาอ่านหนังสือตอนดึก หนูจะไปแล้วเหรอลูก"


                       ชานยอลพยักหน้ารับเขินๆ แม่ของเซฮุนให้ความเอ็นดูเขาประหนึ่งลูกชายอีกคน แถมยังฝากฝังเจ้าตัวแสบให้เขาดูแลบ่อยๆ  จนชานยอลรู้สึกว่าน้องกลายเป็นหน้าที่รับผิดชอบที่เขาไม่อยากจะปล่อยเลยแม้แต่วันเดียว



                       "ครับ ขอขึ้นไปลาน้องได้ไหมครับ"



                       "เอาสิลูก ถ้าชานยอลไปไม่ลา เดี๋ยวพอตื่นมาก็อาละวาดอีกขานั้นน่ะ" คนเป็นแม่หัวเราะอย่างอารมณ์ดีแล้วตบไหล่ชานยอลที่ก้มหัวและค้อมตัวอย่างนอบน้อมตอนที่เดินผ่าน



                       ชานยอลมาห้องนอนของเซฮุนบ่อยๆ ในบางครั้งที่ประตูหน้าบ้านล็อคก็จะเข้ามาทางหน้าต่าง มันกลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้วที่เราสองคนเข้าออกบ้านกันเสมือนเป็นบ้านตัวเอง


                       ชานยอลหมุนลูกบิดและเข้าไปนั่งที่ข้างเตียง ตบผ้าห่มน้อยๆเพื่อเรียกให้คนที่กำลังหลับอยู่รู้สึกตัว


                       "เซฮุนนา"


                       "อือ...."


                       "เซฮุนนา พี่จะไปญี่ปุ่นแล้วนะ" มือหนาของคนแก่กว่าลูบผมนิ่มของเซฮุนอย่างเบามือ  โคมไฟแบบหมุนได้ที่ส่องแสงสลัวตามลายฉลุเป็นรูปดาวแม้จะเป็นแสงอ่อนละมุนแต่ก็ทำให้ชานยอลมองเห็นหน้าของคนที่หลับอยู่ได้รางๆ เซฮุนกำลังหลับอย่างมีความสุข ครางในลำคอเหมือนลูกแมวตอนที่สัมผัสจากมืออุ่นแตะต้องลงที่ข้างแก้ม


                       "พยายามเข้านะ พี่รู้ว่าเราทำได้" คนแก่กว่าก้มลงมาพูดชิดใบหูและคลี่ยิ้มบางๆ เซฮุนยังคงหลับไม่รู้เรื่องเลย และเขาก็ไม่อยากจะปลุก เพราะรู้ว่าน้องคงเหนื่อยมากกับการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบ


                       ริมฝีปากอุ่นแนบจูบลงที่ข้างแก้ม หอมแก้มนิ่มหนักๆจนคนที่กำลังนอนหลับอยู่ครางอืออย่างนึกรำคาญ  จนชานยอลต้องค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงและปล่อยให้น้องชายข้างบ้านพักผ่อนต่อ



                       เซฮุนคงไม่รู้ตัวเลยว่าไม่ใช่แค่เจ้าตัวคนเดียวที่จะคิดถึงกันถ้าเขาไม่อยู่


                       ชานยอลเองก็ไม่รู้ว่าจะอดทนคิดถึงได้นานแค่ไหน ถ้าไม่เจอเซฮุน
                       เขาไม่อยากจะอยู่ห่างเด็กคนนี้เลยซักวินาทีเดียว


     

     



    ติ ด ต า ม ต่ อ ต อ น ห น้ า
    _________________________
    ใน 18-25 นี่พี่เค้ายังไม่รู้นะคะ ว่าน้องมีแฟนแล้ว
    แค่น้องหายหน้าไป ก็เจ็บจะแย่อยู่แล้ว :(

    ได้อ่านเรื่องสมัย 14-21แล้วเริ่มเชียร์พี่ชานยอลขึ้นมาบ้างหรือยัง
    ในเรื่อง ช่วงวัยเด็กมันมีแต่ความน่ารักแบบเด็กๆ แต่พอเซฮุนเริ่มมัธยม
    ความรู้สึกระหว่างชานยอลและเซฮุนก็จะชัดเจนและจริงจังขึ้นมานิดหน่อยค่ะ
    เพราะเริ่มเป็นความรู้สึกที่โตขึ้น

    หลังจากนี้งานดราม่าและเอ็นซี(ที่ไม่บอกหรอกว่าคู่ไหนบ้าง)ก็จะมาเรื่อยๆ
    ขอบคุณที่ติดตามเสมอมานะคะ <3 มีความสุขทุกทีที่ได้อ่านแท็กและคอมเม้น
    สำหรับคนที่อ่านอยู่แต่ไม่ได้เม้น ก็ขอบคุณเหมือนกันที่เข้ามาอ่านเนอะ
     
    รักรักรักรักรักรักรักรัก ♥

    แท็ก : #พิชาน25น้องฮุน18 / #ฮุนไคDistant

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×