คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ใจไม่เย็นเป็นบ้างมั้ย?(ดูซอบ or จุนซอบ?)
Title: ใจไม่เย็นเป็นบ้างมั้ย?
Author: Akazuki Yumeko
Pairing: Dooseobเบาๆ Junseobแรงๆ 2junมึนๆ
Rate: PG ใสๆแบ๊วๆ
Disclaimer: อยากแต่งค่ะ!!! ประกาศก้องกันเลยทีเดียว ลัทธิเราสองสามคนนี่ โดนใจมานานแล้ว ประมาณว่ารักพี่เสียดายน้องจริงๆ ความจริงหมั่นไส้ดู๋และรักโจ๊กมากกว่า แต่ด้วยความยุติธรรม(ตรงไหน)เลยต้องให้ดูซอบมาก่อน และถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ดี ฟิคนี้จะกลายเป็นซีรีย์ฟิค ดูซอบ จุนซอบ และทูจุนค่ะ กร๊ากกกก เอาใจช่วยกันด้วยนะคะ
ปล. ฟิคนี้เกิดขึ้นเพราะต้องการแผ่ขยายลัทธิทูจุนซอบให้กว้างไกล ใครสนใจช่วยกำเนิดเกิดฟิคให้อ่านหน่อยเถอะค่ะ!!! //ยกมือท่วมหัว
ใจไม่เย็นเป็นบ้างมั้ย?
“กรี๊ดดดดดดด เอาอีก... เอาอีก....” เสียงอังกอร์ สลับเสียงร้องเชียร์ของบรรดาเหล่าแฟนคลับทำให้ใบหน้าที่เหนื่อยล้าของหลายๆคนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม งานคอนเสิร์ตของวันนี้จบลงไปแล้ว หากแต่ความประทับใจ อิ่มเอมในความสำเร็จยังคงอยู่ไม่จางหายไปไหน ร่างสูงใหญ่ยิ้มในดวงตา โค้งคำนับนักร้องรุ่นพี่ที่บังเอิญเดินผ่าน หากแต่จุดมุ่งหมายพุ่งตรงไปยังคนตัวเล็กที่กำลังกระโดดโลดเต้น หัวเราะเสียงสดใสอย่างที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนคนนั้นกำลังมีความสุขมากมายเพียงใด
“ดูจุนอา~” ทันทีที่คนบางคนเห็นเขา ร่างเล็กๆก็โถมตัวเข้าใส่พร้อมกับยิ้มกว้างสว่างจ้า ทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงที่อีกฝ่ายชนิดไม่กลัวว่าจะทำดูจุนหงายหลังเลยสักนิด “เหนื่อยมั้ยดูจุนอา?”
อ้อมแขนวาดแนบโอบเอวคนตัวเล็กด้วยความเคยชิน กอดรัดแน่นขึ้นจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆของร่างตรงหน้า ยังไม่ทันที่ริมฝีปากจะกดแนบหน้าผากด้วยความเอ็นดู โยซอบก็ดิ้นยุกยิกเหมือนอยากให้ปล่อย และในทันทีที่มือใหญ่เริ่มผ่อนแรง คนบางคนก็กระโดดผลุบออกจากอ้อมกอด วิ่งตรงเข้าไปแทคมือกับผู้มาใหม่ก่อนจะทิ้งตัวสู่วงแขนกว้างของอีกฝ่ายเหมือนที่ทำกับเขาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
“จุนฮยอง~ วันนี้เพลงของเราเจ๋งที่สุดเลย” คำพูดของโยซอบทำให้ดูจุนต้องขมวดคิ้วมุ่น รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเพลงที่โยซอบหมายถึงน่ะคือเพลง Thank to ที่สองหนุ่มร่วมกันแต่งเพื่อสาวๆบิ้วตี้ แต่ไอ้คำว่า ‘ของเรา’ ที่ไม่ว่าโยซอบต้องการจะสื่อความถึงอะไร แต่คุณหัวหน้าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตะขิดตะขวง ก็ในเมื่อเขากับโยซอบรวมกันเป็นคำว่า ‘เรา’ แล้ว ไอ้คุณจุนฮยองจะบังอาจมาใช้คำว่า ‘เรา’ ร่วมกับโยซอบของเขา...ได้ยังไง???
อา... ที่หลายต่อหลายคนเข้าใจมานั้นไม่ผิดหรอก ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างต่างแสดงออกมาชัดแจ้งขนาดนี้ มันไม่ใช่แฟนเซอร์วิส...เพียงแต่พวกเขาไม่ได้คิดจะปิดบัง และไม่ว่าบรรดาแฟนคลับหรือคนอื่นๆจะเข้าใจกันอย่างไร ความจริงที่ว่า ยุน ดูจุน และ ยาง โยซอบเป็นแฟนกันนั้นก็เป็นของจริง เรื่องจริง และเป็นสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง
คนตัวใหญ่เผยยิ้มอ่อนอุ่น สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาก็คือการได้มีโยซอบอยู่เคียงข้าง แม้ว่าบางทีเด็กคนนี้จะเล่นมากไปนิด(นิด?) ซุกซนไปหน่อย(หน่อย???) แต่ใครๆก็รู้ โยซอบเป็นคนที่นิสัยน่ารักน่าเอ็นดู เข้าอกเข้าใจ และคอยเป็นห่วงเป็นใยทุกคนที่อยู่รอบกายเสมอ ดวงตากลมโตที่ช้อนมองออดอ้อน น้ำเสียงแว่วหวานที่ฟังกี่ครั้งก็ยังรื่นหู เอาล่ะ... โอเค... เขายอมรับ... เขาไม่ได้แค่รักยาง โยซอบ... แต่ยุน ดูจุนโคตรจะหลงเด็กหนุ่มคนนี้มากเกินกว่าที่ใครคนไหนจะจินตนาการได้เสียอีก
แต่มันจะผิดอะไร ก็ในเมื่อโยซอบเป็นแฟนของเขา... เป็นคนของเขา....
“เฮ้! ดูจุน เหม่ออะไร?” เสียงนุ่มๆดังขึ้นด้านหลังพร้อมกับมืออุ่นๆที่พุ่งตรงจับไหล่ ดูจุนสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะหันกลับไปพบกันเพื่อนรักที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยยังเป็นฮอตบลัด อี จุนโฮเอียงหัวมองอย่างสงสัย ก่อนจะส่งยิ้มหวานจับใจให้คนที่กำลังทำหน้ามึนอยู่ตรงหน้า “คืนนี้ว่างรึเปล่า อยากไปดื่มด้วยกันมั้ย”
เอาเป็นว่าแผนการเดิมของคนตัวใหญ่วันนี้คือการชวนโยซอบมานั่งกินเนื้อย่างสร้างความโรแมนติก(ตรงไหน?)จู๋จี๋ดู๋ดี๋ตามประสาคู่รัก หากแต่ดวงตาเรียวเล็กที่เต็มไปด้วยประกายความหวังก็ทำให้คุณลีดเดอร์ต้องลำบากใจ ถ้าจะถามว่าดูจุนเป็นคนใจอ่อนแค่ไหน... โยซอบคงวาดมือให้กว้างใหญ่เท่าท้องฟ้า
“วันนี้ดูจุนจะไปเที่ยวหรอ” เสียงใสๆเอ่ยถาม ข้างกายมีเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อคมที่ไม่รู้ว่าด้วยความสนิทหรือคิดอื่นใดวงแขนแข็งแรงถึงได้วางพาดบนบ่าของโยซอบเสียอย่างนั้น ไม่นับแผ่นหลังเล็กที่เกือบครึ่งซ้อนทับอยู่กับอ้อมอกกว้าง ...เกินไปนะ เกินไป... คุณเจ้าของส่งเสียงฮึ่มฮั่มอยู่ในใจก่อนที่จะเอ่ยตอบคำถาม
“ไม่รู้สิโย วันนี้ฉันเหนื่อยๆ” ...อยากอยู่บ้านอ้อนคนตัวเล็กนี่มากกว่า...
“อ้าว...” ลูกแมวหัวยุ่งแห่ง2Pmส่งเสียงร้องพร้อมทำหน้าหงอย ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น ดวงตาตี่ที่เห็นได้ไม่ชัด แต่คนมองดูก็รู้ว่ากำลังเสียใจ “พวกเราฮอตบลัดไปกันทุกคนเลยนะ” ไม่พูดเปล่า จุนโฮคว้ามือดูจุนเขย่าๆก่อนจะยึดไว้แน่น บ่งบอกเจตนาชัดว่านี่เป็นการบังคับ ไม่ใช่การถามความเห็น
ภาพที่เห็นทำเอาจุนฮยองถึงกับเป่าปากฟิ้ว นี่ถ้าไม่รู้ว่าคนข้างกายเป็นแฟนกับลีดเดอร์ของวงก็คงอดคิดไม่ได้ว่าระหว่างดูจุนกับจุนโฮ ทั้งสองคนนี้มีซัมติงรองกันรึเปล่า คนตัวเล็กกว่าที่กำลังส่งสายตาวิงวอน สองมือถือจับดูสนิทชิดเชื้อกันจนเกินงาม และแน่ล่ะ ขนาดพ่อแรพเปอร์สุดแนวยังคิด แล้วมีหรอที่คนหน้าแก่จนเกินธรรมดา(?)อย่างดูจุนจะไม่คิด เขาพยายามแกะมือเหนียวของอี จุนโฮ มองหน้าคนตัวเล็กอย่างลำบากใจ
....เฮ้ๆๆ อย่าเข้าใจผิดไป ยุน ดูจุน กับ อี จุนโฮไม่มีอะไรในกอไผ่ล้านเปอร์เซ็นต์นะครับ...
“ไปเหอะ นานๆจะว่างตรงกันทีเนอะ” กลายเป็นโยซอบที่หันไปพยักพเยิดกับจุนโฮเสียอย่างนั้น รอยยิ้มซื่อใสยังประดับอยู่เต็มใบหน้า ทั้งท่าทางและน้ำเสียงแสดงถึงความจริงใจจนดูจุนรู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กๆ
ก็ยาง โยซอบของเขาน่ะ ไม่เคยคิดจะหึงจะหวงเขาบ้างเลย ตั้งแต่พวกเขาสองคนเริ่มมีความสัมพันธ์กันเกินกว่าเพื่อนร่วมวงธรรมดา ก็เหมือนลีดเดอร์หน้าเกินอายุคนนี้จะเพ้อพร่ำพรรณนาไปเองเพียงฝ่ายเดียว คนตัวใหญ่ที่หัวใจพองโตทุกครั้งเมื่อโยซอบเข้ามาออดอ้อน นัวเนียพันแข้งพันขาเหมือนลูกหมาตัวน้อยๆ ยุน ดูจุนยอมรับว่าเขามีความสุขมาก... มากจนบางครั้งก็รู้สึกว่ามันมากเกินไป และเขาต้องสำลักความสุขตายไปในไม่ช้านี้แน่ๆ
มันเป็นความสัมพันธ์ที่ราบเรียบเกินไปหรือเปล่า โยซอบไม่เคยไม่พอใจอะไรเขาเลยสักครั้ง เด็กคนนั้นไม่เคยห้ามไม่ว่าเขาจะอยากทำอะไร อยากไปที่ไหน หรือแม้แต่จะไปกับใคร โยซอบเอาแต่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม และตามอกตามใจเขาไปเสียทุกอย่าง เพื่อนๆต่างอิจฉาที่เขาได้แฟนสุดแสนดี....
แต่บางครั้ง... ดูจุนก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย.... ที่คนตัวเล็กทำเพราะแคร์ เพราะเข้าใจ... หรือว่าเพราะจะสนไปทำไม ไม่ได้เห็นความสำคัญ
“แล้วโยล่ะ” เด็กหนุ่มพูดเสียงอ่อน นึกอยากให้โยซอบตรงเข้ามากอดเขา บอกว่าอยากอยู่กับเขา และไม่อยากให้ดูจุนไปไหนทั้งนั้น
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอก” โยซอบยังคงยิ้มกว้าง “คืนนี้ฉันจะสร้างปาร์ตี้เนื้อย่างกับจุนฮยอง” ว่าพลางต่อยไปที่หน้าท้องคนถูกพูดถึงเบาๆ ยง จุนฮยองหัวเราะ ผลักศีรษะคนตัวเล็กไปอีกทาง “ไม่ต้องมาพูดดี ฉันทำ นายกินล่ะสิไม่ว่า” พูดจบก็อดไม่ได้ที่จะขยี้ผมโยซอบให้ยุ่งเหยิง
ถึงรู้ว่าโยซอบกับจุนฮยองสนิทกันมาก ถึงรู้ว่าโยซอบกับจุนฮยองเล่นหูเล่นหางกันแบบนี้เสมอ แต่ ณ จุดจุดนี้ ณ วินาทีนี้ คนบางคนก็ชักจะยิ้มไม่ออก ความน้อยใจก่อตัวขึ้นบางเบา เขาไม่ได้อยากจะหึง เขาไม่ได้อยากจะทำตัวงี่เง่า... แต่ยุนดูจุนอยากป่าวประกาศให้ใครต่อใครรู้เหลือเกิน...
โยซอบ... เป็นของเขา... เป็นสมบัติชิ้นสำคัญที่คนอื่นใช่ว่าจะมาแตะต้องได้ง่ายๆ
แล้วโยซอบล่ะ... ต้องการแบบเดียวกับเขารึเปล่า? เคยรู้สึกแบบนี้บ้างรึเปล่า?...
....คนตัวโตไม่เคยมั่นใจ...
...................................................................
เสียงบรรเลงเพลงท่วงทำนองผ่อนคลายค่อยขับกล่อมบรรดาแขกคนสำคัญที่เข้ามานั่งดื่มกินในเวลาดึกดื่นเช่นนี้ กลุ่มเด็กหนุ่มรูปร่างสมส่วนหน้าตาหล่อเหลารวมตัวกันนั่งหลบมุมที่โต๊ะลึกลับด้านในสุดของร้าน และถึงแม้ว่ามันจะเป็นอับสายตาคนมากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าบรรยากาศที่ตรงนี้สงบและเป็นส่วนตัวอย่างที่พวกเขาต้องการจริงๆ ต่างคนต่างนั่งกินอาหารอันเงียบๆ มีเสียงพูดคุยหยอกล้อบ้างเป็นระยะด้วยไม่เห็นประโยชน์อันใดถ้าจะเอ็ดตะโรโวยวายตะโกนเซ็งแซ่ราวกับไม่ได้เจอกันชาติเศษ เวลาที่รู้สึกเหนื่อยล้า แค่การได้นั่งเคียงข้างเพื่อนที่รู้ใจและสนิทสนมกันมานานก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ ดูจุนผ่อนลมหายใจยาวนาน มือซ้ายยกเครื่องดื่มสีอัมพันขึ้นจิบเชื่องช้า สองตาเหม่อมองดูบรรดาเพื่อนของเขาที่จับกลุ่มคุยกันสนุกสนาน
.....แต่ก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าเขากำลังคิดถึงใคร....
“เป็นอะไร ทำไมไม่ร่าเริงเลย” น้ำเสียงทุ้มต่ำเป็นเอกลักษณ์ของคนบางคนดังขึ้นข้างหู ท่อนแขนกำยำที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อกอดคอเขาเหมือนจะปลอบใจ มืออีกข้างไปคว้าเอาตัวเพื่อนสนิทของยุนดูจุนที่กำลังเมาท์มอยอยู่ทางด้านขวาให้หันมา อี จุนโฮย่นคิ้วน้อยๆ ทำหน้างงปนไม่พอใจอยู่หน่อยๆ หากแต่หนุ่มผมดำก็ยอมขยับขยาย เคลื่อนย้ายสะโพกอิ่มให้มานั่งข้างลีดเดอร์วงบีสท์
“วงก็กำลังไปได้ดี เพื่อนร่วมงานก็เจ๋ง ความรักก็กำลังไปได้สวย แล้วมึงกำลังกลุ้มใจไร้สาระอะไรของมึงวะ” หนุ่มกล้ามโตเอ่ยหยอกล้อ เพราะมั่นใจว่าตอนนี้เพื่อนร่วมอุดมการณ์ของเขากำลังประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน เป็นหัวหน้าวงอสูรที่กำลังเป็นที่รู้จักมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บรรดาแฟนคลับที่เพิ่มจำนวนขึ้นมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ เสียงตะโกนกรีดร้องชื่นชมที่ได้ยินทุกไลฟ์เป็นเครื่องหมายยืนยันได้เป็นอย่างดี ความสำเร็จที่เกิดจากสมาชิกร่วมวงที่ยึดเหนี่ยวผูกพันกันเป็นหนึ่งเดียว ใครๆก็รู้ว่าทั้งหกรักกันมากมายแค่ไหน แม้ว่าจะไม่เหมือนกันเลยสักนิด แต่ทุกคนก็ใช้ความต่างเป็นส่วนเติมเต็มของกันและกัน นอกจากนี้ ความรักของยุน ดูจุนก็ใช่ว่าจะแห้งแล้งเสียที่ไหน แต่เมื่อเจ้าตัวมีคนรักเป็นเด็กหนุ่มร่างเล็กของวง คนที่เปรียบเสมือนพระอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้า ทำให้ผู้พบเห็นต่างต้องเกิดรอยยิ้ม เสียงหัวเราะใสแจ๋ว คอยเข้ามาออดอ้อนประจบเอาใจ แค่อยู่ใกล้ๆเขาก็พลอยรู้สึกสดชื่นตาม
“เออ อนาคตกูกำลังไปได้สวย” ดูจุนเอ่ยขึ้นลอยๆ
“ใช่ๆ ดูก็รู้ ดูจุนนายน่ะกำลังดวงขึ้นที่สุดในชีวิตแล้ว” จุนโฮเอ่ยรับเป็นลูกคู่
“เพลงของวงกูน่ะ เริ่มได้ยินบ่อยขึ้นทุกทีๆ”
“ใช่ๆ ฉันรู้มานะว่าจำนวนแฟนคลับนายพอๆกับของพวกฉันเลยล่ะ” คนตัวเล็กรีบสนับสนุน
“ไอ้พวกจุนฮยอง ฮยอนซึง กีกวัง ดงอุนแม่งก็ดีแสนดี เรื่องอู้ซ้อมเรื่องหนีฝึกนี่ไม่เคยมี”
“ไม่เหมือนวงเราเลยว่ะแทค ฉันชักอยากกลับบ้านไปถีบไอ้อูด้งซะแล้ว” จุนโฮชักจะเห็นด้วยต่อไม่ออก
“โยซอบนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ใครได้เป็นแฟนคนนั้นได้ชื่อว่าโชคดีที่สุดในโล- โอ๊ย! มึงตบหัวกรูทำไมวะ เชี่ยแทค” ดูจุนหันไปโวยวายใส่หนุ่มผิวคล้ำกว่า
“กูเปล่า มือมันกระตุก” แทคยอนพูดเสียงที่พยายามกดนิ่ง แต่แววตานี่แสดงถึงความหมั่นไส้อย่างโจ่งแจ้ง “ชีวิตมึงก็ดีทุกอย่าง แล้วมึงจะมานั่งหน้าเหี่ยวเป็นลุงแก่ๆให้พวกกูสงสัยทำไมวะ”
“ก็กู...” ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววสับสน “ก็กูไม่เข้าใจ...”
เด็กหนุ่มนิ่งไปพักใหญ่ เล่นเอาทั้งแทคยอนและจุนโฮต่างกลั้นลมหายใจด้วยความตื่นเต้น
“ชีวิตกูมันมีความสุขมากเกินไปรึเปล่าวะ?”
.....
...
พลั่ก!!! ผลัวะ!!!
“เชี่ยยยยยยย พวกมึงจะทำร้ายกูทำไม” ดูจุนที่ตอนนี้ลงไปนอนแอ้งแม้งกับพื้นด้วยเพื่อนทั้งสองพร้อมใจกันประเคนทั้งฝ่ามือฝ่าเท้าใส่ มือหนึ่งคลำหัวป้อยๆ คนนะไม่ใช่จักรยาน เห็นถีบได้ถีบเอา
“กูอยากจับมรึงถ่วงน้ำให้จมไปถึงแก่นกลางโลกเลย” คนตัวเล็กถึงกับหลุดคำพูดหยาบคายมาด้วยอารมณ์ที่ขึ้นเสียสุดๆ “สรุปนายเป็นบ้าอะไรของนายวะ” จุนโฮพยายามสงบสติอารมณ์ คนฟังกรอกตาไปมา ก่อนจะตัดสินใจ....
“ก็ถ้ากูทำแบบนี้” ดูจุนออกแรงบังคับให้เจ้าลูกแมวขึ้นมานั่งตัก ก่อนจะใช่สองมือกอดรัดแน่นไม่ยอมให้ขยับไปไหน ตาตี่เบิกกว้างน้อยๆ ออกแรงดิ้นขลุกขลักสักพักก่อนที่จะยอมรับว่ายังไงเขาก็สู้แรงเพื่อนคนนี้ไม่ได้อยู่แล้ว ยังไม่ทันหายตกใจจุนโฮก็ต้องนั่งนิ่งตัวแข็ง ในเมื่อร่างที่เขานั่งทับอยู่ๆก็ซุกหน้าเข้ากับแผ่นหลัง
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” เสียงหวานบอกอย่างไม่สบายใจ “เดี๋ยวใครมาเห็น” รู้ว่านี่น่ะเพื่อน นี่น่ะไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งอะไร แต่ก็รู้ด้วยว่าคนบางไม่ได้ยอมเข้าใจอะไรง่ายๆเหมือนกัน
“ทำไม? กลัวชานซองเห็น”
หน้าอี จุนโฮขึ้นสีแดงแปร๊ด นึกอยากจับลีดเดอร์หน้าลุงสมองมึนมาฟาดให้ยับ ตาเรียวเหลือบแลมองชานซองที่นั่งดริ๊งกับเพื่อนที่อยู่อีกมุมหนึ่งของโต๊ะ กำลังสนุกและไม่ได้หันมาสนใจทางนี้
“เปล่า!!!” คนบางคนปฏิเสธเสียงแข็ง
“งั้นไม่ปล่อย” ลุงก็ยังคงทำสมองมึนต่อไป แทคยอนมองทั้งสองด้วยสีหน้าลุ้นๆ ไม่เข้าใจหรอกว่าดูจุนกำลังกลุ้มใจอะไร แต่ที่แน่ๆ ถ้าเจ้ามักเน่โข่งหันมาเห็น... มีเฮแน่ๆ
“โอเคๆ ไม่ว่านายจะต้องการอะไร” จุนโฮที่พยายามแงะ แกะ ดึงเจ้ามือปลาหมึกออกจากตัวแต่ก็ไม่สำเร็จ “ฉันไม่อยากให้ชานซองเห็น พอใจมั้ย”
คำตอบเป็นสองมือที่ค่อยคลายตัวลง คนโดนกอดรีบขยับทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาข้างๆทันที สองตากวาดส่ายก่อนจะฉายแววโล่งใจที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
“ชานซองขี้หึงหรอ” คุณหัวหน้าวงบีสท์ถามช้าชัด
“มาก” แทคยอนฉวยโอกาสทำหน้ามึนตอบแทนจุนโฮที่ยังไม่ทันอ้าปากดี “นอกจากตัวเองกับคนที่มีแฟนแล้ว หมอนั่นก็คอยกันท่าคนที่จะคอยเข้าใกล้จุนโฮตลอด นี่ถ้าการกักขังหน่วงเหนี่ยวไม่ผิดกฎหมายนะ ไอ้ตี่เนี่ยคงไม่ได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันอย่างนี้หรอก” ว่าไปก็ขำไปก่อนเสียงหัวเราะจะสะดุดกึกด้วยโดนทะลุขึ้นมากลางปล้อง
“ทำมาเป็นพูดดี นิชคุณฮยองก็ใช่ย่อยเสียที่ไหน รายนั้นนี่เล่นมาทวิตแสดงความเป็นเจ้าของกับแทคฮยองแทบทุกวันเลยไม่ใช่หรอ”
และก่อนที่สองหนุ่มจะได้ขุดแคะงัดแงะความขี้หึงของคนรักอีกฝ่ายขึ้นมาตีแผ่ให้ใครต่อใครฟัง ตัวการสร้างเรื่องก็เอ่ยขึ้นมาลอยๆ
“น่าอิจฉาชะมัด”
“ห๊ะ... ห๊า!!!” ทั้งแทคยอนและจุนโฮเปล่งเสียงร้องออกมาเหมือนกันโดยมิได้นัดหมาย “น่าอิจฉาตรงไหน ไอ้มักเน่ยักษ์น่ะวันๆเอาแต่เกาะฉันแน่นคุมฉันแจ แทบกระดิกตัวไปไหนมาไหนไม่ได้เลย”
“ใช่ๆ นิชคุณก็อีกคน จะคุยโทรศัพท์กับสาวหน่อยก็มาทำหน้าบูดหน้าบึ้ง หาว่าเราไม่สนใจ ไม่รู้รึไงว่าที่คุยน่ะมันงาน ไม่ได้จะไปม่อใครที่ไหน”
“นั่นแหละที่อยากได้” ตอนนี้ยุน ดูจุนคงสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วจริงๆถึงได้พูดออกมาแบบนั้น มือนิ่มของจุนโฮแนบหน้าผากวัดไข้คุณลีดเดอร์ ก่อนจะส่ายหน้าเมื่อพบว่าร่างสูงไม่ได้ตัวร้อนเลยสักนิด
....แล้วที่ไอ้เพ้อๆอยู่นี่มันขุดมาจากสมองส่วนไหนกันฟระ!!!....
“นายไม่อยากได้หรอกน่ะ มันน่ารำคาญจะตาย เหมือนไม่มีอิสระเป็นของตัวเองเลย”
“แต่มันก็ทำให้รู้หนิ นิชคุณเห็นความสำคัญของนายขนาดไหน ส่วนชานซองน่ะ ถ้าไม่รัก จะมาหวงนายแบบนี้ไปทำไม...”
“เห็นมั้ยว่ามันน่าอิจฉาจะตาย”
ฉ่าาาาา!!!
เป็นคนตัวเล็กที่สีแดงลามเลียไปทั้งหน้า ไม่เว้นแม้แต่หนุ่มกล้ามโตที่เผลอแสดงท่าทางขัดเขิน ถึงแม้ปากจะบ่นว่าเบื่อ ว่าไม่ชอบ หรือว่าน่าหงุดหงิดเพียงใด แต่ลึกๆแล้วในใจก็ยังอดรู้สึกดีทุกครั้งไม่ได้เมื่อคนรักแสดงความเป็นเจ้าของขนาดนั้น เพราะมันเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ชัดว่าอีกฝ่ายต้องการเขามากมายแค่ไหน
“ไม่ต้องอมยิ้มให้กูอิจฉา พวกมึงนี่” เสียงดูจุนเริ่มงอนสะบัด(ลุงเม๊ะน๊ะลุ๊งงงง อย่าลืมๆๆๆ) “ทำไมโยกูไม่เป็นงี้บ้างวะ งอนบ้าง ตามบ้าง หึงบ้างไม่เป็นรึไงวะ”
“อะไรของมึง” แทคยอนส่ายหัวให้กับอารมณ์เพี้ยนๆของเพื่อน “โยซอบประเสริฐขนาดนั้นมึงจะเอาอะไรอีก”
“กูไม่อยากได้แฟนเพอร์เฟ็ค กูชอบคนธรรมดา บางทีกูก็อยากเล่นบทตบจูบ เรื่องมากนักจับปล้ำซะเลยอะไรทำนองนี้เหมือนกัน”
“สรุปมึงก็แค่อยากรังแกโยซอบเลยจะหาเหตุผลมาเปิดทางมากกว่า”
ยังไม่ทันที่ดูจุนจะเอ่ยเถียง เสียงริงโทนเพลง bad girl อันเป็นเพลงเปิดตัวของวงก็ดังขึ้น เด็กหนุ่มล้วงหยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกง สีหน้าลิงโลดขึ้นมากะทันหันด้วยคนที่โทรเข้าเป็นคนที่เขาคิดถึงอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
....โยซอบ... โยซอบโทรมาทำไม... โทรมาบอกว่าเหงา... โทรมาอ้อนให้เขากลับบ้านไปอยู่ด้วย หรือจะโทรมาบ่น มาจิก จะเที่ยวไปถึงไหน กลับมาดูลูก(?)ดูเมีย(???)ที่บ้านเดี๋ยวนี้!!!....
จะเป็นแบบไหนยุน ดูจุนก็มีความสุขอยู่ดีแหละครับบบบบบ
โยซอบเคยบอกเขาว่าความรักก็มือการตบมือนั่นแหละ ต้องมีสองมือ...ด้วยจังหวะที่พอดีกัน ถึงจะเกิดเป็นเสียงดังได้ และเมื่อคนคนนั้นโทรมาเมื่อเขาคิดถึง.... นั่นหมายความว่าสองมือของสองเราสัมผัสกันด้วยจังหวะที่ลงตัวสินะ...
“ว่าไง ลูกหมาน้อย...” เสียงของคนตัวใหญ่ดี๊ด๊าสุดๆ
“ดูจุนอา ขอโทษน้า ฉันโทรมากวนรึเปล่า” อีกฝ่ายตอบกลับมาอ้อนๆ โอยยยยย น่ารัก ยุน ดูจุนยิ้มจนแก้มจะฉีกอยู่แล้ว
“ไม่... ไม่... ไม่เลย” หน้าเจ้าเด็กตัวเล็กลอยขึ้นมาในหัว อา... อยากฟัดจัง “แล้วโยซอบมีอะไรรึเปล่า” คิดถึงเขาล่ะซี่ 555
“อ๋อ ฉันจะบอกว่าคืนนี้ฉันกลับจุนฮยองจะโต้รุ่งแต่งเพลงกันที่ห้องซ้อมเต้นนะ เผื่อดูจุนกลับมาแล้วไม่เห็นฉันที่เตียงแล้วจะได้ไม่ต้องตกใจ”
คิ้วเข้มของคนตัวใหญ่ขมวดฉับตั้งแต่ได้ยินชื่อยง จุนฮยองผ่านเข้าหู เอ๊ะ อีกล่ะ เอะอะอะไรก็พูดถึงแต่ไอ้ห้อยนี่อยู่ได้ ตัวติดกันนักทำไมไม่ตกลงเป็นแฟนกันไปซะเลยล่ะ ดูจุนประชดแต่ไม่นึกอยากให้เป็นจริง ไม่งั้นเขาคงอกแตกตาย
“ความจริงดูจุนไม่ต้องรีบกลับก็ได้นะ จะไปต่อกับเพื่อนๆ หรือไปค้างกับพวกจุนโฮเลยก็ได้ วันนี้เหลือฉันกับจุนฮยองกันแค่สองคนเอง ที่เหลือไปเที่ยวกันหมด ปล่อยแก่ ฮิฮิ”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้หน้าคนบางคนยับยุ่งขึ้นมากแค่ไหน นี่แปลว่าเจ้าตัวยุ่งของเขาอยู่กับแรพเปอร์สุดอันตรายนั่นสองต่อสองงั้นหรอ โอ๊ย! คนหล่ออยากจะบ้า
“โยอยู่ได้หรอ...”
“ทำไมจะอยู่ไม่ได้” ปลายสายตอบกลับมาด้วยเสียงหัวเราะ “นี่หอพักเรา ปลอดภัยที่หนึ่ง คุณยามเขาก็เก่งจะตาย แล้วจุนฮยองก็อยู่ด้วยทั้งคน...เนอะ จุนฮยอง อ๊ะ นี่นายจะซุกหน้าเข้ามาทำไม ฉันให้ยืมตักเฉยๆก็บุญแล้วนะเฟ้ย” ประโยคหลังๆเริ่มหันไปโวยวายกับคนที่อยู่ใกล้ตัว “เอาเป็นว่านายไปสนุกๆกับเพื่อนๆของนายต่อเถอะ ฉันไม่กวนแล้ว ติ๊ด...”
ดูจุนยังไม่จบ... แต่โยซอบจบ... และกดตัดสายไปเรียบร้อย ทิ้งคู่สนทนาให้นั่งอึ้งตะลึงค้างกับคำพูดชวนจิ้นที่บังเอิญลอยเข้าหู มากไป... มากไปอีกแล้ว.... ถ้าหงุดหงิดใครแล้วให้นับหนึ่งถึงสิบ ตอนนี้ดูจุนคงนับเลขได้ถึงหลักแสน
“อะไร แฟนโทรมาตามหรอไง” แทคยอนทำเสียงเล็กเสียงน้อย แหม... ไหนว่าไม่แคร์ ไม่สนใจ ดูสิห่วงใยกันจะตาย
“อืม... โยซอบโทรมา แต่บอกว่าไม่ต้องกลับ จะอยู่กับจุนฮยองสองคน” คำตอบเอาแทคยอนหัวทิ่มหัวตำ สร่างเมาโดนที่ยังไม่ทันได้เมา(???)
“โยซอบน่ะนะ พูดจาอย่างนั้น” แม้แต่จุนโฮยังทำหน้าไม่เชื่อถือ
“ไม่รู้ แต่กูตีความได้อย่างนั้น” คนขี้งอนลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง “เพราะฉะนั้น กูกลับล่ะ ไม่ต้องถามเหตุผล เพราะกูไม่มี!!!” ว่าแล้วก็เดินดุ่มๆออกจากร้านไปพร้อมกับคำว่า ‘หวง’ ตัวเท่าบ้านแปะหราอยู่กลางหน้าผาก ทิ้งให้เพื่อนสนิทอย่างจุนโฮและแทคยอนต้องหันกลับไปแต่งเรื่องอธิบายกับเพื่อนคนอื่นๆว่าดูจุนจะรีบกลับไปทำไม แม้สองหนุ่มจะไม่ค่อยเข้าใจว่าอะไรที่ทำให้เพื่อนของเขาดูเหมือนไร้สติสตางค์ก็ตามที
................................................................................
คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด ไม่มีดวงจันทร์ทำหน้าที่ทอแสง และแม้แต่ดวงดวงก็ยังกระพริบริบหรี่ เงาดำตะคุ่มก้มๆเงยๆอยู่ที่ประตูหน้าหอพักวงบีสท์ มือหนึ่งควานหาการ์ดกุญแจก่อนที่จะเปิดประตูแล้วแทรกกายผ่านเข้าไปอย่างเงียบเชียบ
ภายในตัวหอพักมืดสนิทไม่ต่างจากภายนอก เด็กหนุ่มไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรนัก ด้วยนอกจากจะเป็นเวลาดึกดื่นเกินกว่าที่จะมีใครลุกขึ้นมาปาร์ตี้สังสรรค์กันแล้ว เขายังจำได้ว่าคืนนี้ทุกคนออกไปเที่ยวกันหมด ยกเว้น.... โยซอบและจุนฮยอง...
ดูจุนไม่สามารถอธิบายได้ว่าสิ่งที่ทำให้เขาร้อนรุ่มอยู่ในใจตอนนี้คืออะไร เขารู้ว่ายาง โยซอบเป็นแฟนของเขา แต่ก็รู้ถึงความสัมพันธ์ที่แนบชิดสนิทสนมกับคนอื่นๆในวงนอกจากตัวเขาด้วยเช่นกัน แม้ว่าเจ้าเด็กตัวเล็กจะเป็นแฟนของเขา.... แล้วไอ้ที่ไปหัวร่อต่อกระซิกกับคนอื่นๆนั่นมันหมายความว่ายังไงกัน???
ยุน ดูจุนเคยพยายาม เขาเที่ยวไปจับมือ ถือแขน โอบกอดคนในวงนอกจากโยซอบ ยอมให้เจ้ามักเน่ตัวจริงขึ้นขี่หลัง ทำเป็นส่งสายตาหวานซึ้งให้แรพเปอร์เสียงดี เพียรทำตัวเหมือนมีซัมติงรองกับคนนู้นที คนนี้ทีไปทั่ว(อิลุงมั่ว!!!)ก็หวังแค่เพียงจะให้โยซอบงอนเขา และบอกออกมาตรงๆว่าหวง... บอกว่ายุน ดูจุนสำคัญแค่ไหน
จวบจนวันนี้.... เด็กหนุ่มยังไม่เคยเห็นผลของมัน นัยว่าจะทำอะไรก็ไม่สน โยซอบไม่เคยใส่ใจ.... จนบางครั้งเขาก็แอบสงสัย... ตกลงที่เราสองคนคบกันนี่มันคืออะไร และคำว่าแฟนกัน มันต่างจากคำว่าเพื่อนคนอื่นในวงตรงไหน และที่เขาอยากรู้ที่สุด... สิ่งที่เกี่ยวโยงเราสองคนไว้... คือรัก หรือแค่การทึกทักจากบรรดาแฟนคลับ แล้วเด็กคนนั้นก็ไหลลื่นตามไปโดยไม่ได้ทำตามหัวใจของตนเองเลย....
เจ็บ... ยุน ดูจุนส่ายหัว นี่เขากำลังเป็นบ้าอะไรอยู่ ทำไมแค่เรื่องราวของคนบางคนทำให้เรารู้สึกไม่มั่นคงได้ขนาดนี้ สองขาก้าวเดินมุ่งตรงไปที่ห้องอาบน้ำ หากแต่แสงสว่างที่ลอดมาจากห้องครัวทำให้เด็กหนุ่มตัดสินใจเลี้ยวเข้าหา แน่ล่ะ... เขาก็แค่หวังว่าอาจจะได้เห็นหน้าคนบางคนที่เขาเฝ้าคิดถึงอยู่เสมอ
กลับเป็นร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่ตรงหน้า มือหนึ่งถือกระป๋องโคล่าที่ถูกเปิดฝาเรียบร้อย อีกมือเป็นกระดาษขาวที่เหมือนจะมีรอยขีดเขียนอยู่เต็มไปหมด ดูจุนมองนิ่ง ความรู้สึกผิดหวังลอยขึ้นเด่นชัด
“อ้าว มึง กลับมาแล้วหรอ” ว่าแล้วก็กระดกน้ำในมือเข้าปากไปอีกหลายอึก
“อืมม์” อีกฝ่ายขานรับในลำคอ แล้วก็เกิดความเงียบขึ้น
มันเป็นบรรยากาศที่ชวนให้อึดอัด อย่างน้อยยง จุนฮยองก็คิดแบบนั้น ทำไมลีดเดอร์คนเก่งถึงต้องมองเขาด้วยสายตาเหมือนเขาไปทำอะไรผิดมาสักอย่าง คุณแรพเปอร์ทวนความทรงจำในสมอง ก่อนจะตัดสินใจได้ว่าเขาไม่ได้ทำตัวเป็นคนไม่ดีสักนิด คิดๆดูแล้วที่ผิดปกติน่าจะเป็นดูจุนมากกว่า
และเมื่อจุนฮยองทำท่าจะเดินออกจากครัวไป ก็เป็นดูจุนที่ร้องถามเสียงต่ำ เหมือนกำลังสะกดกลั้นไม่ให้คำพูดที่เปล่งออกมาสั่นไหว
“เออ... แล้ว... แล้วโยซอบล่ะ?”
ไม่ต้องสังเกตยังมองเห็น สีหน้าเรียบนิ่งของจุนฮยองอ่อนลงทันควัน ดวงตาที่เคยดูเย็นชาก็เหมือนจะมีประกายอ่อนโยนอยู่ในนั้น
“ไอ้ตัวยุ่งน่ะหรอ นอนหลับอุตุอยู่ในห้องซ้อมเต้นนั่นแหละ หนอย~ ปากบอกว่าจะช่วยแต่งเพลงแท้ๆ” จบท้ายด้วยเสียงหัวเราะในลำคอ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนบางคนเอ็นดูโยซอบขนาดไหน
“หมอนั่นคงเหนื่อย เล่นกระโดดโลดเต้นเอามันส์ตลอดคอน” คนตัวสูงอดไม่ได้ที่จะแก้ตัวแทน
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร ไม่ต้องรีบปกป้องขนาดนั้นก็ได้” จุนฮยองเอ่ยล้อเลียน ตบไหล่หนาของอีกฝ่ายขำๆ “บอกแล้วว่าโยซอบน่ะ แค่อยู่ใกล้ๆก็พอ ช่วยมาก เดี๋ยวยุ่ง” ยังคงแสดงเจตนารมณ์เดิมที่เคยกล่าวไว้ ยางโยซอบคือแรงบันดาลใจ เป็นคนที่ยง จุนฮยองอยากให้อยู่เคียงข้างตอนที่เขากำลังแต่งเพลง
“แต่กูว่ากูไปเอาโยซอบไปนอนที่เตียงดีๆดีกว่า ดึกแล้วหนาว เดี๋ยวจะไม่สบายเอา” เด็กหนุ่มพูดขึ้นมาอย่างเป็นห่วง ห่วงอย่างที่เคยห่วงเสมอ และยังคงห่วงแม้จะรู้ว่ามีคนอื่นที่สามารถดูแลโยซอบได้ดีพอๆกับเขาก็ตาม
“อย่ามาแว๊นใส่กูนะเฟ้ย กูก็กะจะไปลากโยซอบมานอนแล้วล่ะ แค่อยากกินโค้กขึ้นมากะทันหัน” จุนฮยองรีบแก้ตัว “โยแม่งวันนี้ดุกูอยู่ได้ บอกว่ากินโค้กมากเลยไม่มีแพ็คไว้โชว์ หนอย... กูก็มีนะเฟ้ย(หรอห้อย???) แค่ยังไม่อยากโชว์แค่นั้นเอง เดี๋ยวบิวตี้จะตื่นตกใจ”
ดูจุนส่ายหน้า นึกภาพยาง โยซอบที่กำลังหงุดหงิดอารมณ์เสีย หัวใจก็พลันเต้นแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“โยซอบเค้าหวังดี”
“เอ๊ะ ไอ้นี่ ร้อนตัวแทนตลอดเหอะ กูรู้ว่าโยมันหวังดี แต่ไอ้มาส่งเสียงแง๊วๆร้องโวยวายพยายามแย่งโค้กทั้งๆที่ความสูงแค่นั้น....” คนพูดหัวเราะพรืด “...มันก็แค่...น่ารัก...”
ดูจุนกำมือตัวเองแน่น ความรู้สึกบางอย่างตีตื้นขึ้นมาอีกแล้ว เขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ทำไมตอนนี้เขาถึงได้รู้สึกอิจฉาจุนฮยองกันนะ
เขาจะอิจฉาคนตรงหน้าไปทำไม ในเมื่อยุน ดูจุนคนนี้เป็นตั้งแฟน ในขณะที่ ยง จุนฮยองเป็นแค่เพื่อน... เพื่อนคนสำคัญของยาง โยซอบ....
เพื่อนที่ร้องเพลงคู่กัน แต่งเพลงด้วยกัน ซ้อมเต้นด้วยกัน แอบหนีไปเที่ยวด้วยกัน เล่นเกมส์ด้วยกัน กอดกัน จับมือกัน เป็นห่วงเป็นใยกัน...
อา... ตอนนี้ยุน ดูจุนรู้สึกว่าเขามีเหตุผลมากเพียงพอที่จะอิจฉาจุนฮยองแล้วล่ะ
ก็ดูสิ... สิ่งที่โยซอบปฏิบัติต่อจุนฮยอง มันต่างจากที่ทำกับเขาเสียที่ไหน หรือบางที... หมอนั่นอาจจะ
ได้อะไรที่มันมากกว่าเขาด้วยซ้ำ
...ไม่เข้าใจ...
“ก็ดี” ร่างสูงพูดปัดๆ เรียกสายตาฉงนจากคู่สนทนาได้ไม่อยาก
“มึงหงุดหงิดอะไรวะ ไปทะเลาะกับใครมา?”
“.......กูเปล่า” ก็มึงไงล่ะที่กูกำลังหงุดหงิด!!!!
“อา.... เปล่าก็เปล่า” จุนฮยองไหวไหล่ “ถึงกูไม่ใช่โยซอบ แต่ถ้ามีอะไรก็เล่าให้กูฟังก็ได้นะเว้ย”
“ยังไงพวกเราก็วงเดียวกัน”
แล้ว ยุน ดูจุนก็เดินออกมาด้วยความรู้สึกผิดมากขึ้น.... นี่เขา...เป็นอะไร?
ภาพตรงหน้าทำให้คนบางภาวนาให้เวลาหยุดนิ่ง ร่างเล็กที่นอนตะแคงขดตัวนิ่งอยู่ที่มุมมุมหนึ่งของห้อง มีเสื้อนอกสีดำตัวใหญ่ของคุณแรพเปอร์คลุมตัวไว้หลวมๆ ดวงตาใสแจ๋วถูกซ่อนอยู่เบื้องหลังเปลือกตาที่ปิดสนิท ใบหน้าขาวเนียนดูไร้เดียงสาและน่ามองอย่างที่ใครต่อใครรู้สึกเสมอ ร่างสูงอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบเรือนผมสีดำสนิทของคนที่นอนอยู่ด้วยความรู้สึกรักใคร่หวงแหน และไม่ทันรู้ตัว ลีดเดอร์คนเก่งก็เผลอแนบริมฝีปากตนเองเข้ากับหน้าผากมนของอีกฝ่ายแผ่วเบา
“อื้อ...” เสียงครางอย่างรำคาญใจทำให้ดูจุนยกมุมปากเป็นรอยยิ้ม มือใหญ่แตะแก้มนิ่มเด็กน้อย ขยับจับไปมาก่อนจะเปล่งเสียงอ่อนโยนที่แม้แต่ตนเองยังไม่อยากเชื่อ
“โยซอบ... ตื่นเถอะ... ไปนอนที่ห้อง...”
คำตอบเป็นอาการปรือตาขึ้นน้อยๆ มือเล็กดึงแขนเสื้อดูจุนเหมือนอยากให้หยุด โยซอบแย้มริมฝีปากเป็นรอยยิ้มหวานๆ หากแต่แววตายังมีความง่วงงุนฉายชัด และยังไม่ทันที่ร่างสูงจะเอ่ยวาจาใด คนบางคนก็หลับตาพริ้มทำท่าจะกลับสู่ห้วงนิทราอีกรอบ
“โยซอบ.... ตรงนี้หนาวนะ ลุกเถอะ”
เด็กหนุ่มส่งเสียงฮึดฮัด ยอมลุกขึ้นนั่งในที่สุด มือนิ่มยกขึ้นขยี้ตาเหมือนเด็กๆ และเมื่อสติสตางค์เริ่มเข้าที่ ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือคุณลีดเดอร์ที่ตอนนี้น่าจะยังเฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนๆอยู่ในร้านกินดื่มที่ไหนสักแห่ง
“อ้าว ดูจุนอา... กลับมาแล้วหรอ” ตัวเล็กเอ่ยทักงัวเงีย ดูจุนเผยยิ้มอ่อนอุ่น ตอบรับด้วยเสียงอ่อนโยน
“อืมม์... กลับมาแล้ว โยซอบ”
“รีบกลับทำไม ไม่ไปต่อกับเพื่อนๆล่ะ” อากาศที่หอพักคงจะเป็นพิษถึงทำให้ดูจุนรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกขึ้นมาเสียอย่างนั้น ไม่ว่าโยซอบจะต้องการสื่อความอย่างไร หากแต่คำพูดที่ดูเหมือนไล่ มันทำร้ายจิตใจดูจุนมากมายเหลือเกิน
คนร่างสูงที่คิดมากจนทนไม่ไหวคว้าเอาตัวเด็กน้อยมากอดแน่น ร่างกายนุ่มนิ่มที่เขาเฝ้าทนุถนอม อยากให้แน่ใจว่าร่างบางยังอยู่กับเขา โยซอบได้แต่งุนงงกับอาการแปลกๆของคนตรงหน้า หัวทุยซุกลงบนอ้อมอกกว้าง กำลังคิดว่าจะแอบหลับไปซะอย่างงั้นหากแต่หัวใจที่เต้นรัวแรงของคนบางคนทำให้เด็กหนุ่มต้องขมวดคิ้ว
“มีอะไรรึเปล่า ดูจุนอา” เสียงหวานติดจะอู้อี้ไปบ้างเมื่อถูกกอดรัดแน่นขนาดนั้น
“ไม่รู้... แค่อยากกอด”
“ฉันไม่ใช่ตุ๊กตาซะหน่อย” สองมือผลักร่างสูงเบาๆ ไม่ได้รังเกียจอะไร แค่เขากำลังง่วง และดูจุนก็โอบรัดตัวเขาจนเริ่มหายใจไม่ได้ “ดูจุน ปล่อยก่อน” ไม่ได้คิดว่าคุณลีดเดอร์จะยอมผละตัวไปง่ายๆอย่างนั้น คนบางคนมองหน้าโยซอบอย่างเจ็บปวด แค่กอดยังไม่ได้ แค่อยู่ใกล้ยังไม่เอา.....
นี่เขาเป็นตัวอะไรสำหรับคนตัวเล็กกันแน่???
“เดี๋ยวนี้หวงตัวจนฉันแตะต้องไม่ได้แล้วหรอ”
“หา? อะไรของนาย ”
“ฉันนี่มันน่าเบื่อมากใช่มั้ยถึงได้พยายามไล่ไปให้ไกลขนาดนั้น”
“เดี๋ยว... ดูจุน” ความรู้สึกของโยซอบตอนนี้คืออาการอึ้งอย่างแรง เมื่ออยู่ๆคุณหัวหน้าของวงก็ปลุกเขาขึ้นมา แล้วพ่นคำพูดอะไรที่เขาไม่เข้าใจใส่โดยไม่มีการถามความเห็น เด็กหนุ่มพยายามเอื้อมแตะไหล่แกร่งอีกฝ่ายเพื่อให้อารมณ์เย็นลง หากแต่ยุน ดูจุนก็เอาแต่ถอยหนี ดวงตาที่เคยมองดูเขาอย่างอบอุ่นเสมอกลับกลายมีแต่ประกายความเจ็บปวด และเมื่อโยซอบคว้าแขนคนตรงหน้าได้....
เด็กหนุ่มรู้สึกเพียงกำลังหยิบจับอะไรสักอย่างที่ไม่มีสายใยความผูกพันใดๆเกี่ยวโยงเราสองคนเอาไว้เลย
....หมายความว่าอย่างไร....
อยู่ๆร่างบางก็ใจหายวาบขึ้นมา.... เหมือนว่าจะต้องเสียคนตรงหน้าไป....
“คนอย่างฉันมันไม่น่าสนใจ... หรือนายไม่คิดจะสนใจฉันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” ไม่ได้อยากพูดสักนิด แต่สิ่งที่อยู่ในห้วงความคิดมันอัดแน่นจนทนไม่ไหว “ฉันกับนาย... เราเป็นอะไรกันแน่”
หลังร่างสูงจบประโยค สิ่งที่รายล้อมรอบตัวพวกเขาก็คือความเงียบ ดูจุนใจเต้นไม่เป็นจังหวะ นึกสาปแช่งตัวเองที่พูดอะไรไปไม่คิด แล้วถ้าคำตอบของโยซอบคือไม่ได้เป็นอะไรกันล่ะ ถ้าโยซอบไม่ได้รักเขาล่ะ... เด็กหนุ่มถึงกับคิดไม่ออกว่าอนาคตของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป
...เขารู้แล้วว่าความรักไม่อาจเปรียบกับอะไรที่มันง่ายดายอย่างเช่นการตบมือ และรักข้างเดียว ก็ไม่เหมือนกันการตบมือข้างเดียว
เพราะตบมือข้างเดียว...ไม่เจ็บ แต่รักข้างเดียว....เจ็บ....
ความเงียบที่ยาวนานทำให้คนตัวใหญ่รู้สึกอึดอัดจนอยากจะร้องไห้ออกมาเสียอย่างนั้น เขาไม่เข้าใจว่าโยซอบกำลังคิดอะไรอยู่ หรือว่าเป็นเขาที่เข้าใจผิดไปเอง... ว่าเรามีความรู้สึกดีๆให้กัน....
เพราะความจริงนั้น.... ว่างเปล่า... ไม่มีอะไร....
เกือบห้านาทีที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ดูจุนเกือบจะยอมแพ้แล้วเดินหนีออกจากห้องซ้อมอยู่แล้ว ถ้าไม่มีเสียงใสที่เอ่ยขึ้นอย่างไม่มั่นใจ...
“เรา... เรา...ไม่ได้เป็นแฟนกันหรอ ดูจุนอา?”
ยุน ดูจุนรับรู้ได้ถึงมือบางที่ยึดจับต้นแขนเขาแน่นขึ้น ดวงตากลมโตฉายแววไม่เข้าใจเด่นชัด ตอนนี้ยาง โยซอบกำลังสับสน
“ทำไมล่ะดูจุน ใครๆก็รู้กันนี่นา” เด็กหนุ่มทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะร้องออกมาเบาๆ
“หรือว่ามีคนแอนตี้คู่เราหรอ แต่ก็ไม่น่านะ.... เห็นว่าบิวตี้สนับสนุนเราสองคนกันจะตาย”
คนตัวใหญ่รู้สึกวูบโหวง โยซอบทำเหมือนเขาสองคนแค่สวมบทคนรัก เป็นแค่การละเล่นของเด็กที่ไม่ได้มีอะไรจริงจังอยู่สักนิด มิน่าล่ะ เวลาเขาทำอะไรกับใครถึงไม่เคยสนใจสักที
ก็เราไม่ได้ผูกพันกันจริงๆนี่... แล้วจะห่วงใยไปทำไม
“แล้วนาย.... ก็ยอมเป็นแฟนฉันเพราะบิวตี้ชอบกันน่ะหรอ”
คราวนี้เป็นคนตัวเล็กที่มุ่นคิ้วเข้าหากัน นึกเข้าใจขึ้นมาลางๆว่าคุณลีดเดอร์กำลังกลุ้มใจอะไร แต่ที่ไม่เข้าใจ ก็คือดูจุนไปเอาความคิดบ้าๆนี่มาจากไหนต่างหาก
“ยุน ดูจุน นั่ง...” เสียงหวานตวัดฉับคล้ายออกคำสั่ง เล่นเอาคนที่ไม่ค่อยกล้าจะหือสักเท่าไหร่สะดุ้ง หันซ้ายหันขวาไปมาก่อนจะตัดสินใจทิ้งตัวลงบนที่นั่งบีนแบ็คสีเขียวใบใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ โยซอบทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิตรงหน้า สบตาคนบางคนตรงๆ
“งั้นบอกมาสิ นายอยากเป็นอะไรกับฉันกันแน่”
“ฉัน.... เปล่า....” ร่างสูงส่ายหน้า กลัวการถูกปัดทิ้งความรักมากกว่าการจะเก็บมันเอาไว้ “ฉัน.... ยังไงก็ได้”
“ยังไงก็ได้กับนาย หมายถึงฉันจะไปยังไงก็ได้กับคนอื่นด้วยใช่มั้ย” ดูจุนสะอึก ภาพโยซอบหัวร่อต่อกระซิกกับจุนฮยองผุดขึ้นฉายชัด ส่ายหน้าไปมา
“ไม่ได้... มันไม่ควร.....”
“ก็นาย.... ก็นายเป็นแฟนฉัน”
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะพูดออกมาเต็มปากเต็มคำ
“ฉันหวง!!!”
ยาง โยซอบหัวเราะพรืด ใบหน้าฝาดขึ้นหน่อยๆด้วยรู้สึกเขิน ขยับเข้าหาคุณลีดเดอร์ก่อนจะค่อยเบียดขึ้นไปนั่งบนตักอีกฝ่าย ก่อนจะช้อนตามองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
“ในเมื่อฉันคิดว่าเราเป็นแฟนกัน และดูจุนก็ว่าฉันเป็นแฟนนาย ดีมานกับซับพลายเราออกจะตรงกันขนาดนี้ ดูจุนอายังต้องการอะไรอีกล่ะ” พูดจบก็ซุกใบหน้าแดงๆของตนเข้ากับอกอุ่นๆของคนตรงหน้า
ดูจุนอดจะเอ็นดูไม่ได้กับท่าทีเด็กน้อยในอ้อมกอด ความน้อยใจหายไปเกินครึ่ง มือใหญ่ขยับจับผมนิ่มคนตรงหน้าก่อนจะเลื่อนไหลลงมาโอบรัดเอวสอบ ซุกหน้าเข้ากับกลุ่มผมสีดำสนิทที่ทั้งนิ่ม ทั้งหอม
“แต่นายไม่เห็นสนใจฉัน” โยซอบย่นคิ้วน้อยๆ
“นายเอาแต่ไปเล่นกับคนอื่น ไปยิ้มให้คนอื่น กอดคนนู้น อ้อนคนนี้ แล้วฉันล่ะ ไม่เห็นนายจะสน ฉันไปกอดดงอุ่น ไปจับมือฮยอนซึง ไปดึงเสื้อจุนฮยอง ฉันนอกใจนายอยู่นะช่วยหึงกันหน่อยสิ”
คราวนี้โยซอบปล่อยก๊ากออกมาอย่างสุดกลั้น อยู่ด้วยกันมาดีๆ ดูจุนก็เกิดอยากจะให้เขาสวมบทนางร้ายขี้วีนตามจิกตามหวงตามแสดงตัวเป็นเจ้าของขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“อะไรของนาย” โยซอบเช็ดน้ำตาที่เกิดจากการหัวเราะมากเกินไป “ถ้านายอยากให้ฉันหึงนะ” เด็กหนุ่มเว้นวรรคหายใจ “เวลากอดดงอุนช่วยอย่าหันหน้ารู้สึกผิดมาทางฉัน เวลาจับมือฮยอนซึงอย่าเอาอีกมือมาคอยกอดเอวฉัน แล้วก็เวลาดึงเสื้อจุนฮยองน่ะ... ช่วยดูความสมัครใจของจุนฮยองเขาด้วย ฉันเห็นแล้วสงสารฮยองมากกว่าจะหงุดหงิดนายน่ะ”
“โยซอบอา... ไม่ยุติธรรมเลย แล้วทำไมฉันต้องเป็นฝ่ายหวงนายอยู่คนเดียวด้วยล่ะ”
“เพราะฉันน่ารักไง” เจ้าตัวยุ่งหัวเราะคิกคักจนดูจุนอยากจะฟัดแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยว
“ดูจุนอา รู้อะไรมั้ย” อยู่ๆโยซอบก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงน่ารัก
“ถึงมือนี้จะถูกใครหลายคนจับ...” เด็กหนุ่มยกมือเล็กที่มีมือของเขากุมแน่นโบกไปมา
“ถึงเอวนี่จะถูกใครหลายคนกอด...” มืออีกข้างที่ว่างไล้ไปตามท่อนแขนแข็งแรงที่โอบรัดเอวร่างเล็กไว้หลวมๆ
“และแม้ว่าแก้มของฉันจะเคยถูกจับ...ถูกหอมมานับไม่ถ้วน...” หันหน้าเข้าหาโชว์แก้มป่องพร้อมเอียงคอน้อยๆได้องศา
“แต่ว่านะ... ตรงนี้... ไม่เคยมีใครได้สัมผัสนอกจากนายคนเดียว” ริมฝีปากนิ่มกดแนบลงริมฝีปากของเขาก่อนจะผละออกอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มก้มหน้าลงต่ำจนเห็นเพียงใบหูสีแดงที่แสดงว่าโยซอบกำลังเขินจัด
“ฮึ้ย เสียเวลานอนชะมัด” คนตัวเล็กบ่นด้วยทำอะไรไม่ถูก หากแต่คนบางคนไม่ปล่อยให้เขาได้เขินนานนัก ดูจุนเชยคางโยซอบขึ้น ก่อนจะประทับริมฝีปากของเขาตรงเข้ากับปากอิ่มของคนตรงหน้า....อ่อนหวาน...และยาวนาน....
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร.... รัก... เชื่อใจ.... แน่นอน....
...................................................................................
พ่อแรพเปอร์หนุ่มเสียงดีกำลังทำหน้างงสุดขีดเมื่อจู่ๆคุณลีดเดอร์ลากเขามาในที่ลับตาด้วยท่าทางซีเรียสสุดๆ แถมยังโค้งลงต่ำ กล่าวขอโทษออกมาด้วยสีหน้าของคนที่รู้สึกผิดแบบสุดๆ
“กูขอโทษจุนฮยอง ที่วันนั้นกูพูดไม่ดีออกไป”
“ห...หา? วันนั้น? อ่ะ... เออ เอาเถอะไม่เป็นไร” แม้จุนฮยองยังไม่รู้ว่าเป็นวันไหน หากแต่ปากมันก็พาไปว่าให้ยกโทษคนตรงหน้าไว้ก่อน
ว่าแต่... กูไปโกรธมันเรื่องอะไรวะ?
“เออ ขอบใจว่ะ” ดูจุนยกมือเกาศีรษะ “กูแม่งงี่เง่า หวงโยไม่เข้าเรื่องแล้วไปลงกะมึง กูไม่ได้ตั้งใจนะ”
ยง จุนฮยองกระตุกมุมปากเป็นรอยยิ้ม
“งั้นมึงก็เข้าเรื่องได้เลยล่ะ”
“เพราะว่าที่มึงเข้าใจน่ะไม่ผิดเลยสักนิดเดียว...”
“!!!!”
......................................................................................................
END in DooSeob part and TBC in Junseob^^
ความคิดเห็น