คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Why dont you choose me?(คยูฮยอน x เรียววุค x ซองมิน)
เรื่องนี้ก็แต่งมานานแล้วเหมือนกัน... สองปีได้รึเปล่าน้อ? ลองอ่านกันดูแล้วบอกยูเมะทีนะคะว่าเรื่องนี้ยูเมะน่าจะแต่งตอนไหน... ^^
Title: Why don’t you choose me?
Author: Akazuki Yumeko
Category: เศร้าๆเหงาๆ
Pairing: คยูฮยอน x เรียววุค x ซองมิน (ขออภัยที่เขียน pairingแบบ 3Pไม่เป็น)
Rating: PG 13 ใสกิ๊งชวนปวดหัวใจ
Author notes: ก่อนแต่งต้องขอโทษก่อน ขอโทษจริงๆสำหรับบรรดาแฟนคลับทั้งสามคน ยูเมะไม่ได้ตั้งใจจะกลั่นแกล้งนะคะ เพียงแต่พอได้ฟังเพลง “ไปจบกับเขาก่อน” ของ common sense ก็เกิดอาการจี๊ดในหัวใจอยากแต่งเรื่องราวรักสามเศร้าที่มีตัวร้ายอยู่บ้างค่ะ ความจริงยูเมะไม่เคยแต่งเรื่องที่มีตัวร้ายแบบร้ายบริสุทธิ์เลยนะคะ รู้สึกว่ามันปวดใจเกินกว่าจะย่ำยีเด็กๆในสังกัดได้ อันนี้นับเป็นเรื่องแรก(ยกเว้น Proserpine ที่เข้าไหดองขุดไม่ออกไปแล้ว 555) อ่านแล้วลองบอกทีได้มั้ยคะ ว่าอย่างเนี้ย.... ร้ายพอรึเปล่า? หรือว่าเรายังอ่อนด๋อยไป ไม่ร้ายได้ใจจริง? อีกอย่างๆ คู่pairing ข้างบนคนอ่านอ่านแล้วคงตกใจกันใช่มั้ยคะ ยูเมะเองก็งงค่ะ บอกแล้วว่ายูเมะเป็นคนที่จับคู่ตามสายตา(ที่เชื่อถือไม่ค่อยได้)ของตัวเอง แล้วจับไปจับมาก็งงกะสามคนนี้จริงๆค่ะ จับไม่ถูก - -// ก็เลยคิดว่า... ทีคู่ซีวอน-ฮีชอล-ฮันเกิง ยังจับ 3P ได้ แล้วทำไมคู่นี้จะจับไม่ได้(ล่ะฟะ!!!) ไปๆมาๆก็เลยออกมาเป็นแบบนี้แหละค่ะ ถ้าไม่ถูกใจผู้ใดต้องขออำภัยด้วยนะคะ....(โค้ง) ขอบอกอีกอย่างว่าฟิคนี้ใช้แรงจิ้นมากจริงๆ อย่าห่วงว่าทำไมคุณจิ้นไม่ออก เพราะยูเมะแต่งเองยังปวดหัวเลยค่ะ เอาเป็นว่าอ่านเอาสนุกดีกว่าเนอะ(ยิ้ม)
Why don’t you choose me?
วันนี้ท้องฟ้าก็ยังเป็นสีฟ้าดั่งเช่นทุกๆวัน ตึกรามบ้านช่องก็ยังคงตั้งอยู่ที่เดิมไม่ได้เคลื่อนย้ายไปที่ไหน ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินขวักไขว่ไปมาด้วยขณะนี้เป็นช่วงเวลาพักงานยามเที่ยง ทั้งเหล่าพนักงาน บรรดานักเรียนนักศึกษาจึงพากันออกมารับประทานอาหารกลางวัน รวมทั้งเดินเล่นเพื่อคลายเครียดจากภาระอันหนักอึ้งที่แต่ละคนได้แบกรับ และท่ามกลางความสับสนวุ่นวายนั้น ใครเล่าจะสังเกตเห็นเด็กหนุ่มตัวเล็กๆในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ตัวใหญ่ ทั้งผ้าพันคอทั้งหมวกแก๊ปใบกว้างดูคล้ายว่าคนคนนี้ไม่ต้องการให้ผู้ใดได้เห็นหน้า สองมือหอบหิ้วถุงพลาสติกใสที่ภายในบรรจุกล่องอาหารมากมายจนน่ากลัวว่าเจ้าตัวจะได้สะดุดล้มจมกองข้าวกล่องก่อนที่จะไปถึงจุดหมาย และไม่ว่าในสายตาของคนรอบข้างจะมองเด็กหนุ่มคนนี้อย่างไร เขาก็ได้พาตัวเองพร้อมกับสัมภาระที่หอบหิ้วมาเข้าไปในตัวอาคารแห่งหนึ่งได้สำเร็จ สองตากวาดมองอย่างระมัดระวังก่อนที่จะเร่งรีบพาตัวเองไปยังสถานที่ที่ต้องการ
เด็กหนุ่มคนนั้นหยุดร่างที่หน้าห้องพักขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง กดกริ่งเรียกคนที่อยู่ข้างใน ไม่นานนัก ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับรอยยิ้มของคนที่เดินมาต้อนรับ
“กลับมาแล้วหรอ เรียววุค เนี่ย ไอ้พวกลิงมันกำลังบ่นหิวกันพอดีเลย”
“พี่ก็ลิงเหมือนกันนั่นแหละ มาทำเป็นว่าคนอื่นเขา” เสียงเล็กๆย้อนตอบกลับอย่างสดใส คนฟังแยกเขี้ยวน้อยๆใส่ก่อนที่จะหัวเราะเบาๆ
“เออ... ลิงก็ได้ นี่ถือว่าหิวอยู่นะเนี่ย มาๆพี่ช่วยหิ้ว” สองมือใหญ่เอื้อมคว้าถุงพลาสติกใบใหญ่ไปถือ ริมฝีปากยังคงขยับไปมาอย่างอารมณ์ดี
“ถ้ามาช้ากว่านี้กะจะกินอีทึกแทนมื้อเที่ยงแล้ว เยซองก็งอแงใหญ่บอกว่าไม่มีข้าวไม่ซ้อมร้องเพลง ทำเป็นพูดดี ท่อนตัวเองร้องยากสุดถ้าร้องไม่ผ่านโดนเฉ่งใส่จะขำให้ ฮยอกแจกับดงเฮนี่หิวจนบ้าพูดไม่รู้เรื่องเอาแต่ส่งเสียงงี๊ดๆเหมือนหมาโดนเหยียบหางงั้นล่ะ” เสียงหัวเราะของหมีน้อยเริ่มจะไม่เบาเท่าไหร่นัก พร้อมๆกับคุณหัวหน้าวงตาหวานที่แทบกระโดดใส่เมื่อได้กลิ่นอาหารหอมๆลอยมากับสายลม คนอื่นๆต่างก็กรูกันเข้ามารายล้อมตั้งวงเตรียมหม่ำกันอย่างกระตือรือร้น เรียววุคมองภาพตรงหน้าขำๆก่อนที่จะสังเกตว่ามีคนสองคนที่ไม่อยู่ในที่ที่ควรจะอยู่
“อ้าว? แล้วซองมินกับคยูฮยอนล่ะฮะ ไม่กินข้าวหรอ?” พูดไปก็ชะงักกึก... นึกถึงบางอย่างที่ไม่เคยอยากรับรู้.... สองคนนี้... สองคน... อีกแล้ว?
“เออ ลืม” ชินดงพูดทั้งๆที่ข้าวเต็มปาก “กินเกมส์กันอยู่ในห้องนอนเล็ก ไปเรียกให้หน่อยสิ”
“อ่า... ได้ฮะ” เด็กหนุ่มรับคำด้วยน้ำเสียงที่พยายามเปล่งให้ดูสดใส ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาจากห้องครัว สองขาก้าวช้าๆไปยังห้องนอนทางขวาสุด สมองยังคงวุ่นวนสับสนในความคิด ทำไมความเป็นจริงถึงเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากเสียเหลือเกิน
ประตูที่เปิดแง้มน้อยๆยั่วใจให้เด็กดีอย่างเรียววุคเผลอที่จะแอบมองลอดผ่านช่องว่างนั้นเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้ หัวใจพลันเจ็บแปล๊บขึ้นมากับสิ่งที่ตนได้มองเห็น เด็กหนุ่มรูปร่างผอมสูงกำลังหัวเราะเริงร่า ข้างกายมีเด็กหนุ่มที่ตัวเล็กกว่ากำลังยิ้มกว้างอย่างสดใสไม่แพ้กัน ไหล่คนสองคนที่อิงแอบแนบชิด แววตาเปี่ยมสุขที่อวลไปด้วยความรัก สองมือที่แม้จะถือจอยบังคับเกมส์อยู่ หากแต่ในสายตาคนมองมันช่างดูเหมือนสิ่งที่ทำให้คยูฮยอนกับซองมินได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อมือของแต่ละคนต่างตรงเข้าพัวพันจอยของอีกฝ่ายคล้ายจะแกล้งให้อีกคนต้องเสียศูนย์ คยูฮยอนไม่รู้ ซองมินไม่รู้.... ว่าคนที่มองอยู่.... เจ็บปวดขนาดไหน....
เรียววุคเคาะประตูสองสามทีก่อนจะตะโกนเรียก แววตาระริกสั่นด้วยอารมณ์บางอย่างที่ถาโถม
“ซองมิน คยูฮยอนไปกินข้าวได้แล้ว” หากในใจกำลังกู่ก้องร้องอีกอย่าง
.....แล้วสัญญาที่นายให้ฉันไว้ มันอยู่ที่ไหน.....
“คร๊าบผม” เป็นเสียงกระต่ายน้อยที่ร้องตอบอย่างเริงร่า คนตัวเล็กไม่นึกสนใจ เจ้าตัวหันหลังกลับตรงดิ่งไปยังห้องครัวที่มีเพื่อนๆพี่ๆของเขานั่งกินอาหารกันอยู่
....นายเคยแคร์ความรู้สึกของฉันบ้างไหม? คยูฮยอน....
..............................................................................................................
หลังจากจัดการกับอาหารมื้อกลางวันเสร็จ ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำภารกิจที่ตัวเองได้รับมองหมาย ฮยอกแจ ดงเฮ กับชินดงหลีกหนีผู้คนไปซ้อมเต้นในห้องฝึกโดยเฉพาะ คังอินกับอีทึกแอบไปสวีทกันสองต่อสองโดยบอกว่าจะไปช่วยกันจัดตารางงานเป็นการบังหน้า เยซองกับซองมินมองหน้ากันแล้วแท๊คมือตกลงที่จะไปซ้อมร้องเพลง full of happiness เพลงใหม่ที่พึ่งได้รับเนื้อเพลงมาแล้วสองหนุ่มก็ต้องปวดหัวกับการแบ่งวรรคที่ท่านผู้จัดการได้แจกจ่ายมาให้ ซองมินที่ได้ร้องเยอะเสียเหลือเกิน กับเยซองที่ไม่ว่ากี่เพลงๆก็มักจะได้ท่อนยากๆมาครอบครองอยู่เป็นประจำ สำหรับเรียววุคนั้น เนื่องด้วยเจ้าตัวยังไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะทำอะไรทั้งสิ้นจึงได้แต่เขี่ยคุ้กกี้ในจานเล่นไปมาขณะที่ยังนั่งเอื่อยเฉื่อยอยู่ในห้องครัวไม่ยอมไปไหน รู้ว่าความรู้สึกที่กำลังครอบงำตนเองอยู่คือความหดหู่.... หดหู่แบบเดิมๆ... เหตุผลเดิมๆ... และคนที่ทำให้เขาเป็นอย่างนี้ก็เป็นคนคนเดิม.... คนที่ไม่เคยเปลี่ยนตัวเองแม้รู้ว่าจะทำให้เขาเสียใจมากมายเพียงใด....
.....คยูฮยอน....
เรียววุคไม่รู้ว่าเขายอมตกหลุมที่เด็กหนุ่มคนนี้ได้ขุดไว้ไปได้อย่างไร
คยูฮยอนเป็นสมาชิกวงซุปเปอร์จูเนียร์คนสุดท้าย อายุที่น้อยที่สุดกับการที่ได้เข้ามายืนตรงจุดนี้เป็นคนหลังสุดน่าจะทำให้คยูฮยอนมีปัญหากับการปรับตัวไม่ใช่น้อย เรียววุคที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเด็กหนุ่มนั้นมีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้คยูฮยอนไม่เหงา ตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้คยูฮยอนยิ้มและหัวเราะได้เหมือนเด็กคนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอย่างเต็มภาคภูมิ
หากแต่ความพยายามของเรียววุคกลับเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเท่าไรนัก ในเมื่อคยูฮยอนกลับกลายเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นง่ายจนไม่น่าเชื่อ นอกจากความสามารถในการร้องเพลงที่ทำให้หลายๆคนต้องอึ้งแล้ว รอยยิ้มน้อยๆดูใสซื่อที่ทำให้ใครต่อใครต้องเอ็นดูกับคำพูดคำจาอ้อนน้อมและแสนน่ารักช่างมัดใจใครต่อใครได้อย่างอยู่หมัด ทุกคนประทับใจในความเป็นน้องใหม่ที่ไม่เคยโอ้อวดระรานใคร คยูฮยอนจึงกลายเป็นสมาชิกวงที่ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วเสียจนเรียววุคไม่ทันตั้งตัว กลายเป็นว่าในเวลาไม่นาน เด็กหนุ่มหน้าใหม่กลับกลายเป็นคนที่คอยปกป้องพี่ชายที่ตัวเล็กกว่าจากการเป็นเป้าหมายการกลั่นแกล้งของคนอื่นๆในวง เป็นคนที่คอยห้ามปรามเมื่อเห็นว่าการละเล่นแต่ละอย่างของบรรดาพี่ๆชักจะรุนแรงจนเกินควร และก็น่าน้อยใจนัก การหยอกล้อที่เรียววุคโวยวายเท่าไหร่ก็ไม่มีใครยอมหยุด บรรดาเหล่าลิงกลับยอมฟังคำอธิบายของคยูฮยอนอย่างเข้าอกเข้าใจ
....ผมรู้ว่าที่พี่ทำก็เพราะเอ็นดู แต่พี่เรียววุคคงไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมพวกพี่ถึงมาเอ็นดูแต่เขาคนเดียว.....
....พี่เรียววุคคงไม่อยากแตกต่างจากคนอื่นในวงหรอกนะฮะ....
คำพูดในวันนั้นทำให้คนที่ถือว่าตัวเองเป็นพี่ต้องยิ้มทั้งน้ำตา
.....รู้ไหม? คยูฮยอน การที่มีคนบางคนเข้าใจ ห่วงใย... มันทำให้รู้สึกอบอุ่นอย่างนี้เอง....
คนตัวสูงดึงมือของเขามาบีบแน่น หากแต่ไม่รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด คยูฮยอนเขย่ามือเล็กไปมาก่อนจะเอื้อนเอ่ยวาจาด้วยท่าทางจริงจัง
“พี่เรียววุคก็อย่ายอมให้คนอื่นแกล้งนะฮะ ถ้าห้ามไม่ไหววิ่งมาบอกผมเลยก็ได้ เดี๋ยวผมออกโรงเอง”
คำพูดไม่กี่คำที่ทำให้คนบางคนหวั่นไหว.... คยูฮยอน... ในเมื่อนายเป็นห่วงฉันมากมายขนาดนี้....
ฉันจะขอคิดเข้าข้างตัวเองสักที....จะได้ไหม?....
คำตอบที่เรียววุคไม่เคยถามตามติดมาอย่างรวดเร็ว เมื่อผู้จัดการได้มอบหมายให้พวกเขาทั้งสิบสามคนแบ่งเป็นสองกลุ่มเพื่อครีเอทสร้างสรรค์ละครสั้นๆเพื่อมาแข่งขันกัน กลุ่มของเขาประกอบด้วย เยซอง ชินดง ซองมิน ตัวเขา และแน่นอน... คยูฮยอน
หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อได้รับรู้ว่าหัวข้อของละครเรื่องที่สองคือ.... คู่รัก...
เรียววุคไม่อยากหวัง.... แต่บัดนี้... เขาอยากเล่นละครคู่กับคยูฮยอนเหลือเกิน
แน่ล่ะว่าโลกไม่ได้ใจดีกับคนที่กำลังมีความรัก กลายเป็นว่าละครเรื่องนี้เรียววุคต้องแสดงตนเป็นคนรักที่แสนจะกุ๊กกิ๊กหวานแหววจนน่าหมั่นไส้(ในสายตายูเมะ - -//)คู่กับเยซองที่เจ้าตัวก็ไม่ได้ยินดียินร้ายกับบทที่ได้รับเท่าไหร่นัก ต้องบอกว่าเยซองออกจะโล่งใจเสียด้วยซ้ำที่ได้จับคู่กับคนที่ดูนุ่มนิ่มกว่า ถึงหน้าจะหวาน แก้มจะป่องน่ารักน่าหยิกเท่าไหร่ แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าพี่ชายซาลาเปาคนนี้เกลียดการถูกดูแลประคบประหงมแบบเด็กน้อยเสียนี่กระไร ส่วนคนที่เขาอยากจับคู่ด้วยนั้น... รับบทเป็นตัวร้ายอย่างสุดกู่ที่ทำให้ซองมินหวั่นไหว.... แต่เรียววุครู้... คนที่กำลังไหวหวั่นเสียเองก็คือตัวเขานี่แหละ
จะไม่ให้คิดมากได้อย่างไร... ในเมื่อทุกคนรู้ดีว่าซองมินน่ารักมากขนาดไหน ดวงตากลมโตเป็นประกายใสแจ๋ว ใบหน้าขาวนวลเนียนแต้มด้วยสีชมพูเรื่อที่วงแก้มน้อยๆน่าดึงดูดใจกว่าหญิงสาวที่ว่าสวยเป็นไหนๆ รอยยิ้มกว้างสว่างจ้าที่ไม่ว่าใครเห็นก็ไม่สามารถละสายตาไปได้ รวมทั้งท่าทางร่าเริงแจ่มใส สนุกสนานเฮฮาได้ตลอดเวลา.... เรียววุครู้... เขาไม่มีอะไรที่เทียบเท่ากระต่ายน้อยคนนั้นได้เลย
เขาได้แต่หวัง.... สายตาที่คยูฮยอนมองซองมิน... มันเป็นแค่ในละคร... และสุดท้าย... คยูฮยอนจะกลับมาอยู่ข้างๆเขา... เหมือนเดิม....
.....ความหวังของเรียววุค.... ไม่เคยเป็นจริง.....
ในการถ่ายทำแต่ละครั้ง... เรียววุคต้องกล้ำกลืนฝืนทนแย้มริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม ต้องทำเป็นหัวเราะเมื่อสองหนุ่มต้องเข้าฉากที่จัดว่า “เปลืองเนื้อเปลืองตัว” รอยยิ้มขำๆของคยูฮยอนกับท่าทีโวยวายกลบเกลื่อนความอายของซองมินกลายเป็นสิ่งที่คอยเฝ้าตามติดหลอกหลอน ทิ่มแทงหัวใจที่แสนบริสุทธิ์ของเด็กหนุ่มให้เต็มไปด้วยบาดแผล เขาเจ็บ... เจ็บจนชา เจ็บจนแทบไม่รู้ว่าการใช้ชีวิตอยู่โดยไม่มีภาพบาดตาบาดใจนั้น...เป็นอย่างไร
และด้วยความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างการทำงานทำให้คยูฮยอนกับซองมินสนิทกันมากขึ้นในชีวิตจริงยิ่งกว่าเดิม บ่อยครั้งที่สองคนนั้นหายออกไปจากบ้านสองต่อสองโดยไม่มีใครรู้ และวันถัดมาก็จะปรากฏหัวข้อหราขึ้นทางอินเตอร์เน็ต.... คยูมิน.... คู่สวีทออกไปเดทกันสองต่อสอง....
สารพันคำพูดที่บรรดาแฟนคลับรังสรรค์ออกมา... ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนจะขาดใจ
เรียววุคอยากจะลืมความรู้สึกพิเศษที่มีต่อคนบางคนให้มันเลือนลบไป แต่แน่ล่ะ... เขาจะทำได้อย่างไร ในเมื่อคยูฮยอนยังคงส่งยิ้มใสซื่อแบบเดิมๆให้เขา ดวงตาโตคมของอีกฝ่ายก็ยังคงมองเขาด้วยประกายของคนที่อบอุ่นและจริงใจเหมือนเคย....
เรียววุคอยากกรีดร้อง.... เก็บสายตานั่นไปใช้กับซองมินของนายคนเดียวเถอะ!!!
เด็กหนุ่มแก้ปัญหาโดยการทำตัวให้ไม่ว่างเข้าไว้ เขาไปขอร้องดงเฮให้สอนเต้นท่ายากๆให้ ใช้เวลาว่างในการฝึกซ้อมร้องเพลงกับเยซอง บางทีก็ไปช่วยอีทึกกับคังอินจัดตารางงาน ทำอย่างไรก็ได้ให้เขาไม่ต้องอยู่เผชิญหน้ากับคยูฮยอน
ไม่คิดว่าผลลัพธ์ที่ตอบกลับมาจะเป็นอะไรที่เรียววุคสุดจะคาดเดา
คยูฮยอนเป็นฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ ฉุดข้อมือเล็กบางของเขาก่อนที่จะพาไปยืนจ้องหน้านิ่งอยู่ที่ระเบียงห้องพัก สองสามนาทีที่สายตาคยูฮยอนมีแต่คำถาม และในที่สุดก็เป็นเรียววุคที่ตัดสินใจเอ่ยทำลายความเงียบ
“มีอะไรหรอ คยูฮยอน มีอะไรให้พี่ช่วยรึเปล่า”
“ผมน่ะไม่มีหรอก” คนตัวโตพูดด้วยน้ำเสียงดูเหมือนโมโห “แต่พี่เรียววุคนั่นแหละมีปัญหาอะไรกับผมรึเปล่า”
เรียววุคสะดุ้งเฮือก สอดส่ายสายตาล่อกแล่กก่อนที่จะไปหยุดที่ปลายเท้าของตัวเอง หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ไม่รู้ว่าที่คยูฮยอนมาถามอย่างนี้... หมอนี่ต้องการอะไร?....
....หรือว่าคยูฮยอนจะรู้ความรู้สึกของเขา?.....
“ก... ก็ไม่มีนี่” คำพูดตะกุกสั่นจนมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องจับได้ เด็กหนุ่มนึกอยากตบปากตัวเองแรงๆ อยู่ในวงการบังเทิงแท้ๆ แต่ไอ้การเสแสร้งแบบนักร้องดารากลับเป็นสิ่งที่เรียววุคทำไม่เคยได้สักที “คือ... พี่รับปาก...เอ่อ...พี่ชินดงว่าจะไปซื้อขนมเป็นเพื่อ..เพื่อน... เอ้อ...บ... แบบว่า... ไปนะ...” ทำท่าจะเดินหนีหากไม่มีท่อนแขนแข็งแรงของอีกคนมากางกั้น
“มองหน้าผมแล้วพูดสิ” คยูฮยอนคาดคั้น “พี่โกรธผมหรอ?” ประโยคถัดมากลับฟังดูออดอ้อนจนน่าสงสาร เรียววุคเงยหน้าขึ้นอย่างลืมตัว สบสายตาซื่อๆที่มีแววน้อยอกน้อยใจฉายชัด
.....ไม่ได้นะ... อย่าใจอ่อนนะ....
“พี่เรียววุคเกลียดผมหรอ?” ไม่ได้อยากจะเข้าข้างตัวเอง... แต่เรียววุคมั่นใจว่าเขาเห็นน้ำใสๆที่คลอเต็มขอบตาทั้งสองข้างของคยูฮยอนจริงๆ
....ไม่....
....ใจอ่อน... ซะแล้ว....
“พี่จะเกลียดคยูฮยอนได้ยังไง นายออกจะเป็นเด็กดีของพวกเราทุกคน” ร่างเล็กยิ้มอ่อนๆให้ ยื่นมือตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆอย่างนึกเอ็นดู
“แล้วผมเป็นเด็กดีของพี่รึเปล่า” คำถามที่พาให้เรียววุคอยากบ้า อย่ามาทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษของนายเสียทีจะได้ไหม
“ดีสิ ดีมากๆเลย” เด็กหนุ่มยิ้มตอบฝืนๆ แค่เป็นเด็กดีของซองมินคนเดียวไม่พอรึยังไง
“งั้นพี่... พี่เป็นผู้ใหญ่ดีๆของผมได้มั้ย?”
เรียววุคนิ่งอึ้งไปเสียนาน เมื่อรู้สึกตัวอีกที เด็กหนุ่มก็ขยับปากสั่นๆเป็นคำถาม
“น...นาย... หมายความ... ว่ายัง...ไง”
คยูฮยอนดึงร่างผอมบางเข้ามาในอ้อมกอด ส่งเสียงอุ่นทุ้มข้างใบหู
“ผมอยากให้พี่เป็น....” คำว่าผู้ใหญ่ดีๆเบาจนแทบจับความไม่ได้ “....ของผม”
เรียววุครู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่พองฟูขึ้นในอก หัวใจเต้นรัวระริกคล้ายจะประกาศก้องถึงความสุขที่ก่อร่างสร้างตัวมากมายจนแทบล้นทะลัก ใบหน้าหวานที่กลายเป็นสีแดงเรื่อแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มงดงามสดสวย แต่มันเป็นสิ่งที่เกิดได้ไม่นานเมื่อเรียววุคนึกถึงอะไรบางอย่างที่สำคัญยิ่ง สีชมพูที่รายล้อมรอบตัวก็ดูจะมลายหายวับไปในทันที เด็กหนุ่มละกายออกห่างจากคยูฮยอนพร้อมกับสีหน้าไม่เข้าใจ
“แล้ว...ซองมินล่ะ?” คนตัวเล็กกัดริมฝีปาก “หมอนั่นเป็นแฟนนายไม่ใช่หรอไง”
ไม่อยากจะสารภาพว่าเวลานั้นเรียววุคนึกอยากให้คยูฮยอนปฏิเสธ แม้ว่ามันจะดูเปิดเผยแต่ก็ไม่มีใครเคยยอมรับจริงๆจังๆว่าคบกันสักที คยูฮยอนอาจจะยิ้มขำๆ แล้วบอกว่าเขาคิดมากไปเอง พวกเขาสองคนเป็นแค่เพื่อนที่สนิทกันมากๆ และคยูฮยอนก็มีเพียงแค่เรียววุคคนเดียว
แต่คนคนนั้นกลับขมวดคิ้วมุ่น แสดงสีหน้าของคนที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
“แล้วผมจะลองคุยกับพี่ซองมินดู”
นับจากวันนั้นจนวันนี้ กลายเป็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคยูฮยอนกลับเป็นสิ่งที่ต้องซุกซ่อนไม่อาจเปิดเผยให้ใครต่อใครได้รับรู้ นอกจากชาวแฟนคลับคยูมินที่ยึดเกาะกันอย่างเหนียวแน่นและไม่เคยละเลยที่จะสร้างเรื่องราวชวนกรี๊ดกร๊าดให้กลายเป็นหัวข้อสนทนาโด่งดังทางอินเตอร์เน็ตแล้ว ยังมีเจ้าเด็กตัวโตนี่แหละที่ไม่ยอมชี้ชัดถึงเส้นสายใยระหว่างเขากับซองมินเสียทีว่ามันควรจะเป็นไปในรูปแบบไหนกันแน่ คยูฮยอนยังคงยิ้ม ยังคงหัวเราะ และยังคงคิดถึงซองมินเป็นที่หนึ่งเสมอ
.....ไม่เคยรู้เลยว่าคนที่มองอยู่จะเสียใจขนาดไหน.....
....และตอนนี้ เรียววุคเริ่มคิดว่าคยูฮยอนคงไม่มีวันที่จะเข้าใจ....
............................................................................................
เด็กหนุ่มร่างเล็กก้มลงมองคุ้กกี้ที่ตอนนี้ได้เปลี่ยนสภาพกลายเป็นเศษขนมชิ้นเล็กด้วยน้ำมือของเขา เรียววุคถอนหายใจ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะสามารถเดินควงแขนกับคยูฮยอนได้อย่างเต็มภาคภูมิเสียที ร่างบางคว้าจานไปเทเศษคุ้กกี้ลงถังขยะ คิดจะไปซ้อมร้องเพลงกับเยซองแม้ว่ายังไม่อยากพบหน้าซองมินเท่าไหร่นัก แต่มันเป็นความผิดของซองมินเสียทีไหน เด็กหนุ่มล้างจานอย่างช้าๆ พลันก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อมีสองมือเข้าโอบล้อมรอบตัวเขาจากทางด้านหลัง
“พี่เรียววุคฮะ” ได้ยินเสียงที่เคยคุ้นกระซิบแผ่วข้างหู “ทำอะไรอยู่เอ่ย”
“ล้างจาน” คนถูกกอดตอบเสียงนิ่งๆ “นายล่ะ ไม่ไปอยู่กับซองมินรึไง”
เรียววุครู้สึกถึงอ้อมแขนที่รัดเอวเขาแน่นขึ้น
“หึงหรอฮะ โตเป็นผู้ใหญ่แล้วน้า”
“ไม่ได้หึง แต่เห็นสวีทกันดี เลยอยากแซว”
“ใครสวีทครับ ผมสวีทกับพี่เรียววุคเป็นคนเดียวต่างหากล่ะ”
.....โกหก.... หัวใจที่เจ็บปวดของเรียววุคตะโกนก้อง....
“พี่เรียววุคไม่เชื่อใจผมแล้วหรอ”
....ก็อยากเชื่ออยู่หรอกนะ แต่สายตาของนายที่มีให้ซองมิน... มันทำร้ายจิตใจของฉันเหลือเกิน....
....มันทำให้รู้ว่า... นายไม่ได้มีฉันเพียงคนเดียว.... ไม่ใช่คยูฮยอนของเรียววุคคนเดียว....
“ก็ไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อนี่” แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเชื่ออีกเหมือนกัน
“พี่เรียววุคน่ารักจัง” คยูฮยอนยิ้มกว้าง ยื่นหน้าเข้ามาใกล้หมายจะสัมผัสริมฝีปาก หากแต่ถูกหยุดยั้งไว้ด้วยปลายนิ้วเรียวของคนในอ้อมกอด
“จะจูบพี่น่ะ กับซองมินตกลงกันเรียบร้อยแล้วหรือไง” เรียววุคตีหน้าขรึม ส่งผลให้อีกคนทำหน้ามุ่ย
“พี่อ่ะ จะขอกำลังใจก่อนไปทำงานซะหน่อย วันนี้ผมต้องทำงานจนถึงเช้าเลยนะ ไม่ได้กลับมาดูหน้าพี่ตอนนอนแน่ๆเลย”
“หือ?” เรียววุคถามงงๆ “งานหนักขนาดนั้นเชียว”
“ใช่สิ” เด็กตัวโตบ่นอุบ “มีผม พี่อีทึก พี่ชินดง แล้วก็พี่ฮยอกแจ ทัวร์กันทั้งคืนเลย อีกหน่อยคงได้โตกันในรถนี่แหละ”
เรียววุคทำเป็นหัวเราะเบาๆ
“ก็โตอยู่แล้วนี่” ส่งยิ้มคล้ายจะปลอบใจ “เหนื่อยหน่อย สู้ๆนะ อ๊ะ!!!”
อุทานด้วยความตกใจเมื่อคนบางคนแนบริมฝีปากอุ่นๆเข้ากับแก้มนิ่มของเขาเสียเต็มๆ คยูฮยอนกอดเรียววุคแน่น พึมพำคำพูดที่เด็กหนุ่มได้ยินจนชินชา
“แล้วผมจะหาโอกาสดีๆบอกพี่ซองมินนะฮะ ผมไม่อยากให้มีใครเสียใจเลย”
เรียววุคยิ้มเศร้าๆ รอยยิ้มที่คยูฮยอนไม่เคยสังเกตเห็น
.....นายไม่อยากให้ใครเสียใจ... ฉันก็ไม่อยากเสียใจเหมือนกันนะ... คยูฮยอน....
............................................................................................................
“เรียววุค วันนี้จะไป miracle for you กับพี่รึเปล่า” เยซองยื่นหน้าเข้ามาถามคนที่กำลังนั่งจำเนื้อเพลงอยู่คนเดียวในห้อง ยังไม่ทันจะร้องตอบก็มีมือใหญ่ของอีกคนคว้าไหล่คนแก้มป่องหมับ ดึงเข้าไปกอดรัดชนิดไม่อายฟ้าอายดิน
“อะไร เยเย่ ฉันอยู่ทั้งคนไม่เห็นชวน ไปชวนหนูน้อยเค้าทำไม”
“ทะลึ่งแล้ว คังอิน” เยซองพยายามดึงตัวเองออกมา “นายก็มีรายการของนายอยู่แล้วจะมาได้ยังไงเล่า”
“วันนี้ฉันว่าง” อีกคนเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้
“เออ แต่เก้าอี้ที่รายการฉันมันไม่ว่างสำหรับนายเฟ้ย”
“เอ่อ... พี่เยซอง พี่คังอินฮะ” เรียววุคเดินเข้ามาห้ามทัพ ขัดขวางสงครามต่างเผ่าพันธุ์(ระหว่างหมีกะปลาทอง - -//)ที่กำลังจะเกิดขึ้นที่หน้าประตูห้อง “พี่เยซองมาถามผมก่อนไม่ใช่หรอฮะ”
เยซองหัวเราะขำ ในขณะที่พี่หมีทำหน้างอ
“ใช่ๆ คังอินนี่ ไม่มีมารยาทเอาซะเลย” เยซองยิ้มกว้าง “แล้วนายว่าไงอ่ะ ว่างมั้ย?”
“คือ... วันนี้ผมไม่ว่างครับพี่เยซอง ขอโทษนะฮะ พี่อีทึกให้ผมเช็คตารางงานของวงเราน่ะครับ ผมอยากทำให้มันเสร็จๆคืนนี้ไปเลย จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายทีหลัง พี่เยซอง ผมขอโทษ”
“อ้อ... ไม่เป็นไรๆ” เยซองโบกมือไปมาเมื่อเห็นว่าคนบางคนทำท่าจะรู้สึกผิดเอามากๆ “พี่เห็นว่าวันนี้ผู้จัดการไม่ได้เชิญใครมาเลยกะจะมาชวนนายไปนั่งเป็นเพื่อนหน่อย ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร”
“แต่ฉันว่างนะ” คังอินยังคงเสนอหน้าเข้ามาตอบได้อย่างคงเส้นคงวา
“ถ้าว่างนักก็ไปทำงานกะพี่อีทึกเลยนู่นๆ” หนุ่มแก้มป่องชี้นิ้วไล่พี่หมีไปยังกลุ่มสี่หนุ่มที่กำลังจะออกเดินทางไปทัวร์หฤโหด ทำงานมันทั้งคืนไม่ต้องหลับไม่ต้องนอน
“ใครจะไป งานบ้าเสร็จตีห้า มีอีกงานตอนหกโมงเช้า จะฆ่ากันรึเปล่าก็ไม่รู้ ไปอยู่กะนายดีกว่า วันนี้มันเหงาปากเหงามือยังไงก็ไม่รู้” แล้วคังอินก็เผลอตัวเฉลยไต๋.... อยากหาเรื่องแกล้งเยซองเลยตั้งใจว่าจะไปป่วนรายการด้วยจิตใจที่งดงาม(?)นั่นเอง
“บอกแล้วว่านายไปไม่ได้ ผู้จัดการเค้าไม่ให้คนที่จัดรายการวิทยุเหมือนกันไปออกเข้าใจป่ะ” ชายหนุ่มเคาะกะโหลกหมีใหญ่จอมดื้อด้าน “เดี๋ยวนายไปแล้วรายการสนุกฉันก็ตกงานน่ะสิ แล้วถ้าอย่างนายไปได้นะ.....”
“ฉันชวนฮยอกแจไปไม่ดีกว่าหรอ” คังอินทำเป็นบีบเสียงเล็กเสียงน้อย “โถๆ เพราะอย่างนี้นี่เองเราถึงไม่เคยเห็นคู่สวีทของวงไปหวานแหววด้วยกัน แหม๊... ช่างน่าสงสารจริงจริ๊งงงงง”
“ไม่พูดนี่ตายป่ะคังอิน” เยซองทำเสียงดุ “นู่นไปลาอีทึกของนายได้แล้วไป แฟนจะไปสู้ศึกหนัก ไม่ไปให้กำลังใจหน่อยหรอไง”
“โห่... ชื่อก็บอกอยู่แล้ว อีทึก...อีถึก... แรงดีไม่มีตกฮ่ะ” หมีคังหัวเราะร่าก่อนที่ร่อนไปหาชายหนุ่มผมทองตาหวาน ส่งเสียงเอะอะโวยวายแบบที่เชื่อแล้วว่าคังอินกำลังเหงาปากอยากหาเรื่องคนอื่นอยู่จริงๆ - -//
เรียววุคส่ายหน้าเบาๆ เห็นอีทึกกำลังฟาดมือไปยังท่อนแขนที่เต็มไปด้วยเนื้อ(หรือไขมัน?)ของคังอินไม่ยั้ง ชินดงกำลังพูดจาอะไรสักอย่างที่ดูเป็นทางการกับดงเฮ(เรียววุคคาดว่าน่าจะเป็นการฝากเฝ้าขนม - -//) ฮยอกแจกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับเยซองที่เดินไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และคยูฮยอน....
....หัวใจเด็กหนุ่มกระตุกวูบ....
คยูฮยอนกำลังหยิกแก้มซองมิน มองด้วยสายตาและรอยยิ้มที่ไม่ว่าใครก็ต้องบอกว่านี่เป็นสายตาที่มีไว้สำหรับ...คนพิเศษ... ประกายอบอุ่นในแววตาที่ทั้งสองคนจ้องมองกันทำให้เรียววุคปวดใจยิ่งนัก คยูฮยอนคว้ามือซองมินมาเขย่าด้วยท่าทางที่เขาคุ้นเคย และในขณะที่เพื่อนร่วมวงอีกหกคนไม่ทันได้สังเกตเห็น เจ้าเด็กตัวโตก็กดริมฝีปากตัวเองแนบกับหลังมือของอีกฝ่าย รอยยิ้มนุ่มๆทำให้คนที่ยืนมองอยู่แทบหัวใจสลาย เรียววุคถอยหลังไปหลบในห้องนอน พยายามหยุดหยาดน้ำตาที่พร้อมใจกันพร่างพรูลงมาอย่างไม่นึกอายผู้ใด
สำหรับนาย ฉันคืออะไร? หรือว่านายมีตัวเลือกมากไป... คยูฮยอน.....
...................................................................................................................
ณ ห้องจัดรายการวิทยุ miracle for you ชายหนุ่มผมสีดำสนิทกำลังยกนิ้มขึ้นจิ้มๆแก้มตัวเองอย่างใช้ความคิด นึกเป็นห่วงน้องน้อยของวงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองรึเปล่า แต่เยซองรู้สึกว่าหมู่นี้เรียววุคเหมือนจะมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ อะไรบางอย่างที่ทำให้เด็กคนนั้นไม่ยิ้ม... ไม่หัวเราะเหมือนอย่างเคย... สายตาสิ้นหวังเหมือนไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปทำให้คนบางคนนึกเป็นห่วงนัก ความตายเป็นเรื่องน่ากลัว... แต่เขาไม่รู้ว่าเรียววุคจะคิดเช่นเดียวกันหรือไม่ เพราะเมื่อมองทอดสายตาไป เยซองกลับสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวัง ไม่มีอะไร ชีวิตไม่มีค่าอันใด เหมือนหัวใจ... มีไว้ทำไม? ไม่จำเป็น....
เขากลัวว่าเรียววุคจะทำอะไรที่เยซองคาดไม่ถึงเสียเหลือเกิน
ก่อนที่เพลงที่ชายหนุ่มเปิดจะจบลง ผู้จัดการสาวคนหนึ่งได้ยื่นกระดาษบางอย่างให้ด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด เยซองหน้าเสีย เขาไม่อยากเปิดกระดาษใบนั้นเลย มองหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของทุกคนในรายการยิ่งพาให้กังวลจัด เยซองเปิดกระดาษช้าๆ อ่านเพื่อรับรู้ข้อความข้างใน....
.....ฟิ้ว....
เสียงกระดาษแผ่นน้อยร่วงลงสู่พื้น พร้อมกับมือของคนถือที่สั่นจนมองเห็นได้
......ไม่จริง.... บอกทีว่ามันไม่จริง....
.............ม่ายยยยยยยยยยยยยย.............
แล้วในวันนี้รายการ miracle for you ก็ต้องจบลงโดยที่ไม่มีใครตั้งตัว.... เหตุผลคือ...ดีเจอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถทำงานต่อได้
เกิดเรื่องราวที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายมากมายเหลือเกิน
รายงานด่วน : รถตู้ค่าย SM Entertainment พลิกคว่ำ
กลุ่มนักร้องชื่อดัง Super Junior ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล คังนัม ซองโม เพื่อตรวจร่างกายจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกของวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา
สมาชิกของวงประกอบได้วย อีทึก อึนฮยอก ชินดง และ คยูฮยอน รวมทั้งหมด 4 คน และผู้จัดการอีก 2 คน ซึ่งได้อัดรายการ Kiss Radio เสร็จเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ขณะที่ออกเดินทางอยู่บนสะพานโอลิมปิก ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นรถประสบอุบัติเหตุหมุนรอบคัน จนทำให้ต้องรีบนำสมาชิกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลทันที
ปรากฏว่า คยูฮยอน นั้นได้รับบาดเจ็บมากกว่าคนอื่นซึ่งขณะกำลังเข้ารับการรักษาตัวอยู่ กระดูกซี่โครงขวาหัก ปอดมีอาการเลือดไหลไม่หยุด กระดูกเชิงกรานหัก เท้าหัก ซึ่งจะต้องเข้าตรวจรักษาอาการอีกไม่ต่ำกว่า 5 รูปแบบ และจะต้องมีการทำศัลยกรรมช่วงอกต่อไปอีกด้วย
คาดว่าสาเหตุเกิดขึ้นเนื่องจากรถยนต์ของบรรดาแฟนคลับขับไล่จี้อย่างกระชั้นชิดมากเกิดไปจนทำให้รถเสียการทรงตัวไถลพลิกคว่ำในบริเวณดังกล่าว
เยซองร้องไห้ กดโทรศัพท์มือถือด้วยมือที่สั่นระริกและใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตา
“ฮัลโหล บ้านซุปเปอร์จูเนียร์คร๊าบ” เสียงปลายสายยังคงเริงร่า แสดงให้เห็นว่าบรรดาน้องๆยังไม่ได้รับรู้เรื่องราวที่น่าเศร้าสลดเรื่องนี้
“ดง... เฮ...ช...ใช่มั้ย” เสียงแหบเสน่ห์ของเยซองขาดเป็นห้วงๆเล่นเอาคนฟังขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“ฮะ พี่เยซองรึเปล่า ทำไมเสียงพี่เป็นงี้อ่ะ ตอนนี้พี่ไม่ได้จัดรายการอยู่หรอ”
“ด๊อง... ฟัง... ฟังพี่นะ” ชายหนุ่มกล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงคอ “พวกที่ออกไปทำงานเมื่อเย็น... คือ... ฮึก... รถคว่ำ” เยซองครางอย่างยอมแพ้ เขาไม่อาจสะกดกลั้นความเสียใจได้อีกต่อไป “ด๊อง... พี่ไม่รู้ว่าพวกนั้นจะเป็นยังไงบ้าง.... ด๊อง... ไปตามคังอินมาคุยกับพี่ที ฮือ....”
“พี่เยซอง!!! พี่พูดอะไร” ดงเฮร้องอย่างร้อนรน “พี่โกหกกันใช่มั้ย พี่ล้อผมเล่นใช่มั้ย!!!” ดวงตาเด็กหนุ่มแดงกล่ำ “พี่เยซอง!!! บอกผมมานะว่ามันเกิดอะไรกันแน่!!!”
ไม่มีประโยชน์ที่จะปล่อยให้คนไร้สติสองคนมาร้องไห้ใส่กัน ฝ่ามือใหญ่ของคนบางคนแย่งหูโทรศัพท์ไปจากดงเฮก่อนจะกรอกเสียงตามลงไปอย่างเคร่งเครียด
“เยซองใช่มั้ย เออ... ฉันคังอินเอง... ใช่... ฉันเห็นข่าวแล้ว... ออกทีวี... แย่... ก็... ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่...มั้ง เยซอง!!!....เลิกคร่ำครวญซะที ตอนนี้นายเป็นพี่โตสุดของบ้านไม่ใช่หรอ!!!” หันกลับมาบอกดงเฮที่กำลังยืนหน้าเสีย “ดงเฮ ยังไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น มันก็อย่างที่นายได้ยินนั่นแหละ พวกนั้นรถคว่ำ นายช่วยไปบอกซองมินกับเรียววุคที เดี๋ยวฉันจะจัดการอะไรกับเยซองอีกนิดหน่อย” เด็กหนุ่มพยักหน้า รีบเร่งเดินเข้าไปในห้องนอนพร้อมกับปาดน้ำตาที่กำลังรินไหล
ซองมินที่กำลังสอนเต้นกับเรียววุคหันหน้ามองงงๆ เอ่ยถามไถ่อย่างแสนสงสัย
“เป็นไรน่ะดงเฮ ร้องไห้หรอไง ทำตาแดงๆ”
“ซองมิน!!! เรียววุค!!!” เด็กหนุ่มตะโกนเสียงสั่น “พวกพี่อีทึกรถคว่ำ!!!”
“อะไรนะ!!!” ทั้งสองร้อง “ไม่จริง!!!”
“แต่พี่เยซองกับพี่คังอินบอกว่าจริง”
เกิดความเงียบที่แสนยาวนานก่อนที่น้องน้อยของบ้านจะทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง สองมือปิดหน้าอย่างขวัญเสีย พี่อีทึก พี่ชินดง พี่ฮยอกแจ แล้วยังคยูฮยอน... คยูฮยอนของเขา....
“ฉันไม่เชื่อนายหรอก” เรียววุคบอกทั้งน้ำตา “พวกนายแกล้งฉัน พวกนายหลอกฉันอีกแล้วใช่มั้ย”
“เรียววุค....” ซองมินรีบโอบไหล่คนตัวเล็กแม้ว่าตนเองจะอยู่ในภาวะอารมณ์ที่ไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก “ดงเฮ แล้วพวกนั้นเป็นยังไงบ้าง”
“ฉันไม่รู้... ฉัน... ฉันจะไปถามพี่คังอิน” คนตอบลุกพรวด ก้าวยาวๆจนแทบเป็นวิ่งออกนอกห้องนอนไปในทันที
ภายในห้องจึงเหลือเพียงคนที่กำลังสะอื้นจนตัวสั่น กับคนที่กำลังกลั้นน้ำตาอย่างสุดซึ้ง
ซองมินกำลังอยากร้องไห้ แต่คนบางคนทำให้เขาต้องทำตัวเข้มแข็ง
“ไม่เป็นไรนะเรียววุค จะไม่มีใครเป็นอะไรหรอก” เด็กหนุ่มปลอบโยนอีกฝ่าย “นายอย่าตีตนไปก่อนไข้สิ อาจจะแค่รถคว่ำเฉยๆ ไม่มีใครในรถเลยก็ได้” พยายามทำตลกฝืด แต่คงไม่ได้ผลเท่าไหร่นัก เรียววุคซุกตัวเข้ามาในอ้อมกอด เช็ดน้ำตาบนอกเสื้อของเขา เนื้อตัวสั่นเทาเหมือนเด็กตัวน้อยยามขาดที่พึ่ง
“ฉันกลัว... ซองมิน.... ฉันกลัว”
“ไม่เอานะเรียววุค อย่ากลัวนะ อาจจะเป็นแค่ข่าวโคมลอยก็ได้ นั่งกันมาตั้งหลายทีรถมันจะคว่ำเอาง่ายๆได้ยังไง”
........ทำไมจะคว่ำไม่ได้......
.......ใครล่ะที่แอบคาบข่าวไปบอกพวกแฟนๆว่าคืนนี้บรรดาสี่หนุ่มจะต้องนั่งรถผ่านที่จุดไหน....
.......ใครกันที่เฝ้าย้ำว่าการที่แฟนคลับคอยตามอย่างใกล้ชิดทำให้พวกเขารู้สึกอบอุ่นมากมายเพียงใด....
......ใครล่ะที่แอบปล่อยลมยาง แถมท้ายด้วยการหั่นสายเบรกจนมันสามารถขาดได้เพียงแค่เหยียบแรงๆไม่กี่ครั้ง......
.......ใครล่ะ ที่แก้ล็อคเข็มขัดนิรภัยยึดที่นั่งคนบางคนให้มันไม่สามารถปกป้องผู้ที่นั่งอยู่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆได้....
ขอโทษนะคยูฮยอน.... คนที่มีตัวเลือกมากเกินไปอย่างนาย บีบให้คนไม่มีทางเลือกอย่างฉันต้องทำ...
ในเมื่อนายไม่ได้เป็นของฉัน... นายก็ไม่มีสิทธิ์ไปเป็นของใครทั้งนั้น....
.....เมื่อนายไม่อยากเป็นของใคร..... ก็ขอให้จากไป....ด้วยร่างกายที่ไร้หัวใจ....ก็แล้วกัน.....
เรียววุคยิ้มเหยียดก่อนที่จะส่งเสียงร้องไห้หนักกว่าเดิม
“อย่าร้องนะเรียววุค นายยังมีฉัน ยังมีซองมินนี่อยู่ข้างๆนะ”
.....ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ากระต่ายน้อยของนายน่ะมีเสน่ห์มากขนาดไหน นายถึงได้ยอมแลกมันด้วยชีวิตของนายน่ะ.....
......ของของนาย... ขอฉันแล้วกันนะ.... คยูฮยอน.....
The end(ซะที... ดีกว่า.... ก่อนจะโดนตบไม่ยั้ง 555 TT TT)
จบแล้วค่ะ.... พร้อมกับคำถามสุดท้าย.... เรื่องนี้ยูเมะตั้งใจให้เรียววุคเป็นตัวร้าย มีใครคิดว่านู๋เรียวเป็นตัวร้ายเหมือนกันบ้างคะ....
.....ฟิ้ว.... (สายลมพัดพร้อมเศษใบไม้สองใบปลิวผ่านฉาก)
ไม่มีเลยหรอ แสดงว่าเห็นนุ้งคยูเป็นตัวร้ายกันหมดเลยใช่มะ งุงิๆ สงสัยฝีมือยังไม่ถึงขั้นจริงๆ TT TT ไปดีก่า(ฮือๆ)
ปล. แต่คยูฮยอนยังไม่เด๊ทสะมอเร่ซร้าหน่อย อ่านภาคสองที่น่าสับสนของ 3P นี่เอาเป่า >.< (วอนหาเรื่องจริงๆ)
"""""
กลับมาอ่านที่ตัวเองแต่งอีกรอบแล้วจะร้องไห้ค่ะ ภาพเหตุการณ์วันนั้นลอยเข้ามาเป็นฉากๆ คยูกี้ ยูเมะรักนายนะ... อย่าเป็นอะไรไปอีกล่ะ
ความคิดเห็น