คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ผู้ร่วมสงคราม
บทที่4 ผู้ร่วมสงคราม
“ไม่รู้ซินะ ว่ามอนส์เตอร์หลุดจากดันเจี้ยน เปลี่ยนโคโมโดเป็นทะเลเพลิงไปแล้วน่ะ....” ซิกเน็ทพูดเสียงเรียบ นัทเอามือปิดปาก เมื่อได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกใจหาย ไม่ต่างจากหลายๆคน “ชาวบ้าน... ยาม.. คาฟร่า.. ทุกคนในเมืองนับร้อยชีวิต... ไร้ผู้รอดชีวิต....”
“พวกผมไม่ต้องการใช้คนในวัง... พวกนั้นรังแต่จะทำงานเอาหน้า เอาตำแหน่ง เดี๋ยวสุดท้ายจะตีกันเองจนเสียงาน... เข้าใจที่ผมพูดซินะครับ?” สนอร์รี่หัวเราะแห้งๆ
“ผมทราบดีครับ” กาโม่พยักหน้า “ไนท์ ครูซาเดอร์ หรือนักดาบดีๆ ไม่อยู่ในวังหรอกครับ Lord Knight ถึงมักจะหมกตัวตามเมืองอื่นเพราะเอือมระอา ส่วนอีกประเภทคือประจบไม่เก่งก็เลยจบเห่ไปเลย...”
“เวทย์ที่ผมใช้ คือ The Power of Destiny เป็นลำแสง12สายที่ตามหาผู้ที่ถูกเลือก ให้มารวมกัน แค่วันแรกได้คนมากขนาดนี้ผมก็ดีใจแล้ว.... ครึ่งนึงพอดีซินะครับ หกคน...”
“ห้าครับ” แอดดิครีบออกตัว “ผมน่ะไม่ได้โดนเวทย์ด้วย แต่ตามเพื่อนมาน่ะครับ”
“อ้าว...หรอ...” สนอร์รี่ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจ “ถ้างั้นอย่าเสี่ยงเลยครับ เรื่องนี้น่ะ... ไม่รับประกันหรอกนะครับ อาจจะถึงชีวิตเมื่อไหร่ตอนไหนก็ได้... แม้แต่ผมกับซิกเน็ท....”
“ถ้าเจ้านี่ร่วมไม่ได้ ผมก็จะไปเหมือนกัน” กาโม่พูดเสียงเรียบ ใบหน้าที่มักยิ้มกลับจริงจัง สนอร์รี่แม้จะยิ้มอยู่แต่ก็สบตาอยู่นิ่งๆ ก่อนกาโม่จะหันหลัง “ไปกันเถอะแอดดิค หาที่ลุยกัน”
“ไม่ต้องไปหรอก ก็แค่เตือนเท่านั้นแหละ ไม่อยากให้โทษกันทีหลังว่าล่อลวงมาตาย...” ซิกเน็ทยังคงเสียงเรียบเฉยไว้ แม้จะแอบร้อนรนเล็กน้อยถึงคำทำนาย ยังไงพวกเขาก็ต้องยอมกาโม่ไปก่อน “ที่เหลือคงมาซักวันแหละ”
“แล้วศัตรูคือ... ใครหรอคะ?” ไฮแอทถาม
“พวกกบฏโลกปิศาจน่ะ.... ดูท่าทางมันจะยอมรับสัญญานั่นไม่ได้ละมั้ง เลยจะครองโลกมนุษย์ก่อน แล้วขยายกำลังไปคุมโลกมันเองแล้วค่อยยึดโลกสวรรค์ ผมคิดว่านะ”
“เอ๋!!!” ทุกคนอุทาน
“แล้วพวกเจ้า จะร่วมสงครามหรือไม่.....” ซิกเน็ทถามในทันที แล้วห้องก็ตกอยู่ในภวังค์ของความเงียบ เรื่องนี้ ถ้าร่วมแปลว่าตายได้ทุกเมื่อ... ความกลัวตายคืบคลานเข้าไปยังจิตใจทุกคน และยิ่งหนักใจขึ้นไปเมื่อคิดว่าถ้าตัวเองตาย แล้วผู้คนที่ฝากชีวิตไว้กับเขาจะผิดหวังขนาดไหน ฝีมือพวกเขาคงมิอาจร่วมศึกนี้ได้
“ไฮแอทค่ะ ขอร่วมด้วยนะคะ” เสจสาวเอ่ยขึ้นมาอย่างหนักแน่น “ถ้าแสงนั่นเลือกชั้น ชั้นก็ยินดีค่ะ ที่คนที่ไม่มีดีอย่างชั้นยังสามารถทำประโยชน์อะไรได้บ้าง..... ชั้นเป็นภาระมาเสมอ จึงอยากเป็นฝ่ายช่วยเหลือผู้อื่นบ้าง” พูดจบก็หันไปยิ้มกับเอคเซล ผู้ที่เธอเป็นภาระเสมอนั่นเอง
“งั้นก็ โซนาต้า เอคเซล” มังค์สาวแนะนำตัวบ้าง “ไม่จำเป็นจะต้องมีเหตุผลในการจะช่วยชีวิตใครซักคน ถ้าทำได้ก็อยากทำให้ดีที่สุด.....” นี่เป็นครั้งแรกละมั้งที่พูดได้ยาวขนาดนี้
“......” นัทที่ลังเล แต่พอมองไฮแอทแล้วก็รู้สึกเหมือนเป็นผู้จุดประกายบางอย่างที่เธอต้องการพิสูจน์ “ขอนัทร่วมด้วยนะคะ!! นัทน่ะอยากให้ทุกคนเห็น ว่าต่อให้อาชีพไหนก็ทำประโยชน์ให้ได้ และมีความสามารถทั้งนั้น ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ นัทอยากสู้ค่ะ!!!”
“ผมเข้าใจครับ คนส่วนใหญ่มักดูถูกอาชีพคุณ.... ยิ่งเห็นเป็นเด็กยิ่งดูถูกซินะครับ” สนอร์รี่ยิ้มหวาน ก่อนจะกล่าวต่อจนทำเอานัทตื้นตันใจ “ผมมั่นใจว่าคุณจะต้องช่วยพวกเราได้เยอะจนพวกเราคาดไม่ถึงเลยละครับ แม้ว่าจะเป็นเด็กอย่างคุณก็ตาม...”
“เอ่อ... ฮารูมิ เอค แซงมาร์สค่ะ” เธอตัดสินใจแล้วล่ะ ถ้าหากชนะครั้งนี้ ชื่อเสียงที่ได้มา ต้องทำให้พี่ชายตามหาเธอเจออย่างแน่นอน “อยากเจอพี่ชายค่ะ ถ้าสามารถช่วยที่นี่ได้ ต่อให้ตายก่อนเจอพี่ก็ตาม ก็อยากให้พี่เขาได้รับรู้ว่าฉันได้พยายามเพื่ออะไรซักอย่าง... คุณสนอร์รี่คะ หากฉันตายก่อนพบพี่ชายจริงๆ แล้วเขามาหาท่าน โปรดบอกด้วยนะคะว่าฉันอยากเจอเขาเสมอ และไม่เสียใจที่เสียสละในสงครามด้วย....” สนอร์รี่พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มชื่นชม
“อีกสองคนละครับ?” สนอร์รี่เอ่ยถาม
“ขึ้นอยู่กับเจ้านี่น่ะ... เพราะพี่เลี้ยงต้องตามใจเด็กนี่นา จริงมั้ย~” ว่าแล้วกาโม่ก็ลูบหัวแอดดิค ทำให้ฝ่ายเพื่อนกระทุ้งศอกใส่อย่างรำคาญ
“แล้วคุณล่ะครับ.... ได้โปรด...”
“อ...เอ่อ” ความประหม่าทำให้เขาพูดไม่ถูก โดยเฉพาะเมื่อเจ้าชายมาขอร้อง “ผ...ผม แอดดิค เอลต้าครับ ฝากตัวด้วยครับ”
“งั้นกาโม่ก็ร่วมด้วย เย้~” กาโม่หัวเราะ “ถ้ากล้าเลือกผม ผมก็กล้ารับ และจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจครั้งนี้เด็ดขาด ต่อให้ตัวตายก็ตาม ผมจะทำประโยชน์ให้ได้มากที่สุดครับ!!!”
“ขอบใจที่ไม่ปฏิเสธ” ซิกเน็ทพูด แต่ใบหน้านิ่งเฉยจนเหมือนสวนทางกับคำพูด
“แล้วเริ่มเมื่อไหร่หรอคะ?” ฮารูมิถาม
“รอสายสืบทางโลกปิศาจอยู่” ซิกเน็ทตอบทันที หญิงสาวพยักหน้ารับ
“กรุณารับต่างหูนี่ด้วย” สนอร์รี่ยื่นแผงต่างหูที่เป็นอัญมณีสีฟ้าขุ่น “ผมถนัดเวทย์น้ำน่ะครับ เลยใช้Crystal Blueมาทำ ช่วยทำให้กลุ่มพวกเราติดต่อกันได้ด้วยพลังจิตน่ะครับ”
“ลงมนตร์เสริมพลังจิต และใช้หินก้อนเดียวกันให้สื่อถึงกันได้ซินะครับ” แอดดิควิเคราะห์ สนอร์รี่กับซิกเน็ทปัดผมให้เห็นว่าได้ใส่ไว้แล้ว ทุกคนจึงเริ่มหากระจกแล้วใส่
“มีอะไรผมจะแจ้งผ่านต่างหู ห้ามถอดเด็ดขาดนะครับ”
“เย็นแล้ว มีที่พักมั้ยคะ?” เอคเซลเอ่ยปากถาม นัทรีบพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนเข้าไปอ้อนเจ้าชาย
“นัทหิวแล้วด้วยค่ะ แง้ว~” นัททำหน้าตาน่าสงสาร
“วังหลวงปีกนอกครับคือที่พัก เข้าวาร์ปเถอะครับ ป่านนี้อาหารคงจะพร้อมแล้ว” สนอร์รี่หัวเราะเล็กน้อยกับความน่ารักของนัท ดีแล้วล่ะที่ไม่ต้องคอยแต่เครียดกับปัญหาต่างๆ แล้วเขาก็เปิดวาร์ป ให้ทุกคนเข้าไป ซึ่งจุดหมายปลายทางก็คือ โต๊ะอาหารที่เต็มด้วยอาหารที่น่ารับประทาน ในห้องสวยหรูที่ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าพวกเขากำลังอยู่ในตัววัง
“แอดดิคจะไปไหนครับ??” สนอร์รี่ถามระหว่างที่วิสาร์จหนุ่มกำลังแอบย่องออกไปและกำลังได้ใจว่าไม่ถูกจับได้ “อาหารไม่ถูกปากหรอครับ.... ว้า.... ผมเสียใจนะเนี่ย”
“ก....กระหม่อมมิบังอาจ อาหารของฝ่าบาทนั้นเลิศรสมาก.... อ๊ะ ขอโทษครับ” เมื่อสายตาสนอร์รี่เปลี่ยนเป็นดุแทน เขาจึงรีบเปลี่ยนคำพูดกลับเป็นปกติ ช่างเป็นเจ้าชายที่ไม่อยากเป็นเจ้าชายเสียจริง “ผมว่าอร่อยมากครับ เพียงแต่ไม่ค่อยหิวครับ” ว่าแล้วก็หัวเราะกลบเกลื่อนความขัดเขิน ที่โดนจับได้
“ไม่หิวหรือไม่กล้า?” ซิกเน็ทโพล่งจากข้างหลัง แอดดิคสะดุ้งโหยง “นายเกรงใจที่อาหารจัดไว้ให้ผู้ถูกเลือก ส่วนนายไม่ใช่ซินะ?”
“ครับ ผมไม่กล้า... อย่างที่คุณพูด” แอดดิคก้มหน้าลงมองพื้น “แต่ผมก็ไม่หิวเช่นกัน ดังนั้น ผมว่าจะเป็นการดีที่สุดที่ผมจะไปเดินเล่นจนกว่าจะหิว และรอทานของเหลือจากคนที่สมควรจะทานดีกว่าครับ ขอตัวนะครับ” เมื่อพูดจบก็เดินจากไปทันทีโดยไม่รอให้ถูกถามอะไรมากกว่านั้น แค่ร่วมศึกครั้งนี้เขาก็ไม่ควรแล้ว
“ท่านสนอร์รี่....” ซิกเน็ทมองตามแอดดิคแล้วพูดในสิ่งที่สงสัย “เป็นไปได้มั้ยว่าเขาจะ....”
“มูนไลท์เป็นเพศเมีย เป็นผู้หญิงแน่นอน” สนอร์รี่ตอบ ใบหน้ามิได้ยิ้มเช่นทุกทีแต่กลับเรียบเฉยจนน่ากลัว “เปลี่ยนร่างทุกข้างแรม เขาไม่ใช่หรอก... ส่วนชนิดอื่นชั้นจำได้แค่บาโฟเม็ตน่ะ โกรธเมื่อไหร่กลายร่าง ถูกสั่งฆ่าทันทีที่กลับร่างมนุษย์ ปิดเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น.. อ่อ ผมเจอตอนรื้อหาความลับบางอย่างทางการทหารน่ะ” เขาชี้แจงเมื่อถูกซิกเน็ทมองแปลกๆ อะไรจะรู้ขนาดนี้ท่าน
“มากับท่านสนอร์รี่น่ะ” แอดดิคยิ้มเมื่อเห็นยามมองเขาแปลกๆ ก็เล่นเข้าด้วยวาร์ปแล้วเดินออกมา อยู่ๆโผล่ออกมาก็ตกใจน่ะซิ หลังจากเดินข้ามสะพาน ไม่นานก็ต้องประทับจูบกับพื้นล้มหน้าทิ่ม “อูย...” เขาครวญก่อนจะลืมตามองแต่ก็เห็นแต่พื้น... ก็หน้าทิ่มดินนี่นา รู้สึกว่ามีคนทับเขาอยู่ “ขอโทษครับ....หนัก.....”
“ข...ขอโทษ” เจ้าตัวรีบลุกทันที หน้าแดงเล็กน้อย ก่อนจะชี้หน้าคนที่ทับ “อ้าว! วิสขี้เก็กที่แมวน้ำนี่นา แอด...ด้า?”
“แอดดิคครับ” แอดดิคยิ้มอย่าง(พยายามจะ)ไม่ถือสาที่ชื่อเขากลายเป็นยี่ห้อรองเท้า แถมโดนชนจนล้มอีก “คุณคอนวี่ซินะครับ”
“อ..อืม...” เธอก้มหน้าอย่างสำนึกผิด เธอจำชื่อเขาไม่ได้แต่เขาจำได้ เธอยื่นมือหลังจะช่วยฉุดชายตรงหน้าให้ลุกขึ้นมา ก่อนจะหันไปเหล่มองทางวัง “ไม่นึกว่าจะมีคนออกมาจากวังน่ะ เลยวิ่งแบบไม่ยั้ง เบรกก็แตก ขอโทษจริงๆนะ ว่าแต่ ทำงานในนั้นหรือแค่ผ่านไปยิงหนอนแดงหรอ?”
“หนอนอะไรเล่า พึ่งเข้าไปทำงานได้15นาทีเองมั้ง” แอดดิคหัวเราะอายๆก่อนจะยื่นมือไปรับความช่วยเหลือ แล้วปัดฝุ่นตามตัว “ว่าแต่เธอมาทำอะรที่นี่น่ะ?” คนถูกถามมองหน้าอย่างสงสัย “เบื่อๆอยู่ อยากหาคนคุยด้วยน่ะ ถ้าจะไปไหนจะได้ขอตามไปด้วย แต่ถ้ายังไงจะไล่ก็ได้นะ”
“อ.. บ้านฉันอยู่ที่นี่น่ะ” เธอพูด แต่สายตาก็กำลังมองชายหนุ่มอย่างจับผิด ใช่ว่าชายหนุ่มจะไม่รู้ “ยังจะตามมาอีกมั้ยล่ะ คนจะกลับไปพักผ่อน”
“ยังไงก็ตามแหละ” แอดดิคยิ้มสู้ “ถ้าเจ้าของบ้านให้ตามกลับบ้านน่ะ....”
“ไม่มีทางหรอกน่า” เธอส่ายหน้าแทบจะทันที “เดินเล่นเป็นเพื่อนแทนก็ได้ ชั้นยังไม่อยากโดนคนล้อว่าล่อลวงคนแก่ไปชิงทรัพย์”
“ฮะๆ แล้วแต่ๆ ...พอๆ เลิกจ้องแบบนั้นจะได้มั้ย เฮ้อ... ขนลุก- -“ แอดดิคพูด ว่าแล้วก็ลูบแขน “แค่หาเพื่อนเดินเล่นก็โดนมองเป็นภาชนะหุงต้มซะแล้วเรา เฮ้อ... ถ้างั้นผมไปคนเดียวก็ได้...”
“ไม่ต้องๆ อยู่ด้วยกันเนี่ยแหละ ก็ตกลงแล้วไงว่าจะเดินเป็นเพื่อนน่ะ” คอนวี่ยิ้มให้เล่นเอาแอดดิคอึ้งเล็กน้อย ตาสีเพลิงคู่นั้นที่มักจะฉายแววนิ่งหรือคาดเดาอารมณ์ไม่ได้กลายเป็นแววตาสดใสเสียดื้อๆ แล้วอยู่ๆเธอก็หยุดชะงักก่อนจะหน้าเสีย
“มีอะไรหรือเปล่า” แอดดิครีบถาม คอนวี่ส่ายหน้าก่อนปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติ
“เดินเล่นกันเถอะ ฉันสบายมาก” เธอแสร้งหัวเราะ “จริงซิ... แล้วลุงแอดดิคทำอะไรในวังหรอ หน้าแบบนี้ภารโรงซินะ?”
“ขำตายล่ะ...” แอดดิคเขกหัวเด็กสาวเบาๆ “ทหารร่วมสงครามต่างหากล่ะ” เขายิ้มเศร้าๆ คอนวี่ได้ยินก็หันควับทันที “รู้ข่าวโคโมโดมั้ยล่ะ ตายเรียบเลยล่ะ เปิดสงครามอย่างทางการละมั้งนั่น...”
“แอดดิคคะ....” คอนวี่กำผ้าคลุมเขาแน่น แอดดิคมองเธออย่างสงสัย “ให้ฉันร่วมสู้ได้มั้ยคะ!!”
“เอ๋? แต่ผม...” คอนวี่กระชากผ้าคลุม แต่เหมือนกระชากคอเสื้อ ใบหน้าเธอเอาเรื่องผิดกับคำพูด
“ได้โปรดเถอะค่ะ นะคะ....”
แอดดิคถอนหายใจ ก่อนจะยิ้มให้เธอ “ผมไม่มีอำนาจขนาดนั้นครับ แต่ผมพอจะพาคุณไปพบกับแม่ทัพได้”
เมื่อได้รับคำตอบที่ถูกใจ เธอก็ยอมปล่อยผ้าคลุมก่อนจะยิ้มหวาน ซึ่งจะน่ารักมากหากเมื่อกี้มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น... “ขอบคุณมากค่ะลุงแอดด้า~”
“....นี่เธอจะซาบซึ้งจริงๆได้มั้ยเนี่ย ไม่งั้นก็ไม่ต้อง...” แอดดิคคอตก กลายเป็นรองเท้าไปอีกแล้วซินะ “เอาเถอะ แลกกันกับที่เธอช่วยไว้ แล้วทำไมอยากร่วมสงครามล่ะ... ไม่กลัวตายหรือไง...”
“....” เธอยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อแอดดิคกล่าวคำว่าตาย “ความลับค่ะ....”
“ได้ซิ” สนอร์รี่ยิ้มรับแทบจะในทันที “ตามสบายเลยนะครับ ยินดีเป็นอย่างมากที่ได้คุณคอนวี่เข้ากลุ่ม”
“องค์ชาย... ไหงทีผมเหมือนจะผลักไสละครับ...” แอดดิคแกล้งทักท้วง ส่วนคอนวี่หน้าแดงตื่นเต้นที่กำลังได้พูดกับเจ้าชาย
“น่าๆๆๆ เอ้า ไปแนะนำตัวกัน คอนวี่ สแปรชซินะครับ” ว่าแล้วก็ลากเธอไปเลยไม่สนแอดดิคที่ยืนค้างอยู่ เหล่าผู้ร่วมสงครามจะรู้มั้ยนะ ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริง ที่สองแม่ทัพต้องการคืออะไร และพรุ่งนี้ มีอะไรรอพวกเขาอยู่...
ชายหนุ่มขยำจดหมายแจ้งให้เขาอย่างหัวเสีย อะไรมันจะมาเร็วอย่างนี้ “บ้าที่สุด.... จะต้องเจอกับอีกกี่เรื่องกัน ถึงจะจบเรื่องบ้าๆพวกนี้..... จะต้องทนอีกกราอย่าง.......”
“สุดท้ายเรามันก็แค่มนุษย์ตัวกระจ้อยร่อย... จะทำได้สำเร็จหรือ.. จะล้มล้างความเชื่อของผู้คนได้หรือไงกัน!”
-จบบท-
แอดดิค เอลต้า [Addic Elta]
ตำแหน่ง : วิสาร์จที่ร่วมสงครามโดยมิใช่ผู้ถูกเลือก
ผม : ดำขลับเข้าทรงดูเรียบร้อย
นัยน์ตา : ทอง
ใบหน้า : เหมือนมนุษย์ทั่วไปที่เป็นได้ทุกอารมณ์
อายุ : 21
ของสำคัญ : ความทรงจำเกี่ยวกับครอบครัว
เครื่องประดับบริเวณศรีษะ : ไม่ได้สวมใส่
อดีต : ฝึกวิชาอย่างหนักเพื่อหาคนที่สังหารครอบครัวเขา
ความพิเศษ : เวทย์ลับ ที่อาจทำให้ร่างกายตัวเองตายไปพร้อมๆกับศัตรู
ความคิดเห็น