คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : หลับ..ฝัน..
บทที่8 หลับ..ฝัน..
หลังจากทานมื้อเช้าจนอิ่มแปร้ เพราะยังไม่ได้ข่าวความคืบหน้า วันนี้จึงเป็นวันว่างๆ ของคนกลุ่มนี้อีกวัน จะทำอะไรได้ล่ะ นอกจาก....
“กาโม่~~~” นัทลากเสียงหวาน พลางวิ่งมาเกาะแขนชายหนุ่ม “ไปเล่นในเมืองกันอีกนะ แง้วๆๆๆๆ” สาวน้อยปล่อยลูกอ้อน กอดก็แล้ว อะไรก็แล้ว ก็แหม อยู่กับเจ้านี่ มันจ่ายหมดนี่นา สบายนัทจังเธอล่ะ
“อื้มๆ คร้าบๆๆๆ” กาโม่ยิ้ม ถึงจะแกล้งลากเสียงเหมือนหน่ายเหมือนเซ็ง เขาเดินตามแรงฉุดของซูเปอร์โนวิทสาวไป “ว่าแต่วันนี้จะไปซนที่ไหนล่ะ?”
“ไม่รู้หรอกค่ะ” เด็กน้อยยิ้มร่า “แต่วันนี้นัทไม่จ่ายเหมือนเดิม กาโม่ต้องเลี้ยงนัททู๊กกกกกก~ อย่าง~~~”
“เอ่อ.... เฮ้อ....” กาโม่ถอนหายใจ แต่ก็ไม่กล้าขัดใจเธอ ก่อนจะเปลี่ยนมายิ้มรับ “ได้ๆ แต่จะให้กาโม่คนนี้ทิ้งพี่แอดดิคหรอ นัทก็รู้สองเรารักกันแค่ไหน~” ว่าแล้วก็หัวเราะ เผื่อเด็กน้อยจะตกใจแล้วปล่อยเขาไป
“ไม่ต้องเลยๆ พี่แอดดิคก็มีพี่คอนวี่แล้วไง กาโม่ไม่ต้องมามั่วเลยนะ นัทดูออกหรอกน่า ไม่ต้องมาหลอกกันเลย” นัทผู้ไม่หลงเชื่อ ก็ลากเขาต่อไป กาโม่เลยจำยอมต้องไป ก่อนหันมาส่งสายตาอาลัยอาวรณ์ให้แอดดิคที่มองตามไปขำไป สมน้ำหน้าไป.....อืม เพื่อนที่แสนดี
คนที่เดินออกไปสองคนนั้น (จริงๆเดินคนเดียว อีกคนถูกลากน่ะนะ....) กำลังถูกจับจ้องตลอดเวลา ใบหน้าไร้เดียงสาของแม่มดสาวมองตามตาละห้อย เหตุเพราะเสียดายลึกๆ ในใจเธออยากไปกับกาโม่นะ ความคิดต่างๆไหลเวียนเข้ามาให้เธอสับสนเล่น
...คนมาทีหลังไม่มีสิทธิซินะ.... เธอก็ไม่ได้หน้าหนาขนาดไปตบแย่งผู้ชายได้... แต่เอ๊ะ! เธอชอบตานี่ขนาดนั้นเลยหรือไง... แล้ว... ตั้งแต่ตอนไหน......
เธอหยุดคิดเมื่อถูกสะกิด “ไปห้องสมุดกันมั้ยครับ จะได้ไม่ต้องคิดมาก” สนอร์รี่เอ่ยปากชวนอย่างรู้ทัน ฮารูมิหัวเราะแก้ขัดเขิน ก่อนจะตกลง หวังไว้ลึกๆ ว่าหนังสือคงจะช่วยให้จิตใจเธอสงบลงบ้างเหมือนที่สนอร์รี่พูดเปรยๆ เธอเดินตามเจ้าชายไปเงียบๆ
ไฮแอทรีบโดปยา..สมุนไพร... กรึ๊บน้ำตามแล้วเผ่นออกไป ทิ้งให้เพื่อนมองตามอย่างเอ๋อๆ ถูกทิ้งแล้วนะหนูเอ็กซ์กี้ “นี่ รุ่นน้อง...” เอคเซลหันไปหาต้นเสียงอย่างแปลกใจ ซิกเน็ทมายืนอยู่ข้างๆเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ “ไปPvPกัน ข้ากลัวฝีมือตก”
หญิงสาวพยักหน้าอย่างพอใจ ได้ประมือกับผู้ที่เป็นเลิศด้านศาตราเป็นโอกาสที่ล้ำค่าสำหรับผู้ใฝ่สู้อย่างเธอ “เมืองไหนล่ะ?”
“ไว้ไปดูละกัน เธอ ข้า หนึ่งต่อหนึ่ง” เขาเดินจากไป ทิ้งให้อีกคนมองตามอย่างรู้สึกตื่นเต้น ...แล้วนี่อย่างเธอจะมีทางชนะแม่ทัพฝ่ายทำลายล้างมั้ยนะ....
“หย๋า~ ไปเป็นคู่ๆ ซะเลี้ยว~” คอนวี่พูดติดตลก แต่เจ้าตัวกลับขำไม่ออก เธอตัดสินใจกำสนับให้กระชับมือ ก่อนจะเริ่มย่อง แล้วกลับมาเอาอาหารไปเป็นเสบียง
“จะไปไหนมิทราบครับ” ความตะกละบวกงกเป็นเหตุให้พลาดท่า แอดดิคจับได้แล้ว เธอรีบชิ่งแต่ชายหนุ่มคว้าฮู้ดได้ทัน แล้วดึงเอาไว้ เธอถูกรั้งไว้จนไปไหนไม่ได้
“อ...เอ่อ... คือว่าไปเก็บเวลค่ะ” เธอหัวเราะแหะๆ พยายามกระตุกฮู้ดเสื้อให้หลุด เหมือนเล่นมากกว่าหนีจริง “จะได้เก่งๆไง จะได้ไม่แพ้ใครด้วย ฮะๆๆ ไปนะ”
“ยังไม่ได้ปล่อยซักหน่อย” แอดดิคกระตุกฮู้ดเล่น สงสัยจะสนุกไปแล้ว “ว่างทั้งทีเครียดไปได้ คนอื่นเขาจับคู่กันไปหมดเหลือเรานะ ใจคอจะทิ้งกันหรือไง เรื่องเวลช่างมันเถอะ ไปเที่ยวปลดปล่อยซะบ้างซิ เป็นเด็กเป็นเล็กห่วงหน้าที่เกินไปแล้วน่า เห็นแก่คนแก่ก็ได้เอ้า นะ” ว่าแล้วแอดดิคก็รู้สึกแปลกๆ นี่ตัวเองยอมรับว่าแก่ไปแล้วหรือไงกันเนี่ย อ๊ากกกกก พลาดท่าตัวเอง
“ก็จะไปเก็บเวลอ่ะ!!!” เธอปัดมือไปมา ถึงจะชกแล้วหนีได้ง่ายๆ ก็ไม่ทำ เพราะความอาวุโส กับรู้ว่าชายหนุ่มเจตนาดี แต่ก็ไม่อยากไปนี่นา “ปล่อยนะๆๆๆๆๆ”
“หึ...” เขาเสยผมสีดำนิล ด้วยท่าที่เขาตั้งชื่อว่า “ท่าเก๊กเมื่อมีชัย” ก่อนจะหัวเราะแบบโรคจิตแล้วลากคอนวี่ไป พวกข้าหลวงเข้ามาทำความสะอาด กลัวจะถูกลงโทษเลยได้แต่คิดในใจว่า บ๊องๆแบบนี้ไปออกศึก แล้วอาณาจักรเราจะรอดมั้ยเนี่ย.... ยิ่งคิดยิ่งเศร้า....
นักปราชญ์สาวรีบหยิบหมวกออกมา แล้วไปยังน้ำพุ มุมที่คนผ่านไปมาบ่อยๆ เธอวางหมวกลง ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่ได้ทำมานานแค่ไหนแล้วนะ.... ความรู้สึกนี้..... ความต้องการนี้..... บทเพลงที่อยากจะร้องนี้......
“นี่ลุงจะพาฉันไปไหนน่ะ” คอนวี่ส่งสายตาไม่พอใจ เธอโวยวายเมื่อเห็นชายหนุ่มลากออกมานอกตัวเมืองพรอนเทร่า แค่นั้นยังไม่พอ เดินลงทิศใต้เรื่อยๆ จนมาถึงเขตทะเลทรายแล้วลากไปทางทิศตะวันตก ดูเหมือนไร้จุดหมาย “นี่ลุงได้ยินฉันมั้ย!?”
“ที่ลับ...” แอดดิคพูดเบาๆ เขาหันซ้ายหันขวาดูว่าไปถูกทางอยู่หรือเปล่า ส่วนทางคอนวี่ปั้นหน้าไม่ถูกแล้ว เมื่อชายหนุ่มสังเกตเห็นใบหน้าหญิงสาวก็แอบหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะพูดให้เธอสบายใจ หรือเปล่า? “ไม่ต้องห่วงน่า ถ้าเธอไม่ยอม ชั้นก็ไม่ปล้ำหรอก”
“ลุงบ้า!!!” เธอโวยวายหนัก ใบหน้าของเธออดจนไม่รู้ว่าโกรธหรืออายกันแน่
“เอาน่าๆ อยู่เขตพรอนนั่นแหละ แต่ทางเข้าทางนั้นไม่มีเลยต้องอ้อม ฉันว่าตรงนี้คนไม่ค่อยแวะน่ะ เลยน่าสบายใจดี” แอดดิคใช้ข้อมืออีกข้างที่ไม่ได้จับเธอเอาไว้ลูบไปตามเนินหินเนินทราย คอนวี่สงบลงเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่เข้าใจชายหนุ่มอยู่ดีว่าต้องการทำอะไรกันแน่
เสียงหวานของเสจสาวที่เหมือนบรรเลงขับร้องจากเทพในสวรรค์ถูกใช้ในการขับกล่อมเพลงช้าๆ จรรโลงใจผู้ที่ผ่านไปมาได้อย่างดี เสียงหวานๆและลูกเล่นทำให้สามารถสะกดคนที่ได้ยินให้เดินมาสละเศษเหรียญให้เธอ ตอนนี้ในหมวกใบน้อยก็มีเหรียญพอควรแล้ว แต่การร้องเพลงมันสนุกเกินกว่าจะหยุดได้ เธอร้องต่อ และร้องต่อ
กาโม่กับนัทที่เดินทานไอศครีมเดินผ่านมาเห็นอดไม่ได้ที่จะยืนฟัง ไม่นึกเลยว่าเพื่อนในกลุ่มตัวเองจะมีความสามารถเช่นนี้ ทั้งสองฉวยโอกาสที่เสจสาวไม่เห็นเพราะต้องใช้พลังเสียงเต็มที่ และหลับตาอยู่แว่บเข้าไปสมทบทุนในหมวก แล้วเดินออกมา นัทอดชื่นชมไฮแอทมากขึ้นไม่ได้ ตั้งแต่เหตุผลการร่วมสงครามแล้ว
เมืองอิสรูดประจำห้อง PVP Unlimited สองมังค์ชายหญิง หรือจะพูดให้ถูกคือคนหนึ่งปลอมเป็นมังค์กำลังหันหลังชนกันสอยพวกที่บุกมาอย่างเข้ากัน เพราะไม่ว่าห้องไหนคนก็เยอะไปหมดจึงต้องเปลี่ยนแผน จากสู้กันมาประสานเป็นทีม
แต่ดูเหมือนกับการสอยคนให้ร่วงๆ จะได้สู้กันเองเสียที ยิ่งทำให้คนเข้าห้องนี้กันเยอะ เพราะอยากประลองกับสองคนนี้ ทั้งหมัดหนัก ฮีลก็แรงของซิกเน็ทถึงกับทำให้คนกล่าวหาว่าโกงด้วยซ้ำ มังค์ธรรมดาจะทำได้ไง ก็แหงซิ ซิกเน็ทใช่มังค์ธรรมดาซะที่ไหน คนนอนตายระนาวแต่เพราะแค่PVP ก็ถูกวาร์ปออกไป พอฟื้นตัวได้ก็ตรงดิ่งเข้ามาแก้มือ แม้ผลจะเป็นเหมือนเดิม ซิกเน็ทกำสนับประจำตัวอย่างเซ็งจิต
“พวกเก่งๆ ไม่มีเลยหรือไงนะ เหมือนรังแกโพริ่งไม่มีผิด” ตาสีน้ำแข็งฉายแววหน่าย คำพูดเปรียบเปรยพวกที่เข้ามาปะทะเขาเหมือนสิ่งที่อ่อนหัดที่สุดที่ต้องสู้ด้วยไปแล้ว
ดวงตาแดงดั่งรัตนชาติล้ำเลอค่าจ้องคู่หูชั่วคราวของเธอพลางยืนเท้าสะเอว ใบหน้าเธอยิ้มแย้มขณะเถียง “ท่านเก่งเกินต่างหาก” พูดไม่ทันไร นักเล่นแร่แปรธาตุระดับสูงก็ลอบโยนกรดไฟใส่ทั้งคู่ ซิกเน็ทรีบคว้ามีดบินปาออกไปจนพวกขวดนั้นระเบิดก่อนจะถึงตัวพวกเขา “เกินไปจริงๆ”
“โกงงงงงงงงงงงงงงง!!!!!!!!!!!!!!” เจ้าตัวที่โยนมาโวยวายระหว่างโดนซิกเน็ทสวนซะกระเด็น ก่อนจะถูกวาร์ปไปเกิดใหม่ ลาก่อนเหยื่อผู้น่าสงสาร...
“บ่อน้ำที่นี่มีอะไรหรอ?” คอนวี่ถามเมื่อมาถึง แถวนี้เป็นแอ่งน้ำเล็กๆมากกว่า ลึกประมาณเข่า รอบๆ เป็นสนามหญ้า มีร่มเงานอนสบาย และสภาพพื้นดินยังเป็นที่ๆอุดมสมบูรณ์อยู่
“ไม่ค่อยมีคนผ่านไปมา ปล้ำง่ายดี ... ฮะๆๆๆ ล้อเล่นๆ ใจเย็นๆซิ” แอดดิคแหย่แต่ก็ต้องรีบเฉลยเมื่อเห็นเด็กสาวล้วงกระเป๋าหาบีวิง เขาล้มตัวลงนอน “ไม่สังเกตหรือไงว่ามันเงียบ ในเมืองปวดหัว นอกเมืองก็เสียงสัตว์ถูกฆ่าน่ารำคาญจะตาย อยู่ที่นี่แล้วเงียบดี นอนมองท้องฟ้าก็ได้ แถมได้สัมผัสกับกลิ่นยอดหญ้าอย่างนี้ หาได้อีกแล้วหรอ เขตที่อยู่ใกล้เมืองแต่สงบแบบนี้น่ะ..”
“......” เด็กสาวลองคิดตาม ใช่ เถียงไม่ได้จริงๆ เธอค่อยๆล้มตัวลงนอนข้างๆชายหนุ่ม “นานแล้วซินะ...” เธอนึกภาพเด็กผมน้ำตาลเข้มถูกมัดไว้ยุ่งๆ ในชุดเด็กผู้ชายนั่งเล่นบนโขดหินกลางป่า คอนวี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ท้องฟ้าวันนี้สวยดีจังนะ” แอดดิคมองท้องฟ้าที่มีแต่เมฆก่อตัวเป็นรูปต่างๆ สีสันฟ้าสด ขาว และเทาไล่กันสวย
“นายก็รักธรรมชาติซินะ” คอนวี่แอบยิ้ม แอดดิคยิ้มตอบ แม้ทั้งคู่จะยังคงจับจ้องไปยังฟากฟ้าที่เหมือนไกลแสนไกล ความงามที่ชื่นชมได้ไม่รู้เบื่อ
“นี่...คอนวี่ครับ....” แอดดิคขานชื่อแต่เด็กสาวไม่ตอบ เขาลุกพรวดเพราะกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป
I could stay awake just to hear you breathing
Watch you smile while you are sleeping
While you far away and dreaming
คอนวี่นั้นหลับไปแล้ว แอดดิคที่ไม่มีอะไรทำจึงมองหน้าเด็กสาวนานๆ ดวงหน้าเรียวมนออกอาการอิดโรย ...ฝึกหนักซินะ... แพขนตาหนาทำให้ดูน่ารักเวลาเธอกระพริบตา แต่ตอนนี้ก็นิ่งเพราะเจ้าตัวหลับไปแล้ว แก้มสีชมพูระเรื่อโดยธรรมชาติที่ดูเหมือนกับเธอคอยแต่งหน้าเอาไว้ ปากก็อ้านิดๆเพื่อหายใจ ไรผมสีน้ำตาลไหลไปตามหน้า
I could spend my life in this sweet surrender
I could stay lost in this moment forever
Well, every moment spent with you is a moment I treasure
ทั้งที่ยังเด็กขนาดนี้แต่ทำไมถึงฝึกหนักถึงเพียงนี้กันนะ หน้าสวยหวานสวยดุยามหลับดูใสซื่อไร้เดียงสาค่อยสมกับวัยหน่อย ทำให้แอดดิคอยู่ในภวังค์ เขาละสายตาจากเธอไม่ลง
I don’t want to close my eyes
I don’t want to fall asleep
‘cause I’d miss you, baby
And I don’t want to miss a thing
‘cause even when I dream of you
The sweetest dream would never do
I still miss you, baby
And I don’t want to miss a thing
เขานอนคว่ำลงข้างๆแล้วเอื้อมมือไปปัดผมอย่างแผ่วเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนอันน้อยนิดของเด็กสาว ในใจนึกยินดีที่อย่างน้อย เขาก็ได้ช่วยเธอ ให้เธอได้พักผ่อนซักนิดก็ยังดี
Lying close to you feel your heart beating
And I wander what you are dreaming
Wondering if it me you’re seeing
Then I kiss your eyes and thanks god we together
And I just want to stay with you
In this moment forever, forever and ever~(เพราะวุ้ย,,>w<,,)
“ฝันดีนะครับ” ชายหนุ่มผมดำกระซิบ ไม่รู้ว่าพูดกับเธอหรือพูดกับตัวเองกันแน่ ก่อนจะกลิ้งตัวนอนหงายแล้วเหม่อมองท้องฟ้าเช่นเดิม.. เขาก็เหลือบมองเด็กสาวบ้างแต่เขาไม่กล้าทำอะไรเด็กคนนี้หรอก
...ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกพิเศษกับเด็กคนนี้...ตั้งแต่ตอนที่เจอกันครั้งแรกก็รู้แล้วว่าเธอไม่เหมือนคนอื่นๆ...ทั้งที่เจอกันไม่นานแต่ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยเหมือนเคยรู้จักกันมานานแสนนาน..... ตั้งแต่ตอนไหน...นะ....
I don’t want to close my eyes
I don’t want to fall asleep
‘cause I’d miss you, baby
And I don’t want to miss a thing
‘cause even when I dream of you
The sweetest dream would never do
I still miss you, baby
And I don’t want to miss a thing
And I don’t want to miss one smile
I don’t want to miss one kiss
I just want to be with you
Right here with you, just like this
I just want to hold you close
I feel your heart so close to mine
And just stay here in this moment
For all the rest of time
Yeah, yeah, yeah, yeah
Yeah~~~
I don’t want to close my eyes
I don’t want to fall asleep
‘cause I’d miss you, baby
And I don’t want to miss a thing
‘cause even when I dream of you
The sweetest dream would never do
I still miss you, baby
And I don’t want to miss a thing
I don’t want to close my eyes
I don’t want to fall asleep
‘cause I’d miss you, baby
And I don’t want to miss a thing
‘cause even when I dream of you
The sweetest dream would never do
I still miss you, baby
And I don’t want to miss a thing
Don’t want to close my eyes
I don’t want to fall~ asleep
I don’t want to miss a thing
ชายหนุ่มผมสีเงินเสยไปข้างหลังถูกรวบไว้อย่างไม่เรียบร้อยเลยดูกระเซิงไปนิด ผมไหลมาปรกหน้าเล็กน้อยใช้ดวงตาสีดำสนิทกวาดมองผ่านแว่นจิ๋วMiniglassหาต้นเสียงที่ร้องเพลงนั่น ใบหน้าที่คมคายและดูเด็กถูกทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นด้วยการไว้เคราเล็กน้อยที่ปลายคางและข้างๆหู หมาป่าตัวมหึมาที่ถูกขนานนามเป็นMiniBossเดินประกบคู่มา เรือนขนสีน้ำเงินผสมเทาน่าเกรงขามแต่ก็ไม่ทำให้คนที่พบเห็นกลัว เนื่องด้วยชายหนุ่มที่มันตามแจนั้นอยู่ในเครื่องแบบหรูหราสีแดงเข้มเลือดนกแสดงถึงอาชีพคนฝึกสัตว์แสดงให้คนวางใจว่า เจ้าสัตว์ตัวนี้อยู่ในโอวาทเขาแน่ เขาเดินมาหยุดที่หน้าเสจสาวผู้ซึ่งโค้งให้กับคนที่ปรบมือให้ เพลงเมื่อกี้ทำให้เธอเหนื่อยพอตัว
ผมเป็นลอนไหลลงมาข้างหน้า พอเธอเงยจึงต้องเสยผมไปข้างหลัง เธอนั่งลงเก็บหมวกกับเงินที่ได้ เทมเมอร์หนุ่มเห็นจึงเดินตรงเข้าไปหา “เพราะมากเลยครับ” เขาส่งยิ้มพลางยื่นเงินให้ ไฮแอทยิ้มตอบก่อนรับเงิน
“ขอบคุณค่ะ” เธอหยิบถุงเงินมาแล้วเทเงินใส่
“ได้มากขนาดนี้คงจะพอซื้อของที่ต้องการได้แล้วซินะครับ” ชายหนุ่มยิ้ม แต่เธอส่ายหน้า
“บริจาคค่ะ ไม่ได้เก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง” ไฮแอทยิ้มอย่างภูมิใจ
“เอ๋!” เทมเมอร์หนุ่มไม่เชื่อหูตัวเอง “บริจาค!?”
“บริจาคให้ทางโรงพยาบาลน่ะค่ะ” ไฮแอทกอดถุงเงินไว้ อย่างน้อยๆ เธอก็ได้ช่วยใครใช่มั้ย ไม่ใช่ภาระเขาใช่มั้ย
“ว้าว!” ชายหนุ่มยิ้ม “เสียงดี ใจดี หน้าตาดี ใครได้คุณเป็นภรรยานี่น่าอิจฉาตายเลยนะครับ”
“ม..ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ” ไฮแอทหน้าแดง เล่นชมซะต่อหน้าแบบนี้นี่นา ก่อนจะหัวเราะกลบเกลื่อน “พูดเกินไปนะคะ ทำได้แค่นี้เอง แต่งไปเป็นภาระเปล่าๆค่ะ”
“ผมไลเกอร์ ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” ไลเกอร์ยิ้มก่อนจะถูกหมาป่าเอาหัวสะกิด “อะ..ส่วนเจ้านี่ชื่อซาร์ครับ”
“ไฮแอทค่ะ ว่าไงจ๊ะซาร์” ไฮแอทหันไปยิ้มหวานให้หมาป่าตัวนั้น ก่อนจะหันกลับมาหาชายหนุ่ม “ขอตัวนะคะ ต้องเอาเงินไปทำเรื่องบริจาค ไว้พบกันใหม่ค่ะ”
“ครับ ไว้ค่อยพบกันใหม่ครับ” ไลเกอร์ยิ้มตอบ
“แหมๆๆ แกกับนัทเป็นแฟนกันแล้วหรอ” แอทดิคเย้าแหย่พลางถอดผ้าคลุมสีนวลขอบทองแล้วแขวนไว้บนที่แขวนข้างเตียง “ทีตอนเจอกันครั้งแรกนะด่ากันซะมันส์เลยนะ...”
“เปล่าเว้ย!!” หนุ่มผมเพลิงหน้าแดงพอๆกับสีผมเถียง ก่อนจะกรีดยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เพื่อนรัก “แกรอพรุ่งนี้ละกัน นัทเขาขอให้ปิดเป็นความลับน่ะ”
“ปิดเราได้ลงนะโมโม่~” แอดดิคเรียกชื่อเล่นที่เขาตั้งให้เพื่อนรัก กาโม่ชักสีหน้าไม่พอใจอย่างแรงก่อนล้มตัวลงนอน “โมโม่ฝันดีน๊า~” แอดดิคหัวเราะร่าพลางปีนขึ้นเตียง แล้วต้องหลบรองเท้าบินได้ที่เฉี่ยวหัวไป
“หุบปาก” กาโม่พูดปัดๆก่อนจะคลุมโปงแล้วหลับตาสีอำพันไป แอดดิคยิ้มก่อนจะจับผ้าห่มมาห่มตัวแล้วพักบ้าง
....ที่นี่....ที่ไหน....
วิสาร์จหนุ่มสำรวจรอบตัวก็พบว่าเขาอยู่ท่ามกลางศพคนตายที่ถูกกองเรียงรายกันไว้ ....คงจะหลังสงครามย่อยๆซินะ...แต่ที่นี่ที่ไหนล่ะ...
“ฮึก...ฮึก...” เสียงสะอื้นร่ำไห้เบาๆทำให้แอดดิคหันควับ ...ใครมาร้องไห้ในที่แบบนี้นะ... เด็กน้อยวัย4-5ขวบ ผมสีน้ำตาลประบ่านั่งจับมือศพสามีภรรยาคู่หนึ่ง พอจะเดาได้ว่าคงเป็นพ่อแม่ของเด็กคนนี้ ตาสีเปลวเทียนเอ่อล้นด้วยน้ำตา หัวใจดวงน้อยคงจะแตกสลายลงคงในไม่ช้านี้แล้ว ปากเล็กและเสียงใสๆเรียกบิดามารดาหวังให้ตื่นมาส่งยิ้มให้เหมือนทุกเช้า เธอเรียกพวกเขาไม่หยุด ทำตัวให้เหมือนกับทุกเช้าที่เธอคอยปลุกพ่อกับแม่เธอ เหมือนพวกเขาแค่หลับไปไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก แต่เสียงที่ควบคุมอย่างดีและมือเธอนั้นสั่น...
....แสร้งเป็นเข้มแข็งซินะ...
แอดดิคนิ่งไปเช่นกัน ภาพเด็กผมสีดำดวงตาสีทองเหม่อลอยที่หน้าหลุมศพของบุพการี...
“2คนนั่นไม่ตื่นมาหรอกนะ...คอนวี่..” น้ำเสียงที่นิ่มนวลผ่านปากนักธนูชายวัย10ปีพูดกับเด็กน้อย แอดดิคจึงถึงรู้ว่าทำไมเด็กคนนี้หน้าตาคุ้นๆนัก เด็กผมเงินเดินข้ามศพต่างๆอย่างระวังก่อนเดินไปนั่งลงตรงข้ามกับเด็กสาว เขาหรี่ตาสีม่วงอเมทิสคู่งามจ้องลึกเข้าไปในตาเปลวเพลิงของเด็กที่จิตใจบอบช้ำตรงหน้าด้วยความที่อยากปลอบประโลม “เสียใจด้วยนะ...”
เด็กน้อยมองหน้าเด็กหนุ่มด้วยสายตาแข็งกร้าว ไม่ทันสังเกตเลยว่าเธอเช็ดน้ำตาไปจนหมดเมื่อไหร่กัน “อ..อืม ค่ะ” เด็กผมเงินเห็นอากับกิริยาของเด็กน้อยก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทั้งที่อายุยังน้อยแต่กลับแกล้งทำเป็นเข้มแข็งได้ซะแล้ว...
“...” นักธนูน้อยเอื้อมมือไปลูบหัวคอนวี่วัยเด็กเบาๆ แต่ภาพตรงหน้าก็บาดใจเกินจะทนไหว เวลาแบบนี้วิธีเดียวที่จะพอปลอบประโลมใจได้มีวิธีเดียวเท่านั้น มือที่ลูบไล้เส้นผมเปลี่ยนมารั้งตัวเด็กน้อยเข้ามากอดแน่น “เด็กดี”
สิ้นเสียงเด็กชายคอนวี่ก็ระเบิดร้องไห้เสียยกใหญ่ ท่อนแขนเล็กบอบบางกอดเด็กชายตอบ หน้าไร้เดียงสาซบลงกับเครื่องแบบอาเชอร์ “พี่แมท พ่อ..แม่...ทำไม...” เด็กน้อยกอดเด็กหนุ่มแน่น ปากน้อยๆคร่ำครวญดั่งฟ้าจะถล่มลงมาทับตายหรือนรกทลายจนปิศาจหลุดออกมา “ทั้งสองคนเกลียดคอนวี่หรอ..ถึงทิ้งไปแบบนี้”
แมทยิ้มบางๆอย่างเข้าใจ เพราะเขาเองก็หัวอกเดียวกัน ไม่กี่แถวถัดไปร่างของครอบครัวเขาก็นอนเรียงอยู่ “เขารักคอนวี่ต่างหาก เลยยอมสละชีวิตให้คอนวี่อยู่ต่อได้” เขาผลักเด็กสาวออกแล้วช่วยปาดน้ำตาเบาๆ “ต่อไปนี้พี่เลี้ยงเธอเองนะ ไม่ต้องห่วงพี่ไม่ดุเธอมากหรอก...แต่สัญญากับพี่ล่ะว่าจะไม่พูดว่าพ่อแม่ไม่รักอีก”
นิ้วก้อยบนมือเรียวยาวถูกยกมารอไว้ คอนวี่สบตาแมทก่อนจะพยักหน้าช้าๆ นิ้วก้อยเล็กๆถูกยกไปเกี่ยวกระหวัดตอบ พร้อมกับเสียงไม่มั่นใจ “อ...ค่ะ”
แอดดิคมองภาพตรงหน้าด้วยใบหน้าเย็นชา ใบหน้าที่เขาไม่เคยแสดงออกมาให้ใครเห็น เขาก็กำพร้า... ที่ฝึกให้ตัวเองเก่งก็เพื่อพ่อแม่...
....เพื่อแก้แค้นคนที่บังอาจมาช่วงชิงชีวิตของบุคคลทั้งสองไปจากเขาตลอดกาล...
ทันใดนั้นรอบๆตัวเขาก็รายล้อมด้วยป่าไม้ที่ดูคุ้นเคยว่าอยู่ในเขตใกล้ๆพรอนเทร่า
“คอนวี่!!” แมทที่ตอนนี้ใส่เครื่องแบบเทมเมอร์ตัวสูงใหญ่ คาดว่าอายุคงจะไม่ต่ำกว่า15แล้ว ใบหน้าดูเรียวยาวและคมสันขึ้นกว่าเดิมมาก ผมสีเงินถูกเลี้ยงยาวถึงกลางหลังรวบไว้ลวกๆแต่ก็ดูดี แต่สิ่งเดียวที่ไม่เคยและจะไม่มีวัน ไม่มีวันที่จะเปลี่ยนก็คือสายตาคู่นั้น ตาสีอเมทิสที่ไม่ว่ายังไงก็จะฉายแววอ่อนโยนเสมอ
“คอนวี่!!” ปากก็ร้องปาวๆเรียกชื่อเด็กสาวหวังจะหาให้เจอ “หนีไปไหนอีกล่ะเนี่ย” ถึงปากจะบ่นแต่ดวงตาก็ยังอ่อนโยนและใบหน้าก็ยังยิ้มแย้มเหมือนแค่กำลังเล่นซ่อนหากับเด็กอยู่ “อ๊ะ!”
เขาหันไปเห็นเด็กสาววัย10ปีรวบผมสีน้ำตาลยาวเข้มไว้ลวกๆ ใบหน้าหวานและผิวสีขาวผ่องสกปรกมอมแมมด้วยดินโคลน ทั้งตัวนี้สภาพก็เหมือนไม่ได้อาบน้ำมานานทั้งๆที่เมื่อเช้ายังสะอาดสะอ้านอยู่เลย เสื้อผ้าที่เธอใส่นั้นเป็นแบบของเด็กผู้ชาย เสื้อกล้ามสีน้ำเงินตัวใหญ่ๆกับกางเกงผ้าสีน้ำตาลเข้มเหมือนสีผม เพราะชอบมาบุกป่าคนเดียวแล้วเล่นอิท่าไหนก็ไม่ทราบจนเลอะเทอะแบบนี้หากใส่ชุดผู้หญิงกระโปรงก็ขาดกระจุยได้ซื้อใหม่เป็นว่าเล่นน่ะซิ เธอนั่งเล่นกลางป่าบนโขดหินประจำตัวเหมือนทุกๆวัน แมทเจอทีไรก็นั่งบนนี้ แต่ก็ไม่ทราบว่าทำยังไงถึงได้มอมแมมขนาดนี้
เธอทอดตาสีเพลิงเหล่ที่หางตาหาพี่ชายบุญธรรมอย่างเบื่อหน่ายเหมือนถึงเวลาหมดสนุกแล้ว “บอกกี่ครั้งแล้วฮะ!!” แมทเท้าสะเอวมือข้างหนึ่งชูนิ้วชี้แบบเต็มใจดุก่อนเด็กสาวจะประสานเสียง
“ว่าอย่าเข้าป่ามาคนเดียว มันอันตราย!!!”
“ก็ฉันเบื่อนี่นา” เธอกลอกตาไปมา แมทยิ้มแล้วนั่งลงข้างๆเธอ “อะไร?”
“ตั้งแต่เรื่องวันนั้นดูเธอยิ้มไม่ออกเลยน่ะ กลุ้มอะไรหรือเปล่า” คนฝึกสัตว์พูดขึ้น “5ปีแล้วซินะ ทำไมไม่ร่าเริงเหมือนตอนเจอกันตอนแรกๆล่ะ”
“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงค่ะ” คอนวี่พูดเบาๆ แมทถอนหายใจก่อนยิ้ม
“พี่ก็รู้ว่าเรื่องเมื่อวันนั้นมันเปลี่ยนชีวิตเรามาก แต่จะทำซึมเศร้าตลอดก็ไม่ได้นะ” แมทขยี้หัวเด็กสาวก่อนจะลุกเดินจากไป “กลับบ้านก่อนค่ำด้วยล่ะ” คอนวี่มองตามมอย่างหน่ายๆ
“ค่ะๆ” เธอตอบปัดๆ เหนื่อยหน่ายกับพี่ชายบุญธรรม ที่ตามรังควานเธอ ให้เธอแย้มยิ้มเสียที
“นี่ .”แมทหยุดเดินแล้วหันกลับไปหาน้องสาว “คอนวี่...”
“คะ?” เธอขาน
“พี่รักเธอนะ” คำพูดเหนือความคาดหมายของเด็กน้อยถูกพูดออกมา แต่ดูท่าทางแมทจะภูมิใจที่ได้พูดออกไป “พี่ดีใจนะที่ได้รู้จักเธอ ได้เธอเป็นน้อง ได้เลี้ยงเธอให้โตมาด้วยกัน ผ่านเรื่องดีและร้ายมาด้วยกันหลายต่อหลายครั้ง...” เขาหยุดเพื่อหายใจ “และพี่จะดีใจมากถ้าเธอจะกลับไปร่าเริงไร้เดียงสาแบบเดิม ถึงจะวุ่นก็เถอะ แต่พี่ชอบนะ และพี่ก็รักรอยยิ้มคอนวี่ที่สุดเลย” รอยยิ้มละไมแสดงความจริงใจของเขาถูกคลี่ออกมา... ก่อนจะเดินจากไปให้เด็กสาวได้อยู่ตามลำพัง อย่างที่เธอต้องการ
เด็กสาวมองตามอย่างเจ็บใจตัวเอง หน้าของเธอแดงก่ำ คำพูดที่เค้นไม่ออกเพราะเธอไม่คิดว่าจะได้สัมผัสมันอีกครั้งตั้งแต่เห็นศพบุพการี
แอดดิคที่มองทุกอย่างอยู่เงียบๆเห็นอาการของสาวน้อยก็ดูออก... ...จริงๆแล้วคอนวี่...
แต่ความคิดเขาก็หยุดลง เพราะอยู่ๆเขาก็มาโผล่ในโบสถ์ ในห้องเปลี่ยนอาชีพเป็นอโคไลท์ “คอนวี่ สแปรช พระเจ้าได้รับเสียงสวดมนต์ของลูกแล้ว” บาทหลวงกล่าว
“ขอบคุณค่ะท่าน” คอนวี่ที่อยู่ในเครื่องแบบอโคไลท์ยิ้มอย่างพอใจ “วันนี้แหละ วันนี้แหละ” เด็กสาวแรกรุ่นยิ้มกริ่มก่อนจะเดินออกมาอย่างร่าเริง
เสียงที่เธอคิดในใจ ดังในโสตประสาทของแอดดิค
....เพราะตัวฉันนั้นพูดไม่เก่ง และไม่เชื่อว่าจะได้รับไอรักที่ถวิลหาตั้งแต่เห็นผู้ให้กำเนิดนอนตาย...ขอโทษที่ไม่ยอมยิ้มนะคะ...ฉันนั้นขังตัวเองให้เสียใจเกินกว่าจะยิ้มได้..เหมือนกับกล้ามเนื้อบนหน้านั้นไม่รู้จักคำว่า ‘ยิ้ม’ ถึงจะยิ้มก็คงสู้พี่แมทไม่ได้หรอกค่ะ... แต่วันนี้ไป..ฉันจะยิ้มค่ะ...และจะพูดออกไป..คำพูดที่ฉันอยากจะบอกไป...
หากแต่ทันใดที่เปิดเข้าไปในบ้าน ข้าวของแตกกระจายถูกรื้อวิ่นเพราะโจรร้ายบุกถล่มบ้าน สิ่งที่ทำให้หัวใจน้อยๆนั้นเกือบหยุดเต้นคือร่างไร้วิญญาณของพี่ชายบุญธรรม
คอนวี่เดินเข้าไปใกล้ๆร่างนั้นช้าๆก่อนจะทรุดลงนั่งข้างๆ รอยยิ้มที่แอบซักซ้อมอย่างดีเพื่อวันนี้ถูกแทนที่ด้วยใบหน้าหวาดหวั่น
หยาดน้ำตาใสๆหลั่งไหลออกจากดวงตาสีเพลิงวาวโรจน์ไหลช้าๆอาบร่องแก้ม มือเรียวเล็กข้างหนึ่งรอบรับน้ำตาที่หยาดหยดมาพินิจพิจารณาเพียงเงียบๆ ไม่มีเสียงสะอื้นคร่ำครวญ ไม่มีคำตัดพ้อต่อโชคชะตา...มีเพียงรอยยิ้มที่กลับมาประทับบนใบหน้าทั้งที่ดวงตาคู่สวยยังร้องไห้
...หัวใจที่หวั่นไหวเหมือนเปลวเทียน...ตอนนี้มันคงจะหลอมละลายไปแล้ว...ไม่เหลืออะไรให้หวั่นไหวแล้วซินะ...สูญเสียคนรักถึง2ครั้ง...หัวใจตอนนี้เปรียบดั่งต้นไม้ที่ถูกปล่อยให้แห้งตายท่ามกลางพายุหิมะที่โปรยปราย... แม้จะต้องเจ็บปวดซักเท่าใด จะเหน็บหนาวบาดลึกเสียจนอยากจะร้องไห้...แต่ก็คงไร้ความรู้สึกเจ็บแล้วซินะ..ครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเห็นน้ำตาของเธอซินะ...
เด็กสาวหลับตาซบหน้าลงบนฝ่ามือทั้งสองข้างด้วยความรู้สึกกดดันถาโถมโหมกระหน่ำจนอัดอั้นเกินกว่าจะทานทนไหว ทำนบน้ำตาที่ร้าวเพียงเล็กน้อยแต่ไม่หยุดไหลเริ่มปริแตกพังทลายออกมา...
“ฉันรักพี่ค่ะ..” เธอพูดออกมาอย่างไม่เชื่อปากตัวเอง ...ที่เสียใจที่พ่อแม่ตายจนสาบานตนว่าจะไม่ยิ้มอีกครั้ง...แต่เพราะคนๆนี้คอยเติมความสดใสในชีวิตให้ชื่นบานอีกครั้ง...แม้หัวใจจะปิดตายแต่ก็ไขเข้ามาได้...เธอรักแมททั้งหมดของหัวใจ...ใช่แล้ว...เธอรักเขา...
“ฉันรักพี่!ได้ยินมั้ยคะ!!” เมื่อแน่ใจแล้วก็ตะโกนปาวๆอย่างบ้าคลั่ง หวังให้เสียงเธอเสียดแทงเข้าลึกในโสตประสาท แต่ร่างตรงหน้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลับมายิ้มปลอบปะโลมแล้วเช็ดน้ำตาเธอได้อีกครั้ง “ฉันดีใจที่ได้รู้จักพี่แมทเช่นกัน ดีใจที่พี่ก็รัก.. ดีใจที่ได้พี่เป็นพี่ชายฉัน..ฉันรักพี่ค่ะ!ได้ยินมั้ยคะ!!”
...เพราะพูดไม่เก่ง..เพราะอายจนพูดไม่ออก..เพราะไม่แน่ใจมาก่อน..แต่พอวันที่ตัดสินใจจะบอกกลับไม่อยู่ฟัง...
...พระเจ้า...นี่คือชะตากรรมของฉันหรอ?...
เธอกอดร่างของแมทแน่น อัญมณีสีเพลิงจ้องร่างในอ้อมแขน ...ขนาดตอนตายยังจะยิ้มอีกนะ...
ตาสีม่วงอเมทิสคู่งามที่ค้างในรูปคนที่ตกใจเล็กน้อยทำให้เธอยิ้มบางๆ คงยิ้มให้เรา เมื่อเรามาเจอซินะ...
...พี่ก็รักรอยยิ้มของเธอที่สุดเลย...
“ต่อจากนี้ไปฉันจะยิ้มค่ะ” เธอกระซิบก่อนจะใช้มือปิดตาคู่งามลง “อย่างที่พี่ชอบ...นะคะ...”
ภาพต่างๆหายไปทิ้งให้แอดดิคอึ้ง ...อดีตของเด็กคนนี้...
“ผมรักเวลายัยนี่ยิ้มนะครับ.. แต่ที่เธอยิ้มตอนนี้เธอแค่สวมหน้ากากเท่านั้น...ไม่ใช่ยิ้มจากใจที่ผมเคยเห็นนานมาแล้ว..."
“คุณ...แมททิว..??” แอดดิคที่หันไปพบร่างจิตวิญญาณของคนๆนึงเรียกชื่อเจ้าของวิญญาณนั้นอย่างไม่เชื่อตาตัวเอง แมทยิ้ม “ทำไม..ผม...” แอดดิคอยากจะถามเหลือเกินว่าทำไมต้องเป็นเขา แต่.. เขาเรียบเรียงไม่ถูก
“คุณแอดดิคทำให้ยัยนั่นยิ้มได้วันนี้ไงครับ” แมทพูดพลางเสกภาพทั้ง2นอนเล่นดูท้องฟ้า และก็จริง คอนวี่นั้นยิ้มไม่เหมือนทุกที ไม่มีการสวมหน้ากาก... “อยากฝากให้ดูแลรอยยิ้มจากใจจริงของคอนวี่แทนผมด้วย”
“ผ..ผม...” แอดดิคเงียบก่อนจะพยักหน้า “ผมสัญญา... ผมจะพยายามครับ” แค่เห็นแววตาอ้อนวอนของเด็กหนุ่มเขาก็อ่อนใจ แมทยิ้มอย่างอ่อนโยนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจางหายไป แอดดิคสะดุ้นตื่น
“ความฝัน?” แอดดิคยกมือทาบหัวใจที่สั่นระรัว “ทำไม...มันเหมือนจริงนักนะ...”
“ลุงตื่นสายจังนะ” คอนวี่ยิ้มทักพลางตักอาหารทาน แอดดิคที่ยังติดใจฝันเมื่อคืนเดินไปนั่งข้างๆและจ้องเด็กสาวไม่วางตา.. “อะไร.. ไม่เคยเห็นคนหิวหรอจ๊ะลุง” เธอยิ้มก่อนจะกินต่อ
“อ๊ะ เปล่าๆ” แอดดิคยิ้ม “ว่าแต่เธอ...รู้จักเทมเมอร์ชื่อแมททิวมั้ย?”
“...” มังค์สาววางช้อนลงทันที สีหน้าที่ปั้นยิ้มเสมอถูกถอดหน้ากากออกมา แอดดิครีบเรียกชื่อเธอ “คอนวี่ครับ..”
“อ๊ะ! แหะๆ” เธอกลับมายิ้มร่าอีกครั้งพลางยกมือจับหัวอย่างอายๆ “อย่าทำเค้าซึมซิ เป็นพี่ชายบุญธรรมฉันเอง เสียไปเมื่อ2ปีก่อน รู้จักพี่เขาหรอลุง?”
แอดดิคอึ้ง ...ฝันนั้นเป็นเรื่องจริง... ส่วนเด็กคนนี้... “มองอะไรอ่ะ-3-“ เด็กคนนี้ไม่ได้เก็กขรึม...แต่ที่ซึมเพราะหน้ากากเธอหลุด...ที่ร่าเริงเพราะรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับพี่ชาย...แต่ก็เลือกที่จะปิดกั้นหัวใจจากคนรอบข้าง.......คอนวี่...ทำไมเธอเข้าใจยากจังนะ...
“ความลับ” แอดดิคยิ้ม คอนวี่มองแบบ อะไรของนายน่ะ= =! แต่ก็ไม่พูดอะไรมาก เธอหันไปทานต่ออย่างไม่ใส่ใจอะไร ปล่อยให้สายตาของอีกฝ่ายจ้องมองต่อไป ไม่ว่าเขาจะคิดอะไรอยู่ก็ตาม....
-จบบท-
นัท [Nut] (ผู้สมัครมิได้ระบุนามสกุล)
ตำแหน่ง : ซูเปอร์โนวิทผู้ถูกเลือก
ผม : ตรงยาวสีฟ้า
นัยน์ตา : สีฟ้าเช่นกัน
ใบหน้า : ยิ้มแย้มแจ่มใส ร่าเริง บางทีก็อ้อนเพื่อบางอย่าง
อายุ : 13
ของสำคัญ : ศักดิ์ศรีของอาชีพ
เครื่องประดับบริเวณศรีษะ : ไม่ได้สวมใส่
อดีต : ถูกรังแก
ความพิเศษ : ความสามารถหลายๆอย่าง ยังไม่ปรากฏ เจ้าตัวก็ยังไม่รู้
Credit
บทเพลง I don’t want to miss a thing
ความคิดเห็น