ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Cursed Fox จิ้งจอกต้องสาป[Ragnarok Fanfiction]

    ลำดับตอนที่ #11 : เซเฟอร์

    • อัปเดตล่าสุด 4 มี.ค. 51


    บทที่11 เซเฟอร์

    เป็นเช้าที่ไม่มีอะไรทำอีกหนึ่งวัน เสียงจ๊อกแจ๊กคุยเล่นกันประสาเพื่อนดังท่ามกลางโต๊ะอาหาร หลังจากทานอาหารเช้าทุกคนก็แยกย้ายกัน ก็เลยมีแต่ตอนนี้ละมั้งที่คุยกันได้ ทุกคนเลยคุยกันอย่างสนุกสนาน กาโม่เดินไปสะกิดปราชญ์สาวเล่น “ไฮแอท ร้องเพลงให้ฟังหน่อยซิ”

    “เอ๋?” ไฮแอททำหน้าเหลอหลา

    “จริงด้วยๆ” นัทยิ้มเริงร่า ก่อนจะเข้ามาสมทบพี่ชายเธอ “2ศึกที่ประสบผลสำเร็จ พี่ไฮแอทร้องฉลองทีนะคะ”

    “แต่ฉัน...” ไฮแอทหน้าแดง ที่เธอกล้าร้องแบบนั้นเพราะไม่มีคนรู้จัก แต่ต่อหน้าเพื่อนๆ.....

    “ร้องซิ...” เอคเซลยิ้ม สายตาเธอฉายแววอ่อนโยนเชิงว่าเพื่อนของเธอทำได้อยู่แล้ว

    “คุณไฮแอทชอบร้องเพลงหรอคะ?” ฮารูมิรีบถาม “ดีเลย ส่วนฉันชอบฟังคนอื่นร้องค่ะ” เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนนั่งเล่นในครัว และฟังแม่บุญธรรมเธอร้องเพลงให้ฟังระหว่างปรุงอาหาร

    “เธอร้องเพลงเปิดหมวกนะครับ” กาโม่ยิ้ม “ได้ยินแล้วอึ้งเลย ถ้าไม่ไปเจอคงไม่รู้เรื่อง”

    “เก่งแล้วอุบเงียบ ต้องร้องให้ฟังเป็นการไถ่โทษ!!!” คอนวี่แกล้งโวยวายจนไฮแอทจำนน เธอพยักหน้าเบาๆ ทุกคนก็เฮกันลั่น

    “หัวโต๊ะเลยจะได้ได้ยินกันหมด” สนอร์รี่เสนอ “ไม่มีเวทีนี่นา” ก่อนเธอจะทันได้เถียง ทุกคนก็ลากเธอไปไว้ที่หัวโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะไปนั่งจุ้มปุ๊กรอเธอร้องเพลง เธอยิ้มอย่างนึกตลกการกระทำทุกคน เอาเถอะ ทำถึงขนาดนี้ถ้าเธอจะไม่ร้องก็คงจะไม่ได้เสียแล้ว...

    เธอหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะขับกล่อมเพลงที่แสนไพเราะช้าๆแต่ต้องมนต์ ทำนองที่รื่นหูกับภาษาประหลาด ถึงจะไม่เข้าใจความหมายแต่ฟังแล้วไพเราะเหลือเกิน ไฮแอทเก่งเหลือเกิน ไม่ใช่แค่เลือกเพลงที่เข้ากับเสียงหวานๆของเธอ แต่ช่างไพเราะเหลือเกิน โดยเฉพาะท่อนกระซิบที่ได้ยินเบาๆ

    ...อดีต..ความเศร้า...ความสุข...น้ำตา...หัวใจ...ชีวิต....

    เพลงที่ทำนองรื่นหูแต่พอฟังแล้วอดเศร้าลึกๆ ไม่ได้ ทันทีที่จบเพลง ก็มีเสียงปรบมือรัวจากพ้องเพื่อน

    “ฉันชอบร้องเพลงน่ะค่ะ... ไม่ว่าตอนไหน อารมณ์ไหน ก็ร้องเพลงได้ และเพลงก็ทำให้เกิดเรื่องน่ายินดีกับชีวิตนะคะ....” ไฮแอทหัวเราะเขินๆ ที่อยู่ๆก็พูดสาเหตุที่เธอชอบร้องเพลง “ขอโทษนะคะ ที่ไม่เคยบอก คิดว่าไม่สำคัญน่ะค่ะ และอีกอย่าง กลัวจะดูเหมือนฉันขี้อวดด้วยน่ะค่ะ...”

    “คิดแบบนั้นได้ไง ต้องร้องอีกเพลงเลย โทษฐานมองพวกเราแบบนั้น” ฮารูมิหัวเราะ ทุกคนเห็นด้วย ไฮแอทหัวเราะเบาๆเช่นกันกับการหาเรื่องฟังเพลงต่อของเพื่อน แล้วเธอก็ร้องเพลงอีกครั้ง...

    ....หลังจากนั้น สองพี่น้องตัวแสบ นัทจี้กับโมจี้ (เอ๊ะ?) ก็ลากเธอไปหาที่ร้องเพลงทำเงินจนเธอเกือบหมดแรงตาย... สู้ต่อไป ไฮแอท!


    “ลา...ลา...ลา....” คอนวี่ฮัมเพลงสลับกับร้องเพลงที่ไฮแอทร้องไว้ พลางใช้ผ้าพันแผลมาพันมือเธอ ฮัมเพลงไปมองบาดแผลไป เธอพันผ้าช้าๆ เรื่อยๆ จนกระทั่งถูกทัก

    “ไปโดนอะไรมาน่ะ” หนุ่มผมดำเอ่ยถามทำเอาเด็กสาวตกใจ ผ้าพันแผลหลุดจากมือจนที่พันไว้ก็หลุดลุ่ยไม่พอ ยังอุส่าตกเตียงอีก ในห้องนอนเธอ แต่หนุ่มคนนี้เข้ามาเนี่ยนะ!!

    “...อ๋อย...” ทั้งที่นอนหมดสภาพจนผมยุ่งเหยิงยังอุส่ามองมือซ้ายที่เคยเป็นมัมมี่ แต่ชายหนุ่มต้องตกใจเมื่อใต้ผ้าพันแผลที่พันไม่เสร็จนั้นมีแผลเป็นทางยาวจากหลังมือถึงกลางแขน

    “เฮ้ย!! ทำไรมา!!!” แอดดิคตกใจกับสภาพแผลก่อนจะรีบเดินไปคว้าผ้าพันแผลที่ยังสะอาดในกระปุกผ้าพันแผลมาพันให้ คอนวี่มองชายหนุ่มอย่างอายๆ เธอยิ้มแต่ไม่ตอบ “บอกมาซิ!!”

    ดวงตาสีทองอำพันจ้องเด็กสาวเชิงตำหนิ เธอถอนหายใจก่อนจะตอบ “มีดบาดน่ะ...”

    “ทำอิท่าไหนเนี่ย...” ชายหนุ่มส่ายหน้าพลางเกี่ยวตะขอ “รัดข้อล่ะ?”

    “โดนบาดก็ถูกหั่นขาดไปแล้ว...” คอนวี่แจงให้ฟัง

    “ที่แขนขวาเธอล่ะ มีตั้งสองอันไม่ใช่หรอ...” เขาชี้ไปที่แขนของเธอ ปกติเครื่องแบบนี้จะมีรัดข้อที่ข้อมือทั้งสองข้าง แต่เธอมีอีกอันหนึ่งที่ต้นแขน

    “ปิดแผลเป็นน่ะ....” คอนวี่ยิ้มให้เหมือนเฉยๆ แต่มือซ้ายกลับคว้าแขนแล้วบีบแน่นเหมือนไม่อยากให้ถูกสนใจ

    “ตอนเด็กๆ บุกป่าซนจนเป็นแผลซินะ” แอดดิคพูดเพราะไม่อยากจะติดใจอะไรมาก หากเจ้าตัวไม่อยากบอก

    “เปล่าหรอก ครั้งแรกที่....ใช้มีดสู้โพริ่ง... แล้วเด้งกลับมา ตอนนั้นเผลอกำมีดหลวมๆน่ะเลยปาดเฉี่ยวๆ ถึงไม่ลึกมากก็เป็นแผลเป็นที่น่าอาย...” เธอก้มหน้าลงซ่อนใบหน้าแดงก่ำจากความอาย “ตลกใช่มั้ย จะขำก็เชิญ...”

    “ไม่ขำหรอกน่า” แอดดิคยิ้มพลางเก็บของใส่ตู้ยา คอนวี่พิจารณาชายหนุ่มเงียบๆ

    “ว่าแต่ อย่าบอกนะว่าที่บุกห้องนอนฉันเนี่ย...” เธอจ้องเขาเขม็ง “เพราะไม่เห็นลงไปทานซักทีเลยขึ้นมาตาม”

    “ถ้าใช่แล้วผิดหรอ?” แอดดิคยิ้มอย่างเอ็นดูเด็กสาว สงสัยเห็นเพื่อนมีน้องสาวเลยอยากมีไว้ดูแลบ้าง คอนวี่ยิ่งเขินหนักกว่าเดิมเพราะเขา “ถ้าไม่ทานเดี๋ยวผอมนะ...”

    “ก็ดี จะได้ไม่อ้วน” คอนวี่แลบลิ้นใส่ แอดดิคอ้าปากจะเฉ่งเด็กสาวก็โดนเธอเอานิ้วแตะริมฝีปาก “อ๊ะๆๆๆ ทานค่ะ แต่จะไปทานนอกวังน่ะ คิดถึงอาหารชาวบ้าน เบื่ออาหารวังยังไงก็ไม่รู้ พูดแล้วนึกถึงตอนล่าสัตว์ กับถลกหนังสัตว์กับพี่แมทจังเลย ตอนลูนาติกค่อยๆถูกเลาะแผ่นขนสีขาวไปขาย...” เธอนึกถึงช่วงเวลาอันแสนประทับใจด้วยรอยยิ้มบางๆ (??)

    “โหดร้าย!!!” แอดดิคเสียวสันหลังวูบ ดวงตาสีทองฉายแววหวาดกลัว ภาพคนตรงหน้าถลกหนังสัตว์ที่แสนน่ารักลงคอ ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก

    “ตอนเด็กๆจำเป็นนี่นา หนังลูนาติกทำได้ทั้งรองเท้า ทั้งผ้าคลุม แลกหนังตัวนึงได้อาหารตั้งหลายมื้อ” เธอกล่าวเมื่อเห็นแอดดิคยังอึ้มกิมกี่จึงยิ้มเจ้าเล่ห์ “อย่าพูดเชียวนะว่าโหด ถ้าไม่ทำก็ไม่มีอันจะกิน หนังลูนาติกเป็นสินค้าเศรษฐกิจเชียวนะ หรือว่าเป็นลูกคุณหนูเสียจนไม่เคยต้องทำอะไรแบบนี้”

    “อ....เอ่อ.....คือ...” แอดดิคเสมองไปทางอื่น “ไปหาอะไรทานกันเถอะ” เขาเลี่ยงตอบอย่างชัดเจน เสร็จคอนวี่ซิ

    “ยังจะพูดเรื่องกินอีกหรอ? นึกว่าหมดความอยากอาหารตั้งแต่ที่เห็นแผลฉันจนมาถึงเรื่องถลกหนัง...”

    “หุปปาก!!” ฉึก... ตรงใจซินะ คอนวี่หัวเราะ แอดดิคลากเธอออกไปก่อนจะหวนนึกถึงภาพกระต่ายน้อยถูกถลกหนัง

    ....อ้วก....

    “เฮ้ยลุง!!!!” คอนวี่ตกใจ ...นายมันลูกคุณหนูจริงๆ ชัวร์100%...


    “เถ้าแก่!! สเต็กเนื้อเบ้งๆ 2ที่ค่า!!” เด็กสาวเดินเข้าร้านเหล้าอย่างเป็นกันเองกับเจ้าของร้าน แอดดิคมองอย่างตกใจ ทำไมเธอถึงได้... “ลุงจะกินอะไรก็สั่งนะ”

    “อ้าว!” แอดดิคอุทาน “นึกว่าสั่งเผื่อซะอีก”

    “ยัยนี่กินจุจะตาย” เถ้าแก่ยิ้ม ก่อนจะถามลูกค้าประจำ “เนื้ออะไรล่ะ?”

    “ถ้าได้ เนื้อวัว ไอ้ตัวนั้นอ่ะ ที่อยู่ในพีรามิดอ่ะค่ะ” คอนวี่ถูมืออย่างกระหายอยากทาน

    “โห!!” แอดดิคอุทานรอบสอง “ผ...ผมขอแซนวิชธรรมดาก็พอครับ กาแฟอีกหนึ่งที่...”

    “โอเค หาที่นั่งซะ” เถ้าแก่ยิ้มก่อนจะหันไปสั่งคนในครัว

    ตาสีเพลิงเหล่มองอย่างขำๆ ฝ่ายคนที่ถูกมองอยู่ก็พูดเบาๆ เหมือนบ่น “เธอพาฉันมาทำไมน่ะ”

    “ฮะๆๆๆ ที่พูดไปเรื่องถลกหนังเป็นเรื่องปกติของสามัญชนเลยนะ มีแต่พวกคุณหนูที่เคยอยู่แบบรวยๆเท่านั้นแหละที่ฟังแล้วจะอ้วกแตกอย่างลุง เลยคิดว่าลุงเองก็คงไม่เคยเข้าที่แบบนี้ มาแรกๆฉันก็กลัวเหมือนกันแต่ไม่ต้องห่วง ถึงจะดูโหดๆ ก็นิสัยดีๆกันทั้งนั้นๆ แต่ตอนเมานี่อีกเรื่องนะ” เธอหัวเราะ แอดดิคยิ้มอย่างหวาดๆ “ก็บอกว่าปลอดภัยไง..” คอนวี่ย้ำอีกที พลางมองเชิงว่า นี่ลุงหลุดมาจากวังไหนกัน

    “อา...ครับ...” แอดดิคพยักหน้าช้าๆ คอนวี่ถอนหายใจ

    “ฉันอาศัยในเมืองนี้มา6-7ปีกว่า ร้านโปรดก็ร้านนี้แหละค่ะ” เธอกวาดสายตาไปรอบๆ ดั่งจะเก็บเอารวมไปกับความทรงจำดีๆ ที่เคยมีมา แอดดิคเห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้ และอดนึกไม่ได้...

    ....ทำไมที่นี่ถึง....คุ้นเหลือเกิน.....

    “เอ้า!” เถ้าแก่นำมาเสิร์ฟด้วยตัวเอง แขกพิเศษที่อยู่มานานโผล่มาทั้งที เนื้อที่สุกโชยกลิ่นหอมหวนชวนน้ำลายสอ แต่ใครจะนึกว่าเด็กสาววัย15จะกินเป็นอาหารเช้า แถม2จานด้วย!!!

    “ขอบคุณค่า~” คอนวี่ลากเสียงยาวอย่างสบายใจ อาวุธครบมือ “ว่าแต่เด็กคนนั้นมาทำอะไรหรอคะ?”

    แอดดิคมองตามคอนวี่ก็เห็นเด็กอายุประมาณห้าขวบนั่งหลบมุมในร้าน “แหม... มองกี่ทีก็นึกถึงเธอตอนมากับเจ้าแมทเลยแฮะ” เถ้าแก่ลดน้ำเสียงลงก่อนจะยิ้มนิดๆ “ได้ยินว่าหนีออกจากบ้าน... ดูแลให้ทีซิ”

    “รับทราบค่ะ” คอนวี่ยิ้มร่าเริงก่อนจะกระซิบ “กินก่อนได้เปล่าคะ?”

    “ตะกละ” แอดดิคใช้ฝ่ามืออรหันต์ป้าบเข้าหัวเด็กสาว

    “ไปแล้วค่าๆ” คอนวี่พูดยานคางก่อนจะลุกไปหาเด็กน้อย “น้องมาทำอะไรที่นี่หรอคะ?” เธอเดินเข้าไปนั่งยองๆตรงข้ามเด็กน้อย เด็กคนนั้นจ้องเธอด้วยดวงตาเบิกกว้างแล้วรีบหันหลบ คอนวี่ยิ้มที่มาเจอเงาสะท้อนตัวเองตอนเด็กๆ “หิวมั้ย? พี่แบ่งให้ทานได้นะ” เด็กน้อยเมินแต่ท้องร้องซะงั้น มังค์สาวหัวเราะ “ตามใจนะ...”

    คอนวี่ลุกขึ้น เด็กน้อยรีบคว้าชายผ้าคลุมเธอ “ฟรีแน่นะ...คะ?”

    “อื้อ แน่ซิ” คอนวี่จูงมือเด็กน้อยมาทางโต๊ะอาหาร แอดดิคจ้องทั้งสองตาไม่กระพริบ ไม่รู้อดอยากจากไหน สกรำอาหารอย่างไม่สนใจสายตาคนรอบข้าง ถึงคนอื่นจะไม่ได้มองก็เถอะ แอดดิคมองขำๆ พลางจิบกาแฟสบายอารมณ์ เขาเอนหลังพิงพนักและเก็บข้อมูลเด็กคนนี้

    เธอดูร่าเริง ผมสีส้มยาวมัดปลายไว้สองข้างเล็กๆที่ข้างหน้า และปล่อยข้างหลังยาวประบ่า ท่าทางซุกซน ตาสีทองเลอค่าที่แอดดิคคุ้นเคยจับจ้องอาหารไม่วอกแวก เธอหลุดปากแค่ว่าหนีออกจากบ้านมาเท่านั้น

    “อิ่มแล้วค่า~~” ทั้งสองพูดออกมาแทบจะพร้อมกัน เด็กน้อยตบท้องสบายใจ

    “นี่...” คอนวี่จ้องหน้าเด็กน้อย ก่อนจะนั่งให้สบายท้องบ้าง “ทำไมถึงมาอยู่นี่ล่ะ”

    “ความน่ารักของเซทำให้คนเห็นแล้วต้องเลี้ยงอาหารจะได้กินฟรีไงคะ” เธอหัวเราะ “เอ.. ไม่รู้ซิ”

    “หลงตัวเองซะด้วยนะเรา” แอดดิคหัวเราะพลางนั่งเท้าเก้าอี้ “หนีออกจากบ้านซินะ ทำไมล่ะ?”

    “เรื่องอะไรต้องเล่าให้คนแปลกหน้าอย่างลุงด้วยล่ะ!!” เด็กน้อยตอบทำเอาแอดดิคอึ้ง ผิดกับคอนวี่

    “เจ๋ง!” คอนวี่หัวเราะก่อนจะแปะมือแทคทีมกับเด็กน้อย

    “แล้วพี่สาวชื่ออะไรคะ?” เธอยิ้ม ทีคนที่แบ่งอาหารให้กินล่ะประจบเชียวนะ

    “คอนวี่ค่ะ” มังค์สาวแนะนำตัว

    “แอดดิคครับพ้ม” แอดดิคแนะนำตัวบ้าง

    “ลุงแอดดิคคะ ใครถามลุงคะ” เธอยิ้มเจ้าเล่ห์ถาม เล่นเอาแอดดิคอยากจะเขกหัวเจ้าเด็กหนีออกจากบ้านซักครั้ง “พี่คอนวี่ใช่มั้ยคะ? เซชื่อเซเฟอร์ค่ะ เรียกเซเฉยๆก็ได้ค่ะ”

    “จ๊ะเซ” คอนวี่ยิ้ม ก่อนจะถาม “แล้วหนีมาทำไมจ๊ะ? ไม่กลัวพ่อแม่ห่วงหรอ?”

    “.......” เซยกแก้วน้ำมาดื่ม “ท่านทั้งสอง... เสียแล้วค่ะ...” คอนวี่กับแอดดิคหรี่ตาลง ...ทั้งคู่เข้าใจ...ความรู้สึกที่เสียพ่อแม่ไป....

    เด็กสาวยิ้มร่า “พนันได้เลยว่าพี่ๆ พยายามจับเซกลับบ้านใช่ม้า~” ทั้งคู่พยักหน้า “ข้อเสนอค่ะ ถ้าพี่สาวกับลุงเล่นเป็นพ่อแม่เซ 24ชั่วโมง เซจะยอมกลับไปที่ๆ เซควรไป ตกลงมั้ย?” เธอยื่นมือรอจับเพื่อทำข้อตกลง

    “อ..เอ่อฉัน....” คอนวี่ลังเล

    “ตกลง” แอดดิคจับมือ คอนวี่เห็นก็จะโวยวาย “ไม่เห็นต้องโวยเลยนะจ๊ะฮันนี่~” แอดดิคแอบสะใจเล็กๆก่อนจะเก๊ก “ชาตินี้จะหาสามีหล่อแบบนี้ได้อีกที่ไหน”

    คอนวี่หน้าซีดเหมือนจะไม่สบาย เธอยกมือขึ้นปิดปาก “เสียดายมื้อเช้าอ่ะ...”

    แอดดิคยกถ้วยกาแฟมาจิบอย่างสะใจ ได้เอาคืนที่โดนแกล้งไว้เยอะ เซเฟอร์เอียงคอมอง “พี่ๆไม่ใช่แฟนกันหรอ?” แอดดิคสำลักกาแฟทันที

    “ไม่ใช่จ๊ะ...” คอนวี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะหัวเราะเยาะสภาพของชายหนุ่ม “แล้วจะเริ่มยังล่ะ?”

    “เริ่มเลยๆ” เซทำท่าไชโย “แล้วแม่จะเรียกพ่อว่าที่รักมั้ยคะ พ่อล่ะคะ”

    “ท...ที่รัก???” ทั้งคู่พูดช้าๆ แล้วหันมาสบตาก่อน ....ไม่ง่ายอย่างที่คิดซะแล้ว....

    “ไปกันเถอะ เซอยากไปไหนจ๊ะ?” คอนวี่จูงมือเด็กน้อย แอดดิควางเงินก่อนจะลุกตามไป

    “เถ้าแก่ครับ” พนักงานในร้านเรียกชายเจ้าของร้าน “เธอไม่แตะอาหารไปจานนึงนิครับ” จริงอย่างที่เขาพูด สเต็กหนึ่งจานสภาพยังเหมือนตอนพึ่งเสิร์ฟใหม่ๆ ต่างตรงที่เย็นชืดแล้วเท่านั้น

    “พูดมากน่า” เถ้าแก่ดุก่อนมองตามทั้งสาม “ฝากดูแลเธอด้วยนะ....”


    “ว๊ายๆๆ” เซตื่นตาตื่นใจกับภาพรอบๆตัว

    “อะไรน่ะเซ ทำอย่างกับไม่เคยเห็นพรอนเทร่า” แอดดิคแซว เซก็กระโจนกอดแขนทั้งสองคนจนเซจะล้มเข้าหากัน ใบหน้าที่ห่างกันเพียงนิดเดียว สัมผัสได้ถึงลมหายใจอีกฝ่ายทำให้ทั้งคู่หน้าแดงฉ่ารีบหลบไปคนละทาง เซยิ้มอย่างพอใจก่อนจะวิ่งออกไปนอกเมือง

    “เซ!!” ทั้งคู่เรียกแต่เด็กน้อยยังคงวิ่งต่อไม่สนใจเสียงเรียก ทั้งคู่วิ่งตามไปจนเจอเซกลิ้งลงบนพื้นหญ้าอย่างร่าเริง

    “เด็กบ้า” คอนวี่พูด แอดดิคได้ยินจะหันมาดุก็ต้องหยุด

    ...เธอยิ้ม...
    ...ยิ้มแบบที่เขาสัมผัสได้ว่าปราศจากหน้ากากที่มักจะใส่ไว้...จริงใจที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา....

    “คนพูดเพราะหมั่นเขี้ยวเด็ก คงไม่คิดจะดุฉันหรอกนะ” เธอเหล่มองแอดดิคด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

    “จ๋อยืนทำอะไรคะ” เซเฟอร์ยิ้มพลางกลิ้งตัวต่อไป “พ่อกับแม่ก็มานอนเล่นด้วยกันซิคะ สบายดีออกน๊า~”

    “เอาไงดีล่ะ” คอนวี่ยิ้มพลางสบตาชายหนุ่ม แล้วทั้งคู่ก็ล้มตัวลงนอนข้างๆเด็กน้อย เซลุกขึ้นนั่งแล้วเอานิ้วจิ้มโพริ่งเล่น คอนวี่จ้องหน้าแอดดิคไม่วางตา เจ้าตัวพอรู้ก็หันไปจ้องเธอด้วยรอยยิ้มชิงถาม “สงสัยว่าทำไมถึงช่วยเด็กคนนี้น่ะ....”

    แอดดิคพลิกตัวมานอนคว่ำใกล้ๆคอนวี่ที่นอนหงายอยู่ “คิดว่าเธอเป็นคนเดียวที่กำพร้าหรอ?” ร่างกายเขาขยับเข้าใกล้เด็กสาวที่นอนอึ้ง “ฉันรู้เหมือนกันแหละน่า ว่าการเสียพ่อแม่ไปมันเจ็บขนาดไหน ฉันเข้า...” ก่อนจะจบประโยค เขาก็พูดอะไรไม่ออก

    หน้าของเขากับเด็กสาวห่างกันเพียงไม่เท่าไหร่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน สายลมพัดเอื่อยๆผ่านทั้งสองไป ก่อนที่เขาจะรู้ตัว ร่างเขาก็ขยับเข้าไปหาเอง เขาหรี่ตาลงหวังจะลิ้มรสหอมหวานจากหญิงสาวตรงหน้า

    “คิกๆๆๆๆ” คอนวี่หลบทันทีที่รู้ตัว แอดดิครีบลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปจ้องตัวขัดจังหวะอย่างฉุนๆ จะได้จูบอยู่แล้วเชียว

    “เซ!!!” ทั้งสองโวย พอได้ยินอีกคนดุก็หันไปสบตากัน แล้วก็ใช่ หน้าแดงไปตามๆกันก่อนจะหลบตากัน ไม่เข้าใจว่าจะสบตากันแต่แรกเพื่อให้อายทำไม

    “เซไม่มองก็ได้” เด็กน้อยยิ้มแป้นพลางยกมือปิดตา แต่นิ้วมือนั้นง้างจนเห็นชัดเลยว่าไม่ได้ปิดจริงๆ

    “แก่แดด” คอนวี่ดุแต่ก็หุบยิ้มกับพฤติกรรมของเด็กน้อยไม่ลง

    “พ่อกับแม่ไม่จุ๊บกันแล้วหรอ?” เซเฟอร์ออกอาการผิดหวัง ผู้ใหญ่มองหน้ากันพลางยิ้มแหยๆ เจอคำถามน่ารักไม่น่าตอบเข้าให้แล้วมั้ยล่ะ

    “คือว่า...” แอดดิคลุกขึ้น “พ่อจูบแม่ไม่ลงน่ะ กลิ่นปากหึ่งเลย” แอดดิคหัวเราะก่อนจะวิ่งหลบหมัดออกมา แต่เสียงหัวเราะก็แปรเป็นโอดครวญ “โอ๊ย!” ชายหนุ่มคลำหัวเพราะโดนบางอย่างกระแทกเต็มๆ

    “บังอาจมาก!” คอนวี่หน้าแดง เธอวิ่งมาเก็บร้องเท้าแล้วใส่คืน ที่แท้บาจาล่องนภาป้าบศีรษะนั่นเอง

    “พ่อล้อเล่นน่ะ แม่เขาอาย” แอดดิครีบพูด เซหัวเราะคิกคัก ส่วนคอนวี่ฉุน

    “ใครจะหน้าหนาแบบคุณ(ลุง)ล่ะ ฉันก็คนนะ อายแล้วผิดตรงไหน!” เธอโวยวายสมวัย วัยนี้ต้องบ้าๆบอๆบ๊องๆแบบนี้แหละ ไม่ใช่เครียดจนพาคนอื่นเครียดไปด้วย

    “ไม่ผิดครับ ไม่ผิด” แอดดิคเอามือกอดอก มือข้างหนึ่งจับปลายคาง “ออกจะน่ารักด้วย”

    คอนวี่ที่ได้รับคำตอบแบบนั้นก็หน้าแดงทวีความเขินเข้าไปใหญ่ เจ้าตัวล้มลงนอนอย่างเซ็งๆ ดูท่าทางสองคนนี่จะถูกคอกันซะแล้ว แล้วเธอก็กำลังเป็นฝ่ายโดนรุมแกล้ง


    “เย็นแล้ว รีบกลับบ้านกันเถอะ” คอนวี่รีบพูดเมื่อเห็นว่ามันกินเวลาจนเย็นแล้ว

    “พ่อกับแม่อยู่ที่ไหนล่ะคะ?” เซเฟอร์ถามตาแป๋วๆ

    “ตอนนี้อยู่ในวังจ๊ะ” คอนวี่นั่งเหยียดขาบิดขี้เกียจ

    “ว้าว!!!” แอดดิคที่ลุกขึ้นนั่งถูกเซเฟอร์กระโดดกอดจากข้างหลัง “เซจะได้เป็นเจ้าหญิงในวังซินะคะ” เซยิ้มร่าพลางกอดคอคุณพ่อจำเป็นไว้แน่น “พ่อจ๋า เซขี่หลังพ่อน้า~”

    “ครับองค์หญิง” แอดดิคหัวเราะ แต่ลุกไม่ขึ้น คอนวี่เลยหัวเราะ(เยาะ)ก่อนช่วยฉุดเขาลุกขึ้นมา ทั้งสอง(และอีกหนึ่งบนหลัง) เดินกลับวังช้าๆ ดูเซมีความสุขมากๆ ที่ได้ขี่หลังแอดดิค เธอทั้งหัวเราะ บางครั้งก็เล่นขี่ม้าบ้างล่ะ ม้าพยศบ้าง ขี่ประกวดบ้าง หรือบางทีก็เงียบนิ่งซบลงกับหัวแอดดิค ไม่ก็ชี้นั่นชี้นี่ให้ดูอย่างตื่นตา คอนวี่มองแล้วอดขำไม่ได้ เหมือนเธอตอนที่ยังไม่เสียพ่อแม่กับพี่แมทเหลือเกิน นี่ซินะเด็ก... แอดดิคเองก็นึกถึงเขากับพ่อ

    ทั้งคู่เข้ามาก็แปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมถึงปล่อยให้เซเข้าง่ายจัง หรือเพราะเข้ามากับเขาทั้งสองเลยไม่ติดใจอะไรมาก จนกระทั่งเดินมาถึงห้องนั่งเล่นที่ผู้ถูกเลือกมักจะนั่งกันในยามเย็น ผู้ถูกเลือกบางคนนะ

    “เฮ้!” กาโม่ทัก “สองคนนั่นจะไปไหน”

    “พาลูกไปนอนน่ะ” แอดดิคแลบลิ้น แต่ก่อนที่กาโม่จะทันได้พูดอะไรสนอร์รี่ก็โพล่งออกมาก่อน

    “ให้จัดห้องให้มั้ย?”

    “ดีเลยค่ะ เตียงคู่เตียงเดียวก็คงพอ ยังไงฉันก็คงไม่นอนด้วย” คอนวี่เสนอก่อนมองหน้าเซที่จ้องสนอร์รี่ เซยิ้มอย่างเป็นมิตร

    “สวัสดีค่ะลุงLord of Light” สนอร์รี่ยิ้มตอบ ถึงจะสงสัยว่าทำไมถึงโดนเรียกเป็นลุงไปได้

    “ไปดูห้องพ่อกัน” เมื่อสนอร์รี่บอกทางแล้วแอดดิคก็ถามลูกน้อยก่อนจะเดินไปเลย

    “อ๊ะ! รอด้วยซิ!” คอนวี่โวยวายก่อนวิ่งตามไป สนอร์รี่ยืนขำเล็กน้อยในขณะที่กาโม่ยืนอึ้ง เขาได้น้องก็พอว่า แต่นี่เพื่อนเขาได้ลูกเนี่ยนะ!?


    “แม่ใจร้าย!!!” เซโวยวายเมื่อคอนวี่บอกว่าไม่อยู่ด้วย จะให้เธอนอนกับแอดดิคหรือไง

    “อยู่กับพ่อไม่ได้หรอ?” แอดดิคทำเสียงออดอ้อน ผู้ชายผู้อ้อนเก่งกว่าหญิงบางคน

    คอนวี่ขำชอบใจกับอาการอ้อนของแอดดิค “ให้เซอยู่กับพ่อนะ แม่อยู่ด้วยไม่ได้จริงๆ เซก็เชื่อฟังพ่อเขาล่ะ อย่าดื้อนะคะ" คอนวี่นั่งยองๆแล้วคว้าเด็กน้อยมากอดแล้วหอมแก้มเบาๆ

    “ก็ได้ค่ะ” เซทำหน้างอนๆ คอนวี่ยิ้มก่อนจะหยิกแก้มเซด้วยความรักปนหมั่นเขี้ยว

    “ตาพ่อบ้าง” แอดดิคย่องมาใกล้ๆหญิงสาวพลางชี้แก้มตัวเอง หน้ายิ้มแป้นไม่ซ่อนอาการเอาซะเลย มังค์สาวทำท่าขับของเสียออกจากปาก พูดง่ายๆก็ท่าอาเจียน

    “ดูแลเซดีๆล่ะ ไปละนะคะ” คอนวี่พูดทิ้งท้ายก่อนจะชูนิ้วกลางกับนิ้วชี้มาแตะปากตัวเองแล้วแตะแก้มแอดดิคอย่างเร็วแล้ววิ่งไป แอดดิคลูบแก้มตัวเองเบาๆ พลางมองตามเด็กสาวอย่างเอ๋อๆ เพราะไม่นึกว่าเธอจะยอมจุ๊บจริงๆ ถึงจะแค่จุ๊บทางอ้อมก็เถอะ ทำเอาเขาทั้งดีใจและตกใจเลย

    เซหัวเราะคิกคัก “แม่เขาชอบพ่อแหละ”

    “ไม่มั้ง” แอดดิคคว้าเซมาอุ้มแล้วชูขึ้นสุดแขน “แม่เขารักพ่อเลยต่างหาก”

    “ว๊าย! วางเซลงน้า~” เซดิ้นๆ แอดดิคหัวเราะก่อนวางเธอลง พอเท้าถึงพื้นเธอก็รีบกระโดดขึ้นเตียงแล้วตบเชิงให้แอดดิคมานั่งด้วย “แล้วพ่อกับแม่มาเจอกันได้ไงคะ?”

    แอดดิคยิ้มกับความแก่แดดของเซก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง ทำเอาเซเด้งตามแรงกระเด้ง “คือพ่อไปตามเพื่อที่แมพแมวน้ำน่ะ.... แล้วก็........”


    “ก๊อกๆๆๆ”

    แอดดิคตื่นมาอย่างงัวเงีย เขาไม่ลืมที่จะห่มผ้าให้เด็กน้อยก่อนจะเดินไปเปิดประตู คอนวี่นั่นเอง “อรุณสวัสดิ์ค่ะ”

    อรุณสวัสดิ์” แอดดิคยิ้มตอบหญิงสาวพลางเอามือลูบแก้มอย่างลืมตัว คอนวี่หน้าแดงขึ้นมาทันที

    “...ซ....เซล่ะ”

    “บนเตียง หลับปุ๋ยเลย” แอดดิคชี้ให้ดู คอนวี่มองแอดดดิคด้วยรอยยิ้ม

    “เลี้ยงเด็กเก่งจังนะ” เธอแหย่ก่อนไปนั่งข้างๆเซ มังค์สาวเสยผมสีส้มเบาๆ “ลุงรู้อะไรมั้ยคะ?”

    “หือ??” แอดดิคนั่งลงตรงข้ามเธอโดยที่มีเซนอนอยู่คั่นกลาง

    “ถ้าฉันมีลูกจริงๆ ฉันอยากให้เซเป็นลูกของฉันน่ะ...” คอนวี่พูดก่อนก้มลงหอมแก้มเด็กน้อยที่หลับไม่รู้เรื่อง “รู้สึกผูกพันกับเธอยังไงก็ไม่รู้”

    “เหมือนกันเลย...” เธอเงยหน้ามาสบตากับชายหนุ่ม “ถ้าผมมีลูก ผมก็อยากให้เป็นเซ..... แล้ว... ผมเป็นสามีที่ดีมั้ย?” ใบหน้าเขาแดงก่ำไม่ต่างจากคนที่ถูกถาม ถึงจะเล่นๆกันก็เถอะ แต่ก็เขินอย่างห้ามไม่ได้

    “ดีค่ะ” คอนวี่ยิ้มให้ “เลี้ยงลูกเก่งอย่างนี้ ใครเป็นแฟนนี่โชคดีมากๆเลย”

    “งั้นผมก็ดีพอที่จะเป็นสามีเธอได้ใช่มั้ย” คอนวี่ตกใจกับคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้า เธอรีบสบตาหวังว่าจะเห็นรอยยิ้มและแววตาขี้เล่นดังเช่นทุกครั้ง แต่ไม่ใช่ “ผม... ชอบคุณนะ อาจเรียกว่ารักมากๆก็ได้ ตอบทีได้มั้ยว่าผมดีพอมั้ย...??”

    เธอหน้าแดงก่อนหันหลบ เขายังคงจ้องเธอ แอดดิคเอื้อมมือไปกุมมือที่เรียวเล็กนั่น ซึ่งสั่นเทาอยู่ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่รู้สึกผูกพันเหลือเกิน รู้สึกดีเหลือเกินที่ได้รู้จัก ได้อยู่ด้วยแบบนี้ กับเธอ เขารู้สึกต่างไปจากคนอื่น ใช่รักซินะ?? แต่คอนวี่น่ะ... “เพราะฉันอ่อนแอหรอ... ถึงคอยทำดีกับฉัน....”

    “เธออ่อนแอก็จริง...” เขาเอื้อมมืออีกข้างไปเสยผมเด็กตรงหน้าเบาๆ “แต่ที่ทำดีด้วยเพราะรัก เพราะอยากเป็นคนที่ปกป้องเธอจากทุกอย่าง อยากปกป้องรอยยิ้มที่มาจากใจ อยากทำลายหน้ากากที่เธอมักจะใส่ ผิดมั้ย?”

    คอนวี่ส่ายหน้า “แอดดิคคะ...ฉันเองก็......” เธอหลับตาอย่างหวาดกลัว มือที่เสยผมเปลี่ยนมาเชยคางสาวน้อยตรงหน้าก่อนจะโน้มตัวเข้าไปใกล้ๆช้าๆ “แต่...” คอนวี่ยันตัวแอดดิคไว้ไม่ให้จูบเธอ “ฉันไม่ดีพอสำหรับลุงหรอก..”

    “ไม่หรอก” แอดดิคค้าน เธอปัดมือเขาออก

    “อย่าพูดเหมือนรู้จักฉันดีเลย....” ถึงปากจะปฏิเสธ แต่พอเห็นสายตาที่จริงจังของแอดดิค ร่างกายเธอก็เหมือนถูกหลอมละลาย เมื่อชายหนุ่มขยับเข้าใกล้ ร่างกายเด็กสาวก็ขยับสนองไปเอง ก่อนที่ทั้งสองจะรู้ตัว ก็หรี่ตาลงแล้วเข้าหากันนช้าๆ.....

    *โป๊ก*

    เซที่นอนหลับสะบัดมือไปโดนหน้าคอนวี่เต็มๆ ส่วนบาทาก็ประทับหน้าแอดดิคไปเต็มๆเช่นกัน ทั้งคู่หันไปลูบส่วนที่โดนกระแทกเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ เซที่เจ็บมือและเท้าเหมือนกันลุกขึ้นมา “เจ็บๆๆๆๆ” ทั้งสามครวญ

    “อ้าว ตื่นแล้วหรอเซ!” คอนวี่ยิ้มทักทาย

    “แม่กลับมาแล้ว~” เซกระโดดกอดคอนวี่

    “เซนะเซ!” แอดดิคฉุน “มารความสุขจริงๆ พ่อกับแม่จะได้จูบกันอยู่แล้วแท้ๆ”

    “ลุงบ้า!” คอนวี่หน้าแดงแจ๋ทันที ปากก็ทันใจเหลือเกิน เซยิ้มร่า

    “ขอโทษค่ะๆ งั้นหลับต่อก็ได้” เธอจับผ้าห่มแต่มังค์สาวห้ามไว้ หัวก็โดนคนที่ห้ามมาเขก

    “ไม่ต้องๆ แม่ไม่รักพ่อแล้ว(แล้ว?) พ่อแกล้งแม่อ่ะ!” คอนวี่แสร้งทำท่าร้องไห้แลดูน่าสงสาร

    เซหันควับไปจ้องพ่อ(?)อย่างฉุนๆ “พ่อทำให้แม่(แกล้ง)ร้องไห้ทำไม พ่อแกล้งแม่ทำไมคะ!!” เด็กน้อยทุบพ่อแก้แค้นแทนแม่ คอนวี่แลบลิ้นสบายใจ แอดดิคเห็นก็หัวเราะชอบใจก่อนจะยอมแพ้ ทั้งสามหัวเราะพร้อมๆกัน เซลุกไปยืนข้างหน้าต่าง มังค์สาวมองตามอย่างสงสัย เซหันมายิ้ม “ครบ24ชั่วโมงแล้วซินะคะ”

    คอนวี่กับแอดดิคสบตากันระหว่างที่เซหันไปเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนที่ทั้งสองจะลุกไปยืนประกบข้างเด็กน้อย “รู้มั้ยว่าตอนเซหลับน่ะ พวกเราคุยกันเรื่องอะไรอยู่” คอนวี่จับไหล่เซเฟอร์ เธอส่ายหน้า

    “แม่กับพ่อคิดตรงกันน่ะ... ว่าถ้ามีลูก อยากมีลูกอย่างเซ” แอดดิคยิ้มพลางลูบหัวเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน หยาดน้ำใสๆเอ่อล้นออกมา เด็กน้อยโผกอดคอนวี่

    “แม่คะ!!” มังค์สาวมองหน้าวิสาร์จหนุ่มก่อนจะผลักตัวเซมาสบตา “เซหนีเพราะพ่อกับแม่ตาย เซอยากจะเข้มแข็ง เซอยากจะเก่งเหมือนพ่อกับแม่ เซก็เลย....”

    “เข้มแข็งกับเก่งต่างกันนะจ๊ะ...” คอนวี่ยิ้มหวาน พลางเอามือเช็ดน้ำตาเด็กน้อย

    “ใช่” แอดดิคจิ้มอกของตัวเอง “เก่งน่ะมันฝึกกันได้ แต่เข้มแข็งน่ะมันมาจากใจต่างหาก....”

    “ดังนั้น ไม่ว่าเซจะอยู่ที่ไหน เซก็เข้มแข็งได้นะ” คอนวี่เสริม เซยิ้มร่า “และถ้าหนีเพราะไม่มีที่ไป เซอยู่กับพวกเราก็ได้นะ”

    เซยิ้มก่อนจะส่ายหน้า “เซอยู่ไม่ได้หรอกค่ะ ต่อให้อยากอยู่แค่ไหนก็ตาม....”

    “ทำไมล่ะ พวกเรา... รักเซนะ” แอดดิคค้าน “มาทำให้รักแล้วทิ้งไปไม่ได้นะ โกรธจริงๆด้วย”

    “เซก็รักพ่อกับแม่ค่ะ เซยังจำได้เลยว่าตอนที่เซแอบไปย้อมผม พ่อกับแม่ดุเซขนาดไหน”

    “เอ๋?” แอดดิคกับคอนวี่ทำหน้างงๆ

    “แม่บอกผมเซสีน้ำตาลที่ได้จากแม่ก็สวยแล้ว ไปย้อมทำไม แม่ดุเซใหญ่เลย ตอนนี้เซดีใจมากๆที่ได้เจอพ่อแม่อีกครั้ง เซดีใจที่สุดเลย” น้ำตาร่วงโรยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เซเฟอร์ยังคงร้องไห้ แต่ก็ไม่หยุดพูด

    “อีกครั้ง?” แอดดิคทวนคำอย่างแปลกใจ

    “เซรักพ่อกับแม่ค่ะ” มือน้อยๆกำมือคนทั้งสองแน่น ก่อนจะจางหายกลายเป็นอากาศธาตุไป ทั้งสองตกใจมาก

    “ซ....เซ....” คอนวี่เอื้อมมือคว้าอากาศอย่างตะลึงงัน ทำนบน้ำตาก็พังลงมา ร้องไห้ต่อจากเด็กที่จากไป

    ...เมื่อรักใครซักคน...
    ....ทำไมกัน...ต้องจากฉันไปทุกที.....

    แอดดิคโอบไหล่เธอมาซบอกเขา ตัวเขาเองก็ทั้งตกใจและเศร้าเช่นกัน แต่ที่คาใจทั้งสองคือทำไมทั้งสองกลับไม่กลัวเด็กน้อยคนนี้...


    “อ้าว หายไปไหนแล้วล่ะ” สนอร์รี่ถาม แต่พอเห็นสีหน้าทั้งสองจึงเปลี่ยนมาเป็นยิ้มบางๆ อย่างเข้าใจ “เด็กคนนั้นคงไปดีแล้วใช่มั้ย...”

    “คุณสนอร์รี่....” แอดดิคเรียกชื่ออย่างแปลกใจ คอนวี่เองก็แปลกใจไม่แพ้กัน สนอร์รี่หัวเราะ

    “ผมอาชีพไหนแล้ว ทำไมจะแยกไม่ออกว่าไหนมนุษย์หรือวิญญาณ”

    “เอ๋?” กาโม่หันควับ แล้วเดินมาร่วมคุย “ที่ว่าลูก ไม่ได้หมายถึงคอนวี่หรอ?”

    “เมื่อวานนายไม่เห็นเด็กที่ขี่หลังฉันหรอ?” แอดดิคถาม

    “ไม่.. เฮ้ยๆ อย่าล้อกันเล่นซิ กลัวผีอยู่นะ...” กาโม่ลูบแขนตัวเองแล้วหันซ้ายหันขวาอย่างระแวง

    “ถ้าคุณกาโม่ไม่.... งั้น....” คอนวี่ฉุกคิดได้ “เถ้าแก่!!” สนอร์รี่เป็นถึงLord of Light แต่ถ้าคนธรรมดาอย่างกาโม่ไม่เห็น ทำไมเถ้าแก่ถึง... เธอวิ่งออกมา โดยมีแอดดิครีบวิ่งตามไปติดๆ ทั้งคู่มาถึงหน้าร้าน “เถ้าแก่!” เธอตะโกน

    “อ้าว.. ว่าไงคอนวี่” เถ้าแก่ยิ้มทัก “เซล่ะ? ไปดีแล้วหรอ?”

    “รู้หรอ???” ทั้งคู่แทบประสานเสียง

    “ดูแลร้านแทนที” เขาหันไปสั่งลูกน้องก่อนจะกลับมาพูดกับพวกเขา “ตามมา...” แอดดิคจ้องหน้าคอนวี่ เธอพยักหน้าให้ ทั้งคู่จึงเดินตามไป เถ้าแก่เดินนำทั้งคู่มายังห้องเก็บของ “เรื่องมันเกิดมานาน... ร้อยกว่าปีแล้วละมั้ง...” เถ้าแก่ค้นหาบางอย่าง ปากก็เล่าเรื่องต่อไป “เขาลือกันว่าที่นี่เคยเป็นบ้านของLord Knight กับไนท์ สามีภรรยาคู่หนึ่ง พวกเขามีลูกสาวตัวน้อย.. ชื่อว่า...”

    “เซ...เฟอร์....” คอนวี่พูดพลางกลั้นน้ำตาไม่ให้ร่วงลงตรงนี้

    “อืม... เซรักพ่อแม่มาก... จนมาวันนึง พวกกบฏลอบปลงพระชนต์พระราชา ฐานะอัศวินที่จะรับใช้แผ่นดินน่ะ... ทั้งสองเอาชีวิตเข้าแลกโดนไม่ต้องคิดอะไรมากเพื่อปกป้องพระราชา แต่ก็ต้องทอดทิ้งลูกไว้ข้างหลัง...”

    “เกิดอะไรขึ้นกับเซครับ...” แอดดิคถาม

    “เขาว่าวันที่บอกเซ และจะพาเธอไปบ้านเด็กกำพร้า เกิดการทะเลาะกันในบ้าน จนไฟไหม้... ทุกคนออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่เซดิ้นจะเข้าไป และเธอก็ดิ้นหลุด... บ้านที่ไฟกำลังลามไปเรื่อยๆ ก็มีเด็กคนนี้บ้าบิ่นวิ่งกลับเข้าไป... ดับไฟทัน บ้านไม่ถูกทำลายทั้งหลัง... โชคร้ายที่เธอถูกเสาอาบไฟตกทับจน.....”

    “เซ....” คอนวี่ยกมือปิดปาก

    “ว่ากันว่าที่ไม่ไปเกิดเพราะรอพบพ่อแม่น่ะ... อ่ะ นี่คือรูปที่เธอพูดก่อนจะวิ่งเข้าบ้านว่าจะต้อง ช่วยพ่อแม่เธอออกมา...." เถ้าแก่ยื่นกรอบรูปเก่าๆให้ทั้งสอง มังค์สาวรีบคว้ามาดู แล้วเธอก็รู้สึกแย่ลง

    ภาพถ่ายขาวดำของพ่อแม่ลูก เด็กน้อยที่ยิ้มกว่างที่คุ้นเคย เซนั่นเอง แต่ที่ทำให้ต้องตกใจคือพ่อกับแม่ของเซ..

    ลอร์ดไนท์ผู้พ่อหน้าตาเหมือนแอดดิคไม่มีผิดเพี้ยน ส่วนภรรยาไนท์ผู้นั้นก็...หน้าตาเหมือนเธอ....

    “เซ.....” คอนวี่ทรุดลงกับพื้น แอดดิครีบประคองเธอ เถ้าแก่เห็นจึงเดินออกไปทิ้งให้ทั้งสองนั่งทำใจอยู่ในนี้ “เซ...” น้ำตาที่กลั้นมานานได้ล้นเอ่ออีกครั้ง แอดดิคกอดเธอเข้ามาแนบอก เขาไม่รู้ ไม่รู้จริงๆควรจะทำอะไร...

    “ที่ไม่กลัว... คงเพราะความที่เป็น...ครอบครัวละมั้ง...” เธอร้องออกมาหนักขึ้นเมื่อได้ยินคำว่าครอบครัวจากปากแอดดิค ชายหนุ่มค่อยๆลูบหัวเธอ เขาพยายามปลอบทั้งคนตรงหน้า และเขาเอง...

    “แม่...แม่ขอโทษนะเซ...” คอนวี่กอดแอดดิคแน่น “ทั้งๆที่เซอุส่ารอ.. แต่เมื่อคืนฉันกลับ..ฮึก.....”

    “นิ่งซะๆ...” แอดดิคลูบหลังเธอ “ไม่เป็นไรหรอก เซเขาไปดีแล้ว...” คอนวี่กอดกับแอดดิคอยู่ตรงนั้น... นาน..แสนนาน... แต่น้ำตาก็ไม่ยอมหยุดซักที...

    สองหรือสามชั่วโมงกัน... นานเท่าไหร่กัน... คอนวี่ถึงยอมหยุดร้อง หยุดสะอื้น... แล้วจับกรอบรูปขึ้นมาดู “ไปกันเถอะ” เธอผละตัวออก

    “ไปไหน?” แอดดิครีบลุกเดินตามเธอไป แต่คอนวี่แทบไม่สนใจคำพูดของเขาเลย

    “เถ้าแก่คะ ฉันขอ..รูปนี้ได้มั้ย?” เธอเดินไปหาชายวัยกลางคน ชายผู้นั้นพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม พลางพูดฝากให้รักษาดีๆ คอนวี่ยิ้มตอบ “ค่ะ แน่นอน..” แล้วเธอก็เดินออกจากร้านไป

    “ขอบคุณมากครับ” แอดดิคยิ้มเศร้าๆ ก่อนจะรีบวิ่งตามคอนวี่ เด็กสาวเดินอย่างไม่สนใจอะไร แอดดิคที่เดินตามมานานจึงหาทางกล่อมเด็กสาว “บางที...” แอดดิคพูดพลางเดินประกบคู่กับคอนวี่ “ถ้าเราแต่งงานกันชาตินี้ เธออาจจะกลับมาเป็นลูกเราอีกก็ได้นะ...”

    เธอมองหน้าเขาด้วยใบหน้าที่เจ็บปวด จนทำให้เขาเจ็บไปด้วย “อย่ามาให้ความหวังฉันเลย เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่นะคะ...” เธอหรี่ตาลง “ถึงมันจะทำให้เซกลับมาได้ แต่เราสองคน...”

    “มีอะไรที่เธอไม่พอใจในตัวฉันล่ะ..” แอดดิคจับมือเด็กสาว เธอชักมือกลับ

    “ฉันแค่.... แอดดิคคะ.. ลุงใจดี.. และน่ารักมาก... แต่.... ฉันไว้ใจลุงไม่ได้” เธอจ้องหน้าชายหนุ่ม “ฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น อย่างจริงใจ.. จริงใจพอจะฝากความลับและชีวิต นอกจากพ่อแม่ พี่แมท.. คนอื่นน่ะฉัน..” เธอพูดต่อไม่ออกเมื่อเห็นสายตาของแอดดิค “ขอโทษค่ะ...” เธอผลักเขาออกไปแล้ววิ่งหนี แอดดิคยอมให้เธอผลักอย่างง่ายดาย ก่อนจะหันไปมองตาม

    “ผมดีพอ... ผมไว้ใจได้!!” แอดดิคตะโกนน “ไม่เชื่อก็ไม่ว่า แต่ขอเถอะครับ!! ให้โอกาสผมซักนิด... แค่ให้โอกาสผมพิสูจน์ตัวเองก่อนซักครั้งจะได้มั้ย!!!” เขาหยุดตะโกนแล้วมองตามเด็กสาวที่วิ่งจนลับตา ไม่คิดเลยว่าเขาจะพยายามขนาดนี้....

    ...เซ... ช่วยพ่อชนะใจแม่อีกครั้งทีนะ.....รอก่อนนะ......
    ...เซ...แม่ขอโทษ...แม่ไม่ดีพอ...แต่รักลูกเสมอนะ.....

    -จบบท-

    แมทธิว ไพรด์ [Matthew Pride]
    ตำแหน่ง : เทพองค์รักษ์
    ผม : เงินประบ่า
    นัยน์ตา : ม่วงอมิทิสต์
    ใบหน้า : ยิ้มแย้มแจ่มใส ใส่แว่นด้วยแหละ
    อายุ : ตายตอนไหนก็คงไว้ตอนนั้น
    ของสำคัญ : น้องสาวบุญธรรม คอนวี่
    เครื่องประดับบริเวณศีรษะ : แว่นจิ๋ว Mini glasses
    อดีต : พ่อแม่ตายพร้อมพ่อแม่คอนวี่ รับเลี้ยงเป็นน้อง ถูกโจรบุกเข้าบ้านฆ่าตาย
    ความพิเศษ : เทมเมอร์ปกติทั่วไปที่กำลังฝึกวิชา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×