สังเวยสุดท้าย
เสียงประสานที่มัดรวมความเกลียดชังของผู้คนคลาเคล้ากับคลื่นความกลหลไร้ที่สิ้นสุดช่างเป็นส่วนผสมที่ลงตัวสำหรับวันล่าแม่มด ท้ายที่สุดแล้วเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าเคารพบูชาจักเป็นผู้นำพาข้าข้ามไปยังปรโลก
ผู้เข้าชมรวม
127
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
แสงคบเพลิงนับสิบส่องสว่างอยู่เบื้องหน้าข้า คราดอีกนับร้อยที่ชี้มายังทิศทางเดียวกันทำให้ร่างทั้งร่างของข้าหนักอึ้งเสียเหลือเกิน แม้ว่าข้าจะมองดูจากชั้นสองของบ้านก็ตาม
พวกเขาพังประตูบ้านเข้ามา ทำลายข้าวของเสียหายยับเยิน เข้าค้นทุกซอกทุกมุมของบ้าน พลางตะเบ็งเสียงฟังไม่ได้ศัพท์อย่างไม่มีทีท่าจะหยุด
บรรดาเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ชวนให้หัวใจข้าเต้นระรัวประหนึ่งระบำกลอง ก่อนนี้ข้ากำลังสวดภาวนาถึงพระเจ้าอยู่ในห้องนอนอย่างสงบสุข ตอนนี้ข้ากำลังกอดคัมภีร์ไว้แน่นและซ่อนตัวอย่างเงียบเชียบภายในหีบใบใหญ่ โดยแสร้งเอาผ้าขนแกะหนาหนักคลุมไว้ด้านบน หวังเพียงว่าการกระทำนี้จะช่วยตบตาผู้คนภายนอกได้บ้าง
ข้าพยายามหายใจให้เบาที่สุดแม้รู้ดีว่าอากาศภายในหีบใบนี้กำลังจะหมดลงก็ตาม
‘โอ้บิดาของลูก เหตุใดพวกเขาเหล่านั้นจึงต้องหมายปลิดชีวิตลูกเพื่อถวายพระองค์ด้วย’ ข้าอ้อนวอนถึงพระผู้เป็นเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ‘ลูกสวดภาวนาถึงพระองค์ทุกวันไม่ต่างกับพวกเขาเลย เหตุใดลูกจึงสัมผัสไม่ได้ถึงความรักของพระองค์ดั่งเช่นที่พวกเขาได้รับ’
หยาดน้ำตาร่วงรินสัมผัสคัมภีร์ที่กอดไว้แนบอกแล้วซึมไปกับแผ่นกระดาษ ทิ้งไว้เพียงรอยวงกลมและความเปียกชื้นเท่านั้นที่คอยย้ำเตือนข้า
“นังแม่มดไม่อยู่ที่นี่”
“นังนั่นรู้ล่วงหน้าและหนีไปแล้ว!”
“เผาบ้านมันให้วอด!”
เผาเลย เผาเลย เผาเลย
ข้าหลับตาแน่น โสตประสาทเปิดกว้างรับรู้ทุกถ้อยคำด่าทอที่ผู้คนด้านล่างพ่นออกมา หลังแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดอยู่ในห้องนอนอีกแล้วจึงตัดสินใจแง้มฝาหีบออก สิ่งแรกที่รับรู้ได้คือกลิ่นไหม้และควันดำที่ลอยเตะจมูก ด้วยสังหรณ์ใจไม่ดีข้าจึงรีบวิ่งไปที่เชิงบันได ภาพตรงหน้าทำข้าน้ำตาร่วงอีกครา
พรมในห้องนั่งเล่นกำลังมอดไหม้ รูปแขวนผนังทั้งหลายที่ข้าหวงแหนกลับกลายเป็นตอตะโก เพลิงแห่งความพิโรธกำลังกลืนกินบ้านทั้งหลังของข้า
คัมภีร์ในมือร่วงหล่นลงแทบเท้า ข้าก้มลงไปเก็บมันและโยนเข้าไปในกองเพลิงอย่างไม่ลังเล ดวงหน้าหันเบนไม่แม้แต่ชายตามองกองไฟที่สว่างวาบและมอดดับตรงหน้า
ยามนี้ในหัวของข้ามีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
‘ข้าต้องหนี’
ข้าไม่สามารถอยู่ในที่ที่ผู้คนจ้องจะฆ่าข้าได้อีกต่อไป สองขารีบจ้ำมาที่ประตูหลังของบ้านที่ติดกับชายป่า พลเอกฟูฟูยังยืนอยู่ในคอกอย่างสงบเสงี่ยม ช่างขัดกับบรรยากาศบ้าคลั่งโดยรอบอย่างสิ้นเชิง
ข้าเปิดคอกให้พลเอกฟูฟูเดินออกมา นางเป็นแกะสาวตัวโต แค่หลังของนางก็สูงเลยอกของข้าไปแล้ว เกรงว่าหากข้าทิ้งนางไว้ที่นี่ ชีวีตนางคงจะจบลงอย่างน่าสิ้นหวังดั่งสมญานามแกะรับใช้ของแม่มด
ข้าจูงนางมาที่ด้านหน้ากองฟาง เดินขึ้นไปทรงตัวบนนั้นและกระโดดขึ้นขี่อย่างมั่นคง ข้าทำแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่ยังเล็ก คนอื่นขี่ม้า ส่วนข้าที่ไม่มีทรัพย์มากพอจึงจำต้องขี่พลเอกฟูฟู
นางรู้งานและเริ่มออกวิ่งเข้าไปในป่า
ลมเย็นกรีดผ่านใบหน้าข้าดั่งคมมีด สองข้างทางเต็มไปด้วยหิมะสีขาวโพลน ต้นสนที่ดูเหมือนซากศพขนาดยักษ์รอบด้านยิ่งเสริมให้ป่านี้ดูไร้ชีวิต
เนิ่นนานเท่าใดไม่มีใครทราบ มือและเท้าของข้าเริ่มไร้ความรู้สึกจากการถูกหิมะกัด แรงของพลเอกฟูฟูตกไปมากเทียบกับตอนเข้าป่ามา เดือนเด่นยังคงลอยค้างฟ้า บ่อบอกว่าราตรีนี้ยังอีกยาวไกล ข้าตัดสินใจลงจากหลังของพลเอกฟูฟูและเดินเคียงคู่ไปกับนาง ก่อนนี้ข้าพึ่งพิงขนนุ่มของนางเพื่อความอบอุ่น แต่ตอนนี้ที่ปลายประสาทของข้าด้านชาไปจากความหนาวหมดแล้ว ข้าก็ไม่จำเป็นต้องห่วงชีวิตของตนเองอีกต่อไป เท้าเปล่าสัมผัสพื้นหิมะเย็นเยียบ หากแต่ใจข้าหาได้สนไม่ ข้าเดินลากเท้าไปด้านหน้าต่อไปอย่างไร้จุดหมาย
แม้ว่าทัศนวิสัยของข้าจะย่ำแย่เต็มที แต่ข้าก็เห็นภาพเบื้องหน้าชัดเจน ข้าหยุดที่ต้นสนต้นสุดท้ายและมองเข้าไปในพื้นที่โล่งกว้างประหลาดที่ไม่เหมาะจะตั้งอยู่ ณ ใจกลางป่าแห่งนี้แม้แต่น้อย
หมอกหนาที่ปกคลุมอยู่มิอาจซ่อนความทรุดโทรมของโบราณสถานตรงหน้าได้มิด สิ่งก่อสร้างคล้ายโดมขนาดเล็กทำมาจากหินสีอ่อน เพียงชายตาผ่านไวๆก็รู้ได้โดยทันทีว่ามันถูกออกแบบมาอย่างประณีเพียงใด รูปปั้นด้านในพุพังไปมาก บริเวณหน้าถูกทำลายจนไม่อาจบ่งบอกได้ว่าที่นี่คือเทวสถานของลัทธิใดกันแน่
หากแต่รัศมีที่แผ่ออกมาจากรูปปั้นกลับดึงดูดให้สักการบูชาอย่างเสียไม่ได้ ทันทีที่เท้าของข้าก้าวเข้ามาในเขตวิหาร สายลมเกรี้ยวกราดเมื่อครู่ก็พลันสงบลง ข้ารู้สึกได้รับการปกป้องอย่างที่ไม่ได้รับมานาน
พลเอกฟูฟูก็เดินตามมาเช่นกัน นางคงเหนื่อยน่าดูจากการเดินทางอันยาวนาน เพียงพริบตาเดียวนางก็ล้มตัวลงนอนแทบเท้าของรูปปั้นนั้น
ข้ามองตามอย่างชั่งใจครู่หนึ่ง ทันใดนั้นประกายแสงก็วาบผ่านดวงตาว่างเปล่าของข้า สองเท้าเดินเข้าไปหาพลเอกฟูฟู ย่อตัวลงนั่งโดยสองเข่าแตะพื้นในท่าเทพธิดา ประสานมือระดับอกและหันหน้าไปทางรูปปั้นเทพนิรนาม
‘ได้โปรดให้ข้าได้พึ่งพิงพระองค์ในค่ำคืนนี้ ได้โปรดมอบการคุ้มครองแก่ข้าและแกะของข้า ได้โปรด’
อธิษฐานเสร็จข้าก็ล้มตัวลงนอนแบ่งปันความอบอุ่นกับพลเอกฟูฟู
คล้ายค่ำคืนนี้เป็นหนึ่งในค่ำคืนที่หนักหน่วงที่สุดในชีวิตของหญิงสาว เพียงชั่วหนึ่งความนึกคิด นางก็ผล็อยหลับอย่างง่ายดาย
เมฆยามราตรีเคลื่อนมาบดบังดวงจันทร์อีกครา รัตติกาลเข้าครอบงำทุกหย่อมหญ้าเมื่อไร้แสงจันทร์ หากแต่ ณ ใจกลางป่าใหญ่ ในเทวสถานโบราณกลับมีรูปปั้นที่ส่องแสงสว่างนวลตาตั้งอยู่
สายลมอุ่นปริศนากลางเหมันตฤดูตรงเข้าคลอเคลียหญิงสาวที่ฐานรูปปั้นอย่างปรีดาคล้ายโหยหานางมาเนิ่นนาน ไม่เพียงความอบอุ่น หากแต่สายลมยังพัดพาเอาถ้อยคำที่เบาราวเสียงกระซิบมาเช่นเดียวกัน
‘ข้ากลับมาแล้วนะ’
ผลงานอื่นๆ ของ กระต่ายคิมหันต์ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ กระต่ายคิมหันต์
ความคิดเห็น