ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิธีการเอาตัวรอดเมื่ออยู่ในดงศัตร

    ลำดับตอนที่ #9 : เพื่อนสาว (เเก้ไข)

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 64


    ยูเอะจำได้ว่า เมื่อวานเธอฝันดีมาก ฝันว่า เธอได้ใช้ชีวิตกับเบียคุยะที่โซไซตี้* 

    *เบียคุยะที่โซไซตี้ หัวหน้าหน่วยในมังงะเทพมรณะ (Bleach) 

    เมื่อเธอลืมตาขึ้นมา พบว่า เจอหน้าเท็ตซึยะหลับอยู่ ‘จำได้ว่าเบียคุยะ ไม่ใช่เท็ตซึยะนะ’ เมื่อเธอมองชายหนุ่มตรงหน้า เธอจำได้ว่า ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้าชายหนุ่ม หัวใจเธอแทบหยุดเต้น ชายหนุ่มตรงหน้าหล่อจริงๆ และตอนที่เขายิ้มจนแก้มบุ๋ม บวกกับสายตาของเขาจะดูเจ้าเล่ห์ ทำให้เธอเป็นตัวเองอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่เคยคิดว่า จะมีโอกาสได้มองหน้าหล่อๆ ของชายหนุ่มได้ประชิดขนาดนี้

    ยูเอะย้อนนึกถึงเหตุการณ์ว่า เหตุใดถึงมาอยู่บนเตียงเท็ตซึยะได้ เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอจึงจับเสื้อผ้า พบว่าเสื้อผ้าตัวชั้นในยังอยู่ดูดี แม้ว่าจะหลุดรุ่ยไปบ้าง เตียงที่เธอนอนไม่มีรอยเลือด 

    ยูเอะขมวดคิ้ว ‘หรือว่า อาโออิฮิเมะนี่ไม่ซิง...’ แต่เธอก็ยังสงสัย เมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้น ขณะที่เธอกำลังจะลุกออกไป เอวของเธอก็ถูกรวบเอาไว้ด้วยคนที่นอนข้างๆ

    เท็ตซึยะตื่นตั้งแต่ ตอนที่เขารู้สึกถูกจ้องมอง แต่เขาก็ไม่รู้ทำไม อยากให้หญิงสาวจ้องมอง แต่เมื่อหญิงสาวลุกขึ้น เขาจึงโอบเอวเธอไว้

    “เมื่อวานท่านร้องเรียกข้าจะเป็นจะตาย เมื่อใช้ข้าเสร็จแล้ว ท่านก็ทิ้งข้าสินะ” เท็ตซึยะกล่าว แล้วทำหน้าเศร้าแต่แววตาระยิบระยับ 

    ยูเอะเบ้ปาก ‘เล่นบทนางเอกเลยนะ จัดไปรางวัลออสการ์!!!’ 

    “ข้าไม่พบเลือดที่เตียง แสดงว่า ท่านยังบริสุทธิ์อยู่นะ ฮิเมะ” ‘เอาสิ เธอจะเป็นดาราชายยอดเยี่ยมบ้าง’ ยูเอะกล่าว

    “แต่ข้าไม่อยากบริสุทธิ์แล้ว ท่านช่วยปลดปล่อยข้าได้หรือไม่” เท็ตซึยะกล่าวพร้อมทำหน้าเอียงอาย

     “ไร้สาระ ข้ามาอยู่นี่ได้อย่างไร” ยูเอะไม่อยากเล่นบทปัญญาอ่อนต่อแล้ว เธอกำลังหิว

    “โถ่ ภรรยาของข้า ก็ต้องมานอนกับข้าสิ” เท็ตซึยะกล่าวพร้อมเล่นผมหญิงสาว

    “เมื่อวานท่านวางยานอนหลับข้าหรือ” ยูเอะกล่าว แล้วดึงผมกลับมา

    “หาใช่ยานอนหลับ แต่เป็นยากำหนัดต่างหาก” เท็ตซึยะกล่าว

    “อะไรนะ” ยูเอะถาม ‘อย่างเท็ตซึยะคงไม่ต้องใช้ยากำหนัด แค่เห็นหน้าสตรีทุกนางก็เข่าอ่อนระทวย พร้อมจะเป็นของเขาละ’

    “ท่านร้องเรียกให้ข้าช่วยท่าน แม้ว่า คำขอนั้นจะดูเย้ายวน แต่ข้าก็มีจิตใจดั่งหินผา จึงหักใจจี้จุดสลบท่าน แล้วก็กังวลว่า หากท่านตื่นมาอยากสำเร็จความใคร่ ข้าจะเสียสละตัวเอง” พูดจบเท็ตซึยะก็ทำท่าเศร้า เอาผ้าห่มมาปิดหน้า

    “ใครทำ” ยูเอะดึงผ้าห่มลงแล้วถาม หมอนี่น่าจะอินกับหน้ากากตัวเองมากไปละ

    “ยังไม่พบ เบื้องหลังวางแผนไว้ดีมาก” เท็ตซึยะนิ่งเงียบไป 

    “...” ยูเอะเงียบ ‘ใครที่อยากทำให้เธอทำอย่างว่า คงจะบ้ามากๆ อะ เท็ตซึยะตัดออกไปได้เลย เงื่อนไขนี้ยิ่งทำให้เธอมองเท็ตซึยะแย่ลง’

    “มันอยู่ในไหน อุด้งหรือ ซาอิละ” ยูเอะถาม เมื่อคิดแล้วว่า สิ่งที่เธอกินต่างจากคนอื่นคือ อุด้ง 

    “ซาอิเข้าหอนางโลมไป อิจิบอกว่า มีอาการคล้ายท่าน หายใจหอบ ตัวร้อน” เท็ตซึยะกล่าว แววตา

    “ท่านได้ข่าวอะไรบ้าง” ยูเอะถาม ‘ใครทำร้ายเธอ อายูมิคงไม่ใช่ ตอนนี้เรียกว่าสนิทกันแล้ว หรือว่า...ซาโอะ? หญิงสาวที่ดูไม่มีพิษมีภัยคนนั้นนี่นะ หรือเคียวเฮ แต่ไม่น่าใช่  ดูเหมือนรักอาโออิซะขนาดนี้’

    “ยังหาคนวางยาไม่พบ คาดว่าคงใช้วิชาแปลงโฉม ท่านอย่าเพิ่งออกไปไหนช่วงนี้ดีกว่า” เท็ตซึยะถาม

    “ปล่อยข่าวไปว่า ข้ากับซาอิได้กันแล้ว ก็ไม่น่ามีปัญหา ข้าจะไปวัดเท็นงูวันนี้” ยูเอะคิด เธอนัดเคียวเฮวันนี้นิ

    “...ท่านเป็นภรรยาของข้า ปล่อยอย่างนั้นได้อย่างไร เอาเป็นว่า พิษร้ายไม่สามารถทำอะไรท่านได้ เพราะท่านเป็นศิษย์หมอกำจัดพิษชื่อดังแล้วกัน” เท็ตซึยะกล่าว

    “มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ สมอง...เอ่อ ผู้คนจะไม่มองว่าเป็นเรื่องโกหกหรอกหรือ” ยูเอะทำหน้าไม่เชื่อ จะบ้าเหรอ จะมีได้ไง พิษร้ายไม่กล้ำกลาย ดูท่าคนสมัยก่อนจะเชื่อเรื่องไร้สาระมากไปแล้ว...ไม่น่าละ ลัทธิต่างๆ ถึงเกิดได้ง่าย

    “หามิได้ มีหมอชื่อดังจริงๆ ท่านก็ไปเจอมาไงเล่า” เท็ตซึยะถาม

    “เขาไม่ใช่หมอดูหรอกหรือ

    เอาเถอะข้าหิวแล้ว ท่านจะทำอะไรก็ทำ” ยูเอะพูดจบก็ทำท่าจะลุกไป ขืนนั่งใกล้กับหนุ่มหล่อระดับนี้ เธอจะอดใจไม่ไหวแล้ว!!!

    “ไม่ขอบคุณข้าหน่อยเหรอ” เท็ตซึยะดึงมือเธอเข้าจนชิดอกเขา หน้าของเราอยู่ห่างกันแค่คืบ...

    “ขอบคุณ...” ยูเอะเบือนหน้าหนี เขาหล่ออย่างนี้ แต่ว่า...ตอนเช้า เป็นเวลาที่ปากเหม็นที่สุด เสียภาพพจน์หมด 

    เท็ตซึยะก็เชิดคางเธอขึ้นแล้ว “จุ๊บ” เบาๆ เพียงแค่นี้ เธอก็รู้สึกว่า หน้าเธอร้อนไปถึงหู

    “ไปได้แล้ว” เท็ตซึยะกล่าวแล้วปล่อยเธอไป

    ยูเอะก็รีบเดินออกไปก่อนจะห้ามใจตัวเองไม่ทันจูบอย่างดูดดื่มกับชายหนุ่ม

    ***

    ตามที่นัดกันไว้ วันนี้เธอต้องมาวัดเท็นงูวันนี้ เดินวนรอบวัด เธอก็นั่งรอ แต่รอจนแล้วจนรอด เคียวเฮก็ยังไม่มา หรือว่า การที่ไม่บอกเวลา แปลว่า เย็นๆ...แต่การมาวัด ก็ต้องมาเช้าไม่ใช่หรือ ‘แย่จริง วันหลังต้องนัดเวลากันด้วยแล้ว’ 

                ขณะที่ยูเอะนั่งรออยู่นั้น ก็มีสาวรูปร่างสูงคนหนึ่งเดินเข้ามานั่งข้างๆ แล้วทักเธอว่า “ท่านหญิง วันนี้อากาศดีหรือไม่” 

                ยูเอะมองเหงื่อที่หยดลงจากใบหน้าเธอลงฝ่ามือ “ข้าว่าร้อนนะ” แล้วมองหญิงสาวข้างๆ เธอ หญิงสาวตรงหน้าดูหน้าคุ้นๆ เธอจึงจ้องหนักขึ้น คิ้วโกร่งสุดคันศร ตาเรียวหงส์ จมูกคมสันและริมฝีปากที่หยักขึ้น แสดงว่า คนตรงหน้า ยิ้ม บ่อยๆ 

                “ท่านคือ...” ยูเอะถาม

                “จำข้าไม่ได้เหรอ” หญิงสาวตรงหน้าเธอถาม

                เมื่อฟังเสียงชัดๆ เธอจึงมั่นใจว่า หญิงสาวคนหน้า อาจไม่ใช่หญิงสาว เอ๊ะ หรือเคียวเฮเป็นสตรี !!!! ขณะที่คิดว่าจะทำอย่างไรอยู่นั้น หากปกติแล้วเคียวเฮเป็นหญิง สองคนเลยสนิทกันก็ไม่แปลก แต่คราวที่แล้วที่กอดกัน เธอไม่อาจสัมผัสถึงความนุ่มนิ่มของหน้าอกเลย หรือว่า...เคียวเฮชอบแต่งหญิง หรือเป็นเพื่อนสาวของอาโออิฮิเมะ ??? ไม่ต้องให้ยูเอะคิดนาน 

    หญิงสาวก็ก็กล่าวว่า “เคียวโกะไง ฮิเมะ” 

    ยูเอะยังงง หรือว่า เคียวเฮมีแฝดชื่อเคียวอีกคนหนึ่ง เธอจึงไหลตามน้ำไป

    “ข้านอนไม่พอนะ ปวดหัวไปหมด เคียวโกะ” ยูเอะกล่าว

    หญิงสาวที่ชื่อเคียวโกะ ก็นำฝ่ามือมาวัดความร้อนที่หน้าผากของเธอ “ฮิเมะ ไปอยู่กับคนหล่อขนาดนั้น ก็ต้องนอนไม่หลับเลยเป็นธรรมดาสินะ” แล้วทำหน้าเพ้อ

    ยูเอะไม่รู้จริงๆ จะต่อบทสนทนายังไง เธอไม่รู้จริงๆ อีกด้วยละ ว่า เคียวเฮ หรือเคียวโกะเป็นคนเดียวกัน หรือเป็นฝาแฝดกัน ‘เคียวเฮบอกนี่ว่าจะมา หากให้คนอื่นมา เขาน่าจะบอกหรือเคียวโกะนี่น่าจะบอก’แต่เพื่อให้บทสนทนาไหลลื่น เธอจึงตอบไปว่า “เท็ตซึยะหน่ะหรือ”

    “ท่านหญิง ตอนข้าประชุมกับเท็ตซึยะซามะ ข้าแอบลอบมองหน้าเขาหลายรอบ ไม่ว่าจะเป็นท่าทีเรียบเฉย ท่าครุ่นคิด หรือแม้กระทั่ง ยิ้ม ชายในวังของท่านไม่มีใครงดงาม องอาจเทียบเทียมท่านเท็ตซึยะได้เลยสักคน” เคียวโกะทำหน้าเคลิ้มต่อไป

    ยูเอะเห็นท่าจะไม่ไหว คงต้องดึงกลับมา จึงกล่าวว่า “ท่านเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังข้าโดยละเอียดได้หรือไม่”

    แล้วเคียวโกะก็เข้าสู่โหมดจริงจังทันที “ก็อย่างที่ท่านรู้ จากเหตุการณ์องค์จักรพรรดิมีพระบัญชาให้ย้ายเมืองหลวง จากนครเฮโจวเคียว (นะระ) ซึ่งโดนกุมอำนาจโดยพระในศาสนาพุทธ ไปสู่ นะงะโอะกะ ที่อยู่ทางเหนือของ เฮโจวเคียว 

    ทว่าเสด็จพ่อของท่านไม่พอใจฟุจิวาระ โนะ ทะเนตสึงุ 

    เสด็จพ่อของท่านปฏิเสธการแต่งงานของท่านกับฟุจิวาระ เพราะสัญญาหมั้นหมายเดิมของพวกเรา ฟุจิวาระจึงไม่พอใจ แล้วยุยงจักรพรรดิ์คัมบุว่า จริงๆ เสด็จพ่อของท่านเป็นคนคิดคบอาณาจักรแผ่นดินใหญ่*ล้มล้างราชบัลลังก์ ไม่ใช่ทะเนตสึงุ จึงเกิดเหตุนองเลือดในราชสำนัก เสด็จพ่อของท่านถูกลงทัณฑ์ด้วยการโดนคุมขังไว้ในวัด หลังจากนั้นก็ถูกเนรเทศไปยังเกาะอะวะจิ และสิ้นพระชนม์ 

    ด้วยความกลัววิญญาณอาฆาตของเสด็จพ่อของท่าน จึงทรงย้ายราชสำนักมายังเฮอัง-เกียว**และก็ถูกปกครองอยู่เบื้องหลังโดยผู้นำตระกูลฟุจิวาระ โนะ โมโตะทสึเนะ เป็นคัมปะกุ (ผู้สำเร็จราชการแทน) พระอนุชาของพระจักรพรรดิ์คัมมุและสนมทั้งหลาย รวมถึงเสด็จแม่ของท่านฆ่าตัวตาย 

    ตอนนี้เชื้อพระวงศ์นะระเหลือเพียงแค่ท่านเท่านั้น แต่ที่ข้าไม่เข้าใจคือ เหตุใด เท็ตซึยะซามะถึงเลือกที่จะเก็บท่านไว้ โดยไม่เปิดเผย” เคียวโกะกล่าว

    *อาณาจักรแผ่นดินใหญ่ =  จีน

    ** เฮอัง-เกียว = เกียวโตในปัจจุบัน

    “สาเหตุนั้น เป็นไปได้ 2 ประการ หนึ่ง เขายังไม่ไว้ใจข้า ยังไม่เชื่ออย่างแท้จริงว่า ข้าคือ ฮิเมะ อย่างที่สอง หากเขาเปิดเผยว่าพบข้า จุดจบคือ ความตายไม่ก็ต้องแต่งงานกับเขา แต่การที่ราชสำนักนะระล่มสลาย มีข้อดีข้อเสียอย่างไร ท่านโปรดชี้แนะข้าให้กระจ่าง” ยูเอะกล่าว

    เคียวโกะ เคยสงสัยในข้อนี้ ซึ่งได้คำตอบเหมือนกับฮิเมะตรงหน้า ‘ข้าก็แปลกใจเช่นเดียวกับเท็ตซึยะ’ แต่เขาจำไม่ได้ว่า ฮิเมะตัวน้อยของเขา สามารถตีความได้เฉียบคมเช่นนี้ ตั้งแต่เมื่อไร เคียวโกะเก็บความสงสัยไว้ในใจ แล้วตอบคำถามของยูเอะว่า “ข้อดีก็อย่างที่ท่านรู้ ข้ากับท่านไม่ต้องแต่งงานกัน ทำให้ข้าเป็นอิสระโบยบินได้ ไม่ต้องอยู่ในวัง ท่านสามารถเลือกคนที่รักจริงๆ ได้ ส่วนข้า ได้วางรากฐานระบบราชสำนักใหม่ทั้งหมด และมีโอกาสก้าวหน้าในราชการมากกว่าเคย 

    ข้อเสีย ส่วนของท่าน ท่านไม่มีญาติเหลือ ไม่มีใครรู้จักยกเว้นตระกูลของข้า ท่านไม่มีอำนาจในมือ ท่านไม่สามารถทำตามใจได้อย่างเคย ส่วนข้า ไม่มี”

    ยูเอะไม่รู้จะระบุเพศคนตรงหน้าอย่างไร แต่การวิเคราะห์ของเคียวโกะก็ทำให้ความสงสัยที่เคยมีกระจ่างขึ้น 

    เมื่อเห็นยูเอะนิ่งเงียบอยู่นาน เคียวโกะก็สงสัย หญิงสาวตรงหน้าจริงๆ ว่าใช่ ฮิเมะที่เขารู้จักหรือเปล่า ดวงหน้าที่คุ้นเคยตั้งแต่จำความได้จนบัดนี้ไม่มีอะไรต่าง แต่สามสิ่งจริงๆ ที่ทำให้เขามั่นใจได้คือ ความเรียบลื่นของเส้นผม การเล่นหมากล้อมและปานของหญิงสาว ซึ่งเขาต้องหาทางพิสูจน์ให้ได้ เพราะ คนตรงหน้า เหมือนไม่ใช่ฮิเมะคนเดิม สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือ การจับเส้นผม เขาชอบเล่นและแต่งทรงผมให้หญิงสาวตรงหน้าเป็นอย่างดี จึงทำทีกล่าวว่า “ฮิเมะ คนรับใช้บ้านท่าน ไม่ค่อยดูแลผมให้เลยสินะ” แล้วใช้นิ้วรวบเส้นผมมากำหนึ่งแล้วจับให้ผมปล่อยสยายลง ‘เรียบ ลื่น เหมือนเดิม’ 

    “จำไว้ สองสิ่ง หนึ่งข้าชื่อยูเอะ และสองทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมแล้ว” ยูเอะกล่าว

     

    “ตอนนี้ ข้าว่า สิ่งที่ท่านอาจต้องช่วยข้าคือ ข้าต้องเดินหน้าต่อไปอย่างไร ข้าควรรับมือกับเท็ตซึยะอย่างไร ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเขาต้องการอะไร เหนี่ยวรั้งข้าไว้ทำไม และหากเขาปล่อยข้าแล้วข้าจะกินอยู่อย่างไร” ยูเอะกล่าวแล้วยกมือกุมศีรษะ จริงๆ สิ่งที่เธอคิดว่าเป็นปัญหาคือ จะมีเงินใช้หรือไม่มากกว่า

    “ท่านอย่าได้เป็นกังวล เรื่องกินอยู่จับจ่ายใช้สอยข้าสามารถช่วยท่าน เพียงท่านเล่นเปิดสำนักสอนบิวะ และหมากล้อมก็พอได้กระมั้ง” เคียวโกะทำหน้ายิ้มๆ และพูดต่อ “ส่วนแผนการจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร พรุ่งนี้ เท็ตซึยะซามะให้ข้าไปบ้าน อาจต้องการพิสูจน์ว่า ท่านใช่ฮิเมะหรือไม่ ตอนนี้ข้าต้องมองให้ออกก่อนว่า หากใช่แล้วอย่างไร ไม่ใช่แล้วอย่างไรต่างหาก” 

    “เฮ้อ นั่นสิ เขาจะฆ่าข้าหรือไม่” ยูเอะกล่าว เธอกลัวจริงๆ หากมีการพิสูจน์ ทุกคนต้องรู้แน่ว่า เธอไม่ใช่อาโออิฮิเมะ เธอแทบไม่รู้อะไรเลยนอกจากฮิเมะนี่ เล่นบิวะ และหมากล้อมดี ออมีปานอีกอันหนึ่ง

    “หากเขาฆ่า เขาต้องฆ่าข้าด้วย เพราะข้าเป็นคนยืนยันกับเขาได้ว่า ท่านใช่ฮิเมะ...” เคียวโกะกล่าว

    “แล้วหากข้าไม่ใช่ฮิเมะ เล่า ข้าจะตายไหม” ยูเอะกล่าว

    “อาจเป็นไปได้ และไม่ได้ เขาอาจเก็บท่านไว้หลอกทุกคน โดยอาจมีสิ่งสำคัญเป็นการต่อรอง” เคียวโกะกล่าว เขายังสงสัยหากคนข้างหน้าเป็นฮิเมะ จะถามด้วยเหตุอันใด

    “ข้าไม่มีสิ่งใดสำคัญอีกแล้ว หลังจากข้าสลบไปที่ป่านั่น ข้าตื่นขึ้นมา ข้าบอกกับตัวเองซ้ำๆ ว่า ข้าจะลืมทุกอย่าง และใช้ชีวิตใหม่ทั้งหมด อย่างที่ข้าบอกท่านไป ข้าจะชื่อยูเอะ และ ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว ข้าจึงอยากถามท่านว่า หากข้าไม่ใช่ฮิเมะอีกต่อไป เท็ตซึยะจะดำเนินเรื่องนี้อย่างไร” ยูเอะกล่าวพลางลอบหวาดเสียวในใจ สายตาของเคียวโกะเมื่อครู่น่ากลัวจนเธอหวาดหวั่น 

    “เรื่องนี้ข้าขอสืบให้ละเอียด อย่างไรต้องภายในพรุ่งนี้ เมื่อเจอหน้ากันก็ปรับตามสถานการณ์ ท่านทำเป็นไม่รู้จักข้าดีหรือไม่” เคียวโกะกล่าว

    “นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ หากพรุ่งนี้ข้าทำเป็นไม่รู้จัก มิใช่หลอกลวงหรอกหรือ... เฮ้อ ตามท่านเถอะ” ยูเอะกล่าว ในเมื่อเรื่องนี้มันไม่รู้เป้าหมายของศัตรูเธอก็ไม่ควรตัดสินก่อน

    “มีคนมา” เคียวโกะกล่าว

    “ยูเอะฮิเมะ มาอยู่นี่เอง ข้าตามหาท่านทั่ววัดเลย เอ๊ะ” ซาอิกล่าวแล้วมองสาวที่อยู่ข้างๆ ยูเอะ

    “นางชื่อเคียวโกะ” ยูเอะกล่าว

    “ข้าผ่านมาแล้ว เห็นยูเอะจังนั่งอยู่คนเดียว ข้าเลยมานั่งด้วย” เคียวโกะตอบพร้อมทำท่าเอียงอาย

    ‘กระแดะจริงๆ’ ยูเอะกรอกตาคิดในใจ

    “คุณหนูท่านนี้ เป็นลูกสาวบ้านไหนหรือ” ซาอิเมื่อเห็นท่าทีเอียงอายของเคียวโกะจึง รู้สึกอยากรู้จัก

    แต่ซาอิรู้ตัวว่าเป็นชนชั้นต่ำต้อย ไม่ควรเกี้ยวพาสตรีตรงหน้า จึงทำหน้าหงอยไป แล้วกล่าว“ข้าเป็นแค่...แค่องครักษ์ในเครือฟุจิวาระ ขอคุณหนูอย่าได้จำใส่ใจ ยูเอะฮิเมะ หากท่านสนทนากับท่านหญิงเสร็จแล้ว  ข้ารออยู่ที่ต้นซากุระด้านหน้านะขอรับ” จึงเดินไป

    “แม้ว่า ซาอิจะเป็นแค่องครักษ์ แต่น่าตาองอาจ สมชายชาตรี กล้ามเนื้ออกบึกบึน น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ” เคียวโกะกล่าว

    แม้ว่าเธอไม่รู้ว่าเคียวเฮเพศอะไร แต่เธอมั่นใจว่า คนตรงหน้าบ้าผู้ชายอย่างร้ายแรง เธอจึงยืนขึ้น เมื่อเคียวโกะยืนตาม “ท่านจะไปไหนหรือ” ยูเอะก็ทำทีเป็นซบหน้าอกของเคียวโกะแรงๆ 

    ‘ยัด หน้าอกนี้ยัดให้ใหญ่’ ยูเอะคิด แต่เธอก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่า ชายหรือหญิง เพราะคนสมัยนี้อาจยัดก็ได้

    “ข้าแค่เมื่อยเลยลุกขึ้นนะ สงสัยข้าลุกเร็วไป ปวดหัวจัง นั่งก่อนสิ” ยูเอะกล่าวแล้วทำเป็นนวดขมับ ‘ไม่อยากใช้วิธีนี้เลย แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ขอโทษนะเคียวเฮ’ 

    เมื่อเคียวโกะนั่งลง ยูเอะจ้องไปที่ตาของเคียวโกะ “มองตาของข้าสิ” ยูเอะกล่าว 

    “เป๊อะ” เสียงดีดนิ้วดังขึ้นมา ประกายตาของเคียวเฮดับวูบลง สีหน้าเหมือนคนเหม่อลอย

    “ต่อไปนี้ เจ้าจะพูดแต่ความจริง รับปากข้านะ” ยูเอะกล่าว

    “อืม” เคียวเฮกล่าว

    “ท่านมี...” จะให้เธอพูดว่าอะไร น้องชาย ? แท่งสืบวงศ์ตระกูล? อ่า ใช่แล้วเธออายุ 17 เคียวเฮอายุมากกว่า 5 ปี ก็ต้องมี...แล้วสินะ “ท่านเคยมีประจำเดือนหรือไม่” ยูเอะถาม

    “ไม่มี” เคียวเฮกล่าว

    “เป๊อะ” ยูเอะดีดนิ้วอีกรอบ ‘การสะกดจิตคลาย’ แล้วถามว่า “เจ้าว่ามีอะไรติดที่ตาข้าไหม” แล้วเอียงตาให้ดู

    เคียวเฮรู้สึกเหมือนวูบไป เขาสะบัดหน้าแรงๆ แล้วจ้องกลับไปที่หน้าของยูเอะ แล้วกล่าวว่า “ไม่มีอันใด” ดูท่าวันนั้นเขาคงเหนื่อยเกินไปแล้ว

    แม้ว่าการได้รู้ว่า เคียวเฮเป็นชายหนุ่มที่ชอบชายหนุ่ม แต่ยูเอะก็รู้สึกผิดอยู่ในใจ ปกติแล้ว เธอไม่ควรสะกดจิตคนอื่นเพื่อเอาความจริง...ผิด...มันผิดจริงๆ เธอรู้สึกเหนื่อยมากจึงขอลา 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×