คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เจาะวิชา_ง่ายๆ สไตย์ เราๆ
เนื่องด้วย เป็นเด็กศิลป์ ไม่อาจเอื้อมเนื้อหาของ แผนวิทย์ได้ หน้านี้จึง ขอเป็นของศิลป์ แล้วกันนะ
การเน้นอ่านวิชาที่ไม่เข้าใจมากๆ หรือ เราไม่สามารถมากๆ เป็นสิ่งที่ดี โคตรๆ เพราะว่า เรารู้ตัวเองไม่เก่งอะไรและจะได้ปรับปรุงเพิ่มพูนความรู้ไปได้อีกเยอะ ถ้าไม่เข้าใจแล้วยิ่งไม่อ่าน ก็จะยิ่งไป กันใหญ่ สอบเมื่อไหร่ก็ตก เราสามารถจัดตารางการอ่านหนังสือ โดยเน้น วิชาที่เราไม่ถนัดได้เอง แต่ในวิชาที่คิดว่าเก่งแล้วก็อย่าละเลยควรที่จะอ่านทบทวน ควบคู่ไปด้วยกันด้วย
แต่ ตามการประมวลผลของ คอมพิวเตอร์ กะโหลกหนา หน้าตาดี ของผมคนนี้ ได้วิเคราะห์ออกมา และอาจจะพ้องกับผลการวิเคราะห์ ของใครหลายๆ คนว่า
1.วิชาบอดของแผนศิลป์ คือ วิชาเลข ล้านเปอร์เซนต์ ตามคะแนนเอ็นในปีผ่านๆมา วิชาคณิตเป็นวิชาที่มีคนทำได้น้อย เยอะที่สุด คือ 20- 30 คะแนน วิชาคณิต เน้นทักษะเรื่องการทำโจทย์ ใครที่สามารถในการทำโจทย์เข้าใจทะลุปรุโปร่ง ทั้งสูตรลัดและการคิดจริงๆ ก็จะลื่นไหลๆ โดยไม่มีอะไรมาขวางกัน แต่มันก็ยากต่อการเข้าใจของคนจำนวนมาก เพราะฉะนั้นควรทุ่มเทให้มันอย่างสุดโต่ง เพราะ ถ้าคะแนน คณิตสูง ก็จะช่วยวิชาอื่นๆ ด้วย (แทนที่จะเอาวิชาอื่นมาช่วยคณิต) และเป็นวิชาใช้ความเข้าใจ และความเคยชิน ไม่ต้องจดอะไรมาก นอกจากสูตร สบาย แฮ
2.วิชาภาษาอังกฤษ ถึงแม้จะมีคนเถียงว่า วิชาวิทย์กาย น่าจะยากกว่า แต่ผมขอยืนยันว่า วิชาภาษาอังกฤษยากกว่าแน่นอน เพราะนอกจากไม่ใช่ภาษาแม่ของเราแล้ว ต้องใช้ความคุ้นเคยในศัพท์ และสำนวน สรุปคือ เป็นวิชาที่ต้อง ใช้ "เวลา" นั่นเอง ทั้งเทคนิคจำสูตร ต้องตามหากันอุตลุด เทคนิคการทำข้อสอบต่างๆ เทคนิคการเดาก็สำคัญ เน้นเข้าใจในหลักไวยกรณ์ และอ่านรีดดิ่ง เยอะๆ สร้างความเคยชินโดยการอ่าน ภาษาอังกฤษทั้ง นิตยสาร บทความต่างๆ ทุกวันๆ ย้ำทุกวัน ใครที่ไม่ชอบก็ฝืนใจหน่อย เพราะคะแนนวิชานี้ แทนจะคาบเส้น จะได้พุ่งเป้น 60 70 ไง
3.วิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน - เป็นชื่อใหม่ ของวิทยาศาสตร์ กายภาพ เป็นวิชาที่ต้องใช้ความเข้าใจ และความจำ ในสัดส่วนเท่าๆ กัน ถ้าไม่เข้าใจอะไรก็ไม่ไหลลื่น มันจะมีจุดต่างๆ อยู่แต่ละบท ถ้าเข้าใจจุดหลัก ก็สามารถพัฒนา จุดต่างๆ วิชาที่ง่าย คือ ฟิสิกส์ การคำนวณ จะสบายๆ วิชาชีวะวิทยา ต้องใช้ความเข้าใจ และการลำดับเหตุการณ์ โดยอาจจะเรียนรู้จากที่ต่างๆ หรือสร้างเองตามความเข้าใจ(แต่ต้องถูกด้วยนะ) วิชาดาราศาสตร์เป็นวิชาท่องจำล้าน % ส่วนเคมี ยากอยู่ก็จริง แต่ควรตั้งใจ เพราะไม่มีอะไรยากเกินควร
ส่วนวิชาไทย กับสังคม คราวหน้าจะมาต่อ นะ คับ
ถ้าลืม ก็ทักท้วงกันด้วยละกัน
มาแร้ว
4.วิชาสังคมศึกษา + วิชาสังคมเป็นวิชาที่ไม่ง่าย และไม่ยาก เพราะ เป็นวิชาที่เราเข้าใจอยู่บางส่วน หรือส่วนใหญ่ แต่ เนื่องจากในระดับชั้นมอปลาย 4 5 6 นั้นมี
รายละเอียดที่เยอะมาก เจาะลึกพอประมาณ จึงมีเนื้อหามากมายก่ายกอง และซับซ้อน โยงถึง คำถามแบบทุติภูมิ และตติยภูมิ ส่วนใหญ่ข้อสอบจะถูกต้องทุกข้อ แต่จะให้นักเรียน
วิเคราะห์ว่าข้อไหนที่ถูกที่สุด เพราะฉะนั้นเทคนิค และความเคยชินกับข้อสอบ ก็มีความสำคัญ ความสามารถส่วนนี้ได้มาจากความฝึกฝนทางด้านเดียว จะอ่านหนังสือ
ที่เป็นทฤษฎีก็ไม่มีผล ข้อสอบสังคมส่วนมากจะใช้วิธีจำ แต่อีกวิธีหนึ่งคือการ ลำดับเหตุการณ์ ซึ่งก็ใช้ความสามารถของแต่ละบุคคลเช่นกัน แต่ก็สามารถพัฒนาไล่ตาม
กันได้ "ข้อสอบสังคมจะเปลี่ยนโจทย์ แต่ไม่เปลี่ยนแนว"
5.วิชาภาษาไทย + วิชาภาษาไทย เป็นวิชาที่ยากในการเข้าใจเนื้อหา แต่เมื่อเข้าใจเนื้อหาแบบทะลุปรุโปร่งแล้ว ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับข้อสอบซึ่งการตะลุยโจทย์
ก็สามารถช่วยยกระดับความสามารถในวิชาภาษาไทยด้วย ต้องรู้ตักการแยกแยะ และอธิบายในส่วนต่างๆ ได้ ความเคยชิน ทำให้ไม่ลืมในส่วนของเนื้อหา ทำได้โดยการ
ทบทวน และทำโจทย์อยู่เป็นนิจ นั่นเอง
6.วิชาภาษาต่างประเทศอื่นๆ - เป็นวิชาที่ต้องคิดว่า จะใช้ หรือไม่ใช้ ถ้าใช้ภาษาต่างประเทศเช่น จีน ฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุ่น ในการสอบ ต้องทุ่มเทแบบสุดตัว
เพราะถ้าไม่แม่นแล้ว คะแนนก็ออกมาไม่ดีนัก ถ้าคิดว่า ไม่สามารถทำคะแนนในด้านนี้ได้สูงแล้ว ให้ตัดออกได้เลย เลือกสอบวิชาอื่นแทน เพราะการสอบวิชาภาษาต่างประเทศ เป็นคะแนน
ที่ช่วยได้มาก แต่ในทางเดียวกัน ก็ร่วงได้มากเหมือนกัน เพราะเป็นวิชาที่ยาก และต้องใช้ความเข้าใจสูง วิชาภาษา ต้องใช้ความเคยชินอย่างมาก โดยเฉาพะภาษาจีน ซึ่ง
เป็นวิชาที่ต้องเอาใจใส่ เกือบทุกลมหายใจ
7.วิชาที่ใช้ความถนัดทางศิลปะ ฯลฯ ในส่วนของผ้ที่เรียนเอกศิลปะ จะได้เปรียบ เพราะมีความรู้ด้านทฤษฎีเยี่ยม ด้านปฏิบัติยอด และคะแนนที่จะได้เป็น
คะแนนที่เป็นก้อนใหญ่มาก (แต่ใช้ในบางคณะ) ส่วนผู้ที่ไม่ได้เน้นด้านศิลปะ ต้องปลีกตัวเน้นด้วยตัวเอง หรือลงคอร์สเรียนศิลปะ โดยค่าเรียนจะแพงมาก
การสอบวิชานี้ต้องใช้ความสามารถส่วนตัว หรือ พรสวรรค์ด้วย
อย่าลืมนะครับ เรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ และ ต้องคำนึงถึงงานในอนาคตด้วย จะได้ไม่ต้องมานั่งหงอยเมื่อเรียนจบ แต่ไม่มีงานทำ
ความคิดเห็น