คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [SuDo: จุนมยอน X คยองซู] The lost memory : ความทรงจำที่หายไป ...1
Author : Yumi19
Pairing : Suho X Kyungsoo
Rate : PG-13
Chapter 01
The Lost Memory :
ความทรงจำที่หายไป
เช้านี้อากาศหนาวเย็นมาก ปุยหิมะที่ตกตอนกลางคืนเริ่มละลายไปบ้างแล้ว เพราะอากาศอบอุ่นจากแสงแดด ในตอนเช้าของวันนี้ มันช่างเป็นวันที่ดีเพราะวันนี้เป็นวันแรกในการทำงานของเขา ซูโฮมองไปตามทางเดินเด็กนักเรียนมัธยมกำลังเร่งรีบ ทุกคนต่างเร่งฝีเท้ามุ่งตรงไปยังซุ้มประตูโรงเรียนที่โค้งเป็นตัวยูคว่ำ
เขารู้สึกภาคภูมิใจนักที่ได้มาสอนที่โรงเรียนมีชื่อแห่งนี้
เขาหยุดยื่นมองดูภาพบรรยากาศอยู่ตรงนั้น เขาพยายามจะเก็บซับความทรงจำของการเริ่มงานวันแรกให้ได้มากที่สุด ภาพเด็กนักเรียนเดินมุ่งหน้าเข้าโรงเรียน เสียงพูดคุยทักทายหยอกล้อกันอย่างมีความสุข
อยู่ ๆ เขาก็ถูกผลักไปข้างหน้า พร้อมกับร่างของเด็กผู้ชายคนหนึ่งล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้น แต่ซูโฮที่ทรงตัวได้ดีกว่าไม่ได้ล้มลงไปด้วย นี้ต้องเป็นความผิดเขาแน่ ๆ เลย ที่เขาหยุดเดินกะทันหัน
“โอ้ย!! เจ็บจังเลย” เด็กผู้ชายที่เดินมาชนซูโฮบ่นออกมา
“ขอโทษนะครับ เป็นอะไรมากไหมครับ” ซูโฮรีบกล่าวคำขอโทษออกมา เพราะเห็นว่าเด็กคนนี้ร้องโอดครวญ
“ผมไม่เป็นไรมากหรอกครับ” เด็กน้อยปากตอบซูโฮ ส่วนมือก็ควานหาของที่พื้น
“หาอะไรอยู่หรอ รึว่าลุกไม่ขึ้น” ซูโฮรีบเข้าไปช่วยพยุงร่างของเด็กน้อยหน้าใส
“ผมหาแว่นอยู่ครับ”
“แว่นตาหรอ อืม..”
ซูโฮมองไปตามพื้นก็พบกับแว่นตาที่คาดว่าเป็นของเจ้าเด็กหนุ่มน้อยคนนี้ จึงเดินเข้าไปหยิบให้
“นี่คงเป็นของนายสินะ” เขาส่งแว่นตานั้นให้เด็กนักเรียนไป
“อะ”
สวรรค์คงกำลังเล่นตลกอะไรกับเขาเป็นแน่ เลนส์แว่นหลุดออกจากกรอบไป ซ้ำยังโชคร้ายที่นักเรียนที่เดินมาจากด้านหลังเขาและซูโฮเหยียบเลนส์นั้นเข้าไปเต็ม ๆ
“แว่นของผม” เด็กหนุ่มน้ำตาคลอเบ้า ซูโฮรู้สึกสงสารเขามาก เพราะยังไงมันก็เป็นความผิดของเขาด้วยละ ที่ทำให้แว่นตาของหนุ่มน้อยมีอันเป็นไปเช่นนี้
“เอ่อ.. เดี๋ยวฉันพานายไปตัดแว่นใหม่ตอนเย็นละกัน”
“แต่ว่ามันไม่ใช่ความผิดของคุณ”
“ไม่ผิดได้ไง เพราะฉันหยุดกะทันหันนายก็เลยเบรกไม่ทันมาชนฉันจนแว่นตาหล่นไงละ”
“แต่ว่า..” เขาเกรงใจซูโฮ
“นายเอานี่ไว้นะ หลังเลิกเรียนโทรหาฉันละกัน” เขายื่นนามบัตรให้แก่เด็กหนุ่ม แล้วเดินจากไป
แต่ก่อนที่เขาจะเข้าไปในเขตของโรงเรียน มันเหมือนมีแรงดึงดูดอะไรสักอย่างทำให้ซูโฮหันกลับมามองที่ เด็กผู้ชายผู้แสนโชคร้ายคนนั้นอีกครั้ง ภาพที่เขาเห็น เด็กผู้ชายคนหนึ่ง ยื่นงก ๆ เงิ่น ๆ อยู่ที่เดิม เดินซะเปะซะปะ
“แล้วก็ไม่บอกฉัน ว่าสายตาสั้นมากจนเดินเองไม่ได้”
ซูโฮตัดสินใจจะเดินกลับไปหาเด็กนักเรียนคนนั้น แต่ถือว่าโชคยังเข้าข้างเด็กคนนี้อยู่ ที่มีเพื่อน ๆ พาเขาเดินเข้ามา ซูโฮจึงหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในโรงเรียนเช่นเดิม
The lost memory : ความทรงจำที่หายไป
“นี่ดีโอ นายไปทำอิท่าไหนให้แว่นตานายโดนเหยียบได้” เพื่อนตัวเล็กร่างอวบจอมโวยของดีโอผู้โชคร้ายโวยใส่เพื่อนรักทันทีที่เห็นสภาพเพื่อน
“พอก่อนแพคฮยอน แค่นี้ดีโอก็เสียใจจะแย่แล้ว” เพื่อนอีกคนพูดปลอบใจ เมื่อเห็นใบหน้าหวานของดีโอหมองลง
“ชานยอล นายมันก็เข้าข้างดีโอทุกทีแหละ” ว่าแล้วก็สะบัดหน้านำเข้าโรงเรียนไป
“ดีโอ อย่าถือสาแบคฮยอนเขาเลยนะ” ดีโอพยักหน้ารับชานยอล
“เรามันก็ซุ่มซามจริง ๆ แหละ”
The lost memory : ความทรงจำที่หายไป
“สวัสดีครับ ผมคิม จุนมยอน แต่ผมอยากให้คุณเรียกผมว่า ‘ซูโฮ’ มากกว่าครับ”
ซูโฮรายงานตัวกับผู้อำนวยการโรงเรียน ผอ.คนนี้รูปร่างท้วมมองจากภายนอกอาจจะดูน่ากลัว แต่ซูโฮเขาสัมผัสได้ว่า ผอ.ท่านนี้ข้างในเต็มไปด้วยความเมตตา
“ยินดีต้อนรับเข้าทำงานนะ” น้ำเสียงทุ้มที่ทรงอำนาจ น้ำเสียงที่ทำให้ใครก็ต้องเคารพตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยิน
“ขอบคุณครับ” ซูโฮก้มโค้งลงทำความเคารพ
“คุณเป็นครูคนชาวญี่ปุ่นคนแรกที่เรารับเข้าทำงาน ผมไม่อยากจะเชื่อว่าคุณจะพูดภาษาเกาหลีได้ชัดขนาดนี้”
น้ำเสียงของผู้อำนวยการดูเป็นมิตรมากขึ้น ซึ่งซูโฮคาดเดาว่าการใช้เสียงที่แสดงพลังอำนาจในตอนแรกนั้น เพราะต้องการให้ซูโฮเคารพเขาเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาพร้อมที่จะเปิดโอกาสให้ซูโฮพูดคุยด้วยอย่างสนิทสนมได้
“ขอบคุณครับ คุณชมผมเกินไปแล้ว อันที่จริงแล้ว ผมเป็นคนเกาหลี ที่ไปอาศัยอยู่ที่นั้นต่างหากครับ แต่ผมก็ไม่ค่อยได้ใช้ภาษาเกาหลีเท่าไหร่ ผมต้องเรียนเพิ่มเติม เพราะไม่ต้องการลืมภาษาบ้านเกิดครับ” ซูโฮโค้งให้เขาอีกครั้ง
“ผมพูดจริง ๆ นะครับ ผมทึ่งคุณมาก ๆ คุณเรียนภาษาเกาหลีมานานแค่ไหนแล้ว ถึงแม้คุณจะเป็นคนเกาหลี แต่การที่โตมาจากที่นั้น มันคงจะช่วยให้คุณใช้ภาษาเกาหลีได้คล่องขนาดนี้แน่” บทสัมภาษณ์ย่อย ๆ เริ่มขึ้น
“ตั้งแต่ผมอายุ 15 ปี จากตอนนั้นถึงตอนนี้ก็ประมาณ 10 ปีแล้วครับที่ผมเรียนมา” เขาพยักหน้ารับ
“ผมหวังว่า คุณคงมีความสุขกับการเป็นอาจารย์สอนเปียโนของที่นี้นะครับ ถ้ามีปัญหาอะไร ผมอยากให้คุณมาบอกผมทันที” ซูโฮยิ้มรับแล้วกล่าวคำขอบคุณอีกครั้งก่อนที่จะก้าวออกจากห้องทำงานของผู้อำนวยการ
The lost memory : ความทรงจำที่หายไป
ซูโฮเดินไปยังห้องพักครูที่อยู่ถัดไปอีกห้องหนึ่ง ห้องนั้นประกอบด้วยโต๊ะทำงานของอาจารย์ในโรงเรียน รวมทั้งเขาด้วย แต่ละโต๊ะจะมีเพียงแผ่นไม้บาง ๆ กั้น ที่ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวเพียงเท่านั้น
เขาหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งออกจากกระเป๋า รูปถ่ายใบนี้อยู่กับเขามานานแสนนาน นานพอ ๆ กับที่เขาตั้งใจเริ่มเรียนภาษาเกาหลีนั้นแหละ รูปถ่ายของซูโฮกับน้องชายข้างบ้าน เด็กผู้ชายตัวกลม ๆ แก้มป่อง ช่างเจรจา เด็กผู้ชายคนนี้ที่ทำให้เขาต้องระเห็จระเหินมาไกลถึงนี้ เพื่อตามหาตัว เด็กน้อยผู้น่าสงสาร
The lost memory : ความทรงจำที่หายไป
ชั่วโมงแรกของวันก็มาถึง ซูโฮเดินไปยังแผนกดนตรีของโรงเรียน โรงเรียนนี้แบ่งเป็นแผนกต่าง ๆ ตามความถนัดของนักเรียน ซึ่งประกอบด้วยแผนกวิทย์ฯ แผนกคอมพิวเตอร์ แผนกศิลปะ แผนกการละครและการแสดง แผนกตัดต่อภาพยนตร์ แผนกขับร้อง และแผนกดนตรีที่ซูโฮประจำอยู่ ((คิดภาพโรงเรียนของเจ้าชายเรื่องเจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชาเรียนกันนะคะ))
ห้องต่าง ๆ ในแผนกนี้จะมีเครื่องดนตรีประจำอยู่ทุกห้อง ห้องที่ซูโฮใช้สอนจะมีอยู่สองแบบคือ ห้องที่เต็มไปด้วยเปียโน อย่างที่บอก ซูโฮเขาเป็นอาจารย์สอนเปียโนก็ต้องเป็นห้องเปียโน ส่วนอีกห้องหนึ่งเป็นห้องที่ใช้สำหรับเรียนภาคทฤษฎีกัน ซูโฮก้าวเท้าไปตามทางเดินเรื่อย ๆ
เมื่อใกล้ถึงห้องเรียนที่เขาจะใช้สอน เสียงเปียโนที่พลิ้วไหวปานสายลมดังกระทบเข้าหูของเขา
ด้วยความอยากรู้เขาจึงรีบเดินให้ถึงห้องเรียนให้เร็วขึ้น ภาพของเด็กผู้ชายที่เดินชนเขาเมื่อเช้านี้กำลังพรมปลายนิ้วเรียวไปตามรางเปียโน เสียงเปียโนหยุดลงพร้อม ๆ กับเสียงปรบมือจากเพื่อน ๆ ที่ดังขึ้น
“ดีโอ นายนี่มันยอดเยี่ยมจริง ๆ เลย” เสียงเพื่อนตัวเล็กของดีโอนั้นเอ่ยชม
“นายชมฉันมากไปแล้วนะ แพคฮยอน” ใบหน้าใสระบายไปด้วยสีแดงระเรื่อ ถึงแม้ว่าแพคฮยอนจะพูดจาร้าย ๆ ใส่เขาเมื่อเช้านี้ แต่ก็เพราะความเป็นห่วง จึงไม่อาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนไปได้
“เพื่อน ๆ นี่เป็นความดีความชอบของฉันนะ ที่เป็นคนไปจอดีโอที่หน้าโรงเรียน ไม่อย่างนั้น เราไม่ได้ฟังดีโอเล่นเปียโนให้ฟังหรอก จริงไหมทุกคน” เพื่อนร่างสูงอีกคนพูดอย่างเอาหน้า พร้อมกับพยักหน้ารับเสียงสรรเสริญยอมรับจากเพื่อน ๆ ในห้อง
ซูโฮก้าวเท้าเข้าไปในห้องเรียน เด็กนักเรียนจึงเงียบเสียงลง ซูโฮเห็นเด็กที่ทำแว่นแตกเมื่อเช้าคุยอะไรกับเพื่อน 2-3 คำที่เปียโน ก่อนที่เพื่อน ๆ จะพยุงเขาไปยังที่นั่ง
“นักเรียนเคารพ”หัวหน้าห้องเอ่ยขึ้นทันทีที่ซูโฮยืนอยู่หน้าห้องเรียน
“นั่งลงได้” นักเรียนในห้องนั่งลงที่โต๊ะเลคเชอร์ทันทีที่ซูโฮอนุญาต
บทเรียนในวันแรกยังไม่มีอะไรมาก เขาแค่ทักทายทำความรู้จักกับนักเรียนในห้อง แล้วในที่สุดเขาก็ได้รู้จักชื่อเด็กคนนั้น ‘โด คายอง’ ชื่อที่ฟังดูคุ้นหูยังไงไม่รู้ ซูโฮได้แค่แอบคิดในใจว่า จะเป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นคนคนเดียวกันกับที่เขาตามหา
“สวัสดีครับ ผมชื่อ ‘โด คายอง’ ครับ” ดีโอพูดจบก็โค้งศีรษะทำความเคารพซูโฮ ซูโฮก็สัมภาษณ์เขาเหมือนเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ
“ชื่อของนายน่าสนใจจัง”
“..” เด็กหนุ่มส่งยิ้มมาให้ซูโฮ เล่นเอาซูโฮต้องเบนหน้าหลบรอยยิ้มละไมนั้น
“มันมีความหมายว่าอะไรหรอ”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ เจ้าหน้าที่ที่สถานสงเคราะห์เขาตั้งให้ผม แต่ส่วนมาก เพื่อน ๆ จะเรียกผมว่า ดีโอ ครับ” ดีโอยิ้มเศร้ามาที่ซูโฮ
“โทษที ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้นายเศร้า” นี่เป็นครั้งที่สองของวันแล้วที่ซูโฮทำเรื่องไม่ควรทำกับเขา
“ไม่เป็นไรครับ ก็อาจารย์ไม่รู้นิน่า” ดีโอแสร้งยิ้มให้ซูโฮอีกครั้ง เขาคงคิดว่ามันดูสดใสมากแล้ว แต่ซูโฮว่าไม่เลย มันดูเศร้าจับใจ ตลอดชั่วโมงเรียนหลังจากนั้นเขาก็เอาแต่เศร้า นั่งเหม่อ
หลังจากที่นักเรียนทั้งห้องรายงานตัวและตอบคำถามจนซูโฮพอใจแล้ว หนุ่มหล่อ ยอลลี่ หรือ ชานยอลเพื่อนของดีโอก็รบเร้าให้ซูโฮเล่นเปียโนให้ฟัง
“อาจารย์ครับ โชว์ฝีมือให้พวกผมฟังก่อนเริ่มเรียนได้ไหมครับ” ซูโฮทำตามคำขอของชานยอลทันที แต่ซูโฮก็ได้ออกตัวกับนักเรียนทั้งห้องก่อนว่า ตัวเขายังไม่คุ้นเคยกับเพลงเกาหลีสักเท่าไหร่ ขอเล่นเพลงไทยไปก่อนละกัน เพลงนี้เห็นนักร้องเกาหลีที่เป็นคนไทยเอาไปใช้ร้องในคอนเสิร์ตที่โตเกียวโดมมาแล้ว
“ครูขอเล่นเพลงไทยได้ไหม หรือว่าจะให้ครูเล่นเพลงของโชแปงดีละ”
“เอาเพลงไทยดีกว่าครับครู เพราะเพลงพวกนั้นยังไงซะ พวกผมก็ต้องเรียนกันทั้งเทอมอยู่แล้ว” เสียงเจียวจ้าวดังมาจากเพื่อนร่างเล็กของดีโอ
“งั้นครูจะเล่นเพลงที่มีความหมายสำหรับครูให้ฟังละกัน”
The lost memory : ความทรงจำที่หายไป
เสียงเปียโนดังขึ้นอีกครั้ง เด็กนักเรียนในห้องถูกตรึงไว้ภายใต้มนสะกดของสร้อยสำเนียงที่ดังกระทบเข้ามายังประสาทสัมผัส ซูโฮฮัมเพลงเบา ๆ ในลำคอเขาใส่ความรู้สึกทั้งหมดลงกับเพลง เด็ก ๆ ฟังอย่างเคลิบเคลิ้ม
แปลกแต่จริง เพลงไทยเพลงหนึ่งสามารถตรึงเด็กนักเรียนเกาหลีห้องนี้เกือบยี่สิบคนอยู่ ‘รักเธอ’ เพลงความหมายดีดีที่สื่อให้รู้ เรื่องน่ารัก ๆ ของชายหนุ่มที่กำลังตกอยู่ในห้วงของความรัก
เขาอาย เขาจึงใช้โน้ตเปียโนเป็นสื่อแทนคำพูดนั้น
ซูโฮได้ยินเสียงหนึ่ง เขาตกใจมากจึงหยุดเล่น ลุกขึ้นยืนหันมามองยังต้นเสียงนั้นทันที แต่ภาพที่ปรากฏต่อหน้าเขา คือภาพเด็ก ๆ ที่หน้าตาตื่นพอ ๆ กับเขามองมายังเขาเป็นจุดเดียวกัน
“ครูเป็นอะไรรึป่าวครับ” หนุ่มชานยอลถามด้วยความเป็นห่วง
“เมื่อกี้มีใครร้องเพลงนี้รึป่าว”
“ครูนี่ตลกจังเลย ครูบอกเองไม่ใช่หรอ ว่าเพลงนี้เป็นเพลงไทย แล้วพวกผมจะร้องเป็นได้ยังไงครับ” แพคฮยอนพูดออกมาด้วยท่าทีขำขัน ทำให้เด็ก ๆ คนอื่น ๆ หัวเราะออกมา
“แต่ครูว่า ครูได้ยินคนร้องเพลงนี้จริง ๆ นะ” ซูโฮยังคงยืนยัน
“ผมว่า ครูคงหูฝาดมากกว่าครับ” คงจะจ้องดีโอมากเกินไปกระมัง จึงทำให้ดีโอกล่าวออกมาเช่นนั้น
“ครูอาจจะหูฝาดไปก็ได้” ซูโฮจำใจยอมรับทั้งที่ใจของเขายังคงสงสัยอยู่
The lost memory : ความทรงจำที่หายไป
Suho part
นักเรียนทุกคนคิดว่าผมหูฝาด แต่ตัวผมคิดว่าไม่ใช่เช่นนั้น ผมได้ยินเสียงร้องนั้นจริง ๆ เนื้อร้องท่อนที่ความจะมีเพียงโน้ตเปียโน 2 ตัว แต่ผมกับได้ยินมันชัดเจน
..ใช่ ต้องใช่เขาคนนั้นแน่ ๆ
เสียงเจ้าตัวเล็กที่ผมตามหาอยู่ แต่ใครละ คนไหนกันที่เป็นนาย
‘คยองซู’ น้องน้อยที่ผมตามหา เด็กตัวเล็ก ๆ ชาวเกาหลี เด็กข้างบ้านของผม
ผมกับคยองซูสนิทกันมาก ถึงแม้ว่า อายุจะห่างกันถึง 5 ปีก็ตาม
เหตุการณ์ในวัยเด็กทำให้ผมสองคนต้องพรากจากกันทั้งที่ไม่ได้ต้องการเลยสักนิด คุณลุงและคุณป้าพาคยองซูย้ายไปอยู่ที่เกาหลี เพราะคุณลุงต้องเขาไปรับตำแหน่งผู้จัดการสาขาที่นั่น
คยองซู น้องน้อยวิ่งมาหาผมที่บ้านพร้อมน้ำตาเม็ดโต ๆ ที่พรั่งพรูออกมาเป็นสายธาร
“พี่จุน ช่วยคยองด้วย คุณพ่อคุณแม่ใจร้าย” คยองซูวิ่งเข้ามาสู่อ้อมกอดของผม
“วันนี้ไปงอแงอะไรคุณพ่อคุณแม่มาละเรา” ผมขยี้หัวเจ้าตัวเล็กด้วยความรักทะนุถนอม
“คยองป่าวนะ คยองไม่ได้ดื้อเลยนะ” คยองซูตอบออกมาจากอกอุ่น ๆ ของผม และยังคงร้องไห้อยู่
“แล้วคุณพ่อคุณแม่จะใจร้ายกับคยองได้ยังไงกันนะ ในเมื่อคยองไม่ได้ดื้อ” ผมอุ้มร่างเล็กไว้ โคลงตัวไปมาเพื่อปลอบ
“พี่จุนต้องช่วยคยองนะ” คยองซูเริ่มออดอ้อนผมอีกครั้ง
“แล้วเรื่องอะไรละครับ พี่ยังไม่รู้เรื่องเลย แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ของคยองซูไม่มีเหตุผล แล้วมาทำให้เราร้องไห้นะ พี่จุนจะจับตีก้นทำโทษเลยดีไหม” คยองซูยิ้มกว้างให้ผมทันที
“ดีครับ” คยองซูเริ่มเช็ดน้ำตา
“งั้นเรื่องอะไรครับ ที่คุณพ่อคุณแม่ทำให้เราร้องไห้” ผมพาเจ้าตัวเล็กไปนั่งบนโต๊ะอาหาร แล้วผมก็เลื่อนเก้าอี้มานั่งตรงหน้าเขา
“คุณพ่อคุณแม่ไม่มีเหตุผลที่สุดเลยครับพี่จุน คยองไม่ได้อยากไปซักกะหน่อย แต่คุณพ่อคุณแม่บังคับให้คยองไป” คยองซูเริ่มอธิบายสาเหตุของธารน้ำตาให้ผมฟัง
“ไปไหนครับ”
“ไปเกาหลีครับ คยองไม่ได้อยากไปสักหน่อย พี่จุนต้องไปจัดการให้คยองนะครับ”
ผมรู้สึกใจหายที่น้องน้อยที่ผมแสนรักและทะนุถนอมกำลังจะย้ายไปอยู่ที่อื่น
“อืม ..แล้วทำไมเราไม่อยากไปเกาหลีละครับ ที่เกาหลีน่าอยู่มากเลยนะรู้ไหม” ผมพยายามปลอบใจให้คยองซูรู้สึกอยากไปอยู่ที่เกาหลีมากขึ้น
“ไม่เห็นอยากรู้เลย ที่เกาหลีไม่มีพี่จุนสักหน่อยจะน่าอยู่ได้ไง” คยองซูหน้างอกอดอก อมลมเข้าปากจนแก้มป่อง
“น่าอยู่สิ พี่จุนไม่ได้ไปไหนสักหน่อย” คำพูดปลอบโยนทำให้คยองซูยิ้มได้
“จริงหรอ พี่จุนจะไปกับคยองใช่ไหมฮะ” คยองซูตื่นเต้นมากเขาคิดว่าผมจะไปเกาหลีกับเขา
“ป่าว พี่ไม่ได้ไปด้วยหรอก” คยองซูกลับไปหน้างอกอดอกเช่นเดิม
“พี่จุนคนโกหก” คำต่อว่าของน้องน้อยคนนี้ทำให้ผมยิ้มออกมา นี่นะหรือ เด็กอายุ 8 ปี สงสัยว่าน่าจะอายุ 18 ซะมากกว่า
“พี่ไม่ได้โกหกนะ”
“พี่โกหกชัด ๆ ก็เมื่อกี้พี่จุนบอกว่าไม่ได้ไปไหนไกล แล้วพี่ไม่ได้ไปเกาหลีกับผมไกลกันชัด ๆ เลย”
“พี่ไม่ได้ไปเกาหลีกับเราก็จริง แต่พี่ไม่ได้ไปไหนไกลเลย พี่จะอยู่ตรงนี้เสมอ ถ้าเรายังไม่ลืมพี่” ผมจิ้มลงที่หน้าอกข้างซ้ายของคยองซู ผมจะขออยู่ในใจเด็กน้อยคนนี้เสมอ ถ้าเขายังต้องการ ถึงแม้ว่าคยองซูวัย 8 ขวบจะไม่เข้าใจความหมายที่เขาสื่อให้เลยสักนิดก็ตามที
“อยู่ตรงนมผมหรอครับ” คำถามแสนใสซื่อ พร้อมหน้าตางุนงง ยิ่งทำให้ผมหลงรักเด็กน้อยคนนี้มากขึ้น
“ไม่ใช่นมคยองหรอก ไม่ใช่หน้าอกเราด้วย แต่เป็นสิ่งที่อยู่ข้างในนี้ต่างหาก ใจของคยองซูไงละ พี่จะอยู่ในใจคยองซูและความทรงจำของคยองซูเสมอ จนกว่าคยองซูจะลืมพี่ชายคนนี้ไป”
“คยองไม่มีทางลืมพี่จุนหรอกน่า” เขาพูดงอน ๆ แต่ส่งยิ้มใส ๆ มาให้พี่ชายคนนี้
The lost memory : ความทรงจำที่หายไป
ณ สนามบินนานาชาติ
“แม่ครับ ให้พี่จุนไปกับเราไม่ได้หรอครับ” คยองซูรบเร้าแม่
“ไม่ได้หรอกจะ ลูก” เมื่อขอแม่ไม่ได้ คยองซูก็หันไปหาที่พึ่งใหม่
“คุณแม่ใจร้าย พ่อครับ ให้พี่จุนไปกับเราด้วยนะครับ” เด็กน้อยทำตาวิบวับท่าไม้ตายที่เอาไว้ใช้กับพ่อ ทุกครั้งพ่อต้องยอมให้ แต่ใยใช้ไม่ได้กับครั้งนี้
“ถ้าพี่จุนไปกับเรา แม่คิมของพี่จุนจะอยู่กับใครละลูก” คยองซูหน้าเศร้าลงทันที
“แม่คิมครับ ถ้าพี่จุนไปกับคยอง แม่คิมจะเหงาใช่ไหมครับ” แม่คิมยิ้มให้คยองซูอย่างอ่อนโยน
“เหงาสิจ๊ะ แต่คยองไม่อยู่ แม่คิมกับพี่จุมก็เหงา แล้วก็คิดถึงคยองเหมือนกันนะ” แม่คิม นั่งลงลูบหัวคยองซู จุนมยอนเข้าไปกอดคยองซูที่กำลังจะร้องไห้
“อย่าขี้แงสิคยองซูคนเก่งของพี่ อยู่ที่นั่นพี่ตามไปปลอบไม่ได้นะ” จุนมยอนเช็ดน้ำตาให้น้อง
“พี่จุนต้องไปหาคยองนะ”
“พี่เรียนจบปริญญาตรีเมื่อไหร่ พี่จะไปหาคยองทันทีเลย”
“สัญญานะ” คยองซูชูนิ้วก้อยส่งมาให้จุนมยอน จุนมยอนยิ้มให้ก่อนที่จะใช้นิ้วก้อยของตนเกี่ยวกับนิ้วเล็ก ๆ นั้น
“พี่สัญญา”
นิ้วก้อยนิ้วเล็กของคยองซู กับนิ้วก้อยเรียวยาวของจุนมยอน ที่เกี่ยวกันพร้อมกับถ้อยคำสัญญา
เปรียบดังห่วงโซ่ที่คล้องคนทั้งสองไว้ และห่วงโซ่นี่เองที่ทำให้เขาต้องมาตามหาคยองซูไกลถึงเกาหลี
...คยองซู นายไปอยู่ที่ไหนกันนะ ?
นายยังจำพี่จุนของน้องคยองได้รึป่าว ?
หรือว่า คยองจะลืมพี่จุนไปแล้ว ?
The lost memory : ความทรงจำที่หายไป
สัญญาระหว่างจุนมยอนและคยองซู ห่วงโซ่ที่ผูกหัวใจของจุนมยอนไว้ คงได้แต่หวังว่า มันคงไม่ใช่สัญญาที่ถูกลบลืมไป
The lost memory : ความทรงจำที่หายไป
**********
สนองนี๊ดตัวเอง อยากอ่านน้องคยองแบบโซตะค่อน จำได้ว่ามีฟิคที่ตัวเองแต่งไว้ เลยเอามาแปลงอ่านเอง ซะงั้น
เอามาแปะให้อ่านกัน เผื่อใครอยากอ่านกับเรา ^^ มันเป็นเรื่องราวของสองเพื่อนบ้านวัยเด็กที่ต้องโดนจับแยก
เพราะผู้ใหญ่ต้องแยกย้ายไปทำงาน มันมีเหตุผลมากกว่าคำสัญญาที่สองคนนี้ให้ไว้ ที่เป็นสาเหตุให้พี่จุนตามหาน้องคยอง
น้องคยองไปไหน น้องคยองลืมพี่จุนไปแล้วหรอ พี่จุนรักน้องคยองมากนะ ถึงได้ออกตามหาน้อง
ทำไมพี่จุนกับน้องคยอง ถึงไม่ติดต่อกันละ ระหว่างที่ทั้งคู่แยกกัน เพราะน้องยังเด็ก รึเพราะอะไร
ง่ะ เม้าท์เยอะ
ชอบไม่ชอบ บอกเราด้วยนะ จุ๊บ
ความคิดเห็น