[SF] +*+Baby Maybe+*+ - [SF] +*+Baby Maybe+*+ นิยาย [SF] +*+Baby Maybe+*+ : Dek-D.com - Writer

    [SF] +*+Baby Maybe+*+

    ...ฟิควาย เป็นคู่ที่คนแต่งชอบมากที่สุด แต่งเพื่อสนองตัณหาตัวเอง อิอิ...

    ผู้เข้าชมรวม

    297

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    297

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    2
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  18 ส.ค. 49 / 14:59 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      [SF] +*+Baby Maybe+*+  

      [KeitaXKeita]

       

       

                      คำทำนายบอกว่าผมจะพบรักแท้เมื่ออายุครบ17 แล้วหมอดูเขาบอกกับผมอีกว่าผมจะอยู่ได้ไม่เกินอายุ17 ไม่รู้ว่าผมเชื่อเรื่องดวงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ตั้งแต่นั้นมาคุณเชื่อไหมว่าผมมักจะได้เจอกับเลข17มาตลอดเลย.................

       

                      แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู้ยู~  แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู้ยู~”    ในผับซอย17นี้เพื่อนผม17คนกำลังร้องเพลงอวยพรในวันครบรอบอายุ17ปีของผม ซึ่งพวกผมเองก็ได้อยู่โต๊ะที่17ของร้านพอดี

                      อ้าวเป่าเทียนครบรอบอายุ17หน่อยสิเคต    อากิระเพื่อนที่อายุ17เท่าผมบอกผมอย่างร่าเริง อากิระยกเค้กส้มมาให้ผมได้เป่าเทียนสีส้มซึ่งมีเทียนปักอยู่17เล่มเรียงราย ผมยิ้มให้กับทุกคนก่อนที่จะก้มหน้าลงไปเป่าเทียนที่ว่านั่นด้วยความดีใจ นี่ก็เป็นอีกปีนึงที่ผมได้มาฉลองเลี้ยงวันเกิดกับเพื่อนๆที่ผมรัก รองจากพ่อแม่แล้วก็คนนั้นของผมทุกคนสำคัญกับผมหมดเลย ที่ร้านแห่งนี้มันยังเหมือนเดิมตั้งแต่ที่ผมได้มาฉลองตั้งแต่ผมอายุครบ15ปี นี่ก็ผ่านมาสามครั้งแล้วที่ผมมาฉลอง ทุกอย่างมันยังเหมือนเดิมจริงๆ แม้กระทั่งโต๊ะบาร์เทนเดอร์ตรงนั้น มันเป็นสิ่งดึงดูดผมมาตลอดเกือบสามปี

       

                      ในชีวิตของผม ผมมาที่นี่เพียงสามครั้ง โดยสามครั้งนี้ก็จะมีคนคนนั้นที่ผมแอบมองเขาอยู่เสมอ ผมได้เจอกับเขาเพียงสามครั้งเท่านั้น และแต่ละครั้งที่เจอกันมันทำให้ผมรักเขามากขึ้นมากขึ้นผมคิดว่ามันเป็นอย่างนั้นนะ

       

                      ชุดสูทสีดำที่ดูไม่ค่อยใช่บาร์เทนเดอร์สักเท่าไหร่มันช่างรับกับความสูงที่เขามีจริงๆ เขาจัดได้ว่าเป็นคนสูงคนนึงเลยทีเดียวตั้งแต่เท่าที่ผมเกิดมาในรอบ17ปีมานี้ เขามักจะชงเครื่องดื่มด้วยความสนุกสนานใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา มันทำให้เขาดูสดใสมากเลยล่ะ แต่ถ้าเวลาเขาใบหน้านิ่งเคร่งเครียดเอาจริงเอาจังแล้วล่ะก็มันจะทำให้เขาเท่ห์น่าหลงใหลไม่น้อย

       

                      จากตรงนี้ยังจุดที่เขายืนอยู่ ผมมองเห็นเขาไม่ค่อยชัด แต่ผมก็พอจะเห็นสีหน้าแสดงอารมณ์ของเขาได้เป็นอย่างดี ผมสังเกตทุกกิริยาการเคลื่อนไหวของเขา คนอะไรไม่รู้เท่ห์เป็นบ้า แต่เท่าที่ผ่านมาผมก็ได้แต่มองเขาอยู่แบบนั้นแหละ

       

                      ผมรุ้สึกว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ได้เจอเขา ผมอยากรู้ชื่อของเขาอย่างน้อยผมก็สามารถเพ้อออกมาเป็นชื่อของเขาได้

       

                      บาร์เทนเดอร์คนนั้นน่ะ ใครเหรอ?   ผมสะกิดถามฮิโรกิที่กำลังจะกรอกน้ำสีเหลืองอำพันเข้าปาก

                      คนไหน???   ฮิโรกิหันหน้ามาถาม ตอนนี้ใบหน้าหมอนี่เริ่มแดงหน่อยๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ฮิโรกิเพิ่งกินไปได้สิบกว่าแก้วเอง มันเหมือนว่าเขายังกินได้ไม่ถึงสองแก้วเลย หมอนี่ผมยอมรับเลยนะว่าคอแข็งเป็นบ้าเลยล่ะ

                      บาร์เทนเดอร์ที่ใส่สูทไม่เหมือนใครคนนั้นน่ะ ใครกันเหรอ?

                      อ๋อ..เคตะน่ะเหรอ?  ใครบอกว่ามันเป็นบาร์เทนเดอร์ล่ะ หมอนั่นน่ะจะบอกให้นะ    แล้วฮิโรกิก็ก้มหน้ากระซิบที่หูของผมเบาๆ    หมอนั่นน่ะเป็นโฮสประจำร้านต่างหาก    พอสิ้นเสียงกระซิบของฮิโรกิผมอึ้งไปสักพักหนึ่ง ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาผมเข้าใจผิดหมดเลยหรือนี่?? ว่าแต่คนๆนั้นเขาชื่อออกเสียงเหมือนผมเลยเนอะ ใจผมมันเต้นขึ้นมาดื้อๆเลยล่ะ น่าเสียดายที่ไม่น่าเป็นโฮสเลย ผมว่าอย่างเขาน่ะเป็นบาร์เทนเดอร์ยังจะเหมาะซะกว่า

                      แต่ทำไมชั้นไม่ค่อยเห็นเขารับแขกเลยล่ะ   ก็ผมสงสัยแบบนั้นจริงๆนะ

                      มันเป็นดาวของร้านน่ะ หาตัวจับยากใช้ได้เลยล่ะ ค่าตัวก็สูงแพงลิบลิ่วรอแต่คนกระเป๋าตังค์หนาเท่านั้นที่จะใช้บริการมัน ชั้นว่านะนายอย่าหาเรื่องใส่ตัวเลยดีกว่า   แล้วฮิโรกิก็หันไปคุยกับชินยะเพื่อนของผมอีกเช่นเดียวกันอย่างออกรส ผมไม่ได้สนใจใครในกลุ่มแล้ว ดูเหมือนว่าตอนนี้ผมจะเงียบอยู่คนเดียว ทุกคนสนุกกันหมด ผมก็สนุกนะแต่ผมขอไม่พูดหรือสร้างความเฮฮา ผมเลือกที่จะอยู่แบบนี้ ได้มองทุกคนมีความสุขผมก็ดีใจแล้ว มีแต่คนบอกว่าผมเป็นคนเงียบๆ แต่ผมว่าผมไม่ใช่หรอก ผมก็แค่ไม่อยากพูดถ้ามันไม่ถึงที่สุดแล้วจริงๆน่ะ

       

                      ผมได้มองไปที่หนุ่มขายตัวคนนั้นอย่างบ่อยครั้ง ผมไม่รู้หรอกว่าเขาจะรู้ตัวไหม ผมก็แค่อยากมองด้วยความรู้สึกที่ผมจะมี มันเป็นความพอใจของผม ถ้าเขารู้ก็แล้วไป เขาจะได้รู้ไงว่าผมน่ะแอบมองเขาอยู่ตรงนี้ตลอดเวลา ผมมันเหมือนคนโรคจิตใช่ไหมล่ะ? แต่ก็ช่วยไม่ได้เขาอยากมาทำตัวเด่นให้ผมมองทำไมล่ะ?

       

                      ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะ   ผมลุกขึ้นบอกกับทุกคน บางคนพยักหน้ารับรู้แค่นั้นแล้วผมก็ไป ออกไปห้องน้ำ ตอนนี้เคตะคนนั้นไม่ได้อยู่ตรงบาร์เทนเดอร์เสียแล้ว ไม่รู้ไปไหน อาจจะไปรับแขกก็ได้ แต่เมื่อคิดได้แบบนั้นผมก็รับไม่ค่อยจะไหวเหมือนกัน แต่ผมจะหึงไปก็เท่านั้นเขาก็ไม่ได้มองมาที่ผมอยู่ดีนั่นแหละ

       

                      ห้องน้ำทางเดินทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม ร้านนี้จะออกเป็นสไตส์ออกแนวคลาสสิคนิดหน่อย แล้วจะผสมความเป็นโมเดิร์นเข้าไว้มีกลิ่นอายย้อนยุคไปนิดๆ มันอาจจะเหลือเชื่อไปหน่อยที่จะมีรูปของจิตรกรเอกแปะอยู่ข้างฝาแล้วเซ็นต์กำกับว่าวาดให้ร้านนี้เท่านั้น

                      ผมเดินเข้าห้องน้ำโดนสายตายังเป็นไปตามสัญชาตญาณที่มองรูปตามทางเดินอย่างเพลินตา ผมอยากอยู่คนเดียวเงียบๆสักพัก มันเป็นอาการที่มักจะเกิดขึ้นเมื่อผมต้องอยู่กับเพื่อนมากคนแบบนี้ แล้วก็กลิ่นเหล้าของมึนเมาทั้งหลาย แล้วผมก็มาถึงห้องน้ำสวยหรูที่ผมเคยเข้าเมื่อปีที่แล้ว

       

                      เคตะ....เคตะหนุ่มบริการคนนั้น เขายืนอยู่คนเดียวในห้องน้ำ เขากำลังส่องกระจกเพื่อสำรวจอะไรนั้นผมก็ไม่รู้ ผมเข้าไปด้วยอาการที่บอกได้คำเดียวว่าตื่นเต้น ตอนนี้หัวใจของผมมันเต้นเหมือนจะล้นออกมาข้างนอกได้แล้วล่ะ

                      ผมยิ้มให้เขาผ่านกระจกด้านหลัง เหมือนเป็นการทักทายตามมารยาท แล้วเขาก็ยิ้มตอบกลับมา มันเป็นยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่ใช่อยู่ในผับนั่น มันเป็นรอยยิ้มที่ดูจริงใจมาก เล่นเอาผมเกือบละลาย

                      เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกเหรอครับ??    เขาพูดกับผมเมื่อผมเดินไปที่อ่างใกล้ๆเขา

                      ไม่ใช่หรอกฮะ ผมมาที่นี่ได้ครั้งนี้ก็ครั้งที่สามแล้วล่ะ ผมมาฉลองวันเกิด   ผมบอกพยายามไม่ทำให้น้ำเสียงฟังดูประหม่า แต่มันก็ดูควบคุมยากเหลือเกิน

                      งั้นก็แสดงว่าคุณโตขึ้นมากเลยนะครับ เมื่อครั้งแรกที่คุณมาผมยังเห็นคุณเป็นลูกลิงตัวน้อยๆที่ริเที่ยวกลางคืนอยู่เลย   เขาหันมายิ้มให้ผม อีกแล้วมันเป็นรอยยิ้มเพชรฆาต ผมไม่อยากมองอีกต่อไป ไม่แน่ถ้าผมมองนานกว่านี้ผมจะเข้าไปจูบเขาจริงๆนะ

                      งะ..งั้นเหรอฮะ.....ไม่ยักกะเห็นว่าคุณสังเกตเห็นผมด้วย

                      การสังเกตไม่จำเป็นให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ไม่ใช่เหรอครับ? ทีคุณมองผมเองผมยังไม่ค่อยจะรู้ตัวเลย   เขาบอกทำเอาผมอายไปหลายลี้ เขารู้ตัวมาตลอดงั้นเหรอว่าผมแอบมองเขาอยู่ แต่สีหน้าเขาดูเหมือนไม่สะทกสะม้านอะไรสักเท่าไหร่ ผมว่าหน้าตาอย่างเขาน่ะคงจะมีแต่คนมองเขาเป็นร้อยเป็นพันคนจนเขาเบื่อแล้วล่ะ

                      นั่นสินะฮะ ผมมันก็แค่อยากจะมองก็มองแค่นั้น มันเรื่องส่วนตัวที่ผมจะมองอะไรแล้วโดยไม่บอกคุณ มันไม่จำเป็นต้องบอกนี่ฮะว่าผมกำลังมองคุณอยู่ จริงอยู่ที่คุณพูดการสังเกตไม่เห็นจำเป็นเลยที่ต้องให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ แต่ถ้าเขารู้ขึ้นมามันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้....

                      คุณพูดเหมือนที่ผมคิดไว้เลยล่ะ ดูเหมือนว่าเราสองคนจะมองโลกเหมือนกันนะ   เขายิ้มมาให้ผมอีกแล้ว คนๆนี้มีรอยยิ้มเป็นอาวุธจริงๆ

                      คงจะอย่างนั้นแหละมั้งฮะ  ผมเงยหน้ามามองกระจกผมเห็นเคตะกำลังจะเดินออกไป ผมจึงตัดสินใจทำอะไรบางอย่างเพื่อตัวเอง

                      เคตะฮะ.....   ผมรู้สึกกระดากปากเมื่อต้องเรียกชื่อเขาซึ่งเหมือนกับว่าเรียกชื่อตัวเองยังไงไม่รู้ เคตะหยุดกึกที่หน้าห้องน้ำ เขาหันมาหาผมด้วยความสงสัย

                      ครับ?

                      เท่าไหร่??? ....เอ่อ...เคตะวันนี้ค่าตัวคุณเท่าไหร่? ถ้าเกิดว่ายังไม่มีคนกระเป๋าตังค์หนามาจองตัวคุณแล้วล่ะก็...คืนนี้...คืนนี้ผมขอซื้อคุณ ราคาเท่าไหร่บอกมาได้เลย   ผมบอกในสิ่งที่ผมคิดมาตั้งแต่ที่รู้ว่าเคตะเป็นโฮสตั้งแต่แรกแล้วล่ะ ดูเหมือนว่าคำพูดที่เตือนของฮิโรกิจะไม่ได้ผลสำหรับคนอย่างผม เรื่องอื่นน่ะผมให้ผมให้ได้แต่ถ้าเรื่องอย่างนี้ผมขอ...ผมขอสักครั้ง

                      ผมว่าผมไม่ได้หูฟาดไปใช่ไหมครับ? เมื่อกี๊ผมได้ยิน...

                      ใช่แล้วล่ะผมขอซื้อคุณ ถ้าเกิดว่ามีคนจองคุณด้วยราคาสูงวันนี้ผมขอตัวคุณด้วยราคาที่สูงกว่าคนพวกนั้นสองเท่า

                      ผมกำหมัดแน่นเหงื่อซึมไปทั่วฝ่ามือ ผมใจลุ้นระทึกกับคำตอบที่ผมจะได้จากปากเคตะ

       

                      เคตะเดินมาหาผมอย่างเชื่องช้า ใบหน้านั้นผมดูไม่ออกจริงๆว่าเขากำลังโมโหหรือว่ากำลังครุ่นคิดอะไรกันแน่?? ใบหน้านิ่งๆของเขาทำให้ผมคิดอะไรได้หลายอย่างเหลือเกิน

                      ผมไม่ได้หูฟาดไปจริงๆด้วย คุณต้องการซื้อผมในราคาที่สูงกว่าเดิม....แต่ผมบอกก่อนนะว่าค่าตัวผมมันไม่ได้ถูกๆอย่างเด็กๆแบบคุณจะซื้อผมได้

                      ผมไม่แคร์หรอกถ้าหากว่าจะต้องจ่ายหมดตัวของผมเท่าที่มีอยู่ คุณบอกมาเหอะว่าเท่าไหร่? จะไม่รับผมก็ไม่ว่าเพราะมันเป็นสิทธิของคุณเอง ถ้าเกิดว่าคุณคิดจะได้ไปปอกลอกป้าแก่ๆที่ซื้อคุณอีกผมก็ไม่ว่า   คราวนี้ผมเหงื่อออกมากกว่าเดิม เพราะว่าคำพูดที่พูดออกไปมันค่อนข้างจะแรงไปสักหน่อย มันเหมือนว่าผมจะถือไพ่เหนือกว่าเคตะแต่เปล่าเลย เคตะต่างหากที่ถือไพ่เหนือกว่าผม

                      ต้องการตัวผมจริงๆงั้นเหรอ?....คุณไม่เสียใจทีหลังนะ

                      ไม่เลย ผมว่าผมตัดสินใจได้ดีแล้ว

                      งั้น................ค่าตัวของผมก็ฟรี   พอจบคำพูดผมอึ้งไปเล็กน้อย ผมมองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อสายตา แล้วเคตะก็ยิ้มให้ผม

                      ผมไม่เข้าใจ....

                      ในกรณีของคุณผมคิดให้พิเศษคือฟรีไงล่ะ ถ้าเกิดไม่เอาก็ได้นะ

                      เอาสิ!! ยังไงว่ามาเลย....

       

                      แล้วเคตะเขาก็เดินเข้ามาคว้าเอวของผมกอดกับร่างของเขาแน่น

       

                      ก่อนอื่น......ก็ต้องออกไปจากที่นี่ยังไงล่ะ.....     แล้วเขาก็พาผมเดินออกไปจากผับนั่นโดยไม่สนใจผู้คนอีกเลย..................

       

      .................................................................

      .....................................

      ....................

      .......

      .

       

                     

                      ลมที่เกิดจากการนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์คันหรูมันพัดเช้ามาปะทะหน้าผมอย่างจัง ผมต้องหรี่ตาลงด้วยความเมื่อยล้าที่จะลืมตาต่อสู้กับลมดังกล่าว ตอนนี้ผมกำลังกอดกับแผ่นหลังของเคตะไว้แน่น ร่างกายของเขากอดแล้วอบอุ่นที่สุดเลยยิ่งกอดยิ่งหลงใหล มันทำให้ผมถอนตัวไม่ขึ้นจริงๆ แล้วเขาก็พาผมมายังโรงแรมม่านรูดหรูๆแห่งหนึ่ง

                      ผมกับเขาไม่ได้พูดอะไรกันเลยจนกระทั่งเขาเช็คอินเข้าโรงแรม แล้วตอนนี้ผมกับเคตะก็อยู่ด้วยกันสองคนที่ห้องตามลำพัง..............

       

                      นายชื่ออะไรล่ะ? เรายังไม่ได้รู้จักกันเลยนะ ดูเหมือนว่าผมจะเป็นผู้ถูกรู้จักเพียงฝ่ายเดียว   เคตะเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ เขาเริ่มที่จะคลายสูทตัวนอกออก เนคไทที่ใส่ไว้อย่างดีเมื่อกี๊มันได้พาดไว้อย่างหลวมๆที่คอของเขา มันทำให้เขาดูเท่ห์ขึ้นมาอีกแบบ

                      ฟุรุยะ เคตะ อายุ17ปี   ผมบอกไปดูเคตะสีหน้าแปลกใจไม่น้อย

                      ชื่อเราออกเสียงเหมือนกันเนอะ ดีใจจังที่ได้เจอคนชื่อเหมือนกันด้วย   เคตะคิดแบบผมเลยทีเดียว แต่ผมก็ได้แต่นั่งนิ่งบนเตียง มองเขาถอดสูทข้างนอกออกเสร็จสรรพแล้วก็จะถอดเสื้อตัวในออก

                      ผมว่า....เอ่อ เคตะคุงครับ ผมไม่ต้องการแบบนี้

                      อ้าว..ที่นายซื้อตัวผมมาไม่ได้ต้องการแบบนี้งั้นเหรอ?  ขอโทษนะถ้าถามออกไปตรงๆแต่จะบอกอะไรอย่างนึงผมไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายเสียด้วยสิ คิดไม่ออกเลยว่าจะทำยังไง   เคตะยิ้มดูแล้วอ่อนโยนมาให้ผม

                      ถึงได้บอกไงฮะว่าผมไม่ต้องการแบบนี้ ก็แค่ซื้อตัวเคตะให้มาอยู่กับผมแบบอิสระไม่ต้องไปรับจ้างมีอะไรกับใครซึ่งเป็นสิ่งที่เคตะต้องทำทุกคืน มันไม่เหนื่อยเหรอฮะ? ผมก็แค่อยากให้เคตะได้พักผ่อนบ้างก็แค่นั้น  

                      ขอบคุณที่เป็นห่วงผมนะเคจัง งั้นผมก็จะอยู่เป็นเพื่อนเคจังแบบนี้แหละ ทั้งคืนเลยดีไหม?

                      ขอบคุณฮะ!!”

       

                     

       

                      หลายครั้งที่สายตาผมจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าอันคมคายของเคตะ แล้วก็มีหลายครั้งอีกเช่นกันที่เคตะเขามองผม ผมว่าผมอายนะที่เขามองผม ผมชอบที่จะมีโอกาสได้มองเขามากกว่า

       

                      อายุ17แล้วงั้นเหรอ? แต่ผมว่านะเคจังเหมือนเด็กอายุ15อยู่เลยอ่ะ ตัวเล็กๆแบบนี้น่ากอดจังนะ    เคตะพูดประโยคนี้ออกมาทำเอาผมเขินไปหลายตลบเลยทีเดียว ไอ้ที่ว่ากอดน่ะอยากให้กอดอยู่หรอกเคตะคุง

                      ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งฮะ ตัวเล็กแห้งๆแบบนี้จะกอดอุ่นได้ยังไงกันล่ะ

                      ได้สิ ถ้าผมกอดซะอย่าง   เคตะว่าพร้อมกับส่งสายตาที่ผมเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเขาต้องการที่จะแสดงถึงอะไร ผมได้แต่เบือนหน้าหนี เพราะไม่อยากมองเขามากไปกว่านี้ มันทำให้ผมใจเต้นยิ่งกว่ากลองซะอีก

                      แหะๆ   แล้วผมก็ลุกจากโซฟาเดินออกไปรับลมตรงระเบียง ผมไม่กล้าอยู่อย่างนี้นานหรอกฮะ มันจะทำให้ผมหัวใจวายตายเอา

                      มาอย่างนี้ไม่หนาวบ้างเหรอครับ?   เคตะเดินมาแล้วกอดผมจากข้างหลัง ผมไม่รู้ว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เขาก็กอดผมแล้วอ่ะนะ

                      ไม่นี่ฮะ ผมก็แค่อยากรับลมแค่นั้นเอง

                      เห็นไหมว่าตัวเคจังกอดแล้วอุ่นจริงๆด้วย    แล้วเขาก็กระชับอ้อมแขนมากขึ้น ผมทำอะไรไม่ถูกแล้วจริงๆนะตอนนี้ มันอายไปหมดเลย

                     

                      แล้วผมกับเขาก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย ผมมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนของโตเกียว ตอนนี้คงจะเป็นเวลาราวๆตี1 มันก็ยังเงียบ....  แต่ทว่าแสงสีของเมืองก็ไม่ได้ลดลงเลย มันยังคงประดับเมืองนี้ให้สวยและโดดเด่นอยู่เสมอ ผมชอบนะแบบนี้มันดูแล้วรู้สึกเพลินตาพิลึก

       

                      เคจัง.....รู้ไหมว่าวันนี้กรุงโตเกียวสวยที่สุดเลยนะ

                      ไม่เห็นรู้มาก่อนเลยนี่ฮะ

                      งั้นเหรอ? สงสัยเคจังไม่เคยสังเกต เหมือนชั้นไงที่เคจังไม่เคยสังเกตเลย    สิ้นประโยคผมหันมามองที่เคตะทันที ตอนนี้เขาจับสายตามองมาที่ผม สายตาที่เหมือนวิงวอนปรารถนาอะไรสักอย่าง ผมไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไรผมได้แต่เลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม

                      ผมไม่เข้าใจ....

                      นั่นสินะ เพราะชั้นไม่เคยบอกไง................รู้ไหมเคจัง?  นายไม่ได้เป็นฝ่ายมองชั้นคนเดียวนะ   ชั้นเองก็มองนายเหมือนกัน มองมาตลอดสามปี ชั้นเห็นนายตลอดสามปี ตรงข้ามกับนายที่เห็นชั้นเพียงปีละครั้ง......

       

                      คราวนี้ร่างกายผมเริ่มชา ประสาทผมเริ่มตีกัน บวกกับความสับสน อะไรกัน? เคตะมองผม? เขามองผมด้วยเหรอ? ผมยิ่งงงไม่เข้าใจ

                      เอ่อ....ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมฮะ?

                      เคตะสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะตอบคำถามผม   ตอนนี้ร่างของผมและร่างของเคตะกำลังแนบติดกันแน่น เหมือนกำลังขาดความอบอุ่น (ก็ขาดความอบอุ่นจากเคะไง)

                      ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ  เคจังไม่ได้มองผมคนเดียวนะ  ผมเองก็มองเคจังด้วยเหมือนกัน....ตั้งแต่วินาทีที่เคจังก้าวเท้าเข้ามาในผับนั้นมันทำผมดึงดูด ผมมองเคจังคนเดียวมาตลอด...ตลอดจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้ว่าโดนเคจังมองกลับมา มันทำให้ผมดีใจมากเลยรู้ไหม? แต่เคจังน่ะเห็นผมแค่ปีละครั้ง แต่ผมมองเห็นเคจังตลอดเวลาเลยล่ะ    เคตะบอกยิ้มๆ

                      แล้วทำไมผมไม่เห็นเคตะเลยล่ะ?

                      ก็เพราะว่าเคจังไม่ได้เห็นผมในฐานะที่เห็นอยู่ตอนนี้ไง  ผมมาในฐานะอื่น

                      แล้วฐานะอื่นนี่คือฐานะอะไรกันล่ะ?

                      รุ่นพี่ในมหาลัยไงล่ะ   คราวนี้ผมอึ้งพูดไม่ออกเลยฮะ มิน่าล่ะผมถึงคุ้นๆชื่อเคตะเหมือนกัน แต่คิดว่าคงไม่ใช่ ที่โรงเรียนของผมมีมหาลัยด้วยฮะ แบบว่าเป็นศูนย์การศึกษาครบวงจร

                      งะ..งั้นเหรอ?  ผมไม่เคยเห็นรู้มาก่อนเลย   ผมก้มหน้าไม่ยอมสบตาเคตะ

                      งั้นก็รู้ไว้ซะนะ เด็กดี  

       

                      เคตะเชยคางของผมขึ้นมา   แล้วเขาก็ก้มจูบผม............

       

                      มันเป็นจูบแรก และอาจจะเป็นจูบสุดท้ายในชีวิตของผมแล้วก็ได้  ผมร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ ทั้งเรื่องที่เคตะใจตรงกับผม แล้วเรื่องที่เขาแอบมองผมเช่นกัน ผมไม่เคยรุ้ตัวเลยมันเป็นเรื่องที่น่าเซอร์ไพร์สมากๆ สำหรับความรักของผม

                      เคจังเป็นอะไรครับ? ทำไมร้องไห้แบบนั้นล่ะ?

                      ไม่เป็นไรหรอกฮะ ก็แค่ดีใจ ผมดีใจเท่านั้นเอง

                      แล้วผมก็ซบกับอกแผ่นกว้างของเคตะ ผมร้องไห้ด้วยความดีใจอยู่อย่างนั้น โดยมืออันอบอุ่นก็ลูบหัวปลอบใจผมตลอดเวลา มันทำให้ผมรู้ว่าความสุขของผมมันได้เริ่มแล้ว

       

       

                      ดึกแล้ว..ไปนอนซะนะ    ผมพยักหน้ารับคำอย่างง่ายดาย ผมก็รู้สึกง่วงๆแล้วเหมือนกันแหละ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าอยากนอนมากที่สุด

                      ฮะ  เคตะไปนอนกับผมด้วยนะ

       

                      แล้วผมก็ลากเคตะไปที่เตียงด้วยกัน เสื้อผ้าไม่ต้องเปลี่ยนแล้ว ผมอยากนอนแบบนี้แหละ เคตะมองผมเหมือนผมเป็นเด็กๆงั้นแหละ แล้วผมก็ล้มตัวลงนอนคนแรกเลย ตามด้วยเคตะที่ล้มตัวตามมา ระหว่างที่อริยาบทไร้เสียงนี้สายตาของเคตะจับจ้องแต่ใบหน้าผมตลอดเวลา

                      กอดผมแน่นๆด้วยนะฮะ   ผมสั่งเขาเหมือนเด็กเอาแต่ใจ แต่เขาก็ทำตามคำพูดของผม แล้วผมก็ขยับตัวเข้าหาเขาแล้วเขาก็กอดผม... เป็นกอดที่อบอุ่นมากสำหรับผม

       

                      ผมรักเคตะนะฮะ   นี่คือประโยคสุดท้ายที่ผมบอกกับเคตะ ก่อนที่จะพริ้มตาหลับลงไป

                      ผมก็รักเคจังเหมือนกันครับ   แล้วผมก็รับรู้ได้ถึงริมฝีปากที่เปียกชื้นมาสัมผัสกับหน้าผากของผม เขากำลังมอบไนท์คิสให้ผม

       

                      Good Night  ฮะ เคตะ.....................

       

       

                      ....รุ่งเช้า....

       

                      รอยยิ้มยังปรากฎบนใบหน้า แต่ทว่าตอนนี้ร่างนี้ได้ไร้วิญญาณไปเรียบร้อยแล้ว

       

                      เคตะน้อยหัวใจวายเฉียบพลันในอ้อมกอดเคตะผู้เป็นที่รัก

       

       

       

       

                      คำทำนายบอกว่าผมจะพบรักแท้เมื่ออายุครบ17 แล้วหมอดูเขาบอกกับผมอีกว่าผมจะอยู่ได้ไม่เกินอายุ17 ไม่รู้ว่าผมเชื่อเรื่องดวงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ตั้งแต่นั้นมาคุณเชื่อไหมว่าผมมักจะได้เจอกับเลข17มาตลอดเลย.................

       

       

      ***---THE   END---***  

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×