ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Honey Witch แม่มดใสหัวใจกุ๊กกิ๊ก

    ลำดับตอนที่ #3 : ค้นหาคำตอบ

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ค. 56


                หลังจากที่ปะติดปะต่อเรื่องราวในฝันได้บ้าง ฉันก็ตัดสินใจว่าจะต้องค้นหาคำตอบของเรื่องนี้ให้ได้ ติดอยู่ตรงวิธีการเนี่ยแหละ เพราะฉันไม่รู้ว่าจะติดต่อคุณยายได้ยังไง ฉันไม่เคยมีเบอร์โทรศัพท์หรือแม้กระทั่งที่อยู่ของท่านเลย เพราะปกติคุณยายจะเป็นฝ่ายโทรมาคุยหรือไม่ก็บินมาเยี่ยมนานๆครั้ง ฉันรู้แต่ว่าคุณยายอยู่ที่อิตาลีเพราะท่านเป็นชาวอิตาลี ส่วนคุณตาเป็นคนไทย แม่ฉันก็เลยเป็นลูกครึ่งไทยอิตาลี ส่วนฉันก็เป็นลูกเสี้ยว ไทย อิตาลี ญี่ปุ่น เพราะพ่อของฉันเป็นชาวญี่ปุ่น

                ชื่อของฉันจึงมีทั้งภาษาไทย ภาษาอิตาลี และภาษาญี่ปุ่นรวมกัน  ชื่อเต็มๆของฉันคือ อริสรา วีต้า ทัตซึโยชิ และชื่อเล่นไอริสนี่คุณยายดาเลียเนี่ยแหละที่เป็นคนตั้งให้ ส่วนพ่อฉันไม่ค่อยอยากพูดถึงเท่าไหร่ไม่ใช่ว่าฉันไม่ได้รักพ่อนะ แต่มันมีสาเหตุ และสาเหตุที่ว่านั่นก็คือ พ่อทิ้งแม่ฉันไปแต่งงานใหม่ตั้งแต่ฉันยังอายุได้ไม่ถึงขวบด้วยซ้ำ เพราะยัยผู้หญิงหน้าด้านที่แย่งพ่อไปจากแม่นั้นดันเป็นลูกสาวนักการเมืองระดับสูงแต่กลับมาอ่อยพ่อฉันที่เป็นนักธุรกิจดาวรุ่งจนได้เสียกันแล้วเกิดท้องขึ้นมา คนที่รับกรรมก็คือฉันกับแม่ที่ไม่ได้จดทะเบียนกันตั้งแต่แรก จากนั้นแม่ก็ไม่เคยพูดถึงพ่อให้ได้ยินอีกเลย ไม่มีกระทั่งรูปถ่ายของพ่อแม้แต่ใบเดียว

                ตอนฉันเล็กๆเคยโดนเพื่อนๆล้อประจำว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ ฉันก็ร้องไห้ขี้มูกโป่งกลับบ้านแล้วไปถามแม่ว่าทำไมฉันถึงไม่มีพ่อเหมือนคนอื่นเขา เท่านั้นแหละ แม่ก็ร้องไห้อย่างหนักจนฉันที่กำลังร้องไห้ต้องเข้ามาปลอบแม่ซะเอง หลังจากนั้นฉันก็ไม่เคยปริปากถามถึงพ่อให้แม่ได้ยินอีกเลยเพราะไม่อยากให้แม่ร้องไห้ ฉันพยายามทำตัวให้เข้มแข็ง ไม่เป็นเด็กขี้แยเพื่อจะได้ปกป้องแม่ได้ อยู่กันแค่สองคนแม่ลูกเท่านั้น ฉันเคยบอกแม่ว่าอยากให้คุณยายมาอยู่ด้วยแม่ก็รีบปฏิเสธ บอกว่าคุณยายมีภาระหน้าที่ที่ต้องทำมากมายซึ่งฉันเองตอนนั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

                แต่ตอนนี้เริ่มรู้อะไรรางๆบ้างแล้วล่ะว่าแม่หมายถึงอะไร ตอนฉันอายุสิบแปดคุณยายบินมาเยี่ยมพวกเราและได้ตัดสินใจเล่าเรื่องของพ่อให้ฉันฟังตอนที่แม่ออกไปซื้อของข้างนอก คงเพราะเห็นฉันเก็บความสงสัยมานานถึงสิบกว่าปีละมั้ง แต่ก็เท่านั้น คุณยายไม่ได้เล่าอะไรนอกเหนือจากเรื่องของพ่อ พอฉันถามว่าคุณยายทำอะไรที่อิตาลี ท่านก็ไม่ตอบ ได้แต่อมยิ้มแล้วบอกฉันว่า ยังไม่ถึงเวลาที่ฉันต้องรู้ =_=”

                จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ประหลาดเมื่อคืนนั่นแหละ  เหตุเกิดในวันที่ฉันมีอายุครบยี่สิบปีเต็ม มันต้องมีอะไรแน่ๆ โจทย์สมการที่ฉันต้องหาคำตอบ และตัวแปรสำคัญที่จะนำไปสู่คำตอบที่ว่านั่นฉันคิดว่าต้องเป็นคุณยายดาเลียแน่นอน ฉันมั่นใจเสียยิ่งกว่าตอนฝนดินสอสองบีลงในกระดาษคำตอบแอดมิชชั่นเสียอีก

                “ไอริส เป็นอะไรรึเปล่าลูก?”เสียงนุ่มๆของแม่ที่ดังอยู่ข้างๆปลุกให้ฉันตื่นจากภวังค์

                “อ๊ะ เปล่าค่ะ เอ่อ แม่คะ คุณยายโทรมาบ้างรึเปล่าคะ”

                “เปล่าจ้ะ ไม่ได้โทรนี่ ก็คุณยายเพิ่งจะโทรมาคุยกับลูกเมื่อสามวันก่อนเองไม่ใช่หรอ?”

                “อ่อ ใช่ค่ะ หนูลืมไป แต่ถ้าคุณยายโทรมาหาแม่ แม่อย่าลืมขอเบอร์คุณยายไว้นะคะ เผื่อบางทีหนูคิดถึงจะได้โทรไปคุยกับท่านบ้าง”ฉันหาข้ออ้างไปอย่างนั้นแหละ ที่จริงฉันอยากรู้เรื่องนี้จนแทบจะอดทนรอไม่ไหวอยู่แล้ว

                “จ้ะ แล้วแม่จะถามให้”

                “หนูไปเรียนก่อนนะคะแม่”ฉันยิ้มหวานส่งไปให้แม่ก่อนจะเดินเข้าไปสวมกอดท่านเหมือนทุกวัน แต่วันนี้พิเศษกว่าวันอื่นตรงที่...........

                “หนูรักแม่ค่ะ ขอบคุณที่แม่ทำให้หนูเกิดมานะคะ”แล้วฉันก็หอมแก้มแม่ฟอดใหญ่ เล่นเอาท่านน้ำตาไหลพรากๆเลยอ่ะ ฉันเกือบจะกลั้นน้ำตาตัวเองไว้ไม่อยู่แน่ะเวลาเห็นน้ำตาของแม่ทีไรใจมันไหวยวบๆชอบกล เพราะแบบนี้แหละฉันถึงต้องทำตัวเป็นคนเข้มแข็งจะได้เป็นที่พึ่งของแม่ได้

                กว่าจะออกมาจากบ้านได้ฉันต้องหาผ้าขนหนูผืนใหญ่ๆมาซับน้ำตาให้แม่ก่อนที่น้ำตามันจะท่วมบ้านจนไม่มีที่จะซุกหัวนอนซะก่อน จากนั้นฉันก็ขับรถตรงดิ่งมายังมหาวิทยาลัยทันที

                “ยัยโมเดล ตอนนี้แกอยู่ไหน”ฉันกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ทันทีที่ปลายสายกดรับ

                “นั่งอยู่ที่ซุ้มคณะ แล้วแกอ่ะ มาถึงยัง?”

                “เกือบถึงแล้ว ขับรถอยู่ แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวเจอกัน วันนี้มีเรื่องตื่นเต้นจะเล่าให้แกฟังด้วยล่ะ”

                “ห๊ะ แกว่าอะไรนะ เฮ้ย ไอ้จูเนียร์อย่าแย่งดิวะ..........เออๆไอริส เดี๋ยวเจอกัน ไอ้จูเนียร์มันจะแย่งโทรศัพท์ฉันไปกินอยู่แล้ว อ๊ะ เฮ้ยย เอาคืนมานะ ตู๊ดดดดดดดดดดด” ฉันนึกภาพออกเลย ไอ้เพื่อนสองคนนี้ เล่นกันยังกับเด็กสองขวบ ฉันยังเคยนึกสงสัยเลยว่า โมเดลกะจูเนียร์ สองคนนี้ถ้าได้เป็นแฟนกันคงจะเหมาะสมกันพิลึก  ตัวโตเท่าเด็กมหาวิทยาลัย แต่สมองยังกับเด็กอนุบาล -_-“

                ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องหาคำตอบให้กับเรื่องนี้ให้ได้ ฉันคิดในใจอย่างมุ่งมั่นแล้วหันไปมองแท่งไม้สีน้ำตาลอ่อนอันนั้นด้วยความรู้สึกประหลาดแว่บนึงแล้วก็ตัดใจหันไปมองทางตรงหน้าก่อนที่จะขับรถไปจูบตูดรถซาเล้งข้างหน้าที่กำลังคลานไปอย่างช้าๆชนิดที่เรียกได้ว่าเต่ากัดยางได้อย่างสบายๆ

                

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×