ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Cursed Fox จิ้งจอกต้องสาป[Ragnarok Fanfiction]

    ลำดับตอนที่ #5 : ศึกแรก

    • อัปเดตล่าสุด 29 ธ.ค. 50


    บทที่5 ศึกแรก

    สนอร์รี่มองทุกคนทานมื้อเช้าจนเสร็จทุกคน ก็ยิ้มเศร้าๆออกมา นัทสังเกตเห็นจึงเดินเข้าไปถาม “มีอะไรหรือคะ?”

    “พวกกบฏยุให้เกาะเต่า... ฮะๆ บุกเข้าอัลเบอร์ต้าหลังจากมนุษย์ไปยุ่งทางนั้นมานาน” สนอร์รี่บอกเธอ ก่อนจะยิ้มให้อย่างเสียใจ “ผมขอโทษนะครับ ที่งานมันมาเร็วขนาดนี้”

    “ไม่ใช่ความผิดของท่านซักหน่อย” นัทหัวเราะก่อนจะตบบ่า (เอ่อ.. นั่นเจ้าชายนะนัทจัง=[]=!) “แล้วบุกยังไงหรอคะเนี่ย”

    “แย่งชิงเรือที่รับส่งเกาะเต่ากับอัลเบอร์ต้า แล้วพยายามมุ่งมาที่เมือง.....อ๊ะ” คอนวี่ที่พูดวิเคราะห์เงียบทันทีที่ถูกสองแม่ทัพจ้องเขม็ง “ขอโทษค่ะ ไม่ได้ตั้งใจจะ...”

    “เปล่า ตกใจที่ตรงเผงต่างหาก” ซิกเน็ทมองเธออย่างพิจารณา คนที่บอกว่าตัวเองอายุเพียง15 กลับอ่านเกมออกได้อย่างง่ายได้ ทำให้เขาทึ่ง โดยที่ไม่ได้ดูตัวเองเลยว่า ตัวเองอายุเท่าไหร่แล้วเป็นถึงขนาดนี้

    “เก่งจังเลยนะ นอกจากเวทย์ผมก็วิเคราะห์อะไรไม่ได้” แอดดิคพูดชมก่อนจะเศร้าในความสามารถตัวเอง

    “อ่านหนังสือมามากน่ะเลยมั่วถูก” เธอยิ้มอย่างเขินอาย ไม่เรียกว่ามากแล้วจะเป็นอะไร หนังสือทุกเล่มในห้องสมุดประจำเมืองหลวงพรอนเทร่าเนี่ย

    “เอาเถอะๆ” สนอร์รี่ยิ้ม “ยังไงก็มีเวลาอย่างน้อย3-4ชั่วโมง เพราะพวกเต่าหลงทาง เพราะผมคุมธาตุน้ำให้ทะเลปั่นป่วนยืดเวลาไปได้เยอะเลยครับ แถมมีแผนแล้วด้วย เพียงแต่ต้องรบกวนนำทหารมาด้วยซักประมาณ500นายเพื่อกันการต้านศัตรูไม่ไหว พวกกับการอพยพคนในเมืองออกไปชั่วคราวด้วยครับ” ซิกเน็ทยังคงสีหน้าเรียบเฉยแต่ส้อมในมือหักไปแล้ว สงสัยจะอารมณ์ไม่ดีเรื่องทหาร

    “คงจะเลือกเวทย์ยากเหมือนกันนะคะ” ไฮแอทถอนหายใจเล็กน้อย

    “ค่ะ ไม่เคยศึกษาธาตุพวกนี้ซะด้วย...” ฮารูมิเห็นด้วย ส่วนในมือก็หยิบขนมปังมาทาเนย พอได้ยินว่าจะต้องไปก็รีบหาเสบียงรอบโต๊ะเลยละมั้ง

    “ผมเคยไปกับเจ้ากาโม่มาครับ คงจะพอช่วยแนะนำเวทย์ได้บ้าง” แอดดิครีบออกตัวทันที ถ้าเป็นเรื่องเวทย์ละก็ขอให้บอก

    “...มีแต่ดาบไฟประจำตัวซะด้วย...... แถมเต่าก็ถึกอีกแน่ะ.... นัทจะไหวมั้ยเนี่ย แง้ว...” นักบ่นพลางฟุบหน้าลงกับโต๊ะ สงสัยจะเตรียมใจอยู่

    “เตรียมตัวให้พร้อม จัดการเรื่องทหารได้เมื่อไหร่ เราจะไปอัลเบอร์ต้าทันที ทางนั้นรายงานมาว่าอพยพคนออกมาเรียบร้อยแล้ว” สนอร์รี่ประกาศก่อนจะลากซิกเน็ทไปยื่นเรื่องขอคนจากพระราชา


    กลางมหาสมุทรที่เกรี้ยวกราด คลื่นซัดสาดถาโถมทำให้เรือที่บรรทุกเต่าโคลงเคลง บรรดาตัวที่ว่ายน้ำก็ต้านกระแสน้ำได้ยากเช่นกัน แต่ดูเหมือนเมืองอัลเบอร์ต้าจะใกล้เข้ามาทุกที

    “ทุกคนประจำตำแหน่ง!!” ซิกเน็ทประกาศเมื่อเห็นเรือมาลางๆ ก่อนจะกุมสร้อยกางเขนเงินของเขาไว้แน่น “ท่านแม่... อวยพรให้ผมด้วย...” เขากระซิบกับตัวเอง

    “รับทราบค่ะ!” คอนวี่รับคำอย่างแข็งขันก่อนจะสบตากับเอคเซลอย่างรู้กัน ทั้งสองยิ้มนิดๆก่อนจะพยักหน้าให้กันแล้ววิ่งเข้าไปในเมือง ส่วนคนอื่นยืนประจำอยู่ที่ท่าเรือ สายตาทุกคู่จับจ้องที่เรือซึ่งเข้ามาเรื่อยๆ เหล่านักเวทย์ยืนกัน3จุด มือของทุกคนกำคทาคู่กายให้กระชับ ความคิดก็วนไปวนมาถึงบทเวทย์มนต์ที่ได้ร่ำเรียน

    “พร้อมไม่พร้อมก็ต้องสู้ซินะ...” กาโม่ชักดาบออกจากฝักให้พร้อมสู้ ก่อนจะหันไปยิ้มให้กำลังใจทหารคนอื่น

    “เฮ้อ... นัทจะรอดมั้ยเนี่ยแง้ว....” นัทเป่าปอยผมสีฟ้าที่ไหลลงมาปิดหน้าอย่างเซ็งๆ มือก็กำเบลดไฟที่ผ่านการตีบวกมาอย่างดีไว้เสียแน่น

    “แม่แมวน้อยพร้อมแล้วซินะ” แอดดิคยิ้มให้พร้อมกับเอ่ยชื่อเล่นที่เขาจะใช้เรียกเธอ

    “.....” ซิกเน็ทมองแล้ววิเคราะห์คร่าวๆ ทั้งจำนวนศัตรู และฝ่ายของเขาเอง สนอร์รี่ห้ามเขาไว้ไม่ให้ลงงานเองในคราวนี้ เพื่อที่จะดูความสามารถแต่ละคน ถ้าไม่ไหวจึงค่อยให้เขาจัดการมาตรการเด็ดขาด “แผนของท่านสนอร์รี่ทั้งที คงไม่ต้องห่วงอะไรซินะ?”

    “ไม่หรอก...” สนอร์รี่มีสีหน้าเรียบเฉยติดจะกังวลจนออกนอกหน้า สายตาของเขามองไปตามจุดต่างๆเพราะกับวิเคราะห์ ถ้ามันใช่อย่างที่เขาคิดละก็ มันก็ไม่ต้องห่วง แต่.... “ศึกครั้งนี้ขึ้นอยู่กับพวกนี้เอง ผมไม่เคยร่วมงานมาก่อนเลยไม่รู้ฝีมือใครทั้งนั้น ดังนั้นถึงจะอธิบายทุกขั้นตอนอย่างละเอียด สาธิตเป็นฉากๆ ก็ตอบอะไรไม่ได้ เหมือนทำอาหารนั่นแหละ ทำไหม้บ้าง ปรุงไม่อร่อยบ้าง... ยิ่งครั้งแรก ยิ่งลงตัวและสมบูรณ์ยาก....”

    พวกเต่านินจาทำงานเทียบท่าเรืออย่างแข็งขัน ส่วนพวกที่ว่ายน้ำมาก็ทยอยปีกขึ้นบก สนอร์รี่ยกมือขึ้น แอดดิค ฮารูมิ และไฮแอทก็ร่ายเวทย์ประเดิมตามที่ถนัด เต่าที่ปีนขึ้นมาเจอเวทย์ธาตุที่ตนแพ้ก็บาดเจ็บเรื่อยๆจนตายในที่สุด จากนั้นก็ถึงคิวหน่วยกล้าตายแล้ว

    กาโม่และนัทจ้องสนอร์รี่อย่างเย็นใจ เมื่อสนอร์รี่ส่งสัญญาณ ทั้งคู่ก็พุ่งเข้าหามอนส์เตอร์ที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วสอยให้ร่วง เว้นแต่พวกที่ไม่แพ้ธาตุไฟที่กาโม่จะเข้าไปช่วยนัทฆ่า ที่ว่ายน้ำมานั้นส่วนใหญ่จะเป็น Freezer Solider Heater และ Permeter ส่วนเต่านินจาและวันเดอร์เรอร์จะอยู่บนเรือ งานของพวกเขาคือฆ่าไปเรื่อยๆ ส่วนฮารูมิและแอดดิคที่คุมเหนือใต้จะคอยร่ายกำแพงไฟเผาบันไดไม้ที่พวกเต่าพยายามใช้ปีนลงเรือ ส่วนไฮแอทอยู่ไกลออกมาหน่อยเพื่อปกป้องสองคนจากมอนส์เตอร์ที่เข้าประชิดตัว

    “เอคเซล! คอนวี่! ตอนนี้แหละ!!” ซิกเน็ทตะโกนพลางชี้ช่องว่างบนเรือที่พวกเต่าเว้นว่างไว้

    “ย๊า-----------!!!“ ทั้งสองโหนเชือกที่มีตะขอเหล็กที่ใช้บรรทุกของขึ้นลงเรือ โดยการวางเท้าไว้บนตะขอ สองมือจับเชือกแน่นก่อนกระโดดลงกลางเรืออย่างสวยงาม ทั้งคู่ยิ้มให้กันตามประสามังค์ที่สนุกที่จะได้สู้ พวกเธอหันหลังชนกันระหว่างที่พวกเต่านินจาวิ่งมาล้อม พอพวกมันพุ่งเข้าหมายจะเอาชีวิตทั้งสองก็แยกย้ายไปคนละทิศละทาง ทั้งสองวิ่งไปมาจนพวกเต่าสู้พลาดไปโดนพวกเดียวกันเอง

    แผนของสนอร์รี่คือ การวิ่งไปเรื่อยๆ เพราะพวกมันเอาเรื่องพอควร บางส่วนจึงฆ่ากันตายโดยไม่ต้องเสียแรง ถึงไม่ฆ่ากันตายก็ชะลอการบุกเมืองได้ แต่ถ้าเกิดเหตุสุดวิสัยก็ชกได้ทันที ไม่ต้องเปลี่ยนสนับสลับธาตุให้วุ่นวาย ถึงปกติเอคเซลจะไม่ใช้สนับแต่สนอร์รี่ก็ยัดเยียดให้ใช้ไปแล้ว ที่น่าห่วงคือจะหลบได้ตลอดหรือเปล่าก็เท่านั้น

    ....แผนลุล่วงคือไม่พลาด...
    ....พลาดคือชีวิตที่อาจจบสิ้น....

    “ออกมาซักทีซิ..... เบื่อแล้วนะ.....เมื่อไหร่จะออกมาซักที...” สนอร์รี่จ้องเรือนั้นเขม็ง ทันใดนั้น ราชาแห่งเต่า Turtle General ก็ออกมาจากเรือตามที่สนอร์รี่กระทู้ถาม ซิกเน็ทตกใจรีบโยนเชือกไปให้พระทั้งสอง พวกเธอหลบพวกเต่าแล้ววิ่งเข้าหาเชือกที่ใกล้ตัวเองมากที่สุดแล้วโหนออกมา

    “รับไป!!” เขาโยนของบางอย่างให้พระทั้งสอง พวกเธอรับแล้วใส่ทันที ก่อนจะรับพรจากซิกเน็ทแล้ววิ่งหายไปอีกครั้ง เต่าชรากระโดดลงมายืนที่ท่าเรือ กาโม่ตั้งท่าเตรียมพร้อม ดึงความสนใจมัน นัทอาศัยจังหวะนั้นพุ่งเข้าไปแทงที่ขาของมัน เต่าชรานั้นเป็นธาตุดิน พอถูกไฟจากพลังธาตุที่สถิตในดาบก็ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด มือก็ปัดไปทันที แต่นัทหลบทัน

    “หันไปไหน ศัตรูแกอยู่นี่” กาโม่เรียกมันก่อนจะวาดดาบลงบนพื้น เขาโยนRed Bloodขึ้นไปบนฟ้า หินที่มีพลังแห่งไฟสถิตเมื่อร่วงหล่นลงมาถึงระดับสายตาเขาก็เหวี่ยงดาบจนมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วทิ่มเข้าตามตัวเจ้าหัวหน้าเต่านั่น มันโอดคราญด้วยความเจ็บปวด

    “ตอนนี้แหละ!!” นัทตะโกน ผู้ที่หลบซ่อนอยู่โผล่ขึ้นมาในทันที

    *Extermity Fist!!!*

    มังค์สองคนอัดท่าไม้ตายประจำอาชีพที่ส่งผลหมัดเดียวตายได้เข้าไปพร้อมกัน มันโหยหวนก่อนจะสลายไป

    สลับการโจมตีทำให้ตั้งตัวใช้เวทย์ไม่ทัน และให้คลิปมุดสาวๆลอบเข้าประชิดตัว พอส่งสัญญาณก็ออกมาใช้ท่าไม้ตายทำเอาซะเต่ากระดองร้าวจนต้องทิ้งร่างให้สลายไป ส่วนวิญญาณของมันกลับไปเกาะเต่า ที่ๆมันมา เหมือนเป็นธรรมเนียมของสงคราม เมื่อผู้นำล้ม ลูกน้องก็ถอยกลับฐานที่มั่น

    สนอร์รี่ยิ้มอย่างพอใจ “ได้ผลด้วย....”

    “ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะครับ” แอดดิคหันมายิ้มกวนๆให้ เมื่อได้ยินเสียงสนอร์รี่แว่วๆ

    “เย้!!!” ทุกคนโห่ร้องอย่างดีใจ พวกทหารที่เฝ้าแต่เก็บตกเต่าที่มุ่งเข้าทำลายข้าวของก็ยินดีด้วย ไม่มีคนเสียชีวิต มีแต่บาดเจ็บแต่ก็ไม่หนักหนา นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี

    “ทุกคนไปพักเถอะ....” ซิกเน็ทประกาศ แล้วทุกคนที่ไม่บาดเจ็บก็ไปพาคนกลับเข้าเมือง ก่อนจะสำราญไปกับเมืองริมทะเลนี้ เมืองกำเนิดอาชีพพ่อค้าที่เงียบเหงากลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ถึงแม้จะเฉพาะวันนี้ก็เถอะ

    “แยกย้ายกันซื้อของงี้ แถวก็ยาวตายซิเนี่ย เนอะพี่ฮารูมิ” คอนวี่บ่นอุบก่อนหันมายิ้มกับคนที่ตนพูดด้วย

    “คุณคอนวี่นี่เข้มแข็งและร่าเริงตลอดเลยนะคะ” ฮารูมิหัวเราะ แต่คอนวี่อึ้ง แต่ทำได้ไม่นานก็โดนลากทันที “ทางนั้นค่ะทางนั้น ไปกันนะๆๆๆ” (ขอทำไมจ๊ะ ก็ลากไปแล้ว=w=)

    “ท่านสนอร์รี่ล่ะคะ?” ไฮแอทเดินไปถามซิกเน็ท เพราะหลังจากเหตุการณ์เมื่อกี้ เธอก็ไม่เห็นเขาเลย

    “ท่านไปสานต่อศึกนี้ให้จบอย่างสมบูรณ์น่ะ... เพื่อให้ในสงครามครั้งนี้ ไม่มีศึกนี้เป็นครั้งที่สอง...” ซิกเน็ทมองออกไปยังผืนทะเล ที่ไหนซักแห่งที่นี่ คือเกาะนั้น “แต่ไม่ต้องห่วงเถอะ ตามสบายเจ้าเลย....”

    “ค่ะ” ไฮแอทรับคำก่อนจะวิ่งไปหาเอคเซล “ไปดูร้านนั้นกันนะคะ~”


    เมื่อก้าวออกมาจากจุดวาร์ป เขาก็ร่ายเวทย์เกราะป้องกัน มีสัตว์ไร้สมองอยู่เยอะมิใช่มีแต่เต่าในช่วงทางเข้าแห่งนี้ เขาTeleport ย้ายตนเองไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงทางลงถ้ำ เขาเดินลงโดยมิสนใจสายตาดูแคลนและทัดท้านการที่เขาเข้าไปจากเต่าชนิดต่างๆในดันเจี้ยน เขาเร่งเดินมาถึงทางลงชั้นสี่ จนมาถึงหน้าประตู

    “พวกมนุษย์ มาทำไมอีก!!!” เต่านินจาตัวหนึ่งที่เฝ้าประตูโวยทันทีที่เห็นเขา

    “ได้โปรด ผมไม่อยากทำร้ายใคร ถ้ายังรักชีวิตก็กรุณาเปิดทางให้ผมด้วยเถอะครับ” สนอร์รี่กล่าวพลางโค้งให้

    “ใครมาน่ะ...” เต่าชราที่กำลังบำบัดรับการพยาบาลถามบริวารตน

    “มนุษย์ชุดขาวเทอะทะต้องการเข้ามาขอรับ... จากรายงานน่าจะเป็นคนที่ยืนดูเหตุการณ์เมื่อกี้ครับท่าน” เต่าตัวที่ห้ามสนอร์รี่เข้าตอบ “ข้าน้อยจะกระทำการขับไล่มันเดี๋ยวนี้ให้ขอรับ”

    “.....Lord of Lightรึ....” เต่าชราครุ่นคิด “ให้เขาเข้ามา”

    “แต่ท่านขอรับ ...มันน่ะ....” เต่าตัวนั้นพยายามค้านเพราะเห็นห่วงหัวหน้าตน มนุษย์น่ะไม่น่าไว้ใจ น่ารักเกียจ น่าไสส่งให้ไปไกลๆจากที่แห่งนี้

    “คำสั่งข้า หรือเจ้าไม่คิดจะฟังข้าแล้ว?” เสียงที่เริ่มแข็งกร้าวทำให้มันตัวสั่นเทาเมื่อได้ฟัง “ตัวแทนของความดี... คงไม่ทำอะไรต่ำทรามหรอก... จริงมั้ย?”

    “เอ้า... ก็ได้ยินแล้ว” มันเปิดประตูให้ สนอร์รี่แอบยิ้มเล็กน้อยกับคำพูดกล่าวถึงอาชีพเขา เหมือนคุมเชิงไว้เลย หากกระทำสิ่งใด ก็ถือว่าเขาไม่ให้เกียรติอาชีพตนเองไปโดยปริยายซินะ เขาคุกเข่าเบื้องหน้าเทอเทิล เจเนอรัล

    “ขออภัยที่จำเป็นต้องสั่งให้พวกพ้องผมทำร้ายท่านจนสาหัสเช่นนี้ หวังว่าท่านจะให้อภัย ท่านราชา” เขาก้มหน้า สีหน้าเป็นการขอโทษอย่างแท้จริง มิใช่เสแสร้งแต่อย่างใด

    “เราก็ทำหน้าที่เดียวกัน มนุษย์...  ข้าเข้าใจ” ราชาเต่ายกถ้วยชาสมุนไพรขึ้นมาจิบแต่ไม่ยอมรับยามาทาน “ข้าเข้าใจ ท่านซินะ ฝ่ายมันสมองที่เขาร่ำลือกัน...กลยุทธ์ธรรมดาของศึกสงครามคือกำจัดผู้นำ ข้าทราบดี... ท่านมิได้หมายเอาชีวิตเรา หากเพียงต้องการปกป้องบ้านเมืองเท่านั้น หากมีผู้ใด หรือแม้แต่ตัวอะไรเข้ามาทำร้าย ก็ต้องฆ่าอย่างไร้ความปราณี......”

    “.....” สนอร์รี่เงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มให้อย่างเคารพ

    “จริงๆพวกเรานั้นรักสงบมาก แต่พวกท่านน่ะแหละที่มาค้นพบเกาะนี้ แล้วก็บุกเข้ามาฆ่าประชากรของข้าทุกเช้าค่ำ.... หากยอมรับการบุกรุกนั่น ข้าคงเสียสติไปแล้ว.....” ว่าแล้ว ก็ชี้แจงทางฝ่ายตนเช่นกัน

    “ขออภัย แต่ผมเกรงว่า ต่อให้ต่างสายพันธุ์ แต่เราก็อยู่ในโลกนี้เช่นกัน ท่านไม่ได้มาจากโลกปิศาจ แต่ท่านมีอยู่แล้วที่นี่... พวกเราเผชิญสิ่งเดียวกัน คือการดำรงชีวิตอยู่ในความกลัว...” ราชาเต่าชะงักเล็กน้อยกับคำพูดของสนอร์รี่ ได้ผล เต่าทั้งหลายเริ่มมุ่งสมาธิฟังมากกว่าระแวงว่าเขาจะสู้แล้ว ซึ่งนั่นก็ทำให้สนอร์รี่รู้สึกปลอดภัยขึ้น เขาตัดสินใจพูดต่อ สีหน้าฉายแววเจ็บปวด “ผมทราบดี ว่าแม้แต่พวกเทพที่พวกมนุษย์ส่วนใหญ่บูชา ก็กลัว... แต่ซ่อนความกลัวไว้ เพื่อให้มนุษย์กล้าศรัทธาเมื่อมนุษย์กลัว....”

    “อยากให้พวกท่านทราบว่าการที่มนุษย์ที่รักสงบเช่นเดียวกันได้เปลี่ยนรูปแบบมาเป็นการฝึกปรือการสู้รบ หลอกตัวเองโดยบังหน้าด้วยคำว่าผู้กล้า สุดท้ายเหตุผลที่แท้จริงนั้นก็ถูกมองข้าม แม้ว่าจะคิดไม่ถึง หรือจงใจมองข้าม... ความกลัว...” ทั้งห้องตกในภวังค์อีกครั้ง มีเพียงเสียงลมหายใจ และเสียงน้ำหยดในถ้ำแห่งนี้

    “ตั้งแต่ผมเข้าโบสถ์ เป็นนักบวชฝึกหัดแล้วศึกษาหนังสือบทความต่างๆ แม้จะจารึกด้วยถ้อยคำที่รังสรรค์อย่างดีให้คำพูดนั้นสวยหรูและเปี่ยมด้วยความงดงาม แต่ความหมายลึกๆแล้ว ก็ไม่พ้นคำว่ากลัวทั้งนั้น สัญญาเทพกับปิศาจนั้นก็มาจากเหตุผลที่กลัวแพ้สงครามจึงใช้สันติวิธี หรืออาจกลัวมนุษย์จะหมดความศรัทธาจึงคอยมองดูเหล่ามนุษย์และดูแลเป็นบางครั้ง พวกปิศาจที่ทำร้ายมนุษย์ที่พลัดเข้าไปในถิ่นมันก็เพราะไม่ไว้ใจ ในเมื่อมนุษย์มักจะทำร้ายตนและเพื่อนพ้อง... มนุษย์เอง ทำเก่งแสวงหาประสบการณ์ให้เป็นหนึ่ง ให้อยู่รอด เพราะกลัวว่าจะถูกเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งกว่าอย่างปิศาจเข้าทำร้าย ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ กลัวตัวเอง หรือคนที่รักตาย ซึ่งเหตุการณ์นี้พึ่งเกิดเมื่อวานซืน หากพวกท่านพอจะรู้จักเมืองแห่งความสำราญที่อยู่ติดทะเลที่อีกฟากของแผ่นดิน เมืองนั้นในตอนนี้ คือซากของทะเลเพลิงไปแล้ว....ฝีมือ... พวกที่ไม่ใช่มนุษย์ ดังเช่นพวกท่าน...”

    เมื่อพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นโค้ง “ผมไม่มีอะไรจะชี้แจงอีกแล้ว เพราะต่อให้ผมบอกให้พวกท่านเชื่อได้ แต่มนุษย์อย่างพวกผมก็คงไม่หยุดเข้ามาบุกรุกที่ของท่าน... ดังนั้น ผมคงต้องขอลา...” ว่าแล้วเขาก็เดินไปที่ประตู ก่อนจะพูดลอยๆ “พวกที่ยุให้ท่านไปยังเมืองนั้นเป็นกบฏจากโลกปิศาจ... หากต้องการจะอยู่ฝ่ายนั้น คราวหน้าถ้าเจอกัน... ผมคงต้องทำให้ท่านสาหัสกว่านี้เพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์ผม.....” จากนั้นเขาก็ก้าวเดินไปอย่างช้าๆ

    “ท่านจะปล่อยให้มนุษย์ผู้นี้มาพูดฉอดๆ แล้วเดินกลับออกไปดีๆหรือขอรับ” เต่าตัวเดิมถาม

    “นั่นซินะ...” ราชาหัวเราะเบาๆ เขาอ่านเกมของสนอร์รี่ออก พูดมาคือกล่อมว่ามนุษย์มิได้ผิด พวกเต่าเองก็หาผิดด้วยไม่ หากแต่อยู่กันคนละฝ่ายและทำตามสิ่งที่ควรจะทำ ลึกๆมนุษย์ก็รักสงบ เหตุผลที่เดินแทนที่จะใช้เวทย์เทเลพอร์ตกลับไป.... “ยังไม่อนุญาตให้ไป ก็เดินไปซะแล้ว มรรยาทมนุษย์ก็คงทรามแบบนี้ซินะ....”

    “อ้าว” สนอร์รี่หันกลับมาก่อนจะโค้งให้แล้วชี้ “ก็ผมไม่กล้าอยู่ต่อนิครับ ประชากรท่านน่ะจ้องเหมือนจะฆ่าผม จนผมคิดว่าผมคงควรไปจะดีกว่า ขออภัยที่เผลอทำอะไรเสียมรรยาท”

    “อืม... ว่าแต่ถ้ารักสงบทั้งคู่ มันไม่มีทางทำให้คนของเจ้าเลิกเข้ามายุ่งกับประชากรข้าเลยหรือ?” ราชาเต่าหัวเราะเบาๆ “เจ้าสัญญาที่เทพกับปิศาจทำก็ไม่เลวดีนะ....”

    “สำหรับผม ผมจัดการเรื่องนั้นได้ครับ แต่ถ้าเช่นนั้น ก็แปลว่าท่านก็กลัวน่ะซิครับ”

    “หรือเจ้าไม่กลัว...”

    “ยอมรับอย่างหมดใจว่ากลัว แต่รู้สึกปลอดภัยขึ้นเยอะเมื่อทราบว่าท่านต้องการทำสัญญา.....”

    “อืม... ในเมื่อเจ้าชายยังยอมรับได้ ทำไมกษัตริย์อย่างข้าจะยอมน้อยหน้าเจ้า....” ราชาเต่าหัวเราะ “การยอมรับในสิ่งที่ตนรู้สึก ก็คือความกล้าแบบหนึ่งของลูกผู้ชาย....”

    “นี่ท่านทราบว่าผมเป็น......”

    “นอกจากมันสมอง ก็เจ้าชายแห่งพวกมนุษย์ที่ระรานพวกข้าไงล่ะ” ราชาเต่ายิ้มให้ ก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มร่างสัญญาและตกลงกันในหลายๆเรื่อง กลายเป็นสถานที่ที่เป็นมิตร หากแต่มีฝ่ายใดเริ่มเรื่อง ฝ่ายนั้นมีสิทธิถูกทำโทษจากพวกเดียวกันหรือพวกตรงข้าม เป็นการตัดปัญหาว่าที่แห่งนี้ จะเป็นฝ่ายกลางที่จะไม่ข้องเกี่ยวกับการศึกอีก

    -จบบท-

    คอนวี่ สแปรช [Konvii Splash]
    ตำแหน่ง : มังค์ที่เข้ามาร่วมด้วย
    ผม : น้ำตาลเข้มยาวถึงกลางหลัง กึ่งหยักโศก
    นัยน์ตา : แดงเพลิง
    ใบหน้า : หวานน่ารัก แต่ยากที่จะเดาอารมณ์จริงๆได้เมื่อสวมหน้ากากรอยยิ้ม
    อายุ : 15
    ของสำคัญ : ไม่เหลืออะไรแล้ว คงจะเป็นความทรงจำ
    เครื่องประดับบริเวณศรีษะ : อีวิ่ลวิง กับใบไม้คาบปาก
    อดีต : อยู่พาย่อน ครอบครัวตาย ย้ายมาอยู่พรอนเทร่ากับพี่ชายบุญธรรม แล้วเขาก็ตายวันที่....
    ความพิเศษ : มีสติปัญญาในเกณฑ์ปานกลางติดจะสูง พลังเวทย์และพละกำลังค่อนข้างสูง เก่งในการไม่แสดงอารมณ์ที่แท้จริง(เอ๊ะ?)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×