ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Cursed Fox จิ้งจอกต้องสาป[Ragnarok Fanfiction]

    ลำดับตอนที่ #3 : ผู้ถูกเลือก

    • อัปเดตล่าสุด 29 ธ.ค. 50


    บทที่3 ผู้ถูกเลือก

    “ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!” พระสาวใส่หมวกโพริ่งกระโดดหมุนตัวเตะแซนแมนตัวสุดท้าย ฝ่าเท้ากระแทกอย่างรุนแรงจนร่างมันสลายไป แดดร้อนจ้าทำให้เหงื่อไหลย้อยจับตามเส้นผมซอยสั้นสีเหลืองทอง เธอหอบถี่ๆ เพราะฝึกมาเป็นเวลานาน และเต็มที่กับการออกหมัดออกเท้าทุกครั้ง หลังจากปาดเหงื่อก็นั่งลงเก็บของที่ดรอปจากพวกที่ตาย ไอ้ความเก่ง พวกนี้ก็ไม่ใช่จะอะไรนัก แต่แดดร้อนๆ กับการโถมเข้ามาโจมตีเป็นระรอกใหญ่ๆนี่ซิ เธอบ่นเล็กน้อย “เอาดวงอาทิตย์ไปเก็บที..”

    Fire Bolt!!!

    ลูกไฟจากฟากฟ้าพุ่งลงมาแผดเผาจนแซนแมนตาย นักปราชญ์สาวผมสีม่วงยาวเป็นลอนทำท่าดีใจ ก่อนจะเดินไปเก็บของที่ตกอยู่ เธอยิ้มหวานระหว่างหันไปสบตาเพื่อน ว่าแต่นะ.... ร้อนอย่างนี้ เธอยังคิดใช้เวทย์ไฟอีก ให้ตายซิ “.........”

    “????” มังค์สาวขมวดคิ้ว ไม่ได้ยินเลยว่าอีกฝ่ายพูดอะไร

    “ก็.... ดู.... น้า....” เสจสาวพูดอีกครั้ง ถึงดังกว่าเดิมก็จับใจความได้เป็นบางคำ มังค์สาวเกาหัวอย่างเซ็งๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายยอมเดินไปใกล้เพื่อนเอง “ไม่ได้ยิน...”

    “ขอโทษค่ะ” เธอหัวเราะแห้งๆ แต่เสียงก็เบาอยู่ดี “ดูนี่ซิ ฉันได้อีลูด้วยนะ” เธอยกแร่สีเงินเข้มให้ดู อีลูเนี่ยม แร่ที่เป็นที่ต้องการในตลาดอย่างมาก หายากระดับกลาง ใช้ในการตีเหล็กเพื่อเพิ่มความแกร่ง

    “ลูเล็กต่างหาก...” เธอแก้ให้ ซึ่งแร่นี้ ต้องใช้มากกว่าจะสกัดเป็นอีลูเนี่ยมได้ ราคาจึงต่างกันพอควร ว่าแล้วก็หันไปมองหาแซนแมนต่อ นี่คงกะว่า จะสู้จนกว่าใกล้ตายค่อยขยี้บีวิงกลับซินะ

    “เอ็กซ์กี้~” เสจสาวเรียกชื่อเพื่อนช้าๆ ดวงตาจ้องมองฟ้า

    “เอคเซล...” พระสาวแก้ ชื่อของเธอ เธอภูมิใจแบบนี้ ไม่ต้องย่อ แต่พอหันไปเห็นคนเรียก จากฉุนๆก็หยุดความคิด

    “บนฟ้า...” เธอชี้ พระสาวมองตาม “ดาวตกตอนกลางวัน สวยจังเลยนะคะ” เธอยิ้ม แต่เอคเซลยิ้มไม่ออก ภาพตรงหน้าคือลำแสงสีขาวสองสายพุ่งตรงมายังคนทั้งสอง

    “ไฮแอท! บ้าหรือเปล่า!!!” เธอร้องก่อนจะฉุดแขนเพื่อนเพื่อโกย

    “ไม่ใช่หรอคะ?” เธอทำหน้าเสียดาย แต่ก็วิ่งตามเพื่อนแม้ไม่รู้สาเหตุ “หนีทำไมหรอคะ?”

    “เวทย์อะไรก็ไม่รู้ ตายจะทำไง” เธอบอก ไฮแอทได้ฟังก็หยุดวิ่งทันที เอลเซลฉงนเล็กน้อย แต่ไม่มีเวลามากแล้ว “อยากตายหรือไง”

    “ไม่ตายหรอกค่ะ” ไฮแอทยิ้ม ก่อนจะหันไปมองลำแสงนั้น “ชั้นน่ะ เรียนสายเวทย์นะคะ และชำนาญกว่าเอลเซลด้วย แสงนั่นอบอุ่นและอ่อนโยนจะตายไป เชื่อฉันเถอะนะคะ...”

    “แต่....” เอคเซลตั้งใจจะเถียง ถึงเธอจะร่ำเรียนวิชาเวทย์มาเป็นพื้นฐานก่อนเบนเข็มมาสายบู๊ แต่เธอก็ไม่เคยไว้ใจพลังเวทย์ที่พุ่งเข้าหาเธอเลย แต่ไฮแอทยังคงนิ่ง สายตามองมุ่งมั่นไปยังลำแสงนั่น เธอถอนหายใจ ถ้าคนๆนี้ไม่ขยับ แล้วจะต้องตาย อย่างน้อย ก็จะอยู่ตายเป็นเพื่อนละกัน....

    ลำแสงสีขาวใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงตัวทั้งสอง มันโอบล้อมตัวของทั้งสองก่อนจะหายไปในพริบตา ไฮแอทหันไปยิ้มหน้าทะเล้นกับเอคเซล “เห็นมั้ยคะ” นานๆที จะชนะเพื่อนคนนี้ได้ละมั้ง

    “แต่มันทำให้อยากเข้าโบสถ์....” เอคเซลเถียง

    “งั้นก็ไปหาคำตอบกันเถอะค่ะ... ตอนที่....จัดการเจ้าพวกนี้เสร็จ...” ไฮแอทยิ้ม ก่อนจะรวบรวมพลังเวทย์ เอคเซลยิ้มที่มุมปาก แซนแมนราว50ตัว กำลังตรงเข้ามาหาพวกเธอจากทั่วสารทิศ....


    “ยัยเด็กบ้า!!!” ซามุไรหนุ่มตะคอกใส่ซูเปอร์โนวิทน้อย “แจมหาบิดาเตี่ยฟาเธอร์หรอฮะ!!!” (เอ๊ะ... คุ้นๆ)

    “ปากเสีย! นายนั่นแหละแจมชั้น!!!” เด็กน้อยโวยวาย ถึงจะทำหน้าโกรธ แต่ก็ดูน่ารักอยู่

    “แอดดิค บอกมันซิว่าใครแจมใคร” กาโม่หันไปหาเพื่อน เพื่อให้ช่วยหนุนหลัง

    “แบบว่า...” (ถ้าหนุนก็โดนว่ารุมรังแกเด็กซิครับ- -“) แอดดิคหัวเราะแห้งๆ เอานิ้วชี้เกาแก้มเบาๆ “คือ.... เท่าที่เห็นทั้งสองคนใช้สกิลพร้อมๆกัน เลยไม่ทราบว่าใครแจมใคร แค่เข้าใจผิดแหละมั้ง เลิกเอาเรื่องกันเถอะนะ”

    “อะไรกัน ยัยโนวิทอ่อนแล้วแจมฉันนะ ตีเองไม่เป็นเลยมาแย่งเก็บเลเวลเหมือนปกติพวกนี้ทำแหละ” กาโม่โวยวายจนเด็กน้อยเดือดดาล

    “ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะ! ข้าเป็นSuper Novice มิใช่โนวิทธรรมดา ข้าตีเองได้สบายมาก!!” เธอโวยวายบ้าง “นายนั่นแหละ คิดว่าข้าอ่อน คิดว่าไม่มีปัญหา แล้วก็เอาแต่คิดเองว่าข้าไร้ความสามารถ รีบตัดหน้าตอนที่คนอาชีพข้ากำลังจะลงมือ แล้วก็มาดูถูกว่าพวกข้าไร้ความสามารถเอง ชั่วช้าเพราะคอยแจมคนอื่น พวกเจ้านั่นแหละที่ชั่วช้า มาใส่ความคนอื่นเพื่อความสนุกตัวเองน่ะข้าเกลียดที่สุด!!!!!!!!!!”

    “หนอย! ยัยนี่!!!”

    “ซามุไรสวะสันดารเสีย!!!”

    “พอทั้งสองคนนั่นแหละ!!!” แอดดิคตะคอก ถ้าไม่หยุด ดูท่าทางจะยิ่งบานปลาย แต่จริงๆมันคงบานปลายไปแล้วละมั้ง “กาโม่... แกขอโทษเด็กคนนี้ซะ!” เขาสั่งเพื่อน กาโม่อึ้งจะเถียงก็โดนตอกกลับด้วยเหตุผล “เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะความเข้าใจผิด คิดว่าไม่รู้หรือไงว่าแกหงุดหงิดเรื่องโดนลูทของน่ะ แต่อย่าสักแต่หาที่ระบายอารมณ์ตัวเองจะได้มั้ย นายไปเริ่มตะคอกเขาทั้งๆที่หยุดที่ขอโทษที่บังเอิญตีพร้อมกันก็ได้น่ะ!!”

    “อ.... เอ่อ.... จริงด้วย ขอโทษละกัน...” กาโม่เมื่อสำนึกได้ว่าเผลอใช้อารมณ์ไปจึงกล่าวขอโทษ เด็กน้อยยิ้มอย่างมีชัย

    “คุณเองก็ขอโทษเพื่อนผมด้วยครับ” แอดดิคสั่งต่อ เด็กคนนั้นหันมามองอย่างไม่เข้าใจ “ผมเข้าใจว่าเพื่อนผมผิดที่เริ่ม แต่คำพูดสุดท้ายของคุณก็แรงไปนะครับ”

    “อ... ค่ะ” เธอพยักหน้าอย่างว่าง่าย “ขอโทษนะคะ ทั้งสองคนเลย”

    “ส่วนผมก็ขอโทษที่สั่งให้คุณขอโทษนะครับ” แอดดิคยิ้มก่อนจะหันไปตบบ่าเพื่อน “ขอโทษที่ไม่เข้าข้างแกนะ”

    “คร้าบๆๆๆ แหม....แต่เค้าก็งอนอยู่ดีแหละ” กาโม่เบี่ยงหน้าแกล้งงอนให้สมบทบาท แต่ก็ได้เห็นบางอย่าง “เฮ้ย!! นั่นอะไรกัน!!!” ทั้งสองหันควับไปมองท้องฟ้า แสงสีขาวสองสายตรงมายังคนทั้งสาม แต่เพราะเห็นช้าไปจึงไม่มีเวลาให้หนีไปไหน

    แสงสีขาวโอบล้อมเด็กน้อยคนนั้นกับกาโม่เอาไว้ แอดดิคมองอย่างตะลึง “ลำแสง...แบบนี้..... เปี่ยมด้วยพลังเหลือเกิน......”

    “อะไรน่ะ....” เด็กน้อยพูดขึ้นหลังจากที่ลำแสงนั้นหายไป

    “แอดดิค....” กาโม่หันไปหาเพื่อนคนทันทีด้วยความหวังจะขอให้อธิบาย

    “ไม่รู้... รู้แค่ว่า...” แอดดิคนิ่งเงียบกลั่นกรองคำพูดก่อน “พลังเมื่อกี้สูงมาก เวทย์ชั้นสูงและผู้ใช้เวทย์ก็มีพลังสูง คงร่ายเกิน1คน ถ้าเป็นคนเดียวก็มีทางเดียวคือพวกเทพแล้วล่ะ แล้ว.. มีอะไรสะกิดใจมั้ยล่ะ?”

    “พรอนเทร่า...” เด็กน้อยพูด

    “โบสถ์” กาโม่ตอบ แอดดิคพยักหน้าเชิงว่า ก็ที่นั่นแหละ

    “คงมัวกัดกันไม่ได้แล้วซินะ” เด็กน้อยพูดเป็นผู้ใหญ่ “ชื่อ นัท ค่ะ”

    “กาโม่ นั่นแอดดิค....” เมื่อถูกแนะนำตัวก็ยิ้มให้นัทเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสบตาเพื่อนอย่างสงสัย กาโม่มองหน้าแอดดิคอย่างครุ่นคิด “ทำไมแกไม่โดนเวทย์นั่น.... ช่างเถอะ ยังไงก็มาด้วยกันนะ”

    “แต่ว่า....” เขาลังเล เขาอาจไม่สมควรไปด้วย แต่กาโม่ก็ตอบเสียงหนักแน่น

    “เพื่อนสนิทไม่ไป คิดหรอว่าชั้นจะไป... ไม่งั้นก็ไม่มีใครให้แกล้งซิ เนอะ”

    “ไปด้วยกันนะคะ” นัทกระตุกผ้าคลุมแอดดิคอ้อน “เวลาทะเลาะกันจะได้มีกรรมการไงคะ นะคะ ไปกับพี่เขาสองคน นัทเสียหายนะคะ แง้ว~” ว่าแล้วก็ตะแง้วๆอ้อนไปซะงั้น

    “ครับๆ” แอดดิคหัวเราะกับท่าทางของนัท สุดท้ายก็เด็กนั่นแหละเนอะ

    “มีบลูเจมสโตนมั้ยคะ? พอดีนัทเรียนสกิลวาร์ปไว้น่ะค่ะ” นัทแบมือขอ แอดดิคล้วงหาในกระเป๋าทันที...


    “แน่ใจหรอ ว่าเจ้าพร้อมแล้วน่ะ...” วิสาร์จชายวัยกลางคนพูดอย่างเป็นห่วง ไม่ว่ายังไงพ่อแม่ก็ไม่อยากปล่อยให้ลูกน้อยออกจากอ้อมอกซินะ

    “ค่ะท่านพ่อ พร้อมสุดๆเลยล่ะค่ะ...” วิสาร์จสาวพูดอย่างหนักแน่น ใบหน้าไร้เดียงสายิ้มอย่างเชื่อมั่นว่าตนทำได้

    “รักษาตัวด้วยนะลูก” พรีสหญิงกอดลูกสาวนอกไส้ของตนอย่างรักใคร่ แม้จะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่คนทั้งสองก็ผูกพันกับเด็กคนนี้มาก ยิ่งเด็กคนนี้เป็นเด็กดี พวกเขายิ่งภูมิใจที่ได้เลี้ยงเธอมา “ถึงฮะจังจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่พวกเราก็รักลูกมากๆนะ ยังไงก็กลับมาบ่อยๆนะคะ”

    “หนูทราบค่ะ” เธอกอดตอบ “หนูก็รักท่านแม่มาก แต่ก็คิดถึงท่านพี่มากเหมือนกัน อยากจะ...”

    “พอๆๆๆ.... อย่าพูดให้พวกเรารู้สึกแย่ไปกว่านี้ได้มั้ย” คุณพ่อพูดแล้วแกล้งทำเป็นงอน ก็เพราะไปพบเธอที่นอนสลบเพราะพิษไข้ เลยรีบพากลับเมืองจนทำให้สองพี่น้องพลัดจากกัน

    “ไม่หรอกค่ะ หนูซาบซึ้งมากๆเลยล่ะค่ะ.... แล้วก็ ยังไงก็จะกลับมาแน่นอนค่ะ” เธอรับปากอย่างหนักแน่น

    “นี่หมวกจ๊ะ” พรีสผู้เป็นแม่ยื่นหมวกปีกกว้างสีชมพูประดับดอกไม้ให้

    “จริงหรอคะ? หมวกที่แม่หวงมากๆเลยนะคะ...” เธอถาม แต่ก็รับมาสวม

    “ก็เพราะยังไม่ถึงเวลายังไงล่ะ ตั้งใจซื้อให้ลูกอยู่แล้วล่ะค่ะ” เธอยิ้มอย่างเอ็นดู

    “อย่าลืมนี่ด้วยล่ะ” คุณพ่อส่งArc Wand กับ Arc Knifeให้ เธอมองมันอย่างตกใจแล้วสบตาพ่อ “ให้”

    “..ขอบคุณมากค่ะ” เธอรับมันมา ลำแสงสีขาวพุ่งตรงจากฟ้าเข้ามาโอบล้อมเธอไว้

    “ฮารูมิ!!!” ผู้เป็นพ่อเรียกชื่อลูกสาวอย่างเป็นห่วง เขาทำท่าจะพุ่งไปหาลูกแต่ถูกภริยาจับไว้

    “ห่วงจนลืมวิเคราะห์เวทย์เลยนะคะคุณ” เธอหัวเราะ ฝ่ายสามีหน้าแดงก่อนวิเคราะห์ อืม...เวทย์ชั้นสูง ไม่ใช่เวทย์ที่เลวร้ายอะไร ว่าแล้วเขาก็ถอนหายใจเบาๆอย่างโล่งอก

    “ว้าว!!” ฮารูมิยิ้มอย่างตื่นเต้น “ท่านพ่อลงมนต์อะไรไว้คะเนี่ย สุดยอดไปเลยค่ะ” เธอหัวเราะร่า

    “ไม่ใช่พวกเราค่ะ มีคนต้องการให้ฮะจังช่วยน่ะ..... ลองหลับตาแล้วนึกซิว่าเวทย์นั่นอยากให้ไปที่ไหน..”

    “ค่ะท่านแม่” เธอหลับตาลง ก่อนจะพูดออกมา “โบสถ์เมืองนี้ค่ะ.....”

    “อืม ดีแล้วที่ไม่ต้องไปไกล... ไปสวดมนต์ก่อนเดินทางด้วยล่ะ” คุณพ่อออกคำสั่ง ฮารูมิหัวเราะก่อนกอดลาทั้งสองเป็นครั้งสุดท้าย ลำแสงทั้งห้าได้นำทางให้ทุกคนมาที่โบสถ์ แต่ที่เหลือ คงจะยังไม่ถึงเวลาซินะ....


    ฮารูมิมาถึงคนแรกเพราะบ้านเธออยู่เมืองหลวงนี้อยู่แล้ว เธอเดินเข้าไปแล้วเลือกที่นั่ง มีพรีสสองคนนำสวดมนต์ให้ชาวบ้าน ผู้หนึ่งเปี่ยมด้วยรอยยิ้มแห่งความอารี ส่วนอีกผู้หนึ่งทำหน้าเรียบเฉยควรแก่การศรัทธา แม้จะอายุไม่มากนัก

    เธอยกมือมาประสานระดับอกก่อนจะสวดขอพรเบาๆ... พระเจ้าผู้สูงส่ง...ฉันถูกพรากจากพี่ชายที่ฉันรัก...จะเป็นตายร้ายดีเช่นใดก็ไม่ทราบ..ขอให้พวกเราได้พบกันอีกครั้งด้วย.... โปรดเมตตาเราให้ได้พบกันเถิด.... หัวใจดวงร้อยเฝ้าถวิลหาพี่ชายผู้เป็นครอบครัวที่รอดเป็นคนสุดท้ายของเธอ แต่พี่ชายเธอเล่าอยู่แห่งใดกัน

    “ว้าว~” เสจสาวร้องอย่างชื่นชม

    “ชู่ว! เงียบๆซิ” เอลเซลทำท่ารูดซิปปาก ดูท่าทางเธอจะเซ็งพอตัว ไฮแอทรีบปิดปากทันที

    “ข..ขอโทษค่ะ ครั้งแรกที่เห็นที่สวยๆที่เรียกว่าโบสถ์น่ะค่ะ...” เธอยิ้มอย่างตื่นเต้น แต่ก็ไม่ลืมที่จะลดเสียงลง (ทั้งๆที่ปกติก็เสียงไม่ใช่จะดัง)

    “ครั้งแรก??” เธอทวนคำอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

    “โอ๊ะๆๆๆ สาวๆน่ารักๆ แสงนั่นทำให้มาเจอสาวๆซินะ” กาโม่โพล่งขึ้นมาแล้วก็หัวเราะ

    “บ้า!” นัทดุพร้อมศอกใส่เมื่อทุกคนหันมาทางคนทั้งสามทันที “หมาไหนพูดถึงเรื่องนั้นให้คนอื่นฟังกัน”

    “หมาชื่อกาโม่ไงครับ หรือหมาโม่~” แอดดิคหัวเราะร่า

    “เหอๆ อ๊ะ” กาโม่สบตากับฮารูมิที่เดินตรงเข้ามาหา “ครับ?”

    “แสงที่ว่า ใช่แสงสีขาวหรือเปล่าคะ?”

    “พอโดนแล้วก็อยากมาโบสถ์นี้ใช่มั้ย?” เอคเซลถามบ้าง

    “ถ.....ถ...” กาโม่ชูนิ้วชี้ขึ้นมาสั่นเล่นๆ ก่อนจะชี้ไปข้างหน้า “ถูกต้องนะคร้าบบบบ~~~!!!!”

    “บ๊อง” นัทขัด กาโม่หันมาทำหน้าฉุนๆใส่ กลายเป็นคู่กัดกันซะแล้ว

    “เวทย์นั่นเป็นเวทย์ชั้นสูง คนที่พลังมากเป็นคนร่าย แต่ผมไม่ทราบว่าเป็นเวทย์อะไร ขอโทษที่ผมช่วยอะไรไม่ได้มากนัก แต่นั่นเป็นสิ่งที่ผมวิเคราะห์อย่างเต็มที่แล้วครับ” แอดดิคโค้งให้ทุกคน คนอื่นมองหน้ากันเหมือนกับมันเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่น่าจะถึงขนาดขอโทษเช่นนี้

    “บางทีพวกเราอาจจะช่วยได้นะครับ” พรีสผู้เปี่ยมด้วยรอยยิ้มเดินมาหา “ผมสนอร์รี่ ส่วนนี่ซิกเน็ทครับ เชิญตามพวกเรามาด้วยนะครับ”

    “....สนอร์รี่??” ฮารูมิพึมพำแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร รู้สึกคุ้นหูแต่กลับนึกไม่ออก

    “ไว้ใจได้หรอ?” เอคเซลปัดมือห้ามทุกคนเดินตาม ก่อนจะจ้องด้วยสายตาแข็งกร้าว “คนแปลกหน้า...”

    “ไม่ได้ขอร้องซักหน่อย ระแวงนักก็ไม่ต้องมา เธอเองก็ไม่อยากออกไปโดยไม่ได้รับคำตอบใช่มั้ย ถ้างั้นก็ตามมา” ซิกเน็ทพูดเสียงเย็นๆก่อนจะเดินนำไปทันที สนอร์รี่ยิ้มให้เชิงขอโทษแต่เอคเซลก็ไม่ว่าอะไร ยิ้มขอโทษตอบเสียด้วยซ้ำ ทุกคนเดินตามไปยังห้องที่คนธรรมดาไม่มีสิทธิ์เข้าได้ ซิกเน็ทที่ยืนคุมตรงประตูปิดมันลงเมื่อทุกคนครบ

    “คงต้องทำตัวให้อยู่ในฐานะที่น่าเชื่อถือละมั้ง...” ซิกเน็ทเหล่ไปทางเอคเซล ก่อนควันสีทองจะโอบล้อมพรีสทั้งสอง แล้วกลับมาอยู่ในชุดของเจ้าแห่งแสง

    “ท่านทั้งสองเป็น!! มีจริงๆหรือเนี่ย Lord of Lightน่ะ!!” นัทอุทาน เอคเซลหันไปมองหน้านัทก่อนจะหันกลับมามองคนทั้งสอง สีหน้าเธอซีดผาดเล็กน้อย

    ป้าบบบบบ

    “ใจเย็นๆ...” ซิกเน็ทเอาพัดกระดาษตบโต๊ะ ก่อนจะพูดอย่างหน่ายๆ “มีแต่คนห่วงเรื่องยศถา ถึงปลอมเป็นพรีสยังไงล่ะ” ทุกคนพยักหน้าอย่างว่าง่าย ไม่รู้ว่าเพราะเคารพในอาชีพ หรือเกรงใจพัดกระดาษนั่นกันแน่... “แล้วถ้ายิ่งฟังต่อไปจะไม่ช็อกเรอะ ถ้าแค่นี้ก็ทำโวยวายแล้ว...”

    “จำได้แล้วค่ะ!!” ฮารูมิอุทานขึ้นมา ก่อนจะรีบพูดต่อไม่ให้คนอื่นสงสัยนานนัก “นอกจากเป็นอาชีพสูงส่งที่หาตัวคนเป็นได้ยาก ทั้งสองคนนี้ยังเป็นแม่ทัพมือขวาและมือซ้ายของพระราชาอีกด้วย!” คนอื่นเริ่มอ้าปากค้าง ส่วนซิกเน็ททำหน้านิ่งๆ แอบดีใจที่ไม่ต้องเสียเวลาพูดเอง ทางสนอร์รี่ก็ยิ้ม แม้จะไม่อยากให้แนะนำถึงความเป็นลูกบุญธรรมของเขาก็ตาม

    “มือซ้าย ฝ่ายทำลายล้าง ซิกเน็ท สตราเวนเซีย ผู้ที่อายุยังน้อยแต่ก้าวไปได้ไกลในวงการทหาร มีพลังเวทย์ทำลายล้างร้ายกาจยิ่งกว่าสายพ่อมด และยังมากด้วยความสามารถในด้านการสู้ ทั้งประชิดตัวด้วยดาบมือเดียว ดาบสองมือ ดาบคู่ มีด คาตาร์ก็ยังใช้ได้ ธนูก็ไม่เป็นรองใคร ถือว่าสุดยอดของสุดยอดจนทุกคนทัดท้านการได้ตำแหน่งไม่ได้... ส่วนอีกท่าน มือขวา ฝ่ายมันสมอง สนอร์รี่ ลาเลนไทน์ เจ้าชายผู้ติดดิน ถูกรับเลี้ยงเมื่อยังเล็ก และเติบโตมาช่วยบริหารประเทศในด้านการทหาร สามารถในการวางแผนและสรรหากลยุทธ์ได้มากมายจนทุกคนยอมรับ ทั้งอุปนิสัยและความสามารถ หากเป็นกษัตริย์ในภายภาคหน้า ก็หามีผู้ใดทัดท้านไม่”

    “ยอกันเกินไปแล้ว.... ยังไงก็อย่าเห็นผมเป็นเจ้าชายเลยนะครับ ยังไงผมก็แค่ถูกรับเลี้ยง” เขาพูดก่อนจะยิ้มหวาน แต่ไอ้คำพูดง่ายๆ มันทำได้ง่ายๆซะที่ไหนเล่า โดยเฉพาะเอคเซลที่อึ้งค้างจะเป็นลมไปอยู่แล้ว (เมื่อกี้เสียมรรยาทไปซะขนาดนั้น เจ้าตัวเครียดเรื่องนี้) “นะครับ”

    “พ...พะย่ะค่ะ/เพคะ!!!” ทุกคนตอบรับ สนอร์รี่เหงื่อตกเล็กน้อย บอกว่าอย่ามองเป็นเจ้าชาย แต่ใช้คำพวกนั้นตอบรับคำของเขาเนี่ยนะ.....

    “แล้วนี่กำลังจะมีสงครามหรอคะ....” นัทพูดอย่างเซื่องซึม ไม่ว่ายังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย

    “ครับ.... ซึ่งพวกผมก็ไม่คิดว่าครั้งนี้จะจบง่ายๆ..... มันเกิดหลายๆเรื่องน่ะครับ......”

    -จบบท-

    กาโม่ [Kamo] (ผู้สมัครมิได้ใส่นามสกุล)
    ตำแหน่ง : มีอาชีพเป็นซามุไร เจ้าของตำนานที่ปราบออค จะมีกล่าวในเรื่องอีกที
    ผม : สีแดง หัวยุ่งๆหน่อยละมั้ง
    นัยน์ตา : ทอง
    ใบหน้า : กวนประสาทเล็กน้อย อารมณ์ดีจึงมักจะยิ้มเสมอ
    อายุ : 20
    ของสำคัญ : เพื่อนๆ และครอบครัว
    เครื่องประดับบริเวณศรีษะ : ไม่สวมใส่เพราะขี้เกียจรักษาของ
    อดีต : หนีออกจากบ้าน เป็นเพื่อนแอดดิคตั้งแต่เด็ก
    ความพิเศษ : มีเพลงดาบลับที่กวาดล้างออคที่โจมตีเป็นร้อยๆได้ในดาบเดียว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×