ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Cursed Fox จิ้งจอกต้องสาป[Ragnarok Fanfiction]

    ลำดับตอนที่ #2 : การพบเจอของสองคน

    • อัปเดตล่าสุด 29 ธ.ค. 50


    บทที่2 การพบเจอของสองคน

    “ไอ้กาโม่ ถ้าชั้นเจอแก ชั้นจะฆ่าแกให้ตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!”

    วิสาร์จหนุ่มตะโกนสุดเสียง ก่อนSeal แมวน้ำน่ารักตบทีเดียวสลบได้ค่อยๆรุมเข้าหาเขา....

    ก่อนหน้านั้น

    “ย๊ากกกกกกกกกกกก!!!” ซามุไรหนุ่มนามกาโม่วิ่งพุ่งเข้าหาแมวน้ำน่ารักสุดโหดก่อนจะวาดดาบอย่างอิสระ หนึ่งตัว สองตัว สามตัว พวกมันค่อยๆตาย จนหมดบริเวณนั้น เขาปาดเหงื่อก่อนจะหันมาหาวิสาร์จหนุ่ม “นี่นายกล้าหาญ หรือบ้ากันฟะเนี่ย เวทย์สายที่ชนะเจ้านี่ก็ไม่ได้เรียนไว้แท้ๆ ยังจะมาอีก”

    “เรียนแต่ไม่ถนัดเฟ้ย แล้วใครมันมาอยู่ที่นี่จนต้องมาตามมิทราบ...” หลังจากหอบรับประทานเนื่องจากวิ่งไอ้พวกที่พึ่งตายเมื่อกี้เขาก็เถียงเพื่อนเขา “ดีนะเนี่ยที่ยังอยู่ปาร์ตี้เดียวกัน เลยตามตำแหน่งถูก...เฮ้อ... ไหนว่าจะไปลุยด้วยกัน แล้วเผ่นมานี่เนี่ยนะ จะไว้ใจแกได้หรือเปล่าน่ะกาโม่...”

    “คิดมากน่า แอดดิค...” กาโม่เดินเข้ามาตบบ่าเพื่อน ก่อนจะยิ้มหวาน “นายคิดว่าชั้นเป็นคนแบบนั้นหรอ ชั้นไม่ทรยศเพื่อนหรอก แล้วก็ไม่คิดจะทำแบบนี้กับนายด้วย...” เอ่อ... ไม่คิด หรือไม่หยุดแค่คิด? กาโม่ชูปีกแมลงวันที่ทำให้วาร์ปไปอยู่จุดอื่นได้ ก่อนจะโบกสะบัดปีกนั้น แล้วหายไป ต่อหน้าต่อตา...

    “....ไม่.. ชั้นไม่คิดว่านายเป็นคนแบบนั้น ไม่ทรยศเพื่อนหรอก... เหอะ” แอดดิคหัวเราะและพึมพำประชดเบาๆกับชีวิตตัวเอง รู้ตัวอีกที มันก็มาอีกแล้ว

    “ไอ้กาโม่ ถ้าชั้นเจอแก ชั้นจะฆ่าแกให้ตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!”

    วิสาร์จหนุ่มตะโกนสุดเสียง ก่อนSeal แมวน้ำน่ารักตบทีเดียวสลบได้ค่อยๆรุมเข้าหาเขา.... “ช่วยไม่ได้นี่นา ก็พวกแกน่ะไม่ว่ายังไงก็จะรุมเข้ามาซินะ... คงมีแต่วิธีนั้น....” แอดดิคกุมคทาของตนแน่น เขาค่อยๆรวบรวมพลังเวทย์ก่อนที่จะ....

    เปรี้ยง!!!

    มังค์สาวโผล่ออกมากันให้ ก่อนที่จะซัดตัวหนึ่งกระเด็น “วิ่งไหวมั้ย!?” เธอถาม แอดดิคพยักหน้าโดยที่ตนก็ยังงงๆอยู่ เธอส่งมือให้เขา เขาจับมือเธอ ก่อนจะถูกลากให้วิ่งหนีไปด้วยกัน “เฮ้อ.... รอดไปที....” แมวน้ำนั้นจะอยู่ที่ชายหาด พวกเขาเลยหนีเข้าป่าใกล้ๆแทน ต่างคนต่างพากันนั่นพักอย่างหมดสภาพ

    “สายบู๊แท้ๆ แต่เธอก็เลือกที่จะวิ่งแฮะ ตลกดี” แอดดิคหัวเราะออกมา เด็กหญิงทำหน้าไม่สบอารมณ์ “ขอบใจนะ”

    “นึกว่าจะพูดไม่เป็นซะแล้ว คำเนี้ย” เธอประชดด้วยใบหน้านิ่งๆ “ถ้าไม่ใช่ว่าขีดจำกัดเวทย์หมด แล้วยารักษาก็ลืมพกนะ ไม่วิ่งหรอก.... แต่ก็ดีแล้วล่ะ ที่ไม่ใช่แจม...” เธอยิ้มออกมาเล็กน้อย คงกลัวอยู่ว่าจะโดนดุที่เข้าไปยุ่งละมั้ง

    “จริงๆ แค่นั้นผมน่ะ..... จัดการได้อยู่แล้วครับ” แอดดิคเก็กเสียงหล่อ เกิดเป็นผู้ชาย มันต้องฟอร์มจัดซินะ ผู้หญิงช่วยก็ต้องทำแก้ตัว เด็กสาวมองหน้าเขา ตาสีเพลิงของเธอทอประกายเจ้าเล่ห์

    “อ้อหรอ... งั้นพลังฟื้นเมื่อไหร่ จะลากมาใส่คืนให้เป็น3เท่าเลย รอแปบนะ...” เธอแกล้งลุกขึ้น

    “ไม่ต้องงงง!!! เอ้า ไม่ไหวครับ ผมอ่อนแอ เวทย์สายนี้ผมไม่สันทัด ผมต้องให้เด็กช่วย พอใจหรือยังครับ!!!” แอดดิคร้องห้าม เธอที่ไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้ก็อึ้งค้างไปเลย “เก๊กเท่หน่อยก็ไม่ได้ ใช่ จะตายแล้ว ขอบใจที่ช่วยมากๆนะ..” ว่าแล้วเขาก็ยิ้ม ยังไงก็ต้องยอมรับซินะว่าถูก เด็ก ช่วย

    “พลังชั้นเต็มแล้วล่ะ งั้นชั้นไปลุยต่อแล้ว รักษาตัวด้วยล่ะ” เธอกล่าวก่อนจะลุกไป

    “ผมแอดดิค เอลต้าครับ” วิสาร์จหนุ่มแนะนำตัว มังค์น้อยหยุดแล้วหันมาสบตาเขาที่ยิ้มให้ “ขอทราบนามผู้มีพระคุณได้มั้ยครับ... นานๆ จะเจอคนดีแบบนี้ผมเลยอยากรู้จัก แค่ชื่อก็ยังดี....”

    “.......” เธอหลบสายตาเขาก่อนจะพูดลอยๆ “จำเป็นต้องบอกมั้ยนั่น ลุง เหมือนโรคจิตเวอร์ชั่นคุณชายเลย”

    “หา...” แอดดิคอ้าปากค้าง ก่อนจะคอตก “งั้นก็ไม่รบกวนแล้ว....ฮือ.... โรคจิตหรอ....”

    “คอนวี่ สแปลช... ไว้เจอกัน ลุงแอดดิค” เธอยิ้มให้อ่อนๆ ก่อนจะก้าวเดินต่อไป จนลับสายตาเขาไปในชายหาดที่กว้างขวางนั่น...

    “คอนวี่หรอ... จะไม่ลืมเลย......” เขายิ้มเล็กน้อย ก่อนจะว๊ากออกมา “เด็กบ้าอะไรฟะ หน้าตาก็น่ารักดี ลุคแรกเหมือนกับพวกเงียบๆแอบดุ ไปๆมาๆ ดูใจดีช่างช่วยเหลือ สุดท้ายดันมากวนบาทาซะงั้น!!! เฮ้อ... คาดเดาไม่ได้เลยแฮะ... แต่ถ้าเจออีกที ชั้นจะรู้ให้ได้ ว่าจริงๆแล้วเธอนิสัยเป็นไงกันแน่... คาใจเว้ย” หลังจากบ่นเสร็จ เขาก็นิ่งก่อนจะหัวเราะกับตัวเอง

    นานแล้วซินะ.... ที่เขาพึ่งจะได้คุยกับใครจริงๆจังๆ หลังจากออกเดินทางมากับกาโม่...เพื่อนตั้งแต่เด็กของเขา...

    “เฮ้ย ยังไม่ตายอีกหรอ?” กาโม่โผล่มา ก่อนจะเอามือตบบ่าเพื่อน “เก่งนี่หว่า ฮะๆๆๆ หางจุกตูดละซิแก”

    “เออ... มีบุญเว้ย....” ตบหัวเพื่อนสมัยเด็ก จะบาปแค่ไหนนะ นั่นคือสิ่งที่แอดดิคกำลังคำนวน


    “ม่ายยยยยยย!!! เพื่อนเราหลุดเข้าไปในโลกที่ยากจะหวนคืน โลกของผู้หญิง” กาโม่โวยวายหลังจากแอดดิคเล่าเรื่องมังค์สาว...น้อย ให้ฟัง

    “เปล่าซักหน่อย ก็แค่... มันคาใจ ดีใจอยู่หรอกที่รอดมา แต่นิสัยเขามันทำชั้นสับสน จนอยากรู้ว่าจริงๆ ยังไงกันแน่....” เขาบอกปัด

    “ร้อยวันพันปี นายไม่เคยเหลียวมองหญิงใดเลยนะ แล้วจะให้คิดเช่นไรล่ะ นอกเสียจากว่า---“

    “ก็ไม่เคยเจอคนที่น้ำใจงามมาช่วยชีวิตเรานี่นา” แอดดิคเน้นเป็นคำๆ “ก็นะ เขาช่วยเราทั้งๆที่ไม่ใช่คนรู้จัก ไม่เหมือนเพื่อนรักเราเลยนี่นา วิงหนีเฉยเลยเน้อกาโม่~” ตกท้ายด้วยลากเสียงหวานให้สำนึกเอง แต่กับเจ้านี่..

    “แหมๆ ตั้งใจหยิบบีวิงกลับจุดเซฟต่างหาก แต่ดันเป็นวิงซะงั้น โทษทีๆ” เขาหัวเราะ แอดดิคอึ้ง “น่าๆ ยกโทษนะ”

    “เอาเถอะ เห็นแก่ความไม่เต็มบาทของแก จะอโหสิให้ละกัน” ว่าแล้วก็ยิ้มหวาน

    “ก...แกว่าอะไรนะ......” - -+ ชิ้งงงง


    “ท่านซิกเน็ท ท่านสนอร์รี่” ยามหนุ่มวิ่งมาหาเขาทั้งสองที่เดินอยู่ในทางเดินสาธารณะ ในวังแห่งนี้มีส่วนที่ประชาชนเข้าได้เพื่อทะลุไปยังทิศเหนือนอกเมือง ยามคนนั้นโค้งเคารพแล้วหอบแฮ่กๆ คงเพราะวิ่งหามานานกระมัง “พ...พระ....แฮ่ก... พระ....”

    “จะพูดจะหอบ เลือกเอาซักอย่างได้มั้ย..” ซิกเน็ทฮีลให้โดยพูดวาจาเหมือนรำคาญและไม่สนใจ

    “ขอบพระคุ.ณในความกรุณาครับ..” ยามยิ้มอย่างปลื้มปิติ นอกจากเวทย์ต่อสู้แล้ว น้อยครั้งนักที่ซิกเน็ทจะใช้เวทย์สายพระในการรักษา จนบางคนถือว่า ซิกเน็ทฮีลให้ ถือว่าจะโชคดีตลอดปีด้วยซ้ำ! “และขออภัยเรื่องเมื่อครู่ด้วยครับ พอดีว่าพระราชาตรัสสั่งให้มาตามตัวท่านซิกเน็ทน่ะครับ”

    “อ้าวๆๆๆ แล้วเรียกชื่อผมด้วยทำไมละครับ” สนอร์รี่แสร้งทำท่าน้อยใจ สร้างความขบขันเล็กๆให้ยามผู้นั้น ต่อให้ตำแหน่งสูงยังไง แต่ก็ยังติดดินได้กับทุกคนซินะครับองค์ชาย

    “กระหม่อมไม่เคยเห็นฝ่าบาทเสด็จไป.. ไม่ซิ ไม่เคยเห็นท่านซิกเน็ทเดินไปไหนมาไหนกับใครต่างหาก พอเห็นฝ่าบาทเสด็จมาด้วยก็เลยตกใจไปหน่อยพะยะค่ะ” (ยังไง ถ้าผิดพลาด ยกโทษด้วย คนแต่งโง่ราชาศัพท์- -+)

    “งั้นไปล่ะ ขอบใจที่มาตาม ให้ราชารอนานคงไม่ดี” ว่าแล้วซิกเน็ทก็จ้ำอ้าวไปยังห้องบริหารราชกิจราชการหลวง สนอร์รี่มองตามด้วยความรู้สึกที่ปวดใจเหลือทน แม้ยังคงใบหน้ายิ้มแย้มนั่นก็ตาม....

    “พึ่งจะได้รับคำสั่งแท้ๆ เริ่มขึ้นเร็วเหลือเกิน.....” ยามคนนั้นมองอย่างสงสัย “อย่ามองผมแบบนั้นซิครับ ต่อให้ผ่านศึกสงครามมาเยอะ แต่สุดท้าย.... ผมก็อดที่จะใจหายไม่ได้.... ในเมื่อมันจะเกิดการสูญเสียอีกแล้ว...”

    “กระหม่อมพอทราบเรื่องที่ฝ่าบาททำหน้าที่แม่ทัพเพื่อให้คนยอมรับพะยะค่ะ แต่สำหรับกระหม่อม เพราะองค์ชายที่ว่าเป็นฝ่าบาท ต่อให้ไม่ได้สืบสายเลือดมา แต่พระทัยเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาเช่นฝ่าบาทนี่แหละพะยะค่ะ ที่ทำให้กระหม่อมเชื่อว่า ถ้าท่านได้เป็นราชาองค์ต่อไป กระหม่อมก็ไม่ปิติไปกว่านี้....”

    “ขอบใจนะ...” สนอร์รี่ยิ้มให้อย่างดีใจเล็กน้อย สำหรับเขา ไม่คิดว่าตนควรอยู่ฐานะเจ้าชายด้วยซ้ำ แต่พอได้ฟังแบบนี้ ก็แอบดีใจเล็กๆ “แต่พูดแบบนั้น ผมก็ไม่เลื่อนตำแหน่งให้นะครับ”

    “แบบนี้ดีแล้วพะยะค่ะ กระหม่อมยังอยากมีชีวิตอยู่นานๆ เพื่อดูแลครอบครัว” ยามคนนั้นหัวเราะไปพร้อมๆกับเจ้าชายผู้ไร้ความถือตัว


    ซิกเน็ทที่เดินเข้ามาถึงห้องก็เดินตามผืนพรมแดงหรู ที่ทอดไปถึงบัญลังก์ที่ชายวัยกลางคนนั่นอยู่ ผ้าคลุมขนสัตว์สีน้ำเงิน เก้าอี้ทองคำ มงกุฎประดับแพชรนิลจินดา... พ่อบุญธรรมของสนอร์รี่ “เรียกข้ามาพบ มีเหตุอันใด”

    “รีบเข้าเรื่องดังเช่นทุกทีเลยนะซิกเน็ท” พระองค์คงจะชินเสียแล้วมั้ง กับการกระทำของซิกเน็ท แต่ก็ไม่ได้ถือสาอะไร เพราะดีกว่าพวกประจบแบบที่มักจะพบ “รู้จักโคโมโดใช่มั้ย?”

    “เมืองแห่งการพนัน ความสำราญ ทะเลยามเย็น มีพนักงานเปลี่ยนอาชีพ นักทำลายสิ่งแวดล้อมทางเสียงกับหางเครื่อง ทำไมข้าจะไม่รู้จัก”

    “นักดนตรีกับนักเต้นต่างหากเล่า เจ้านี่ ปากคอจะปรับปรุงให้ดีขึ้นซักหน่อยไม่ได้หรือไงกัน” ถึงคำตรัสจะเหมือนดุ หากแต่พระพักตร์กลับแย้มพระโอษฐ์

    “ทำไม? เกิดอะไรขึ้น....ครับ” เขาถามเสียงเรียบ แอบสำนึกเรื่องความสุภาพไว้เล็กน้อย หากแต่ความรู้สึกที่ซ่อนไว้ ก็หลอกใครไม่ได้ โดยเฉพาะกับคนตรงหน้า

    “ขอโทษนะ แต่เกรงว่าจะเป็นข่าวร้ายมากๆ อย่างที่เจ้ากลัว...” พระราชาถอนพระปัสสาสะ “พวกมันคลายมนต์สะกด หลุดจากดันเจี้ยน เปลี่ยนเมืองแห่งความรื่นเริงนั้น... เป็นทะเลเพลิง...”

    ซิกเน็ทหน้าซีดผาดแม้จะทำหน้านิ่งเช่นเดิม เสียงของเขาสั่นเคลือ “ไม่..พบผู้รอดชีวิต..ซินะครับ”

    “พระราชาหลับพระเนตรลงอย่างลำบาก ก่อนพยักหน้าช้าๆ “กว่าทางมอรอคจะรู้ความ ก็สายไปที่จะส่งพลไปช่วยแล้วล่ะ......”

    “....................” ทั้งที่คิดว่าโคโมโด จะพ้นจากศึกครั้งนี้... เมืองที่สงบที่สุด เมืองที่มีแต่ความสนุกสนาน ทำกัน... ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เมืองที่ไม่คิดว่าจะเป็นอะไร แต่ชีวิตนับร้อยของชาวบ้านก็... มลายสิ้นไปแล้ว...

    “ถึงโคโมโดจะเป็นเมืองที่ปกครองตัวเอง มิได้อยู่ในความดูแลข้า แต่การที่ถูกทำลายเช่นนั้น ข้าอยากให้มันเป็นบทเรียน ให้พวกเรารักษานครเราไว้ ข้ารู้.. เราทั้งสองไม่อยากให้ใครตาย...” การถอนพระปัสสาสะครั้งนี้ ช่างยาวนานและแลดูเหนื่อยล้ายิ่งกว่าครั้งก่อน “ซิกเน็ท... แค่เมืองเล็กๆ ข้ายังช่วยไม่ได้ ข้าแย่มากๆหรือเปล่า”

    “ราชา มีหน้าที่แค่หลักพึ่งพิงให้ประชาชน ก็รู้นิว่าไม่มีใครอยากเสียท่าน โดยเฉพาะมันสมองกองทัพ.. ต่อให้เป็นกษัตริย์ที่มากด้วยความสามารถ ก็ไม่อาจห้ามการสูญเสียได้หรอก..ครับ” ซิกเน็ทหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ทำไมกัน... วันนี้มันอะไรกันนักหนา... ทำไมต้องเจอแต่ปัญหานี้.. จนบางครั้งเขารู้สึกเหมือนตัดสินใจผิดที่เข้ากองทัพ แล้วเดินจนถึงจุดนี้... “ข้ามีแต่พลัง ข้าต้องการมันสมอง ข้าต้องการสติปัญญาของท่านสนอร์รี่ครับ”

    “.... ไม่นึกเลยว่าฝ่ายทำลายล้างจะร้องขอมันสมอง ตลอดมา ข้าคิดว่าทั้งๆที่อาชีพเดียวกัน พวกเจ้าก็ไม่คิดจะเดินทางร่วมกันนอกจากไปมิติของพระเจ้าเชียวนะ ข้าดีใจจริงๆ ครั้งนี้ข้าจะได้วางใจได้....”

    “แก่ๆอย่างท่าน อยู่ในวังและรักษาตัวให้อยู่รอดไปนานๆก็พอ...” ซิกเน็ทพูดตัดบท

    “ใครมาได้ยิน เดี๋ยวก็สั่งข้าให้ประหารเจ้าหรอก ขอบใจที่เป็นห่วง แต่ทีหลังแสดงออกให้เหมือนปกติชาวบ้านหน่อยจะได้มั้ย” พระองค์ทรงพระสรวลออกมากับความดื้อขั้นบ้าบิ่นของคนตรงหน้า ต่อหน้าพระพักตร์แท้ๆ แต่วาจาก็เหมือนเดิม แต่นั่นก็อาจจะเป็นเหตุที่พระองค์ทรงไว้ใจคนๆนี้ก็เป็นได้ คำพูดที่ไร้ซึ่งการประจบ หากแต่แฝงไปด้วยความห่วงอย่างจริงจัง “แล้วพวกหัวหน้านายกอง และกองทัพอะไรพวกนี้น่ะ ตามสบายนะ ไม่คิดว่าครั้งนี้มันเล็กน้อย คงหนักมากซินะ ไม่งั้นคงไม่ขอสนอร์รี่ไปด้วย....”

    “หนัก แต่พวกนั้นเอาไปตายเปล่า เป็นไปได้จะพยายามไม่จัดทัพครับ ถ้าไม่ใช่ศึกใหญ่ๆ คงเป็นการปฏิบัติการพิเศษเป็นกลุ่มเล็กๆจะดีกว่า” ซิกเน็ทพูดจบก็โค้งให้พระราชา “ทูลลา”


    “บ้าไปแล้ว!!! โคโมโดเนี่ยนะ!!!” สนอร์รี่โวยวายหลังจากซิกเน็ทแจ้งให้ทราบ “ทั้งๆที่ปกติเมืองแรกๆจะเป็นเมืองติดทะเลที่อยู่ในอาณาจักรแท้ๆ อิสรูดไม่ก็อัลเบอร์ต้าซิ ทำไมไปที่นั่น!!!”

    “....” ซิกเน็ทนั่งคิดเงียบๆ “ว่าแต่ จะตามเจ้านั่นมาเลยมั้ย??”

    “เจ้านั่น.. อ๋อ...” สนอร์รี่ครุ่นคิด ไม่นานมานี้ เขาได้ลองใช้เวทย์โบราณทำนาย มันชี้ไปยังซามุไรชื่อกาโม่ เจ้าของตำนานที่เป็นนักดาบผู้ฆ่าออคจนเกือบสิ้นเผ่าพันธุ์ ดันเจี้ยนที่มีออคซอมบี้มีเยอะขึ้นเป็นเท่าตัวก็เพราะเจ้านี่แหละเพิ่มศพไว้เยอะ ตามผลการทำนาย ถ้าเขามีอยู่จริง จะช่วยนำทางให้ผู้ถูก ไวรัสร้อยปี มาร่วมทัพได้ และด้วยความช่วยเหลือของนาง เทพธิดาแห่งชัยชนะก็จะอยู่ฝ่ายมนุษย์...... เขาหรี่ตาลง “หากไม่รู้ความสามารถตัวหมาก จะเช็คเมทไม่ได้หรอกนะ... สงสัย ต้องรวบรวมคนด้วยวิธีนั้น...”

    “จะใช้สกิลนั้นได้มั้ย?” ซิกเน็ทกำอาวุธเขาแน่น Southen Light Holy Cross.... กางแขนศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงจากทิศใต้ ดวงตาของเขาสบกับฝ่ายมันสมองอย่างนิ่งและมุ่งมั่น ให้รู้ว่าเขาต้องการใช้วิธีนั้นจริงๆ

    “ผม....” เขาลังเล “มันคงไม่ใช่ความคิดที่ดีนะ เวทย์ชั้นสูงแบบนั้น แถมผลมันน่ะ......”

    “มันเลือกคนให้ แล้วไง!!!” ซิกเน็ทกัดฟันแน่น “จะรออยู่เฉยๆ ให้พวกนั้นมาหาเอง หรือจะให้คนตายกว่านี้ก่อนล่ะ เวทย์นี้ถึงจะเสี่ยงได้คนจิตใจต่ำช้ายิ่งกว่าผู้มีปีก แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้คนตายมากกว่านี้ไม่ใช่หรือไง!!!” เสียงที่เขาใช้พูด ไม่ใช่การตะคอก ตวาด แต่เป็นเสียงที่ดังและหนักแน่น สนอร์รี่ยอมแพ้ เขาเดินไปที่ชั้นหนังสือ เมื่อโดนสายตากดดันจากซิกเน็ทจึงเร่งมือ ไบเบิลปกแดง.... ไบเบิลที่อาบเลือด เขาเดินไปวางที่โพเดียมก่อนจะเปิดหาบทนั้น ส่วนอีกมือก็กำGrand Cross อาวุธของเขาบ้าง

    ทั้งสองยืนในห้องโถงที่มีพื้นที่กว้าง อาวุธประเภทคทาทั้งคู่ ถูกวาดไปมาบนอากาศ ปรากฎอักขระโบราณกลางอากาศ “Zararath cremiri-on nominus” บทอัญเชิญพลังถูกกล่าวออกมา ไบเบิลปกแดงส่องแสงทอง หน้ากระดาษเปิดผับๆๆๆๆ ราวกับถูกวายุไร้ที่มาพัดจนฉีกขาด มันล่องลอยก่อนจะปลิวว่อนไปทั่วห้อง แล้วบิดงอกลายผันเป็นตัวอักษรรอบๆทั้งสอง..

    หากเป็นเจ้าแห่งแสงละก็... ขนาดใช้สองคน ยังอาจได้ผลแย่....

    “-โชคชะตาที่ผูกพัน
    ดั่งความฝันที่เลือนลาง
    อนาคตที่เจือจาง
    ต้องนำทางด้วยเวทย์มนต์
    -ข้าแต่เทพทั้งสิงสอง
    โปรดประคองเหล่าผู้คน
    ด้วยสายใยอย่าสับสน
    อย่าหลงกลเลือกคนเลว
    -สงครามในครั้งนี้
    ต้องมิมีคำว่าเหลว
    และรวบรวมให้รวดเร็ว
    ก่อนหุบเหวจะเกิดมา
    -เชื่อมกันด้วยลำแสง
    ด้วยด้ายแดงแห่งชะตา
    เหล่าผู้ถูกเลือกจงมา
    จากเมืองฟ้าสู่แผ่นดิน
    The Power of Destiny!!!”

    สิ้นเสียง แสดงสีขาวเหมือนด้ายศักดิ์สิทธิ์โยงจากคนทั้งสองออกเป็น12สายแล้วกระจายออกไปทั่วอาณาจักร เพื่อเชื่อมโยงให้คนต่างๆมาพบกัน ไม่ค่อยมีคนรู้จัก ไม่ค่อยมีคนใช้ เพราะมันเป็นเวทย์โบราณขั้นสูง ผู้คนคงเข็ดกับการที่เลือกได้หนอนบ่อนไส้เข้ามา แต่ในเมื่อคนในวังไม่น่าไว้ใจยิ่งกว่า จึงจำใจต้องใช้...

    แล้วใครกัน จะเป็นผู้ได้รับเลือก....

    -จบบท-

    สนอร์รี่ ลาเลนไทน์ [Snorry Lalentine]
    ตำแหน่ง : มือขวาของราชา เจ้าชายบุญธรรม แม่ทัพฝ่ายมันสมอง
    ผม : ยาวประมาณคอ เข้าทรงเรียบร้อย สีน้ำทะเล
    นัยน์ตา : ฟ้า มักฉายแววอ่อนโยนแฝงขี้เล่น
    ใบหน้า : ค่อนข้างยิ้มแย้มเสมอ
    อายุ : 22
    ของสำคัญ : ครอบครัว
    เครื่องประดับบริเวณศรีษะ : แองเจิ้ลวิง กับแองเจิ้ลวิงเอียร์ และดอกไม้คาบปาก
    อดีต : หลงทางมาเจอราชา ถูกรับเลี้ยงเป็นลูกชาย
    ความพิเศษ : รับพลังวิญญาณจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีพลังเวทย์น้ำและแสงสูง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×