ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Hormones] NonThee/PhuThee : Can you feel the love?

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4: ผมควรทำยังไงดี? [NON's PART]

    • อัปเดตล่าสุด 22 ส.ค. 57


    ตอนที่ 4: ผมควรทำยังไงดี?

     

     

    มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ผมมายืนอยู่ตรงนี้...

     

     

     

     

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องเรียนทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาของผมมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าพี่ธีร์จะไม่เคยเล่าเรื่องอะไรระหว่างพวกพี่เขาสองคนให้ฟังเลยก็ตาม แต่ผมจำใบหน้านั้นได้ดี

     

     

    ...ผู้ชายคนที่เจอที่ห้างเมื่อคราวก่อน..

    ..คนเดียวกับที่ทำให้พี่ธีร์เคยร้องไห้ และกำลังจะทำมันให้เกิดขึ้นอีกครั้ง....

     

    ในครั้งแรกที่เราเจอกันผมเพียงแค่มีความรู้สึกอยากรู้จัก อยากที่จะช่วยเหลือ อยากที่จะให้ใบหน้านั้นมีรอยยิ้มแทนที่แววตาเศร้าๆ แต่หลังจากที่ได้รู้จักสนิทสนมและคุ้นเคยกันมากขึ้นผมกลับรู้สึกว่าแค่นั้นมันยังไม่เพียงพอ

     

    ...ผมไม่อยากให้พี่เจ็บ...

    ...ผมอยากปกป้องพี่...

     

    สุดท้ายแล้วผมโผล่เข้าไปขัดจังหวะทั้งที่ควรจะรออยู่ด้านนอกเพียงเพราะสังหรณ์บางอย่างที่บอกผมว่าหากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปพี่ธีร์จะต้องใจอ่อนให้กับพี่ภูแล้วก็ต้องเจ็บอีกครั้ง

     

    ถ้าพี่ภูเลือกที่จะทิ้งพี่ธีร์ไปแล้วก็ไม่ควรจะกลับมาทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเรียกร้องกับพี่ธีร์แบบนั้น

    ... เอาแต่ได้เกินไปแล้วพี่ภู...

     

     

     

     

     

     

    “เออนี่พี่ธีร์ ผมได้ยินมาว่ามีร้านไอติมเปิดใหม่แถวสยามอ่ะพี่ ไปด้วยกันหน่อยดิพี่” ผมเอ่ยปากชวนหลังจากที่เราเดินออกมาจากตึกเรียนได้สักระยะหนึ่ง อันที่จริงไม่ใช่ว่าผมอยากทานไอศกรีมหรือหาเรื่องไปเที่ยวสยามหรอก เพียงแต่ผมอยากให้พี่ธีร์ออกไปข้างนอกเปลี่ยนอารมณ์ก็เท่านั้น

     

    “ไหนมึงบอกว่าจะติวอิ้งค์ไง” พี่ธีร์มุ่นคิ้วถามผมกลับ

     

    “ก็ผมอยากไปอ่ะพี่ แป๊ปเดียวเองแล้วเดี๋ยวเราค่อยกลับมาติวกันต่อก็ได้ นะพี่นะ วันศุกร์ทั้งทีอาทิตย์หน้าก็ต้องติวหนังสือกันทั้งอาทิตย์แล้ว” ผมอ้อนงอแงเหมือนเด็กๆ จับมือพี่ธีร์แล้วมองด้วยแววตาขอร้องให้ดูน่าเห็นใจที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

    “เออ ไปก็ไป” พี่ธีร์ยิ้มมุมปากอย่างเอ็นดูก่อนยีหัวผมซึ่งยิ้มร่าอย่างพอใจกับคำตอบ

     

     

    ...พี่ธีร์รู้ตัวรึเปล่าว่ามือของพี่อุ่นมากแค่ไหน...

    ..รอยยิ้มของพี่ เหมาะกับพี่มากกว่าสีหน้าเศร้าๆเหมือนไม่มีวิญญาณแบบนั้นอีกนะ...

     

     

     

     

     

     

     

     

    คงจะเป็นเพราะโรงเรียนแถวนี้กำลังอยู่ในช่วงสอบทำให้จำนวนแขกภายในร้านไอศกรีมเปิดใหม่แห่งนี้มีน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เราสองคนเลือกที่นั่งที่บริเวณซึ่งไม่เตะตาคนมากนักเพื่อที่จะได้ใช้เวลาพักผ่อนอย่างเงียบๆ ไอศกรีมในถ้วยที่รูปลักษณ์แปลกตาเช่นกระบอกไผ่เรียกความสนใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียวเมื่อมันวางเคียงคู่กันมากับผลไม้หลากสีสันในจาน ผมถึงกับตาโตจ้องมองจานขนมตรงหน้าอย่างตื่นเต้น

     

    “มัวแต่จ้องอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวก็ละลายหมด” เสียงหัวเราะขบขันที่อยู่ตรงหน้าเรียกสีเรื่อขึ้นที่แก้มของผมอย่างช่วยไม่ได้ ความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นตั้งแต่ผมถูกพี่ธีร์ลูบหัวเอา

     

    ...ความอบอุ่นที่ชวนให้จั๊กจี้แปลกๆ...

     

    “โหยพี่ ก็ปกติผมกินแต่ไอติมเบสิคนี่นา” ผมเอ่ยตอบก่อนชะโงกหน้ามองถ้วยรูปไข่อันเล็กที่อยู่ตรงหน้าพี่ธีร์ “แล้วนั่นอะไรอ่ะพี่”

     

    “พุดดิ้งคัสตาร์ด อยากลองอ่ะดิ” นิ้วเรียวผลักถ้วยคัสตาร์ดมาตรงด้านหน้าของผมที่กำลังพยักหน้าหงึกหงักแล้วหยิบช้อนของตัวเองตักเนื้อพุดดิ้งแสนนุ่มมาชิม

     

    “อร่อยว่ะพี่ ชิมของผมมั่งป่าว” ผมใช้ช้อนของตัวเองตักไอติมของตัวเองก่อนจะยื่นให้พี่ธีร์อย่างไม่คิดมากจนกระทั่งเห็นปฏิกิริยาชะงักไปนั่นถึงได้รู้สึกว่าทำอะไรผิดไปเสียแล้ว

     

    ...จริงสินะ...ตอนที่เคยจะแบ่งน้ำให้กินตอนช่วงแรกที่รู้จักกันพี่ธีร์ก็บอกว่ารังเกียจที่จะกินหลอดต่อจากเรานี่นา.....

     

    “ก็อร่อยดี” ริมผีปากบางที่ฉวยเอาเนื้อไอศกรีมจากบนช้อนผมไปกินหน้าตาเฉยทำให้ผมอดที่จะรู้สึกแปลกใจไม่ได้ในขณะที่อีกฝ่ายทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    “นี่แปลว่าเราสนิทกันแล้วใช่ป่ะพี่” ผมยิ้มกว้างและหัวเราะอย่างดีใจเมื่อได้ยินคำตอบที่อยากฟังที่สุดกลับมา

     

    “เออดิ”

    ////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

     

    พวกเราใช้เวลาที่ร้านนั้นไม่นานมากนักเพราะว่ายังมีภารกิจการเตรียมตัวสอบที่รออยู่ แต่ว่าก็ได้ถ่ายรูปคู่เป็นที่ระลึกเอาไว้โดยที่ผมอ้างว่าไม่ได้มาร้านแบบนี้บ่อยนัก แถมยังจะเอาไปอวดเพื่อนๆได้ด้วยว่าได้ไปลองชิมร้านเปิดใหม่ล่าสุดมาแล้วด้วย อีกราวสองชั่วโมงให้หลังพวกเราจึงกลับมานั่งเปิดตำราเรียนกันอย่างขะมักเขม้นบนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กที่ห้องพี่ธีร์

     

    “เออ ตรงนี้ก็จะเป็นส่วนของ indirect speech นะ ก็ไม่ได้ยากอะไร เทคนิคก็คือดูว่าประโยคนั้นๆใครเป็นคนพูด พอเวลาเอามาเขียนใหม่ให้เป็นประโยคบอกเล่าก็ให้ใช้เปลี่ยนรูปพวก subject verb object ตามนั้นเลย” เสียงทุ้มๆของพี่ธีร์เอ่ยอย่างเป็นจังหวะคลอไปกับเสียงขีดเขียนของกระดาษจดและปากกา

     

    สายตาที่เอาจริงเอาจังจ้องมองไปที่สมุดเลคเชอร์ของตัวเองซึ่งอาสาหยิบออกมาให้ยืมอ่านพร้อมกับอธิบายรายละเอียดของเนื้อหาภายในให้ฟังเป็นสิ่งที่ผมได้แต่ลอบมองอย่างชื่นชม

     

    ทั้งที่กำลังสอนหนังสือ แต่ผมกลับรู้สึกราวกับว่ากำลังชมการแสดงดนตรีอันน่าประทับใจ

    น่าเสียดายที่ดนตรีเองก็ไม่ได้แตกต่างไปจากการแสดงอื่นๆที่สุดท้ายก็ต้องรูดม่านลง

     

    “หลักๆเท่าที่ออกก็มีแค่นี้แหละ มึงก็เข้าใจเกือบหมดแล้ว เหลือแค่ไปทวนศัพท์แล้วก็ทำแบบฝึกหัดอีกหน่อยก็พอแล้ว” สมุดเล่มหนาถูกยื่นกลับมาให้ผมเพื่อนำกลับไปทบทวน

     

    “ขอบคุณนะพี่” ผมยิ้มกว้างอย่างร่าเริงส่งให้ แล้วเริ่มเก็บของเตรียมตัวกลับ

     

    “นนท์” เสียงเรียกชื่อที่ฟังดูแปลกๆทำให้ผมวางมือจากสิ่งที่กำลังทำอยู่ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ๆ

     

    “ว่าไงพี่” สีหน้าพี่ธีร์เหมือนลังเลใจอะไรบางอย่างโดยที่ผมเองก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มให้กำลังใจแล้วกุมมือพร้อมสบตาอย่างจริงจัง “ถ้าพี่มีอะไรไม่สบายใจอยากระบายก็บอกผมได้นะ”

     

    “เรื่องเมื่อเย็น...............ขอบใจนะ”

     

     

     

    ครืดดดดด....ครืดดดดดดดดดดดดดด

     

    รอยยิ้มที่คลี่ออกยังไม่ทันสุดก็ต้องหุบลงแล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้ากังวลใจทำให้ผมเหลือบไปดูชื่อของสายที่โทรเข้า

     

    [....ภู....]

     

    มือบางที่ผมกุมอยู่สั่นเล็กน้อยก่อนที่จะขืนหนี “พี่......รับเถอะ.....เดี๋ยวผมกลับละ”

     

    ....ผมเข้าใจแล้ว ว่าพี่รู้สึกยังไง....

     

     

     

     

    “ฮัลโหล ว่าไงภู”

     

     

    ประตูที่ปิดลงอย่างช้าๆทำให้เสียงด้านในค่อยๆเบาจนเหมือนตัดขาดจากกันในที่สุด ผมสูดหายใจลึกๆก่อนที่จะก้าวเดินเพื่อกลับไปที่ห้องตัวเองแต่ก็ต้องหันกลับมา

     

    เป็นครั้งแรกที่จู่ๆก็รู้สึกเหมือนกับว่าโลกนี้มันก็หมองลง

    แถมยังหายใจไม่ออกเหมือนมีอะไรมาบีบหัวใจอยู่

     

    ผมค่อยๆแนบหน้าผากตัวเองลงกับประตูห้องของพี่ธีร์ช้าๆอย่างโหยหาและรู้ตัวดีว่าความหวั่นไหวที่เกิดขึ้นนี้คืออะไร

     “พี่ธีร์.........ถ้าเกิดผมไม่ได้มองพี่แค่พี่ชายอีกแล้วผมควรทำยังไงดี”

     

    TBC.

    /////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

     

    Talks: เฮ ... จบไปอีกตอนแล้ว  ช่วงนี้รู้สึกเหนื่อยมากมายแต่ก็ยังพยามหาเวลามานั่งเขียนอยู่อาจต้องให้รอนานหน่อยแต่ว่าจะมาต่อให้จนจบแน่ค่ะ เป็นครั้งแรกเลยที่ฟิคที่ลงในเด็กดีมีคนกดเฟฟเยอะขนาดนี้เป็นเพราะฐานแฟนคลับฮอร์โมนนี้มีเยอะแน่นอนเลย

    หลังจากที่ดู EP.5 ไปก็ดูเหมือนภูมันจะเริ่มสำนึกอะไรๆได้แล้วนะ หวังว่าจะไม่มาทำตัวง้องแง้งให้ธีร์เสียน้ำตาอีกนะ เออแต่ธีร์ก็บอกไปแล้วนี่นะว่าจะลบภูออกไปจากชีวิตแต่รู้สึกเหมือนว่าธีร์จะทำไม่ได้ไงไม่รู้สิ

     

    เสาร์นี้ขอให้นนธีร์ออกบ้างเถอะนา สักแว่บก็ยังดี //อธิษฐาน

     

    สุดท้ายนี้ยินดีรับทุกคำติชมเหมือนเดิมนะคะ หรือถ้าอยากเม้ามอยส์ก็เจอกันในทวิต(@yuhankung_2)เนาะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×