ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิธีการเอาตัวรอดเมื่ออยู่ในดงศัตร

    ลำดับตอนที่ #3 : ข้างามหรือไม่

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 64


    เม็ดฝนค่อยๆ ก็ตกลงมา ทำให้เร็นจิรีบควบม้าไปหลบฝนในวัดร้างแห่งหนึ่ง

    “ท่านรู้ได้อย่างไร ว่าต้องขึ้นเหนือถึงเจอเขา” อยู่ๆ ยูเอะก็ถามขึ้นมา

    “มีคนบอกข้ามา” เร็นจิตอบ

    “ท่านรู้แล้วหรือ ว่าหมอผู้นั้นอยู่ที่ใด และเขาหน้าตาอย่างไร” ยูเอะถามต่อ บางทีเธอก็ไม่เข้าใจคนสมัยก่อนนัก หากไม่รู้จักหน้าตา จะหากันเจอได้อย่างไร

    “เขาอยู่ที่ภูเขาลูกข้างหน้านี้ละ ว่ากันว่า ไม่เพียงแค่เขายังชำนาญการรักษาพิษทุกชนิด เขายังเป็นคนที่สามารถทำนายอนาคตได้ด้วย แต่ข้าก็ยังไม่เคยเห็นท่านหมอผู้นั้น” เร็นจิพูดแล้วเดินเข้าไปในวัด 

    “คืนนี้ นอนที่นี่เถอะ” เร็นจิสักการะพระพุทธรูป 

    บรรยากาศมันดูน่ากลัวอยู่บ้าง ทำให้ยูเอะนึกถึงฉากในหนังผีหลายๆ เรื่อง

    “เปรี้ยงงงงงง !!!!” เสียงฟ้าร้อง ดังสนั่นหวั่นไหว ยูเอะเป็นคนที่ตกใจง่ายอยู่แล้ว จึงกระโดดกอดชายหนุ่มตรงหน้าทันที “ว้ายยยยยย” เมื่อสังเกตว่า เสียงเงียบแล้ว ก็พบว่า ชายหนุ่มข้างหน้าตัวแข็งไป

    “เกิดอะไรขึ้น” พูดจบยูเอะก็มองไปข้างหน้า ก็พบเพียงพระพุทธรูป แล้วลมก็โชยเข้ามาทำเอาขนแขนเธอลุกพรึ้บพร้อมกัน แต่เร็นจิยังไม่ขยับยิ่งทำให้ยูเอะรู้สึกกลัวขึ้นไปอีก “ท่าน...กำลังทำให้ข้ากลัว...” เธอคงอ่านนิยายสยองขวัญมากไป เวลาเจอความมืด เสียงฟ้าร้อง ลมก็ทำให้ใจหวิว

    “เปรี้ยงง!!!” เสียงฟ้าร้องดังอีกรอบ ชายหนุ่มหันหน้ามาเพื่อจะบอกว่า “ไม่เป็นไร” ก็โดนยูเอะเข้าไปกอดอีกรอบ 

    ปกติยูเอะไม่ใช่คนกลัวผี แต่ดูเหมือนบรรยากาศมันพาไป ลมหยุดโกรก ฟ้าหยุดร้องตามมาด้วยเสียงของฝนที่ดังซ่าเข้ามา 

    เธอจึงถอนหายใจแล้วพบว่า ตัวเองกอดกับชายหนุ่มอยู่จึงผลักตัวเองออกจากอ้อมอกเขา แล้วมองหน้าชายหนุ่ม ตาของเร็นจิเหมือนมีมนต์สะกดให้ยูเอะได้แต่จ้องมองอย่างโง่งมอยู่อย่างนั้น

    “ข้ารู้ว่าข้าสวย” ยูเอะแกล้งเร็นจิ ชายหนุ่มได้แต่ถลึงตามอง แล้วถอนหายใจ เตรียมนอนลงบนพื้น ยูเอะเห็นดังนั้นรีบไหว้พระแล้วเข้าไปนอนข้างๆ 

    ด้วยเป็นคนที่ไม่เคยนอนกลางดิน กินกลางทราบมาก่อน ตอนแรกยูเอะที่คิดว่าไม่น่าจะนอนหลับ แต่ด้วยความเหนื่อยมาหลายวัน พอเธอนอนปุ๊บ เธอก็หลับปั๊ป

    ชายหนุ่มมองหญิงสาวข้างๆ ที่หลับไปอย่างง่ายดายด้วยสายตาที่ซับซ้อน

    ***

    “จิ๊บๆ” ยูเอะได้ยินเสียงนกร้อง จึงตื่นขึ้นมา เมื่อมองรอบๆ วัดดูพบว่า วัดนี้ เป็นวัดที่เคยสวยมากครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน 

    เธอจึงเดินชมให้ทั่ว ห่างออกไปไม่ไกล มีพระพุทธรูปหันหลัง โดยมองไปที่ผาฝนังที่พร้อมกล่าวออกเสียงว่า “การอยู่นั้นไม่มี และการไม่อยู่นั้นไม่มี” (There is no being and non being) 

    ‘แหม คุ้นๆ นะเนี่ย นึกถึงพระรูปหนึ่งที่เธอนับถือที่สอนเรื่องการเมตตากรุณาเลย’ เธอจึงหลุดยิ้มออกมา จนเธอเพิ่งรู้สึกตัว เธอมองซ้าย มองขวา พบว่า เร็นจิไม่อยู่แล้ว 

    ‘ไม่เป็นไร ถึงเขาทิ้งข้าตรงนี้ ก็อ่านไปเรื่อยๆ จนเที่ยงแล้วค่อยขึ้นไปก็ได้หนิ’ ว่าแล้วเธอก็อ่านที่ฝนังเขียนจนครบ เมื่อเดินวนออกไปข้างนอกก็พบว่า เร็นจิ พึ่งจูงโยรุมา พร้อมผลไม้ ด้วยความตะกละ เธอจึงวิ่งไปเอาผลไม้จากเร็นจิมา

    เมื่อเธอกินเสร็จ เธอก็นึกได้ว่า สมัยนี้ ควรจะต้องเรียนรู้เรื่องการป้องกันตัวไว้ หากเธอกลับไปได้ เธออาจเปิดสำนักนินจาต้นตำหรับจากยุคเฮอันก็เป็นได้ “ข้าอยากเป็นนินจา ต้องทำอย่างไรบ้าง” 

    ชายหนุ่มมองเธอก่อนกล่าวเสียงเรียบ “ท่านจะฝึกไปฆ่าคนเครือฟูจิวาระเหรอ” 

    ยูเอะก็หัวเราะออกมา “ข้าชื่อยูเอะ ไม่มีความแค้นกับฟูจิวาระ เป็นท่านซะเอง ที่วันก่อนหงุดหงิดจนอาจมีเรื่องกับคนที่ร้านนั่น” เมื่อเห็นชายหนุ่มเงียบไป เธอจึงถามต่อ “ท่านสอนได้ไหม” 

    “การจะเป็นนินจา ต้องฝึกตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่แค่ ใจเท่านั้น แต่มันต้องมาจากร่างกายด้วย มาฝึกตอนนี้คาดว่า คงไม่ทัน...” เมื่อเห็นหญิงสาวเงียบไป เขาจึงพูดต่อ “อย่างไรก็ดี ท่านก็ควรฝึกไว้ หากข้าแยกกันไป ท่านจะได้ป้องกันตัวเองได้” 

    “สอนเลย” ยูเอะกำลังรอประโยคนั้นพอดี จึงกล่าวออกไปทันควัน

    “ข้าสอนไม่ได้ แต่ข้ารู้จักคนสอน ไว้ข้าจะพาเจ้าไปรู้จัก...” เร็นจินิ่งไปพักหนึ่งก่อนเอ่ยอีกครา “ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าจะสอนท่านเอง” ชายหนุ่มตอบ แล้วชายหนุ่มก็ฝึกหญิงสาวอย่างแรกคือ ควบม้า 

    ยูเอะได้แต่แย้งในใจ การขี่ม้ามันเป็นทักษะนินจาตรงไหน แต่เธอก็ไม่บ่น ดีกว่าไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย

    “ไม่ใช่ ขึ้นอย่างนี้ต่างหาก” แล้วชายหนุ่มก็สาธิตการขี่ม้าให้หญิงสาวดูอีกครั้ง 

    “ไม่ใช่ ตีก้นม้าอย่างนี้ต่างหาก” แล้วชายหนุ่มก็สาธิตการลงแส้ที่ม้าให้หญิงสาวดูอีกครั้ง

    จนท้องร้อง ยูเอะก็ขี่ม้าได้สักที รอบนี้ยูเอะ เป็นคนจับบังเหียนของม้า แล้วชายหนุ่มซ้อน 

    “ข้างหน้านี่หล่ะ หมู่บ้านที่ท่านผู้นั้นอยู่” แล้วชายหนุ่มก็ชี้ไปที่หมู่บ้านนั้น แล้วทั้งสองก็ลงจากม้าแล้วจูงเดินเข้าไป แล้วถามคนในหมู่บ้านถึงหมอคนนั้น จนชาวบ้านพามาถึงประตูเรือนหลังหนึ่ง มีป้ายว่า

    “การฟังอย่างลึกซึ้ง” (Compassionate listening)  ยูเอะพูดออกมา 

    “มันคืออะไร” เร็นจิถาม

    ว่าแล้วนักจิตวิทยาการปรึกษาชั้นนำของญี่ปุ่นก็ให้ Psycho Education หรือการเทศน์ว่า “ปกติแล้วเวลาเราพูดกัน เราก็ไม่ได้ตั้งใจฟัง เพราะบางทีก็คิดไปเองหรือไปตีความว่าเพราะอย่างนั้น อย่างนี้ โดยไม่ได้ฟังสิ่งที่คนอีกคนกำลังพูด กำลังสื่อ หรือกำลังรู้สึกอยู่เลย 

    ดังนั้น การฟังอย่างลึกซึ้ง เป็นการให้เรามีสติ กลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะ อยู่กับที่นี่ เดี๋ยวนี้ อยู่กับคนที่พูดอยู่อย่างที่เขาเป็น โดยไม่มีการไปตัดสิน ว่าเขาเป็นอย่างไรตามที่เราคิด ไปอยู่กับความรู้สึกของเขา อารมณ์ของเขา” ยูเอะตอบ

    “แม่หนู พูดได้ดี อาจารย์เจ้าคือใครรึ” อยู่ๆ ก็มีเสียงไม่หนุ่ม ไม่แก่ดังมาจากข้างใน

    “อาจารย์ข้าไม่โด่งดังอะไร ขอท่านอย่าได้จำใส่ใจ” ยูเอะตอบ สายตาของเร็นจิที่มองมาดูลุ่มลึกยากที่จะบอกว่า เร็นจิ คิดอะไรอยู่

    “แม่หนู เข้ามาข้างในเถิด” เสียงในเรือนดังเข้ามา

    “ข้ามีประโยชน์นะ เห็นไหม” พุดจบยูเอะก็ยิ้มเดินเข้าข้างใน เธอเห็นชายคนหนึ่ง หน้าตาหล่อเหลาเอาการนั่งอยู่ มือหนึ่งถือถ้วยชา แล้วสายตามองมาทางเธอ

    “พวกเจ้าตามหาข้ารึ” ชายคนนั้นถามขึ้นมา ยูเอะหันมาทางเร็นจิ

    “สหายของข้าถูกพิษ ซึ่งต้องใช้โอสถที่ทำจากโสมพันปี และหนึ่งคนในนี้ คือท่าน ข้าต้องทำอย่างไร ถึงจะสามารถขอโอสถนั้นจากท่าน”  

    หลังจากเงียบอยู่นาน เร็นจิจึงพูดขึ้นมาว่า

    “ท่านหมอเทวดา มีวิธีใดบ้างหรือไม่ที่จะขอยาจากท่าน” 

    “ทุกสิ่ง ฟ้าล้วนกำหนดไว้ เท็ตซึยะซามะ สหายท่านหาได้ป่วยใดทางกายไม่ ท่านจงกลับไปดูที่ใจของเขาเสียจะดีกว่า” เร็นจิ ไม่สิ เท็ตซึยะนิ่งเงียบกับคำตอบนั้น 

    ยูเอะหลุบตาคิด ‘เท็ตซึยะ’ คุ้นๆ...แต่ว่า เป็นใครนะ 

    “นางไม่ได้สนใจกับสิ่งใดในโลกหล้า บุญคุณ ความแค้นกับนะระแล้ว ท่านชายโปรดวางใจได้” หมอดูคล้ายรู้ความคิดของเท็ตซึยะ จึงกล่าวขึ้นมา ยูเอะเงยหน้ายิ้มให้เท็ตซึยะพร้อมหยักไหล่เหมือนไม่สนใจ

    “...ท่านหมายความว่า นางแกล้งป่วยหรอกหรือ” หลังจากที่เท็ตซึยะ นิ่งเงียบอยู่นานจึงกล่าวขึ้น

    “ท่านได้ยินชัดอยู่แล้ว นางไม่ได้ป่วยทางกาย แต่ป่วยทางใจ” ชายผู้นั้นตอบ

     “ท่านลองตระหนักดูให้ดี ทาคุมิซามะว่าอย่างไร สถานการณ์นั้นเกิดอะไรขึ้น จริงๆ ท่านก็รู้อยู่แล้ว ไยต้องมาถามข้าด้วย” ชายผู้นั้นตอบ 

    “หากอย่างนั้น ท่านน่าจะรู้ดี การได้มาเจอหมออย่างท่าน ดูหรือเดา ข้าจะได้รู้ ”เท็ตซึยะกล่าว แล้วหุนหันพลันแล่นออกไป

     “หากท่านมีเวลา มาสนทนากันบ่อยๆ” ชายผู้นั้นตอบ

    “อาโออิฮิเมะ ไม่สิ ยูเอะ” พูดจบชายดังกล่าวผายมือมาทางยูเอะ โดยไม่รู้ตัว เธอเดินเข้าไปใกล้ เธอแน่ใจว่า เขาไม่ทำร้ายเธอแน่ๆ และดูเหมือนชายคนนั้น จะรู้ว่าเธอมาทำไม

    “ข้ามาที่นี่ทำไม ท่านทราบหรือไม่” ยูเอะถามต่อเมื่อชายคนดังกล่าวพูดจบ

    “ท่านจะรู้เอง หนทางข้างหน้าจะยากสักเพียงใด ท่านจะสามารถผ่านมันไปได้” ชายคนนั้นตอบ

    “ข้าหวังว่าจะเป็นเยี่ยงนั้น” ยูเอะตอบแล้วโค้งคำนับก่อนไป

                “วันเวลามิอาจหวนย้อนคืน ไม่แน่ว่า พัดนั่น ท่านอาจไม่จำเป็นต้องใช้แล้วก็เป็นได้” ชายคนนั้นกล่าว ยูเอะจะถามว่าทำไม หมอดูผู้นั้นก็หายไปแล้ว

    ***

    เมื่อออกมาข้างนอก เร็นจิ ไม่สิ เท็ตซึยะก็รออยู่

    “เร็น...”ยูเอะยังพูดไม่จบก็มีดาบมาจ่อคอเธอแล้ว

                

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×