ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : My brother
น้องชาย
บ้านไร่ทางตอนเหนือ ฤดูหนาว เดือนสิบเอ็ด
ลมหนาวพัดปะทะกับหน้าต่างบ้านหลังเล็ก ท่ามกลางความสงบเงียบในดินเดนบ้านไร่อันกว้างใหญ่ไพศาล ความเหงาปกคลุมไปทั่วบริเวณ เบื้องบนมีดวงดาราเกลื่อนฟ้า เบื้องล่างมียอดหญ้าคอเคลียกับน้ำค้างเย็นชุ่มฉ่ำ คงไม่เหมือนในห้องนอนห้องเล็กๆชั้นสอง ที่ภายในอบอุ่นทั้งกาย อบอุ่นทั้งใจ
“ฮัลโหล” หนุ่มน้อยหน้ามน ผมสกินเฮดสั้นจู๋ สมกับวัยมัธยมต้น ที่กำลังแตกเนื้อหนุ่ม นอนกลิ้งรับโทรศัพท์อยู่บนเตียงสีฟ้าน้ำทะเล ตัดกับหมอนสีแดงลาย Red Hot และหมอนข้างสีเหลืองอ๋อย ดูๆ ไปช่างไม่เข้ากันเสียกระไรนี่
“ฮัลโหลคุยกับใครดีครับ” หนุ่มน้อยกระแทกเสียงเล็กน้อย ปนด้วยความไม่พอใจกับคู่สายที่กำลังสนทนาอยู่ แต่ทว่าไม่เหมือนการสนทนาแต่อย่างใด เพราะมีเพียงแค่หนุ่มน้อยพูดอยู่คนเดียว ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากปลายสาย
“
” ปลายสายเงียบ หนุ่มน้อยเลย นอนรอ พร้อมกับหยั่งเชิงอีกฝ่ายด้วยว่า จะตอบโต้อย่างไร เขานอนกลิ้งไปมาบนเตียง มือถือโทรศัพท์บ้านสีชมพูที่แม่ของเขาซื้อให้ในวันเกิด นับว่าเป็นของขวัญชิ้นที่สิบ ที่แม่ของเขาซื้อมาให้เขาโดยที่เขาไม่ถูกใจเลยแม้แต่น้อย
บนเพดานห้อง มีดาวเรืองแสงรูปแบบต่างๆ ถูกแปะติดอยู่มาประมาณปีกว่า ประโยชน์ของมันคือ ทำให้ห้องนอนมีสีสันยามที่ปิดไฟ และทำให้หนุ่มน้อยนอนลำบากขึ้นเพราะ แสงของดาวเหล่านั้นแยงตาเขาทุกคืน รอบๆห้องมีของใช้ที่จำเป็นสำหรับชีวิตชายหนุ่ม(น้อย)อย่างเขามาก ทั้งโทรทัศน์สีชมพู เกมเพลย์ คอมพิวเตอร์ และตู้เย็น!! ไม่แปลกที่ตู้เย็นจะปรากฏในห้องนอนของหนุ่มน้อยได้ เพราะหนุ่มน้อยเคยยื่นคำขาดกับแม่ของเขา ว่าเขาอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีตู้เย็น เพราะหนุ่มน้อยเวลาหิว มักจะหมดแรงอยู่เสมอ ไม่สามารถคลานไปหาอะไรทานข้างล่างได้
“ครับ” หนุ่มน้อย สะดุ้งตื่นจากภวังค์ เมื่อมีเสียงตอบรับจากปลายสายหลังจากที่เขารอมาประมาณห้านาที ก่อนจะมีเสียงตอบกลับ หนุ่มน้อยได้ยินเสียงเหรียญตกในกล่องเก็บเงินของตู้โทรศัพท์ และเสียงหยอดเหรียญครั้งหนึ่งดังตามมา
“ครับ จะคุยกับใครครับ” หนุ่มน้อยถามกลับ พลางบิดขี้เกียจ แล้วดูนาฬิกา ขณะนี้ สามทุ่มกว่าแล้ว เสียงจิ๊งหรีดดังระงมไปทั่วพร้อมกันอีกครั้งโดนมิได้นัดหมาย
“เอ่อ
นั่นน้องตุ้ยหรือเปล่าครับ”
“ครับ แล้วพี่ละเป็นใคร” หนุ่มน้อยถามสวนกลับทันที ด้วยเสียงที่นุ่มนวลเหมือนทุกครั้งที่เขาคุยโทรศัพท์ ไม่แปลกที่จะมีหญิงน้อย หญิงใหญ่ติดใจในคารมของเขา
“เอ่อ
พี่ต้นไง จำไม่ได้เหรอ ที่คุยกันเมื่อวาน” เมื่อหนุ่มน้อยได้ยิน ชายหนุ่มปลายสาย พูดดังนั้น ก็ถึงกับต้องรื้อฟื้นอดีตชาติอีกครั้ง แล้วก็ถึงบางอ้อ เมื่อบุคคลปลายสายไม่ใช่ใคร คือ พี่ต้น พี่ชายที่อายุอานามแก่กว่าเขา 2 ปี ที่อยู่จังหวัดติดกับกันเขานั่นเอง หนุ่มน้อยและพี่ต้น รู้จักกันทางโลกไซเบอร์ ด้วยโปรแกรมแชทสุดฮิต ด้วยบุญนำพา หรือกรรมพาไปไม่ทราบ ทำให้เข้าทั้งสองคนมารู้จักกันและคุยถูกคอกันอย่างสนุกสนาน
แต่หนุ่มน้อยรู้สึกว่า วันนี้พี่ชายคนนี้มาแปลก ไม่สนุกสนานเหมือนที่สาม-สี่วันที่ผ่านมา
“จำได้ เอ่อ แล้วพี่เป็นไงมั่ง”
“ก็ดีครับ สบายดี”
“
..” ปลายสายเงียบไปสักพักหนึ่ง
“อ่าว พี่ต้น เงียบทำไมเนี่ย โทรศัพท์นะเค้าเอาไว้ใช้คุย ไม่ได้เอาไว้ใช้เงียบ” หนุ่มน้อยถอนหายใจเบาๆ ความหนักใจไปตกอยู่ที่ปลายสาย
“เอ่อ ไม่กล้าพูดว่ะ อาย” หลังจากที่สงวนท่าทีกันมานาน ต้นก็หลุดสำเนียงบ้านๆออกมา
“อ่าว อายอะไรเหรอครับพี่ ผมไปทำอะไรให้พี่ต้องอาย” หนุ่มน้อย หรือ ตุ้ย มึนงงกับเหตุการณ์ในขณะนี้เป็นอย่างมา และไม่ทราบว่าตนเองไปทำอะไรผิดหรือเปล่า
“ก็อายดิ เกิดมายังไม่เคยโทรหาผู้ชายด้วยกันเลย นี่ครั้งแรก” อาการหนัก
“แล้วไงอ่ะ”
“โอ้ย แล้วไงอะไรละ ไม่รู้ๆ ไม่เคยโทรหาผู้ชาย ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรดี อายเว้ย” นั่น พี่ต้นอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ
“คืออย่างงี้นะครับพี่ พี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทำใจสบายๆ ตอนนี้พี่กำลังคุยกับน้องชายพี่อยู่นะครับ อย่าเพิ่งตื้นเต้น เดี๋ยวก็หัวใจวายหรอก” ตุ้ยเริ่มเข้าใจ และกำลังสนุกอยู่ว่า ต้น พี่ชายอกสามศอกในโลกไซเบอร์ จะมีอาการอย่างไรต่อไป ตุ้ย คิดแล้วก็ขำในใจ
“โอเค พี่ต้นเอง ที่เราเคยเจอกันในแชท จำไม่ได้เหรอ ต้น สามแยกน่ะ” อาการพี่ต้นเริ่มดีขึ้น
“จำได้ครับ ทำไม่จะจำไม่ได้ละ พี่ชายของผมทั้งคน”
“อ่า ดี ไอ้น้องชายสุดที่รัก”
“ครับ แล้วพี่ทำไรอยู่ อย่าบอกว่ากำลังโทรศัพท์อยู่”
“เออ ใช่ๆ กำลังโทรศัพท์อยู่ อุตส่าหยอดตู้โทรมาหาเชียวนะเฟ้ย อยากคุยด้วย” เมื่อสิ้นประโยคนี้ ตุ้ย ก็รู้สึกแปลกใจ ว่าทำไมหัวใจของมันกระชุ่มกระชวยขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกดีใจปนกับความรู้สึกดีๆ เกิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“แล้วตอนแรก เงียบทำไมล่ะ เสียดายเงินเปล่าๆ”
“เออ โทษที คนมันอาย แต่ไม่เป็นไรหรอกบ้านพี่รวย” นั่น ยังทำคุยอีกพี่ชายตัวดี
“ครับๆๆ รู้แล้วครับว่ารวย ถ้ารวยมากให้ผมช่วยใช้เงินด้วยได้ไหมล่ะ” ตุ้ยประชด
“ครับๆๆ รู้แล้วครับว่ารวย ถ้ารวยมากให้ผมช่วยใช้เงินด้วยได้ไหมล่ะ” ตุ้ยประชด
“คร้าบบบ ไอ้น้องชาย เออ.. แล้วเล่นคอมอยู่หรือเปล่า”
“เปล่า เลิกเล่นไปตั้งนานแล้ว ก็ไม่เห็นพี่เล่นวันนี้ เลยไม่อยากรอให้เสียเวลา” ตุ้ยน้อยใจแก้มป่อง เป็นปลาทอง
“อ่าๆ วันนี้พี่ไม่ว่างเลย งานที่โรงเรียนเยอะมาก ใกล้จบม.ต้นแล้วก็เงี้ยแหละ ไว้มีงานที่โรงเรียนขึ้นมาหาหน่อยสิ เดี๋ยวจะพาไปเที่ยว”
“ครับ แต่ไม่รู้ว่าจะว่างหรือเปล่า อ่าว แล้วทำไมพี่ไม่ชวนแฟนพี่ไปเที่ยวด้วยละ ชวนผมทำไม”
“ก็มันไม่มีนะสิ” ต้นปัด
“อ่าว ไหนคุยกันวันนั้น บอกว่ามีแฟนเป็นโหลแล้วไง” ตุ้ยท้วง
“เอ่อ..” ปลายสายอ้ำอึ้งใหญ่
“โกหกละสิ” ตุ้ยจับได้ในทันควัน
“เอ่อ
โกหก จะทำไมล่ะ ก็มันหน้าตาไม่ดีนี่หว่าเลยไม่มีแฟน ไม่เหมือนใครบางคน หน้าตาก็ดี รูปหล่อ พ่อรวย ใครละจะไม่ชอบ”
“เพ้อล่ะ ไม่ขนาดนั้นหรอก ขอร้องครับอย่าประชด”
“ไม่ได้ประชดพูดความจริง”
“ถ้าจริงทั้งหมด ก็มีแฟนไปแล้วสิครับ..”
“อ่าว ยังไม่มีแฟนเหรอ..”
“ครับ เคยบอกเร้อว่ามีแฟนแล้ว คิดไปเองหรือเปล่า”
“อ่าวเหรอ พี่ก็ไม่มีแฟนเหมือนกัน” แล้วจะบอกทำไมหลายรอบ -_-“
“รู้แล้ว”
“งั้น
.” แล้วต้นก็เงียบไป
“งั้น อะไร
. เฮ้ย เงียบทำไมละครับพี่” ตุ้ยถามสวนทันทีเพราะอยากรู้
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก โอ้ย อายว่ะ มันเขิลๆยังไงก็ไม่รู้ คุยกับผู้ชายด้วยกันเนี่ย”
“โอเค งั้นคราวหลังก็ไม่ต้องโทรมาแล้วกัน” ตุ้ยงอนแก้มป่อง เป็นปลาทองตัวที่สอง
“เฮ้ย ได้ไงละ ก็อยากคุยด้วยนี่หว่า นี่กลั้นใจตั้งนานนะ ถึงจะโทรมาได้ ตอนแรกก็ไม่กล้า”
“ตอนนี้ก็กล้าแล้วไง”
“เออ แต่ก็กล้าๆ กลัวๆ แหละ”
“กลัวอะไรอีกครับ?”
“ไม่บอกเฟร้ย” เอาเข้าไป งงกับเขาจริงๆ
“ตามสบายครับท่าน ตามสบาย” ตุ้ยปลงตก
“เออๆ ว่าแต่ชอบดูบอลหรือเปล่าเนี่ย” ต้นเปลี่ยนประเด็น
“ชอบๆ
..”
..บทสนทนาดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
.
“ครับ เออ พี่ต้น นี่มันเกือบชั่วโมงแล้วนะ พี่เสียเงินไปหลายล้านแล้วนะครับ” ตุ้ยท้วงเพราะเวลามันล่วงมานานมาก และเขาเองก็ง่วงนอนเต็มทน
“อ่าว ไม่อยากคุยแล้วเหรอ กำลังสนุกเลย” ต้นรู้สึกเสียดาย
“วันหลังก็คุยได้ ไม่ใช่ว่าจะคุยวันนี้วันเดียว”
“ครับ พรุ่งนี้ พี่โทรไปหาได้หรือเปล่า..”
“ได้ครับ แล้วผมจะรอนะครับพี่ชาย”
“
.”
“พี่ต้น พี่ต้น วางหูไปแล้วเหรอ”
“ยังหรอก เอ่อ ในฐานะพี่ก็เป็นพี่ชายนะ ถึงแม้จะอยู่คนละที่ก็เถอะ พี่ก็รู้สึกกับตุ้ยเหมือนน้องจริงๆ พี่ก็อยากให้ตุ้ยตั้งใจเรียนมากๆนะ ทำอะไรก็ขอให้ตั้งใจแล้วทำให้มันสุดๆ”
“พี่ก็ด้วยละ”
“ละก็ รักษาสุขภาพด้วย ช่วงนี้มันหนาวแล้ว ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยละรู้หรือเปล่า ตุ้ย”
“ครับ พี่ก็เหมือนกัน”
“งั้นตุ้ยไปนอนเถอะ พี่ไม่กวนแล้วละ..” พี่ต้นกำลังจะวางหูโทรศัพท์
“อากาศที่นั่นหนาวหรือเปล่าละ”
“หนาวดิ อยู่ตู้โทรศัพท์นะ ไม่ได้อยู่ในผ้าห่มเหมือนใครบางคน” ว่าไปพลางก็มีลมหนาวพัดปะทะต้นเบาๆ
“ครับ ผมยังไม่มีเบอร์พี่เลย”
“เอ่อ
ไม่ต้องหรอกมั้ง ไว้พี่โทรไปหาแล้วกัน”
“นะครับ” ตุ้ยเสียงแข็ง
“เอ่อ
. โทรมาเบอร์นี้แล้วกันนะ
..”
“ครับ”
“พี่รักตุ้ยนะ
”
คลิก
. ยังไม่ทันที่ตุ้ยจะตอบโต้อะไร ต้นก็วางสายไปแล้ว ความรู้สึกแปลกๆเกิดกับตุ้ยโดยไม่รู้ตัว ยิ่งเขาได้คุยกับต้นมากเท่าไหร่ เขายิ่งรู้สึกมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น ความรู้สึกประหลาดๆนี้คืออะไรกันแน่ มือทั้งสองของเขาเย็นเฉียบด้วยบรรยากาศ แต่ในใจเขารู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก หรือเป็นเพราะต้น พี่ชายคนนี้ทำให้ตุ้ย น้องชาย มีความสุข ซึ่งเป็นเสมือนความสุขที่เขาโหยหามาทั้งชีวิต บัดนี้ ณ ห้องน้อยๆในบ้านไร่ท่ามกลางพื้นหญ้า และ ต้นไม้อันเขียวชอุ่มนั้นเต็มไปด้วยความสุข และหัวใจที่พองโต และความรู้สึกนั้นกำลังจะทะลักออกจากห้องน้อยๆห้องนั้นไปสู่โลกกว้างยามราตรี
“นี่เราเป็นอะไรไปเนี่ย” ตุ้ย รำพึงเบาๆ หลังจากที่นอนจ้องมองเพดานอยู่พักหนึ่ง โดยใจของตุ้ยเต้นแรงตั้งแต่คุยกับต้น มาถึงตอนนี้ใจก็ยังเต้นแรงไม่หยุด ครั้นจะข่มตานอนก็นอนไม่หลับเสียที ในที่สุด ตุ้ยก็ตัดสินใจกระโดดลงจากเตียงเปิดคอมพิวเตอร์ตัวเก่ง แล้วก็เอื้อมมือเปิดตู้เย็นคว้านมพาสเจอร์ไรส์มาดื่ม ก่อนจะลงมือบรรเลงเกมคอมพิวเตอร์ด้วยฝีมือระดับเซียน จนถึงเกือบเช้า ก็มุดตัวลงนอนบนเตียง ตื่นมาอีกทีก็สายโด่ง
..
“ง่วง จริง เว้ย” ตุ้ยงัวเงียไปเรียน ด้วยรถจักรยานเสือภูเขาคู่ใจคันสีเหลืองเข้ม ทว่าโรงเรียนของเขาก็ไกลจากบ้านของเขาอยู่พอสมควร แต่เป็นเพราะตุ้ยเป็นคนค่อนข้างลุยๆ เลยอยากจะออกกำลังกายไปในตัวเลยปั่นจักรยานไปทุกวัน เช้าวันนี้หมอกค่อนข้างหนาพอสมควรในตอนเช้า แต่ตอนนี้ก็สายแล้ว เลยบางเบาลง ท่ามกลางแดดอ่อนๆ ตุ้ยปั่นจักรยานลงจากเนินเขา มาสู่พื้นราบเห็นเป้าหมายอยู่ใกล้ๆ ก็เร่งเครื่องเต็มกำลัง หวังให้ทันเข้าแถวในตอนเช้าให้ได้ เพราะเขาไม่เคยมีประวัติมาสายเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ใกล้เวลาเคารพธงชาติแล้วค่ะ” เสียงประธานนักเรียนพูดออกไมโครโฟนดังแว่วมาแต่ไกล
“ฉิบ ฮาย แล้ววว” ตุ้ยมีลางสังหรณ์ว่าไปไม่ทันเข้าแถวแน่นอน เลยต้องรีบปั่นอย่างไม่ยั้ง แล้วก็เห็นประตูโรงเรียนมาแต่ไกล พอใกล้ถึงประตูโรงเรียนเท่านั้นแหละ ตุ้ยถึงกับเบรกจักรยานไม่ทันเพราะประตูโรงเรียนได้ปิดแล้ว!!
ธงชาติขึ้นสู่ยอดเสา
“โธ่ มาไม่ทันจนได้” ตุ้ยบ่นเบาๆ สักพักหลังจากที่ลงจากจักรยาน ซ้ายมือ สามนาฬิกา ก็พลันไปเจอกับ หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเป็น รุ่นพี่ที่สวยที่สุดคนหนึ่งในโรงเรียน ทำให้ตุ้ยอ้าปาก ตาค้าง ไปพักหนึ่ง หญิงสาวรู้สึกสงสัย เลยเดินเข้าไปหา
“มีอะไรหรือเปล่าค่ะ” หญิงสาวยิ้มให้ ตุ้ยรีบหุบปากทันที
“เอ่อ เปล่าครับ ไม่มีอะไร” ตุ้ยปัดอย่างรวดเร็ว
“ก็ เมื่อกี้เห็นมองอยู่ คิดอะไรกับพี่หรือเปล่าน่ะเรา” หญิงสาวหัวเราะเมื่อเห็นตุ้ยหน้าแดง
“เปล่านะครับ ผมก็แค่แปลกใจว่าพี่แพรวามาสายด้วยหรือ แค่นั้นเอง” ตุ้ยตอบปร๋อกลัวหญิงสาวจับพิรุธของเขาได้
“เหรอ น่าแปลกนะ ว่าเราน่ะรู้ชื่อพี่ด้วย”
“ใครๆ ก็รู้จักครับ พี่แพรวาดังออกจะตาย” หญิงสาวแอบยิ้ม
“แล้วเราอยากรู้จักพี่หรือเปล่าละ” หลังจากที่หญิงสาว หรือ แพรวา พูดจบ หนุ่มน้อยก็เกิดอาการเขินอายหน้าแดงเป็นทมวีคูณ ทำอะไรไม่ถูกเลยในตอนนี้
“นี่ไม่ต้องอายหรอก ดูซิหน้าแดงเชียว” แพรวาแซว
“ใครอายครับ ผมไม่อายสักหน่อย” หนุ่มน้อยหันหน้าไปทางอื่น หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว เป็นครั้งแรกที่เขาเองได้อยู่ใกล้และพูดคุยกับสาวสวยของโรงเรียนอย่างใกล้ชิดแบบนี้ โดยที่ชายหนุ่มคนอื่นๆในโรงเรียนก็ปรารถนาอยู่เป็นอย่างมาก ถือว่าเขาโชคดีที่สุดในวันนี้แล้ว
“ว่าไงละ”
“ก็อยากรู้จักครับ” หนุ่มน้อยสูดลมหายใจแล้วตอบอย่างฉะฉาน หญิงสาวหัวเราะน้อยๆ รอยยิ้มนั้นช่างน่าประทับใจผู้พบเห็นยิ่ง หญิงสาวที่เพิ่งผ่านพ้นวัยม.ต้น เข้าสู่ม.ปลาย ย่อมมีความสดใสเอยู่เป็นธรรมดา ใบหน้ารูปใข่ ผิวขาว ปากแดงระเรื่อ แก้มสีชมพู ผมยาวประบ่า สูงเพรียว ไร้ที่ติ เธอกำลังมองหน้าหนุ่มน้อย แล้วใช้สายตาไล่เลียงทุกซอกทุกมุม จะไม่ให้ตุ้ยอายได้อย่างไร เพราะเธอมองด้วยสายตาหวานเยิ้มซะขนาดนั้น
ตุ้ยก็เป็นเด็กม.ต้นธรรมดา ผมสกินเฮด สูงโปร่งเกินวัยเด็กธรรมดา ปากแดงๆ ผิวขาวๆ หน้าตากระเดียดไปทางเชื้อจีน โดยตุ้ยเองก็ไม่รู้ว่าไปเอาเชื่อนี้มาจากไหน พ่อแม่ก็ไทยแท้ซะขนาดนั้น เป็นธรรมดาที่ก็มีผู้หญิงมากมาย มาชอบเขา และแพรวาเองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเหมือนกัน
“เขาเลิกแถวกันแล้วล่ะ เข้าไปกันเถอะ” แพรวาเดินนำหน้าไป ตามด้วยตุ้ยที่จูงจักรยานตามไป และตามด้วยฝูงชนที่มาสายอีกมากโขอยู่ เหมือนมดที่มากมายไปหมด
“ผมไปส่งได้หรือเปล่า” ตุ้ยเอ่ยถาม
“หืม” หญิงสาวมองหน้าด้วยความฉงน
“เรียนตึกไหนละครับ”
“ตึกหลังโรงเรียนน่ะ” แพรวาชี้ไปด้านหลังโรงเรียน ตุ้ยหยุดเดิน
“ถ้าไม่รังเกียจ ซ้อนจักรยานผมสิ ผมจะไปส่ง”
“จะดีเหรอ”
“ดีสิ หลังโรงเรียนไกลจะตาย”
“อืม ก็ได้” แพรวาส่งกระเป๋านักเรียนให้ตุ้ย แล้วค่อยๆ นั่งพาดจักรยานด้านหน้า ตุ้ยโอบตัวของแพรวาไว้ ท่ามกลางหลายสายตาที่มองอยู่
“ไปแล้วนะครับ” ตุ้ยเริ่มปั่นจักรยานอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบ แหวกฝูงชนที่กำลังเดินไปเรียน ณ ตึกต่างๆของโรงเรียน ตุ้ยรู้สึกชุ่มฉ่ำใจอย่างบอกไม่ถูก ที่ได้อยู่กับแพรวาแบบนี้ เพราะเขาเองก็แอบปลื้มแพรมามากเหมือนกัน
“ถึงแล้วละ” ตุ้ยหยุดรถ แพรวาค่อยๆก้าวลง แล้วรับกระเป๋าจากตุ้ย
“ขอบคุณนะ” แพรวายิ้ม
“ครับ” ตุ้ยยิ้มตอบก่อนที่จะเลี้ยวรถกลับ
“เดี๋ยวสิ” ตุ้ยหยุดแล้วหันกลับมา
“กลางวันนี้ ว่างหรือเปล่า”
“ว่าง ทำไมเหรอครับ”
“มาหาที่ห้องหน่อยสิ”
“ทำไมละ”
“บอกให้มาก็มา เข้าใจนะ” แพรวาทำหน้าดุ
“ครับ” หนุ่มน้อยผงกหัว หญิงสาวก็หันหลังเดินขึ้นตึกเรียนไป ตุ้ยหันหลังกลับ ปั่นจักรยานไปตึกเรียนของตนเอง ปั่นไปก็ยิ้มไป แก้มปริกันเลยทีเดียว ความรู้สึกดีๆ เกิดขึ้นในใจ แต่ทว่า เมื่อฉุกเขาคิดถึงใครคนหนึ่ง เขาก็ต้องหยุดยิ้มทันที
พี่ชาย
.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น