คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตัวแปรที่หนึ่ง
ฉันขับรถมาถึงลานจอดรถหน้าคณะอักษรศาสตร์ที่ฉันเรียนอยู่ แต่ไม่รู้ว่าวันนี้มันเป็นวันอะไร ลานจอดรถถึงได้มีรถจอดอยู่เต็มไปหมดจนไม่มีที่ว่างให้กับ Jazz สีเขียวตองอ่อนของฉันแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ให้ตายเถอะ แล้วฉันจะเอาไอ้เขียว(ฉันตั้งชื่อให้รถตัวเองว่าไอ้เขียว)ไปจอดไว้ตรงไหนล่ะเนี่ย แล้วสายตาอันโฉบเฉี่ยวของฉันก็ไปสะดุดกับช่องว่างโล่งพอให้รถหนึ่งคันจอดได้อย่างพอเหมาะพอเจาะอยู่ที่ลานจอดรถของคณะวิศวะฯซึ่งอยู่ถัดไปจากของคณะอักษรฯเพียงไม่กี่เมตร ฉันรีบเหยียบคันเร่งตรงไปยังช่องว่างนั้นอย่างเร็วที่สุดราวกับว่าถ้าไม่ได้ที่จอดรถตรงนั้นแล้วมันจะทำให้ไอ้เขียวขาดใจตายตรงหน้า (เกี่ยวไหม?)
ฉันเห็นว่าทางเข้าลานจอดรถมันต้องอ้อมไปไกลฉันก็เลยตัดสินใจขับย้อนศรเลี้ยวเข้าตรงช่องทางออกเพราะที่จอดตรงนั้นมันอยู่ใกล้กับทางออกนิดเดียว(คนอ่านอย่าได้คิดทำตามนะคะ ไอริสนิสัยเสียอ่ะ)ฉันยิ้มอย่างดีใจที่จะได้จอดรถเสียทีเหมือนเด็กที่กำลังจะได้ของเล่น ระหว่างที่กำลังจะเลี้ยวรถเข้าไปยังที่จอดรถเป้าหมายอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ฉันก็ต้องเบรครถแบบหัวทิ่มหัวตำหน้าคะมำจนจมูกโด่งๆแทบจะชนพวงมาลัยแล้วก็ต้องอ้าปากพะงาบๆกับภาพที่ปรากฏตรงหน้า Porche 911 Carrera 4S สีบรอนซ์เงินที่ไม่ว่าจะดูยังไงๆก็แพงกว่าไอ้เขียวของฉันหลายสิบเท่ากำลังเลี้ยวเข้าไปจอดตัดหน้าฉันด้วยเวลาแค่ 0.001 วินาที
งานนี้ไอริสมีหรือจะยอม ฉันจอดรถทันทีก่อนจะเปิดประตูลงจากรถโดยไม่สนว่ามันจะขวางทางหมาฉี่แล้วตรงดิ่งไปยังประตูฝั่งคนขับของรถคันนั้นด้วยความโมโห ฉันทุบประตูเพื่อให้ไอ้หมอนั่น(เพราะเห็นว่าเป็นผู้ชาย)ที่กำลังเอี้ยวตัวไปหยิบกระเป๋าด้านหลังเบาะคนขับเพื่อให้ออกมาคุยกันให้รู้เรื่อง มีอย่างที่ไหน มาจอดตัดหน้ากันชัดๆ(ตัวเองผิดแท้ๆยังจะ.....-_-“)
ช่วงจังหวะที่หมอนั่นหันกลับมาทำให้ฉันสามารถมองเห็นหน้าเขาได้ชัดๆ โอ้วววว พระเจ้า คนหล่อ!!! หมอนี่หล่อยังกับพระเอกเกาหลี หน้าใสกิ๊ง ไร้สิวไร้ริ้วรอย ไร้ขี้แมลงหวี่แมลงวันใดๆทั้งสิ้น ปากบางๆสีชมพูระเรื่อนั่นอีก น่า.................. >///<
ปึ้ก อุ๊บ!!! OxO
ยังไม่ทันที่ฉันจะคิดเตลิดไปถึงไหนๆเกี่ยวกับหน้าหล่อๆของหมอนี่ ไอ้คนต้นเหตุที่ทำให้ฉันต้องมายืนตกตะลึงอยู่ข้างๆรถนี่ก็เล่นเปิดประตูออกมาโดยไม่สนใจว่าฉันจะยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ ส่งผลให้ประตูรถกระแทกฉันเข้าอย่างจังจนเซไปข้างหลัง ความตื่นตะลึงในใบหน้าอันหล่อเหลาของหมอนี่ก็มลายหายวับไปทันทีก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความโกรธ
“นี่นาย!!!”ฉันเริ่มต้นเปิดศึกด้วยท่าทางเอาเรื่องแต่ก็ยังไม่วายยังมีสีชมพูระเรื่อบนพวงแก้ม(โกรธย่ะโกรธ)
“???”หมอนี่ไม่ตอบแต่กลับยักยิ้วเป็นเชิงคำถาม ท่าทวงกวนโอ๊ยใช่หยอกแฮะ
“นายมาจอดรถตัดหน้าฉันแล้วยังเปิดประตูรถมาชนฉันอีก”
“งั้นหรอ ขอโทษที คิดว่าเปรตมาขอส่วนบุญ ส่วนเรื่องจอดรถตัดหน้า เธอเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า”หนอย หาว่าฉันเป็นเปรตเรอะ เย็นไว้ ไอริส เย็นไว้ ฟู่ววววววว
“ไม่ผิดหรอก ก็นายจงใจจอดรถตัดหน้าฉัน ทั้งๆที่นายก็เห็นอยู่ว่าฉันกำลังจะเอารถเข้ามาจอด...ตรงนี้”ฉันชี้มือไปยังจุดที่ยืนอยู่พร้อมกับเน้นเสียงตรงท้ายประโยค
“หึๆๆ”เขาหัวเราะในลำคอแต่สีหน้าไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ว่ากำลังขบขันแล้วก็เดินกระทบไหล่ผ่านฉันไปราวกับว่าฉันเป็นแค่อากาศธาตุหรือจิ้งจก ตุ๊กแก แย้ ตะกวด หรืออะไรสักอย่างที่มันไม่น่ามองให้เสียสายตา
“เฮ้ นี่นาย เอารถราคาถูกๆของนายออกไปจอดที่อื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ”ฉันกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหมอนั่นไปด้วยความโกรธระคนเสียหน้าที่ถูกเมินแล้วก็เผลอพูดอะไรออกไปโดยไม่ได้ดูสารรูป(รถ)ของตัวเอง
เขามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะหันไปมองไอ้เขียวของฉันที่จอดนิ่งอยู่ตรงนั้นแล้วหันมามองฉันด้วยสายตานิ่งๆกึ่งเยาะเย้ย
“เท่าที่จำได้ รถฉัน 17 ล้านกว่าๆนะ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ขับรถย้อนศรอย่างใครบางคนซะด้วยสิ”หลังจากทิ้งคำพูดเจ็บแสบไว้แล้วไอ้หน้าหล่อนั่นก็เดินลิ่วๆขึ้นตึกวิศวะฯไปทันที ทิ้งให้ฉันยืนตัวสั่นด้วยความโกรธอยู่คนเดียว ฉันไม่ได้โกรธคำพูดของหมอนั่นหรอก แต่ฉันกำลังโกรธตัวเองที่ดันพูดอะไรโง่ๆออกไปน่ะ อร๊ายยยยย หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ >///<
จู่ๆฉันก็รู้สึกเหมือนมีสายตานับสิบคู่กำลังจ้องมองมาทางฉันราวกับฉันเป็นสัตว์ประหลาดหลุดเข้ามาจากนอกโลกอย่างนั้นแหละ และแล้วฉันก็ต้องเก็บเศษหนังหน้าที่แตกกระจายเกลื่อนพื้นแล้วเดินกลับไปที่รถเพื่อวนหาที่จอดรถแห่งใหม่ วนอยู่สามรอบในที่สุดก็ได้เจอที่จอดเสียที ฉันใจเต้นตุ้มๆต่อมๆในขณะที่กำลังเคลื่อนรถเข้ามาจอดอยู่ข้างๆPorche 911 Carrera 4S สีบรอนซ์เงินคันเดิมที่เจ้าของรถทำให้ฉันแทบจะเอาหน้ามุดดินหนี .... ทำไมๆๆๆ ทำไมมหาวิทยาลัยไฮโซแห่งนี้ช่างกันดารลานจอดรถขนาดนี้
ป้าบ!!!
“โอ๊ย อะไรเนี่ยยัยโหด อยู่ดีๆมาตบหัวฉันทำไมเนี่ย”จูเนียร์เอามือลูบหัวตัวเองป้อยๆหลังจากที่โดนหนังสือสารานุกรมเล่มยักษ์ที่ฉันถือติดมือมาซัดเข้าที่กลางกบาลอย่างจัง(แอบโหดเล็กน้อย อิอิ)
“หมั่นไส้ ตะโกนยังกะฉันเป็นเด็กๆ ตัวโตยังกะควายคิดว่าฉันมองไม่เห็นแกรึไงยะ”
:O[]O:
“คิกๆๆ สมน้ำหน้า”ยัยโมเดลหัวเราะคิกคัก ฉันแอบเห็นนะโมเดลว่าเธอทำหน้าสะใจที่ไอ้จูเนียร์มันโดนฉันตบหัวอ่ะ
“เธอว่าอะไรฉันโมเดล สมน้ำหน้าฉันเรอะ?”ไอ้หมอนี่มันหันขวับไปมองยัยโมเดลอย่างค้อนๆจนฉันชักไม่แน่ใจว่าเพื่อนฉันมันแมนร้อยเปอร์เซนต์ไหมเนี่ย -_-“
“เปล๊าาาาา คิดไปเองรึเปล่าห๊ะ ใครจะไปสมน้ำหน้านายกันล่ะ”ยัยโมเดลทำหน้านิ่งๆแต่สายตาออกแววขบขันนิดๆ
“ชิ”
ฉันส่ายหน้าไปมาอย่างเบื่อหน่ายกับเพื่อนสองคนนี้ มีเรื่องทะเลาะกันด้วยเรื่องจุกๆจิกๆกันได้ทุกวี่ทุกวัน ก่อนหน้าที่ฉันจะมาถึงไม่รู้นั่งอยู่ด้วยกันได้ยังไงตั้งนานสองนาน
“เออ เมื่อกี้แกบอกฉันทางโทรศัพท์ว่ามีเรื่องอะไรจะเล่าให้พวกเราฟังงั้นหรอ?”ยัยโมเดลพูดกับฉันทั้งที่ยังไม่เงยหน้าจากการจดข้อมูลทำรายงานวิชาจิตวิทยา
“เมื่อเช้าฉันฝันถึงคุณยายดาเลีย”
“คุณยายมาบอกเลขท้ายสามตัวหรอ?”นี่แกถามจริงๆหรือว่าแกล้งถามยะยัยโมเดล สีหน้าแกนี่ฉันแยกแยะไม่ออก
“ยัยบ้า ถ้ามันแค่นั้นก็ดีสิ”ฉันพูดพลางทำหน้าครุ่นคิด ไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่าจากตรงไหนดี
“ฝันว่าอะไรวะยัยโหด”
แล้วฉันก็คว้าคอของเพื่อนรักทั้งสองเข้ามาหาตัวก่อนจะเริ่มต้นเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทุกรายละเอียดให้เพื่อนรักฟังด้วยเสียงที่เบาที่สุดแค่พอได้ยินกันแค่สามคน เพราะถ้าเกิดมีใครทะลึ่งมาได้ยินเข้า ฉันคงจะถูกมองว่าเสียสติแน่นอน
“ซุบซิบๆๆๆๆๆ .......... เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ”
หลังจากที่ฉันเล่าเสร็จ ไอ้จูเนียร์กะยัยโมเดลก็มองฉันตาค้าง นั่งนิ่งราวกับถูกสาป เอ๊ะ อย่าบอกนะว่าพวกแกถูกเสกให้กลายเป็นหินไปแล้ว O_o
“ไอริส อย่าบอกนะว่าแก..........”ยัยโมเดลทำหน้ายังกะเห็นผี
“ใช่ คุณยายบอกว่าฉันเป็นแม่มด”
ไอ้จูเนียร์อ้าปากพะงาบๆพูดอะไรไม่ออก แต่แล้วจู่ๆมันก็เอาหลังมือมาแตะหน้าผากฉัน สีหน้าแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเหลือเกิน
“ตัวก็ไม่ร้อนนี่หว่า หรือว่าเรียนหนักจนประสาทกลับวะ”ยัยโมเดลหันขวับกลับไปมองหน้าไอ้จูเนียร์ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเพื่อนรักทั้งสองส่งสายตาถึงกันทำนองว่าเห็นด้วยกะที่มันพูด
“เออ พวกแกไม่เชื่อก็ช่าง แต่อย่าเพิ่งพูดอะไรกวนประสาทตอนนี้ คนยิ่งหงุดหงิดอยู่”
“ใครไปทำอะไรให้เพื่อนฉันล่ะจ๊ะถึงได้หงุดหงิดแต่เช้าน่ะ”
“ไม่มีอะไร ก็แค่ไปเจอไอ้ผู้ชายกวนประสาทมันแย่งที่จอดรถไปน่ะ”ว่าแล้วหน้าหล่อๆใสๆของหมอนั่นก็ผุดขึ้นมาในมโนภาพทันที รู้สึกว่าแก้มมันร้อนผ่าวๆชอบกล สงสัยจะอากาศร้อนแฮะ
“ใครล่ะ รู้จักป่ะ แล้วหน้าตาเป็นไง หล่อไหม?”ยัยโมเดลแกล้งสะกิดถามฉันอย่างอยากรู้อยากเห็น ส่วนไอ้จูเนียร์ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แต่กลับเขยิบเข้ามาฟังใกล้ๆซะงั้น
“ไม่รู้จัก สงสัยอยู่คณะวิศวะฯ เห็นใส่เสื้อชอปวิศวะฯ หน้าตาก็งั้นๆ หยิ่งอีกต่างหาก ไม่เห็นจะมีอะไรน่ามอง...”ยกเว้นรถที่หมอนั่นขับมาน่ะ น่าไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถชะมัด >///<
“จริงอ้ะ?”ยัยโมเดลหรี่ตามองฉันอย่างจับผิดแถมยังถามไรแปลกๆ ส่วนจูเนียร์ก็จ้องฉันไม่วางตา
“เออ ก็จริงดิ ฉันจะโกหกทำเตี่ยแกเรอะ”
“แล้วทำไมต้องหน้าแดง”ยัง ยังไม่จบอีก
“บ๊ะ พวกแกนี่ จะเอาไงกะฉันเนี่ย บอกว่าไม่มีก็ไม่มีดิ เอ๊ออออ”
“ว้า ฉันคิดว่าแกจะเจอผู้ชายที่ทำให้แกปิ๊งปั๊งได้แล้วซะอีก แต่ก็ดี อยู่เป็นโสดเป็นเพื่อนฉันก่อน”
“เฮ้ ไอริส ฉันว่ายัยโหดอย่างเธออ่ะ คงไม่มีใครเค้ากล้าเอามาทำแฟนหรอกวะ เดี๋ยวฉันจะเป็นผู้เสียสละเองเอามะ จุ๊บๆๆๆ”แล้วมันก็ยื่นหน้าเข้ามาหาฉันแล้วทำปากจู๋เหมือนตูดหมู
“อี๋ ขนลุกว่ะ นายเอาหน้าตี๋ๆของนายออกไปห่างๆหน้าฉันเลยนะ ถ้าจะให้เอาเพื่อนเพี้ยนๆอย่างนายมาทำแฟน ฉันว่าฉันอยู่เป็นโสดไปจนตายดีกว่า บรื๋ออออออ”ฉันทำท่าขนลุกก่อนจะเอามือดันหน้าไอ้จูเนียร์ออกไปห่างๆอย่างขยะแขยง มันชอบทำอะไรเพี้ยนๆอย่างนี้เป็นประจำจนฉันเคยคิดจะตัดหางมันปล่อยไปนอกโลกเลยด้วยซ้ำ
“อย่างนายไม่มีใครเค้าอยากได้เป็นแฟนหรอกย่ะ ชิ”ยัยโมเดลโพล่งออกมาด้วยความหมั่นไส้
“เฮอะ อย่างเธอก็ไม่มีใครเค้าอยากได้มาเป็นแฟนเหมือนกันแหละ ฮี่ธ่อ”แล้วสงครามเล็กๆระหว่างยัยโมเดลกับไอ้บ้าจูเนียร์ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ฉันแอบเห็นนะโมเดลว่าสายตาแกมันหม่นลงหลังจากได้ยินคำพูดตอกกลับของจูเนียร์อ่ะ ถึงจะแค่แว่บเดียวก็เถอะ ฉันรู้สึกว่าระหว่างสองคนนี่มันชักจะยังไงๆ
“นี่ พวกแกสองคนหยุดทะเลาะกันสักแป๊บนึงก่อนได้ไหม?”
“แว้ดๆๆๆๆๆ”
“เฮ้ ฉันบอกว่าหยุดเถียงกันสักแป๊บนึงก่อนได้ไหม?”
“แว้ดๆๆๆๆๆ” ปุดๆๆ(เสียงน้ำโหฉันมันกำลังเดือด)
“โธ่เว้ย ฉันบอกให้หยุดไงเล่า!!!”ฉันตะโกนออกไปอย่างเหลืออดเมื่อไม่มีใครฟังที่ฉันจะพูดเลยสักคน
นิ่ง สองคนนั่นนิ่งไปทันทีหลังจากที่ฉันตะโกนออกไป นี่พวกแกตกใจขนาดนั้นเลยหรอ? แต่ทำไมต้องทำท่านิ่งค้างอย่างกับรูปปั้นอย่างนั้นด้วยอ่ะ
จึกๆๆ
ฉันสะกิดแขนยัยโมเดล
“โมเดล จูเนียร์ เฮ้ พวกแกเป็นไรกันไปหมดเนี่ย อย่าเล่นแบบนี้ดิ ไม่งั้นโกรธนะเว้ย”ฉันเรียกแล้วเรียกอีก แต่สองคนนี่ก็ยังนิ่งค้างอยู่อย่างนั้นจนฉันเริ่มหน้าเสีย แต่พอฉันลองมองไปรอบๆตัวก็ต้องพบกับความประหลาดใจกึ่งช็อคกับภาพที่เห็น ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดอยู่กับที่ราวกับภาพนิ่ง สิ่งมีชีวิตต่างๆหยุดความเคลื่อนไหว แม้กระทั่งนกที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้าก็ค้างเติ่งอยู่แบบนั้น นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตฉันกันแน่เนี่ย ใครก็ได้ช่วยตอบฉันที
“ยายบอกแล้วไงว่านับจากนี้ไป ไอริสหลานยายจะไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาๆคนเดิมอีกต่อไป”เสียงนุ่มๆคุ้นหูดังมาจากด้านหลัง ทำเอาฉันสะดุ้งโหยง
“โธ่ คุณยาย เกือบหัวใจวายตาย คุณยายมาได้ยังไงคะ”ฉันเอามือทาบหน้าอกพร้อมกับพ่นลมออกมาแรงๆก่อนจะถามออกไปด้วยความแปลกใจ ก็คุณยายอยู่ตั้งอิตาลี อยู่ๆก็มาโผล่ที่มหาวิทยาลัยฉัน
“^_^”คุณยายไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ทำหน้ายิ้มๆ
“งั้นก็แสดงว่าที่คุณยายบอกหนูเมื่อคืนนี้ก็เป็นเรื่องจริง....ใช่ไหมคะ?”ฉันถามออกไปอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ ก็เรื่องมันน่าเชื่อซะเมื่อไหร่ล่ะ
(^_^)( _ _ )(^_^)( _ _ )
และแล้วฉันก็ต้องยืนนิ่งไปอีกคนอย่างตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ใครจะไปคิดล่ะว่าจะเกิดเรื่องบ้าๆแบบนี้กับตัวเองน่ะ อยู่ดีๆก็ได้เป็นแม่มด มีเวทมนตร์โดยไม่รู้ตัว แถมยังได้มาแบบไม่เต็มใจด้วยซ้ำ
“คุณยายช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดให้หนูฟังอีกครั้งได้ไหมคะ”
“อยากรู้อะไรถามมาได้เลย ถ้าบอกได้ยายก็จะบอกให้หมดเลยจ้ะ”
จากนั้นฉันก็ซักคุณยายไปชุดใหญ่ คุณยายก็ช่างเล่าได้เป็นช่องเป็นฉากจนบางครั้งฉันคิดว่าตัวเองหลุดเข้ามาในดินแดนเวทมนตร์ซะอีก หลังจากที่ได้ฟังคุณยายเล่ามาทั้งหมดซึ่งฉันคิดว่ารวมๆแล้วน่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง(แอบเห็นใจไอ้เพื่อนสองคนนี่เหมือนกัน ไม่รู้จะรู้สึกเมื่อยบ้างรึเปล่า) ก็สรุปได้ว่า ต้นตระกูลหรือเทือกเขาเหล่ากอฝั่งแม่ฉันเป็นแม่มดพ่อมดกันทั้งตระกูล เพียงแต่ผู้ที่จะต้องทำหน้าที่สืบทอดตำแหน่งแม่มดนั้นจะข้ามไปรุ่นนึง อย่างเช่น รุ่นคุณยายฉันที่สืบทอดมาจากรุ่นของคุณยายของคุณยายฉันอีกที แล้วก็มาเว้นรุ่นแม่ฉันรุ่นนึง แม่ฉันก็เลยรอดตัวไป และรุ่นที่ต้องมาทำหน้าที่สืบทอดต่อจากคุณยายก็คงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากฉัน(จะดีใจหรือเสียใจดีล่ะเนี่ย ไอริสเอ๊ย)
“เอ่อ คุณยายคะ แล้วพวกนี้ล่ะคะ หนูจะทำไงกะพวกเค้าดีถึงจะกลับมาเหมือนเดิม”
“ไม้คฑาไงจ๊ะ ใช้ให้เกิดประโยชน์สิ”ฉันกำลังจะอ้าปากถามต่อว่ามันใช้ยังไง คุณยายก็โบกมือบ๊ายบายแล้วล่องหนจากไปอย่างรวดเร็ว ฉันจะล้วงไปหยิบมันออกมาจากกระเป๋า แต่ดูเหมือนว่าไอ้ไม้คฑานี่จะล่วงรู้ถึงความคิดของฉัน มันลอยออกมาจากกระเป๋าแล้วมาอยู่ในมือฉัน ฉันถือมันไว้อย่างงงๆและที่งงยิ่งกว่านั้นคือ ฉันจะใช้มันยังไง???
ตัวแปรแรกคือ คุณยาย ฉันรู้แล้ว แต่กลับมีตัวแปรที่สองที่สามตามมาอีกนี่สิ ตอนนี้ปัญหาของฉันก็คือ ฉันจะใช้เวทมนตร์กับไอ้ไม้คฑานี่ยังไงให้เพื่อนรักของฉันทั้งสองคนรวมถึงคนอื่นๆสิ่งอื่นๆที่อยู่รอบตัวกลับมาสู่สภาพปกติ คุณยายน้อคุณยาย จะบอกกันหน่อยก็ไม่ได้
ความคิดเห็น