ตอนที่ 6 : ตอนที่ 5 เราเป็นแฟนกัน
พิมพิกาขับรถออกมาได้สักพักก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนรุ่นพี่สุดสวยนัดให้ไปเจอกันที่ผับ ‘สงสัยจะมันกันน่าดูเลยไปหาซะหน่อยดีกว่า’ พิมพิกาเปลี่ยนทิศทางไปคอนโดของรุ่นพี่คนสวยทันที ไม่นานก็มาถึงพิมพิกาเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องและกดกริ่งรอให้แอรีนมาเปิดประตู
“สวัสดีค่ะพี่เบลล์ พิมมารบกวนหรือเปล่าคะ” พิมพิกาส่งยิ้มให้คนเปิดประตูด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างคุ้นเคย
“ไม่หรอก เข้ามาก่อนสิ แอร์เค้าอาบน้ำอยู่พิมรอที่โซฟาก่อนนะ เดี๋ยวพี่เอากาแฟมาให้ค่ะ” เบลล์ส่งยิ้มให้รุ่นน้องคนสนิทของแฟนสาวและเดินไปที่ห้องครัว
“ขอบคุณค่ะพี่เบลล์” พิมพิกาส่งยิ้มให้สาวหล่อต้องยอมรับว่าหล่อมากจริงๆแถมสุภาพใจดีเอาใจแฟนเก่งอีกต่างหาก ชักอิจฉาพี่แอร์แล้วสิ
“กาแฟจ้ะ วันนี้ไม่ทำงานเหรอพิม”
“ทำค่ะ แต่แวะมาหาพี่แอร์ก่อน มีเรื่องอยากปรึกษานิดหน่อยค่ะ”
“กลุ้มใจอะไรล่ะเราหรือมีหนุ่มๆมาขายขนมจีบเยอะก็เลยเลือกไม่ถูก” เบลล์แซว พิมพิกาที่นั่งอมยิ้มอยู่โซฟาอีกฝั่งหนึ่ง
“แหม...พี่เบลล์ ถ้าเป็นหนุ่มๆคงไม่คิดหนักแบบนี้หรอกค่ะ” พิมพิกาทำท่าเหนื่อยกับเรื่องราวที่จะมาปรึกษารุ่นพี่ในวันนี้
“หือ“ หมายความว่าไง อย่าบอกนะว่า..” เบลล์เบิกตาโตมองพิมพิกาอย่างไม่เชื่อสายตาเพราะพิมพิกาไม่เคยมีประวัติรักชอบผู้หญิงด้วยกันมาก่อน
“พิมคิดว่าพิมชอบผู้หญิงด้วยกันค่ะ แต่ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนนะคะพี่เบลล์เพราะมันเป็นกับน้องเดียร์คนเดียวเท่านั้นค่ะ” พิมพิกาบอกสาวหล่อไปตามตรงเธอรีบพูดเพื่อไขความกระจ่างว่าไม่ได้ชอบผู้หญิงทุกคนเพราะสมัยเรียนมีสาวๆมาจีบเธอแต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากคิดแบบเพื่อนและพี่น้อง
“แล้วเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง พิมรู้สึกยังไงกับน้องเค้าล่ะคะ” สาวหล่อกอดอกถามอย่างจริงจังและเริ่มวิเคราะห์สิ่งที่พิมพิกาบอกกับเธอ
“พิมรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง หัวใจเต้นแรงมากเลยค่ะ ยิ่งได้ใกล้ชิดยิ่งอยากกอด อยากจูบ อยาก....เอ่อ..สารพัดเลยพี่เบลล์” พิมพิกาขมวดคิ้ว รู้สึกตอนนี้อารมณ์คิดถึงร่างบางจะตีตื้นขึ้นมามากมายเหลือเกิน
“งั้นก็รักชัวร์ๆ โอ้...แม่เจ้า ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ” เบลล์ทำท่าตะลึงกับรุ่นน้องเพราะคาดไม่ถึงจริงๆว่าน้องสาวคนนี้จะมีเลือดวายอยู่ในตัวด้วย
“คุยกับใครอยู่คะเบลล์ อุ๊ย! พิม ลมอะไรหอบพิมมาถึงนี่เนี่ย” แอรีนยิ้มกว้างดีใจแล้วเดินเข้าไปหอมแก้มพิมพิกาเหมือนเช่นเคย
“ไม่ได้นะแอร์! ต่อไปห้ามหอมแก้มพิมอีกนะ พี่หวง” เบลล์ลุกไปกอดคนรักเอาไว้แน่นอย่างหวงแหนและไม่ยอมให้เข้ามาหอมแก้มพิมพิกา
“เป็นอะไรไปคะ ปกติแอร์หอมแก้มพิมออกบ่อย วันนี้เป็นอะไรเนี่ย” แอรีนลูบแก้มคนรักเบาๆไม่เข้าใจว่าคนรักทำไมทำท่าหึงหวงแบบนี้ ปกติก็ไม่เห็นว่าอะไรเธอเลย
“ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว น้องพิมเพิ่งบอกว่าชอบผู้หญิงด้วยกันค่ะ พี่ต้องป้องกันแฟนพี่ไว้ก่อน เดี๋ยวโดนแย่ง”
“เฮ้ย..จริงเหรอ พิมเล่ามาด่วนเลยนะ” แอรีนร้องเสียงหลงและนั่งมองหน้ารุ่นน้องคนสนิทแล้วตั้งใจฟังเรื่องที่พิมพิกาบอกเล่าให้ฟัง พิมพิกาจึงเล่าตั้งแต่ต้นจนจบ
“มั่นใจแล้วเหรอพิมว่ารักน้องเค้าจริงๆไม่ใช่แค่หลงหน้าตาของน้องเค้าน่ะ” แอรีนจ้องตารุ่นน้องเพื่อค้นหาอะไรบางอย่าง
“พี่แอร์คะ ตอนเรียนมหาลัยดาวคณะนิเทศฯมาจีบ พิมยังไม่สนใจเลยไม่หวั่นไหวด้วย ตอนนี้เธอคนนั้นเป็นนางเอกดังไปแล้วด้วย พิมไม่เคยมีอาการแบบนี้เลยตั้งแต่จำความได้และมันเป็นกับเดียร์คนเดียว” พิมพิกายังคงทำหน้าจริงจังให้รุ่นพี่ได้ยิ้มกว้างออกมาเพราะรู้จักนิสัยกันดี เมื่อพิมพิกายืนยันนั่นแสดงว่าทุกอย่างคือเรื่องจริง
“พี่ดีใจด้วยนะพิม ในที่สุดพิมก็เจอคนที่ใช่ซะที ตั้งแต่เรารู้จักกันมาเกือบ 6 ปีพี่ไม่เคยเห็นพิมชอบใครเลย พี่ยังคิดว่าพิมจะไปบวชชีด้วยซ้ำนะ” แอรีนหัวเราะขำรุ่นน้อง
“มีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกพี่แอร์ไว้ก่อน ต่อไปพี่ห้ามหอมแก้มพิมอีก วันก่อนที่ห้างเดียร์เค้าเห็นพี่กับพิมหอมแก้มกันเมื่อเช้าเลยโดนเฉ่งแล้วเรียบร้อย เวลาเดียร์หึงมันน่ากลัวมากเลยนะขอบอก” พิมพิกาทำท่าขนลุกขนพองเมื่อคิดถึงตอนลูกแมวกลายร่าง
“สรุปเป็นแฟนกันแล้วเหรอ” เบลล์ถามออกไปเมื่อเกิดความสงสัยถ้าไม่ใช่แฟนคงไม่แสดงออกมากมายอย่างนี้
“เปล่าหรอกค่ะ เดียร์เค้าไม่ได้บอกรักพิมแค่การแสดงออกพิมก็พอรู้แล้วล่ะ ว่าเราใจตรงกัน” พิมพิกายิ้มกว้างออกมาอย่างลืมตัว เธอรู้สึกมีความสุขที่สุดเลย
“แต่พี่ว่าพิมควรบอกรักและขอน้องเค้าเป็นแฟนนะ พิมไม่กลัวใครมาแย่งไปเหรอ เรื่องแบบนี้ถ้าไม่บอกไม่กล่าวให้รู้ชัดเจนปัญหามันอาจเกิดขึ้นได้นะพิม พี่แนะนำให้รีบบอกน้องเค้าไปซะ พี่เตือนเพราะหวังดีนะจริงๆมันเป็นประสบการณ์ตรงของพี่กับเบลล์น่ะ เกือบไม่ได้คบกันแล้วล่ะเพราะพี่ปากแข็ง พิมคงจำได้ตอนที่พี่ร้องไห้หนักๆวันที่เราไปเที่ยวผับกันน่ะ” แอรินเตือนพิมพิกาเพราะเธอเกือบเสียคนที่รักสุดหัวใจให้กับผู้หญิงคนอื่นเพราะความปากแข็งนี่แหละ ดีนะที่แฟนเธอมั่นคงมากพอเรื่องจึงไม่เลวร้าย
“ขอให้พิมแน่ใจมากกว่านี้ก่อนนะพี่แอร์แล้วพิมจะบอกเดียร์เอง เฮ้อ...ยิ่งเป็นลูกสาวคนเล็กของบ้านด้วยสิ ไม่รู้ว่าพิมต้องเจออีกกี่ด่านนะ” พิมพิกาคิดถึงวันแรกที่ได้ไปเยือนที่บ้านของนรีกานต์ ทุกคนในบ้านต่างโอ๋และรักร่างบางมากยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด นี่เธอคงไม่ถึงขนาดพิสูจน์รักแท้ด้วยชีวิตหรอกนะ บรื้อ...
“เอาน่าสู้ๆน้อง พวกพี่เอาใจช่วยนะ” เบลล์ตบบ่าพิมพิกาอย่างให้กำลังใจ
“ขอบคุณค่ะพี่เบลล์ พิมขอตัวก่อนดีกว่าจะเข้าไปดูงานที่บริษัทซะหน่อยไม่ได้เข้าบริษัทมาเป็นอาทิตย์แล้วล่ะ”
“จ้ะ เออพิม! จะทำอะไรก็คิดให้ดีๆก่อนนะ โทรปรึกษาพี่ได้ตลอดเลย” แอรีนเดินไปส่งพิมพิกาหน้าห้องและบอกรุ่นน้องอย่างห่วงใย
“ค่ะพี่แอร์ ไปก่อนนะ บายค่ะ”
ภายในบริษัทรักษาความปลอดภัยพีพีการ์ดที่มีบอดี้การ์ดต้นสังกัดอยู่หลายร้อยชีวิตไม่รวมถึงนักสืบที่แฝงตัวอยู่ทั่วทุกอาชีพให้ประเทศไทย พิมพิกามีหน่วยลับเพื่อสืบหาตัวคนร้ายให้ทางกรมตำรวจแต่ทุกครั้งที่ติดต่องานมักใช้ชื่อนามแฝง พิมพิกาไม่เคยประมาทเปิดเผยให้ใครรู้ว่าเธอมีหน่วยงานลับอยู่ที่ชั้นใต้ดิน หน่วยนี้แม้แต่พนักงานในบริษัทยังไม่รู้เลย เธอคำนึงถึงความปลอดภัยขององค์กรมากกว่าสิ่งใด จึงจัดหน่วยขึ้น มาลับๆมีบอดี้การ์ดระดับหัวหน้าเท่านั้นที่อยู่ในทีมและทุกคนคือคนที่พิมพิกาเลือกเอง เธอได้จัดตารางฝึกให้กับทุกคนอย่างเข้มงวดเรียกว่าโหดเลยก็ว่าได้
นอกจากสารวัตรวุฒินันท์ที่เธอร่วมงานมาหลายปีจนสนิทกันมากเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ เธอติดต่องานผ่านทางสารวัตรไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม
“คุณแตน วันนี้มีงานด่วนมั้ยคะ” พิมพิกาเอ่ยถามเลขาคนสนิทของเธอ
“ไม่มีค่ะบอส แต่ว่ามีงานย่อยที่พวกเศรษฐีขอจ้างบอดี้การ์ดของเราไปคุ้มกันค่ะ” ปนัดดายื่นแฟ้มเอกสารให้พิมพิกาพิจารณาและส่งยิ้มบางๆให้บอสสาว
“ช่วยส่งบอดี้การ์ดระดับ Cไปดูแลด้วย พวกนี้แค่ให้บอดี้การ์ดเดินโชว์ตัวไปมาแค่นั้นแหละ คนของเราฝีมือดีกันอยู่แล้วไม่น่ามีปัญหาอะไรหรอก” พิมพิกาไล่สายตาอ่านเอกสารโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองสายตาของเลขาสาวเลยว่ามีแววปลาบปลื้มตัวเธอมากแค่ไหน
“ค่ะบอส วันนี้บอสอยู่ถึงกี่โมงคะ”
“บ่าย 3 โมงเพราะต้องไปรับน้องเดียร์ที่มหาลัยน่ะ”
“เหรอคะ” ปนัดดาทำหน้าเศร้าลงทันทีที่ได้ยินชื่อผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ว่าเจ้านายจะไปดูแลใคร ผู้หญิงคนนั้นคงพิเศษมากเจ้านายของเธอถึงได้รับงานนี้เอง
“มีงานด่วนเหรอคะคุณแตน” พิมพิกาเงยหน้ามาถามเลขาคนสวยอย่างสงสัย
“เปล่าค่ะบอส งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะบอส” ปนัดดาปั้นยิ้มให้พิมพิกา จะมีมั้ยนะที่พิมพิกาจะหันมามองคนอย่างเธอ เฮ้อ...หวังสูงไปแล้วมั้งเรา
“เชิญค่ะ” พิมพิกาส่งยิ้มให้ปนัดดาแล้วก้มอ่านเอกสารในมือต่อ ร่างสูงพยายามทำงานบนโต๊ะให้เสร็จก่อนออกไปรับนรีกานต์ เธอจะได้ไม่เอากลับไปทำที่บ้านนั้น
บ่าย 4 โมงพิมพิกานั่งรอนรีกานต์ที่โต๊ะใต้อาคารเรียน นักศึกษาเริ่มเดินลงมากันแล้ว พิมพิกาหันไปมองหาร่างเล็กๆของนรีกานต์พอเธอเจอเป้าหมายก็รีบเดินเข้าไปหาเพราะนรีกานต์เหมือนกำลังอึดอัดใจอะไรบางอย่างเพราะสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“น้องเดียร์คะ” พิมพิกาเรียกชื่อคนที่ยืนคุยกับหนุ่มหล่อคนหนึ่ง
“พี่พิมมานานแล้วเหรอคะ” นรีกานต์ยิ้มกว้างทันทีที่เห็นหน้าร่างสูง
“มาสักพักแล้วค่ะ เอ่อ...คุยธุระกันอยู่หรือเปล่าคะ“” พิมพิกาหันไปมองหนุ่มหล่อที่มองมาทางเธออยู่ก่อนแล้ว
“เปล่าค่ะ เรากลับบ้านกันดีกว่าค่ะพี่พิม เดียร์อยากกลับบ้าน” นรีกานต์คว้าแขนของพิมพิกามาควงแล้วปรายตามองชายหนุ่มคนเดิมที่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จากับใคร
“แล้วแยมกับศิไปไหนล่ะคะ ไม่เห็นลงมาพร้อมกันเลย”
“เข้าห้องน้ำค่ะ ไปกันเถอะค่ะพี่พิม เดียร์อยากกลับบ้าน” นรีกานต์พยายามดึงให้ร่างสูงเดินออกไปจากตรงนั้น
“ค่ะ” พิมพิกามองใบหน้าสวยของนรีกานต์และหันไปมองหน้าบึ้งตึงของชายหนุ่มที่ยืนคุยกับนรีกานต์ มันเกิดอะไรกันขึ้นนะแล้วผู้ชายคนนั้นคือใครกัน ใช่แฟนน้องเดียร์หรือเปล่านะ
“อย่าคิดมากสิคะ เพื่อนกันทั้งนั้นค่ะ” นรีกานต์มองพิมพิกาที่ขมวดคิ้วสงสัย เธอจึงตอบให้ร่างสูงได้หายข้องใจและกระชับแขนที่คล้องให้แน่นขึ้น เธอไม่อยากพูดถึงคนที่มาจีบเธอเมื่อกี้ คนอะไรตื้ออยู่ได้ ดีนะที่อ้างว่าพิมพิกาคือแฟนเธอแล้วอีกคนก็เข้ามาได้ถูกจังหวะมาก ที่เธอรีบลากสาวหน้าหวานออกมาเพราะกลัวผู้ชายคนนั้นจะถาม
วันเวลาที่ทั้งสองได้รู้จักและสนิทสนมกัน แม้จะไม่นานเท่าไหร่แต่ดูเหมือนทั้งสองจะรู้ใจกันและกันเป็นอย่างดี คงเพราะใส่ใจกันและเอาใจใส่กัน นรีกานต์ก็ไม่ดื้อไม่วีนเหมือนเมื่อก่อนแล้วดูจะสงบลงกว่าเดิมและมีเหตุผลมากขึ้น รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราไม่เหวี่ยงเพื่อนๆจนตอนนี้เริ่มมีเพื่อนมากขึ้นกว่าเดิม
วันนี้เป็นวันที่นรีกานต์ไม่มีเรียน พิมพิกาจึงดูแลสาวน้อยที่บ้านแต่ปนัดดาโทรมารายงานว่ามีงานด่วน เธอจึงเข้าไปสะสางงานที่บริษัท
“เดียร์วันนี้พี่จะเข้าบริษัท เดียร์ไปกับพี่นะ”
“ไปสิคะ วันนี้ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ไปเลยนะคะ” นรีกานต์ส่งยิ้มกว้างให้พิมพิกา
“เอ่อ...วันนี้พี่สาวเดียร์ก็กลับมาแล้วใช่มั้ยคะ หลังไปดูงานที่ระนอง”
“ค่ะ ทำไมเหรอทุกทีไม่เห็นถามถึงเลยนี่คะ เจอกันออกจะบ่อย” นรีกานต์ทำเสียงเข้มและจิกตามองร่างสูงอย่างจับผิด
“พี่สาวทั้งสองคนของเดียร์หวงน้องสาวมากมั้ย“” พิมพิกาถามด้วยใบหน้าแหยๆ เธอแค่อยากรู้เท่านั้นเอง ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลยไม่กลัวแต่ตอนนี้เริ่มเกรงขึ้นซะงั้น
“หึหึ... ก็หวงมากนะคะ ถามทำไมเหรอ” นรีกานต์อมยิ้มให้พิมพิกาอย่างรู้เท่าทัน มารู้สึกกลัวอะไรตอนนี้เนี่ย เจอกันออกจะบ่อยไป สงสัยจะเลื่อนสถานะให้เรามั้ง อิอิ
“แหม...จีบน้องสาวเค้า เราก็ต้องรู้จักพี่สาวของแฟนเราสิ”
“ใครแฟนใครมิทราบ เท่าที่เดียร์จำได้เรายังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกันเลยนะคะ พี่นี่ขี้ตู่ชะมัด” นรีกานต์อมยิ้มเขินกับคำพูดของพิมพิกาเลยทำเสียงยียวนกลับไป
“อ้าวเหรอ“ งั้นเป็นเลยมั้ยคะ”
“โห...วิธีขอเป็นแฟนไม่โรแมนติกเลยอ่ะ ขอคิดดูก่อนแล้วกัน ตอนนี้ดูๆกันไปก่อนนะ” นรีกานต์ตบปลายคางร่างสูงเบาๆแล้วเดินเข้าไปนั่งในรถปล่อยให้อีกคนยืนทำตาปริบๆอย่างมึนๆ
“ดูๆกันไปก่อนก็ได้พี่ไม่รีบ เพราะถึงยังไงน้องก็ต้องรับรักพี่พิมคนสวยแน่นอน” พิมพิกาพูดกับตัวเองแล้วรีบก้าวขึ้นรถขับออกไปทันที
บริษัทพีพีการ์ดเป็นบริษัทที่พิมพิกาสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง เธอภูมิใจมากที่บริษัทของเธอได้รับการไว้วางใจจากหลายหน่วยงาน พิมพิกาพาสาวน้อยไปดูห้องฝึกซ้อมที่จัดไว้สำหรับฝึกฝนพนักงานใหม่ ตอนนี้ห้องสี่เหลี่ยมมีพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เป็นผู้หญิงนับสิบคนยืนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ ครูฝึกเป็นผู้หญิงแต่ฝีมือดีมากพอๆกับฝีมือผู้ชายเลยทีเดียว
“อุ๊ย! มีผู้หญิงด้วยเหรอคะพี่พิม กล้ากันจังนะ” นรีกานต์มองเข้าไปในห้องกระจกอย่างตื่นเต้น ไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงสนใจเป็นบอดี้การ์ดมากมายอย่างนี้
“เราต้องมีการ์ดผู้หญิงเอาไว้ดูแลผู้ว่าจ้างที่เป็นผู้หญิงน่ะ แต่ว่าฝีมือไม่ได้ธรรมดานะ เข้ามาดูข้างในสิ” พิมพิกาจับมือของนรีกานต์ให้เข้าไปในห้อง ครูฝึกรีบเดินเข้ามาต้อนรับบอสใหญ่ทันที
“สวัสดีค่ะบอส มาดูการฝึกซ้อมเหรอคะ” ครูฝึกมาดทอมบอยรีบถามเจ้านายสาวที่นานๆจะเข้ามาตรวจทีหนึ่ง
“ค่ะ ครูนิดให้การ์ดของเราโชว์ฝีมือหน่อยสิคะ ฉันอยากเห็นฝีมือการ์ดใหม่ว่าเก่งแค่ไหนและพัฒนาการของการ์ดบริษัทเราด้วยค่ะ” พิมพิกาทำเสียงเรียบมาดนิ่งอย่างที่ทำอยู่ทุกครั้งเพื่อให้ลูกน้องเกรงขามนั่นเองแต่ร่างบางกลับเลิกคิ้วเพราะไม่เคยเจอ
“ค่ะบอส” ครูฝึกเดินไปที่กลุ่มการ์ดผู้หญิงและให้แบ่งทีมเป็นฝ่ายล่ะ 5 คนเพื่อทำการทดสอบทักษะการต่อสู้ที่ร่ำเรียนมาอยู่ทุกวัน
“ตื่นเต้นจังเลยค่ะ ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อนเลย” นรีกานต์ยืนมองดูการ์ดผู้หญิงที่ต่อสู้กันอยู่กลางห้อง ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงสมัยนี้ก็บู้เก่งไม่แพ้พวกผู้ชายอกสามศอก
“นี่แค่ระดับ C นะคะแล้วระดับ A, B ของพี่จะเก่งขนาดไหน” พิมพิกายิ้มภูมิใจในการฝึกในวันนี้มาก ทุกคนเรียนรู้ทักษะได้รวดเร็วเป็นที่น่าพอใจ
พอดูการต่อสู้ไปได้พักใหญ่พิมพิกาก็สั่งครูฝึกให้การ์ดทุกคนนั่งพักครึ่งชั่วโมงเพื่อจะไปฝึกยิงปืนต่อส่วนเธอพานรีกานต์ไปห้องระดับ Aระดับที่เก่งที่สุด ห้องนี้มีเอกภพที่เป็นอดีตนักกีฬาเทควันโดเหรียญทองหลายสมัยเป็นครูฝึก
ทั้งสองสาวมองจากด้านนอกกระจกใสทำให้เห็นภายในได้เป็นอย่างดี ตอนนี้ในห้องกำลังฝึกต่อสู้กันอย่างดุเดือด นรีกานต์เบิกตาโตยอมรับว่าการ์ดของพิมพิกาเก่งๆกันทั้งนั้น ฝีไม้ลายมืออย่างกับจาพนม โอ้! เก่งสุดยอด ลอยตัวเตะได้สวยกันจริงๆ
“หิวหรือยังคะ นี่ก็เย็นมากแล้วนะ พี่ว่าเราไปหาอะไรกินข้างนอกกันมั้ย” พิมพิกามองคนข้างๆอย่างเอ็นดูก่อนจะเอ่ยชวนไปทานมื้อเย็น
“ทำไมเวลามันเร็วจังเลยคะ เดียร์ยังสนุกอยู่เลยแต่ก็เริ่มหิวเหมือนกันนะคะ กินที่ไหนดีล่ะพี่พิม” นรีกานต์ทำหน้ามุ่ยก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อถามถึงร้านอาหาร
“ไปกินริมแม่น้ำกันมั้ยแต่พี่ขอเข้าไปเคลียร์งานก่อนนะคะ แล้วเราค่อยออกไปกินอาหารอร่อยๆกัน” พิมพิกาส่งยิ้มหวานให้นรีกานต์และลูบผมยาวสลวยอย่างเอ็นดู
“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา” นรีกานต์ตอบรับร่างสูงอย่างว่าง่าย ไม่มีอีกแล้วเด็กดื้อที่คอยขัดใจพิมพิกาเพราะเหตุการณ์วันนั้นแท้ๆที่ทำให้เธอเข็ดไปจนวันตาย
“พูดง่ายดีจังค่ะ เป็นเด็กดีของพี่พิมแบบนี้ รับรองพี่พิมไปไหนไม่รอดหรอกค่ะ” พิมพิกาบีบจมูกนรีกานต์เบาๆอย่างเอ็นดูและส่งยิ้มหวานให้อีกครั้ง
“ลองไปดูสิคะ พี่พิมจะได้รู้ว่านรกเป็นยังไง” นรีกานต์กระตุกยิ้มและส่งสายตาดุให้พิมพิกาได้ส่งยิ้มแห้งๆกลับมา
“ไม่กล้าไปหรอกค่ะ น้องเดียร์ออกจะน่ารักขนาดนี้ ไปห้องทำงานพี่ดีกว่านะ ป่ะ” พิมพิกากุมมือนรีกานต์ไปขึ้นลิฟท์แล้วพาไปจนถึงชั้นบนสุด จากนั้นจึงหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะเลขาหน้าห้องทำงาน
“คุณแตนมีเอกสารอะไรให้ฉันเซ็นอีกหรือเปล่าคะ เอามาได้เลยค่ะ ช่วงนี้ฉันคงไม่ค่อยเข้าบริษัทนะมีงานอะไรเร่งด่วนก็โทรหาฉันได้ตลอด หากมีงานด่วนมาก็ส่งเข้าเมล์ได้เลยนะคะ” พิมพิกาพูดจาดีและวางตัวดีเสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าพนักงาน
“คะบอส ส่วนเอกสารฉันวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ เดียร์เข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ” พิมพิกาดูเป็นผู้ใหญ่มากๆเวลาอยู่ที่บริษัท นรีกานต์มองอย่างไม่เชื่อสายตาแต่ว่าลุคนี้ทำให้หัวใจเธอเต้นผิดปกติได้เช่นกันนะเนี่ย เท่ดีจังเลยพี่พิมของเดียร์
“ไม่เคยเห็นพี่พิมมาดดุแบบนี้มาก่อนเลยนะคะ เท่ดีค่ะ” นรีกานต์เอ่ยชมพิมพิกาเมื่อเข้ามาในห้องทำงานเรียบร้อยแล้ว สายตาที่เธอมองมาที่พิมพิกามีแต่ความชื่นชมและรู้สึกภาคภูมิใจไม่น้อย
“ไม่ได้หรอกเป็นเจ้านายเราต้องวางตัวบ้างแต่นั่นมันแค่หน้ากากค่ะ ไม่งั้นคงไม่มีใครเคารพยำเกรงเราส่วนนิสัยจริงๆน่ะก็ตอนอยู่กับน้องเดียร์ไงคะ พี่ไม่ต้องเก๊กหน้าให้เมื่อยแถมเป็นตัวของตัวเองที่สุด” พิมพิกาส่งยิ้มหวานให้นรีกานต์ก่อนนั่งอ่านเอกสารบนโต๊ะและปล่อยให้นรีกานต์เดินสำรวจห้องทำงานตามใจชอบ
พิมพิกาทำงานจนใกล้ค่ำจึงพานรีกานต์มากินอาหารอร่อยที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งสองสั่งอาหารมาพอประมาณเพราะหากกินไม่หมดก็เสียดายของเปล่าๆ
“อื้อ ลืมบอกพี่พิมไปเลยค่ะ อาทิตย์หน้าเดียร์ต้องไปเข้าค่ายกับพวกอาจารย์หมอและคณะพยาบาลที่ต่างจังหวัด พี่พิมไปกับเดียร์นะคะ”
“เข้าค่ายยังไงคะ ไปตรวจคนไข้น่ะเหรอ”
“ค่ะ อาจารย์หมอจะให้ปี 3 ทุกคนไปเรียนรู้ของจริง สถานที่จริง ไม่รู้โครงการนี้มาได้ยังไงนะคะ แต่รุ่นของเดียร์เป็นรุ่นแรกแล้วก็ไปแค่อาทิตย์เดียวเองค่ะพี่พิม”
“ตั้งอาทิตย์ต่างหากล่ะ อือ...แล้วเขาให้คนนอกไปด้วยได้เหรอ”
“ไปได้สิคะ เขารับอาสาสมัครด้วยนะแล้วเดียร์ก็ส่งใบสมัครให้พี่พิมเรียบร้อยแล้วด้วยค่ะ อิอิ” นรีกานต์ยิ้มทะเล้นให้พิมพิกา
“เย้ย! ไม่คิดถามกันก่อนเลยเหรอ ว่าอยากไปหรือเปล่าน่ะ”
“ไม่คิดค่ะ เพราะพี่พิมต้องตามไปดูแลเดียร์ อย่าลืมนะว่าพี่เป็นบอดี้การ์ดเดียร์” นรีกานต์ยิ้มอย่างเป็นต่อ ใครจะโง่ปล่อยให้อยู่นี่คนเดียวล่ะเดี๋ยวมีคนอื่นมาฉกไปเธอก็ อกหักน่ะสิ
“เล่นมัดมือชกแบบนี้พี่คงต้องยอมสินะ ร้ายจริงๆเลย” พิมพิกาบีบจมูกนรีกานต์เบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว
“อ๋อย...พี่พิมอ่ะ เค้าไปตั้งอาทิตย์หนึ่งเลยนะ ตัวเองจะปล่อยให้เค้าอยู่คนเดียวที่นั่นเหรอใจร้าย” นรีกานต์ทำเสียงงอนให้ร่างสูงได้ยกยิ้มอย่างเอ็นดู คนอะไรขนาดงอนยังน่ารักเลย อิอิ
“ใครจะทิ้งน้องเดียร์คนสวยไปคนเดียวล่ะคะ พี่ไม่ยอมหรอกเพราะว่าพี่หวงเข้าใจป่ะ เดี๋ยวนักศึกษาหนุ่มๆมาตามจีบ พี่ก็แย่สิคะ”
“ชิ! ทำมาพูดดี กินต่อเถอะค่ะ อาหารเย็นหมดแล้ว” นรีกานต์ตักอาหารอย่างเอาใจพิมพิกา ตั้งแต่เล็กจนโตคนในครอบครัวมักเอาใจและตามใจเธอ ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมาเอาใจสาวหน้าหวานคนนี้ เธออยากดูแลพิมพิกาอยากอยู่ใกล้ๆอยากอ้อนอยากเอาใจใส่ทุกๆเรื่อง เวลาทำให้แล้วเธอรู้สึกมีความสุขมากๆเลย
“กินเยอะๆนะคะ ตัวเล็กเกินไปแล้วนะเรา พี่พิมแกะกุ้งให้กินดีกว่า” พิมพิกาเอาใจใส่นรีกานต์ไม่แพ้กัน ต่างคนต่างเอาใจใส่กันและกัน ช่างสร้างความประทับใจให้กับทั้งสองสาวเสียเหลือเกิน
พอกินมื้อเย็นเสร็จพิมพิกาพานรีกานต์มาเดินเล่นริมแม่น้ำเจ้าพระยา ข้างริมน้ำมีแสงไฟประดับอยู่มากมาย พอแสงส่องกระทบพื้นน้ำก็ส่องแวววาวระยิบระยับคล้ายมีดาวอยู่ในน้ำเต็มไปหมด
บรรยากาศแสนโรแมนติกทำให้พิมพิกานึกถึงคำพูดที่รุ่นพี่คนสวยพูดไว้เมื่อหลายวันก่อนว่าให้รีบสารภาพรักกับนรีกานต์ ไม่เช่นนั้นอาจมีใครมาสารภาพตัดหน้าไปก่อน ดูจากความดังของอีกคนแล้วไม่แพ้ดาวคณะฯเลยแถมยังมีหนุ่มๆและสาวหล่อมาตามจีบตั้งเยอะแยะ ไม่ได้ๆเธอไม่ยอมหรอก
“น้องเดียร์มีความสุขมั้ยคะ ที่มากินข้าวกับพี่” พิมพิกาเอ่ยประโยคทำลายความเงียบระหว่างเธอกับนรีกานต์
“มีความสุขมากเลยค่ะพี่พิม ขอบคุณนะคะ” นรีกานต์ส่งยิ้มให้พิมพิกา สายตายังจ้องมองไปที่ดวงหน้าหวานของร่างสูงไม่วางตา ในใจรอลุ้นว่าอีกคนจะพูดอะไรอีก
“พี่มีความสุขทุกครั้งที่มีเดียร์ยืนอยู่ข้างๆ พี่อยากปกป้องดูแลเดียร์ตลอดไป พี่ไม่อยากเห็นน้ำตาของเดียร์แม้สักหยดอยากเห็นแค่รอยยิ้มที่ทำให้โลกของพี่สดใส เอ่อจะเร็วไปมั้ยคะ ถ้าพี่จะบอกว่าพี่พิมรักน้องเดียร์ค่ะ” พิมพิกาจับมือนรีกานต์มากุมพร้อมสารภาพความในใจ เธอคงจะทนไม่ได้หากต้องเสียนรีกานต์ไปให้คนอื่น
“พี่พิม” นรีกานต์กะพริบตาปริบๆไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือความจริง
‘นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย พี่พิมสารภาพรักกับเราแล้ว จะตอบว่ายังไงดีล่ะ’
“เดียร์รังเกียจพี่เหรอคะ ทำไมเงียบไปล่ะ” พิมพิกาเริ่มทำหน้าเศร้าสลดเพราะร่างบางยืนนิ่งไม่พูดอะไรเลยสักคำแถมยังทำหน้าเครียด เธอทำให้ร่างบางตรงหน้าเครียดขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
“เปล่านะคะพี่พิม ที่จริงเดียร์ไม่รู้จะตอบพี่ยังไงดีแต่ว่าความรู้สึกมันบอกกับเดียร์ว่า เดียร์อยากอยู่ใกล้ๆพี่พิม อยากดูแล อยากทำให้พี่พิมยิ้ม เดียร์ว่าเดียร์ก็รักพี่พิมเข้าแล้วล่ะ” นรีกานต์ก้มหน้าอมยิ้มอย่างเขินอายแต่คนที่ตั้งใจฟังคำตอบนั้นกระโดดลอย ตัวขึ้นสูงอย่างดีใจ
“เย้! สำเร็จแล้วโว้ย งั้นเรามาเป็นแฟนกันนะ นับตั้งแต่วันนี้ไป พี่จะเป็นบอดี้การ์ดที่ดูแลหัวใจให้เดียร์คนเดียวเท่านั้น พี่สัญญาค่ะ” พิมพิกากระโดดอย่างดีใจ จากนั้นก็รั้งไหล่ทั้งสองข้างของร่างบางเข้ามาในอ้อมกอด รอยยิ้มยังประดับบนใบหน้าหวานทำให้อีกคนยิ้มตามไปด้วย
“ขอบคุณที่รักเดียร์ เดียร์ไม่เคยรู้สึกกับใครอย่างนี้ พี่พิมเป็นคนเดียวที่ทำให้หัวใจของเดียร์เต้นผิดจังหวะแต่เดียร์บอกพี่ไว้ก่อนนะคะว่าเดียร์ขี้หึงมาก” นรีกานต์เงยหน้าขึ้นและทำตาดุใส่ร่างสูง
“ข้อนั้นพี่รู้ดีค่ะ แต่เชื่อใจพี่เถอะ พี่ไม่มีวันรักผู้หญิงคนไหนได้อีกแล้วเพราะหัวใจพี่มันมีไว้ให้เดียร์คนเดียวเท่านั้นจ้ะ”
“เลี่ยน... สรุปเราเป็นแฟนกันแล้วใช่มั้ยคะ” นรีกานต์อมยิ้มขัดเขินแล้วมองสบตากับพิมพิกาที่ขยันส่งยิ้มหวานมาให้เธอ
“ค่ะ เราสองคนเป็นแฟนกันตั้งแต่ตอนที่เราบอกรักกันแล้วค่ะ” พิมพิกายิ้มหวานให้นรีกานต์มากขึ้นอีก เธอดีใจจนบรรยายไม่ถูกอยากตะโกนดังๆก็เกรงใจคนแถวนี้
“ขอจูบหน่อยได้มั้ยคะ พี่พิมขโมยจูบแรกของเดียร์ไปแล้ว พี่พิมต้องรับผิดชอบกับการกระทำของพี่พิมค่ะ” นรีกานต์ยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อพูดจบ
“เฮ้ย! รู้ด้วยเหรอ พี่คิดว่าเดียร์หลับอยู่ เอ่อ...พี่พิมขอโทษนะที่ฉวยโอกาส”
“เดียร์กำลังลงโทษพี่พิมอยู่นี่ไงคะ” นรีกานต์โอบรอบคอของร่างสูงและโน้มลงมาช้าๆ พิมพิกาเอนตัวลงมาตามแรงโน้มของนรีกานต์อย่างยินยอม
รสจูบที่หอมหวานช่วยทำให้สองหัวใจได้เชื่อมเข้าหากันมากยิ่งๆขึ้นเหมือนเส้นใยบางๆ แต่เหนียวแน่นกำลังถักทอความรักของทั้งสองสาวให้แปรเปลี่ยนเป็นสายใยเส้นที่เหนียวแน่นไม่ขาดออกจากกันไปง่ายๆ
ความรู้สึกที่ได้จูบคนที่เรารักมันดีอย่างนี้เองเหรอ สองหัวใจต่างเอ่ยคำว่ารักผ่านริมฝีปากได้รูปของทั้งสอง เสียงหัวใจที่เต้นจังหวะเดียวกันมีพลังดึงดูดให้หัวใจสองดวงหลอมรวมเป็นดวงเดียวกันในที่สุด
พิมพิกาถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง สองสายตาสบประสานกันนิ่ง หัวใจสองดวงกำลังสื่อสารและพูดคุยกันทางสายตา พิมพิกาส่งยิ้มให้นรีกานต์แล้วส่งความอ่อนโยนผ่านทางสายตาหวาน
“พี่รักเดียร์นะคะ”
“เดียร์ก็รักพี่พิมค่ะ” นรีกานต์ซบใบหน้าลงที่ไหล่ของพิมพิกา รอยยิ้มแย้มออกมาอย่างอุ่นใจที่อยู่ในอ้อมกอดของผู้หญิงคนนี้
‘อบอุ่นจัง อ้อมกอดคนรักของเรา รู้สึกปลอดภัยเหลือเกิน’
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น่ารักมากกกกกก