คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3: มันไม่เหมือนทุกทีแล้วไง [PHU's PART]
ตอนที่ 3: มันไม่เหมือนทุกทีแล้วไง
...ผมไม่รู้ว่าเด็กรุ่นน้องที่พวกมันพูดถึงเป็นใคร...
..แต่ถ้ามันทำให้ธีร์ยิ้มได้ ผมก็ควรจะดีใจกับมัน..
แต่ผมทำแบบนั้นได้จริงๆน่ะเหรอ?
“อ้าว เต้ย รอนานยัง?” ผมเอ่ยทักเด็กสาววัยรุ่นซึ่งกำลังถือกระเป๋ายืนรออยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนก่อนตบบ่าเพื่อนเบาๆแล้วผละไปหาเธอ
“เอ้ย ไม่นานหรอก เราเพิ่งเลิก แล้วภูกะธีร์ดีกันแล้วเหรอ” เต้ยยิ้มอย่างน่ารักก่อนโบกมือทักทายกลุ่มเพื่อนผมเช่นกันแต่คำถามของเธอกลับทำให้ผมชะงัก
“ทำไมเต้ยถามงั้นอ่ะ .. เราก็ปกติดีนี่ไม่ได้ทะเลาะอะไรกับธีร์ซะหน่อย” ผมยิ้มตอบเธอก่อนที่จะโบกเรียกพากันไปดูหนังต่ออย่างที่ตั้งใจเอาไว้
“ก็เราเห็นปกติภูกับธีร์จะอยู่ด้วยกันตลอดแต่หลังๆตั้งแต่พวกเราเริ่มคบกันก็ไม่ค่อยเห็นอยู่ด้วยกันเลย เลยคิดว่าเพราะเราทำให้พวกนายทะเลาะกันอ่ะ แต่ว่าวันนี้เห็นพวกนายดีกันแล้วเราก็สบายใจ” เต้ยตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาเหมือนอย่างทุกครั้ง
และนี่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกชอบเธอ เวลาที่อยู่กับเต้ยมันทำให้ผมรู้สึกสบายใจและอบอุ่น เธอไม่คิดมากหรือขี้งอนเหมือนกับผู้หญิงอื่นๆ ไม่เคยจับผิดผม แม้แต่เรื่องระหว่างผมกับธีร์เธอก็ไม่ถือสา จนในบางครั้งผมอดคิดขึ้นมาไม่ได้จริงๆว่าผมเป็นแฟนหรือเป็นแค่เพื่อนผู้ชายที่สนิทกว่าเพื่อนคนอื่นๆของเธอกันแน่
“เออภู ภูคิดเรื่องเรียนต่อไว้มั่งยังอ่ะ เรายังลังเลอยู่เลย ไม่รู้ว่าจะเลือกเรียนคหกรรม หรือวิศวะดี” เต้ยชวนผมคุยต่อขณะที่เรานั่งรถไปด้วยกัน
“เอ้ย สองคณะนี้มันไปกันคนละทางเลยนะเต้ย แล้วเต้ยชอบอันไหนมากกว่ากันอ่ะ”
ผมยอมรับว่ารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยกับคำถามของเธอ แต่ไม่ว่าเธอจะเลือกอย่างไหนผมก็สนับสนุนเธออยู่ดี
“เราอ่ะชอบพวกคำนวณไรงี้ แล้วเวลาเรียนฟิสิกส์มันก็สนุกดี เลยคิดว่าถ้าเลือกวิศวะมันก็ดีแถมเราเป็นพวกเฮๆหน่อยๆด้วยอ่ะ แต่ที่อยากเรียนคหกรรมก็เพราะว่าอยากเอามาใช้ช่วยกิจการร้านขนมของแม่ ภูคิดว่าไง” เต้ยเล่ารายละเอียดของเรื่องให้ฟังก่อนถามความเห็น
...ความเห็น ซึ่งผมไม่มี...
..แต่คงต้องเลือกสักอย่างเพื่อให้คำตอบกับเธอ แน่นอนว่าผมไม่มีทางเลือกคณะวิศวะที่จะทำให้ผู้ชายคนอื่นๆมีโอกาสได้ใกล้ชิดและเห็นความน่ารักของเต้ยหรอก...
“เราว่าคหกรรมก็ดีนะ เต้ยจะได้ทำขนมอร่อยๆให้เรากินด้วยไง” ผมยิ้มทะเล้นอย่างหยอกล้อซึ่งเต้ยเองก็หัวเราะตาม
ผมรู้ว่าเต้ยอยากได้คำปรึกษาแบบที่จริงจัง แต่ผมจะให้มันได้ยังไงในเมื่อตัวผมเองก็ยังคงสับสนอยู่ ดีที่เต้ยเองก็ไม่ว่าอะไรแถมยังขำไปกับคำหยอกของผม
“ภูนี่ก็ดีเนอะ ตลกดีอ่ะไม่เหมือนต้าร์ รายนั้นแม่งชอบเล่นมุขแบบไม่ขำอ่ะ” ผมชะงักไปเล็กน้อยกับชื่อของใครอีกคนที่เข้ามามีส่วนร่วมในบทสนทนาอย่างไม่คาดหมาย แต่เพราะว่ารู้จักกันมานานผมเลยเข้าใจว่าเต้ยเองก็ไม่ได้คิดอะไรแค่เล่าถึงเพื่อนของเธอคนนึงให้ฟังก็เท่านั้น
เราคุยกันอีกหลายเรื่องหลังจากนั้น ทว่าสิ่งที่ตามกลับมาติดอยู่ในหัวของผมทั้งคืนกลับมีแค่ชื่อสองชื่อ
....นนท์ กับ ต้าร์ ...
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
สถานการณ์ของผมกับธีร์เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ บางทีธีร์มันอาจจะใช้เวลาทำใจอย่างที่เคยขอผมเอาไว้พอแล้วก็ได้ถึงได้ยอมกลับมาพูดคุยเล่นหัวกับผมอีก จะว่าไปแล้วส่วนหนึ่งมันก็มาจากตัวผมเองนี่ล่ะที่คอยเซ้าซี้มันอยู่เรื่อยเวลาที่มันหลบหน้าผม
ผมก็แค่เป็นห่วงมัน แล้วก็ไม่อยากให้มิตรภาพของเราต้องมาจบลงง่ายๆเท่านั้นเอง
“เออ ธีร์ เย็นนี้มึงว่างป่ะ กูว่าจะขอให้มึงช่วยติวชีวะให้หน่อยอ่ะ อีกอาทิตย์เดียวจะสอบละ กุยังไม่มีความรู้ห่าอะไรในหัวเลย” ผมเอ่ยถามตามมารยาทไปงั้นเพราะผมรู้ดีว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ธีร์ไม่มีเรียนพิเศษ แล้วก็ไม่ใช่หยุดยาวด้วยยังไงก็คงจะว่างอยู่แล้วถึงได้เอ่ยปาก
นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงใช้คำพูดทำนองว่า ‘เย็นนี้มึงไปติวหนังสือให้กูที่บ้านหน่อย’ ด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อสถานะของเราไม่เหมือนเดิมก็เลยต้องเปลี่ยนรูปประโยคไปบ้าง ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบแบบนั้นกลับมา
“โทดทีว่ะภู เย็นนี้คงไม่ได้อ่ะ คือกูนัดติวอิ้งค์กับนนท์ไว้แล้ว เอางี้ไหม มึงเอาเลคเชอร์กูไปอ่านก่อน แล้วถ้ามีอะไรสงสัยตอนไหนมึงก็ค่อยไลน์มาถาม หรือรอถามกูวันจันทร์ก็ได้” ธีร์ยิ้มให้ผมบางๆก่อนเปิดกระเป๋าเพื่อรื้อหาสมุดเล่มที่ว่าโดยที่ผมได้แต่ยืนอึ้ง
...ทั้งที่มึงไม่เคยปฏิเสธคำขอกูเลยสักครั้งนะธีร์...
“ไม่เป็นไร งั้นกูรอวันจันทร์ก็ได้” ผมตอบออกไปเสียงอ่อยก่อนที่ธีร์เองก็หยุดชะงักแล้วเงียบไปพักนึงก่อนหันมาสบตาผมด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“..งั้นตกลงเย็นวันจันทร์เจอกันที่ห้องสมุดนะ แต่ยังไงก็อ่านมาล่วงหน้าด้วยล่ะ กุไม่นั่งสอนมึงตั้งแต่แรกหรอกนะ” ธีร์หัวเราะเล็กน้อยแต่กลับทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยพอใจนิดหน่อย ทั้งที่ความเป็นจริงคนที่งี่เง่าก็คือตัวผมเองนี่แหละ
“ทุกทีมึงก็ยังสอนกุได้เลย ทำไมคราวนี้ไม่ได้วะ” ผมถามมันด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
..ผมเกลียดความรู้สึกแบบนี้ที่สุด เหมือนกับว่ามันกำลังจะทิ้งผมไป
..ทั้งที่ตลอดมามีแค่มันคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เคยทิ้งผมไปไหนเลย...
“..............เพราะตอนนี้มันไม่เหมือนทุกทีแล้วไงภู”
เสียงของมันสั่นแถมยังหลบตาผม ดูก็รู้ว่ามันกำลังคิดมากเรื่องอะไรอยู่อีกแน่ จะผ่านไปสักกี่ปีมันก็ยังโกหกไม่เก่งเหมือนเดิม
“กูกลับก่อนล่ะ ถ้ามึงไม่เข้าใจเลยจริงๆ แล้วกูจะสอนให้ใหม่แล้วกัน” ธีร์พูดทั้งหมดโดยไม่มองหน้าผมสักนิดแล้วเดินออกนอกห้องเรียนไป
“มึงทำเหมือนถูกกูบังคับจิตใจอย่างงั้นแหละ กูรู้ว่ากูมันแย่ที่ทำเรื่องเลวๆกับมึงไว้อ่ะ กูขอโทษ ทำไมเราถึงกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้วะธีร์ มันจะโกรธกู ด่ากู หรือต่อยกูก็ได้ แต่อย่าเมินกูแบบนี้สิวะ”
ธีร์หยุดยืนนิ่งแต่กลับไม่พูดอะไรตอบโต้มาสักคำ
“ไอ้ธีร์” ... “พี่ธีร์!!!” เสียงใสเรียกชื่อเจ้าตัวที่ดังลอดเข้ามากลบเสียงผมเสียมิดก่อนที่ธีร์จะก้าวตามเสียงนั้นไป
....มึงจะไม่หยุดยืนรอกูแล้วเหรอวะธีร์....
“กูไปละ”
ประโยคสั้นๆที่ผมฟังแล้วรู้สึกเคว้งทำให้ผมเอื้อมมือออกไปคว้าแขนมันเอาไว้ สัมผัสที่ได้รับทำให้ผมต้องมุ่นคิ้ว
...ธีร์ นี่มึงผอมลงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ...
“พี่ธีร์ไปกันยัง?” เจ้าของเสียงเมื่อครู่โผล่ที่หน้าเข้ามาในห้องเรียนทำให้ผมปล่อยมือออกจากแขนธีร์อย่างตกใจ
“อื้อไปดิ เออ นี่ภู .........เพื่อนพี่ แล้วนี่นนท์ เพิ่งเข้าม.สี่ปีนี้” ธีร์ส่งยิ้มบางๆให้กับรอยยิ้มกว้างที่เด็กคนนั้นยิ้มให้ก่อนจะแนะนำผมให้รู้จัก
“หวัดดีครับพี่ภู” เด็กหนุ่มยกมือไหว้อย่างอารมณ์ดีแต่ผมกลับรู้สึกหงุดหงิด มันก็เหมือนกันกับเวลาที่เราออกไปเจอท้องฟ้าสว่างจ้าในตอนกลางวันนั่นแหละ
...สดใสจนน่าหงุดหงิด...
“เจอกันวันจันทร์นะ” ธีร์โบกมือให้ผมก่อนจะเดินพูดคุยหยอกล้อกับนนท์ออกไปจนลับสายตา
บางอย่างในตัวผมบอกว่าไอ้เด็กที่ดูใสๆตรงหน้านี่มันมีอะไรมากกว่าที่คิด ยิ่งใบหน้าของมันตอนที่หันกลับมามองผมโดยที่ธีร์ไม่เห็นนั่นด้วย
...แววตาที่เย็นชาจนน่าขนลุก...เหมือนหยั่งกับว่าเป็นคนละคนกัน.....
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
วันนั้นผมกลับมาถึงบ้านในสภาพที่ใจลอย
บอกกับแม่ว่าไม่สบายก่อนขอตัวมาอยู่คนเดียวในห้อง
....แค่มันพูดว่าระหว่างเราไม่เหมือนเดิมผมยังรู้สึกโหวงขนาดนี้
...แล้วคืนนั้นที่ผมบอกเลิกกับมัน ... มันจะรู้สึกแย่ขนาดไหนกันนะ
จะบอกว่าตั้งตัวไม่ติดก็คงถูก เพราะว่าสำหรับผมแล้วธีร์เป็นคนที่ผมมั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมันก็จะยืนรอผมอยู่ตรงนั้นอย่างแน่นอน ทำให้ผมเลือกเต้ย เพราะคิดว่าธีร์มันจะไม่ไปไหน
ใช่.....ผมเลือกเต้ยแล้ว นั่นคือความจริง
และถึงตอนนี้แม้ว่าธีร์จะยังอยู่ข้างผมแต่ในอนาคตผมก็ไม่กล้ามั่นใจเหมือนเดิมอีกแล้ว ก็คือความจริงเหมือนกัน
ผมเปิดเฟซบุ๊คขึ้นมาเข้าไปดูอะไรเล่นเรื่อยเปื่อยหวังจะให้ตัวเองไม่คิดมาก แต่ดูเหมือนผลลัพธ์มันจะแย่ยิ่งไปกว่าเดิมเสียอีกเมื่อสิ่งที่ผมเห็นคือการสนทนากับผ่านหน้าวอลล์เกือบห้าสิบคอมเม้นท์
..ระหว่างเต้ยกับเพื่อนที่ชื่อ ‘ต้าร์’
ทั้งที่ผมพยามบอกตัวเองว่าไม่เป็นอะไร ไม่มีอะไรต้องคิดมาก เต้ยเธอแค่คุยกับเพื่อนเธอเท่านั้น
...เพื่อนที่ชอบเต้ย...?
...เพื่อนที่เต้ยพูดถึงมากเสียยิ่งกว่าพูดเรื่องตัวเอง?....
เสียงดังป๊อปดังขึ้นทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมามองฟีดใหม่ที่ถูกอัพ
....ธีร์ถูกแท็กในรูปถ่ายเซล์ฟฟี่ของเด็กที่ชื่อนนท์ซึ่งมีธีร์กำลังกินกินไอติมเป็นฉากหลัง...........
TBC.
Talks: ในใจอยากให้ ธีร์พูดว่า“มึงเรียกร้องให้กูเหมือนเดิมทั้งที่ตัวมึงไม่เหมือนเดิม ไม่เห็นแก่ตัวเกินไปหน่อยวะมากมาย” แต่ก็เข้าใจอ่ะเนอะว่าธีร์คงไม่พูดแบบนั้นกับภูหรอก //พับเก็บลงกระเป๋าไป สามตอนแล้ว 555 ถึงจะไม่มีคอมเม้นท์แต่เห็นคนกดเฟฟเยอะขึ้นเรื่อยๆก็ดีใจนิดๆเหมือนกันแฮะ ตอนต่อไปจะวกกลับไปที่นนท์เล่าเรื่องละ จะบอกว่าในสามคนนี่ให้นนท์เล่าเรื่องแล้วสบายใจที่สุดเลยแฮะ ฟีลลิ่งมันดูใสๆดีอ่ะ เอาเป็นว่าขอบคุณที่มาอ่านนะคะ เจอกันใหม่ตอนหน้าหรือในทวิตก็ได้ค่ะ (@yuhankung_2)
ความคิดเห็น