คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ผู้มาเยือน
Title: Eyes on You (yaoi)
Author: YunJaeKick
Paring: Joong Yunho, Kim JaeJoong (Other TVfXQ’s member)
Genre: Romance
Rate: PG-13
CHAPTER IV: ผู้มาเยือน
BGM ---->เมียพี่มีชู้ เอ๊ยมะช่ายๆ Survivor ดีมะ ให้อารมณ์ประมาณว่าเอาให้รอดนะยองแซงกี้ 555+
พูดเล่นทั้งปวง เพลง โอ๊ย โอ๊ย เวอร์พี่เบญ ชลาทิศอ่ะ เหมาะสุดแร้ว โดยเฉพาะท่อน...อยากจะกินกลืนเธอทั้งตัว บลาๆๆ...โอยยยยยย อิเจ๊จิ้นนนนนนนน >//<
ฮยอนจุงกับผมเป็นเพื่อนรักกันมานานหลายปี ตอนที่ยังไม่เดบิวแม้ว่าเราจะอยู่คนละค่ายแต่เราก็ไปเที่ยว ไปดื่มด้วยกันอยู่เสมอ จนเมื่อถึงวันนี้ วันที่เราทั้งสองต่างก็ทำความฝันได้สำเร็จ ผมคือทงบังชินกิส่วนฮยอนจุงคือ SS501 และที่สำคัญคือมิตรภาพของพวกเรายังไม่เปลี่ยนแปลงนั่นเอง
“มากันแล้วเหรอ อาหารก็เสร็จพอดีเลยล่ะ” ผมเดินกระเผลกๆตรงไปเปิดประตูด้วยตัวเองแบบลืมเจ็บเพราะว่าผมดีใจที่เพื่อนรักมาหาถึงบ้าน ผมกับฮยอนจุงตรงเข้าสวมกอดทักทายกันตามปกติ พร้อมทั้งเอ่ยถามถึงอาการป่วยของผมเล็กน้อย ส่วนยองแซงเองก็ยืนยิ้มตาหยีอยู่ข้างๆลีดเดอร์ของเขานั่นเอง
“ว่าไงยองแซง มา...เข้ามาในบ้านก่อน” ผมเชิญชวนน้องชายคนนี้อย่างเป็นกันเอง
“มื้อเย็นนี้ต้องฝากท้องด้วยแล้วนะครับ” ยองแซงโค้งทักทายผมอย่างสุภาพ ฮยอนจุงเคยบอกผมว่าเจ้าเด็กคนนี้ปลื้มผมจนถึงกับยึดถือเอาผมเป็นต้นแบบเลยทีเดียว ผมถึงได้รู้สึกเอ็นดูยองแซงเหมือนน้องชายแท้ๆแบบนี้ไง
“โอ้โฮ อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยนะ”
“ดีเลย วันนี้ไม่เมาไม่เลิกนะทงบังชินกิ” ฮยอนจุงชูถุงใส่โซจูขึ้นมาข้างหนึ่ง แถมมือข้างที่เหลือยังหอบหิ้วเอากับแกล้มมาด้วยเต็มอัตรา ถูกใจพวกเราสุดๆ ยูชอนถึงกับพุ่งเข้ามาช่วยถือโซจูอย่างทะนุทนอมกันเลยทีเดียว
“มาๆๆ ยองแซง มานั่งกับพี่ตรงนี้เร็ว” จุนซูเองก็มีท่าทางอารมณ์ดีมาก เขาตรงเข้ามากอดคอน้องเล็กคนใหม่ก่อนจะพาไปนั่งข้างๆที่โต๊ะอาหารในครัว
“อ้าวยุนโฮ วันนี้ไม่ออกไปไหนเหรอ” ฮยอนจุงหันไปทักทายยุนโฮที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่โซฟาเพียงลำพัง ผมเองก็เกือบลืมไปแล้วว่ายุนโฮยังอยู่ที่นี่ ก็หมอนั่นเอาแต่นั่งเงียบ ไม่พูดไม่จาเลยน่ะสิ
“อืม...อยากพักผ่อนอยู่ที่บ้านมากกว่า นานๆทีจะได้หยุดกับเขาบ้าง”
ชริ ตอบสร้างภาพสุดๆ
ก็เพราะว่าเพื่อนนายทิ้งไม่ใช่เหรอ ถึงต้องมานั่งเป็นหมีหงอยอยู่แบบนี้
คงจะเซ็งน่าดูสินะ
“หวัดดีครับพี่ยุนโฮ” ยองแซงหันไปกล่าวทักทายพี่ใหญ่ของบ้านด้วยท่าทางสุภาพแบบสุดๆ สงสัยฮยอนจุงจะต้องพูดกรอกหูน้องว่ายุนโฮดุก่อนจะมาเยี่ยมผมแน่ น่าตลกจริงๆเลย
“ตามสบายเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ” ส่วนยุนโฮเองก็ทำราวกับว่าตัวเองเป็นแบบนั้นจริง เขาหันไปให้ความสนใจกับรายการตรงหน้าต่อ ผมล่ะสงสัยว่าหมอนี่ไม่สบายหรือเปล่า ปกติไม่เห็นทำขรึมกับรุ่นน้องแบบนี้เลย แล้วนี่ถึงกับทำให้ยองแซงดูหงอยไปเลยทีเดียวนะเนี่ย
“นี่ๆวันนี้อาหารเยอะแยะเลยล่ะ ฉันนะทำอยู่คนเดียว...เหนื่อยจะตาย” ผมบ่นพร้อมกับเริ่มตักอาหารใส่ชามเตรียมเสิร์ฟไปเรื่อยๆ
“ให้ผมช่วยนะครับพี่แจจุง...โอ้โห...ได้ยินว่าพี่แจจุงทำอาหารเก่งมาก”
“วันนี้ได้มาเห็นเองนี่ผมถึงกับทึ่งเลยล่ะครับ ต้องอร่อยมากแน่ๆเลย” ยองแซงอาสาช่วยผมอีกแรง แถมยังเอ่ยปากชมผมจนผมแทบจะลอยเลยล่ะ
เอาเลยน้องเอ๊ย ฝีมือพี่ต้องเทพสมคำร่ำลืออยู่แล้วล่ะนะ
“งั้นก็ทานให้มากๆเลยนะยองแซง...ยุนโฮน่ะใจร้ายไม่ยอมมาช่วยกันเลยนะ” ผมหันไปแขวะยุนโฮที่ปกติจะชอบมาช่วยผมในครัว ยิ่งทั้งตอนที่ยุ่งและผมเดินเหินไม่สะดวกแบบนี้เขายิ่งต้องเกาะติดผมอยู่ไม่ห่าง แต่วันนี้ทำไมถึงได้ทำตัวแปลกนักก็ไม่รู้
“ช่างเถอะน่าแจจุง ลีดเดอร์อย่างเราก็ต้องการพักบ้างเป็นธรรมดา นี่ยองแซงก็มาช่วยแล้วไงล่ะ” ฮยอนจุงยังคงชอบพูดปกป้องยุนโฮอยู่เสมอ ทั้งๆที่หมอนั่นแทบจะไม่ค่อยทำตัวน่ารักกับเขาสักเท่าไหร่
“ระวังนะยองแซง เกิดอาหารรสชาติห่วยขึ้นมา รับรองว่าพี่แจจุงต้องโยนความผิดให้นายแน่” ชางมินที่เงียบมาหลายฉากก็หันมาแขวะผมจนได้
เจ้าตัวเล็กนี่มันร้ายซะจริง
“เก็บปากนายไว้กินข้าวดีกว่านะชางมิน...มาๆ อาหารพร้อมแล้วมาทานกันเถอะ”
“ว้าว...วันนี้พี่แจจุงทุ่มสุดฝีมือจริงๆนะ ดูสิยูชอนมีแต่อาหารที่ปกติอย่าหวังว่าจะทำให้เราทานเลย” แหมจุนซู ไม่ต้องเปิดเผยจริงใจขนาดนั้นก็ได้ จะมีครั้งไหนที่นายเอ่ยชมฉันแค่อย่างเดียวไม่มีจิกกัดบ้างนะ
“ก็วันนี้ยองแซงมาบ้านเราครั้งแรก ก็ต้องทำของที่เขาชอบมากหน่อยแหละนะ” ผมถาม ฮยอนจุงมาหมดแล้วว่ายองแซงชอบทานอะไรบ้าง ก็ผมอยากให้เขาประทับใจวงของเราให้มากที่สุดนี่นา อีกอย่างอาหารที่ทำแต่ละอย่างสมาชิกของผมก็ทานกันได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะชางมินที่แน่นอนว่าชอบทานไปเสียทุกอย่างแน่นอน
“พี่แจจุงนี่ใจดีจริงๆเลยครับ” เห็นนายยิ้มได้พี่ก็มีความสุขเล้วน้องเอ๊ย
“เอาล่ะๆ ฉันอยากกินแล้วนะ...พี่ยุนโฮทานข้าว” ยูชอนตะโกนเรียกยุนโฮเสียลั่นบ้าน คงกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยินเสียง เพราะปกติก็จะเดินมาทานเองโดยไม่ต้องเรียกอยู่แล้วนี่นา
“อืม” ยุนโฮตอบรับมาแค่นั้นก่อนที่จะลุกจากที่สิงสถิตแล้วตรงมายังโต๊ะอาหาร ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าเขาไม่ยอมยิ้มเหมือนกับคราวที่พวกลิงเอสเจมา แถมผมยังแอบเห็นว่าเขาทำสายตาอำมหิตใส่ยองแซงด้วย
อ๊ากกก นี่ถ้าฮยอนจุงโกรธขึ้นมาจะทำยังไงดีเนี่ย
ผมล่ะกลุ้มใจจริงๆ
.............................................................................................................
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเรียกได้ว่าครื้นเครงมากกว่าปกติ แจจุงนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ ผมนั่งถัดมาและเผชิญหน้าอยู่กับเจ้าเด็กวานซืนนั่น ข้างๆยองแซงคือจุนซูกับชางมิน ส่วนถัดจากผมเป็นฮยอนจุงที่กำลังสนใจขวดโซจูตรงหน้าอยู่กับยูชอน เวลานี้เราเหมือนกำลังแบ่งฝ่ายผู้ใหญ่กับเด็ก โดยมีแจจุงเป็นผู้ตัดสินอยู่ตรงกลางนั่นเอง
“เป็นไงบ้างยองแซง อาหารอร่อยถูกปากหรือเปล่า” แจจุงที่ถึงแม้จะเจ็บขาแต่ว่าปากยังคงใช้งานได้ตามปกติแถมยังโดนโซจูกรอกปากลงไปอีกมากกว่า 5 ขวด ทำให้เขาคุยจ้อไม่ยอมหยุดเลยทีเดียว
“อร่อยมากครับพี่แจจุง ผมชอบทุกอย่างเลยครับ” ยองแซงเป็นเด็กดีไม่ยอมดื่มเหล้าที่พี่ๆยัดเยียดให้ เอาแต่ทานอาหารรสชาติพิเศษของแจจุงลูกเดียว แต่แทนที่ผมจะรู้สึกเอ็นดูเด็กเหมือนกับปกติ ทำไมผมถึงได้หมั่นไส้เจ้าหมอนี่นักนะ
แล้วนั่นใครสั่งใครสอนให้นายมายิ้มตาหยีเหมือนฉันฮะ!
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า...ยองแซงนี่ปากหวานจริงๆเลยนะ ไว้วันหลังมาอีกๆ”
“พี่จะทำให้เธอทานเยอะๆเลย” แจจุงหัวเราะเปิดเผย เป็นภาพที่น่ามอง แต่มันจะไม่น่ามองก็ตรงที่ดันไปชวนเจ้านั่นมาอีกแล้วเนี่ยสิ นี่นายเห็นบ้านของเราเป็นโรงอาหารหรือไงกันนะ
“ผมเกรงใจน่ะครับ ไม่อยากมารบกวนเวลาพักผ่อนของพวกพี่หรอก” อืม...เป็นเด็กก็ต้องหัดปฏิเสธบ้างแหละนะ
“งั้นพี่ไปทำให้เธอทานที่บ้านเลยเอามั้ย ฮ่า ฮ่า” =..=! ----->(ความรู้สึกของอิหมี)
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกแจจุง แต่ว่างๆนายก็สอนยองแซงทำอาหารบ้างก็ได้” คิมฮยอนจุงนายช่วยตัดประโยคหลังออกไปเลยได้มะ
“ผมคงต้องมารบกวนถ้าพี่แจจุงว่างอีกนะครับ”
“ดีๆๆ แต่ว่านายไม่ต้องลำบากมาถึงนี่หรอกนะ” ใช่แล้วแจจุง นี่เป็นบ้านของทงบังชินกิที่ฉันมีอำนาจตัดสินใจเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช่โรงเรียนสอนทำอาหารหรอกนะ
“ เดี๋ยวพี่ไปสอนนายที่บ้านเองดีกว่า ฮ่า ฮ่า ลูกศิษย์น้อย” =[] =!!!
“พี่แจจุงใจดีที่สุดเลยครับ ผมรักพี่ที่สุดเลย” โอยองแซง นายคงอยากตายมากสินะ กล้าพูดคำนี้ออกมาได้ยังไง ต่อหน้าผู้ใหญ่มากมายแบบนี้ช่างไม่รู้จักเวลาเอาเสียเลย
แล้วนี่อะไรกัน...จุนซู ยูชอน ชางมิน ฮยอนจุง นี่พวกนายไม่ได้สนใจฟังเลยหรือ แจจุงกำลังถูกคุกคามอยู่นะ พวกนายอย่าทำให้ฉันรู้สึกว่าโลกนี้มีแค่สองคนนี้เท่านั้นสิ
“พี่ก็ร้ากกกกเธอที่สุดเลย ยองแซงของพี่ โฮ๊ะๆๆ” ผมหงุดหงิดและหงุดหงิดทวีคูณ ไม่รู้สิ ก็แค่พูดเล่นๆ(หรือเปล่า)ของแจจุงนี่นะ ทำไมผมถึงกับคอแห้งผาก ทานอะไรก็ไม่อร่อยเอาเสียเลย นี่มันเป็นอาหารรสชาติอร่อยที่สุดของแจจุงไม่ใช่หรือ ทำไมนายไม่รีบกินเข้าไปล่ะชองยุนโฮ
“สงสัยพี่แจจุงจะเมาแล้วล่ะ นายอย่าไปถือสาคำพูดเขาเลยนะ” หวังว่าน้ำเสียงของผมจะยังฟังดูปกติอยู่นะ (ใช้ประโยคนี้อีกแล้ว แหะๆ - YunJaeKick)
“ไม่หรอกครับพี่ยุนโฮ ผมชอบฟังเสียงของพี่แจจุงที่สุดเลย” อย่ามายิ้มตาหยีใส่ฉันนะเฟร้ย
เจ้าเด็กนี่ พยายามใจเย็นแล้วนะ
ผมกำตะเกียบแน่นจนรู้สึกว่ามันจะหักคามืออยู่แล้ว ในหัวก็จินตนาการไปด้วยว่าเป็นคอของหมอนี่ อยากจับมาหักเป็นชิ้นเลยจริงๆนะ
“เมาที่ไหนกันยุนโฮ ฉันก็พูดของฉันตามปกติ”
“ว่าแต่นายเหอะ เป็นอะไรไปฮะไม่ยอมพูดจา ข้าวก็ไม่แตะ ไม่อร่อยหรือไง” แจจุงหันมาทำท่าทางโวยวายใส่ผม ทีกับหมอนั่น ชริ
“ใช่ๆๆๆๆ วันนี้อาหารรสชาติห่วยทุกอย่างเลย ฉันฝืนใจทานไม่ลงจริงๆ”
“พวกนายทานกันไปเถอะ” พูดจบผมก็ลุกจากที่นั่งแล้วเดินเข้าห้องไปทันที หวังว่าจะไปอาบน้ำคลายความหงุดหงิดใจที่ไม่ทราบสาเหตุนี่เสียหน่อย ปล่อยให้พวกคนดีเขานั่งทานกันไป ขาดผมคนเดียวก็ไม่ทำให้บรรยากาศแย่ลงไปอยู่แล้ว
.......................................................................................................
ผมยังไม่ทันได้เข้าห้องน้ำอย่างที่ตั้งใจ ยูชอนก็โผล่เข้ามาขัดจังหวะเอาเสียก่อน
“มีไร ทานข้าวรสชาติแย่ๆเสร็จแล้วเหรอ” ผมยังคงพูดจาหาเรื่องแม้แต่กับยูชอนที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย
ก็ถึงได้บ่นอยู่นี่ไง ว่าไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ
“พี่ช่วยตามไปดูพี่แจจุงหน่อยสิ” ยูชอนไม่เล่นกับผม แถมยังมาทำสีหน้าจริงจังใส่ผมอีก แล้วทำไมผมต้องตามไปดูแจจุงด้วยล่ะ
“เมามากแล้วก็บอกว่าจะไปเดินเล่นข้างล่าง เสื้อกันหนาวก็ไม่ยอมเอาไป”
“ผมกลัวว่าจะเป็นอันตราย พี่ช่วยตามไปดูหน่อยได้มั้ย”
บ้าเอ๊ย!
ดื้อแล้วยังชอบทำตัวให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย ตอนนี้ผมไม่ทันได้ซักยูชอนต่อแล้ว พอยูชอนพูดจบผมก็คว้าเอาเสื้อโค้ชตัวที่อยู่ใกล้มือที่สุดก่อนจะเดิน ไม่สิ วิ่งตามแจจุงไปต่างหาก
00.50 am.
บรรยากาศข้างล่างตึกเงียบสงัด เพราะว่าดึกมากแล้วจึงมีแค่ผมที่กำลังวิ่งตามหาแจจุงอยู่ในความมืดที่ยังพอมีแสงไฟจากตึกรามบ้านช่องสาดส่องเข้ามาทำให้มองเห็นทางเดินได้อย่างสบายๆ อยู่บ้าง
“อยู่นั่นเอง” ผมมองเห็นแจจุงนั่งอยู่ตรงม้านั่งตัวเดิมที่เราเคยมานั่งมองชางมินดื่มด้วยกัน แผ่นหลังของเขาสั่นไหวเล็กน้อย
คงจะหนาวมากสินะ
ผมไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปหาและเอาเสื้อคลุมไหล่บางนั้นไว้ทันที
“หนาวมากนะเนี่ย กลับขึ้นไปบนบ้านกันเถอะนะ” น้ำเสียงของผมกลับมานุ่มนวลและอบอุ่นเหมือนเดิม ความหงุดหงิดใจไม่รู้ว่าจางหายไปไหนหมดแล้ว แต่แจจุงไม่หันมามองผม ไม่ยอมเคลื่อนไหวร่างกาย จนผมเองต้องเป็นฝ่ายเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆเสียเอง
“น่ะ...นายร้องไห้เหรอ แจจุง” หัวใจของผมกระตุกวาบเมื่อได้เห็นน้ำตาของคนตรงหน้าร่วงหล่นลงมาเป็นสาย นี่ใครมันบังอาจทำให้แจจุงของผมร้องไห้ออกมาเนี่ย หรือว่าไอ้เด็กบ้านั่นจะทำอะไรเข้าแล้ว
“ฉันอุตส่าห์ทำสุดฝีมือ ใครๆก็บอกว่าอร่อยที่สุด ฮึก...แม้แต่ชางมินเองก็ตาม”
“แต่นายกลับบอกว่ามันห่วย ฮึก ฉันว่าคำพูดของนายเป็นความจริงที่สุดแล้วนะ” แจจุงยิ่งพูดยิ่งร้องหนักเข้าไปอีก นี่เขากำลังน้อยใจต่อคำพูดของผมอยู่เหรอเนี่ย
ยุนโฮ ไอ้บ้าเอ๊ย!
นี่นายโมโหจนลืมนึกถึงความรู้สึกของคนๆนี้ไปเลยหรือ
“ไม่ใช่สักหน่อย วันนี้นายทำอาหารได้อร่อยทุกอย่างเลยนะ”
“แล้วทำไมนายถึงบอกว่ามันไม่อร่อยล่ะ แถมยังโมโหใส่ฉันอีก” วินาทีนั้นที่ผมขอให้แจจุงเป็นแบบนี้ทั้งตอนที่เมาและไม่เมา ท่าทางงอน เอาแต่ใจ แต่ก็ออดอ้อนแบบนี้ช่างเป็นภาพที่น่ามองมากจริงๆ
แต่นี่ผมกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย
“ฉันไม่ได้โมโหนายหรอกนะ แล้วอาหารก็อร่อยจริงๆ เชื่อฉันสิแจจุง”
“ไม่เชื่อ นายกำลังโกหกฉันอยู่” เอาเข้าแล้วล่ะ ชองยุนโฮ คราวนี้นายจะอธิบายยังไงดีล่ะ
“ก็ฉัน...ฉัน...”
“ฉันอะไร” ผมโดนคนดื้อต้อนจนมุมเข้าจนได้
“ฉันไม่ค่อยถูกชะตากับเจ้าเด็กนั่นน่ะ ก็เลยพาลพูดจาไม่เข้าหู แต่ว่าอาหารอร่อยจริงๆนะ”
“หมายถึงยองแซงน่ะเหรอ ทำไมล่ะ...เขาออกจะเป็นเด็กที่น่ารักไม่ใช่เหรอยุนโฮ” ตรงไหนไม่ทราบ
“บอกมาสิยุนโฮ ทำไม่นายไม่ชอบยองแซงล่ะ” ดูเหมือนว่าแจจุงจะไม่ได้สนใจเรื่องอาหารอีกต่อไปแล้ว แต่เขากลับหันมาสนใจเรื่องของผมกับยองแซงแทน
“ก็นั่นแหละน่า ไม่ชอบแบบไม่มีเหตุผลไม่ได้หรือไง”
“ไม่ได้ คนเราต้องมีเหตุผลสิ บอกมานะว่าเพราะอะไร” ดื้อจริงๆเลยคนเนี้ย
“ก็...ก็ฉันไม่ชอบให้ใครมายิ้มตาหยีเหมือนฉันนี่นา” ผมพูดส่งๆไป แต่ก็สาบานได้ว่านี่คือเหตุผลจริงๆนะ ไม่มีเรื่องอื่นมาเกี่ยวข้องเลยจริง จริ๊ง
“โธ่เอ๊ย!ยุนโฮ เรื่องแค่นี้นายก็เก็บมาคิดด้วยเหรอ” แหม ว่าคนอื่นไม่ได้มองตัวเองเลยนะ
“ไม่รู้ล่ะ แล้วตอนนี้จะกลับได้ยัง เดี๋ยวก็ไม่สบายอีกหรอก”
“อืมๆกลับก็กลับ แต่ยุนโฮ” ผมลุกขึ้นหวังจะเดินนำแจจุงออกมาก่อนเพราะว่ารู้สึกเขินๆที่ตัวเองทำตัวเหมือนเด็กแบบนี้ แต่แจจุงก็ส่งเสียงเรียกจนผมต้องหันหลังกลับไปเผชิญหน้าอีกจนได้
“มีอะไรเหรอแจจุง”
“นายเป็นคนเดียวที่ฉันชอบมองเวลายิ้มตาหยีมากที่สุดเลยนะ” คิมแจจุงพูดแล้วส่งยิ้มงดงามมาเพื่อให้ผมสบายใจ
ชางมิน...ชางมินเอ๊ย
ช่วยมาดึงพี่เอาไว้หน่อยสิ พี่รู้สึกว่ากำลังจะลอยแล้วอ่ะ
“แบกฉันกลับหน่อยสิ” แจจุงขอร้องผมในขณะที่ผมกำลังพยายามปั้นหน้าไม่ให้ยิ้มตาหยี
“ไม่อ่ะ นายตัวหนักจะตายไป”
“แต่ฉันเจ็บขามาก เดินไม่ไหวแล้วจริงๆนะ” แจจุงทำหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้อีกครั้ง คราวนี้คงจะเจ็บจริงๆ บอกแล้วว่าอย่าดื่มเหล้า ชอบทำให้ผมต้องเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลยเชียว
“เจ็บอีกแล้วเหรอ มาสิ...ฉันจะแบกนายกลับเอง” ผมไม่รอช้าที่จะให้แจจุงขึ้นขี่หลัง เราสองคนเดินกลับบ้านไปในท่ามกลางแสงสว่างเพียงเล็กน้อยเหล่านั้น ผมรู้สึกว่าแผ่นหลังของผมอบอุ่นและแจจุงเองก็อารมณ์ดีขึ้นอย่างมากมาย ที่สำคัญคือแจจุงตัวไม่หนักเลยสักนิด แบบนี้ต่อให้แบกไปอีก 10 ปีผมก็ยังเต็มใจ
ณ กองบัญชาการทงบังชินกิ ที่เดิม
“ขอบคุณมากนะครับพี่ฮยอนจุงที่มาช่วยพวกเราพิสูจน์ความจริง” จุนซูที่แอบซุ่มมองพี่ชายทั้งสองอยู่หันมากล่าวขอบคุณผู้มาเยือนด้วยรอยยิ้มอิ่มเอมใจ
“พี่เต็มใจอยู่แล้วล่ะ เฮ้อ...เห็นแจจุงมีคนดูแลแบบนี้พี่ก็จะได้หายห่วงสักที” ฮยอนจุงเอ่ยตอบด้วยท่าทางสบายอารมณ์ไม่แพ้กัน
“โดยเฉพาะยองแซง พี่ขอบคุณจริงๆที่นายยอมเสียสละตัวเองในครั้งนี้อ่ะ” จุนซูหันไปขอบคุณยองแซงอย่างสุดซึ้ง
“ไม่เป็นไรครับพี่จุนซู แค่ผมไม่โดนพี่ยุนโฮกระโดดหักคอก็ดีมากแล้วล่ะครับ” ยองแซงเรียกเสียงหัวเราะจากพวกแอบซุ่มได้ทันที
“เป็นไงล่ะจุนซู คราวนี้คงหายข้องใจแล้วสินะ” ยูชอนเอ่ยกับจุนซูที่เป็นฝ่ายวางแผนการทั้งหมดจนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
“ใช่ หายข้องใจแล้วก็กระจ่างชัดเลยล่ะ ฉันรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองจริงๆนะยูชอน”
“ก็แน่ล่ะสิ พี่จุนซูน่ะทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง นอกจากวางแผนเจ้าเล่ห์แบบนี้อ่ะ” ชางมินพูดท่าทางอ่อนใจก่อนจะลุกหายเข้าไปทางห้องนั่งเล่น ทำให้ทุกคนที่อยู่ในวงสนทนาถึงกลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางที่จุนซูเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน คิดหาคำพูดมาต่อกรกับเจ้าตัวร้ายของบ้านไม่ได้ จนถึงกับหน้าเปลี่ยนสีไปเลยทีเดียว
...........................................................................................
To Be Continued
YunJaeKick
ป๋อล๋อ. ขอได้รับความขอบคุณ สองสมาชิก SS501 ผู้เสียสละตนอีกครั้ง รับรองได้ว่าผู้เขียนไม่ได้มีจุดประสงค์สะปอยด์เลยจิงจิ๊ง โฮ๊ะๆๆ
ป๋อล๋อ. มั่ว ค.ศ. เน้อ อย่าคิดมาก เด๋วตีนกาขึ้นแล้วครีบิ้วจะขายดีเกิน กร๊ากกก
ฝันดีคร้า.
ความคิดเห็น