ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Eyes on You (YunJae...yaoi)

    ลำดับตอนที่ #1 : My Dong Bang Shin Ki

    • อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. 52


    Title: Eyes on You (yaoi)

    Author: YunJaeKick

    Paring: Joong Yunho, Kim JaeJoong (Other TVfXQ’s member)

    Genre: Romance

    Rate: PG-13

     

    CHAPTER I : My Dong Bang Shin Ki


    BGM สำหรับตอนนี้ เลือกเพลง HUG นะฮับ (กรุณาเปิดจากเครื่องของคุณคลอไปเอง 555+)

    เหมาะกับความรู้สึกตรงจุดเริ่มต้นของพวกเขาทั้งห้าดี คิดถึงภาพหนุ่มๆตอนนั้นแล้วก็ฮา เย้ย! ก็ปลาบปลื้มจนน้ำตาไหล

                    เพราะรักสุดๆนะเนี่ย จร๊วฟฟฟฟฟ

     

    ฤดูหนาวปีนี้รุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา หิมะตกหนักจนผมแทบไม่อยากเดินกลับห้องพัก อยากจะกินกับนอนมันอยู่ที่ตึก SM นี่เหลือเกิน จะได้ไม่ต้องไปๆมาๆให้เสียเวลาอยู่อย่างนี้ ผมวิ่งฝ่าหิมะที่กำลังตกลงมาอย่างไม่คิดเห็นใจใคร แต่ความรู้สึกของผมไม่ใช่ความหนาวเหน็บที่เผชิญ ผมรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

    ไม่สิ...ทั้งตื่นเต้น ดีใจ จนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้เสียมากกว่า

     

    ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

    สิ้นสุดการรอคอยเสียทีนะ...คิมแจจุง

     

    “มาแต่เช้าเลยนะ แจจุง”                    พี่เฮวอนเอ่ยทักทายผมด้วยรอยยิ้มอบอุ่นแบบที่มอบให้ผมตลอดการเป็นเด็กฝึกหัดของที่นี่ ชายวัย 30 ต้นๆคนนี้มักจะโอบอุ้มดูแลเด็กฝึกหัดอย่างพวกเราอยู่เสมอ

     

    “ครับพี่เฮวอน”                    ผมหยุดพักหายใจเนื่องจากความเหนื่อย ก่อนจะส่งยิ้มสดใสกลับคืนให้แก่เจ้าของคำถาม ภายในลิฟท์มีเพียงผมกับพี่เฮวอนเพียงสองคนเท่านั้น

     

    “คงตื่นเต้นมากสินะ แต่ยังไงก็สมหวังสักที...ดีใจด้วยนะ แจจุง”                            พี่เฮวอนเอื้อมมือมาตบบ่าให้กำลังใจผมเบาๆ

     

    “ผมนอนไม่หลับเลยล่ะครับ...จะมีใครบ้างน้า...”                       ยิ่งลิฟท์เคลื่อนที่เข้าใกล้จุดหมายปลายทางมากเพียงใด ใจผมก็ยิ่งเต้นแรงมากขึ้นเท่านั้น วันนี้พวกเราบรรดาเด็กฝึกหัดทั้งหลายถูกเรียกให้มาประชุมพร้อมกัน

     เพื่ออะไรน่ะหรือ...ก็เพื่อประกาศรายชื่อสมาชิกวงทงบังชินกิน่ะสิ

     

    “พี่ว่านายต้องได้รับคัดเลือกแน่ๆ”                   พี่เฮวอนยังคงให้กำลังใจผมต่อไป ท่าทางมั่นใจเสียจนผมอดมีความหวังไม่ได้

     

    “ผมก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นครับ”  

    ติ้ง!

    ประตูลิฟท์เปิดออกทั้งผมและพี่เฮวอนพากันเดินตรงไปยังห้องซ้อมประจำของเด็กฝึกหัดทันที อา...ใกล้แล้ว คิมแจจุง ใกล้ถึงจุดหมายของนายเต็มทีแล้ว

     

    “ว่าไงทุกคน นี่ยังมีคนมาเช้ากว่าพี่อีกเหรอเนี่ย”                         พี่เฮวอนส่งเสียงทักทายบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นของผมอย่างเป็นกันเอง แต่ผมกลับยิ้มไม่ออก ไม่ใช่เพราะความตื่นเต้นอะไรนั่นอีกแล้ว เพราะทันทีที่ผมเห็นหน้าเพื่อนๆที่ร่วมฝึกด้วยกันมาผมกลับรู้สึกว่า สุดท้ายทุกคนก็หวังในสิ่งเดียวกัน แล้วเราก็ต้องมาแข่งขันกันเองจริงๆสินะ

     

    “พี่เฮวอนหวัดดีครับ/ค่ะ”                   ทุกคนเอ่ยทักทายผู้สูงวัยกว่าพร้อมทั้งรอยยิ้มที่แสนสดใสของเด็กวัยรุ่น แต่ผมสามารถสัมผัสได้ถึงความเป็นกังวลของทุกคนได้ดี พวกเรารู้สึกไม่ต่างกันเลยจริงๆ

     

    “แจจุง มาทางนี้สิ”                              จองยุนโฮตะโกนเรียกผมให้ตื่นจากภวังค์ ก่อนจะกวักมือเรียกให้ผมไปนั่งรวมกลุ่มด้วย ตรงนั้นมี คิมจุนซู อึนฮยอกและพี่ฮีชอนนั่งอยู่ก่อนแล้วเหมือนกัน

     

    “นายดูเหมือนคนไม่ได้นอนเลยนะ... ท่าทางตื่นเต้นมากสิ”                    พี่ฮีชอนพุ่งตัวเข้ามาล็อคคอผมเอาไว้ พร้อมกับเอ่ยล้อผมด้วยท่าทางเฮฮาในแบบของเขา ผู้ชายคนนี้นี่ยังไงกันนะ ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนก็ยังยิ้มได้เสมอแหละน่า

     

    “ไม่ต้องกังวลไปหรอกแจจุง พลาดทงบังชินกิก็ยังมีลุ้นซุปเปอร์จูเนียร์อีกตั้ง 12 คน”                        ยุนโฮคงสังเกตเห็นสีหน้าของผมที่ยังไม่ดีขึ้น เลยต้องรีบให้กำลังใจผมอีกแรง

     

    “เอ๋...ซุปเปอร์จูเนียร์อะไรกัน”                         ผมยิ่งสงสัยหนักเข้าไปใหญ่ เพราะไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน

     

    “พี่ไม่รู้อะไร...วันนี้เขาจะคัดเลือกสมาชิกวงทงบังชินกิ 5 คนแล้วก็วงซุปเปอร์จูเนียร์อีกตั้ง 12 คนเชียวนะ”               จุนซูรีบไขข้อข้องใจให้ผม เพราะหมอนี่คงกลัวจะไม่ได้พูดเป็นแน่

     

    “ยังมีวงชอนซังจินฮีอีก 4 คนนะ”                   อึนฮยอกรีบเข้ามาสมทบ แววตาสดใสของสองเพื่อนรักนี่ทำให้ผมอดยิ้มไปด้วยไม่ได้

     

    “ไอ้บ้าฮยอกแจ! นั่นมันวงเกิร์ลกรุ๊ป นายอยากจะเป็นสมาชิกหรือไง”                                   จุนซูเอ็ดอึนฮยอกด้วยเสียงใสเหมือนปลาโลมาของเขา ทำเอาพวกเราหลุดหัวเราะออกมาโดยไม่ได้นัดหมาย

     

    “แล้วพวกนายไปรู้เรื่องนี้มาจากไหนกันล่ะ”                                แม้จะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแต่ผมก็ยังอดสงสัยอยู่เล็กน้อย กลัวว่าเรื่องพวกนี้จะไม่เป็นความจริงน่ะสิ

     

    “พี่ฮีชอนบอกพวกเราเองแหละ”                     ทุกคนพากันทำปากบุ้ยใบ้ไปทางพี่ฮีชอนที่ผละออกจากกลุ่มเราไปร่าเริงอยู่กับคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ นั่นยิ่งทำให้อัตราความเชื่อของผมลดลงไปอีกเยอะเลยทีเดียว

     

    “แล้วพี่ฮีชอนไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหนกัน”                              ผมยังคงซักต่อไป ยุนโฮส่ายศีรษะเล็กน้อยก่อนจะตอบผม

     

    “ฉันก็ถามแบบนายนี่แหละ แต่เขากลับตอบมาแค่ว่า...เฮ้ๆๆๆ นี่พวกนาย ฉันคิมฮีชอลนะ”                            ยุนโฮทำเสียงเลียนแบบพี่ฮีชอน

    วินาทีนั้นผมได้แค่ตั้งคำถามภายในใจว่า

    แล้วพี่ฮีชอล...เป็นใคร...

    .............................................................................................

    2 ปีหลังจากเหตุการณ์คัดเลือกสมาชิกวงทงบังชินกิและ 1 ปีหลังจากที่ ผม คิมแจจุง ปาร์กยูชอน คิมจุนซูและชิมชางมิน เดบิวในฐานะกลุ่มนักร้องบอยด์แบนหน้าใหม่ฉายาเทพเจ้าแห่งดินแดนตะวันออก โดยมีพี่เฮวอนเป็นผู้จัดการวง และผมทำหน้าที่เป็นหัวหน้าวง แรกเริ่มเดิมทีผมรู้สึกได้ว่าแจจุงออกจะไม่ค่อยพอใจนัก ที่ผมได้ยืนอยู่ในตำแหน่งนี้ ทั้งๆที่เราก็เป็นพี่ใหญ่ของวงเหมือนกัน

     

    “พวกพี่ก็เป็นเหมือนทั้งพ่อและแม่ของวงนั่นแหละ”                                 ชางมินน้องเล็กของเราเคยพูดเอาไว้ ผมไม่แน่ใจว่ามันคือสิ่งที่แจจุงพอใจจะได้ยินหรือไม่ รู้แต่เพียงว่าพอได้ยินประโยคนี้เขาก็เปลี่ยนมาทำดีกับผมมากขึ้นและตั้งแต่นั้นมาผมก็ได้รับสิทธิ์ในอาหารแสนพิเศษเช่นเดียวกับสมาชิกคนอื่นๆในวงแล้วเหมือนกัน

     

    Rising Sun                      ผมบอกชื่อเพลงโปรโมตอัลบั้มที่ 2 ของทงบังชินกิให้สมาชิกในวงได้รับทราบระหว่างที่เราอยู่บนโต๊ะอาหาร เรากำลังรอคอยแกงกิมจิรสชาติ(คิดว่า)เด็ดฝีมือของแจจุง พ่อครัวเพียงหนึ่งเดียวของเรา พอผมพูดจบแจจุงก็หันขวับกลับมาจ้อกับผมในทันที

     

    “ถ้าอย่างนั้นอัลบั้มนี้ก็ตกลงใช้ชื่อนี้ด้วยน่ะสินะ”                       แจจุงแสดงออกทางสีหน้าและแววตาว่า อืมมมมม อย่างนั้นสินะ อยู่คนเดียว ในมือก็ง่วนอยู่กับการทำอาหาร ในขณะที่น้องๆอีก 3 คนไม่มีใครสนใจทั้งเรื่องของผมและการช่วยแจจุงทำอาหาร ทุกคนหิวและกำลังฟังเรื่องตลกจากจุนซูเพื่อเป็นการฆ่าเวลา

     

    “มา...ฉันช่วย”                     ผมลุกจากโต๊ะทานข้าวแล้วเข้าไปช่วยแจจุงในครัวอย่างเป็นปกติ ตอนนี้ผมเริ่มจะรู้แล้วว่าอะไรวางไว้ตรงไหน แต่ฝีมือในการทำอาหารของผมก็ยังไม่ได้เรื่องอยู่ดี หากเทียบกับยูชอนแล้วรายนั้นถือว่ามีฝีมือใช้ได้ ทว่าเรื่องตลกของจุนซูคงน่าฟังมากกว่าการฟังแจจุงบ่นในครัวอยู่เป็นแน่ เราถึงไม่ได้เห็นยูชอนเข้ามาช่วยทั้งๆที่หิวแบบนี้

     

    “อืม...ขอบใจ ยังดีที่นายไม่คิดจะเกาะฉันกินลูกเดียวไปอีกคน”                               แจจุงยื่นชามผักให้ผม ปากก็พูดไปด้วย เกาะฉันกินผมอดขำต่อคำพูดนี้ไม่ได้ ช่างสรรค์หาคำมาพูดเสียจริง

     

    “หัวเราะอะไรไม่ทราบ”                    แต่ท่าทางอารมณ์ไม่ดีแฮะ

     

    “เปล่าๆ เออนี่แจจุง...นายไม่โกรธใช่มั้ยที่ฉันเห็นว่าเพลงนี้เหมาะจะเป็นเพลงโปรโมตโดยที่ไม่ได้ถามความคิดเห็นของนายก่อนน่ะ”               

     

    “นายเป็นหัวหน้าวง หน้าที่นี้เหมาะให้นายตัดสินใจที่สุดแล้วฉันจะโกรธทำไมล่ะ”                           แจจุงยิ้มให้ผมนิดๆ แต่ก็ไม่ได้หันมามองหน้าผมอย่างจริงจัง

     

    “คงไม่ได้พูดประชดฉันหรอกนะ”                                  ผมก็แค่ล้อเล่นเท่านั้น แต่แปลกที่เขาหันขวับกลับมามองจ้องผมทันที

     

    “หน้าฉันตอนนี้คงมีอารมณ์ประชดนายมากสิท่า”                                      พูดจบแจจุงก็หันกลับไปสนใจอาหารในมือต่อ

    จริงสินะ

    สายตาของคนๆนี้คือคำตอบของทุกอย่าง ผมดีใจที่ได้ร่วมเดินตามความฝันกับแจจุง เขารักแฟนคลับมากและแน่นอนว่ารักครอบครัวทงบังชินกิมากที่สุดเหมือนกัน

    “แต่ถ้านายไม่รีบใส่ผักลงไป รับรองว่าน้ำต้องเหือดไปหมดแน่ๆ”                          เสียงของแจจุงดึงสติของผมให้กลับมาที่หน้าหม้อแกงเดือดๆได้ชะงัด ผมยิ้มตาหยีแบบที่ชางมินชอบบอกว่า เด็ก ก่อนจะรีบเทผักใส่ลงไปในแกงกิมจิตามคำสั่งของคนข้างๆ

     

    “เอ๋...นั้นนายกำลังทำอะไรอ่ะ เมนูใหม่เหรอ”                             ผมเหลือบไปเห็นกระดาษจดวิธีทำอาหารที่วางอยู่ทางขวามือของแจจุงเลยอดเอ่ยถามไม่ได้

     

    “อืม เขาเรียกว่าผัดไทย”                                     แจจุงตอบผมพร้อมกับใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจ

     

    “แต่นายทำอาหารไทยไม่เป็นนี่นา”                                ผมเกิดอาการไม่มั่นใจถึงแม้ว่าหน้าตาของเจ้าผัดไทยที่ว่าจะแอบดูดีอยู่ไม่น้อยก็เถอะ

     

    “ก็นี่ไง”                                 แจจุงยกกระดาษเกือบเปื่อยแผ่นนั้นให้ผมดู นี่มันลายมือของพี่เฮวอนนี่นา แล้วพี่เฮวอนไปทำอาหารไทยเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ

    “พี่เฮวอนก็ช่วยหาในหนังสือให้ไง ฉันขี้เกียจอ่านก็ให้พี่เขาอ่านแทน ง่ายจะตาย”                             ราวกับว่าอ่านใจผมออก แจจุงรัวคำตอบใส่ผมเสร็จก็เป็นจังหวะเดียวกับที่แกงกิมจิและผัดไทยปรุงเสร็จแล้วเช่นกัน ได้เวลาตาย เฮ้ย! ทานแล้วต่างหาก

    .............................................................................................

    “ไม่อร่อย พวกพี่กินเหอะ”                                ชิมชางมินน้องเล็กที่ผมหวังจะใช้ผัดไทยเอาใจ พูดตัดรอนความรู้สึกของผมเป็นคนแรก

     

    “แต่นี่ของโปรดนายไม่ใช่เหรอ”                      จุนซูคนดีมีท่าทางที่ไม่เชื่อว่าเจ้าของแกงกิมจิรสเด็ดที่ชางมินกำลังครอบครองอยู่แต่เพียงผู้เดียวนั้นจะทำอาหารไทยสีสันน่ารับประทานตรงหน้าได้ห่วยอย่างที่ชางมินกล่าวหา

    “เออ ไม่อร่อยจริงๆแฮะ ยูชอนนายกินไปเถอะนะ”                    ไอ้บ้าจุนซูละทิ้งผัดไทยแล้วหันไปทำสงครามแย่งชิงแกงกิมจิในอ้อมกอดของไอ้บ้าชางมินอย่างเอาเป็นเอาตายแทน

     

    “เค็มๆ แปลกๆ แต่ฉันว่าก็กินได้นะ”                              ยูชอนคนดีช่วยชีวิตไอ้บ้าสองคนนั้นได้อย่างหวุดหวิด เขาตักผัดไทยเข้าปากคำแล้วคำเล่า เคี้ยวตุ้ยๆราวกับตั้งใจจะลืมแกงกิมจิแสนอร่อย เห็นยูชอนทานผัดไทยอย่างสงบท่ามกลางไฟสงครามนั้นมันทำให้ผมอดปลื้มใจไม่ได้เลยจริงๆ

     เอ...แต่สีหน้าของนายดูแปลกไป เหมือนกำลังผะอืดผะอม

    อืม...ไม่หรอก ผมคงคิดในแง่ลบไปเองเสียมากกว่า

     

    “อร่อยดีออก ทำครั้งแรกออกมาอร่อยแบบนี้เยี่ยมเลยแหละ”                                    โอ...ชองยุนโฮที่รัก นายนี่ช่างมีต่อมรับรสที่ดีเยี่ยมเสียจริง ผมปลื้มใจจนน้ำตาแทบไหล ยิ่งเห็นยุนโฮทานผัดไทยของผมมากขนาดนั้น ผมก็ยิ่งมีกำลังใจที่จะทำให้สมาชิกทุกคนทานอีกในครั้งหน้า

     

    พะ...พี่ยุนโฮ ต้องโดนข่มขู่มาแน่ๆ                            คิมจุนซูแอบคิดในใจด้วยความตระหนก

    คราวหน้าพี่แจจุงต้องบังคับให้พวกเราทานอีกแน่ๆ เฮ้อ...ชีวิตยากจะคาดเดา                    ชิมชางมินแอบบ่นอยู่ในใจแล้วแสดงออกทางสีหน้าเล็กน้อย

    นี่พี่ยุนโฮกลัวยิ่งกว่าเราอีกเหรอ                   ปาร์กยูชอนก็ได้แต่แอบของแอบคิดอยู่ในใจ พูดไปก็กลัวว่าหัวจะหลุดออกจากบ่า ส่วนความคิดของชองยุนโฮนั้นยากที่จะหยั่งถึงจริงๆ

    .............................................................................................

     

    To Be Continued

    YunJaeKick


    ป๋อล๋อ. ตอนแรกก้อเวิ่นเว้อแล้ว ต้องขออภัย

    ป๋อล๋อ. โปรดติดตามตอนหน้า (ก็จะเวิ่นเว้ออีก 555+)

    ป๋อล๋อ. ช่วยติแอบชมกันมาเยอะๆนะฮับ ชอบความรุนแรง กร๊ากกกก

     

     

    รักคนอ่าน

    สวีดัสเนะ.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×