คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เซียนโกะมาเเล้ว
อายูมิกำลังนั่งเล่นหมากล้อมคนเดียวในสวน ตอนนี้หมากขาวดูเหมือนจะกำลังจะชนะหมากดำ ฝ่ายหมากดำกำลังจะวางหมากล้อมลง...
“เล่นหมากล้อมอยู่หรือ” อยู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมา ทำให้เธอวางผิดตำแหน่ง
“โง่หรือเปล่าแค่นี้มองไม่ออกเหรอ” อายูมิตอบ ‘เธอวางหมากผิดที่...เพราะผู้หญิงคนนี้...นางมารรรรรรรร’
“ขอข้าเล่นด้วยได้หรือไม่” ยูเอะถาม
อายูมิเป็นถึงนักหมากล้อมที่เก่งหนึ่งในอันดับสิบในเฮอัน เธอมั่นใจว่าเธอจะชนะแน่นอน “ได้สิ แต่หากข้าชนะ เจ้าต้องไม่แต่งงานกับพี่ชายของข้า ไม่ต้องเสี่ยงทาย* เจ้าเริ่มก่อนละกัน ข้าไม่เอาแต้มต่อด้วยนะ”
*หมากดำ จะได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยหมากขาวจะได้แต้มต่อ 5.5 คะแนนเลย
‘บอกกี่รอบแล้วอีหนู ไม่แต่งว้อย’ เมื่อคิดได้ว่า ไม่มีอะไรจะต้องเสีย ยูเอะจึงตอบตกลง อยากรู้เหมือนกันคนสมัยนี้เล่นหมากล้อมได้เก่งขนาดไหน
โดยไม่รู้ตัวทั้งสองมานั่งเล่นหมากล้อมในสวน จนเวลาคล้อยสาย
‘หึ แค่วางหมากขาวตรงนี้ พี่ชายของข้าจะเป็นอิสระจากนางมารแล้ว’ อายูมิวางหมากขาวที่ตำแหน่งหนึ่ง
“อาตาริ*” ยูเอะกล่าว อายูมิหันกลับไปตารางหมากล้อมอีกรอบ ‘เป็นไปได้อย่างไร ทำไมข้ามองไม่เห็น ข้าต้องชนะเห็นๆ’ แล้วอยู่ๆ ก็มีหมากดำมาวางตำแหน่งที่เธอมองพลาดไปจริงๆ...
*เมื่อข้าปิดลมหายใจ (ช่องว่างในกระดานหมากล้อม) ของฝ่ายตรงข้ามจนเหลือเพียง 1 ลมหายใจแล้ว ข้าจะบอกฝ่ายตรงข้ามว่า “อะตาริ” ซึ่งแปลเป็นไทยได้ ว่า “เรียกกิน” เป็นการเตือนฝ่ายตรงข้ามให้รู้ตัวก่อน เพราะทัศนคติที่ดีในการเล่นหมากล้อมนี้ ผลประโยชน์ที่ข้าได้มา ไม่ควรเกิดจากโชคช่วย ทีเผลอ หรือว่าความบังเอิญ แต่ควรจะเกิดจากการวางแผนที่ดี และการวางนโยบายที่ดีเท่านั้น
เมื่อเล่นต่อไปได้สักพัก ก็จบกระดาน “เจ้าโกงใช่ไหม ข้าแพ้คะแนนขาวต่อดำ 70 ต่อ 76*” อายูมิถาม
*การนับคะแนน นับโดยนำคะแนนพื้นที่ลบด้วย หมากเชลยที่ฝ่ายตรงข้ามกินได้ เป็นคะแนน สุทธิของแต่ละฝ่าย
ต้องบวกแต้มต่อ (Komi) ให้ฝ่ายขาวด้วย
ตัวอย่าง: ฝ่ายดำได้พื้นที่ 86 จุด ฝ่ายขาวได้พื้นที่ 78 จุด หมากเชลยของขาวมีทั้งหมด 8 เม็ด ; ของดำมี 16 เม็ด
คะแนนขาว : 78 - 8 +5.5 = 75.5 คะแนน คะแนนดำ : 86 - 16 = 76 คะแนน
สรุปผล : ฝ่ายดำชนะขาว 0.5 แต้ม (76-75.5 )
แต่ตอนแรกอายูมิบอกว่าไม่ต้องนับแต้มต่อ ทำให้
คะแนนขาว : 78 - 8 = 70 คะแนน คะแนนดำ : 86 - 16 = 76 คะแนน
ยูเอะชนะที่ 76:70
“เสมอต่างหาก แต้มครึ่ง (0.5) ไม่นับ 76:75.5” ยูเอะแอบลอบหวาดเสียวหญิงสาวตรงหน้านี่เล่นหมากล้อมเก่งมากๆ หากเธอไม่ได้ฝึกมาหลายปี เพราะชอบอ่านฮิคารุเซียนโกะบวกกับได้เทคนิคจากการไปดูการแข่งขันหมากล้อมจากงานแข่งทั่วประเทศเธอคงแพ้อย่างราบคาบ ดีที่เธอจำมาได้บ้างว่าต้องเดินอย่างไร
“ไหนลองอีกตาสิ” อายูมิกล่าว ยูเอะลอบยิ้ม ‘ไม่คิดว่า แผนการสร้างความสนิทกับอายูมิ จะง่ายดายถึงเพียงดี’
“ท่านชนะด้วยแต้มครึ่ง อีกแล้ว 4 ตา ท่านทำได้อย่างไรกัน” อายูมิกล่าวในสุด อายูมิไม่อยากจะเชื่อ ผู้หญิงข้างหน้าเธอดูท่าไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาเสียแล้ว หากมองดูให้ดี ผิวพรรณที่นวลละเอียด สายตากระจ่างใส และความสามารถหมากล้อมที่แม้แต่เธอยังต้องอาย ยกเว้นเพียงท่าทีแปลกๆ คล้ายไม่สนใจอะไร ไม่มีความเป็นกุลสตรีละก็...
“ข้าหิวแล้ว พักก่อนได้หรือไม่ แล้วข้าจะสอน” ยูเอะกล่าว ‘จริงๆ อายูมิก็ดูเข้าง่าย แค่ติดโมโหร้ายเท่านั้นสินะ’ เธอมีแผนจะเข้าใกล้อายูมิเพื่อที่จะคุยสนิทสนมตามแบบแผนการบำบัดทางจิตต้องเริ่มจาก
1. สร้างความสนิท ไม่เพียงผู้บำบัดและผู้รับการบำบัดต้องเปิดเผยตัวตนของตัวเอง ว่าตัวเองเป็นอย่างไร มีเรื่องใดเหมือนกันหรือไม่ พร้อมทั้งสำรวจทุกเรื่องกัน
2. วิเคราะห์ปัญหา ผู้บำบัดต้องถามถึงปัญหาและสาเหตุ ซึ่งบางคนอาจจะจบเพียงเท่านี้ หรือไปต่อคือ
3. แก้ไข โดยขั้นตอนนี้จะมีทั้งการวางแผนแก้ไข การให้ผู้รับการบำบัดลงมือทำ
4. ติดตามผล ผู้บำบัดต้องทำการติดตามผลผู้รับการบำบัดอยู่เนื่องๆ พร้อมให้กำลังใจ
ซึ่งตอนนี้ยูเอะกำลังทำข้อ 1 กับอายูมิอยู่ ช่วงบ่ายอายูมิต้องเล่นบิวะ เธอจึงลองมาฟังด้วย
“แตร่ง แตร่งงงง” เสียงบิวะที่อายูมิเล่น แม้ไม่เพราะมาก แต่ก็สื่อถึงอารมณ์ได้ ยูเอะลองหลับตา เพลงนี้เป็นเพลงเศร้า กล่าวถึง การจากไปของคนรัก ยูเอะก็เคยเล่นเพลงนี้บ้าง เพราะคุณย่าเธอชอบฟัง ทำให้เธอคิดถึงคุณย่าเธอขึ้นมา
“เจ้าร้องไห้ทำไม” อายูมิถาม เมื่อเห็นยูเอะน้ำตานองหน้า
“เจ้าเล่นได้ดีมาก ทำให้ข้าคิดถึงครอบครัว” ยูเอะตอบ
“เจ้าก็กลับบ้านไปสิ เดี๋ยวก่อนคนที่เจ้ารักไม่ใช่พี่ชายข้าหรอกหรือ” อายูมิถาม เธอรู้สึกไม่ดี หากผู้หญิงคนหน้าจะมีคนที่รักอยู่แล้ว แล้วมาหลอกพี่เธอ
“ท่านพี่ทั้งรูปงาม ทั้งใจดี ฉลาด สมควรเป็นจักรพรรดิ์องค์ต่อไปด้วยซ้ำ แล้วตำหนักในก็มีแต่สาวงาม ทั้งซาโอะ และอื่นๆ อีกมากมาย” อยู่ๆ อายูมิก็นึกสงสารสาวตรงหน้ามาจับใจ หากอยู่ในวังต้องระวังตัวตลอดเวลา และก็นึกขึ้นมาได้ว่า ควรสงสารตัวเองก่อน เพราะหญิงสาวคนข้างหน้าจะต้องแต่งกับพี่ชายที่เธอรัก
“ความรู้สึกรักพี่ชายของท่านแบบไหนหรือ” ได้ทียูเอะต้องเจาะให้ลึก
“ก็อย่างที่เจ้าเห็น ท่านพี่ทั้งหล่อ งามสง่า ฉลาด ใจดี ใจเย็น เป็นมังกรในหมู่มนุษย์ ท่าทีที่นิ่งสงบ ทำให้รู้สึกเหมือนสายน้ำ ทั้งเย็น ทั้งสะอาด เมื่ออยู่ใกล้ท่านพี่ ข้ารู้สึกได้รับการปกป้องตลอดเวลา ท่านพี่เป็นคนอบอุ่น เฮ้อ แล้วพอคิดว่าท่านพี่ต้องมาแต่งงานกับเจ้า ข้ารู้สึกเหมือนโดนแย่งของรักไปจริงๆ” อายูมิกล่าว
‘เฮ้อ ที่แท้ก็ไม่มีอะไร แค่รักพี่ชายมากไป ชอบหนุ่มอบอุ่นสินะ แต่ว่า อายูมิเป็นกอลลัม*หรือไง’
*กอลลัม ใน the lord of the ring เป็นมนุษย์ที่โดนแหวนครอบครอง จนเสพติดการเป็นเจ้าของแหวน ทำให้มีบุคลิกเป็น bipolar คือ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ชอบพูดว่า ของรักของข้า
“ทาคุมิซามะ ไม่อบอุ่นหรอ เวลาข้าเห็นหน้าเขา หัวใจข้าแทบหยุดเต้น” ในสายตาของยูเอะ ทาคุมิดูเป็นคนที่ภายนอกแสดงออกดูหยิ่งยโส แต่ภายในจิตใจอ่อนโยน กลับกันกับเท็ตซึยะที่ภายนอกแสดงว่าอ่อนโยน แต่ภายในลึกสุดจะหยั่ง น่ากลัวยิ่งกว่าอสรพิษ
“ทาคุมิซามะมีอีกชื่อว่า แม่ทัพภูผาน้ำแข็ง ผู้ไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใด ตอนเด็กข้าสามคนเล่นด้วยกันบ่อยๆ นะ ทาคุมิซามะเป็นที่สองละกัน ท่านพี่ของข้าดีที่หนึ่งในแผ่นดิน” อายูมิตอบ
‘สรุปที่พูดมาทั้งหมด อวยพี่ชายตนเองสินะ’ ยูเอะคิดในใจ “ท่านก็เพียงแค่ไม่ชอบที่ผู้หญิงคนอื่นๆ มาใกล้พี่ของท่านใช่หรือไม่” ยูเอะกล่าว
“พวกนั้นไม่เหมาะสม เจ้าด้วยไม่เหมาะสม มีเพียงข้าเท่านั้นที่เหมาะสม” อายูมิกล่าว
อย่างแรกต้องนำอายูมิกลับมาสู่ตัวเองก่อน “ท่านว่าคนที่เหมาะสมกับท่านพี่ท่านเป็นเช่นไร” ยูเอะกล่าว
“ก็ต้องสวย ฉลาด จิตใจดี” อายูมิพูด
‘เออ อวยตัวเองเข้าไปคิดว่า ตัวเองสวย ฉลาด จิตใจดี...จริงอ๊ะ’ “เป็นไปได้ไหมที่ท่านเพียงแค่รักพี่แบบพี่ชาย แต่ไม่ได้รักแบบหญิงชายหรือไม่” ยูเอะยังถามต่อ
“ท่านกล่าวกระไร ข้าเพียงเท่านั้นที่เหมาะสมกับท่านพี่”
“เป็นไปได้ไหม รักที่ท่านมีให้ เป็นรักที่มีพิษ รักที่มีแต่การครอบครอง รักที่ไม่ได้มองตัวตนเองเขาจริงๆ ท่านควรถามตัวเองหลาย ๆ ครั้ง จนคำตอบมีเพียงคำตอบเดียวว่า ท่านมีความสุขกับคนแบบไหนต่างหาก” ยูเอะต่อ
“ท่าน...ท่านกล่าวกระไร รักที่มีพิษ... ท่านเสียสติไปแล้ว” พูดจบอายูมิก็เดินออกไปพร้อมน้ำตา
ยูเอะกำลังสงสัยว่า ที่อายูมิร้องไห้เพราะโดนจี้ถึงจิตใจหรืออย่างไร
ไม่ต้องรอให้ยูเอะขบคิดนาน ยูเอะเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับคู่กรณี อายูมิบีบน้ำตาไปหาเท็ตซึยะนั่นเอง...’แหม ร้ายกาจทั้งพี่ทั้งน้อง’
“ท่านพี่...นางแกล้งข้า” อายูมิกอดเท็ตซึยะอย่างกับหมีโคอาล่า
ยูเอะไม่ปฏิเสธ และไม่ยอมรับ พลางทำสมาธิด้วยการเล่นบิวะ
ตั้งแต่เด็กยูเอะเป็นคนอยู่นิ่งๆ ไม่ได้ คุณย่าเธอจะสอนให้เล่นดนตรี ซึ่งบิวะก็เป็นสิ่งที่ทำให้เธออยู่กับปัจจุบันและทำให้เธอมีสมาธิที่สุด เธอถือคติว่า ไม่เร่งรีบ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เธอเพียงแค่เฝ้าดู ติดตามและทำความเข้าใจก็พอแล้ว
ยิ่งเล่นบิวะ ยูเอะเริ่มดำดิ่งกับบทเพลง เพลงหงส์ครวญรักที่อายูมิเล่นก่อนหน้านี้นั้น มันเป็นที่เศร้า แต่อาจเพราะอายูมิไม่มีประสบการณ์ความรักที่ไม่สมหวังถึงเล่นออกมาไม่ถึงใจเธอเสียเท่าไร ยูเอะคิดถึงรักแรกของเธอ เสียงบิวะสลับสูงต่ำ จังหวะที่ต้องเร่งก็เร่งจนเธอแทบขาดใจ จังหวะที่เนิบช้า ก็ผ่อนแรงจนเบาหวิว
เพลงจบลง ยูเอะเหยียดยิ้มอย่างนางร้ายในละคร เอ่ยอย่างดัดจริตแบบนางร้ายในโอโตะเมะเกมว่า “นี่สิ ถึงเรียกว่าแกล้ง” แล้วเดินออกไป
“ท่านพี่...” อายูมิกล่าวพลางดึงชายเสื้อของพี่ชายตนเอง
อายูมิเห็นสายตาของพี่ชายแล้วได้แต่แอบกลืนน้ำลาย ตั้งแต่เด็กเธอโตมาด้วยกัน จึงรู้ว่า การที่พี่ชายยิ้มแบบนี้ ยิ้มที่มีแก้มบุ๋มเข้าไปอย่างนี้ อันตราย...เธอรู้สึกเย็นที่หลังแทนผู้หญิงคนนี้จริงๆ
ตะวันคล้อยต่ำ พระจันทร์มาเยือน ก็ถึงเวลาอาหารเย็น สาวรับใช้ยกสำรับมา มือของสาวใช้สั่นแปลกๆ จนยูเอะ เอะใจ สาวใช้ในร้านอาหารยังมือไม่ใส่ เหตุใดสาวใช้ในวังจึงมือสั่นได้เล่า...
ยูเอะขมวดคิ้วมองเท็ตซึยะ เห็นอีกฝ่ายไม่พูดอะไร เธอจึงเลือกที่จะสงบปากสงบคำ
เมื่อสำรับของทุกคนพร้อมแล้ว จึงเริ่มกินกัน ยูเอะรู้สึกแปลกๆ ที่วันนี้เท็ตสึยะ และอายูมิมากินข้าวกับเธอ เหมือนกับว่า มันต้องมีอะไรสักอย่าง...
ไม่ต้องให้ยูเอะคิดนาน อายูมิก็ทำให้ปรากฎการณ์ ‘รักที่มีพิษ’ เป็นจริง เมื่อเธอใช้ตะเกียงคืบข้าวขึ้นมา แล้วเธอก็พบ บางสิ่งบางอย่าง ใช่แล้วจ้า แมลงสาบ... แม้แววตาเธอจะดูตื่นตระหนกตกใจ แต่เธอก็เก็บอาการอย่างนั้นอย่างรวดเร็ว เธอมองผู้ต้องสงสัยทั้งสองคน เท็ตซึยะยังมีท่าทีปกติ แต่อายูมิดูยิ้มแปลกๆ เธอจึงลุกขึ้น ยกถ้วยข้าวคีบแมลงสาบขึ้น แล้วเดินไปที่หน้าสำรับของอายูมิ
“อายูมิฮิเมะ ข้าให้ท่าน แถวบ้านข้านี่เป็นของอร่อยเลยนะ” ยูเอะพูดจบก็ป้อนแมลงสาบที่ปากของอายูมิ
“กริ๊ดดดดดดด” อายูมิสะบัดมือยูเอะออกแล้วกล่าว “เจ้า กล้าดีอย่างไรมาทำอย่างนี้กับข้า”
“ข้าเพียงหวังดี ว่ากันว่า แมลงสาบนี้มีประโยชน์มากยิ่งนัก ไม่งั้น ห้องครัวของเครือฟูจิวาระ คงไม่มีแมลงสาบให้แขกกินหรอก” ยูเอะกล่าว เพื่อที่จะว่าห้องครัวที่ไม่ดูแลเรื่องข้าวให้ดี เธอวางถ้วยและตะเกียงลงที่สำรับของอายูมิ แล้วเดินไปหาเท็ตซึยะจับมือเท็ตซึยะที่ถือตะเกียงจะเข้าปากแล้วป้อนเข้าปากตัวเอง “ข้าได้ยกสำรับข้าให้อายูมิฮิเมะแล้ว ข้าคงต้องทานกับสามีผู้เป็นที่รักของข้าแล้ว” แล้วมองไปทางอายูมิ เห็นอายูมิโกรธจนหน้าแดง มือกำจนเป็นรอยแดง จึงยิ้มอย่างสะใจ
“เจ้ากล้าดีอย่างไร ไร้มารยาท ท่านพี่เป็นถึงบุตรชายคนโตของเครือฟูจิวาระ จะกินสำรับเดียวกับเจ้าได้อย่างไร ปล่อยมือของท่านพี่นะ” อายูมิปาตะเกียบใส่หน้ายูเอะแล้ววิ่งเข้ามาหา
ยูเอะไปหลบตะเกียบพิฆาตด้วยการหลบหลังเท็ตซึยะ “โอ ข้าเดินทางกับเท็ตซึยะ ร่วมเรียงเคียงหมอน ไหนเลยจะกินสำรับเดียวกันมิได้ ตอนข้าอยู่ป่าด้วยกัน เท็ตซึยะซามะยังป้อนผลไม้ให้ข้าเลยจริงไหม” ยูเอะยั่วโมโหอายุมิ
เท็ตซึยะโอบเอวของยูเอะให้มานั่งตัก “อายูมิเจ้าทำอะไร ข้ากับยูเอะถือว่าเป็นดังกันและกันแล้ว การกินสำรับเดียวกันหาได้มีอะไรไม่” พูดจบก็คีบผักป้อนยูเอะที่อ้าปากค้างอยู่
‘เวรแล้วไหมละ ไม่น่าเลยตู’ ยูเอะจะปฏิเสธก็ไม่ได้ เพราะมีผักอยู่ที่ปาก
“ท่านพี่...” พูดจบอายูมิก็เดินวิ่งออกไป
“แสดงละครพอแล้วมั้ง” ยูเอะทำท่าจะลุกขึ้น
“ท่านมิใช่ ร่วมเรียงเคียงหมอกับข้าแล้วหรือ อยู่ป่าข้ายังป้อนผลไม้ให้ท่านมิใช่หรือ” เท็ตซึยะกล่าวแล้วยิ้ม
รอยยิ้มนี้ งดงามจนฝ่ามือเธอเริ่มมีเหงื่อ...’น่ากลัว ผู้ชายคนนี้น่ากลัว’ ยูเอะจึงรีบสะบัดมือของเท็ตซึยะออกแล้วรีบลุกขึ้น “ท่านก็รู้พวกข้าแค่แสดงละครเท่านั้น หากับท่านหาได้มีการผูกพันธ์ลึกซึ้งกันไม่”
“ท่านรู้หรือไม่ ตามจริงแล้ว ฟุจิวาระขอผูกสัมพันธไมตรีเราท่าน แต่องค์ชายรัชทายาทซะวะระ ปฏิเสธการหมั้นหมายดังกล่าว ระหว่างข้ากับท่าน...จึงเกิดสงครามนองเลือดขึ้น” เท็ตซึยะที่เงียบไปนานกล่าว
“แล้วอย่างไร สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ ตอนนี้มีเฮอันขึ้น นะระล่มสลาย หาได้มีการผูกพันใดไม่ ข้าไม่เข้าใจท่านจริงๆ ท่านจะแต่งงานกับข้าเพื่ออะไร ข้าไม่มีอำนาจใดๆ ” ยูเอะกล่าว เธอยังไม่เข้าใจอยู่ๆ เท็ตซึยะต้องการอะไรกันแน่
“ท่านรู้หรือไม่ ตอนแรกที่คิดว่าต้องแต่งงานกับท่าน ข้ารู้สึกทรมาน พยายามปฏิเสธท่านพ่อทุกวิถีทาง แต่ตอนนี้ ข้า...เปลี่ยนใจแล้ว ท่านงดงามยิ่งนัก เพียบพร้อมด้วยความรู้ความสามารถ...ข้าจึงต้องการแต่งงานกับท่านให้จงได้” เท็ตซึยะเอ่ย
แม้ว่าคำพูดที่ออกจากปาก ท่าทางของชายหนุ่มจะดูชื่นชม หากเป็นหญิงสาวคนอื่นคงตกหลุมรักนี้ไปแล้ว แต่ยูเอะไม่ใช่ เธอไม่ได้รู้สึกถึงความรักเลย...เธอขมวดคิ้วเอ่ยถาม “ท่านยังสงสัยอีกหรือ ว่าข้าต้องการจะครองบัลลังก์”
ดวงตาของชายหนุ่มหรี่ลง “หาใช่ไม่ ข้าต้องการแต่งงานกับท่านจริงๆ”
“ข้าคงไม่มีสิ่งใดพิสูจน์ แต่ข้าอยากให้ท่านเชื่อว่า ข้าหาได้ต้องการบัลลังก์เลย ข้าไม่ต้องการอยู่ในกรง ข้าต้องการเป็นอิสระ ท่านก็รู้ดี ข้าต้องขอบคุณฟูจิวาระที่ทำให้ข้าเป็นอิสระ ข้าจะทำอะไรอย่างที่ข้าต้องการสักที” จากที่ดูหนังในราชวงศ์มาก อ่านนิยายมาก็ไม่น้อย เธอมั่นใจว่า การอยู่ในวังต้องทรมานอย่างแน่นอน หากไม่มีคนผลัดเปลี่ยนจากนะระมาเป็นเฮอัน เธอที่ทะลุมิติมาคงต้องบ้าแน่ๆ
“ท่านมีความต้องการอะไรหรือ” เท็ตซึยะถาม เขาก็พอเข้าใจ
“อิสระ” ยูเอะตอบ
“ข้าให้ท่านได้” เท็ตซึยะตอบ
“ท่านให้อิสระข้าได้ ภายใต้การควบคุมของเท่าสินะ” ยูเอะตอบแล้วเดินออกไป
คำพูดของเท็ตซึยะทำให้เธอนึกถึงครอบครัวของเธอ คุณแม่รักคุณพ่อมาก จากความสัมพันธ์ที่รักกันชื่นมื่น จนเธออายุ 13 ปี ความรักนั้น ก็เดินมาถึงจุดแตกร้าว
ด้วยคุณพ่อเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง จึงมีหญิงสาวมากหน้าหลายตาเข้ามาข้องแวะ คุณพ่อบอกกับคุณแม่ตลอดว่า คนรักที่แท้จริงคือคุณแม่ แต่การกระทำของคุณพ่อกลับไม่ใช่อย่างนั้น...
ทว่า หญิงสาวคนหนึ่งจะแชร์คนที่ตนเองรักกับหญิงสาวอื่นได้อย่างไร แม่เธอจึงทำทุกวิถีทางในการให้คุณพ่อกลับมา แต่ว่า เมื่อใจของบุรุษไม่มีหญิงสาวอยู่แล้ว จะกลับมาได้อย่างไร ดังนั้น คุณพ่อก็ได้แต่ปลอบคุณแม่ว่า รักคุณแม่คนเดียว คุณแม่ก็เปลี่ยนไปกลายเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียว โกรธง่าย บางครั้งก็ร้องไห้ บางครั้งก็มีอาการพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง
ตอนนั้นเธอไม่รู้หรอกว่า คุณแม่เป็นโรคซึมเศร้า เธอแค่ไม่เข้าใจ คุณแม่จะรักคุณพ่ออะไรหนักหนา เธอพยายามบอกคุณแม่ ว่าให้เลิกคิด เธอพยายามบอกให้คุณแม่มีความสุข...
แต่ว่า...คนเราจะเลิกคิดได้อย่างไร หากจิตใจยังพะวงอยู่กับสิ่งนั้น...
หลังจากนั้น คุณแม่ก็ไม่พูดเรื่องราวของคุณพ่อกับเธอ จนยูเอะคิดว่าคุณแม่คิดได้แล้ว ทว่า...
ยูเอะหลับตา เธอนึกถึงวันนั้นได้
วันนั้น เธอเพิ่งเรียนพิเศษกลับมาบ้าน ในบ้านมืดสนิท เธอได้แต่แปลกใจ ว่าทำไมคุณแม่ถึงไม่เปิดไฟ
เธอเคาะประตูห้อง เรียกคุณแม่หลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ
เธอโทรศัพท์เข้าหามือถือของคุณแม่ เสียงเรียกเข้าดังในห้อง
เธอรู้สึกสถานการณ์ไม่ถูกต้อง รีบโทรหาคุณพ่อ แต่คุณพ่อก็ไม่รับสาย เธอลนลานไปหมด รีบวิ่งไปหากุญแจสำรองมาเปิด
เธอจึงถือวิสาสะเข้าประตูไป ในห้องนอนมืดสนิท แอร์ก็ไม่ได้เปิด พอเธอเปิดไฟ ก็เห็นเก้าอี้ตกลง เธอเดินเข้าไปเก็บยืนขึ้นมา เธอแทบร้องกรีด คุณแม่ของเธอแขวนคอตนเองอยู่ที่คานของบ้าน เธอพยายามใช้หากรรไกรตัดเชือกที่แขวนคอคุณแม่ออก ตอนนั้นเธอไม่รู้ด้วยซ้ำการ CPR คืออะไร การช่วยคนแขวนคอที่ถูกต้องทำอย่างไร แต่ถึงรู้ ก็ไม่ทันอยู่ดี เพราะว่า คุณแม่สิ้นลมไปแล้ว...
เธอรีบโทรหาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
คืนนั้น เสียงของรถพยาบาลยังก้องหูเธออยู่ถึงตอนนี้...
เช้าวันถัดมาคุณพ่อกลับมาบ้าน แต่ไม่มีคนอยู่จึงโทรหาเธอ
ยูเอะพูดไปก็ร้องไห้ไป คุณพ่อเธอปลอบใจเธอ แล้วจัดงานศพให้คุณแม่
หลังงานศพ เธอเข้ามาในห้องของคุณแม่ แล้วค้นพบไดอารี่ที่เขียนบันทึกประจำวันของคุณแม่ เธอถึงได้รู้ว่า คุณพ่อแต่งงานกับคุณแม่เพราะฐานะของคุณแม่...
รู้ว่าคุณแม่เจ็บช้ำแค่ไหน รู้ว่าความรักที่ไม่สามารถเป็นที่หนึ่งในหัวใจ เป็นคนเดียวที่อยู่กับชีวิตคู่มันเป็นอย่างไร
แต่ที่เธอเสียใจยิ่งกว่า ก็คือ เธอไม่รู้ว่าคุณแม่เสียใจแค่ไหน แล้วเธอยังไปพยายามบังคับให้คุณแม่เลิกคิด พยายามให้คุณแม่มีความสุขอีก...เธอมันเลวจริงๆ
หน้าสุดท้ายของคุณแม่ เขียนว่า จงมีชีวิตต่อไป คล้ายคุณแม่รู้ว่า เธอจะต้องมาอ่านไดอารี่นี้...
ยูเอะสูดลมหายใจเข้าลึก เธอจะมีชีวิตต่อไป และจะไม่ผิดพลาดซ้ำรอยทางเดิม เธอจะไม่บังคับใคร นี่เป็นเหตุผลที่เธอเปลี่ยนจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัยดนตรี มาเรียนเป็นนักจิตวิทยา
อยู่ที่นี่ไป เธอก็ทำอะไรไม่ได้ เธอต้องกลับ...ต้องกลับไปให้ได้
ยูเอะพยายามนึกว่าช่องทางที่เธอทะลุมิติเข้ามาในยุคเฮอันด้วยเหตุอันนใด เธอจำได้ว่า เมื่อตอนเธอมา พระจันทร์บนพัดถูกเลือด
ยูเอะหยิบมีดมากรีดนิ้วด้วยความกลัวตอนแรกเธอจึงกรีดบางไป แต่เลือดกลับไม่ออก เธอจึงกรีดอีกแผลให้ลึกขึ้น เธอหยิบพัดขึ้นมาป้ายเลือดลงไป ยูเอะหลับตาแล้วรอปรากฎการณ์ที่จะได้ข้ามเวลากลับไปที่ ที่เธอจากมา
นับหนึ่งถึงร้อยก็แล้ว ถึงพันก็แล้ว รอจนแล้วจนรอดมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หรือว่า มันต้องเอาให้ชุ่มไปเลย แต่เลือดบนนิ้วเธอแห้งแล้ว
ยูเอะรู้สึกเหมือนเป็นคนเสียสติ แท้จริงแล้ว คนเรามีเซ้นต์ของการกลัวตายอยู่เดิม ดังนั้น คนที่ฆ่าตัวตายได้ เป็นคนที่ใจแข็งมาก เธอกัดฟันกรีดข้อมือตัวเอง แล้วนำเลือดทาบนพัดให้หมดแล้วรอ...แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่ดี...
อยู่ๆ น้ำตาเธอก็ไหล เธอไม่รู้ต้องทำอย่างไร เธอจะอยู่อย่างไรต่อไปในสถานการณ์ที่เชื่อใจใครไม่ได้อย่างนี้ดี...เธอจะเอาตัวรอดอย่างไรในแคว้นศัตรูได้เล่า...
ความคิดเห็น