ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Hormones] NonThee/PhuThee : Can you feel the love?

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2: “ขอบใจมึงมากว่ะ นนท์” [THEE's PART]

    • อัปเดตล่าสุด 18 ส.ค. 57


    ตอนที่ 2 : ขอบใจมึงมากว่ะนนท์

     

    บางทีทุกอย่างอาจจะกำลังดีขึ้น.....

     

     

     

     

    “เป็นอะไรของมึงวะธีร์ เดี๋ยวก็ยิ้มเดี๋ยวก็นั่งทำหน้าเศร้า” ไอ้อาร์ตเพื่อนร่วมแก๊งค์ของผมที่นั่งดูละครอยู่ข้างๆเอ่ยทักอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหันกลับไปดูละครต่อ


    “หน้ากูก็แบบเนี้ย แต่ไอ้เด็กคนเมื่อกี๊แม่งก็ตลกดีเนอะ” ผมเอ่ยแย้งมันเพราะในความเป็นจริงผมไม่ได้ทำหน้าเศร้าอะไรเลยสักนิด แค่เพียงว่าเมื่อสักครู่ผมเผลอยิ้มให้กับไดอะลอคการพูดคุยสุดประหลาดของเด็กรุ่นน้องก็เท่านั้น


     

    มันคงจะไม่แปลก...ถ้ารอยยิ้มแบบนี้ไม่ได้หายไปตั้งแต่วันที่ไอ้ภูมันบอกว่ามันมีคนอื่นที่ชอบแล้ว........


     

    อาร์ตหัวเราะในคออย่างขบขันก่อนสวนกลับ “ก็เหมือนมึงสมัยก่อนน่ะแหละ”


    “เฮ้ย ไม่มั้ง กูไม่เคยทำอะไรแบบนี้สักหน่อย มึงอย่ามามั่ว” ผมเถียงกลับทันควันขณะที่ก้มลงมองขวดน้ำที่ถูกทิ้งเอาไว้


     

    ...ชาขาวผสมเก็กฮวย...ถ้าเป็นมึงคงจะเป็นชาเขียวสินะภู...

     


    “กูหมายถึงความซื่อของมึงโว้ย คิดอะไรอยู่แม่งใครๆเค้าก็ดูออกหมดนั่นแหละ ............. ว่าแต่มึงเอาแต่จ้องขวดน้ำอยู่นั่นแหละ  จะแดกก็ไม่แดก หรือจะจ้องจนมันเปลี่ยนเป็นชาเขียววะ” ท้ายประโยคเบาลงราวกับว่ามันนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรจะขุดคุ้ยเรื่องเหล่านั้นขึ้นมาอีก สีหน้าเหมือนจะรู้สึกผิดนั่นทำให้ผมยิ้มตอบกลับไปอย่างไม่ถือสา

     

     

    “มึงเพ้อเจ้อใหญ่แล้ว”  ผมเอ่ยเสียงเรียบรีบตัดบทก่อนเก็บของขึ้นห้องก่อนที่จะทำอะไรที่ไม่ควรออกไป

     

    ......กูเหนื่อยเหลือเกินว่ะภู......ทำไมการเป็นเพื่อนมึงมันถึงได้เหนื่อยขนาดนี้...

    ..นี่ขนาดแค่พูดถึงน้ำที่มึงชอบกิน กูยังรู้สึกไม่โอเค...มึงทำยังไงถึงเริ่มต้นใหม่กับเต้ยได้ไวขนาดนั้นวะ..



     

    ...มึงทำได้ยังไงที่ทำเหมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราเลย..

     

     

    ผมปิดประตูห้องอย่างเบามือก่อนทรุดลงนั่งกอดเข่าที่ข้างเตียง


    ...สอนกูทีเหอะวะภู..

     

    ////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

     




     

    เคยฟังมาก็เยอะว่าเวลาจะช่วยเยียวยาเรื่องต่างๆได้ แต่ดูเหมือนมันจะไม่มีประโยชน์สำหรับสิ่งที่ผมทำอยู่นี่เลย

     

    ตอนนี้ภูคบกับเต้ยอย่างเป็นทางการแล้ว

     

    ไม่มีแววตาแบบที่รู้สึกผิดหรือสีหน้ากังวลที่มีให้กับผมอีกต่อไป ซึ่งนั่นควรจะทำให้ดีใจเพราะมันก็เป็นไปอย่างที่ผมต้องการแล้ว ก็ที่ผมฝืนยิ้ม บอกมันว่าโอเค บอกมันว่าผมไม่เป็นไร แล้วหลอกตัวเองว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้นเองก็เพื่อให้มันไม่ต้องมาห่วงกังวลเรื่องผมอีกไม่ใช่หรือไง

     

    ลับหลังของมัน ผมแอบเหยียดยิ้มสมเพชตัวเองไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

    .. ไม่ว่ายังไงหรืออยู่ในฐานะไหนมันก็ยังเป็นคนสำคัญที่ผมแคร์มากกว่าใครอยู่ดี..

     

     

     

     

    “พี่ธีร์ เป็นไรป่าว พอพูดเรื่องไปดูหนังแล้วพี่ก็เงียบไปเลย” เสียงสดใสกับฝ่ามือที่แตะลงที่ต้นแขนเบาๆอย่างเป็นห่วงทำให้ผมรีบหันมายิ้มบางๆเหมือนไม่มีอะไร

     

    “ถ้าพี่ไม่อยากไปดูหนังก็ไม่เป็นไรนะพี่ เดี๋ยวหาอะไรกินกลับหอเลยก็ได้” นนท์พูดต่ออย่างรวดเร็วพลางสังเกตสีหน้าของผมไปด้วย ความเอาใจใส่ที่มีให้กับทุกคนของไอ้เด็กคนนี้ทำให้ผมรู้สึกเอ็นดูโดยไม่รู้ตัว


    “เฮ้ย เปล่า  เมื่อคืนนอนไม่พอน่ะ เลยเบอๆ เออ แล้วมึงจะดูเรื่องไรอ่ะ” ผมสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปก่อนคุยต่อกับเด็กรุ่นน้องอย่างสนิทสนม


    “เดอะการ์เดี้ยนพี่ โอป่ะ มันเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่อ่ะ ฟิ้วๆ” นนท์ทำมือเหมือนยิงปืนเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากผม

     

     

    ภาพที่อาจจะคุ้นตาใครหลายคนเพียงแต่เปลี่ยนจากไอ้ภูเป็นนนท์ เด็กที่มาจากจังหวัดเดียวกันกับผมและบังเอิญมาอยู่หอพักเดียวกัน

     

    นนท์เป็นเด็กที่ร่าเริงสดใส เวลาที่มีมันอยู่ข้างๆก็ทำให้ผมดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาตามไปด้วย ถ้าไม่นับตอนที่มาขอชิมข้าว พวกเราได้ทำความรู้จักกันครั้งแรกก็เป็นตอนที่บังเอิญหิวแล้วออกมากินข้าวข้างหอพร้อมกันกลางดึกนั่นแหละ หลังจากนั้นก็ดูเหมือนว่าเราจะมีเหตุบังเอิญเจอกันเสียบ่อย ทั้งห้องสมุดที่มันมาถามการบ้าน หรือตอนที่ชวนไปเล่นบาส แล้วก็การบังเอิญเจอกันระหว่างทางกลับหอหลายครั้งจนกลายเป็นการกลับพร้อมกันไปเสียเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

     



    ... ถึงจะชอบทำอะไรแปลกๆอยู่บ้าง แต่การมีนนท์อยู่ข้างๆก็ไม่ได้มีอะไรแย่ ..

    ....ตรงข้ามมันกลับรู้สึกผ่อนคลายเหมือนได้อยู่กับครอบครัว.....

     

     

     

     

     

    “ขอบคุณนะพี่ อุตส่าพามาทัวร์สยามแถมยังเลี้ยงหนังผมอีกอ่ะ” นนท์ยิ้มกว้างอย่างร่าเริงเหมือนเด็กๆ ขณะที่เดินไสรถเข็นซื้อขนมอยู่ในห้าง


    “เออไม่เป็นไร แต่คราวหน้าออกเองแล้วนะเว้ย” ผมตอบกลับยิ้มๆก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดเช็คเฟซบุ๊คอย่างเคยชิน
     

    “คราวหน้า? แปลว่าพี่จะมาดูหนังกับผมอีกอ่ะดิ แหม่ติดใจใช่ป้ะ” เสียงยียวนกวนประสาททำให้ผมอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปยีหัวอีกฝ่ายแบบหมั่นไส้


    “เพ้อเจ้อ หลงตัวเองนะมึงอ่ะ จะซื้อไรก็รีบซื้อ ดึกแล้วจะได้กลับกัน”



    นนท์ไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงอะไรอีกนอกจากพูดลากเสียงว่าคร้าบแล้วเดินเลือกของต่อ ผมได้แต่ยิ้มแล้วเดินตามเจ้าเด็กโข่งที่ตื่นตาตื่นใจไปกับขนมแปลกๆอยู่ตลอดเวลา




     

    ... บางที น้องชายอาจจะให้ความรู้สึกแบบนี้รึเปล่านะ ....

     

     

     

     





    “ต่อไปเอาไรอีกอ่ะเต้ย”


    เสียงที่คุ้นหูทำให้ผมหันขวับไปมองก่อนที่จะยืนตัวแข็ง หนุ่มสาวที่ผมคุ้นหน้าเป็นอย่างดีกำลังเดินช้อปปิ้งสบายอารมณ์


    ...ภูกับเต้ย...

     



    ..รู้ทั้งรู้ว่าเป็นแฟนกัน....แต่มาเห็นด้วยตาตัวเองก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี....

     

     

    “พี่ธีร์  ผมเสร็จแล้วล่ะกลับกันเหอะ” เสียงนิ่งๆของนนท์ดังขึ้นข้างๆตัวผมที่กำลังยืนอึ้งก่อนจะเอื้อมมือมาจูงมือผมที่เหมือนทำอะไรไม่ถูก


    ... มือที่ผมปัดทิ้งโดยไม่ได้ตั้งใจ ...

     

    สีหน้าตกใจเกิดขึ้นชั่วขณะก่อนที่นนท์จะก้มหน้าลงแล้วเอ่ยเร่งให้กลับเพราะดึกแล้วพร้อมกับก้าวขาเร็วๆเพื่อไปจ่ายเงิน

     






    “เฮ้ย นนท์ คือ ....” ผมอยากจะบอกว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นแต่ก็พูดไม่ออก เราเลยได้แต่เงียบกันไปตลอดทางพลางคิดอะไรในหัวกันไปเงียบๆทั้งคู่จนกระทั่งขึ้นแท็กซี่

     





     

     

    “พี่ธีร์ ผมขอถามพี่ซักคำถามได้ป่ะ” สุดท้ายก็เป็นนนท์ที่เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน สีหน้าจริงจังกับแววตาที่เห็นได้ชัดว่าเป็นห่วงทำให้ผมฝืนยิ้มแล้วทำเสียงร่าเริงเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาเมื่อครู่

     

    “เออ ถามมาดิ” คู่สนทนาของผมเงียบไปนานเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง สายตาที่มองตรงมานั้นมีความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้ผมไม่กล้าสบตาตรงๆ

     

    “พี่ไม่ต้องตอบผมก็ได้นะ แต่ผมอยากให้พี่ฟัง ทำไมพี่ถึงต้องยิ้มเพื่อให้ใครต่อใครสบายใจทั้งที่ในใจพี่กำลังร้องไห้อยู่ล่ะ”

     

    จู่ๆน้ำตาที่พยามกลั้นไว้ตั้งแต่เมื่อครู่ก็เอ่อคลอขึ้นมาทำให้ผมต้องรีบหันหน้าเข้ากับกระจกรถ

     

    “ผมรู้ว่าพี่ไม่อยากให้ใครเป็นห่วง แต่เสียงหัวเราะของคนที่ร้องไห้น่ะ มันน่าเศร้านะพี่”

     

    “....”

     

    “ถ้าพี่ไม่อยากระบายกับเพื่อนก็มาระบายกับผมก็ได้นะ เห็นแบบนี้ผมก็เก็บความลับเก่งเหมือนกันนะ”

     

     

    นนท์เงียบเสียงลงราวกับจะบอกว่าหมดเรื่องที่จะพูดแล้ว



    สิ่งที่ในใจลึกๆหวังอยากให้ใครสักคนพูด ใครบางคนที่คบกันมาถึงหกปีแต่ก็ไม่เคยสังเกตเห็นอะไร

    แต่กลับหลุดออกมาจากปากของเด็กรุ่นน้องที่รู้จักกันได้แค่เดือนเดียว

     




    “ขอบใจมึงมากว่ะนนท์”

     

     



    ...และนั่นก็เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ผมร้องไห้ออกมาต่อหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่ไอ้ภู....

     

     

    /////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

     

     



    “อ้าวไอ้ธีร์ วันนี้ไม่รีบกลับเหรอวะ เดี๋ยวเด็กมึงรอแย่” เสียงแซวจากไอ้บอลเพื่อนซี้อีกคนในกลุ่มดังขึ้นขณะที่ผมกำลังเตรียมเก็บของกลับบ้าน


    “ไร้สาระน่ะมึง เด็กกูที่ไหน” ผมหัวเราะตอบ “หยุดยาวไอ้นนท์มันเลยกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่มันที่สงขลา”


    “แน่ะ ร้อนตัวนะมึงอ่ะ..กูยังไม่ได้พูดซักคำว่าเป็นใคร”  เสียงหัวเราะคิกคักของพวกมันทำให้ผมได้แต่ส่ายหัวอย่างไม่ถือสาอะไร จนกระทั่ง...

     




    “ใครคือนนท์วะ” ไอ้ภูเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วนเหมือนไม่ค่อยพอใจก่อนมองมาที่ผมด้วยเป็นเชิงถาม


    “รุ่นน้องที่หอ” ผมเอ่ยตอบสั้นๆพลางสบตากับมันนิ่ง

     

    ระหว่างเราสองคนไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกมีแต่บรรยากาศหนักๆชวนอึดอัดที่ล้อมรอบอยู่ ในขณะที่ไอ้อาร์ตกับไอ้บอลได้แต่สบตากันแล้วมองผมสองคนไปมา

     




    “พวกมึงสองกัน จะจ้องตากันอีกนานมั๊ยวะ เป็นปลากัดนี่แม่งท้องไปละนะ” ไอ้อาร์ตที่เป็นฝ่ายทนไม่ได้ก่อนเพื่อนในบรรดาพวกเราสี่คนโพล่งขึ้นมาก่อนที่ผมจะหลุดหัวเราะออกมา

     

    “ก็ไอ้ภูอ่ะดิแม่งเสือกเงียบกูก็เลยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ” ผมส่งยิ้มให้ก่อนซึ่งไอ้ภูเองก็ยิ้มตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนโล่งอก

     

    “ไม่ต้องมาว่ากูเลย อะไรเดี๋ยวนี้กูเป็นคนนอกกลุ่มไปแล้วรึไงวะ มีอะไรไม่บอกกูอยู่คนเดียว” ไอ้ภูเถียงหน้ามุ่ย

     

    “ที่แท้คุณภูเบศก็น้อยใจที่ถูกเพื่อนทิ้งนี่เอง ไอ้กระผมต้องขอประทานโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้เล่าเรื่องของคุณน้องนนท์ให้คุณภูเบศฟังก่อน”








     

    เสียงหัวเราะครื้นเครงกลับมาอีกครั้งเมื่อไอ้บอลพูดพร้อมชกไหล่ไอ้ภูเบาๆแล้วกอดคอพวกเราสองคนพร้อมกัน

     

    ....นานแค่ไหนแล้วที่เราสี่คนไม่ได้หัวเราะพร้อมกันแบบนี้...

     

     




     

    ...อีกไม่นานกุคงจะกลับไปเป็นเพื่อนสนิทของมึงได้ไอ้ภู....

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เสียงของไลน์ดังขึ้นทำให้ผมยกมันขึ้นมาดูก่อนจะอดอมยิ้มนิดๆไม่ได้

     

    [ กลับหอดีๆนะพี่ธีร์ เดี๋ยวจะเอาขนมบอกมาฝาก]

    ......

    [เออ เดินทางดีๆนะ]

     

    ....

     

    ...

    TBC.

    Talks:  ไปย้อนดูซีซั่นแรกแล้วอดหมั่นไส้ภูไม่ได้จริงๆเลยค่ะ ทั้งที่ตอนแรกธีร์ก็เป็นแค่เพื่อนธรรมดาแต่นายไปเริ่มก่อนเลยนะวึ้ยยย แล้วพอเค้ารักก็มาหักอกเค้า ทำงี้ได้ไงฟะ บู่ๆ ภูแม่ง.... เลยกลายเป็นว่าตอนนี้น้องนนท์ในสายตาทำคะแนนนำโด่งไปลิ่วๆเลย

    สำหรับแฟนฟิคเรื่องนี้เราอาจจะได้ได้รีเสิร์ชข้อมูลต่างๆนะคะรายละเอียดบางอย่างอาจจะไม่สมจริงไปบ้างก็ต้องขอโทษด้วยเนอะ คิดซะว่าเป็นโลกแห่งมโนก็แล้วกัน มีคำแนะนำติชมอะไรก็พิมเม้นท์ทิ้งไว้ได้เลยนะคะ หรือถ้าใครอยากเม้าท์มอยก็ฟอลทวิตเตอร์กันมาได้นะที่ @yuhankung_2 นะคะ :D

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×