ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Cursed Fox จิ้งจอกต้องสาป[Ragnarok Fanfiction]

    ลำดับตอนที่ #10 : แม่แมวน้อยคิดมาก

    • อัปเดตล่าสุด 4 มี.ค. 51


    บทที่10 แม่แมวน้อยคิดมาก

    “ประตูสู่โลกปิศาจถูกเปิดอีกแล้ว!!” สนอร์รี่ที่วิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องอาหารประกาศ “บ...บาบิลัน.... เกาะ... พวกปิศาจมัน.... มัน.... เกาะ” ทุกคนตกใจมากกับอาการของสนอร์รี่ที่มักจะนิ่ง

    “ไปกันเถอะ!” ซิกเน็ทตัดบท ทุกคนวางมือจากอาหารแล้วคว้าอาวุธมารวมกลุ่มทันที

    “คราวนี้จะสู้ยังไงล่ะ แผนล่ะท่าน” เสียงของบางคนกล่าวขึ้นแต่ถูกขัด

    “ไม่มีเวลาสู้แล้ว” สนอร์รี่ครวญ “ต้องช่วยทุกคนออกจากเกาะนั่น เดี๋ยวนี้!!”

    “ฉันมีวาร์ปไป” เอคเซลพูดแล้วก็รีบเปิดวาร์ป ทุกคนรีบเข้าทันที หลังจากโผล่มาที่บาบิลันก็ตรงไปยังคาฟร่า

    “เปิดเซฟ ขอบีวิง 500 บลูเจม200ครับ” สนอร์รี่พูดกับคาฟร่าเสร็จแล้วก็แจกจ่ายบีวิงให้กับทุกคนเว้นแต่ซิกเน็ทกับนัท เขาร้อนรนมาก “พวกเธอเข้าไปช่วยคนออกมาเป็นพอ ชั้น1-3นะ ชั้นอื่นถ้ากล้าลงไปคือเอาตัวรอดได้เองแล้ว เจอใครก็ให้บีวิงยัดใส่มือเขากลับจุดเซฟ ถ้าเจอประตูก็ช่างมันเข้าใจมั้ย?!!” เขาออกคำสั่งก่อนโยนตราหลวงที่ทหารเท่านั้นจะครอบครองได้ให้กับทุกคน “คนไหนไม่เชื่อก็ยื่นตราหลวงให้ดูซะ!!!”

    “ครับ/ค่ะ” ทุกคนรับคำอย่างแข็งขันแล้ววิ่งไปทางเข้า

    “นัท เธอช่วยซิกเน็ทกับฉันดูแลที่จุดเซฟละกัน” สนอร์รี่หันมาสั่งเด็กน้อย “เวลาคนมาจุดเซฟพวกเราจะเปิดวาร์ปไปที่อื่น เพราะให้เรือไปไม่ทันแน่ งานของเธอคือกล่อมให้พวกนี้สงบไม่ใช่รุมเข้าวาร์ปตายกันเองก่อนน่ะ”

    “ค่ะท่าน...” นัทรับคำ พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมสนอร์รี่ถึงเกิดอาการแบบนั้น เกาะบาบิลันเป็นที่เลื่องชื่อของการมาเก็บค่าประสบการณ์ จึงมีนักผจญภัยหลายร้อยคนเข้ามาในนี้ ถ้าช่วยไม่ทันละก็... จะเหลือชีวิตรอดซักกี่คน? สนอร์รี่หันไปคุยกับคาฟร่าพร้อมยื่นตราหลวงให้ แต่เธอไม่ฟัง บอกว่าเผื่อจะช่วยพวกเขาได้ และอยู่เป็นเพื่อนนัทกล่อมคน ตอนนี้ทั้งสี่ได้แต่รอ และภาวนาให้ทุกคนปลอดภัย

    ชั้น1 ทุกคนแยกย้ายกันไปคนละทางพลางยื่นบีวิงให้ทุกคนที่เจอ โชคดีที่พวกที่อยู่ชั้นนี้ยังอ่อนทั้งนั้น ดังนั้นจึงเชื่อฟังเป็นอย่างดีและร่วมมืออย่างไม่มีปัญหา เมื่อไม่เหลือคนแถวนั้นแล้วทุกคนก็ลงชั้นสอง

    ชั้นสองที่ปกติน้ำจะอยู่แค่ระดับพื้น แฉะเป็นบางที่ ตอนนี้อยู่ระดับเข่าแล้ว “นี่มันกะให้เกาะบาบิลันจมหรือไงนะ”กาโม่บ่น

    “ข้าเกรงว่าจะใช่” สนอร์รี่ตอบผ่านต่างหู คนที่ยังเหลือความฉลาดก็เชื่อฟังแล้วทำตามทันที ใครชักช้าเรื่องมาก เมื่อถูกยื่นตราหลวงใส่ก็ตัวชาไปทุกราย

    ชั้นสามพอลงมาก็ทำให้ทุกคนยิ่งประหลาดใจ น้ำที่ระดับต่ำกว่าทางเดินกลับสูงถึงระดับอก และปลาดาบที่อยู่ชั้นสี่ก็หลุดมาชั้นนี้ พร้อมกับไล่เข้าทำร้ายผู้คนอย่างบ้าคลั่ง

    “ย๊ากกกกกกกกกก!!!” ทุกคนสู้อย่างไม่คิดชีวิต ระดับน้ำสูงขึ้นทีละนิด... ทีละนิด..... เพราะแรงดันน้ำทำให้ความรุนแรงของอาวุธเบาลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ทำให้หลบได้ไวกว่าเดิม ยังไงซะก็เป็นรองพวกปลาดาบพวกนี้อยู่ดี การต่อสู้ที่น่าจะง่ายก็ยากขึ้นมาทันที เมื่อพวกปลาตายหมดทุกคนก็กระจายกันไปหาผู้รอดชีวิต สิ่งที่พบก็เป็นร่างไร้สติลอยตามน้ำ ทุกคนยัดบีวิงให้แล้วขยี้ให้ด้วย พอแน่ใจว่าไม่มีใครเหลือก็คิดว่าจะลงชั้นสี่หรือไม่

    “ลงไปก็ตายเปล่าๆ พวกนั้นบุกมาถึงตรงนี้แล้วนะ” กาโม่พูดไม่ทันไรก็เกิดเรื่อง

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!” ฮารูมิกรีดร้องก่อนจะจมน้ำไป ขาของเธอถูกบางอย่างลากไปนั่นเอง

    *Pnuema!!*

    เอคเซลรีบใช้สกิล อะไรก็ตามที่พันธนาการขาฮารูมิไว้จึงหลุดออกไป ทุกคนรีบมองก็เห็น... “ไฮดร้า??” ไฮแอทถามอย่างไม่แน่ใจ

    “ไม่ใช่ ไฮดร้าเดินไม่ได้” กาโม่พูด “ข้าไม่รู้ชื่อมัน แต่ทุกคนรู้จักในนามไฮดร้าแดง”

    “จะสู้ยังไงล่ะ ไม่มีใครสายถึกเลย” แอดดิคครุ่นคิด “ความว่องไวพอจะหลบก็น้อยเกินไปทั้งนั้น....”

    “ไม่ได้จริงๆหรอ?” คอนวี่หัวเราะก่อนจะวิ่งเข้าหามัน

    *Steel Body!!!!*

    ความสามารถที่ทำให้เหมือนมีโลหะห่อหุ้มตัวธอทำให้บาดเจ็บได้ยากขึ้นนั่นเอง “อ..อย่าจู” เอคเซลเห็นก็รีบใช้สกิลเดิมของเธอทำให้เจ็บน้อยลง

    “ห้ามจูปิเตอร์ ทันเดอร์หรอ....” ไฮแอทสงสัยว่าทำไมต้องห้ามบทเวทย์นี้ ถึงยังไงเธอก็ใช้เวทย์นั้นไม่ได้อยู่ดี “เวทย์นั่นรุนแรงและทำให้ตายเร็วนะ....”

    “เมื่อพวกมันถูกผลักเพราะผลของเวทย์ มันอาจเปลี่ยนเป้าหมาย...” เอคเซลอธิบายแทนมังค์สาวอีกคน กาโม่คว้าดาบแล้วโยนหินลม Wind of Verdure จากนั้นก็ตามด้วยท่าฟันตรงจุดให้หินแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่หินนั้นไม่แตกเนี่ยซิ

    “แรงดันน้ำ...” กาโม่สบทอย่างไม่พอใจ

    *Lighhting Thunder!!!*

    แอดดิคกับฮารูมิร่ายเวทย์พร้อมๆกัน ไม่นานมันก็ตาย คอนวี่ลุกขึ้นพร้อมลูบรอยแดงๆตามตัว “เจ็บ... ขนาดใช้สติลบอดี้มิกซ์กับพิวม่าแล้วนะ....”

    “พวกนี้อยู่ลึกถึงชั้นห้าไม่ใช่หรือไง” แอดดิคถาม “ทำไมโผล่ชั้นนี้ได้...”

    “เกาะกำลังจะจม...” ไฮแอทกัดฟันพูด “จะลงดีมั้ยคะ?”

    “ถ้าจะไปก็รีบไปเถอะ รีบๆทำซักอย่าง เวลาเหลือน้อยลงเรื่อยๆนะ” กาโม่โวยวาย ทุกคนกำลังเดินไปที่ประตู

    “ไม่ต้อง” ซิกเน็ทพูดผ่านต่างหู “ไม่ต้องลง”

    “แต่คนในชั้น4กับ5ล่ะคะ” ฮารูมิแย้ง

    “ปกติเป็นชั้นต้องห้ามอยู่แล้ว ถ้ามีคนเลือกจะลงไปก็หมายถึงต้องรับผิดชอบตัวเองได้แล้วแหละ” สนอร์รี่ตอบผ่านต่างหูเช่นกัน “ก่อนลงก็สั่งแล้วนี่นา”

    “ถึงพวกเราอยากลงก็ลงไม่ได้แล้วค่ะ” คอนวี่โผล่คอมาเหนือน้ำพูด “ดำน้ำดูซิ”

    ลงไม่ได้... พวกปลาดาบกับเมอร์แมนกำลังเบียดเสียดกันขึ้นมาชั้นสาม แต่ตัวติดกันไปหมด เมื่อเห็นว่าถึงมีคนรอดถ้าไม่ออกมาก่อนแล้วก็เป็นอาหารปลาแล้วเช่นกัน จึงรีบแจ้งสนอร์รี่ก่อนจะใช้บีวิงกลับไปเช่นกัน


    “ทุกคนรอดแน่ๆค่ะ ใจเย็นๆ” นัทใช้กระดาษห่อเป็นโทรโข่ง เธอพูดพลางเรียงคิวให้คนเข้าวาร์ปอย่างมีระเบียบไปยังที่ปลอดภัย คาฟร่าสาวก็ช่วยอยู่ข้างๆอย่างแข็งขัน สนอร์รี่กับซิกเน็ทก็เปิดวาร์ปแบบไม่เสียดายบลูเจมเหมือนกัน เมื่อเห็นว่าคนหมดเกาะแล้ว พอได้รับแจ้งว่าคนอื่นๆกลับวัง ทั้งสี่จึงกลับออกมาจากเกาะนั้นบ้าง

    เกาะหัวกะโหลกบาบิลันค่อยๆจมลงสู่ทะเลลึก... ตลอดกาล....หรอ?.....

    “ท่านสนอร์รี่คะ” เอคเซลรีบถามทันทีที่เจอตัวกันอีกครั้ง “ปล่อยประตูให้เปิดอย่างนั้นจะดีหรอคะ?”

    “มันโง่ทำเกาะจมทะเลเองนะ” เขาหัวเราะ ซึ่งดูไม่ออกเลยว่าเป็นคนเดียวกับคนเมื่อเช้าที่พูดจับใจความเกือบไม่ได้เพราะตกใจ ตอนนี้ดูๆไปอาจจะเหมือนตัวร้ายไปแล้วด้วยซ้ำ “ประตูบานนี้ก็อยู่ก้นทะเลแล้ว ถ้าหลุดออกมาความดันน้ำก็ทำให้เส้นโลหิตบีบมันตายเอง”

    “แล้วถ้าพวกไม่มีเลือดล่ะคะ?” ฮารูมิถาม สนอร์รี่ยิ้ม

    “ส่วนใหญ่ก็ผีดิบครับ หากรอดประตูออกมาได้ กระแสน้ำก็ฉีกร่างมันเป็นชิ้นๆจนมันตายเองครับ” เขาหัวเราะชอบใจ “แล้วไอ้พวกปลากับสัตว์ใต้ทะเลน่ะ รอดมาก็ทำอะไรไม่ได้มากหรอกครับ หรือทำได้ก็อีกนานเลย ถึงไม่ได้บู๊ แต่วันนี้ทุกคนทำดีมากเลยนะครับ”

    “ค่ะ” เธอยิ้มรับ พร้อมกับคนอื่นๆ

    “คุณสนอร์รี่คะ...” นัทตัดสินใจถามเรื่องที่คาใจ “ทำไมไม่ให้ฉันไป แต่ให้ดูแลคนที่จุดเซฟคะ?”

    “อาวุธคุณเป็นธาตุไฟนี่ครับ อีกอย่าง ช่วยทางผมดูที่จุดเซฟจะช่วยได้เยอะกว่านะครับ” สนอร์รี่ตอบ

    “อ...ค่ะ” นัทยิ้มรับคำ ทุกคนแยกย้ายกันไปอาบน้ำเพราะตัวเหนียวจากน้ำทะเล งานคราวหน้า จะหมูอย่างนี้อีกไหมหนอ?


    ค่ำคืนที่ดาวเต็มฟ้า และพระจันทร์กำลังบางลงเรื่อยๆเพราะผลของข้างขึ้นข้างแรม นี่ก็แรม6ค่ำแล้วล่ะนะ... เด็กสาววัยแรกรุ่นกำดาบแน่นพร้อมชักออกมาทุกเมื่อ ผมสีฟ้าถูกปัดไม่ให้เกะกะสายตา ตาสีฟ้าใสเหมือนเส้นผมของเธอหวาดไปมาเหล่มองผู้คนที่เดินผ่าน ...ภารกิจของเธอ...คือหนีออกจากวังโดยไม่มีคนรู้.....

    ซูเปอร์โนวิทน้อยรอจนยามเดินผ่านที่ซ่อนไปแล้วก็ย่องออกไปอีกทางทีนที เมื่อมาถึงห้องโถงที่เปิดให้ชาวบ้านเดินผ่านไปมา เธอก็เดินออกไปนอกเมือง ...หารู้ไม่ว่ามีคนกำลังสะกดรอยตาม....

    เป็นคำถามที่รบกวนใจเธอมาก ทำไมสนอร์รี่ถึงไม่ให้เธอลงไป สิ่งที่เขาตอบมา คือความจริงหรือแค่คำปลอบใจกันล่ะ ถึงเธอจะอายุแค่นี้ แต่ก็รู้หลายๆอย่างนะ ฝีมือเธอก็ลุยได้ที่เดียวกับซามูไรผู้เป็นพี่ร่วมาสาบาน อ่อนแอก็ไม่ใช่ ไม่เข้าใจจริงๆ... หรือเขาไม่ไว้ใจเธอ?

    นัทชักดาบของเธอ เบลดไฟออกมา แล้ววาดดาบในท่าต่างๆที่เธอรู้จัก จากคนที่เก้ๆกังๆ ทำดาบตกพื้นหลายต่อหลายครั้งแต่วันนี้ เธอทำได้ลื่นไหล พริ้วจนไม่มีที่ติดขัด วาดซ้ายหมุนข้อมือแล้วเปลี่ยนมาจับดาบมือขวา จากใช้เวลานานแสนนานต่อหนึ่งรอบ ตอนนี้ก็ทำได้ในพริบตา แต่เท่าไหร่กันนะ... จะเก่งพอ...

    ...ต้องฝึกอีกแค่ไหนเก่าอีกเท่าไหร่คนถึงจะยอมรับตัวเธอ...

    ...น้ำหน้าอย่างแกก็เป็นได้แค่โนวิทนั่นแหละ!!!...

    คำพูดจากคนปากเลี้ยงสุนัขในอดีตตอกย้ำให้เธอเจ็บใจเล่น เพราะเคยมีนิสัยที่แตกต่างจากวันนี้ถึงโดนดูถูกขนาดนั้น... ถูกรังแก ถูกกลั่นแกล้งต่างๆนานา... ถึงทุกวันนี้เธอจะเก่งขึ้นแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่มีวันลืมอดีตที่ตามหลอกหลอนได้ลงคอ...

    เธอปักปลายดาบลงกับพื้นแล้วทรุดนั่งตรงนั้น มือทั้งสองข้างยังคงกำดาบไว้แน่น ในหัวเธอมีแต่คำถาม... เท่าไหร่ถึงจะพอ?... เธอรู้ตัวดีว่าเธอนั้นอ่อนแอ แต่เธอก็เข้มแข็งพอจะต่อสู้กับมัน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเศร้าเมื่อถูกปฏิบัติต่างไปจากคนอื่น เหมือนเธอเป็นเด็กที่ช่วยอะไรใครไม่ได้...

    .......ซูเปอร์โนวิทมีอะไรต่างจากอาชีพอื่นหรอ?.......

    “ทำไม!!!” เธอกรีดร้อง พวกสัตว์ต่างๆ กระโจนหนีเพราะตกใจเสียง

    “นัท...” ชายหนุ่มในเงามืดที่หลบดูเหตุการณ์มานานก้าวออกมา

    “พี่กาโม่...” นัทหันไปมองพี่ชายบุญธรรมอย่างเศร้าๆ “ภารกิจหนีออกจากวังล้มเหลวซินะ...”

    “เปล่าๆ” กาโม่ส่ายหน้า “ถ้าไม่ติดใจว่าเธอถามสนอร์รี่ตอนนั้นแล้วดูซึมๆไปก็คงไม่สังเกตว่าหนีออกมาหรอก” นัทยิ้มให้เขาบางๆ “น้องพี่คิดมากจริงๆ” เขาเดินไปลูบหัวร้องบุญธรรมอย่างอ่อนโยน นัทยิ้มร่าเริงขึ้น

    “ขอบคุณค่ะ”

    “เฮ้ย!” กาโม่หน้าแดง “ยังไม่ทันปลอบก็ขอบคุณแล้วเรอะ หรืออยากให้หุบปากกันเนี่ย เห็นชั้นเป็นอะไรก๊าน!!” กาโม่โวยวาย นัทหัวเราะออกมากับท่าทีของพี่ชายเธอ เขานั่งตรงข้ามเธอพร้อมจ้องหน้าผู้เป็นน้อง “พี่ว่าพี่รู้นะว่าทำไมคุณสนอร์รี่ถึงให้เธออยู่ตรงนั้น ไม่ลงไปลุยกัน...”

    “ทำไมละคะ?” นัทเอียงคอมอง “นัทอ่อนแอใช่มั้ย? หรือเห็นว่าเป็นเด็ก ไม่เก๋ง หรือว่า...”

    “บ้าเรอะ!” กาโม่ดุ “ดูซิแต่ละอย่างที่พูด เพราะนัทน่ะมีพรสวรรค์ต่างหากเล่า” เขายิ้มแต่เด็กสาวไม่เข้าใจถึงจุดที่เธอนั้นได้มองข้ามไป “การเป็นซูเปอร์โนวิทนั้นต้องเป็นโนวิทอยู่นาน ความถึกก็น้อย อาวุธและเกราะก็ไม่ค่อยมีให้ ความสามารถเก่งๆก็แกล้งตายใช่มั้ย?” นัทพยักหน้า

    “การจะกลายเป็นซูเปอร์โนวิทได้นั้นต้องซึมซับไหวพริบการเอาตัวรอดเพื่อรักษาความปลอดภัยของตัวเองมามาก หนทางก็ลำบากกว่าอาชีพไหนๆ แถมอายุก็ยังน้อยอีก หากพวกพี่ลงไปแล้วถูกรุมเป็นอาหารปลาจะไม่เหลือใครเลยหรือไง? แล้วที่นัทอยู่ตรงนั้นน่ะ ท่านสนอร์รี่เชื่อว่าถ้าไม่ให้เธอเสี่ยง ถ้าเธอรอดได้ เธอจะอยู่และเผยความสามารถได้อีกเยอะเลยล่ะ”

    “หมายความว่า...” นัทตาเป็นประกาย “ขนาดเก่งๆอย่างพวกพี่ ที่เปลี่ยนอาชีพเป็นชั้นสองก็เถอะ คุณสนอร์รี่ก็ยังไม่ไว้ใจว่าพวกพี่จะเก่งพอที่จะรอดชีวิตหรอคะ?”

    “ถูกต้อง ไม่ว่าจะเก่งมาจากไหน ก็ผิดพลาดได้เสมอ” กาโม่พยักหน้า “ดังนั้นก็ไม่แปลกถ้าเขาจะไม่ไว้ใจใครซักคนว่าจะทำได้สำเร็จ แม้แต่ตัวเขาเอง แผนของเขาเอง เขาก็กลัวเหมือนกันแหละ ได้แต่ฝากความหวังว่าจะทำได้ แต่ไม่สามารถวางใจได้แน่นอน... อนาคตนัทยังมีอยู่ และมีอีกไกล ดังนั้นความสามารถบางอย่างก็ยังไม่เผยออกมา ยังคงหลับอยู่ในตัวเธอ ถ้าตายก่อนแล้วใครจะได้รู้ล่ะว่ามันคืออะไร...”

    “จริงด้วย” นัทยิ้ม กาโม่พักยิ้มบ้างก่อนจะพูดต่อ

    “อีกอย่าง ถ้าคิดว่านัทอ่อนแอจริงๆ ทำไมศึกแรกที่ว่าไม่รู้ความสามารถทุกคนก็กล้าให้เธอเป็นหน่วยกล้าตายสู้บอสเต่านั่นล่ะ”

    นัทอึ้ง จริงของกาโม่...

    ....ทำไมเธอมองข้ามเรื่องนี้ไปได้นะ....

    “นั่นซินะคะ” เธอยิ้มบางๆอย่างดีใจ ความพยายามของเธอสำเร็จไปแล้วขั้นนึงซินะ.....

    “ดังนั้นเลิกคิดโทษตัวเอง หรือน้อยเนื้อต่ำใจได้แล้ว อย่ามองว่าเมื่อไหร่จะเก่งพอ เพราะพวกเรามองเห็นความสามารถของเธอ ทั้งที่มีแล้วและซ่อนอยู่นะ... แต่จงอย่าหยุดฝึก เพราะทุกคนพัฒนาความสามารถตัวเองได้เรื่อยๆ เธอเก่ง แต่มันไม่มีคำว่าพอก็เท่านั้น” กาโม่หัวเราะเบาๆ พลางขยี้หัวน้องสาว “ทีนี้ก็กลับกันนะ”

    “อื้ม!! แง้วๆๆๆ พี่กาโม่น่ารักที่สุดเลย~” นัทอ้อน ความคิดตำหนิตัวเองหายไปเป็นปลิดทิ้ง เธอมีความสำคัญเทียบเท่าคนอื่น แค่นั้นก็พอใจแล้ว.....

    อีกสองคนที่สะกดรอยตามมาเมื่อเห็นเหตุการณ์จบลงด้วยดีก็ยิ้มก่อนเดินกลับวังเช่นกัน สนอร์รี่พึมพำอย่างพอใจ “คุณนัทก็ไม่ใช่มูนไลท์ซินะ....”

    -จบบท-

    นัท [Nut] (ผู้สมัครมิได้กำหนดนามสกุล)
    ตำแหน่ง : ซูเปอร์โนวิทที่ถูกเลือก
    ผม : ผมสีฟ้าตรงยาว
    นัยน์ตา : ช่างฟ้าเหมือนเส้นผมเหลือเกิน
    ใบหน้า : ยิ้มแย้มแจ่มใส ในภายนอก
    อายุ : 13
    ของสำคัญ : กาโม่ พี่ชาย(ร่วมสาบาน)ที่พร้อมให้นัทแกล้ง
    เครื่องประดับบริเวณศรีษะ : ไม่ได้สวมใส่
    อดีต : เคยเรียบร้อย และโดนแกล้ง
    ความพิเศษ : ความสามารถอาจจะด้อยเมื่อเทียบกับคนอื่น แต่เก่งในรุ่นอายุเดียวกัน ความสามารถพิเศษยังไม่ปรากฏ ต้องรอติดตามต่อไป (คนแต่งกับคนสมัครยังไม่ได้กำหนดนั่นเอง ฮา- -+)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×