ตอนที่ 4 : ตอนที่ 3 ความรักก่อตัว
นรากรขับรถหรูไปตรวจงานที่สำนักงานขายอหังสาริมทรัพย์ไม่ว่าบ้านจัดสรรหรือทาวน์เฮาส์ในตัวเมืองและนอกเมืองล้วนอยู่ในเครือบริษัทบิดาเธอทั้งสิ้น
“คุณนิภาพรช่วยสรุปยอดขายมาให้ฉันด้วยนะ แล้วก็ขอกาแฟด้วยนะคะ” นรากรพูดจบก็เดินไปนั่งที่ห้องผู้จัดการดูแลฝ่ายขายของที่นี่ทันที
“ค่ะ คุณนรากร” นิภาพรรีบเดินไปทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว
“คุณดิว เชิญนั่งก่อนครับ” ผู้จัดการฝ่ายขายรีบเชื้อเชิญนรากรให้นั่งลงทันที
“งานที่นี่มีสะดุดบ้างมั้ยคุณสาธร โครงการของเราขายไปเกือบหมดหรือยังคะ” นรากรเอ่ยถามเรื่องงานทันทีที่นั่งเรียบร้อย เธอไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้เพราะรีบไปรับคนรักที่จะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมง
“ขายได้เกือบหมดแล้วครับ ทำเลที่เราก่อสร้างบ้านกลายเป็นแหล่งเศรษฐกิจแล้วครับคุณดิว ผู้คนจึงสนใจมากเป็นพิเศษ”
“นั่นแหละสายตาของคุณพ่อ ท่านมักมองการณ์ไกลเสมอ ฉันจะอยู่ที่นี่เพียง 5วันเท่านั้นนะคะ มีอะไรก็โทรมาได้ตลอดเวลาเลยนะคุณสาธร”
“ครับ ได้ครับ”
“ฉันจะออกไปธุระหน่อย ช่วยกินกาแฟแทนด้วยนะคะ รอนานมาก...”
พอพูดคุยเรื่องงานกับผู้จัดการเสร็จ นรากรก็ขับรถออกมาตามถนนสายหลัก มองวิวทิวทัศน์และบ้านเรือนของคนภาคเหนือ บ้านไม้สักที่รูปทรงคล้ายกันช่างมีเสน่ห์เสียจริง ระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินกับธรรมชาติอยู่นั้นมือถือเครื่องจิ๋วได้กรีดร้องขึ้นมา พอมองหน้าจอนรากรจึงรีบกดรับทันทีด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ถึงแล้วใช่มั้ยคะที่รัก” นรากรกรอกเสียงหวานให้คนโทรมายิ้มหวานตามไปด้วย
“ถึงแล้วค่ะ ดิวออกมารับฝนหรือยังคะเนี่ย ถึงไหนแล้วคะ”
“รอ 20 นาทีนะที่รัก เดี๋ยวดิวจะรีบไปค่ะ” นรากรรีบวางสายและตรงไปสนามบินเชียงใหม่ทันที เธอพยายามทำเวลาเรื่องงานแล้วนะเนี่ย ไม่ทันอยู่ดี เฮ้อ...
สาวสวยตาคมผิวขาวนั่งรอคนรักอยู่ที่เก้าอี้สายตาของหนุ่มๆที่มองมาทางเธอนั่น ช่างแพรวพราวยิ่งกว่าอะไร ฝนหรือภาวิณีคนรักของนรากร ผู้หญิงที่มีดวงตาคมสวย ที่จิกตามองครั้งใดเป็นต้องเสียวสันหลังทุกครั้ง นรากรมักจะรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที แม้สาวหล่ออย่างนรากรจะเจ้าชู้ไปหน่อยแต่มีเธอคนเดียวเท่านั้นที่เอาอยู่
“ฝนเหนื่อยมั้ยคะ” นรากรวิ่งมาหาร่างบางที่รออยู่ก่อนแล้ว ด้วยอาการหอบนิดๆเพราะรีบวิ่งมาอย่างเร็ว เธอกลัวคนรักรอนานแล้วพลาดโกรธเธอไปด้วยที่มาช้า
“ไม่เหนื่อยค่ะแต่หิวมากกว่า เราไปหาอาหารอร่อยๆกินกันก่อนนะ” ภาวิณีเดินไปควงแขนแฟนสาวหล่อของเธอพร้อมรอยยิ้มสวยน่ามอง
“ได้เลย...ที่รักอยากหม่ำอะไรเดี๋ยวดิวคนนี้จะจัดให้ทุกอย่างแต่ดิวขอหอมก่อนนะ คิดถึงฝนมากๆเลยค่ะ” นรากรโน้มตัวลงไปหอมแก้มใสของคนรักฟอดใหญ่
“พอใจหรือยังคะ ถ้าพอใจแล้วก็รีบไปเถอะค่ะ ฝนหิวจะแย่แล้วนะที่รัก”
“ยังไม่พอหรอก สำหรับฝนที่รักไม่มีคำว่าพอ คืนนี้ค่อยจัดเต็มนะที่รัก” นรากรยิ้มกรุ่มกริ่มให้ภาวิณีหน้าแดง ร่างบางตีแขนคนรักแก้เขินไปชุดใหญ่ สาวหล่ออมยิ้มแล้วแกล้งร้องโอดโอยแต่ก็มีเจ็บจริงบ้างเพราะฝ่ามือของอีกคนไม่เบาเลยจริงๆ (หึหึหึ คืนนี้ก่อนเถอะจัดหนักแน่ๆให้หมดแรงเลย)
“โอ๊ยๆเค้าเจ็บนะที่รัก ไปกินข้าวกันดีกว่า” นรากรรวบข้อมือบางของคนรักแล้วรีบพามาที่รถก่อนจะช้ำในตายไปซะก่อน เมื่อนั่งในรถร่างบางโผกอดคนรักทันที
“คิดถึงดิวมากเหมือนกันนะ” ภาวิณีฉกหอมแก้มนรากรและยิ้มอย่างเขินๆ
“ดิวรักฝนที่สุดเลย” นรากรวาดแขนไปกอดคนรักและจูบไปที่ริมฝีปากของภาวิณีอย่างอ่อนโยน เธอไม่ได้เจอภาวิณีเกือบสองอาทิตย์เพราะต่างงานยุ่งกันทั้งคู่
“อือออ... พอก่อนนะดิว ที่นี่มันในรถนะคะ”
“ไปต่อกันที่ห้องของเราก็ได้นะคะ”
“ทะลึ่ง” ภาวิณีอมยิ้มอย่างขัดเขินแต่ก็ไม่ได้เอ่ยห้ามปรามคนรัก
“ไม่ห้ามแสดงว่าโอเค งั้นดิวพาไปกินที่โรงแรมทีเดียวเลยดีกว่านะ” นรากรส่งยิ้มกรุ่มกริ่มให้ภาวิณีและออกรถไปทันที
บ่าย 3 โมงพิมพิกามารับนรีกานต์ตรงเวลาพอดี แต่ร่างบางยังไม่เดินออกมาจากห้องเรียน พิมพิกาจึงไปนั่งรอหน้าตึกคณะฯร่างสูงมองไปทางน้ำพุแล้วคิดถึงเมื่อตอนที่เธอยังเป็นนักศึกษา การเป็นเฟรชชี่ที่มีแต่รุ่นพี่มาคอยเอาอกเอาใจมันก็มีความสุขดีไม่น้อย คิดแล้วคิดถึงรุ่นพี่ที่สนิทกันจังเลยไม่รู้ว่าจะได้รวมตัวกันอีกเมื่อไหร่
“พิมใช่มั้ยเนี่ย“” เสียงทุ้มของชายหนุ่มดังมาจากด้านหลัง พิมพิกาหันไปมองและต้องเผยรอยยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ
“พี่เต้ย! มาทำอะไรที่นี่เหรอคะ” พิมพิการ้องทักรุ่นพี่ที่เคยสนิทกันในกลุ่ม
“พี่มาเป็นอาจารย์สอนที่นี่ ว่าแต่พิมเถอะมารอใครเหรอ” เต้ยถามรุ่นน้องคนสวยและนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับพิมพิกา
“มารอ เอ่อ...น้องสาวค่ะ จะว่าไปเราก็ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ร่างสูงจะบอกว่ามารอคุณหนูก็กะไรอยู่จึงบอกไปว่ามารอน้องสาวแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“นั่นสิ เออพิม... พี่ขอเบอร์หน่อยสิ วันก่อนพี่เจอแอร์ ถามหาพิมใหญ่เลยนะ”
“เหรอคะ พิมขอเบอร์พี่แอร์หน่อยสิพี่ ไม่รู้จะเปลี่ยนเบอร์ไปทำไมกันเปลี่ยนทีไม่มีแจ้งน้องนุ่งเลยอะ” พิมพิกาบ่นรุ่นพี่สาวเปรี้ยวของคณะนิติศาสตร์ ตอนนี้คงเป็นทนายสาวเปรี้ยวเข็ดฟันไปแล้วมั้ง
ระหว่างที่รุ่นพี่กับรุ่นน้องกำลังคุยกันเรื่องความหลังอย่างเมามัน นรีกานต์ก็ลงมาจากตึกแล้วถึงกับชะงักเท้า เธอยืนมองสองหนุ่มสาวที่นั่งคุยกันอย่างสนิทสนมอารมณ์หงุดหงิดจึงเกิดขึ้นมาอีกครั้ง สองขาจึงรีบก้าวเข้าไปหาทั้งสองทันที
“ขอโทษค่ะ” นรีกานต์เอ่ยเสียงดังทำให้การสนทนาหยุดลงเพียงแค่นั้น
“คุณเลิกแล้วเหรอ พี่เต้ย พิมขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวไว้ค่อยโทรคุยกัน” พิมพิกาหันไปมองนรีกานต์แล้วบอกลารุ่นพี่ทันที เพราะดูจากสีหน้านรีกานต์เธอไม่ควรชักช้า
“โอเคจ้ะ ไว้นัดทานข้าวกันนะพิม”
“ค่ะ ไปก่อนนะคะ” พิมพิกาส่งยิ้มให้รุ่นพี่โดยมีสายตาขุ่นมั่วของนรีกานต์มองอยู่
นรีกานต์มองหน้าพิมพิกาอย่างหมั่นไส้ ดูทำหน้าเข้าสิ ยิ้มนี่หวานเชียว หือ...แล้วเราเป็นอะไรเนี่ย ยัยพี่พิมจะยิ้มจะหัวเราะกับใครแล้วมันเกี่ยวกับเราตรงไหนนับวันเธอยิ่งมีอิทธิพลต่อหัวใจฉันมากไปแล้วนะ ฉันจะสลัดเธอให้หลุดยังไงดี...พิมพิกา
“คุณ! คุณเป็นอะไรหรือเปล่า กลับบ้านกันเถอะ” พิมพิกาสะกิดไหล่ของนรีกานต์ที่ยืนนิ่งขมวดคิ้วอยู่ที่เดิม
“ก็ไปสิแต่ไปซื้อของที่ห้างฯก่อนนะ ของใช้ฉันหมดน่ะ”
“โอเคค่ะ เชิญค่ะเจ้าหญิง” พิมพิกาเปิดประตูรถและยิ้มหวานให้นรีกานต์
‘คนบ้า ยิ้มแบบนี้ฉันก็แย่น่ะสิ โอ๊ย...ใจฉันจะเต้นแรงไปไหนเนี่ย’
นรีกานต์เบือนหน้าหนีไปนอกรถ จู่ๆเธอก็มีอาการร้อนผะผ่าวที่ใบหน้า หัวใจเต้นแรงและเร็วผิดจังหวะ
“ทำไมหน้าคุณแดงจังเป็นไข้หรือเปล่าเนี่ย” พิมพิกาเอื้อมมือไปแตะที่แก้มของนรีกานต์ ร่างบางสะดุ้งโหยงและขยับหนีจนติดประตู
“ทำอะไรน่ะ! คิดจะฉวยโอกาสกับฉันเหรอ” นรีกานต์ขยับไปชิดประตูรถและมองหน้าพิมพิกาอย่างไม่ไว้วางใจ
“อ้าว ก็จับดูว่าตัวคุณร้อนหรือเปล่า เห็นหน้าแดงๆนั่นๆแดงไปถึงหูเลย เอ๊ะ! หรือว่าเขินฉันคะ อ๊ะๆ แดงใหญ่เลย เขินแน่ๆเลยเนี่ย” พิมพิกาพูดจาหยอกล้อนรีกานต์จนร่างบางแทบแทรกแผ่นดินหนีเพราะมันคือความจริงทั้งนั้น
“ขะ เขินอะไร ฉันแค่ร้อน อากาศมันร้อนหน้าเลยแดง คิดมากไปแล้วเธอนี่นะ” นรีกานต์รีบหันหน้าหนีไปอีกทางเพราะเริ่มใจสั่นแปลกๆ ตอนนี้เธอรู้สึกหวั่นไหวมาก
พิมพิกาไม่พูดอะไรต่อขับรถไปเรื่อยๆจนมาถึงห้างฯดัง ร่างสูงลงจากรถแล้วรีบไปเปิดประตูให้นรีกานต์อย่างรวดเร็วตามหน้าที่ของเธอ
“ขอบคุณ” นรีกานต์พูดเสียงเบาแต่พิมพิกายังได้ยินเลยอมยิ้มอย่างพอใจ
“เอ่อเดียร์ พี่พิมเรียกคุณว่าเดียร์เฉยๆได้มั้ยคะ” พิมพิกาโผงพูดขึ้น ร่างบางชะงักไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าอย่างงงๆแต่ใบหน้าร้อนผะผ่าวไปทั้งหน้า เธอชอบนะที่อีกคนเรียกเธอแบบนี้มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
“ตามใจคุณสิ” นรีกานต์หันหลังกลับและแอบอมยิ้มอย่างพอใจ
“งั้นเดียร์ต้องเรียกพี่ว่าพี่พิม ไม่ต้องเรียกว่าคุณ โอเค๊“” พิมพิกาส่งยิ้มหวานให้นรีกานต์ ร่างบางรีบเดินหนีเพราะไม่อยากให้พิมพิกาเห็นสีของใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ คนบ้าจะขยันทำให้เธอเขินไปถึงไหนเนี่ย
“จะขยันทำให้หัวใจฉันเต้นแรงไปถึงไหนเนี่ย ฆ่ากันให้ตายเลยดีมั้ย.. พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยลูกด้วย ลูกจะหัวใจวายตายอยู่แล้ว” นรีกานต์บ่นพึมพำโดยลืมไปว่าพิมพิกาเดินตามหลังมาติดๆ คำพูดจึงลอยเข้าหูคนข้างหลังให้ได้ยิ้มกว้าง
‘แบบนี้สิค่อยมีลุ้นหน่อย อิอิ’
พิมพิกาอมยิ้มแล้วสำรวจร่างบางที่เดินอยู่ข้างหน้าอย่างละเอียดและดูจริงจังกว่าทุกๆครั้งที่ได้มองกัน
‘ดูๆไปยัยคุณหนูนี่ก็น่ารักเหมือนกันนะในเมื่อเธอเป็นคนเดียวที่ทำให้หัวใจฉันสั่นไหว เต้นผิดจังหวะแบบนี้ เธอก็ควรจะเป็นคนมาดูแลมัน หึน่าสนุกแฮะ แฟนคนแรกขอเป็นยัยคุณหนูนี่ก็แล้วกันนะ แต่มันคงไม่มีคนที่สองตามมาหรอก เธอมั่นใจ อิอิ’
พิมพิกาอมยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง เมื่อหัวใจสั่งมาก็จะจัดเต็มเลยละกัน
“เดียร์หิวมั้ยคะ เราแวะทานอะไรกันก่อนดีมั้ย”
“แต่มันเพิ่ง 4โมงเย็นเองนะ ฉะ เอ่อ...เดียร์ยังไม่หิวค่ะ ถ้าพี่พิมหิวพี่ก็ทานไปก่อน เดียร์จะไปเดินซื้อของทางนั้น” นรีกานต์ทำท่าเดินไปอีกทางพิมพิกาได้แต่เดินตามแล้วส่ายหน้า คิดจะจีบยัยคุณหนูคงไม่จีบแบบธรรมดาซะแล้วสิ สงสัยจะมีคนจีบเยอะแน่ๆปฏิเสธเก่งนักนะ คอยดูเถอะจะทำให้หงอเรียกพี่พิมคะ พี่พิมขาให้ได้เลย
“งั้นไปซื้อของแล้วก็กลับบ้านกันค่ะ” พิมพิการีบเดินไปลากรถเข็นมาทันที
นรีกานต์มองการกระทำของพิมพิกาที่วันนี้มาแบบแปลก ไม่ชวนเธอทะเลาะแถมยังเอาใจเธออีกหรือว่ามีแผนอะไรอีก ชักสงสัยนะเนี่ยแต่ขอตามน้ำไปก่อนแล้วกัน
“พี่พิมไม่ซื้อของบ้างเหรอคะ”
“ซื้อค่ะแต่ยังนึกไม่ออกว่าอะไรหมดบ้าง” พิมพิกาทำท่าคิด นรีกานต์มองหน้าร่างสูงและเผลอยิ้มออกมา ‘ทำหน้าตาซะน่ารักเชียว คนบ้า’
“เอ่อ...เดียร์ขอไปห้องน้ำแป๊บนะ พี่รออยู่แถวๆนี้ก็แล้วกันค่ะ” ร่างบางออกอาการประหม่าเล็กน้อยเมื่อเจอความน่ารักของอีกคนจึงต้องรีบไปหาที่สงบสติและจิตใจ
“โอเคค่ะ รีบไปรีบมานะเดียร์” พิมพิกากำชับนรีกานต์เธอห่วงความปลอดภัยของผู้หญิงคนนี้มาก ยิ่งคนเยอะๆแบบนี้ยิ่งน่าห่วง มิจฉาชีพก็เยอะด้วย
“ค่ะ” นรีกานต์รีบเดินไปห้องน้ำเพราะกลัวพิมพิกาเห็นว่าเธอหน้าแดง
พิมพิกาเดินไปหยุดอยู่ตรงโซนครีมอาบน้ำ แรงสะกิดที่หัวไหล่ทำให้เธอค่อยๆหันมามอง เธอมองหน้าผู้หญิงคนนั้นครู่หนึ่งก็เบิกตาโต
“พี่แอร์ เฮ้ย! วันนี้มีแต่เรื่องบังเอิญนะเนี่ย”
“อะไรพิม เจอหน้าพี่แอร์คนสวยทำไมต้องทำหน้าเหมือนเจอผีด้วย งอนนะเนี่ย” แอร์หรือแอรีน สาวลูกครึ่งไทย – อังกฤษทำหน้างอนกอดอกนิ่ง พิมพิกาเจอโหมดงอนของอีกคนจึงทำหน้าเหวอเล็กน้อย
“โอ๋ๆ พี่แอร์จ๋า น้องขอโทษ พอดีเจอพี่เต้ยแล้วคุยกันเรื่องเก่าๆ พี่เขาบอกว่าพี่แอร์ถามถึงพิมด้วย ไม่นึกว่าจะมาเจอกันที่นี่ไง หายงอนนะเดี๋ยวหน้าแก่ไม่รู้ด้วยนะคะ” พิมพิกาเขย่าแขนแอรีนอย่างออดอ้อนขอคืนดีเหมือนครั้งสมัยเรียนด้วยกัน
“เดี๋ยวเถอะ! ว่าใครแก่ยะ แล้วนี่มากับใครเนี่ยซื้อของตั้งเยอะแยะ”
“มากับน้องเดียร์ค่ะ” พิมพิกาส่งยิ้มหวานเอาใจรุ่นพี่คนสวย
“น้องเดียร์ไหนเหรอ” แอรีนขมวดคิ้วสงสัยเพราะไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน
“คนที่พิมเป็นบอดี้การ์ดให้อยู่น่ะ พี่แอร์มาทำอะไรคะ แล้วแฟนพี่ไปไหนปล่อยให้พี่มาเฉิดฉายอยู่คนเดียวเนี่ย”
“เบลล์เค้าไปดูหนังสือในร้านหนังสือ พอดีพี่เห็นพิมยืนอยู่ตรงนี้เลยเข้ามาทักทาย คิดถึงจัง” แอรีนโอบรอบคอพิมพิกาอย่างออดอ้อนและดีใจที่ได้เจอรุ่นน้องคนสวย
“ทำแบบนี้เดี๋ยวแฟนพี่ก็มาหึงพิมหรอกค่ะ” พิมพิกากอดเอวแอรีนตอบและยิ้มให้อย่างทะเล้นตามแบบฉบับของคนอารมณ์ดี
“หึหึ คืนนี้ไปเที่ยวกันมั้ย วินนี่มันเปิดผับใหม่ พี่กะว่าจะชวนเพื่อนๆในกลุ่มเราไปเที่ยวด้วย ไปนะพิม นะ นะ พี่คิดถึง” แอรีนซบไหล่ร่างสูงอย่างออดอ้อน
“คืนนี้เหรอ.. น่าสนุกนะแต่ยังไม่แน่ใจอ่ะ เดี๋ยวพิมโทรบอกอีกทีแล้วกันค่ะพี่แอร์” พิมพิกาก้มมองใบหน้าสวยของแอรีนในระยะประชิดจึงทำให้ดูคล้ายจะจูบกัน
“ก็ได้ๆ พี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวเบลล์รอนาน” แอรีนพูดจบก็ยื่นหน้าไปหอมแก้มรุ่นน้องคนสวยฟอดใหญ่เหมือนเช่นทุกครั้งตอนสมัยเรียนมหาลัย
“บายนะคะพี่แอร์” พิมพิกาส่งยิ้มหวานให้รุ่นพี่คนสวยหารู้ไม่ว่ามีใครแอบมองอยู่ไม่ไกลจากที่พวกเธอยืนนัก
นรีกานต์แอบมองพิมพิกาอยู่นาน.. ท่าทางการพูดคุยอย่างสนิทสนมทำให้เธอคิดว่าพิมพิกาต้องเป็นคนเจ้าชู้มากแน่ ตอนกลางวันพาผู้หญิงอีกคนไปทานข้าวแต่พอตกเย็นก็โดนสาวอีกคนหอมแก้มซะงั้น ทำไมเจ็บจี๊ดที่หัวใจจัง ไม่ชอบให้พิมพิกาเอาใจคนอื่นนอกจากเธอเลย เพราะอะไรกันนะ“ เธออยากรู้เหตุผลจังเลยว่าตอนนี้เธอกำลังเป็นอะไรกันแน่ นรีกานต์เดินเข้าไปหาพิมพิกาด้วยอารมณ์ขุ่นมัวอย่างไม่อาจปิดบังได้
“ซื้อของเสร็จยัง กลับบ้านเถอะ” น้ำเสียงติดเย็นชาของนรีกานต์ทำให้พิมพิกามึนงงเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าร่างบางตรงหน้าไปโกรธใครมา เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย
“ซื้อครบแล้วล่ะ กลับบ้านกันเลยก็ได้ค่ะ”
“รีบไปจ่ายเงินสิ ฉันจะไปรอที่รถ” นรีกานต์พูดจบเธอก็รีบเดินไปที่ลิฟท์ทันที โดยไม่ฟังเสียงห้ามของพิมพิกาเลยสักนิด
“มันอันตรายนะคะ เดียร์ โธ่เว้ย! เด็กดื้อ” ร่างสูงรีบเข็นรถไปที่ช่องคิดเงิน สายตามองตามนรีกานต์ที่หายเข้าไปในลิฟท์อย่างห่วงใย
นรีกานต์เดินมาถึงลานจอดรถชั้นใต้ดิน เธอยืนพิงรถและคิดถึงตอนที่พิมพิกาให้ความสำคัญกับคนอื่น พิมพิกาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของเธอนี่นา อยากให้มาดูแลเธอเพียงคนเดียวก็ไม่ผิดนี่ เธอคงไม่ได้ไปหลงรักยัยพี่พิมใช่มั้ย“
“ยืนคิดอะไรอยู่เหรอน้องสาวคนสวย ให้พี่ยืนเป็นเพื่อนนะ” เสียงชายหน้าเหลี่ยมหนวดเคลาเต็มใบหน้าพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มอันน่าขยะแขยง
“ไม่ต้อง! ไปไกลๆเลยนะ ไม่งั้นฉันจะเรียกให้คนช่วย” นรีกานต์มองรอบๆบริเวณลานจอดรถแต่ไม่มีใครเลยสักคน ใจเธอแทบหยุดเต้นเมื่อเจอผู้ชายหน้าโหดตรงหน้า
‘พี่พิมช่วยเดียร์ด้วย เดียร์กลัว’
“หึหึหึ เรียกไปเถอะ รปภ.มันไปเฝ้าพระอินทร์แล้วมั้ง เจอหมัดพี่เข้าไปถึงกับสลบเหมือดเลย” ชายหน้าเหลี่ยมมองนรีกานต์อย่างหื่นกระหาย วันนี้มันคิดว่ามันช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้เจอสาวสวยคนนี้ยืนอยู่คนเดียวในที่ลับตาคนแบบนี้
“แกต้องการอะไร เงินเหรอ อยากได้เท่าไหร่ก็เอาไปเลยแต่อย่าทำอะไรฉันนะ” นรีกานต์พูดเสียงสั่น ในใจภาวนาขอให้พิมพิกามาช่วยเธอได้ทันด้วยเถอะ
“เงินน่ะพี่ก็อยากได้นะแต่ว่าพี่ก็อยากได้น้องเป็นเมียด้วย อย่าขัดขืนพี่นะน้องสาว ไม่งั้นเจ็บตัวแน่” ชายหน้าโหดเดินไปรวบตัวของนรีกานต์ไว้ มันพยายามซุกไซ้ใบหน้าของมันไปที่ลำคอหอมกรุ่นของนรีกานต์
“กรี๊ด... พี่พิมช่วยเดียร์ด้วย กรี๊ด... ปล่อยฉันนะ” นรีกานต์กรีดร้องเสียงดัง ทั้งตบทั้งตีชายคนนั้นจนมันโมโหจึงชกหน้าท้องของนรีกานต์ ความเจ็บปวดทำให้เธอทรุดนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง น้ำตาไหลเป็นทางเพราะความเจ็บปวด นี่ถ้าเธอไม่ดื้อกับพิมพิกา เธอคงไม่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ‘พี่พิมช่วยด้วย’
“พูดดีๆไม่รู้เรื่อง ชอบให้ใช้กำลัง หึหึหึ มาสนุกกันดีกว่านะจ๊ะสาวน้อย” ชายหน้าเหลี่ยมแสยะยิ้มหน้าตาของมันตอนนี้บอกได้คำเดียว ‘หื่น’
“ฮือ ฮือ พี่พิมช่วยเดียร์ด้วย กรี๊ด...” นรีกานต์กรีดร้องขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมันก้มหน้าลงไปที่ซอกคอของเธอและพยายามฉีกเสื้อผ้าของเธอออก
“เฮ้ย!” แรงกระชากที่หัวไหล่อย่างแรงทำให้ชายคนนั้นเซไปอีกทาง
“โอ้...สาวสวย มามะ มาเป็นเมียพี่ทั้งสองคนเลยก็ได้นะ พี่รับไหวนะน้อง มามะ” ชายหน้าเหลี่ยมแสยะยิ้มพอใจที่เห็นรูปร่างหน้าตาของพิมพิกา
“เหรอคะพี่ขา เข้ามาใกล้ๆน้องอีกนิดสิคะ เดี๋ยวน้องจะทำให้พี่ถึงใจสุดๆเลยล่ะ” พิมพิกายิ้มหวานให้ชายหน้าโหดนั้นตายใจ มันยิ้มและเดินเข้าไปหาร่างสูงอย่างไม่รีรออะไรเลย พิมพิกาแสยะยิ้มอย่างพอใจที่คนร้ายเดินห่างออกมาจากนรีกานต์
“ถึงใจจริงๆเหรอคนสวย หึหึหึ พี่ชอบแบบถึงใจสุดๆเลยจ้ะ”
ทันทีที่มันเดินเข้าไปใกล้ พิมพิกาก็จับไหล่ทั้งสองข้างของมันและส่งยิ้มหวาน มันมองและยิ้มอย่างได้ใจและเลียริมฝีปากไปมา พิมพิกาฉีกยิ้มอีกทันใดนั้นเข่าน้อยๆของเธอก็ประเคนไปที่น้องชายของมันอย่างแรงทันที ใบหน้าบิดเบี้ยวของมันทำให้พิมพิกาแสยะยิ้มพอใจและก้าวไปยืนใกล้ๆ
ผลัก
อุ๊ก O[ ]O”
“นี่คือโทษที่แกกล้าแตะต้องผู้หญิงของฉัน ส่วนอันนี้สำหรับที่แกกล้าทำร้ายหัวใจของฉัน” พิมพิกาเตะไปที่หน้าท้องมันไปอีกหลายชุด พร้อมๆกับประเคนหมัดไปอีกชุดใหญ่เหมือนกัน
“ผมยอมแล้วครับจะไม่ทำอีกแล้ว อย่าทำผมอีกเลย อ๊าก...” ชายหน้าโหดกระอักเลือดออกมาพร้อมยกมือไหว้พิมพิกาอย่างกลัวตาย
“จำไว้นะ! ถ้าฉันรู้ว่าแกไปทำระยำกับผู้หญิงคนไหนอีกล่ะก็...แกตายสถานเดียว” พิมพิกาส่งสายตาเย็นยะเยือกไปให้ชายหน้าโหดได้ขนลุกซู่มันลนลานรีบวิ่งหนีไปทันที พิมพิการีบวิ่งไปดูร่างบางที่นั่งพิงรถอย่างหมดแรง หัวใจเธอแทบหยุดเต้นที่เห็นใบหน้าซีดเซียวของนรีกานต์ เธอไม่น่าปล่อยให้สาวน้อยของเธอออกมาตามลำพังอย่างนี้เลย
“เดียร์ลุกไหวมั้ย พี่ขอโทษนะที่ดูแลเดียร์ไม่ดี ค่อยๆลุกนะ” พิมพิกาพยุงร่างบางให้ค่อยๆยืนขึ้น ยิ่งมองเห็นฝุ่นเกาะตามร่างกายบอบบางใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อเพราะความเจ็บปวด ยิ่งทำให้พิมพิกาเจ็บปวดหัวใจ
“เดียร์ขอโทษที่ดื้อกับพี่พิม ฮือ ฮือ ฮือ เดียร์กลัวจังเลยค่ะ” นรีกานต์มองพิมพิกาอย่างสำนึกผิด เธอดีใจที่พิมพิกามาช่วยเธอไว้ได้ทันไม่งั้นเธอคงเจอเรื่องที่ร้ายแรงมากสำหรับชีวิตลูกผู้หญิงเลยก็ว่าได้ การที่มีเรื่องร้ายอย่างนี้เกิดขึ้น เธอก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ถ้าข่าวนี้รั่วไหลไปในวงสังคมอนาคตการเป็นหมอของเธอคงจบสิ้น
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคนเก่งของพี่พิม เรารีบกลับบ้านกันดีกว่านะคะ เจ็บท้องเหรอ” พิมพิกาก้มมองมือน้อยๆที่กุมหน้าท้องไม่ยอมปล่อยอย่างห่วงใย
“มันจุกและปวดไปหมดเลยค่ะ” นรีกานต์เบ้หน้าเจ็บปวดน้ำตาไหลพราก
“ค่อยๆลุกนะ อดทนหน่อยนะคนดี” พิมพิกาพูดอย่างอ่อนโยนก่อนลูบผมร่างบางเบาๆ พอปิดประตูรถร่างสูงรีบเก็บของและขับรถกลับบ้านทันที
ตลอดทางพิมพิกาหันไปมองร่างบางอยู่บ่อยครั้งเพราะกลัวอีกคนจะเจ็บหนักเมื่อรถจอดสนิทอยู่หน้าบ้าน ป้าทับทิมรีบเดินเข้ามากับเด็กรับใช้อีก 2 คน พิมพิกาก้าวเดินไปอีกฝั่งเพื่อเปิดประตูให้นรีกานต์โดยไม่ได้สนใจจะเอ่ยทักใครทั้งนั้น
“เดินไหวมั้ยคะ” พิมพิกาก้มตัวลงไปถามคนที่นั่งร้องไห้มาตลอดทาง
“เดียร์ลุกไม่ไหวเลยพี่พิม เดียร์เจ็บมากๆเลย ฮือ ฮือ...” นรีกานต์ทำหน้าเหยเกเบ้ปากจะร้องไห้อีกครั้ง เธอรู้สึกปวดร้าวไปทั่วบริเวณหน้าท้อง จะให้เธอนั่งตัวตรงก็ยังทำไม่ได้เลย เรี่ยวแรงก็ไม่มีสักนิด
“เดี๋ยวพี่พิมอุ้มเข้าบ้านนะ ป้าทับทิมคะ รบกวนเปิดประตูห้องของน้องเดียร์ให้พิมด้วยค่ะ เธอ 2 คนเอาของหลังรถลงด้วย” พิมพิกาจัดการทุกอย่างได้รวดเร็วและอุ้มนรีกานต์ไว้แนบอก นรีกานต์โอบรอบคอพิมพิกาแน่นเพราะกลัวตก
“คุณหนูเป็นอะไรคะคุณพิม” ทับทิมถามอย่างเป็นห่วงเพราะเห็นใบหน้าซีดเซียวของคุณหนูสุดที่รักแล้วอดห่วงไม่ได้
“อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ ป้าคะ พิมขอกระเป๋าน้ำร้อนด้วย ด่วนเลยนะคะ” พิมพิกาเดินไปจนถึงเตียงและค่อยๆวางนรีกานต์ลงอย่างเบามือ ใบหน้าของร่างบางยังขาวซีดเช่นเดิม น้ำตายังคงไหลออกมาที่หางตาเล็กน้อย
“พี่พิมว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า เดี๋ยวรอป้าทับทิมมาก่อนนะคะ” พิมพิกาจับมือของนรีกานต์เอาไว้แน่น มืออีกข้างคอยเช็ดเหงื่อตามไรผมให้ร่างบาง
“โอ๊ย! เดียร์เจ็บจังเลยค่ะพี่พิม” นรีกานต์งอตัวนอนบิดไปบิดมาอย่างทรมาน
“เดี๋ยวก็หายเจ็บแล้วนะ โธ่...เดียร์ พี่สัญญาค่ะว่าพี่จะไม่ให้เดียร์เจ็บตัวแบบนี้อีก พี่ขอโทษ” พิมพิกาก้มลงไปจูบหน้าผากชื้นเหงื่อของนรีกานต์เบาๆ หัวใจเหมือนถูกบีบรัดให้ทรมานมากขึ้น เมื่อเห็นร่างบางทรมานแบบนี้
“มาแล้วค่ะกระเป๋าน้ำร้อนมาแล้ว คุณหนูเป็นยังไงบ้างคะคุณพิม” ป้าทับทิมถามอาการคนที่นอนร้องไห้อยู่บนเตียงใบหน้าที่เจ็บปวดของนรีกานต์ทำให้ป้าทับทิมใจคอไม่ดี ตั้งแต่เล็กจนโตคุณหนูของเธอไม่เคยเจ็บหนักมาก่อน นี่มันเกิดอะไรขึ้นนะ
“เจ็บท้องนิดหน่อยค่ะ รบกวนป้าทับทิมช่วยเปลี่ยนชุดให้น้องเดียร์ด้วยนะคะส่วนที่เหลือพิมจะจัดการเองค่ะ”
“ได้ค่ะคุณพิม” ป้าทับทิมรีบไปหาชุดที่ใส่สบายมาให้คุณหนู พิมพิกาจึงเดินไปรอนอกห้องนอน นรีกานต์ได้แต่มองตามแผ่นหลังของพิมพิกาตาละห้อย
“เสร็จแล้วค่ะคุณพิม งั้นป้าขอตัวก่อนนะคะ”
“ค่ะป้า พิมดูแลคุณหนูเองค่ะ” พิมพิการีบเดินเข้าไปดูคนป่วยทันที
พิมพิการีบเอากระเป๋าน้ำร้อนมาวางไว้บนหน้าท้องเพื่อคลายความเจ็บปวด ผ่านไปครึ่งชั่วโมงนรีกานต์รู้สึกค่อยยังชั่วขึ้น เธอมองพิมพิกาที่คอยดูแลเธอไม่ห่าง พอมองใบหน้าสวยหวานนี้แล้วก็นึกถึงคำพูดที่พิมพิกาได้พูดออกไป ถึงเธอจะเจ็บปวดแค่ไหนแต่ในวินาทีที่ได้ยินหัวใจเธอนั้นเต้นระรัวเร็วมาก นรีกานต์ยิ้มบางๆให้พิมพิกา สายตามองสำรวจใบหน้าหวานไม่วางตา เธอชอบมองใบหน้าผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะเธออยากมองพิมพิกาทุกวันจะเป็นไปได้หรือเปล่านะ
“นี่คือโทษที่แกกล้าแตะต้องผู้หญิงของฉัน ส่วนอันนี้สำหรับที่แกกล้าทำร้ายหัวใจของฉัน”
“ยิ้มอะไรคะ หายเจ็บท้องแล้วเหรอ” พิมพิกาเอามือไปวางไว้ตรงหน้าท้องของนรีกานต์เบาๆและลูบไปมาคล้ายนวดคลึงให้คลายความเจ็บปวดแต่กลับสร้างความสยิวเสียวซ่านให้คนที่ถูกมือนุ่มสัมผัส
“ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ ขอบคุณนะที่ช่วยเดียร์ ถ้าพี่มาไม่ทัน เดียร์คง...”
“ชู่ว์...เรื่องมันผ่านไปแล้ว คิดเสียว่าเป็นฝันร้ายนะคะ แล้วอย่าดื้อกับพี่อีก รู้มั้ยว่าตอนที่เห็นเดียร์โดนทำร้ายแบบนั้น พี่รู้สึกเจ็บปวดมากนะ อยากเจ็บแทนเสียด้วยซ้ำ” พิมพิกาสบตากลมโตของนรีกานต์อย่างหวานซึ้ง ทอดมองด้วยแววตาที่สื่อความหมายมากมาย เธอแทบขาดใจเมื่อเห็นว่านรีกานต์ถูกไอ้บ้านั่นลวนลาม
“ทำไมล่ะคะ เพราะอะไรพี่ถึงอยากเจ็บแทนเดียร์”
“ไม่รู้สิคะ นอนพักผ่อนดีกว่าจะได้หายเร็วๆ” พิมพิกาดึงผ้าห่มคลุมให้ร่างบาง จะให้เธอบอกว่ารักตอนนี้คงไม่ได้หรอก มันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม
“ทำเป็นปากแข็งนะคนเรา พี่พิมอย่าคิดว่าเดียร์ไม่ได้ยินประโยคที่พี่พูดตอนอัดไอ้บ้านั่นนะคะ” นรีกานต์คว้ามือของพิมพิกาเอาไว้ เมื่ออีกคนกำลังจะเดินหนีออกไปจากห้องนอนของเธอ
“ดะ ได้ยินด้วยเหรอคะ” พิมพิกาตกใจใบหน้าแดงระเรื่ออย่างเขินอาย
“เสียงพี่ดังขนาดนั้นไม่ได้ยินก็หูตึงแล้วล่ะค่ะ คืนนี้พี่นอนเป็นเพื่อนเดียร์หน่อยนะ เดียร์ยังกลัวอยู่เลย นะคะ” นรีกานต์เปลี่ยนโหมดมาทำสายตาอ้อนพิมพิกาให้หัวใจสั่น ร่างกายร้อนวูบวาบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องกลัวอะไรนะคะพี่พิมอยู่ตรงนี้” พิมพิกามองสบตากับคนที่นอนส่งตาหวานมาให้เธออย่างชั่งใจก่อนตอบตกลง
พิมพิกาขอตัวไปอาบน้ำผ่านไปครู่ใหญ่เธอก็กลับมาหาคนป่วย ร่างสูงได้แทรกตัวผ่านเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกับนรีกานต์ ความอบอุ่นแผ่ซ่านทำให้หัวใจดวงน้อยค่อยๆคลายความกลัวลงได้อย่างน่าประหลาด
“กอดเดียร์หน่อยได้มั้ยคะ” นรีกานต์พูดเสียงแผ่วเบาอย่างเขินอาย เธอไม่คิดเลยว่าเธอจะกล้าขออีกคนอย่างนี้
พิมพิกาไม่ได้ตอบเพียงแค่อมยิ้มแขนเรียวยาวค่อยๆโอบกอดรอบเอวของร่างบางเอาไว้เบาๆอย่างทะนุถนอม ผู้หญิงคนนี้บอบบางจังเลย มีครั้งไหนบ้างนะที่จะเจ็บปวดอาการหนักแบบนี้ คงไม่มีหรอกลูกสาวคนเล็กที่ใครๆต่างพากันโอ๋และมอบความรักให้ ความดื้อรั้นทำให้เธอต้องมาเจ็บตัวอย่างนี้ ต่อไปนี้ฉันจะจัดการควบคุมความประพฤติของเธอเอง...นรีกานต์
ไม่ว่าผลลัพท์ของการกระทำจะเป็นยังไง ฉันยินดีดูแลเธอทั้งชีวิตไม่ว่าเธอจะผลักไสฉันไปไหน ฉันจะดื้อดูแลเธอแบบนี้แหละ มาดูกัน...ว่าใครที่ดื้อกว่ากันแน่ ฉันจะดูแลเธอด้วยหัวใจของฉันเลยคอยดูสิ
“หลับตาลงได้แล้วคนเก่ง ฝันดีนะคะ” พิมพิกากระซิบข้างหูร่างบางเบาๆและแตะริมฝีปากไปที่ใบหูของนรีกานต์แผ่วเบา
“ฝันดีเช่นกันค่ะพี่พิม” นรีกานต์หลับตาลงพร้อมรอยยิ้มที่แสนสุขในอ้อมกอดของคนที่ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงทุกครั้งที่ได้เจอ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พี่พิมกอดเดียร์หน่อยนะ ยังกลัวอยู่เลย
หวานๆๆๆ