คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7: ลำดับขั้นตอน [NON's PART]
ตอนที่ 7: ลำดับขั้นตอน
น่าแปลกไหม คนเรานั้นกับคนที่มาชอบ ถึงไม่ต้องทำอะไรเลยเขาก็ยังเห็นข้อดีในตัวเรา
แต่กับคนที่ชอบเราพรีเซนต์ตัวเองแทบตายเขาก็ไม่ยักจะหันมามอง............
“เอ่อ...ขอโทษนะ...........คือเรามีคนที่เราชอบอยู่แล้ว” ดวงหน้าใสๆหมองลงเมื่อได้ฟังคำตอบที่ผิดจากที่คาดหวังไว้ แต่สักพักเธอก็ปั้นยิ้มส่งตอบกลับผมมา
“อื้อ........ไม่เป็นไร เราเข้าใจนะ เราขอให้นนสมหวังกับคนที่นนชอบนะ” ผมทำได้แค่หัวเราะกลบเกลื่อนตอบกลับหล่อนไป
ไม่ใช่ว่าเธอคนนี้ไม่ดี เธอดีมากเป็นเด็กสาวที่หลายๆคนคงเฝ้าฝันถึง ทั้งรอยยิ้มไร้เดียงสา หน้าตาที่น่ารัก เรียนก็ดีแถมยังเป็นลูกสาวเจ้าของธุรกิจนำเข้า เธอเกือบจะสมบูรณ์แบบ
เพียงแต่แค่ข้อเดียวที่เธอไม่มีคือ เธอไม่ใช่คนที่ผมรัก
เรารู้จักกันสายเกินไป
รักครั้งแรกของผมเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อหกปีก่อนโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ผมยังจำตอนนั้นได้ดี ภาพของเด็กผู้ชายใส่หมวกตุ๊กตาที่ส่งยิ้มเศร้าอยู่เพียงเดียวดายในห้องสีขาวที่กว้างใหญ่
ภาพที่พบเจอโดยบังเอิญในโรงพยาบาลเมื่อครั้งที่เล่นซนจนตกต้นไม้ลงมาเลยต้องนอนโรงบาลแต่ก็ยังไม่วายใช้ไม้ค้ำพาตัวเองออกไปเล่นซนตามที่ต่างๆจนมาเจอ
ตัวผมในตอนเด็กแอบมองอยู่ทางช่องว่างของประตูที่ปิดไม่สนิท อยากจะเข้าไปคุยด้วยเพราะว่าอย่างน้อยก็จะได้มีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียว จนกระทั่งเขาหันมาเห็นแล้วจึงส่งยิ้มให้แล้วบอกว่าเข้ามาเถอะ
..........นั่นเป็นรอยยิ้มครั้งแรกที่ผมได้รับ.....
........จากพี่ธีร์............
“นั่งก่อนสิ ขาไปทำอะไรมาน่ะ” เสียงอ่อนแรงเอ่ยทักอย่างอย่างสดใสก่อนบุ้ยหน้าไปทางโซฟาที่นั่งข้างๆตัว บทสทนาระหว่างเราเริ่มต้นในลักษณะนี้ ไปทำอะไรมา เจ็บไหม เหงารึเปล่าต้องมานอนโรงพยาบาลแบบนี้ ตลอดเวลาที่เราคุยกันมีแต่คำถามที่แสดงถึงความห่วงใยแต่เจ้าของคำถามกลับไม่เคยพูดถึงเรื่องของตัวเอง
เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยเล่าเรื่องของตัวเองอย่างสนุกสนานในห้องกว้างในขณะที่เจ้าของห้องได้แต่ยิ้มและหัวเราะเบาๆโต้ตอบบทสนทนา เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเป็นภาพชินตาที่เหล่าแพทย์และพยาบาลที่เดินผ่านอดจะอมยิ้มไม่ได้
“.......แล้วก็นะ เมื่อวานพอผมบอกว่าอยากจะปีนต้นไม้ไปเก็บผลไม้อีกพ่อกับแม่ก็ตกใจใหญ่บอกว่าห้ามเด็ดขาดเลย .... จริงสิ แล้วพี่เป็นไรอ่ะ คุณหมอให้พี่กินยาเยอะแยะเลยนี่นา” ผมเอียงคอถามเด็กชายแปลกหน้าอย่างสงสัยในอาการป่วยของอีกฝ่ายเพราะนอกจากใบหน้าซีดเซียวแล้วทุกอย่างก็ดูปกติดีทำไมถึงต้องกินยามากมายแบบนั้นด้วย
“ยารักษาโรคปวดหัวน่ะ คุณหมอบอกว่าถ้ากินไปเรื่อยๆแล้วฉายแสงตามกำหนดก็จะหาย” แม้จะดูเหมือนไม่มั่นใจแต่เด็กชายก็ยินยอมกลืนเม็ดหลากสีเหล่านั้นเข้าไปโดยไม่ปริปากบ่นแต่อย่างใด
“แล้วนี่มานี่ทุกวันแล้วไม่เจ็บขาเหรอ” เสียงนุ่มเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดีก่อนจะยื่นรีโมททีวีให้กับเด็กน้อยที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานแต่ติดเขาอย่างกับตังเม
“ไม่หรอกพี่ ใส่เฝือกอยู่ แรกๆก็มีเจ็บบ้างนะ แต่ตอนนี้ก็ไปไหนมาไหนได้สบายแล้วอ่ะ แล้วอีกอย่างห้องพี่มีการ์ตูนดูด้วยนี่นา........”
เสียงการ์ตูนดังขึ้นพร้อมสีสันที่โลดแล่นอยู่บนจอของห้องพักพิเศษทำลายความเงียบเหงาไปเสียสิ้น แต่น่าแปลกที่ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะเข้ามาเจออีกฝ่ายกำลังดูทีวี
“แล้วนี่ขาใกล้หายแล้วก็จะออกจากโรงบาลแล้วป่ะ.......โอ๊ย...” แขนผอมบางนั้นค่อยปิดหนังสือการ์ตูนที่อยู่ในมือก่อนจะทำมันร่วงลงด้วยสีหน้าเหยเก
......
..
..
..
สีหน้าเจ็บปวดที่ปรากฏขึ้นในวันนั้นเกิดขึ้นบ่อยขึ้น บ่อยขึ้นเรื่อยๆ แล้วดูเหมือนจะทวีความรุนแรงขึ้นแต่กลับไม่มีครั้งไหนที่จะไม่มีรอยยิ้มส่งกลับมา
....ทั้งที่เจ็บและทรมานขนาดนั้นแต่ทุกครั้งที่ยังไหวพี่ก็จะฝืนยิ้มให้กับคนอื่นๆเสมอ....
ไม่นานเท่าไหร่ผมก็ออกจากโรงบาลไปเพราะว่าหายดี และไม่ได้เจอกันอีกเลยจนกระทั่งมาเรียนที่นาดาว
ผมจำเขาได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตา ถึงได้ถามยืนยันจากรุ่นพี่ในหอว่าใช่คนเดียวกับชื่อที่เคยติดอยู่ที่ปลายเตียงในโรงพยาบาลเมื่อครั้งนั้นใช่หรือไม่
พี่ธีร์คงจะลืมเด็กช่างพูดที่ขาหักคนนั้นไปแล้ว
แต่ผมไม่เคยลืมดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นเลยนะพี่รู้ไหม?
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
“อ้าวพี่ไผ่ หวัดดี สอบเป็นไงมั่งพี่” ผมเอ่ยทักเสียงใสให้กับรุ่นพี่หัวเกรียนที่เดินคู่มากับพี่ธีร์ ใบหน้าขาวบุ้ยหน้าอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่กันจะยกมือขึ้นยันหัวผมเล่นๆอย่างไม่คิดมาก
“ไอ้เชี่ยนน นี่มึงห่วงกูหรือมึงจงใจประชดวะ?” ผมหัวเราะให้กับคำตอบที่คาดไว้แล้วก่อนหันไปถามอีกคนที่เหลืออยู่ “แล้วพี่เป็นไงบ้างอ่ะพี่ธีร์”
“ก็ดี” ใบหน้าที่ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นอมยิ้มเล็กน้อยที่ทำให้ใจผมเต้นผิดจังหวะจนต้องหลบตา
“มึงรู้ป่ะ .......ก็ดีของแม่ง...นี่กูยังไม่เห็นว่าจะตอบผิดเลยสักข้อ” พี่ไผ่กล่าวด้วยน้ำเสียงล้อเลียนก่อนจะยกมือถือขึ้นมาอ่านข้อความ “เออ งั้นเดี๋ยวกูไปละ....แล้วค่อยเจอกันนะพวกมึง”
พวกเรายืนมองอยู่จนกระทั่งพี่ไผ่เดินลับสายตาไปก่อนจะเริ่มเดินกลับหอกันต่อ สีหน้าของพี่ธีร์ดูสดใสมากขึ้นแม้จะไม่ถึงกับร่าเริงแต่ก็ยังนับได้ว่าดีกว่าเดิมมากมาย อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าเรื่องทั้งหมดที่ทำมานั้นไม่ได้สูญเปล่า
“สอบเสร็จแล้วไปฉลองที่ไหนกันมั๊ยพี่?” ผมพูดด้วยสีหน้าเป็นกันเองก่อนยกแขนขึ้นเกาะบ่าอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม
..ความสนิทสนมที่สร้างขึ้นอย่างจงใจ..
..เพราะผมเห็นว่าใครบางคนกำลังมองมาทางนี้..
ว่ากันว่าคนเราล้วนต้องมีความลับที่บอกใครไม่ได้อยู่เรื่องสองเรื่องด้วยกันทั้งนั้น...
แต่ความลับของผมนั้นที่จริงแล้วมีมากกว่านั้นมากมาย..
เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นมองเผินๆอาจจะเป็นความบังเอิญแต่แท้จริงแล้วมันคือลำดับขั้นตอนที่ถูกวางเอาไว้อย่างแนบเนียน เริ่มตั้งแต่การเจอกันในร้านตามสั่งโต้รุ่งโดยบังเอิญ แต่ความจริงแล้วเป็นตัวผมที่เดินตามพี่ธีร์ออกไปห่างๆ ที่แกล้งลืมกระเป๋าตังค์ก็เพื่อขอเบอร์ ที่ถามการบ้านในห้องสมุดก็เพื่อจะได้มีข้ออ้างในการหาอะไรมาตอบแทนที่ช่วยเหลือเพื่อเพิ่มโอกาสในการตีสนิทให้มากขึ้น
แม้แต่บุคลิกเด็กหาดใหญ่ไม่ทันคนตื่นเต้นกับสิ่งรอบตัวก็เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายลดความระมัดระวังตัวลง
นน อาจจะเป็นเด็กสดใสช่างพูดก็จริง แต่เขาไม่เคยที่จะเป็นเด็กใสซื่ออย่างที่แสดงให้ใครต่อใครเข้าใจ
ในขณะที่พี่ภูมัวแต่โลเลทำร้ายพี่ธีร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมก็เริ่มดำเนินแผนที่วางไว้อย่างช้าๆ
วันเดียวกันกับที่ผมพี่ธีร์ร้องไห้ให้ผมเห็นเป็นครั้งแรก ‘ซัน’ เพื่อนร่วมห้องก็ได้เปิดเผยความในใจว่าตัวเองหลงรักแฟนสาวของมือกีต้าร์วงซีสเคปให้ฟัง ขั้นตอนแรกของแผนการจึงเริ่มขึ้นตรงนั้น
ผมยุให้ซันตกลงเข้าไปเป็นนักร้องของวงเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับขนมปังแฟนของ ‘พี่ต้าร์’ มือกีต้าร์ โดยบอกว่าถึงไม่ได้ไปอยู่ในตำแหน่งคนรักแต่ได้ใกล้ชิดก็ยังดีไม่ใช่หรือแถมยังอาจจะมีโอกาสตัดใจได้เร็วขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายมีความสุขอยู่กับคนรักเช่นนั้นด้วย และเมื่อซันทำตามคำแนะนำผลลัพธ์จึงนำไปสู่ขั้นตอนถัดไป
ผมตามไปดูการฝึกซ้อมของวงบ้างเป็นครั้งและได้เจอกับพี่ไผ่ คนที่ผมเลือกให้มาเป็นเพื่อนกับพี่ธีร์
หากว่าวันหนึ่งพี่ธีร์ตัดสินใจที่จะตัดขาดกับพี่ภูจำเป็นที่จะต้องมีเพื่อนที่คอยให้กำลังใจ ถ้าได้คนที่อยู่ในห้องเดียวกันเป็นพวกก็จะทำให้การตัดใจเป็นไปได้ง่ายยิ่งขึ้นเพราะนอกจากจะย้ายที่หลบหน้าได้แล้วในด้านการรวมกลุ่มตอนเรียนก็จะไม่มีปัญหาด้วย พี่ไผ่ถือว่าดีเกินไปมากกว่าที่ต้องการเยอะนัก เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นเพื่อนร่วมห้องที่นิสัยดีแล้วรักเพื่อนของตัวแล้ว หากพี่ภูคิดจะทำอะไรรุนแรงขึ้นมาพี่ไผ่ก็สามารถปกป้องพี่ธีร์ได้อย่างเหลือเฟือ
แค่ชวนพี่ธีร์ไปดูเพื่อนซ้อมวงเพื่อให้ทุกคนสนิทสนมกัน ใช้เวลาแค่เพียงไม่นานพี่ธีร์กับพี่ไผ่ก็เริ่มสนิทกันรวมไปถึงเพื่อนๆในแก๊งค์นั้นด้วย
เหลืออยู่ก็แค่..ทำยังไงก็ได้ให้คนที่เคยทำร้ายอย่างพี่ภูไม่มีโอกาสนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
“โอย...ไม่ไหวแล้วว่ะพี่” ผมร้องโอดครวญออกมาหลังจากที่เราสองคนช่วยกันจัดการพิซซ่าถาดใหญ่ไปได้ถาดครึ่ง ความอืดที่เกิดขึ้นทำให้อดที่จะล้มตัวลงนอนอย่างขี้เกียจไม่ได้
“มึงอย่าเพิ่งนอนสิวะนนยังเหลืออีกตั้งเยอะ” มือเรียวเขย่าตัวผมสองสามครั้งก่อนถูกผมคว้าเอาไว้แล้วลุกขึ้นมาสบตา
“พี่ธีร์......ตอนนี้..พี่มีความสุขไหม?”
...มือที่กำลังกุมอยู่นั้นอบอุ่น...อุ่นมากเสียจนไม่อยากปล่อย...
“..........” สีหน้าของพี่ธีร์ดูประหลาดใจแต่กลับไม่ได้ชักมือออก
“เวลาที่พี่มีผมอยู่ข้างๆพี่รู้สึกยังไงบ้างเหรอพี่........?”
“ไอ้นน....กู..............” แม้กระทั่งตอนที่ผมค่อยๆขยับตัวเข้าไปใกล้พี่ธีร์ก็ไม่ได้ถอยหนี
เราสบตากันอยู่เงียบๆอย่างนั้น ความรู้สึกหลากหลายที่ถูกส่งผ่านสายตาที่ดูสับสนก่อนที่ดวงตาคู่งามจะเบนลงพื้นอย่างไม่มั่นใจ
“กูยังรักไอ้ภูอยู่.......มึงก็รู้ใช่ไหม?” มือข้างที่กุมอยู่สั่นเล็กน้อยเหมือนพยามจะขืนออกแต่ผมไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น
...ถ้าพี่จะปล่อยมือผมเพราะไม่ชอบผม...ผมจะเข้าใจ..
..แต่ถ้าพี่ลังเลเพราะพี่ยังยึดติดอยู่กับความผิดพลาดที่ผ่านมา...
..ผมจะไม่ยอมให้พี่ปล่อยมือผมไปหรอก..
“ผมรู้พี่............ผมไม่ได้จะขอให้พี่ลืมพี่ภู.............แต่พี่ให้โอกาสผมได้รึเปล่า?....” ผมค่อยๆยกมือข้างที่กุมอยู่ขึ้นสัมผัสที่ข้างแก้มอย่างแผ่วเบา “ผมไม่อยากให้พี่ปิดใจตัวเองเพราะเรื่องพี่ภูนะ..........ถ้าพี่ยังไม่ลืมก็ไม่เป็นไร...ยังมีคนที่พร้อมจะยืนเคียงข้างพี่...กุมมือพี่..ยิ้มให้พี่.............แม้ว่าพี่จะไม่ได้รักเขาเลยก็ตาม”
เจ็บจนเหมือนจะหายใจไม่ออก คำพูดที่พูดออกไปด้วยตัวเอง
ความจริงที่รู้อยู่แล้วกำลังทำร้ายตัวเองอย่างสาหัส
...ถึงจะมาก่อน...ถึงจะให้ได้มากกว่าให้ได้ทุกอย่างจะมีประโยชน์อะไร...
...รู้ทั้งรู้ว่าพูดออกไปยังไงเขาก็ไม่รัก..ยังจะทำให้ลำบากใจกันเปล่าๆ...
ผมรู้ว่ามันขี้โกงมากที่ทำแบบนี้ ใช้ความผูกพันและคำพูดที่เปิดกว้างมาบีบบังคับ
ถึงจะใช้ประโยชน์จากความอ่อนแอของพี่
ระยะห่างลดลงเรื่อยๆก่อนที่พีธีร์จะพริ้มตาลงและริมฝีปากของพวกเราค่อยๆสัมผัสกันอย่างแผ่วเบาและนิ่งค้าง
มันเป็นแค่เพียงจูบแบบเด็กๆแต่กลับทำให้หัวใจที่เจ็บปวดร้อนวาบ ชั่วพริบตาแต่กลับเนิ่นนานในความรู้สึกพวกเราผละออกจากกันด้วยความตกใจ
“นน....กูขอโทษ”
พี่จะรู้ไหมว่าสายตารู้สึกผิดของพี่ทำให้ผมรู้สึกผิดยิ่งกว่า
“กูขอออกไปสูดอากาศข้างนอกแปปนึง”
..
..
..
ผมทำได้เพียงแค่มองเงาร่างผอมบางเดินออกไปที่ระเบียงแล้วทุบพื้นหวังว่าความเจ็บปวดที่มือจะสามารถลดทอนสิ่งที่ก้อนเนื้อในอกกำลังรู้สึกอยู่ได้
ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดการณ์ทั้งหมด
นอกเสียใจความเจ็บปวดนี้ที่หนักหนามากเหลือเกิน
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ผมรู้ว่าพี่ธีร์ต้องการเวลาตัดใจ
แต่ผมไม่มีเวลาแล้ว.........
ถ้ามัวแต่ชักช้ารอให้พี่เรียนจบ ... พี่ก็จะจากผมไปอีกครั้ง
เราไม่ได้คุยอะไรกันอีกหลังจากนั้น เพียงแค่ยิ้มน้อยๆให้ตอนที่พีธีร์เดินกลับเข้ามาและช่วยกันเก็บมื้อเย็นที่วางกันเกลื่อนที่พื้นห้องโดยไม่สบตากันแม้แต่นิดเดียว ผมนึกขอบคุณที่คำตอบนั้นยังคลุมเครือทำให้ผมยังมีโอกาสได้อยู่ข้างๆและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในวันถัดมา
หลังจากที่เราคุยกันจนผมหมดเรื่องจะพูดไปพักใหญ่ พี่ธีร์ก็ถอดหูฟังที่เสียบอยู่ข้างเดียวออกก่อนกระซิบอย่างแผ่วเบาเพราะเรายังอยู่บนรถทัวร์ “ที่จริง...กูไปคิดเรื่องที่มึงบอกกูเมื่อคืนแล้ว........”
“............” ใบหน้าดูดีฉายอาการประหม่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อพบว่าคู่สนทนาอย่างผมทำหน้าเหมือนประหลาดใจ
“กูมีความสุขเวลากับมึงนะ......”
“แล้ว.......”
“กูรับปากมึงไม่ได้......เพราะกูไม่รู้ว่ากูจะตัดใจได้รึเปล่า.......แต่ถ้ากูทำได้แล้ววันนั้นมึงยังไม่เปลี่ยนใจ..เราค่อย....เราค่อย.....”
เสียงตะกุกตะกักเงียบลงก่อนที่ผมจะตัดสินใจต่อประโยคนั้นแทนคนที่นั่งอึกอักอยู่ข้างๆ
“เราค่อยมาคุยเรื่องของเรากันใช่ป่ะพี่?...........”
..ผมรู้ว่าพี่เป็นคนดีเลยไม่อยากเอาเปรียบหรือรั้งใครเอาไว้ด้วยความคลุมเครือ...แต่ว่า
...ให้ตายเถอะ..น่ารักขนาดนี้ผมจะเปลี่ยนใจได้ไง...
TALKS: ช่วงนี้เหนื่อยมากกำลังปรับตัวหลายๆอย่างต้องขอโทษผู้อ่านที่หายไปเสียนานด้วยนะคะ สำหรับตอนนี้เขียนใหม่ถึงสอบรอบแน่ะ แก้ไปแก้มาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่แต่สุดท้ายก็คิดได้ว่าเอาวะเอามันแบบนี้แหละ สำหรับคนที่เชียร์ไผ่คงต้องบอกว่าไผ่คงไม่ได้มามีส่วนร่วมในรักสามเศร้าฉากนี้หรอกนะคะ ผู้เขียนเองก็แอบเสียดายนิดหน่อยเพราะรักพี่เสียดายน้องอยู่เหมือนกัน(แน่นอนว่าเป็นนนกับไผไม่ใช่อิภู) ขอบคุณจริงๆสำหรับทุกคอมเม้นท์ทำให้เรามีกำลังใจขึ้นเยอะเลย ถึงจะไม่ได้ตอบ(เพราะไม่รู้จะตอบอะไร)แต่เราก็อ่านของทุกคนเลยนะคะ ไว้เจอกันอีกทีในตอนใหม่เนาะ สวัสดีค่ะ
ปล. มีฟิคสั้นตั้วมาร์ชอัพใหม่นะคะ http://my.dek-d.com/yuhan/writer/view.php?id=1221875
ความคิดเห็น