ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : หวั่นไหว
“คิดถึงพี่ชายจัง” ตุ้ยบ่นเบาๆคณิตศาสตร์ช่วงสายๆ ของวันกลางสัปดาห์อยู่ โลเคชั่นตำแหน่งที่เขานั่งดีมากคือข้างหน้าต่างด้านหลังสุด ลมพัดเย็นสบาย เขารู้สึกง่วงเป็นพิเศษเพราะเมื่อคืนกว่าจะนอนก็เลยไปถึงเกือบสว่างแล้ว ตุ้ยตาปรือขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็หลับไป สักพักหนึ่งก็มีเสียงดังมาจากหน้าห้อง
“นี่ตฤณฑ์ เธอหลับในห้องอีกแล้วเหรอ ครูเตือนแล้วใช่ไหม ว่าไม่ให้เล่นเกมจนดึกจนดื่น ดูสิ น้ำลายไหลยืดเชียว ไม่น่าดูเลย” สิ้นเสียงอาจารย์แก่คนหนึ่ง รูปร่างท้วมใส่แว่น ก็มีเสียงหัวเราะเบาๆ ขึ้นในห้อง ตุ้ยงัวเงียตื่นขึ้นมามองหน้าอาจารย์อย่างงงๆ
“ครับ”
“เอ้า ไปล้างหน้าล้างตาไป ดูซิ หน้าตาดูไม่ได้เลย คราวหลังอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกนะ ทุกคนด้วยนะ” อาจารย์เดินหันหลังกลับไปหน้าห้อง
“ค่า/คร้าบบ” นักเรียนในห้องตอบเสียงแจ๋ว ตุ้ยเดินออกจากห้องเรียนไป ไปหยุดอยู่ตรงหน้ากระจกในห้องน้ำชาย เขาจ้องมองกระจกอยู่นาน
“คิดถึงพี่ชายว่ะ” ตุ้ยเปิดน้ำแล้ววักน้ำสาดใส่ใบหน้าเต็มๆ สี่ ห้า รอบ จนชุดนักเรียนสีขาว เปียกไปหมด สักพักก็หยุดมองดูอ่างล้างหน้าสีขาวไข่มุก ที่สะอาดเอี่ยมด้วยฝีมือแม่บ้าน ใบหน้าของตุ้ยเคร่งเครียดคลับคล้ายว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
สักครู่หนึ่ง ตุ้ยก็เดินออกจากห้องน้ำด้วยสภาพ เปียกปอนไปทั้งตัว แล้วเข้าห้องเรียนไป เขาก็ไม่พ้นสายตาอาจารย์วิชาคณิตศาสตร์คนเดิมอยู่ดี พออาจารย์เห็นดังนั้น เสียงแหลมปรี๊ด เสียดแทงใจใครหลายๆคนก็ดังขึ้น
“ตฤณฑ์ ครูให้เธอไปล้างหน้านะ ไม่ใช่ให้ไปอาบน้ำ ดูซิเปียกมาเชียว เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” เสียงอาจารย์พร่ำบ่นปนด้วยความห่วงใย ตุ้ยก็ไปตอบอะไรทั้งนั้น เพราะเขากำลังเหมือนเหม่อลอย
“เธอกำลังฟังที่ครูพูดอยู่หรือเปล่าตฤณฑ์”
“ฟังครับ”
“แล้วเธอเป็นอะไร วันนี้เธอดูแปลกมากกกก” อาจารย์เน้นย้ำเสียงสุดท้าย
“ผม กำลัง คิดถึง ใครบางคน” ตุ้ยก้มหน้าแล้วตอบเสียงเรียบๆ
“
.” อาจารย์อึ้ง ทุกคนในห้องเงียบสักหนึ่งก็ตามมาด้วยเสียงอื้ออึงกันไปทั่ว ทุกคนต่างวิจารณ์ไปต่างๆ นาๆ เพราะไม่เคยเห็นตุ้ยมีความรักกับเขาสักที
“เฮ้ย คิดถึงพี่แพรวาหรือเปล่า เมื่อเช้าเห็นปั่นจักรยานมาด้วยกัน” เสียงหนึ่งดังขึ้น
“ใช่แน่ๆเลย เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว” อีกเสียงหนึ่งแทรกขึ้น
“ไม่ใช่ ไม่ใช่” ตุ้ยรีบปัดทันที
“ไม่ใช่อะไร อย่ามาทำไก๋ เค้ารู้กันหมดแล้ว”
“ใช่ๆ” ทุกคนในห้องพยักหน้าเห็นด้วย
ตุ้ยอารมณ์บูด แล้วนั่งลงทันทีโดยยังไม่มีคำอนุญาตเชิญให้นั่งจากอาจารย์ ทุกคนยังพูดคุยกันไปทั่ว ทั้งห้องเริ่มเสียงดังขึ้น สักพักหนึ่งเมื่อเห็นอาจารย์ทำหน้าบึ้งก็เงียบลงทันที เพราะรู้ว่าถ้าอาจารย์คณิตศาสตร์คนนี้โกรธ โลกถึงคราวพินาศแน่
“เห้อ... มันเป็นอะไรกันนะ เด็กสมัยนี้” อาจารย์ส่ายหน้า
“เป็นลิงเป็นค่างครับอาจารย์ ฮ่าฮ่า” ชัยภพเพื่อนสนิทสุดกวนของตุ้ยตะโกนแซวอาจารย์ อาจารย์ขยับแว่นแล้วมองมาทางชัยภพ
“เธอคนเดียวนะสิ” แล้วอาจารย์ก็สะบัดหน้า ไปสอนต่อที่หน้าห้อง
“เอาละค่ะ เรามาเรียนเรื่องต่อไปกันเลยนะค่ะ
.. “ บทเรียนยังคงดำเนินต่อไป แต่ในมุมหลังห้องยังคงมีหนุ่มน้อยสองคนกำลังดำเนินบทสนทนากันอยู่
“เฮ้ย! ว่าไงว่ะเรื่องพี่แพรวาที่กูถามน่ะ” ชัยภพถามขึ้นทันทีด้วยเสียงแหบๆ เบาๆ
“ไม่รู้ กูไม่รู้เรื่อง”
“มึงอย่ามาทำเป็นไขสือ เรื่องเมื่อเช้า ใครๆ เขาก็เห็น” ชัยภพพยายามเค้นเอาคำตอบให้ได้
“กูไม่รู้ มึงไปถามพี่เขาเองละกัน กูไม่เกี่ยว”
“อ่าว ไอ่นี่ เพื่อนถาม นี่ไม่เคยตอบเลย”
“เรื่อง
” แล้วตุ้ยก็เดินลัดหลังห้องเรียน แล้วเดินออกจากห้องไป ซึ่งจังหวะนั้น อาจารย์คณิตศาสตร์กำลังหันหลังเขียนกระดานอยู่ ทำให้ตุ้ยรอดพ้นจากสายตาของอาจารย์ไปอย่างหวุดหวิด วุ้ยเสียวโลกาพินาศจริงๆ
.
เกือบๆเที่ยง ตุ้ยก็ไปด้อมๆม้องๆแถวๆห้องเรียนของแพรวา ซึ่งอยู่ชั้นล่างมุมสุดของอาคารเรียนหลังโรงเรียนซึ่งนักเรียนม.ปลาย ครึ่งหนึ่งจะเรียนที่อาคารนี้ หัวใจของตุ้ยเต้นไม่เป็นจังหวะ เพราะตื่นเต้นมากที่แพรวาเรียกมาพบในตอนกลางวันนี้ เขาไม่รู้เลยว่าสาเหตุใดเหมือนกัน เขานั่งรออยู่ที่ใต้ต้นไม้ข้างๆห้องเรียนของแพรวา อีกสิบนาทีห้องเรียนม.ปลายทุกห้องจะหมดเวลาเรียนในช่วงเช้า
“แล้วจะมาทำไมฟ่ะเนี่ย เดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก” ตุ้ยเริ่มปอดแหกขึ้นมา ด้วยเป็นหนุ่มน้อยไม่ประสาอะไรมากกับความรัก
“กลับดีกว่า” ตุ้ยหันหลังกลับ
“จะรีบไปไหนละ” ตุ้ยหันหลังกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่เดินไปได้สองก้าว เข้าได้เห็นแพรวา ยืนอยู่ด้านหลัง แพรวายิ้ม ตุ้ยก็ยิ้มตอบอย่างเสียมิได้
“ก็นัดไว้แล้ว แล้วจะผิดนัดกันเหรอ” แพรวาเดินกอดออกเลี้ยวตัวมายืนอยู่หน้าตุ้ย ตุ้ยก็รีบถอยออกทันที
“ไม่ใช่นะครับ”
“เอาเหอะๆ รู้นะ ว่าเราอาย” แล้วตุ้ยก็อายจริงๆด้วย หน้าแดงโดยอัตโนมัติ
“ผมไม่ได้อายนะครับ ผมบอกได้เลยว่าผมไม่อาย” ตุ้ยรีบปัด แพรวายืนยิ้มและหัวเราะออกมาเบาๆ ตุ้ยไม่รู้จะทำอะไรต่อดี แพรวาก็เลยตัดบท
“ไปกินข้าวกัน”
“หา กับผมเนี่ยนะ” ตุ้ยตกใจ
“ใช่ ก็ไปกินข้าวกันสองคน แปลกเหรอ” แพรวาทำหน้าฉงน
“แปลกสิครับ คือผมยังไม่เคยไปกินข้าวกับผู้หญิงสองต่อสองเลย แล้วยิ่งกับพี่แพรวา
”
“ไม่เคย ก็เคยซะสิไม่เห็นยากเลย ปะไปกินข้าวกัน” ว่าไปพลางแพรวาก็เอื้อมมือไปจับมือของตุ้ยแล้วก็ลากพาไปโรงอาหารของโรงเรียน ซึ่งอยู่ไม่ไกล ตุ้ยก็ตกใจรีบปล่อยมือทันที แพรวาเลยหันมาค้อนเบาๆ
“มันน่านักนะ เด็กน้อยคนนี้” แล้วแพรวาก็เดินนำหน้าไป ตุ้ยก็เดินตามไปด้วยตัวลีบๆ ท่ามกลางสายตานับร้อยสองข้างทางที่มองทั้งคู่อยู่ แพรวาเดินนำอย่างไม่สะทกสะท้าน แถมยังหยิ่งในความสวยของเธอนิดๆ ตุ้ยที่ตามมาทีหลังนั้นใจสั่นๆอยู่ตลอด มองไปมารอบๆ ตลอดที่เดินไปโรงอาหาร สองข้างทางผู้คนก็ยังจ้องมองไม่หยุด แถมยังหันไปซุบซิบนินทาตามประสาผู้หญิง ตุ้ยก็ไม่รู้ว่า เขาเหล่านั้นกำลังว่าอะไรแพรวา และเขาอยู่ เขาอยากจะเร่งเวลาให้เดินเร็วๆ จะได้พ้นจากสถาการณ์แบบนี้
แล้วทั้งสองก็มาถึงโรงอาหาร ตุ้ยถอนหายใจนึกว่ารอดพ้นจากสายตารายทางแล้ว แต่ก็ต้องตกใจ เมื่อผู้คนในโรงอาหารที่มีอยู่ครึ่งพัน ต่างหันมามองตุ้ยกับแพรวาเป็นสายตาเดียวกัน และหันไปซุบซิบกัน เหมือนเมื่อสักครู่ไม่ผิดแผก เขาเลยเลือกที่จะเดินก้มหน้าตามแพรวาเข้าโรงอาหารไป เพราะไม่อยากเห็นสายตาแบบนั้นอีกแล้ว
“นั่งสิตุ้ย”
“
.” ตุ้ยนั่งลงแล้วเงียบไม่พูดจาอะไร
“อ่าวเป็นอะไรไปละ” แพรวาถามด้วยความห่วงใย
“เปล่าครับ เดี๋ยวผมไปซื้อข้าวให้แล้วกัน” ตุ้ยลุกออกจากโต๊ะไป เดินก้มหน้างุดๆ ฝ่าฝูงชนในโรงอาหารที่ต่างกำลังทานข้าวไปพลาง มองเขาทั้งคู่ไปพลาง อยู่ไม่หยุด
มองหาบิดาไรฟะ
ตุ้ยบ่นในใจ
“กระเพราไข่ดาวสอง” ตุ้ยตะโกนสั่งข้าวไป ใจก็ฉุนไป
“ได้แล้วครับ นี่ครับน้ำ” ตุ้ยวางจานข้าวบนโต๊ะ แล้วยื่นขวดน้ำให้กับแพรวา แพรวารับแล้วยิ้มให้
“ขอบคุณค่ะ” ตุ้ยนั่งลงเบื้องหน้าแพรวา ตอนนี้ตุ้ยเริ่มไม่อายแล้ว เพราะแคร์กับสายตาคนรอบข้างมากกว่า ใจเขาอยากรีบๆกิน แล้วรีบๆเสร็จไปซะ
“เป็นอะไรเหรอ” แพรวาเอ่ยถามขึ้น ตุ้ยหันซ้ายหันขวาตลอด
“เปล่าครับ” ตุ้ยส่ายหัว แล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ
“เรานะน่ารักนะรู้ไหม”
“
..” ตุ้ยอึ้ง เงยหน้ามองเจ้าของเสียง และสะบัดหน้าตัวเองเบาๆ เพราะไม่คิดว่า แพรวาจะพูดแบบนี้กับเขา แพรมายังคงมองหน้าตุ้ยอยู่ ทำให้ตุ้ยอายจนต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“ครับ” ตุ้ยผงกหัวหนึ่งครับ
“แล้วเราคิดว่าพี่น่ารักหรือเปล่า”
“ครับ”
“เอ่อ
แล้ว เราน่ะมีแฟนหรือยังละ”
“
” แล้วตุ้ยก็อึ้งอีกครั้งกับคำถามที่แพรวากระหน่ำถามมาแต่ละครั้ง และแล้วก็ถึงบางอ้อ ว่าพี่แพรวาต้องชอบเขาอยู่แน่ๆ แต่ก็ไม่ค่อยมั่นใจ เพราะแพรวาเป็นคนสวย ไม่น่าลดตัวมาชอบเขาอยู่ดี
“ไม่มีครับ” ตุ้ยตอบหลังจากที่กินข้าวเกลี้ยงจาน และตามด้วยน้ำเปล่าเย็นฉ่ำที่วันนี้เขาบรรจงดูดด้วยหลอดดูดใสอย่างช้าๆ ผิดจากทุกครั้งที่เขา ยกดื่มโดยไม่สนใจหลอดดูดอะไรทั้งนั้น เขาวางขวดน้ำลงอย่างเบาๆ แล้วมองหน้าแพรวา แพรวายิ้มตอบ แล้วเอื้อมมือขาวๆเล็กๆมากุมมือของตุ้ยอีกครั้ง ตุ้ยตกใจชักมือออก แพรวาไม่ได้ว่าอะไร
“ขอบคุณนะที่วันนี้มาเป็นเพื่อน”
“ไม่เป็นไรครับ”
“
.” ทั้งคู่เงียบไปพักหนึ่ง แล้วตุ้ยก็ลุกขึ้นจากโต๊ะ
“งั้นผมไปก่อนนะครับ นัดเพื่อนไว้” ก่อนที่ตุ้ยจะหันหลังเดินไป แพรวาก็คว้ามือของตุ้ยไว้ คนทั้งโรงอาหารเห็นก็ตาโต และเป็นที่ฮือฮากันไปทั่ว เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจกระหึ่มขึ้นทั้วโรงอาหาร คราวนี้แพรวาจับมือเขาไว้แน่น เลยปล่อยไม่ได้
“เอ่อ
ตอนเย็น พี่จะรอที่สระน้ำหน้าโรงเรียนนะ มาหาด้วย มีเรื่องสำคัญจะบอก”
“
.” ตุ้ยไม่ตอบอะไร นอกจากปล่อยมือ แล้วเดินก้มหน้าฝ่าฝูงชนออกไป แพรวานั่งลงที่เดิมยกโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกม โดยไม่แยแสสายตา และเสียงกระซิบ นินทาของคนรอบข้าง ทางด้านตุ้ยเมื่อเดินออกมาจากโรงอาหารแล้วก็ ไม่มองกลับมาที่เดิมอีกเลย
.ทำไมมันรู้สึกอะไรเลย ทั้งๆที่เราก็แอบชอบเขานี่ ทำไมฟะ
.
ตุ้ยรู้สึกงงตัวเองว่า ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกดีใจ หรือมีความสุขมากมายในตอนที่อยู่กับแพรวาสองต่อสอง เหมือนกับตอนที่เจอแพรวาแรกๆเลย อาจจะเป็นเพราะเขาเขิลอายมากเกินไป หรือ อาจจะเป็นเพราะมีคนจับตามองเขากับแพรวาอยู่มากมาย และบรรยากาศที่แสนจะอึดอัด ตุ้ยได้รู้ว่าการที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่เขาชอบอาจจะไม่ใช่ความสุขที่มากมายเท่ากับ การได้แอบชอบ แอบปลื้มอยู่ไกลๆ ก็เป็นได้ และในเย็นวันนี้เขาตั้งใจว่าจะไม่ไปหาแพรวาตามที่แพรวาร้องขอ เหตุผลหนึ่งคือเขาค่อนข้างลำบากใจที่จะถูกจับตามองอีก และรู้ว่าแพรวาจะบอกอะไรเขาในเย็นนี้ แล้วทำไมเขาถึงไม่ไปหาแพรวา แล้วสานต่อในสิ่งที่แพรวาจะพูดต่อไปละ มันก็อาจจะมีความสุขมาก และเป็นสิ่งที่ตุ้ยก็ใฝ่ฝันไม่ใช่หรือ เพราะอะไรกัน หรือว่าเป็นเพรา
“พี่ชาย
”
..
ตอนเย็น แพรวานั่งคอยตุ้ยอยู่ที่สระน้ำหน้าโรงเรียน ตั้งแต่เย็นกระทั่งเกือบค่ำ แต่ตุ้ยก็ไม่มา แพรวารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย และกำลังเตรียมตัวจะเดินกลับบ้าน ก็มีมือมาคว้าแพรวาไปอยู่ในมุมมืดของโรงเรียน
“ว๊ายย
.” เสียงกรีดร้องถูกปิดด้วยมืออีกข้างหนึ่ง แพรวาไม่สามารถต่อสู้อะไรได้เลย เธอไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่า เธอกำลังจะถูกพาไป ณ ที่แห่งใด และใคร เป็นคนกระทำกับเธอ
..
มืดแล้ว
บ้านไร่แห่งเดิม ที่หนุ่มน้อยปั่นจักรยานขึ้นเนินกลับมาทุกวัน ก็มืดลง ความหนาวเริ่มก่อตัวอีกครั้ง ความเงียบแผ่ซานไปทุกอาณาบริเวณ มีเพียงบ้านไร่ ที่ยังสว่างไสวด้วยแสงจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ หลังอาหารเย็น ตุ้ยนอนอยู่บนเตียงตัวเดิม ในห้องนอน จ้องมองคอมพิวเตอร์ที่กำลังออนไลน์โปรแกรมแชท ที่เคยเล่นเจอต้นอยู่ที่ผ่านมา และหวังว่าวันนี้พี่ชายเขาคงจะออนไลน์ และโทรมาหาเขาเหมือนที่ได้สัญญาไว้เมื่อวาน ตุ้ยนอนคิดถึงคำพูดที่พี่ชายได้พูดส่งมาทางสายโทรศัพท์ทุกคำ แทบจะจำได้ขึ้นใจ
..ทำไมนะ พี่ชายถึงทำให้เรามานั่งคิด นอนคิดถึงอยู่อย่างนี้ ทำไมเราต้องคิดถึงเขาทั้งวันด้วย ทำไมเมื่อคืนเราถึงมีความสุขเหลือเกินที่ได้คุยกับพี่ชาย แล้วทำไมเราต้องมานั่งใจจดใจจ่อรอโทรศัพท์จากพี่ชาย ทำไมเราถึงต้องอยากคุยกับเขา แล้วทำไมพี่ชายถึงยังไม่โทรมาเสียที ได้โปรดเถอะ ช่วยโทรมาหาผมที
“กริ๊ง กริ๊ง” โทรศัพท์บ้านสีชมพูดังขึ้น ตุ้ยรีบรับทันที
“ฮัลโหล” ใจหนึ่งก็ใจจดใจจ่อรอเสียงจากปลายสาย ว่าเป็นพี่ชายหรือเปล่า
“ตุ้ยเหรอ พ่ออยู่ไหม นี่ลุงทีเอง” เสียงผู้ชายแก่ๆดังขึ้น
“อ๋ออยู่ครับ รอสักครู่นะครับ” ตุ้ยหมดอารมณ์ กระโดดลงจากเตียเขางวิ่งบันใดไปชั้นล่าง
“พ่ออออออออออออออออออออออ!!!” แล้วเรียกหาพ่อตัวเองเสียงดังลั่น
“เออ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากฟาร์มข้างๆ
“โทรศัพท์!!” เขาตะโกนอีกครั้ง แล้วก็เดินงุดๆ ขึ้นบันไดไป บนห้องนอน ปิดประตูดัง ปัง! กระโดดขึ้นเตียง แล้วแอบฟังโทรศัพท์ แล้วคิดว่าเมื่อไหร่จะโทรเสร็จสักที เขากำลังรอโทรศัพท์สำคัญอยู่นะ
..คลิก.. ในที่สุดพ่อก็วางโทรศัพท์เสียที ตุ้ยเริ่มใจชื้นขึ้น แล้วก็หันไปมองนาฬิกา ตอนนี้ สองทุ่มกว่าๆ เขาก็ตั้งหน้าต้งตารอ โทรศัพท์กันต่อไป อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ เสียงจิ้งหรีด เริ่มดังระงมไปทั่ว ตุ้ยมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงจันทร์ช่างกลมโตเหลือเกิน
.. พี่ชายเมื่อไหร่จะโทรมาเสียทีละ เห้อ ทำไมฟะ ทำไมเราต้องมารอโทรศัพท์จากคนที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนด้วย ทำไมเราต้องวิ่งไปดูโปรแกรมแชท เพื่ออยากจะคุยกับผู้ชายคนนั้นด้วย พี่ชาย เมื่อไหร่จะโทรมาเสียทีครับ
สามทุ่มแล้ว
เสียงโทรศัพท์ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม และครั้งที่สี่ ปลายสายก็ยังไม่ใช่พี่ชาย ตุ้ยรู้สึกกระวนกระวายใจมากที่พี่ชายไม่โทรมาเสียที มันเป็นความทรมานที่บอกไม่ถูก ในเวลานี้ของเมื่อวาน เขายังมีความสุขอยู่เลย แต่วันนี้ ทำไม
.
สี่ทุ่ม
“หรือว่า พี่ชายลืม งั้นเราโทรหาแล้วกัน” ตุ้ยรีบเปิดสมุดที่จดเบอร์โทรศัพท์ของต้น แล้วรีบกดโทรไปหาทันที ตุ้ยรอให้คนรับสายอย่างใจจดใจจ่อ หัวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก
.ขอให้พี่ชายรับสายทีเถอะ
ครั้งแรก
. ไม่ มี ใคร รับ สาย
ครั้งที่สอง
.. ไม่ มี ใคร รับ สาย
ครั้งที่สาม
. ตุ้ยกดหมายเลข โทรออกเพียง หนึ่งครั้ง แล้วก็วางสาย
“ทำไมใจสั่นฟะเนี่ย” ตุ้ยเอามือจับที่หน้าอกดู รู้สึกใจสั่นแปลกๆพิกล แบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน และในชีวิตของตุ้ยก็ไม่เคยรออะไรที่ยาวนาน และทรมานเหมือนครั้งนี้มาก่อนเลย เขาก็ได้แต่เฝ้าภาวนา ให้ต้นโทรมาหาเขาในคืนนี้ตามที่ได้สัญญากันไว้
“กริ๊ง กริ๊ง” ตุ้ยรีบรับทันที แล้วเขาก็ผิดหวังอีกจนได้ ตุ้ยกระโดดลงจากเตียง วิ่งลงบันใด ไปข้างล่าง แล้วมาหยุดหน้าประตูบ้าน แล้วตะโกนอย่างสุดแรง
“พ่ออออออออออออออออออ!!”
“เออ”
“โทรศัพท์!!”
“อะไรนะ” ตุ้ยหัวเสีย เลยวิ่งออกไปบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน แต่เขาไม่ทันระวังเลยสะดุดล้มลงกองกับพื้นหญ้า น้ำค้างเย็นฉ่ำกระเซ็นถูกใบหน้าของเขา
“โทรศัพเว้ยยยยย!!” ตุ้ยตะโกนสุดเสียงจนก้องไปทั่วอาณาบริเวณบ้านไร่ของเขา เขาพยายามพยุงตัวขึ้นมานั่ง โชคดีที่เป็นพื้นหญ้าเลยไม่มีแผลใดๆ แต่เหมือนโชคร้าย ที่ต้นไม่โทรมาหาเขาเสียที
“รอมานานแล้วนะ” ตุ้ยลุกขึ้น แล้วเดินอย่างอ่อนแรงไปบนห้องนอน ใช้ผ้าปัดตัวเสร็จก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง จ้องมองโทรศัพท์อีกครั้ง พ่อโทรศัพท์เสร็จไปนานแล้ว
เกือบเที่ยงคืน
ไร้วี่แววเสียงโทรศัพท์ ไร้วี่แววว่าต้นจะโทรมาหาตุ้ยเสียที แต่ตุ้ยก็ยังรอโทรศัพท์ต่อไป ไม่ยอมหลับยอมนอน
“โทรมาสักทีสิ รอนานแล้วนะ ไอ้พี่บ้า” ตุ้ยทุบโทรศัพท์เบาๆ
..หรือว่าพี่เขาลืม พี่ติดธุระอะไรหรือเปล่า เกิดอะไรกับพี่ชายหรือเปล่าหนอ เป็นห่วงพี่ชายจัง อยากให้พี่ชายโทรมาเร็วๆ พี่ชาย ผมรออยู่นะ
ตุ้ยรอโทรศัพท์อยู่สักพักหนึ่ง
ก็ผล็อยหลับไป
มือข้างหนึ่งก็คาอยู่กับโทรศัพท์ แล้วเขาก็ฝัน
ฝันว่าเขายังรอโทรศัพท์ อยู่ทั้งคืน
ปรากฏว่า พี่ชายไม่โทรมา ในคืนนี้ ตามสัญญา
......
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น