ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิธีการเอาตัวรอดเมื่ออยู่ในดงศัตร

    ลำดับตอนที่ #5 : อดีตคู่หมั้น

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 64


                 เท็ตซึยะ ‘อนุญาต’ ให้เธอไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องมีองครักษ์หนึ่งคน โดยเขาให้เหตุผลว่า เดี๋ยวเธอจะเป็นอันตราย ยูเอะที่ได้ฟังก็เบ้ปาก ‘คำพูดสวยหรูเหลือเกิน ที่จริงก็จะแค่สะกดรอยตามทุกฝีก้าวมากกว่านะสิ’

                “ซาอิ แถวนี้มีขนมอะไรขายบ้าง” ยูเอะกล่าวกับซาอิ องครักษ์หนุ่ม

                “ยูเอะฮิเมะ ข้างหน้ามีโมจิเจ้าดังขอรับ” ซาอิพูดแล้วชี้มือไปทางร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง แล้วยูเอะก็เดินตามไป

                ระหว่างทางเธอก็มองข้างทางไปเรื่อย จนชนกับชายคนหนึ่ง

                “ขออภัย” เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมา เป็นคนที่เธอคุ้นเคย หน้าตาดูหยิ่งยโสโอหัง คล้ายไม่เห็นใครในสายตา แต่หล่อบาดใจ เป็นใครไม่ได้นอกจาก เบียคุยะ เอ้ย ทาคุมินั่นเอง

                “ท่านนั่นเอง อา... ยูเอะฮิเมะ” ทาคุมิเกือบหลุดปากว่า อาโออิฮิเมะออกไป ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคือ อาโออิฮิเมะ หญิงสาวที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเจ้าหญิง ความงามในดวงหน้าของเธอทำให้เขาซึ่งเคยเจอเพียงแค่แว่บเดียวตอนไปทำสัญญาเจรจาแลกเปลี่ยนบัลลังก์กับพระอนุชาของจักรพรรดิ์องค์ก่อน หรือก็คือเสด็จพ่อของเจ้าหญิงแต่ไม่เป็นผล ส่งผลให้นะระต้องจบลง เปลี่ยนเป็นยุคเฮอัน เช่นตอนนี้

                “ไม่ทราบว่าท่านจะกล้ามานั่งในร้านโมจิกับข้าได้หรือไม่ จะได้คอยจับตาดูข้าด้วยไง ไม่งั้นเดี๋ยวข้าไปวางแผนโค่นล้ม...จะทำยังไง” ด้วยความอยากคุยกับชายหนุ่ม ยูเอะจึงแกล้งเย้าแหย่เรื่องเธอเป็นเจ้าหญิงที่ต้องการจะยึดคืนตำแหน่งของเธอมา 

                เมื่อทาคุมิได้ยินเรื่องแผน ก็ขมวดคิ้วก่อนเอ่ย “รบกวนแล้ว”

                ยูเอะเหยียดยิ้มอย่างมีความสุขเดินไปร้านน้ำชา

     

                ห่างไปไม่ไกล มีชายขายของคนหนึ่ง แอบลอบมองท่านแม่ทัพกับยูเอะอยู่ห่างๆ 

                “นี่ ข้ารู้สึกแปลกๆ เหมือนมีคนจับตามองพวกข้าอยู่” ยูเอะยื่นหน้าไปกระซิบที่หูของแม่ทัพหนุ่ม

                “อย่าหันหลังไป มีคนจับตามองพวกเราอยู่” แม่ทัพหนุ่มแอบแปลกใจที่หญิงสาวรู้ตัว องค์หญิงไม่น่าจะฝึกวิชาอะไร ทำไมถึงจับได้ว่ามีคนจ้องมองอยู่

                ยูเอะที่คิดจะใช้แผนเรียกร้องความสนใจก็ได้ตกใจเข้าจริงๆ พยายามทำตัวให้เป็นปกติแล้วชิมขนมอย่างหวาดกลัว พอขนมเข้าปาก เธอก็นึกได้ว่า ทาคุมิเป็นนักดาบที่เก่งที่สุด ดังนั้น ใจเธอจึงลอยมาอยู่กับขนมข้างหน้าแทนเสียแล้ว

                บุรุษองอาจ กับหญิงสาวผู้งดงาม นั่งอยู่ด้วยกัน ดูงดงามราวภาพวาด คนในร้านรู้สึกอิจฉา ชื่นชม และ...หงุดหงิด

     

    ใช่ เท็ตซึยะกำลังหงุดหงิด เขากำลังอ่านรายงานแล้วมีองครักษ์มารายงานว่า ยูเอะออกข้างนอกมานั่งกับทาคุมิ เขาพยายามขอเธอแต่งงานแต่ดูเหมือนเธอจะไม่สนใจแม้แต่น้อย ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยขอใครแต่งงาน แต่สาวที่เขาขอแต่งงานมาหว่านสเน่ห์ให้ชายหนุ่มไปทั่วอีก เท็ตซึยะจึงเดินเข้าไปคว้ามือของโมจิที่ยูเอะกำลังจะหยิบเข้าปาก เอาเข้าปากตัวเอง

    “ชิ้นสุดท้าย... ชิ้นนั้นเป็นชิ้นสุดท้ายของร้าน แล้วท่านมาแย่งข้าไป   ” ยูเอะร้องขึ้นมา ต้องบอกก่อนว่า ขนมโมจิที่ร้านนี้มันอร่อยมาก แล้วเธอเป็นคนชอบกินขนมเป็นชีวิตจิตใจเรียกได้ว่า กินแทนข้าวได้เลยทีเดียว เธอจึงส่งค้อนใหญ่หนึ่งชุดให้ชายที่เอาโมจิชิ้นสุดท้ายเข้าปากไปกินหน้าตาเฉย 

    “ท่านไม่เคยชอบกินของหวาน เหตุใดวันนี้ถึงกินโมจิได้เล่า” ทาคุมิถามขึ้น 

    “พวกท่านมาพลอดรักกลางร้านอย่างนี้ ไม่น่าอายเหรอ” เท็ตซึยะพูดขึ้นมา

    “ข้ามากินโมจิ แล้วโมจิชิ้นสุดท้ายก็ถูกท่านแย่งไป ทำไม พวกข้าเหมือนเป็นสามีภรรยากันเหรอ” ยูเอะพูดจบก็มองทาคุมิ

    “แผนนี้ใช้ไม่ได้ผล ยูเอะฮิเมะ” พูดจบทาคุมิก็ถือดาบเดินออกไป

    “เฮ้อ...” ยูเอะยังมองโมจิในจานอยู่

    “ท่านสนใจทาคุมิหรอกหรือ” เท็ตซึยะถามแล้วจ้องมองเธอ

    “อื้อ เย็นชา โอยอยากกินชาเย็น” ยูเอะตอบแบบเพ้อๆ แล้วก็คิดถึงหน้าเบียคุยะ 

    “...” เท็ตซึยะเงียบไม่ตอบอะไร คล้ายเข้าใจและไม่เข้าใจในประโยคที่ยูเอะเอ่ย

     

    “ท่านทำไมถึงมาที่นี่ได้หล่ะ” หลังจากนิ่งเพ้อถึงเบียคุยะไปนาน ยูเอะจึงรู้สึกตัวว่าควรให้เกียรติผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเธอเสียหน่อย

    ’“ออกมาเดินเล่นนะ” ชายหนุ่มกล่าว

    ยูเอะกรอกตาพลางคิดในใจ  ‘เท็ตซึยะต้องมาดูว่าแผนที่ดำเนินการไว้แล้วถึงไหนแน่ๆ แต่ว่า แผนที่เท็ตซึยะวางไว้คืออะไรนะ...แล้วการแต่งงานกับองค์หญิงต่างเมืองมันทำให้บรรลุความคาดหวังของเท็ตซึยะอย่างไรกันแน่...” สมองคิดเรื่องหนึ่ง แต่ปากของยูเอะถามอีกเรื่องหนึ่ง “มีร้านขนมอื่นอีกหรือไม่” 

    “ยูเอะฮิเมะชอบทานของหวานมากสินะ เดี๋ยวข้าจะพาท่านไปอีกที่หนึ่ง” ชายหนุ่มจบก็ทำท่าจะจูงมือหญิงสาว แต่ก็รั้งมือกลับเมื่อเห็นยูเอะไม่แม้แต่จะมองมือของเขา

    เมื่อออกมาจากร้าน ยูเอะก็พบโยรุ เท็ตซึยะทำท่าจะอุ้มยูเอะขึ้นมา แต่ยูเอะกล่าวว่า “เดินเถอะ ขี่ม้าด้วยกันดูไม่เหมาะสมสักเท่าไร ข้าเปลี่ยนมาเป็นชุดหญิงสาวแล้ว” 

    เท็ตซึยะรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก อุ้มยูเอะขึ้นม้าอย่างรวดเร็วแล้วกล่าวว่า “ไม่เคยมีใครที่ขัดใจข้าได้” 

    ยูเอะได้แต่ด่าเท็ตซึยะในใจ หากเป็นนิยายแนวปัจจุบัน เท็ตซึยะคงได้รับฉายา CEO จอมเผด็จการเป็นแน่ 

     

    “นี่ท่านสอนให้ข้าเป็นนินจาได้หรือไม่” ยูเอะหันมาหาชายหนุ่มระหว่างนั่งอยู่บนม้าแล้วเพิ่งรู้ตัวว่า หน้าของชายหนุ่มอยุ่แค่คืบ ยังไม่ทันเบือนหน้ากลับ ชายหนุ่มที่ดูเหมือนอ่อนโยนมาตลอดก็จับคางเธอไว้ กล่าวว่า “ข้าจะสอนให้เอง” 

    ยูเอะรู้สึกเสียวสันหลังวูบ คิดว่า ข้อเสนอนี้ น่ากลัวเกินไป  “ท่านเป็นถึงบุตรชายคนโตของเครือฟูจิวาระ วันๆ ไม่ทำอะไรเหรอ” 

    “ท่านเป็นคนใกล้ชิดข้า ท่านบอกว่าจะช่วยข้าทำงาน ก็มาช่วยข้าอ่านเอกสารด้วยได้หรือไม่” เท็ตซึยะถาม

    “ขอถามจริงๆ ท่านมีแผนการอะไรกันแน่ ข้าที่เป็นหญิงธรรมดา แต่งงานกับท่านไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร หากเป็นเมื่อก่อนข้าก็เข้าใจในเรื่องแต่งงานการเมือง แต่นี่ดูเหมือนไม่มีเหตุผลจริงๆ ” ยูเอะถาม เธอไม่เข้าใจจริงๆ มันต้องมีอะไร เท่าที่สัมผัสมา ชายหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่คนใจดีอย่างที่แสดงออก แต่ร้ายเกินเธอรับมือไหว 

    สิ่งที่ทำอยู่...มีเหตุผลเบื้องหลังคืออันใดกันแน่

    เท็ตซึยะยิ้มจนเห็นลักยิ้มบุ๋มลงไป เอ่ยว่า “ถึงแล้ว” 

    ยูเอะกรอกตา เบ้ปาก วิธีการเลี่ยงการตอบคำถามของเท็ตซึยะเรียกได้ว่า มีทักษะสูงส่ง เธอคิดว่า คิดคาดคั้นไป เท็ตซึยะก็คงไม่ตอบอยู่ดี 

    แทนที่จะหาเรื่องใส่ตัว สู้ทำตัวเองให้สบายอีกสักหน่อย ใส่ใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าจะดีเสียกว่า

    จากยุคที่ยูเอะจากมา ปีหนึ่งแทบได้เที่ยวแค่ครั้งเดียว สิ่งที่เห็นมันงดงามเกินจะบรรยาย 

    ภูเขาสีเขียวชอุ่มเป็นแนวตั้งตัดขวางกับน้ำตาที่ไหลริน เหนือขึ้นเป็นไปเมฆหมอกที่คล้ายดินเดือนสรวงสวรรค์ มันเป็นภาพที่ไม่คิดว่าจะเห็นได้ในโลกปัจจุบัน ยูเอะเดินเข้าร้านอย่างช้าๆ ซึบซับบรรยากาศงดงามที่หาได้ยาก 

    พนักงานของร้านเดินเข้ามาพาไปนั่งริมน้ำที่เห็นวิวทิวทัศน์โดยรอบ ยูเอะสั่งขนมตามที่พนักงานของร้านแนะนำ 

    ผ่านไปไม่นาน ขนมก็มาถึงก็มีหลายแบบที่ดูประณีตแทบไม่พบในยุคปัจจุบัน 

    ชิ้นแรกที่มาเป็นวุ้นถั่วแดง ชื่อดูเรียบง่าย แต่หน้าตาของมันกลับอลังการงานสร้าง เธอคิดว่าวิธีการทำค่อนข้างยาก เพราะมันเป็นการผสมผสานกันระหว่างรสเปรี้ยวของเลมอน กับถั่วแดงกวนหวานๆ สลับชั้นกัน รสชาติก็ยังตัดกันอย่างลงตัวจนเธอลืมไปเลยว่ามีอีกคนนั่งอยู่ตรงข้ามเธอ

    ต่อมาเป็นขนมที่สลักลายดอกไม้ หรือในยุคปัจจุบันเรียกว่าโอฮากิ มันคือขนมที่จากข้าวเหนียวบดละเอียดผสมกับผลไม้หรือถั่วแดง หากพนักงานไม่บอก เธอเกือบคิดว่านี่คือดอกไม้จริงๆ 

    ตบท้านด้วยโมนากะ ที่เธอแทบหากินไม่ได้ในปัจจุบัน มันเป็นขนมญี่ปุ่นโบราณที่รสเหมือนเวเฟอร์กรอบๆ สอดไส้แปลกๆ มีทั้งผลไม้กวน และถั่วแดงกวน มันอร่อยจนเธอเคลิบเคลิ้ม 

    เธอได้แต่ขอบคุณสวรรค์ที่เธอได้ข้ามมิติ ทะลุเวลา หรืออะไรก็แล้วแต่ 

    เธอมั่นใจว่า หากนำขนมเหล่านี้ กลับไป ต้องโด่งดังอลังการอย่างแน่นอน 

    ขนมหมดแล้ว เธอได้แต่กระพริบตาแบบลูกหมาน้อยมองสปอนเซอร์ของเธอตรงหน้า เธอรู้สึกว่าเท็ตซึยะหล่อขึ้นทันตา มีคนเคยบอกว่า หากกินขนมอร่อย จะทำให้รู้สึกดี 

    ยูเอะรู้สึกว่า เท็ตซึยะตรงหน้าดูเป็นคนดีขึ้นนิดหนึ่ง...

    หากเท็ตซึยะรู้ความใจใจของยูเอะ คงหัวเราะ 

     

    “บังเอิญจัง นั่นเท็ตซึยะซามะนี่” อยู่ๆ ก็มีเสียงหญิงสาวดังขึ้นมา ยูเอะเงยหน้าขึ้นมามอง ช้อนของเธอแทบหลุด...

    หญิงสาวตรงหน้าเรียกได้ว่า งดงามล่มเมือง ใบหน้าเรียวรี ดวงตากลมโตดูน่ารักน่าสงสาร 

    ขนาดเธอเห็นอาโออิฮิเมะในคันฉ่องที่ว่าสวยแล้ว หญิงสาวผู้นี้นั้นกินขาด 

    เอวบาง ร่างน้อย เธอช่างบอบบางน่าทะนุถนอม หากเธอเป็นผู้ชาย หญิงสาวตรงหน้า เสร็จเธอแน่ๆ เธอจะประคองหญิงสาวคนนี้ไว้ในฝ่ามือ กักขังไว้ในบ้านไม่ให้ใครเห็นอย่างแน่นอน

     

    เมื่อซาโอะเห็นหญิงสาวตรงหน้า เธอก็มั่นใจว่า เธอชนะอย่างแน่นอน เธอจึงเดินเข้าไปนั่งที่ข้างๆ เท็ตซึยะ แล้วทำท่าจะเป็นลมจนเท็ตซึยะต้องประคอง 

    ยูเอะเบ้ปาก ‘ไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่ จะเป็นลมตั้งนานไม่เป็น มาเป็นลมตอนจะนั่งเนี่ย’ เรียกได้ว่า หากตัดการแกล้งเป็นลมออกไป นักแสดงหญิงคนนี้ สามารถเป็นหนึ่งในผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์เลยทีเดียว

     

    “ซาโอะฮิเมะ ท่านไม่ควรออกมาข้างนอก แดดร้อนอย่างนี้ ท่านจะเป็นลมเอาได้ง่ายๆ” ชายหนุ่มพูดอย่างเป็นกังวล 

    ยูเอะรู้สึกว่า เสียของเท็ตซึยะดูอ่อนโยนขึ้น...หรือเปล่านะ

    “เท็ตซึยะซามะ หากข้าไม่ออกมาข้างนอก คงไม่ได้เจอท่าน เอ๊ะ” ซาโอะฮิเมะพูดกับเท็ตซึยะ พลางมองมาที่ยูเอะ

    “ข้าเป็นข้ารับใช้คนใหม่นะ” ยูเอะไม่อยากสร้างศัตรูตรงนี้ ที่นี่ และเดี๋ยวนี้  ไม่ว่าทำการอะไร หากเธอไม่คิดชนะ เธอไม่แข่งอย่างแน่นอน

    “ออ หรอกหรือ” ซาโอะฮิเมะตอบ ‘หากเป็นแค่คนรับใช้ มานั่งโต๊ะเดียวกันได้อย่างไร’ เหมือนยูเอะรู้ความในใจจึงบอกไปว่า “ท่านเท็ตซึยะสงสารข้า เนื่องจากพี่น้องของข้าตายอยู่หลังหุบเขาโน่น ท่านจึงให้ข้าได้มีโอกาสมานั่งที่ตรงนี้” พูดจบยูเอะทำท่าจะร้องไห้ ‘แหม ฉันก็เคยแสดงละครโรงเรียนนะยะ’

    “ยูเอะฮิเมะ ท่านไม่ใช่ข้ารับใช้ของข้าอย่างแน่นอน” สายตาของเท็ตซึยะดูเป็นกังวล 

    ยูเอะมองไปข้างหลังหุบเขาก็คือปราสาทนะระที่ถูกเผาจริงๆ

     ทว่า ยูเอะเป็นใคร ถึงแม้ในยุคที่เธอจะจากมาไม่ได้สวยมาก แต่เธอไม่เคยต้องแย่งผู้ชาย และไม่คิดจะแย่ง เวลาโดนสายตาทิ่มแทงอย่างนี้ หรือเธอรู้สึกเหมือนตนเองเป็นฟองน้ำที่ถูกแทงจนพรุน...น่ากลัวจริงๆ 

    “จริงสิ ซาโอะฮิเมะ ท่านได้ทานยาหรือไม่” เท็ตซึยะถาม 

    ซาโอะมีท่าเอียงอายแล้วตอบกลับว่า “อะไรก็ตามที่ท่านให้ข้า ข้าจะไม่ใส่ใจได้อย่างไร”

    เท็ตซึยะตอบรับกล่าว แล้วซาโอะก็ชวนคุยเรื่องอื่น 

    ยูเอะมองแล้วก็ไม่เข้าใจ ทัง้ๆ ที่ซาโอะน่ากอดถึงขนาดนี้ แต่ทำไมเท็ตซึยะดูไม่มีทีท่าว่าจะชอบเลย เป็นฝ่ายหญิงซะอีก ที่ชวนคุยตลอดเวลา แล้วเธอก็แอบสงสัยตัวเองว่าจะมาฟัง หนุ่มสาวจีบกันทำไมจึงกล่าว “อ๊ะ ข้าต้องขอลาก่อน” 

    “จะไปไหนหรือ ข้าไปด้วย” เท็ตซึยะถาม

    “ช้าก่อน ท่านอยู่กับซาโอะฮิเมะเถอะ ขอลาซาโอะฮิเมะ” พูดจบยูเอะก็เรียกซาอิแล้วขี่ม้าขององครักษ์ไป 

    ***

     

    “ยูเอะฮิเมะ ท่านกำลังจะไปที่ใดหรือครับ” ซาอิถาม

    “ข้าบอกแล้วหรือไม่ เรียกเขาว่ายูเอะพอ ข้ากำลังจะกลับบ้านท่านนำทางด้วย” ยูเอะบอก แล้วซาอิก็ขึ้นมานำหน้ายูเอะ

    “ฟึ่บ” วัสดุสีเงินเกือบมากระทบที่ตาของม้าซาอิ ซาอิใช้ดาบปัดอย่างรวดเร็ว ในพริบตา ก็มีชายชุดดำล้อมซาอิและยูเอะเอาไว้

    “ยูเอะ ขอท่านรีบหนีไปก่อน” ซาอิพูดจบก็ฝ่าวงล้อมแล้วตบที่ก้นของม้ายูเอะ เพื่อให้ยูเอะได้นำไปก่อน

    ยูเอะแม้ไม่ใช่อัจฉริยะ แต่ก็รู้ว่า อะไรควร อะไรไม่ควร เธอรรีบหนีเพราะอยู่ไปก็เป็นตัวถ่วงซาอิเปล่าๆ “รักษาตัวด้วย” แล้วยูเอะก็รีบควบม้าหนี

     

    ยูเอะควบม้ามาสักระยะ แล้วจึงรู้สึกว่า ตนเองหลงทางเสียแล้ว

    บอกตรงๆ เธอจำไม่ได้ว่า ต้องปราสาทไปทางไหน

     แล้วอยู่ๆ ก็มีเสียงกีบม้าดังขึ้นมาตามหลัง เธอหันหลังกับไปดู ปรากฎว่าเป็นกลุ่มชายชุดดำไล่กวดมา เธอพยายามควบหนี แต่ดูเหมือนม้าที่อ่อนแรงของเธอ แล้วชายชุดดำคนหนึ่งก็มาตัดหน้าเธอ ส่งผลให้ม้าของเธอตกใจจนทำให้เธอล้มลง

    “gs@$#” เธอสบถคำหยาบออกมา พร้อมหุบขา ปกป้องศีรษะอย่างรวดเร็ว 

    ผ่านไปสักพัก ตอนแรกที่ยูเอะคิดว่า เจ็บแน่ๆ กลับรู้สึกอุ่นร้อน ยูเอะลืมตา ชายชุดดำคนนั้น ประคองเธอไว้ก่อนเอ่ย “อาโออิฮิเมะ กระหม่อม ต้องขอประทานอภัยที่ทำให้พระองค์ต้องเสียพระทัยพะยะค่ะ”

    ด้วยความที่เธอยังอึ้ง แล้วก็จำไม่ได้ว่าใครพูด เธอจึงกล่าวแค่ “อืม” 

    เธอเลือกที่เงียบ เพื่อรอดูต่อว่ามันจะเป็นอย่างไร

    “องค์หญิงเป็นอย่างไรบ้าง พะยะค่ะ เครือฟุจิวาระโดยเฉพาะเท็ตซึยะ มัน....ได้ทำอะไรองค์หญิงหรือไม่พะยะค่ะ” ชายชุดดำกล่าวแบบอ้ำๆ อึ้งๆ 

    ยูเอะไม่แน่ใจว่า หากบอกไปตามตรงจะเกิดอะไรหรือไม่ แล้วคนพวกนี้คือใคร เกี่ยวอะไรกับเธอหรือไม่ คนพวกนี้เป็นสายหรือไม่ เธอไม่รู้จริงๆ เธอจึงกล่าวเป็นตามเรื่องตามราวแบบหนังจีนกำลังภายในว่า “บังอาจ” แล้วทำท่าจะเดินออกไป

    “องค์หญิงโปรดพระทัยเย็น หม่อมฉันขอประทานอนุญาตจากองค์หญิงให้หม่อมฉันตบปากสัก 100 ครั้ง” ชายชุดดำนั่นยังไม่จบ

    “ไม่จำเป็น พวกเจ้ามีเรื่องอันใดกันแน่” ยูเอะถามขึ้นมา

    “องค์หญิงจำหม่อมฉันไม่ได้หรือพะยะค่ะ นั่นสิขอหม่อมฉันเผยให้องค์หญิงเห็นหน้าพะยะค่ะ” พูดจบชายชุดดำนั่นก็ปลดผ้าที่คลุมหน้ามา 

    จังหวะที่ยูเอะหันกลับไปเพื่อมองหน้า เธอก็พบว่า ชายหนุ่มตรงหน้า โคตรหล่อ 

    หากเท็ตซึยะหล่อแบบคุณชายอ่อนโยนเหมือนสายน้ำ

    เบียคุยะ เอ้ย ทาคุมิที่หล่อแบบหยิ่งๆ เก็กๆ 

    อีตานี่หล่อโฮก หล่อแบบเพลย์บอย ยูเอะถึงกลับคิดว่า ‘ไม่ต้องกลับไปยุคปัจจุบันล่ะ อยู่ยุคนี้เลยละกัน หากจะสามารถเข้าใกล้คนหล่อได้เยอะขนาดนี้’ 

    เมื่อเห็นยูเอะทำปากหวอ แววตาของชายหนุ่มตรงหน้าเป็นประกายก่อนหายไป

    “ข้ารอฟังท่านกล่าว” ยูเอะบอก เพราะเธอไม่รู้ว่า อีหล่อเพลย์บอยข้างหน้านี่คือใคร แล้วเขาต้องการอะไร เป็นไปได้ว่า 1. ทหารของนะระ 2. สายของทาคุมิ 3. อื่นๆ 

     “กระหม่อม แม้ว่าเคยเป็นถึงอัครเสนาบดีของนะระ แต่เพื่อลดการนองเลือดของไพร่พล กระหม่อมจึงจำเป็นต้องเข้ามาเป็นเสนาบดีของเฮอันพะยะค่ะ แต่กระหม่อมก็เฝ้าเพียรพยายามตามหาองค์หญิง แต่ไม่พบ จนเมื่อเช้า สายของกระหม่อมรายงานว่า พบเห็น คนหน้าเหมือนองค์หญิง กระหม่อมจึงมาดูด้วยตนเองพะยะค่ะ” เมื่อเห็นองค์หญิงเงียบอยู่นาน เคียวเฮจึงกล่าวว่า “องค์หญิง” 

    “ข้าควรพูดอะไรกับท่านหรือ” ยูเอะกล่าว แล้วเธอก็เห็นสายตาสับสนของหนุ่มหล่อตรงหน้า

    “พวกเจ้าไปให้ห่าง” เคียวเฮกล่าว

    เมื่อเห็นชายชุดดำออกไปไกล เคียวเฮจึงกล่าวอีกว่า “อาโออิโกรธเคียวเฮหรืออย่างไร ท่านน่าจะทราบว่าสถานการณ์ตอนนั้น ข้าทำอะไรไม่ได้” 

    ‘ออ หนุ่มหล่อนี่ชื่อเคียวเฮ’ แหมทำหน้าหมาหงอยด้วย และจะการเรียกแทนตัวเองและเรียกอาโออิเฉยๆ แสดงว่า ทั้งสองสนิทกันมาก “ท่านคิดว่า ข้าควรทำอย่างไรหล่ะ” ยูเอะกล่าว คือเธอก็ยังไม่เข้าใจว่าหนุ่มต้องหน้าต้องการจะให้เธอทำอะไร 

    “หากท่านประสงค์ที่ได้จะได้บัลลังก์คืน ด้วยความสามารถของข้า ข้าทำได้อย่างแน่นอน” เคียวเฮกล่าว

    “ท่านเพิ่งบอกข้าว่า ท่านยอมเป็นพวกเดียวกับศัตรู เพื่อที่จะลดการนองเลือด แล้วการที่จะไขว้ขว้าหาบัลลังก์อีกรอบจักได้ประโยชน์อะไร นี่ไม่ใช่การย้อนแย้งเองหรอกหรือ...” ยูเอะเริ่มงง ไม่เข้าใจว่า หมอนี่ต้องการสื่ออะไร คืออุตส่าห์ยอมเป็นฝ่ายของศัตรู แล้วยังจะแย่งชิงบัลลังก์เพื่อ...

    “ไม่ว่าท่านประสงค์สิ่งใด แม้ตายข้าก็ยอม” เคียวเฮกล่าวพร้อมกุมมือยูเอะ หรือที่เขาเข้าใจคือ อาโออิฮิเมะ

    “ท่านอย่ากล่าวเช่นนี้อีกเลย ชีวิตท่านมีค่ามากกว่าจะต้องมาตายแทนคนอื่น...เมื่อข้ากลายเป็นคนธรรมดาอย่างนี้ ท่านมาเป็นเสนาบดีเฮอันอย่างนี้ ก็ให้มันแล้วไปเถอะ แม้ว่า นะระจะล้มสลาย แต่เฮอันยังอยู่ ท่านก็ทำหน้าที่เสนาบดีให้ดีเทอญ ต่อไปนี้เรียกข้าว่า ยูเอะ อาโออิไม่มีอีกแล้วเคียวเฮ” ยูเอะกล่าวแล้วมองพระจันทร์ที่สว่างกว่าทุกวัน

    “ข้า... ข้าขอโทษ” เคียวเฮกล่าวแล้วกอดยูเอะ 

    หัวใจยูเอะแทบหยุดเต้น...’หากอยู่ต่อไปนานๆ เธอคงจะได้หัวใจวายตายแน่ๆ’ แล้วเธอก็นึกได้ว่า ซาอิ ต่อสู้แทนเธอ

    “ซาอิ...คนที่มากับข้า เป็นอะไรหรือไม่” ยูเอะถาม

    “ข้าแค่ทำให้เขาตามท่านมาไม่ทันเท่านั้น ข้ารู้ท่านไม่ชอบเห็นเลือด ข้าไม่ให้ใครตายหรือบาดเจ็บต่อหน้าท่านอย่างแน่นอน”

    “ขอบคุณมาก” ยูเอะกำลังจะขึ้นม้า

    “ข้าสามารถพบกันได้บ่อยๆ หรือไม่” เคียวเฮถาม

    “ได้สิ แล้วข้าจะเจอกันได้อย่างไร” ยูเอะถาม

    “ทุกวัน 6 วัน*ได้หรือไม่ ที่วัดเท็นงูดีหรือไม่ครั้งหน้า ท่านชอบสระน้ำและดอกบัว ข้าว่า...ท่านต้องชอบ” เคียวเฮกล่าว

    * สมัยโบราณญี่ปุ่นนับสัปดาห์ละ 6 วัน แล้ววนไปเรื่อยๆ จนครบปี

    “อืม เคียวเฮ มีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องถามท่าน ข้าจะไปปราสาทเฮอันได้อย่างไร ”ยูเอะถาม เคียวเฮจึงขี่ม้านำทางแล้วแยกกันก่อนถึงปราสาท

    ***

    เมื่อกลับมาถึงปราสาท เธอก็พบว่า มีทหารคนหนึ่งยืนรอเธออยู่

    “ยูเอะฮิเมะ ท่านบุตรชายคนโตของเครือฟูจิวาระ...กำลังสั่งให้คนตามหาท่านขอรับ” ทหารคนนั้นตอบ

    “สั่งให้ทั้งหมดหยุดหา ข้ามาถึงแล้ว ซาอิเป็นอย่างไรบ้าง” ยูเอะถาม

    “ซาอิไม่ได้เป็นอะไรมาก ตอนนี้รบกวนยูเอะฮิเมะพบท่านเท็ตซึยะก่อนขอรับ” ทหารคนนั้นตอบแล้วพาเธอมา ณ ที่เรือนของเท็ตซึยะ

    เธอยังก้าวไม่พ้นธรณีประตู ก็มีเสียงหนึ่งดังมา “ท่านเป็นอะไรหรือไม่” แล้วเท็ตซึยะก็มาประคองเธอ

    “ข้าหาเป็นอะไรไม่ ขอท่านบุตรชายคนโตของเครือฟูจิวาระอย่าได้เป็นกังวล” ยูเอะตอบ

    “ซาอิบอกว่า ท่านหนีกลุ่มชายชุดดำไป พวกมันตามจับท่านไม่ได้เลยหรือ” ทาคุมิกล่าว

    “ไม่ได้ ซาอิเป็นอย่างไรบ้าง” ยูเอะไม่ได้โกหก พวกนั้นไม่ได้ตามจับเธอ แต่มาคุยกับเธอ 

    “ซาอิหนีมาได้ บาดแผลไม่ถึงกับตาย ท่านหมอเพิ่งกลับไป” เท็ตซึยะกล่าว แล้วทำท่าครุ่นคิด

    “หากไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอไปพบซาอิ” ยูเอะทำท่าจะเดินออกไป

    “ช้าก่อน” ทาคุมิกล่าว แล้วไล่ให้ทุกคนออกไปยกเว้นเธอ เท็ตซึยะ กับทาคุมิ

    “ท่านคิดว่า มันไม่แปลกหน่อยหรือ การที่ซาอิยังสู้กลุ่มชายชุดดำไม่ได้ แต่หญิงสาวที่หัดขี่ม้าไม่กี่ครั้งกับหนีกลุ่มชายชุดดำได้” ทาคุมิถาม

    “ข้าเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดา อันนี้ต้องถามท่านแม่ทัพแล้ว” ยูเอะถามแล้วจ้องตาทาคุมิ ‘เอาสิ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’ เธอคิดว่าไม่เหมาะหากบอกออกไปว่าไปพบใคร ไม่เช่นนั้น เคียวเฮ ควรมาพบเธอ ไม่ใช่ปลอมตัวเป็นชายชุดดำ 

    “ท่านกำลังวางแผนอะไรอยู่หรือ” ทาคุมิถาม

    “แล้วท่านคิดว่าข้ากำลังวางแผนอะไรหรอกหรือ” ยูเอะถามตอบ การตอบคำถามด้วยคำถามเป็นสิ่งที่เธอถนัดที่สุด

    “ท่านกำลังจะวางแผนคืนบัลลังก์ใช่หรือไม่” ทาคุมิถาม

    “หึ ดูท่าวันๆ ท่านจะไม่ทำอะไร เอาแต่จับผิดข้าสินะ ข้าไม่ได้วางแผนแย่งชิงบัลลัลก์ใดๆ ทั้งนั้น 

    ทว่า ข้าคงไม่สามารถห้ามท่านคิดได้ ท่านอยากจะเชื่ออะไรก็แล้วแต่ท่านเถอะ” ยูเอะบอกแล้วเดินออกไป เหลือเพียงเท็ตซึยะกับทาคุมิที่ได้แต่จ้องหน้ากันแล้วไม่ได้พูดออะไร 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×