ท่านอาจารย์:บทนำ
‘เจ้าเป็นอะไรหรือไม่’เสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ข้าผินกายไปมองด้วยความสงสัย พลันนัยน์ตาของ ‘เขา’ สบเข้ากับดวงตาของข้า ก็รู้สึกราวกับว่า ใต้หล้าหยุดเคลื่อนไหว กลีบเหมยฮวาปลิวว่อนราวกับร่ายรำแก่การพบกันของข้าและเขา กลิ่นโม่ลี่ฮวาสีขาวพิสุทธิ์ ส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณ ผมสีดำดุจน้ำหมึก ริมฝีปากเรียวชุ่มช่ำสีอิงฮวาอ่อนๆปิดสนิทเป็นเส้นตรง นัยน์ตาสีนิลที่ราวกับมีประกายดั่งดวงดาราทอแสงในยามรัตติกาล ยามนี้ดูเรียบเฉย อาภรณ์สีเขียวเข้ม ทำให้เขาดูสูงส่งและทรงภูมิ การปรากฎตัวของเขา ทำให้ข้าลืมความทุกข์ใจไปชั่วขณะหนึ่ง สายตาของเขาส่อแววเหนื่อยหน่ายเล็กน้อย ข้าจึงเริ่มเอะใจอะไรบางอย่าง
‘แม่นางท่านนี้ สรุปเจ้าเป็นอะไรหรือไม่’เมื่อเขาทวนคำถามอีกครั้ง ข้าก็พลันบรรลุวาบ ข้ามองเขานานเกินไปจนเสียมารยาทของกุลสตรีเสียแล้ว!
‘อ๋าา..ข้าน้อยเสียมารยาทแล้วเจ้าค่ะ ขอคุณชายท่านนี้โปรดอภัยด้วย’ข้าลุกขึ้นโค้งสี่ทางแปดทิศให้เขาอย่างนอบน้อม ข้าก้มลงต่ำมาก ต่ำจนผมยาวสีเปลือกไม้ของข้าใกล้จะจุ่มดินเต็มทน
‘ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือสา แล้วเหตุใดแม่นางจึงมาร้องไห้กลางป่ากลางเขาเช่นนี้ผู้เดียว เกิดเหตุอันใดร้ายแรงหรือไม่’เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ข้ากลับได้ยินว่ามันนุ่มอย่างประหลาด ลุ่มลึก ราวกับถูกมหาสมุทรขนาดใหญ่โอบล้อมเอาไว้ เสียงเขาทำให้ข้ารู้สึกเคลิบเคลิ้มยิ่งนัก แต่การจะไปถามว่าท่านมีภรรยาหรือไม่นั้น เป็นการไม่ควรอย่างยิ่ง..
‘ฮึก ท่านพ่อท่านแม่ของข้า พวกท่าน ฮึก’ เมื่อมองศพที่อยู่เบื้องหน้าข้าก็กลับมาอยู่ในสภาพวะเศร้าโศกอีกครั้งหนึ่ง ข้าไม่ได้โกหกเขาแม้แต่น้อย ซากศพในบริเวณดังกล่าวมีอยู่ราวๆ10คน สามในสิบนั้นคือท่านพ่อท่านแม่และอาเจี้ยน น้องชายเพียงคนเดียวของข้า แต่อาเจี้ยนนั้นลมหายใจโรยรินยิ่งนัก ในสถานการณ์ที่มีคนโผล่มาเช่นนี้นั้นนับเป็นวาสนาของข้ากับน้องชายยิ่งนัก มีเพียงทางเดียว
‘คุณชาย โปรดช่วยข้ากับน้องชายด้วยเถิด ครอบครัวข้าถูกโจรป่าบุกมาฆ่าชิงทรัพย์สินไปหมด ทั้งตัวข้าก็ไม่มีติดตัวแม้แต่แดงเดียว น้องชายก็ลมหายใจโรยรินเต็มทนแล้ว โปรดช่วยข้าน้อยสักครั้ง’ข้าคุกเข่าลงอีกครั้ง โขกศีรษะลงหลายครั้งติดๆกันจนปวดระบมไปหมด แต่นี่ไม่ใช่ปัญหา ข้ายังมีน้องชายของข้าอีกคน ข้าจะปล่อยให้เขาตายไปอีกไม่ได้!
‘....’เขาเงียบไป สายตาที่มองข้าราวกับจะพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง สักพักเขาก็เผยยิ้มมุมปาก ทำเอาตาข้าพร่าเลือนไปชั่วขณะ เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าข้าในระยะประชิด ย่อตัวคุกเข่าข้าหนึ่งแล้วกล่าวว่า
‘เรียกข้าว่าอาจารย์ แล้วข้าจะช่วยเจ้าและน้องชาย’ข้าอึ้งกับคำกล่าวของเขาและหลุดท่าทีโง่งมออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ริมฝีปากเม้มเข้าหากันอย่างครุ่นคิด แต่สมองกลับสั่งการปากให้กล่าวออกไปในแทบจะทันที
‘ท่านอาจารย์..อ้ะ!’หลังจากข้ากล่าวจบเขาก็อุ้มข้าแนบอก จับน้องชายข้าพาดบ่า แล้วทะยานขึ้นสู่ท้องนภาทันที ข้ากรี้ดด้วยความตกใจ และยกแขนขึ้นโอบรอบคอเขาโดยอัตโนมัติ เอ่อ..ข้าทำไปเพราะกลัวตกจริงๆนะ! ข้าไม่ได้มีจิตใจคิดลวนลามเขาเลยแม้แต่น้อย เดี๋ยวนะ..ว่าแต่ข้าเรียกเขาว่าอาจารย์แล้วเรอะ!
__________
เอาบทนำใส่ไว้ในหน้าแรกเลย ตั้งแต่ตอนที่หนึ่งลงไปจะเป็นเรื่องนางกะอาจารย์ยาวลงไปเลยเด้อ สั้นๆง่ายๆแต่ได้ใจความ ได้รู้ว่านางเอกนั้นเบอะแค่ไหน ได้รู้ว่าท่านอาจารย์รูปงามเพียงใด และได้รู้ว่า..น้องชายนางใกล้จะเน่าละ คุยกันอยู่นาน=_=’ เรื่องนี้ผู้เขียนได้แรงบัลดาลใจมาจากซีรี่ย์จีนเรื่อง ‘ฮวาเชียนกู่’ ตอนจบเศร้ามาก แต่ความจริงอยากให้อยู่ด้วยกันมากกว่านะ-0-’ แต่ไม่เป็นไร เรื่องนี้แต่งเพื่อสนองความต้องการของผู้แต่งล้วนๆ ใครอยากให้ปรับปรุงก็แนะนำได้นะคะ เราไม่กัด ฮ่าๆๆ (ใส่รูปในไอคอนเรื่องกับเนื้อเรื่องไม่ได้ เพราะโทรศัพท์เราใส่ไม่ได้ค่ะ รอแพรบจะหาทางลงรูปให้ได้T0T)
ป.ล. เราแต่งในโทรศัพท์นะคะ ไม่สะดวกจริงๆถ้าตอนไม่ยาว ฮืออ
ระดับพลังยุทธ(สามารถเลื่อนขั้นได้โดยการฝึกวิชา)
สีขาว ขั้นเริ่มต้น
-ระดับ1,2
สีเขียว ขั้นชำนาญ
-ระดับ1,2,3
สีฟ้า ขั้นกลาง
-ระดับ1,2,3,4
สีม่วง ขั้นจอมมาร
-ระดับ 1,2,3,4,5
สีทอง ขั้นรู้แจ้ง
-ระดับ 1,2,3,4,5,6
สีดำ ขั้นเหนือสามภพ
-ระดับ1,2,3,4,5,6,7
ระดับสัตว์อสูรโดยกำเนิด(สามารถพัฒนาได้ตามระดับพลังของผู้ทำพันธะ)
- สีขาว = สัตว์จำพวกเลื้อยคลาน
- สีเขียว =สัตว์จำพวกสัตว์น้ำ
-สีฟ้า = สัตว์จำพวกกระโดด
-สีม่วง = สัตว์ป่าราชัน
-สีทอง = สัตว์เหินเวหา
-สีดำ = สัตว์เทพอสูรอย่างแท้จริง
ระดับผู้ปรุงโอสถ(พัฒโดยการฝึกปรุงยาที่ยากขึ้นตามระดับขั้น)
-สีขาว = เริ่มต้น
-สีเขียว = สรรค์สร้าง
-สีฟ้า = ฝีมือเหนือชั้น
-สีม่วง = เทพเซียนจุติ
-สีทอง = เทพแห่งการรักษา
-สีดำ = บรรลุอมตะ(หมายถึงแตกฉานการปรุงยาทุกอย่าง รักษาได้ทุกโรค)
ความคิดเห็น