คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : แปลก
Title: Eyes on You (yaoi)
Author: YunJaeKick
Paring: Joong Yunho, Kim JaeJoong (Other TVfXQ’s member)
Genre: Romance
Rate: PG-13
CHAPTER II : แปลก
BGM ตอนนี้ ยกให้ Rising Sun ฮับ ก็เหตุมันเกิดจากตรงนี้นี่นา งุงิ
ผมและสมาชิกทงบังชินกิกำลังเตรียมตัวสำหรับลุยกิจกรรมโปรโมตอัลบั้มชุดที่ 2 อย่างเต็มที่ เราทั้งร้องและซ้อมเต้นกันจนถึงดึกของทุกวัน แน่นอนว่าทั้งเหนื่อยและมีบ้างที่ความท้อแท้จะมาเยือน ผมในฐานะหัวหน้าวงจะเป็นคนคอยเตือน คอยกระตุ้นให้สมาชิกทุกคนมีไฟอยู่เสมอ แม้บางครั้งผมจะรู้สึกเหนื่อย แต่ผมจะไม่มีวันแสดงด้านที่อ่อนแอนั้นออกมาให้ใครได้เห็นแน่
“โธ่เอ๊ย! ทำไมมันยากแบบนี้นะ” แจจุงเริ่มโมโหอีกครั้งที่เต้นตามพวกเราไม่ทัน หน้าหวานๆของเขาบึ้งตึงขึ้นมาอย่างชัดเจน แต่ว่าเขากำลังโกรธตัวเองไม่ได้โกรธคนอื่นแต่อย่างใด
“พยายามอีกนิดนะ พี่แจจุง ชางมิน” ยูชอนกับจุนซูเดินเข้าไปหาพี่ชายและน้องชายของพวกเขา อยู่ด้วยกันมาเกือบ 5 ปีทำให้ผมพอจะรู้นิสัยใจคอของสมาชิกทั้งสี่ได้มากกว่าเมื่อก่อน ทั้งแจจุงและชางมินเดินเข้ามาเพื่อร้องเพลง พวกเขาเรียกได้ว่าไม่ถนัดเรื่องเต้นเอาเสียเลย หากแต่เมื่อตอนฝึกซ้อมเพื่ออัลบั้มแรกนั้น ทั้งสองคนก็พยายามอย่างหนักและก็ทำได้ดีมากๆด้วย กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งผม ยูชอนและจุนซูก็มีให้แก่พวกเขาอย่างไม่มีวันหมดเช่นกัน
“มาพยายามด้วยกันอีกครั้งเถอะ พี่แจจุง” ชางมินที่ทำท่าว่าจะล้มเลิกตามพี่ชายไปกลับมามีแรงสู้อีกครั้ง แม้ว่าเขาจะเป็นเจ้าตัวร้ายในสายตาของใครๆ แต่เมื่อเขาเห็นพวกผมตั้งใจทำงาน ชางมินก็จะปฏิบัติตามเสมอ
“มาเถอะแจจุง นายทำได้ดีมากแล้วนะ” ผมเดินเข้าไปหาแจจุงที่นั่งท้ออยู่ตรงมุมห้อง พร้อมทั้งยื่นมือเข้าไปหาเพื่อที่จะยืนยันว่า ‘ฉันนี่แหละจะช่วยให้นายเข้มแข็งขึ้นเอง’ ผมรู้สึกเช่นนั้นและแน่นอนว่าด้วยคำพูดของผม สำหรับคิมแจจุงที่ขาดความมั่นใจมาโดยตลอดนั้นถึงกับสามารถมีรอยยิ้มขึ้นมาได้ อีกหนึ่งพี่ใหญ่ของวงกลับมามีความมั่นใจอีกครั้งหนึ่งแล้ว
“ขอบใจมากนะ ยุนโฮ” แจจุงเอื้อมมือมารั้งฝ่ามือของผมเพื่อลุกขึ้นยืนอีกครั้งแล้วเราก็กลับเข้าไปพยายามด้วยกันอย่างตั้งใจ
“ฉันเชื่อว่านายต้องทำได้” ผมพูดให้กำลังใจเพื่อนรักคนนี้ อืม...ไม่รู้เหมือนกันว่าหมอนี่กลายมาเป็นเพื่อนที่ผมขาดไม่ค่อยได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าเราสนิทกันมากและแจจุงก็คงคิดไม่ต่างกันจากผมแหละนะ
“อื้ม...ฉันจะขึ้นแสดงให้ดีที่สุด จะไม่ทำให้ทงบังชินกิต้องขายหน้า” แจจุงให้คำมั่นสัญญาต่อผม ยิ่งนานวันเข้าเขาก็ยิ่งแสดงออกว่ารักทงบังชินกิมาก ไม่ต่างกันกับผมที่เปรียบสมาชิกทุกคนเป็นอีกหนึ่งชีวิตด้วยเหมือนกัน
...................................................................................................
วันเวลาผ่านล่วงเลยไป เรายังคงซ้อมร้องซ้อมเต้นเพื่อพัฒนาทักษะอย่างไม่หยุดหย่อน จนในที่สุดอีกไม่กี่วันพวกเราทงบังชินกิก็จะได้ขึ้นแสดงบนเวที come backด้วยเพลงนี้
Rising sun
หากแต่หนทางที่ต้องก้าวเดินคงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไปและโชคชะตาก็มักจะเล่นตลกได้ทุกเมื่อ
ดั่งเช่นวันนี้
“โอ๊ย! โอยยยย...จะ...เจ็บเหลือเกิน” แจจุงลงไปนั่งร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด เขาจับหัวเข่าเอาไว้จนแน่น บางครั้งความตั้งใจก็ทำให้เราลืมระวังตัวขึ้นมาเสียง่ายๆ เราทุกคนรวมถึงพี่เฮวอนรีบวิ่งเข้าไปดูอาการบาดเจ็บของแจจุงทันที ผมเห็นน้ำตาเอ่ออยู่ตรงขอบตาคู่งามของคนตรงหน้า แจจุงไม่ได้กำลังร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด หากแต่ว่าเขากำลังกลัว...กลัวอะไรบางอย่างที่ผมก็มั่นใจว่ารู้ดี
วินาทีนั้นผมได้แต่หวังว่าอย่าให้เรื่องมันร้ายแรงอย่างที่คิดไว้เลย
“เป็นไงบ้าง พอจะขยับได้หรือเปล่า” ผมลองเอามือไปแตะๆบริเวณหัวเข่าของแจจุง อีกฝ่ายหนึ่งไม่ตอบอะไรเอาแต่ส่ายศีรษะไปมาเพื่อเป็นการปฏิเสธท่าเดียว
“สงสัยเอ็นเข่าจะฉีก พี่ว่าไปโรงพยาบาลกันเถอะ” พี่เฮวอนบอกให้ผมช่วยพยุงแจจุงเอาไว้อีกข้าง บรรยากาศรอบตัวเริ่มตึงเครียดและพวกเรามีแต่ความเงียบ บรรดาน้องๆอีก 3 คนไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมานอกจากแววตาที่บ่งบอกได้ถึงความเป็นห่วงพี่ชายจับใจ
“ผมคงจะเต้นไม่ได้แล้วสินะ” ที่โรงพยาบาลแจจุงเอ่ยปากพูดกับคุณหมอทันทีที่อีกฝ่ายบอกว่าเขาต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวเข่า และหลังจากผ่าตัดแจจุงยังจะต้องพักรักษาตัวโดยมีไม้ค้ำยันอยู่เป็นเพื่อน สีหน้าของเขาซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนพวกเราที่เหลือเองก็กังวลใจไม่แพ้กัน
“คุณเพียงแต่ต้องหยุดกิจกรรมในช่วงนี้ไปก่อน ไม่แน่ว่าพักยังไม่ครบเดือนคุณก็กลับไปเต้นได้แล้ว” คุณหมอสูงวัยท่าทางใจดีและเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์พูดทิ้งท้ายเอาไว้ ก่อนจะปล่อยให้พวกเราอยู่ด้วยกันตามลำพัง ข่าวการบาดเจ็บของแจจุงแพร่กระจายไปรวดเร็วราวกับถูกพายุพัดพา บรรดาแฟนคลับที่ยังมีไม่มากนักของทงบังชินกิต่างก็แสดงออกถึงความห่วงใยและร่วมส่งกำลังใจมาให้ที่โรงพยาบาลอย่างไม่ขาดสาย และสำหรับคนที่รักแฟนคลับมากอย่างแจจุงก็นับว่าเป็นเรื่องน่าประทับใจอยู่ไม่น้อย
“พี่อย่าห่วงไปเลย...ถึงไม่ได้ขึ้นโปรโมตแต่เดี๋ยวก็ได้ขึ้นร้องเพลงช้าด้วยกัน แค่ทำใจให้สบายก็พอ” ชางมินเป็นคนแรกที่เอ่ยปากพูดขึ้นมา หลังจากที่ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบมาได้พักใหญ่
“อืม..ไม่มีฉันคอยทำพลาด นายก็อย่าทำพลาดแทนแล้วกัน” แจจุงรับรู้ได้ถึงกำลังใจที่ชางมินมอบให้แต่ก็ไม่วายพูดจิกกัดน้องอยู่ดี
“โธ่พี่ ผมน่ะไม่พลาดอยู่แล้ว...รอให้พี่หายแล้วกลับไปทำพลาดเองดีกว่า” เจ้าตัวเล็กเรียกเสียงหัวเราะจากพี่ๆอย่างเราได้ไม่น้อย แม้แต่คนเจ็บเองก็ต้องยอมรับในฝีปากอันแรงกล้านี้เลยทีเดียว
“ฉันขอโทษทุกคนแล้วกัน...เฮ้อ! ไม่น่าฝืนตัวเองเล้ย” แจจุงหันมาขอโทษเหล่าสมาชิกที่เหลือ ท่าทางเศร้าๆแบบนี้ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเอ็นดูขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ไม่เคยคิดโกรธเลยสักนิด
“นายทำดีที่สุดแล้ว อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ...ดีแล้วล่ะที่ไม่เป็นอะไรมากไปกว่านี้นะ” ผมเดินเข้าไปตบบ่าเพื่อเป็นการปลอบใจแจจุงเล็กน้อย
“แต่สุดท้ายแล้วฉันก็อดขึ้นเวที...ความพยายามสูญเปล่าชัดๆ” แม้ว่าผมจะคอยปลอบและมีชางมินคอยจิกกัดเรียกรอยยิ้ม หากแต่ผมก็ยังเห็นว่ามีน้ำตารื้นขึ้นมาบนขอบตาคู่นั้นอยู่ดี
ทำไมนะ
คิมแจจุง
ทำไมแววตาของนายถึงได้ดูเศร้าอยู่ตลอดเวลาแบบนี้
“ยังมีพวกเราคอยทำให้มันไม่สูญเปล่า...พี่ไม่ต้องกลัวหรอกน่า” ยูชอนก็เดินเข้ามาจับประคองมือนั้นเอาไว้ จุนซูเองก็พยายามยิ้มสดใสให้กำลังใจคนเจ็บอยู่ไม่ห่าง
“ก็นั่นแหละที่ฉันต้องกลัว”
“อ้าว! แล้วพี่กลัวอะไรอีกล่ะหรือว่ากลัวเข็ม” จุนซูห่วงไม่ตรงประเด็นอีกแล้ว พูดเรื่องงานดันโผล่ไปเรื่องเข็มฉีดยาได้อย่างไรเนี่ย
“เปล่าซะหน่อย...ก็มีแต่พวกนายที่ขึ้นเวทีแล้วแบบนี้เรทติ้งของฉันก็ตกแย่สิ”
คิมแจจุ้งงงงงง นี่นายกังวลบ้าบออะไรอยู่เนี่ย
ลีดเดอร์อย่างผมล่ะเหนื่อยใจจริงๆ
........................................................................................................
การผ่าตัดผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และตลอดเกือบหนึ่งเดือนที่ผมพักรักษาตัว ผมทำได้แค่นั่งมองเพื่อนร่วมวงเต้น rising sun อยู่ข้างล่างเวที ในระหว่างที่ผมยังคงต้องใช้ไม้ค้ำยันช่วยในการเดิน ผมทำได้แค่ขึ้นไปร้องเพลงช้าเท่านั้น ถึงแม้ว่าเหตุการณ์จะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดไว้ในตอนแรกเพราะว่าผมยังคงร้องเพลงได้ หากแต่ว่าผมก็ยังคงรู้สึกเจ็บที่แผลทุกครั้งที่ขยับตัว มันทรมานมากกับการที่จะต้องตีสีหน้าให้เรียบเฉยราวกับว่าไม่เจ็บอยู่แบบนี้ ก็เพราะว่าผมไม่อยากให้ใครต้องมาคอยกังวลไปด้วย แค่นี้ทุกคนก็เหนื่อยกันแทบแย่แล้วนี่นา
“นั่นนายจะทำอะไรน่ะ...คิมแจจุง” ในห้องนั่งเล่นที่บ้านของเรา ระหว่างที่ผมกำลังพยายามเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำอยู่นั้น ชองยุนโฮก็ทำเสียงเข้มใส่ผม แถมสีหน้าท่าทางเหมือนกับคนไปกินยาบ้ามาก็ไม่ปาน
“เออ..อ๋อ! ฉันแค่หิวน้ำ ก็เลยจะกินน้ำไง”
“ทีหลังบอกฉันก่อนนะ” พูดสั้นๆง่ายๆ พร้อมกับเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหยิบขวดน้ำที่อยู่ใกล้มือผมแค่เอื้อมส่งให้ผม ยุนโฮมักจะดูแลผมเป็นอย่างดี จำได้ว่าแทบจะไม่มีใครได้เข้าใกล้ตัวผมเลย เพราะว่ายุนโฮจะเป็นคนคอยกันให้ออกห่างอยู่เสมอ โดยเฉพาะชางมินที่โดนกฎเหล็กห้ามเข้าใกล้ผมเกิน 500 เมตร
นับวันยุนโฮยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ
“พี่แจจุงเจ็บที่ขา ไม่ได้เจ็บที่มือเสียหน่อย...พี่จะหวงอะไรกันนักหนา” ชางมินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้ผมตามปกติ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเล่นเกมส์เพลต่อไปโดยที่ไม่คิดว่าคำพูดจากเจตนาบริสุทธิ์นั้นจะสามมารถทำให้ยูชอน จุนซูหรือแม้แต่พี่เฮวอนเองหันมามองผมกับยุนโฮสลับกันไปมาด้วยสายตาแปลกๆได้
“ฉะ...ฉันว่าจะไปพักสักหน่อยแล้วล่ะ” ผมรู้สึกว่าตัวเองพูดตะกุกตะกักอย่างห้ามไม่อยู่ ไอ้บ้ายุนโฮก็เอาแต่เงียบไป ผมเลยตัดสินใจหลบหลีกสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามเหล่านั้นเองเสียดีกว่า
“มา ฉันช่วย” ยุนโฮเดินเข้ามาประคองผมไว้ทันทีโดยที่พี่เฮวอนเองยังไม่ทันได้ขยับตัวเสียด้วยซ้ำ
รู้สึกอบอุ่น
แบบแปลกๆ
ทันทีที่ผมและคนแปลกด้านข้างหายลับเข้าไปในห้องนอน วงสนทนานินทาชาวบ้านด้านนอกก็เริ่มก่อตัวขึ้นทันที
“เอ...แปลก” ยูชอนพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าแปลกๆ รู้สึกว่าอะไรรอบตัวเวลานี้มันแปลกไปเสียหมด
“อะไรแปลก...ชางมินนายรู้สึกแปลกหรือเปล่า” จุนซูเอ่ยถามตัวต้นเหตุ แววตาแป๋วมีประกายความสงสัยอย่างแปลกประหลาด
“โอ๊ย! แปลกมานานแล้ว พวกพี่ไม่รู้เหรอ” ชางมินตอบทั้งๆที่ยังคงตั้งใจอยู่กับเกมส์เพลตรงหน้า มุมปากยกขึ้นสูงเพราะว่ากำลังอมยิ้มแบบแปลกๆอยู่
“พี่ว่าจะกลับบ้านไปหาลูกเมียดีกว่า อยู่ที่นี่รู้สึกแปลกเต็มทน” พี่เฮวอนทำท่าปวดศีรษะก่อนจะหยิบกระเป๋าทรงแปลกแล้วเดินตรงไปยังประตูบ้านทันที
“แล้วพี่ไม่ต้องอยู่ดูแลพี่แจจุงแล้วเหรอ” ยูชอนเป็นผู้เอ่ยรั้งผู้จัดการวงที่กลายมาเป็นนายพยาบาลส่วนตัวคนเจ็บอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พี่เฮวอนหยุดกึกแล้วหันมาตีหน้ายักษ์ใส่คนถามอย่างแปลกประหลาด
“ก็หน้าที่โดนแย่งไปแล้ว จะอยู่ทำแปลกอะไรล่ะ” พูดจบเจ้าตัวก็กระแทกประตูปิดดังปังเลยทีเดียว
“อืม...แบบนี้ต้องหาทางคลี่คลายความแปลกให้ได้” จุนซูเอ่ยออกมาพร้อมทั้งทำท่าทางครุ่นคิด
“ผมว่าถ้าคลี่คลายได้ พวกพี่ก็ต้องเตรียมตัวกินยาแก้ปวดตับไว้เลยล่ะ” ชิมชางมินน้องเล็กเอ่ยจบก็เลิกเล่นเกมส์ก่อนจะเดินจากไปอีกคน ทิ้งไว้ก็แต่พี่สองคนที่กำลังนั่งมองหน้ากันด้วยความรู้สึกแปลกๆ
................................................................................................
To Be Continued
YunJaeKick
ป๋อล๋อ. บอกแล้วว่าตอนสองก็ยังคงห่วย ทนๆอ่านคลายเครียด (หรือจะยิ่งเครียด)กันหน่อยแล้วกันนะจ๊ะ
สวีดัด.
ความคิดเห็น