ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Hormones] NonThee/PhuThee : Can you feel the love?

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7: ลำดับขั้นตอน [NON's PART]

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ย. 57


    ตอนที่ 7: ลำดับขั้นตอน

     

     

     

     

    น่าแปลกไหม คนเรานั้นกับคนที่มาชอบ ถึงไม่ต้องทำอะไรเลยเขาก็ยังเห็นข้อดีในตัวเรา

    แต่กับคนที่ชอบเราพรีเซนต์ตัวเองแทบตายเขาก็ไม่ยักจะหันมามอง............

     

     

     

     

    “เอ่อ...ขอโทษนะ...........คือเรามีคนที่เราชอบอยู่แล้ว” ดวงหน้าใสๆหมองลงเมื่อได้ฟังคำตอบที่ผิดจากที่คาดหวังไว้ แต่สักพักเธอก็ปั้นยิ้มส่งตอบกลับผมมา

     

    “อื้อ........ไม่เป็นไร เราเข้าใจนะ เราขอให้นนสมหวังกับคนที่นนชอบนะ” ผมทำได้แค่หัวเราะกลบเกลื่อนตอบกลับหล่อนไป

     

    ไม่ใช่ว่าเธอคนนี้ไม่ดี เธอดีมากเป็นเด็กสาวที่หลายๆคนคงเฝ้าฝันถึง ทั้งรอยยิ้มไร้เดียงสา หน้าตาที่น่ารัก เรียนก็ดีแถมยังเป็นลูกสาวเจ้าของธุรกิจนำเข้า เธอเกือบจะสมบูรณ์แบบ

     

    เพียงแต่แค่ข้อเดียวที่เธอไม่มีคือ เธอไม่ใช่คนที่ผมรัก

     

     

     

     

     

    เรารู้จักกันสายเกินไป

     

     

     

     

    รักครั้งแรกของผมเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อหกปีก่อนโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

     

     

    /////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

     

     

     

    ผมยังจำตอนนั้นได้ดี ภาพของเด็กผู้ชายใส่หมวกตุ๊กตาที่ส่งยิ้มเศร้าอยู่เพียงเดียวดายในห้องสีขาวที่กว้างใหญ่

    ภาพที่พบเจอโดยบังเอิญในโรงพยาบาลเมื่อครั้งที่เล่นซนจนตกต้นไม้ลงมาเลยต้องนอนโรงบาลแต่ก็ยังไม่วายใช้ไม้ค้ำพาตัวเองออกไปเล่นซนตามที่ต่างๆจนมาเจอ

     

    ตัวผมในตอนเด็กแอบมองอยู่ทางช่องว่างของประตูที่ปิดไม่สนิท อยากจะเข้าไปคุยด้วยเพราะว่าอย่างน้อยก็จะได้มีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียว จนกระทั่งเขาหันมาเห็นแล้วจึงส่งยิ้มให้แล้วบอกว่าเข้ามาเถอะ

     

    ..........นั่นเป็นรอยยิ้มครั้งแรกที่ผมได้รับ.....

    ........จากพี่ธีร์............

     

     

    “นั่งก่อนสิ ขาไปทำอะไรมาน่ะ” เสียงอ่อนแรงเอ่ยทักอย่างอย่างสดใสก่อนบุ้ยหน้าไปทางโซฟาที่นั่งข้างๆตัว บทสทนาระหว่างเราเริ่มต้นในลักษณะนี้ ไปทำอะไรมา เจ็บไหม เหงารึเปล่าต้องมานอนโรงพยาบาลแบบนี้ ตลอดเวลาที่เราคุยกันมีแต่คำถามที่แสดงถึงความห่วงใยแต่เจ้าของคำถามกลับไม่เคยพูดถึงเรื่องของตัวเอง

     

    เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยเล่าเรื่องของตัวเองอย่างสนุกสนานในห้องกว้างในขณะที่เจ้าของห้องได้แต่ยิ้มและหัวเราะเบาๆโต้ตอบบทสนทนา เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเป็นภาพชินตาที่เหล่าแพทย์และพยาบาลที่เดินผ่านอดจะอมยิ้มไม่ได้

     

     

    “.......แล้วก็นะ เมื่อวานพอผมบอกว่าอยากจะปีนต้นไม้ไปเก็บผลไม้อีกพ่อกับแม่ก็ตกใจใหญ่บอกว่าห้ามเด็ดขาดเลย .... จริงสิ แล้วพี่เป็นไรอ่ะ คุณหมอให้พี่กินยาเยอะแยะเลยนี่นา” ผมเอียงคอถามเด็กชายแปลกหน้าอย่างสงสัยในอาการป่วยของอีกฝ่ายเพราะนอกจากใบหน้าซีดเซียวแล้วทุกอย่างก็ดูปกติดีทำไมถึงต้องกินยามากมายแบบนั้นด้วย

     

    “ยารักษาโรคปวดหัวน่ะ คุณหมอบอกว่าถ้ากินไปเรื่อยๆแล้วฉายแสงตามกำหนดก็จะหาย” แม้จะดูเหมือนไม่มั่นใจแต่เด็กชายก็ยินยอมกลืนเม็ดหลากสีเหล่านั้นเข้าไปโดยไม่ปริปากบ่นแต่อย่างใด

     

     “แล้วนี่มานี่ทุกวันแล้วไม่เจ็บขาเหรอ” เสียงนุ่มเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดีก่อนจะยื่นรีโมททีวีให้กับเด็กน้อยที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานแต่ติดเขาอย่างกับตังเม

     

    “ไม่หรอกพี่ ใส่เฝือกอยู่ แรกๆก็มีเจ็บบ้างนะ แต่ตอนนี้ก็ไปไหนมาไหนได้สบายแล้วอ่ะ แล้วอีกอย่างห้องพี่มีการ์ตูนดูด้วยนี่นา........”

     

    เสียงการ์ตูนดังขึ้นพร้อมสีสันที่โลดแล่นอยู่บนจอของห้องพักพิเศษทำลายความเงียบเหงาไปเสียสิ้น แต่น่าแปลกที่ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะเข้ามาเจออีกฝ่ายกำลังดูทีวี

     

    “แล้วนี่ขาใกล้หายแล้วก็จะออกจากโรงบาลแล้วป่ะ.......โอ๊ย...”  แขนผอมบางนั้นค่อยปิดหนังสือการ์ตูนที่อยู่ในมือก่อนจะทำมันร่วงลงด้วยสีหน้าเหยเก

     

    ......

    ..

    ..

    ..

    สีหน้าเจ็บปวดที่ปรากฏขึ้นในวันนั้นเกิดขึ้นบ่อยขึ้น บ่อยขึ้นเรื่อยๆ แล้วดูเหมือนจะทวีความรุนแรงขึ้นแต่กลับไม่มีครั้งไหนที่จะไม่มีรอยยิ้มส่งกลับมา

     

    ....ทั้งที่เจ็บและทรมานขนาดนั้นแต่ทุกครั้งที่ยังไหวพี่ก็จะฝืนยิ้มให้กับคนอื่นๆเสมอ....

     

     

    ไม่นานเท่าไหร่ผมก็ออกจากโรงบาลไปเพราะว่าหายดี และไม่ได้เจอกันอีกเลยจนกระทั่งมาเรียนที่นาดาว

     

    ผมจำเขาได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตา ถึงได้ถามยืนยันจากรุ่นพี่ในหอว่าใช่คนเดียวกับชื่อที่เคยติดอยู่ที่ปลายเตียงในโรงพยาบาลเมื่อครั้งนั้นใช่หรือไม่

     

     

     

    พี่ธีร์คงจะลืมเด็กช่างพูดที่ขาหักคนนั้นไปแล้ว

    แต่ผมไม่เคยลืมดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นเลยนะพี่รู้ไหม?

     

     

    ///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

     

    “อ้าวพี่ไผ่ หวัดดี สอบเป็นไงมั่งพี่” ผมเอ่ยทักเสียงใสให้กับรุ่นพี่หัวเกรียนที่เดินคู่มากับพี่ธีร์ ใบหน้าขาวบุ้ยหน้าอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่กันจะยกมือขึ้นยันหัวผมเล่นๆอย่างไม่คิดมาก

     

    “ไอ้เชี่ยนน นี่มึงห่วงกูหรือมึงจงใจประชดวะ?” ผมหัวเราะให้กับคำตอบที่คาดไว้แล้วก่อนหันไปถามอีกคนที่เหลืออยู่ “แล้วพี่เป็นไงบ้างอ่ะพี่ธีร์”

     

    “ก็ดี” ใบหน้าที่ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นอมยิ้มเล็กน้อยที่ทำให้ใจผมเต้นผิดจังหวะจนต้องหลบตา

     

    “มึงรู้ป่ะ .......ก็ดีของแม่ง...นี่กูยังไม่เห็นว่าจะตอบผิดเลยสักข้อ” พี่ไผ่กล่าวด้วยน้ำเสียงล้อเลียนก่อนจะยกมือถือขึ้นมาอ่านข้อความ “เออ งั้นเดี๋ยวกูไปละ....แล้วค่อยเจอกันนะพวกมึง”

     

    พวกเรายืนมองอยู่จนกระทั่งพี่ไผ่เดินลับสายตาไปก่อนจะเริ่มเดินกลับหอกันต่อ สีหน้าของพี่ธีร์ดูสดใสมากขึ้นแม้จะไม่ถึงกับร่าเริงแต่ก็ยังนับได้ว่าดีกว่าเดิมมากมาย อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าเรื่องทั้งหมดที่ทำมานั้นไม่ได้สูญเปล่า

     

    “สอบเสร็จแล้วไปฉลองที่ไหนกันมั๊ยพี่?” ผมพูดด้วยสีหน้าเป็นกันเองก่อนยกแขนขึ้นเกาะบ่าอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม

     

    ..ความสนิทสนมที่สร้างขึ้นอย่างจงใจ..

    ..เพราะผมเห็นว่าใครบางคนกำลังมองมาทางนี้..

     

     

     

     

    ว่ากันว่าคนเราล้วนต้องมีความลับที่บอกใครไม่ได้อยู่เรื่องสองเรื่องด้วยกันทั้งนั้น...

    แต่ความลับของผมนั้นที่จริงแล้วมีมากกว่านั้นมากมาย..

     

     

     

    เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นมองเผินๆอาจจะเป็นความบังเอิญแต่แท้จริงแล้วมันคือลำดับขั้นตอนที่ถูกวางเอาไว้อย่างแนบเนียน เริ่มตั้งแต่การเจอกันในร้านตามสั่งโต้รุ่งโดยบังเอิญ แต่ความจริงแล้วเป็นตัวผมที่เดินตามพี่ธีร์ออกไปห่างๆ ที่แกล้งลืมกระเป๋าตังค์ก็เพื่อขอเบอร์ ที่ถามการบ้านในห้องสมุดก็เพื่อจะได้มีข้ออ้างในการหาอะไรมาตอบแทนที่ช่วยเหลือเพื่อเพิ่มโอกาสในการตีสนิทให้มากขึ้น

     

    แม้แต่บุคลิกเด็กหาดใหญ่ไม่ทันคนตื่นเต้นกับสิ่งรอบตัวก็เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายลดความระมัดระวังตัวลง

     

    นน อาจจะเป็นเด็กสดใสช่างพูดก็จริง แต่เขาไม่เคยที่จะเป็นเด็กใสซื่ออย่างที่แสดงให้ใครต่อใครเข้าใจ

     

    ในขณะที่พี่ภูมัวแต่โลเลทำร้ายพี่ธีร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมก็เริ่มดำเนินแผนที่วางไว้อย่างช้าๆ

     

    วันเดียวกันกับที่ผมพี่ธีร์ร้องไห้ให้ผมเห็นเป็นครั้งแรก ซันเพื่อนร่วมห้องก็ได้เปิดเผยความในใจว่าตัวเองหลงรักแฟนสาวของมือกีต้าร์วงซีสเคปให้ฟัง ขั้นตอนแรกของแผนการจึงเริ่มขึ้นตรงนั้น

     

    ผมยุให้ซันตกลงเข้าไปเป็นนักร้องของวงเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับขนมปังแฟนของ พี่ต้าร์มือกีต้าร์ โดยบอกว่าถึงไม่ได้ไปอยู่ในตำแหน่งคนรักแต่ได้ใกล้ชิดก็ยังดีไม่ใช่หรือแถมยังอาจจะมีโอกาสตัดใจได้เร็วขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายมีความสุขอยู่กับคนรักเช่นนั้นด้วย และเมื่อซันทำตามคำแนะนำผลลัพธ์จึงนำไปสู่ขั้นตอนถัดไป

     

    ผมตามไปดูการฝึกซ้อมของวงบ้างเป็นครั้งและได้เจอกับพี่ไผ่ คนที่ผมเลือกให้มาเป็นเพื่อนกับพี่ธีร์

     

    หากว่าวันหนึ่งพี่ธีร์ตัดสินใจที่จะตัดขาดกับพี่ภูจำเป็นที่จะต้องมีเพื่อนที่คอยให้กำลังใจ ถ้าได้คนที่อยู่ในห้องเดียวกันเป็นพวกก็จะทำให้การตัดใจเป็นไปได้ง่ายยิ่งขึ้นเพราะนอกจากจะย้ายที่หลบหน้าได้แล้วในด้านการรวมกลุ่มตอนเรียนก็จะไม่มีปัญหาด้วย พี่ไผ่ถือว่าดีเกินไปมากกว่าที่ต้องการเยอะนัก เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นเพื่อนร่วมห้องที่นิสัยดีแล้วรักเพื่อนของตัวแล้ว หากพี่ภูคิดจะทำอะไรรุนแรงขึ้นมาพี่ไผ่ก็สามารถปกป้องพี่ธีร์ได้อย่างเหลือเฟือ

     

    แค่ชวนพี่ธีร์ไปดูเพื่อนซ้อมวงเพื่อให้ทุกคนสนิทสนมกัน ใช้เวลาแค่เพียงไม่นานพี่ธีร์กับพี่ไผ่ก็เริ่มสนิทกันรวมไปถึงเพื่อนๆในแก๊งค์นั้นด้วย

     

    เหลืออยู่ก็แค่..ทำยังไงก็ได้ให้คนที่เคยทำร้ายอย่างพี่ภูไม่มีโอกาสนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง

     

     

     

     

     

    /////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

     

    “โอย...ไม่ไหวแล้วว่ะพี่” ผมร้องโอดครวญออกมาหลังจากที่เราสองคนช่วยกันจัดการพิซซ่าถาดใหญ่ไปได้ถาดครึ่ง ความอืดที่เกิดขึ้นทำให้อดที่จะล้มตัวลงนอนอย่างขี้เกียจไม่ได้

     

    “มึงอย่าเพิ่งนอนสิวะนนยังเหลืออีกตั้งเยอะ” มือเรียวเขย่าตัวผมสองสามครั้งก่อนถูกผมคว้าเอาไว้แล้วลุกขึ้นมาสบตา

     

    “พี่ธีร์......ตอนนี้..พี่มีความสุขไหม?”

     

    ...มือที่กำลังกุมอยู่นั้นอบอุ่น...อุ่นมากเสียจนไม่อยากปล่อย...

     

    “..........” สีหน้าของพี่ธีร์ดูประหลาดใจแต่กลับไม่ได้ชักมือออก

     

    “เวลาที่พี่มีผมอยู่ข้างๆพี่รู้สึกยังไงบ้างเหรอพี่........?”

     

    “ไอ้นน....กู..............” แม้กระทั่งตอนที่ผมค่อยๆขยับตัวเข้าไปใกล้พี่ธีร์ก็ไม่ได้ถอยหนี

     

     

    เราสบตากันอยู่เงียบๆอย่างนั้น ความรู้สึกหลากหลายที่ถูกส่งผ่านสายตาที่ดูสับสนก่อนที่ดวงตาคู่งามจะเบนลงพื้นอย่างไม่มั่นใจ

     

    “กูยังรักไอ้ภูอยู่.......มึงก็รู้ใช่ไหม?” มือข้างที่กุมอยู่สั่นเล็กน้อยเหมือนพยามจะขืนออกแต่ผมไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น

     

    ...ถ้าพี่จะปล่อยมือผมเพราะไม่ชอบผม...ผมจะเข้าใจ..

    ..แต่ถ้าพี่ลังเลเพราะพี่ยังยึดติดอยู่กับความผิดพลาดที่ผ่านมา...

     

     

    ..ผมจะไม่ยอมให้พี่ปล่อยมือผมไปหรอก..

     

     

    “ผมรู้พี่............ผมไม่ได้จะขอให้พี่ลืมพี่ภู.............แต่พี่ให้โอกาสผมได้รึเปล่า?....” ผมค่อยๆยกมือข้างที่กุมอยู่ขึ้นสัมผัสที่ข้างแก้มอย่างแผ่วเบา “ผมไม่อยากให้พี่ปิดใจตัวเองเพราะเรื่องพี่ภูนะ..........ถ้าพี่ยังไม่ลืมก็ไม่เป็นไร...ยังมีคนที่พร้อมจะยืนเคียงข้างพี่...กุมมือพี่..ยิ้มให้พี่.............แม้ว่าพี่จะไม่ได้รักเขาเลยก็ตาม”

     

     

    เจ็บจนเหมือนจะหายใจไม่ออก คำพูดที่พูดออกไปด้วยตัวเอง

    ความจริงที่รู้อยู่แล้วกำลังทำร้ายตัวเองอย่างสาหัส

     

    ...ถึงจะมาก่อน...ถึงจะให้ได้มากกว่าให้ได้ทุกอย่างจะมีประโยชน์อะไร...

    ...รู้ทั้งรู้ว่าพูดออกไปยังไงเขาก็ไม่รัก..ยังจะทำให้ลำบากใจกันเปล่าๆ...

     

     

    ผมรู้ว่ามันขี้โกงมากที่ทำแบบนี้ ใช้ความผูกพันและคำพูดที่เปิดกว้างมาบีบบังคับ

    ถึงจะใช้ประโยชน์จากความอ่อนแอของพี่

     

     

     

    ระยะห่างลดลงเรื่อยๆก่อนที่พีธีร์จะพริ้มตาลงและริมฝีปากของพวกเราค่อยๆสัมผัสกันอย่างแผ่วเบาและนิ่งค้าง

     

    มันเป็นแค่เพียงจูบแบบเด็กๆแต่กลับทำให้หัวใจที่เจ็บปวดร้อนวาบ ชั่วพริบตาแต่กลับเนิ่นนานในความรู้สึกพวกเราผละออกจากกันด้วยความตกใจ

     

     

     

     

    “นน....กูขอโทษ”

     

     

    พี่จะรู้ไหมว่าสายตารู้สึกผิดของพี่ทำให้ผมรู้สึกผิดยิ่งกว่า

     

    “กูขอออกไปสูดอากาศข้างนอกแปปนึง”

     

    ..

    ..

    ..

     

     

    ผมทำได้เพียงแค่มองเงาร่างผอมบางเดินออกไปที่ระเบียงแล้วทุบพื้นหวังว่าความเจ็บปวดที่มือจะสามารถลดทอนสิ่งที่ก้อนเนื้อในอกกำลังรู้สึกอยู่ได้

     

     

     

     

    ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดการณ์ทั้งหมด

    นอกเสียใจความเจ็บปวดนี้ที่หนักหนามากเหลือเกิน

     

     

     

     

    /////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

     

    ผมรู้ว่าพี่ธีร์ต้องการเวลาตัดใจ

    แต่ผมไม่มีเวลาแล้ว.........

     

    ถ้ามัวแต่ชักช้ารอให้พี่เรียนจบ ... พี่ก็จะจากผมไปอีกครั้ง

     

     

     

     

     

    เราไม่ได้คุยอะไรกันอีกหลังจากนั้น เพียงแค่ยิ้มน้อยๆให้ตอนที่พีธีร์เดินกลับเข้ามาและช่วยกันเก็บมื้อเย็นที่วางกันเกลื่อนที่พื้นห้องโดยไม่สบตากันแม้แต่นิดเดียว ผมนึกขอบคุณที่คำตอบนั้นยังคลุมเครือทำให้ผมยังมีโอกาสได้อยู่ข้างๆและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในวันถัดมา

     

     

    หลังจากที่เราคุยกันจนผมหมดเรื่องจะพูดไปพักใหญ่ พี่ธีร์ก็ถอดหูฟังที่เสียบอยู่ข้างเดียวออกก่อนกระซิบอย่างแผ่วเบาเพราะเรายังอยู่บนรถทัวร์ “ที่จริง...กูไปคิดเรื่องที่มึงบอกกูเมื่อคืนแล้ว........”

     

    “............” ใบหน้าดูดีฉายอาการประหม่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อพบว่าคู่สนทนาอย่างผมทำหน้าเหมือนประหลาดใจ

     

    “กูมีความสุขเวลากับมึงนะ......”

     

    “แล้ว.......”

     

    “กูรับปากมึงไม่ได้......เพราะกูไม่รู้ว่ากูจะตัดใจได้รึเปล่า.......แต่ถ้ากูทำได้แล้ววันนั้นมึงยังไม่เปลี่ยนใจ..เราค่อย....เราค่อย.....”

     

    เสียงตะกุกตะกักเงียบลงก่อนที่ผมจะตัดสินใจต่อประโยคนั้นแทนคนที่นั่งอึกอักอยู่ข้างๆ

     

    “เราค่อยมาคุยเรื่องของเรากันใช่ป่ะพี่?...........”

     

     

     

     

     

    ..ผมรู้ว่าพี่เป็นคนดีเลยไม่อยากเอาเปรียบหรือรั้งใครเอาไว้ด้วยความคลุมเครือ...แต่ว่า

    ...ให้ตายเถอะ..น่ารักขนาดนี้ผมจะเปลี่ยนใจได้ไง...

     

     

     

     

     

     

     

    TALKS: ช่วงนี้เหนื่อยมากกำลังปรับตัวหลายๆอย่างต้องขอโทษผู้อ่านที่หายไปเสียนานด้วยนะคะ สำหรับตอนนี้เขียนใหม่ถึงสอบรอบแน่ะ แก้ไปแก้มาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่แต่สุดท้ายก็คิดได้ว่าเอาวะเอามันแบบนี้แหละ สำหรับคนที่เชียร์ไผ่คงต้องบอกว่าไผ่คงไม่ได้มามีส่วนร่วมในรักสามเศร้าฉากนี้หรอกนะคะ ผู้เขียนเองก็แอบเสียดายนิดหน่อยเพราะรักพี่เสียดายน้องอยู่เหมือนกัน(แน่นอนว่าเป็นนนกับไผไม่ใช่อิภู) ขอบคุณจริงๆสำหรับทุกคอมเม้นท์ทำให้เรามีกำลังใจขึ้นเยอะเลย ถึงจะไม่ได้ตอบ(เพราะไม่รู้จะตอบอะไร)แต่เราก็อ่านของทุกคนเลยนะคะ ไว้เจอกันอีกทีในตอนใหม่เนาะ สวัสดีค่ะ

    ปล. มีฟิคสั้นตั้วมาร์ชอัพใหม่นะคะ http://my.dek-d.com/yuhan/writer/view.php?id=1221875

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×