คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ฟุจิวาระ โนะ เท็ตซึยะ (เเก้ไข)
“อาโออิฮิเมะ ไม่นึกว่าจะเจอท่านที่นี่” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังมา
“ปล่อยนางให้กับข้าเดี๋ยวนี้ ทาคุมิ” เท็ตซึยะบอก
“เท็ตซึยะซามะ” ด้วยตอนแรกเท็ตซึยะรออยู่ริมประตู ทาคุมิจึงไม่เห็นชายหนุ่ม
‘อ่า...เท็ตซึยะคือ เร็นจิ’ ไม่ต้องรอให้ยูเอะคิดให้จบ เท็ตซึยะก็พูดว่า
“ข้าคือ บุตรชายคนโตของเครือฟูจิวาระ เท็ตซึยะ ทาคุมิปล่อยนางเดี๋ยวนี้ นางคือภรรยาของข้า” เท็ตซึยะบอก ทาคุมิ ทหารทุกคน รวมถึงเธอด้วย...
ยูเอะเหม่อมองท้องฟ้า แต่เธอรู้สึกสถานการณ์มันต่างออกไป เธอไม่รู้ว่าสาเหตุที่เท็ตซึยะต้องการคืออะไร หากต้องการแต่งงานกับเธอ เพื่อที่จะป้องกันการโจมตีจากตระกูลเก่านะระก็ใช่ รู้สึกผิดก็ใช่ หรือมีสาเหตุอย่างอื่นอีก
ยูเอะรู้สึกเหมือนเป็นตัวถ่วง เธอจึงบอกว่า “ข้าเข้าใจ ท่านสงสาร รู้สึกผิด เห็นใจข้า กับเรื่องนี้ แต่มันก็เป็นอย่างนี้หล่ะ ไม่มีใครถูกหรือผิดหรอกนะ ข้าไม่โกรธท่านเลย จริงๆ ท่านได้โปรดอย่าเอาความรู้สึกผิดที่แบกรับเอาไว้ มากดดันตัวเองให้รับผิดชอบสิ่งที่ท่านไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ ท่านไม่ได้รักข้า ท่านจะแต่งงานกับข้าทำไม ข้าไม่สามารถแต่งงานกับคนที่ข้าไม่รักได้หรอกนะ” ใช่ เขาแค่รู้สึกผิด รู้สึกต้องมารับผิดชอบ เท็ตซึยะไม่ตอบอันใด ยูเอะจึงเดินไปดูโยรุ
“นี่เป็นแผนของท่านใช่หรือไม่ องค์หญิงอาโออิ” ทาคุมิถามขึ้นมา
‘ทาคุมิ นายน่าจะไปถามบุตรชายคนโตของเครือฟูจิวาระนะ น่าจะเป็นแผนของเขามากกว่า’ แต่เธอบอกไปว่า
“ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ ข้าชื่อ ยูเอะ ไม่ใช่อาโออิฮิเมะ เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเถอะ ข้าได้บอกเท็ตซึยะแล้วว่า ข้าขอปฏิเสธการแต่งงาน ท่านวางใจได้” แล้วทำท่าจะเดินหนีไป ทาคุมิจับแขนเธอไว้
“หากท่านจะเกลียด ก็เกลียดข้าเถอะ อาโออิฮิเมะ ข้าเป็นแม่ทัพไปบุกนะระเอง” ทาคุมิกล่าว พร้อมก้มหน้าลง
ยูเอะกลอกตา 7 รอบ ‘เออ ตูรู้แล้ว แล้วตูก็บอกอยู่นี่ไงว่า ตูไม่สนแล้ว จะอะไรหนักหนาฟร่ะ Compassionate listening ได้ไหมมม’
“ปล่อย” ยูเอะเอ่ยเสียงเรียบ ทาคุมิก็ยังไม่ยอมปล่อย
“ข้าบอกให้ปล่อย” ยูเอะเอ่ยเสียงดังกว่าเดิมอีกรอบ แต่ทาคุมิก็ยังไม่ปล่อย
“ทาคุมิ ปล่อยมือออกจากภรรยาของข้า” พูดจบเท็ตซึยะก็เข้ามาแกะมือที่ทาคุมิกุมแขนยูเอะไว้
“ไม่เป็นไรใช่หรือไม่” เท็ตซึยะถามด้วยเสียงที่’เหมือน’ห่วงใย
“...” เลือดกำเดายูเอะแทบไหล ปกติเท็ตซึยะก็หล่อระดับเทพอยู่แล้ว มาทำหน้าห่วงใยทำเอาใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ ฉันคงจะได้ตายเพราะนายนี่หล่ะ เฮ้อ คนหล่อทำให้ตายได้จริงๆ แต่ท่าทางของเขาแปลกๆ เหมือนห่วยใยมากกว่าห่วงใยจริงๆ
“ท่านจะโดนหลอก” ทาคุมิเอ่ย เธอรู้สึกแปลกๆ ‘คนที่จะโดนหลอกน่าจะเป็นเธอมากกว่า...’ เมื่อยูเอะเงยหน้า
แสงอาทิตย์ยามบ่ายส่องมา กระทบใบหน้าของทาคุมิ
ยูเอะแทบหยุดหายใจ นี่มัน...
ลมโชยอ่อนๆ พัดผมสีดำสนิทสยายดั่งเส้นไหม ใบหน้าเรียวรี คิ้วเข้มดั่งขุนเขา ดวงตาหงส์ตวัดขึ้น จมูกตั้งตรง ริมฝีปากบากเฉียบ “เบีย...” ยูเอะออกเสียงโดยไม่รู้ตัว แล้วเลือดกำเดาก็พุ่งออกมา เธอแทบเอามือปิดเลือดไม่ทัน ‘กริ๊ดดดดดดด’ คนตรงหน้านี่มันเบียคุยะ*ชัดๆๆๆๆ (*จากการ์ตูนเรื่องเทพมรณะ ; Bleach)
ยูเอะคิดว่าจะเป็นลมตายเพราะพวกเขาสองคนนี่หล่ะ
“ยูเอะ/ อาโออิฮิเมะ” ชายหนุ่มทั้งสองคนพูดพร้อมกัน
“ข้าไม่เป็นไร อากาศร้อนเกินไปเท่านั้น...ใช่สิ เล่าเรื่องสหายของท่านที่ถูกพิษให้ข้าฟังหน่อย” ยูเอะเขินจะบ้า เธอทำอะไรไม่ถูก หัวนึกจำได้แค่ประโยค ที่ทาคุมิพูดทิ้งได้เอาไว้ แล้วทั้งสองก็เล่าเรื่องสหายที่ถูกพิษให้ฟัง
หลังจากยูเอะนิ่งอยู่นานจึงกล่าวว่า “เอาเป็นว่า หากท่านไม่เชื่อท่านหมอ ก็ลองดูสิ”
“มันจะดีหรอ ? ข้าว่า คงไม่มีใครเสียสติ ขนาดทำให้ตัวเองโดนพิษหรอกนะ” เท็ตซึยะกล่าว แล้วทำท่าครุ่นคิดแต่เพียงแค่แว่บเดียวสายตาที่แสดงออกมาดูหยิ่งจองหองสุดๆ แล้วหายเป็นอ่อนโยนอย่างรวดเร็ว
“ใครว่าโดนพิษจริงๆ เล่า...” ทาคุมิตอบ
“อาการนางคล้ายโดนพิษจริงๆ ข้าลองจับชีพจรแล้ว มันปั่นป่วนไปหมด เวลาเดิน ก็เหมือนไม่มีแรง ข้ายังเห็น...รอยปานดำดอกอาจิไซ* (*ดอกไฮเดรนเยีย) ที่แขนของนางด้วย ดูเหมือนนางรับฝ่ามือพิษนั่นแทนข้าจริงๆ ข้าอยู่ในเหตุการณ์” เท็ตซึยะกล่าว
เป็นอีกครั้งที่ยูเอะรู้สึกว่า เท็ตซึยะไม่ได้ดูเรียบง่ายเหมือนที่แสดงออก มีหลักฐานหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น ‘การเล่าเรื่อง’ เท็ตซึยะก็ใส่คำพูดเหมือนการสันนิษฐานเอาไว้...
ยูเอะรู้สึกว่า เท็ตซึยะเป็นคนที่ไม่ควรหาเรื่อง หรือเป็นศัตรูด้วยจริงๆ
“เป็นไปได้ไหม ว่ามีคนวางอุบายขึ้นมา...” ยูเอะพูดเร็วไปดีที่เธอไม่พูดต่อว่า ‘คนที่ฉันสงสัยก็เป็นเท็ตซึยะละ!!! ’ เธอเพิ่งฉุกคิดได้ว่า การตัดสินไปก่อนมันไม่ได้ให้ความยุติธรรมกับคู่กรณีเลย
“ท่านยังไม่รู้หรอกหรือ ว่านางรู้สึกอย่างไรกับท่าน” ทาคุมิตอบพร้อมถอนหายใจ
“เฮ้อ เรื่องความรัก เป็นคนนอกมักมองง่ายกว่าเสมอ เอาเป็นว่า ลองดูละกัน ในฐานะที่ข้าไม่มีอะไรทำ ข้าจะช่วยท่านเอง” ยูเอะกล่าวพลางขยับแว่นให้ดูเท่เหมือนโคนัน ‘เอาล่ะนะ นึกว่าจะหลุดมาในอดีตแล้วไม่มีอะไรทำแล้ว ลองมาเป็นนักสืบสวนหน่อยละกัน’ และหัวเราะอย่างเสียสติ
หลังจากผ่านไปหลายวัน ก็มาถึง เครือฟุจิวาระ ยูเอะมองไปรอบๆ ก็พบว่า ใหญ่โต โอ่อ่า แต่ไม่ได้หรูหราฉูดฉาด แต่เมื่อเดินเข้าข้างใน เธอพบว่าความคิดของเธอผิดเข้าอย่างจัง มีคลองที่ขุดไว้ตรงกลาง ข้างหน้าทางเข้า สวนดอกเบญจมาศรายล้อมหลายสี เธอรู้สึกเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่งที่มีเพียงกำแพงกั้นจากข้างนอก
“ท่านพี่” อยู่ก็มีเสียงใสหนึ่งดังขึ้นมา แล้วไม่กี่อึดใจ เธอก็พบร่างบางร่างหนึ่ง อายุ ราวๆ 15-20 ปี หน้าตาน่ารักน่ากอด อาใช่แล้ว เธอต้องเป็นอายูมิน้องสาวของเท็ตซึยะอย่างแน่ๆ
***
อายูมิวิ่งมาหาพี่ชายสุดที่รักของเธอ แต่แล้วสายตาก็หยุดลงที่ผู้ที่มากับพี่ชาย มองไกลๆ ดูเหมือนชายหนุ่มสูงโปร่งหน้าตางดงามคนหนึ่ง แต่เมื่อเธอมองใกล้ๆ เธอรู้สึกว่า ชายหนุ่มข้างหน้านี่เป็นหญิงสาวอย่างแน่นอน เธอรู้สึกชื่นชม เธอไม่เคยเห็นหญิงสาวที่สวยกว่า ดูสง่างามกว่าเธอ แล้วเธอก็รู้สึกหงุดหงิด ‘ไม่สิ ยังมียัยนางมารซาโอะอีกคน’ หญิงสาวที่ว่าตัวสูงโปร่งนั้นก็มองเธอเช่นกัน เธอจึงรีบเข้าไปกอดพี่ของเธอ แล้วกล่าวว่า “ท่านพี่ นี่ใคร”
เมื่อยูเอะเห็นสายตาที่จ้องจะเอาเรื่องของอายูมิ เธอก็รู้สึกว่า การอยู่บ้านชายหนุ่ม ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว ยังไม่ทันที่เธอจะคิดไปไกล ว่าเธอควรจะอยู่ในฐานะอะไร เท็ตซึยะ ก็พูดขึ้นมาว่า “นางจะเป็นภรรยาของข้า”
สิ้นเสียงของเท็ตซึยะ ยูเอะรู้สึกว่า บรรยากาศมันร้อนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเธอมองไปก็ยังไม่เห็นพระอาทิตย์จึงมองกลับมา พบว่ามีสายตาอาฆาตมองมา มุมนี้เป็นมุมที่เท็ตซึยะไม่เห็น เธออยากจะรู้จริงๆ ว่า หากเขาเห็นน้องสาวเขาทำท่าจะกินเลือดเธอ เขายังจะพูดว่า ‘อายูมิน่ารัก ว่าง่าย’ อย่างนั้น อย่างนี้อยู่หรือไม่ ยูเอะถอนหายใจ แล้วเบือนหน้าออกจากตรงนั้น
“ท่านพ่อเป็นห่วงพี่มากเลยรีบไปพบเถอะ” อายูมิฮิเมะกล่าวกับชายหนุ่ม
“ข้าได้สั่งให้คนจัดเตรียมที่พักให้ท่านแล้ว โนเอะ พายูเอะไปเรือนชมจันทร์” เท็ตซึยะกล่าวกับชายอายุกลางคน ที่ดูเหมือนจะพ่อบ้าน เหมือนยูเอะรู้งานรีบจ้ำอ้าวหลบหนีสายตาอาฆาตของหญิงสาวที่ดูเหมือนตุ๊กตามารไปอย่างรวดเร็ว
***
แม้ว่า เธอไม่ชินที่มีคนมาช่วยแต่งตัวให้ แต่เธอก็ใส่เสื้อผ้าหญิงสาวไม่เป็นเช่นกัน เธอจึงเรียนรู้การแต่งตัวก่อน เป็นครั้งแรกที่เธอได้มีโอกาสมองอาโออิฮิเมะอย่างเต็มตา ภาพที่ฉายออกมาจากคันฉ่อง* (*แผ่นทองแดงที่ขัดจนเรียบ) พบว่า หญิงสาวข้างหน้านั้น มีคิ้วเรียวยาว ตากลมโต ไม่ว่าจะเป็นจมูกหรือปาก ก็เข้ารับกันได้ดีกับดวงหน้าของเธอ แม้ว่ายูเอะจะไม่ได้ขี้เหร่ แต่คนในกระจกนี่ เรียกว่า สวยเว่อร์ หากเป็นหนังจีนก็คงต้องบอกว่า โฉมสะคราญที่งามหยาดฟ้า แม้ว่าไม่อาจเป็นหนึ่งในใต้หล้า แต่ต้องจัดอยู่อันดับต้นๆ เลยทีเดียว
ยูเอะหัวเราะ หึหึ ‘ถือว่าได้กำไรนะเนี่ย !!! ’
เธอไม่ต้องกลัวว่า ใครจะรู้จักอาโออิฮิเมะ เพราะหลังจากสอบถามทาคุมิแล้ว ตอนนี้เหลือแค่แม่ทัพคนสนิทของนะระ กับทาคุมิเท่านั้นที่เคยพบอาโออิฮิเมะ ทาคุมินั้นขอตัวกลับก่อน แม้สายตาที่เขามองมา ยังคงระแวงสงสัยเธอ แต่ตอนนี้ หลังจากการอยู่ด้วยกันหลายวัน จึงรู้สึกสนิทขึ้นมาก
ยูเอะเดินออกไปรับลม อยู่ๆ ก็มีเสียงใสๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นมา “อย่าคิดนะ ว่าจะเป็นใหญ่ในบ้านได้” ยูเอะไม่หันกลับไปดูก็รู้ว่าใคร เธอจึงทำเป็นไม่สนใจ
“นี่ ไม่ได้ฟังที่ข้าพูดหรอกหรือ” แล้วเสียงใสนั่น ก็มากระชากผมเธอ ยูเอะไม่เข้าใจว่า ทำไมหญิงสาวที่ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี ถึงมีกริยาอย่างนี้ เธอปัดมืออายูมิฮิเมะออกแล้วกล่าวว่า “ข้าว่า ท่านน่าจะได้รับการตามใจที่มากเกินไปกระมั้ง”
“แล้วอย่างไร เจ้าคงเป็นหญิงสาวข้างทาง ที่ไร้การศึกษา ไม่รู้จักมารยาทสินะ ท่านพี่ก็เห็นว่าเจ้าเป็นของเล่น เดี๋ยวก็เบื่อแล้วหล่ะ อย่ามาวางก้ามหน่อยเลย” อายูมิฮิเมะที่รู้สึกไม่พอใจตั้งแต่เห็นหน้าที่สวยกว่าตนเองกล่าว
“อย่างนั้นหรอกหรือ หากที่หญิงสาวที่แสดงกริยาอย่างท่าน นี่เรียกว่า ได้รับการอบรมมาดี ข้าก็ขอเป็นหญิงสาวข้างทาง ที่ไร้การศึกษาก็แล้วกัน” ยูเอะตอบอย่างช้าๆ แล้วจ้องมองอายูมิฮิเมะที่หน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ
“เจ้า !!!” แล้วอายูมิฮิเมะก็เงื้อฝ่ามือจะตบยูเอะ แต่ยูเอะก็ขว้ามือของหญิงสาวได้ทัน ยูเอะก็พูดขึ้นมาว่า “ท่านกลัวว่าข้าจะแย่งพี่ชายท่านไปหรอ ?”
“ท่านพี่เป็นของข้า ของข้าเพียงคนเดียว เจ้าเป็นใครมีสิทธิ์อะไรมาแย่งไป นางมารซาโอะก็คนนึงแล้ว เจ้ายังจะมาแย่งไปอีก” แล้วอายูมิฮิเมะก็น้ำตาไหล
ยูเอะก็เคยมีความรักมาบ้าง ก็เข้าใจว่า การได้รักใครสักคน ก็เป็นเรื่องดี แต่การรักใครจนมากไป แล้วไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง มันจะมีผลอย่างเดียว คือการทำร้ายตัวเอง เธอเข้าใจและเห็นใจ จึงพูดว่า “โอ๋ เด็กน้อยข้าไม่ได้คิดจะแย่งผุ้ชายกับเจ้าหรอกนะ”
อายุมิฮิเมะเหมือนหยุดร้องไห้นิดหนึ่ง ดวงตาของเธอดูสับสน แล้วอยู่ๆ ก็เหมือนมีความโกรธที่ดวงตานั้น เธอจึงกล่าวด้วยความหงุดหงิดว่า “โกหก แล้วเจ้าจะเป็นภรรยาของพี่ข้าได้อย่างไร หากไม่แย่งกับข้า”
“เฮ้อ...เด็กน้อย เอ๊ะอะก็ของข้าๆ เจ้าลองคิดดูให้ดี คนข้าเกิดมา ก็ตัวคนเดียว ตายก็ตายคนเดียว ของเจ้า ของข้าคืออะไรกันแน่” ยูเอะเกือบลืมไปว่า เธอควรคุยกับเท็ตซึยะก่อนเรื่องไม่แต่งงาน การปฏิเสธว่าจะไม่แต่งงานไม่ควรมาจากปากเธอ เธอจึงเปลี่ยนวิธีการสอนกับหญิงสาวตรงหน้า ซึ่งดูเหมือนว่า อายูมิฮิเมะจะไม่เข้าใจ แต่เรื่องอย่างนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องใช้เวลา
“สตรีวิปลาศ” อายูมิฮิเมะผลักยูเอะล้มลงและวิ่งออกไป ยูเอะไม่ทันตั้งตัวแล้วข้างหลังเธอเป็นหิน ‘เจ็บตัวแน่ๆ ‘ เธอจึงหดแขนแนบลำตัวแล้วลงข้างขวา เพราะเธอจำได้ว่าตอนฝึกลูกเสือ หากจะล้มต้องหันข้าง ผ่านไปนานเธอยังไม่รู้สึกเจ็บ เธอจึงลืมตาขึ้นมาพบว่า เท็ตซึยะที่ไม่รู้ผ่านมาเมื่อไรอุ้มเธออยู่
สายลมพัดผ่าน กลิ่นดอกไม้อบอวล แสงจันทร์สาดส่อง ดวงตาของเท็ตซึยะคล้ายดวงดาวที่ส่องสว่างใต้พื้นฟ้ายามราตรี
“ไม่เป็นไรกระมั้ง” เสียงเท็ตซึยะดังข้างหู
ยูเอะกระพริบตาก่อนเอ่ยว่า “ขอบคุณ” แล้วทำท่าจะยืนขึ้นเอง ชายหนุ่มก็ไม่รั้งเธอไว้ ช่วยเธอให้ยืนเอง
“ท่านมาตั้งแต่เมื่อไรหรือ” ยูเอะถาม
“สักครู่” เท็ตซึยะเอ่ยตอบ
ยูเอะกรอกตา ‘สักครู่แปลว่าเมื่อไรเล่า’ ยูเอะได้แต่ถามในใจแต่ไม่กล้าพูดออกไป
“ท่านไม่ควรบอกน้องสาวท่านว่า ข้าเป็นภรรยาของท่าน ข้าบอกท่านไปแล้วว่าข้าจะไม่แต่งงานกับท่าน” ยูเอะพูดขึ้นมา เนื่องจากเธอก็ชอบดูซีรีย์จีน ญี่ปุ่น เธอเห็นแล้วว่า ชีวิตในวัง น่าเศร้า ทรมานเพียงใด เธอก็ไม่ได้เก่งที่ต้องไปชิงไหวชิงพริบ ไม่รู้จะตายเมื่อไรในวัง แค่นี้ชีวิตเธอก็แย่พออยู่แล้ว หากต้องอยู่ในวังเป็นพระสนม หรือนางกำนัลอีกเธอคงบ้า’
“การเป็นภรรยาข้า…มันลำบากมากเลยเหรอ” ชายหนุ่มทำท่าน้อยใจ ก่อนกล่าวต่อ “ท่านมีแต่ได้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัย เงินทอง รวมถึงไม่ต้องโดนตามล่า”
เธอสังเกตได้ว่า ชายคนนี้ ‘โกหก...’
อารมณ์ สีหน้า ท่าทางที่แสดงออกมันมันคล้ายจงใจให้คู่สนทนาเห็น เหมือนต้องการให้เธอมั่นใจว่าเขารู้สึกอย่างนี้จริงๆ
ยูเอะลอบตระหนัก ’นายมีแผนอะไรกันแน่ เล่นตามน้ำไปก่อนละกัน’
“แม้ว่า ขอเสนอนี่จะเย้ายวนใจ แต่การเป็นภรรยาท่าน แล้วอยู่กับชายที่รู้สึกผิดเป็นอย่างเดียว แต่ไม่รักข้า ข้าทำไม่ได้ นั้นเอาเป็นว่า ข้าจะเป็นลูกน้องของท่าน แลกกับการกินอยู่ต่างๆ ดีหรือไม่” แล้วยูเอะก็ชูนิ้วก้อยมาเกี่ยวกับมือของชายหนุ่ม
“จะได้อย่างไร ท่านเป็นถึงองค์หญิง อาโออิฮิเมะ” ชายหนุ่มสะบัดนิ้วก้อยของยูเอะ
“หากท่านยังเรียกข้าอาโออิฮิเมะ ข้าจะไม่คุยกับท่าน เรียกข้าว่า ยูเอะ” ยูเอะก็ไม่รู้ว่าทำไม เธอรู้สึกหงุดหงิดเวลาชายหนุ่มเรียกเธอว่า อาโออิฮิเมะ ‘แน่ๆ เพราะความจำเรื่อง AV เข้ามาที่หัวแน่ๆ ’
“ยูเอะฮิเมะ ข้ารู้ว่าเรื่องการแต่งงานเป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจ ข้าจะให้เวลาท่าน” เท็ตซึยะกล่าว
‘ไม่ว่าเวลาไหน ก็ไม่เป็นว้อย’ ยูเอะได้แต่คิดในใจ แต่กล่าวไปว่า “น้องสาวท่านรักท่านมากเลยเนอะ”
“ใช่ อายูมิจะจัดการกับหญิงสาวทุกคนที่มาติดพันข้า ยกเว้นซาโอะที่อายูมิทำอะไรไม่ได้ เพราะซาโอะเป็นถึงลูกสาวของขุนนางฝ่ายขวา*” (*ขุนนางฝ่ายขวามืออำนาจมากในสมัยเฮอัน)
ยูเอะตาเป็นประกาย “นั้นภารกิจแรก ข้าจะช่วยแก้น้องสาวท่านเอง เล่าเรื่องน้องสาวของท่านมาอย่างละเอียด” ‘ตอนแรกที่คิดว่าจะได้ใช้วิชาที่ตัวเองเรียนมาก็คิดว่าเป็นเรื่องลมๆ แล้งๆ แต่ว่า คนสมัยไหนก็ต้องการนักจิตบำบัดหล่ะนะ’
เท็ตซึยะแทบปรับตัวไม่ทันกับท่าทีที่นิ่งสงบของยูเอะ แต่ก็เล่าเรื่องอายูมิให้ฟังโดยดี
***
ในห้องที่มีกลิ่นยาอบอวล มีหญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามนอนหลับตาอยู่ สาวใช้นางหนึ่งเดินเข้ามากระซิบข้างหูของหญิงสาวที่กำลังหลับตานั้น “คุณหนูเจ้าค่ะ เท็ตซึยะซามะนำผู้หญิงคนหนึงกลับมาด้วยค่ะ”
“ว่าอย่างไร นางเป็นใคร” หญิงสาวที่หน้าตาหมดจดงดงาม ขมวดคิ้ว ลืมตา พลางกล่าว
“ว่ากันว่า ท่านเท็ตซึยะบอกว่า นางจะเป็นภรรยาเจ้าค่ะ หน้าตางี้ก็สู้คุณหนูไม่ได้” สาวใช้ยังพูดต่อ
“เจ้าไปสืบมา ว่านางเป็นใคร” หญิงสาวหลับตาอีกครั้ง ก่อนโบกมือให้สาวใช้ออกไป
ความคิดเห็น