ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิธีการเอาตัวรอดเมื่ออยู่ในดงศัตร

    ลำดับตอนที่ #2 : ชีวิตใหม่ที่เริ่มต้น (เเก้ไข)

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 64


    ณ ปราสาทเฮอัน

    “ท่านพ่อ จริงหรือที่ท่านพี่เท็ตซึยะหายตัวไป” ร่างบางตรงมาถามอย่างใจร้อน

    “คงเป็นตอนที่ข้ากำลังสะสางคดีฟุจิวาระกับ องค์ชายรัชทายาท ซะวะระ พระอนุชาของจักรพรรดิคัมมุละมั้ง...” ผู้นำเครือฟูจิวาระกล่าว

    “แต่ท่านพ่อส่งท่านพี่ไปหรอกหรือ” อายูมิฮิเมะกล่าว

    “เปล่า...” ฟุจิวาระ โนะ โมโตะทสิเนะ*กล่าว

    *ฟุจิวาระ โนะ โมโตะทสึเนะ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเซ็สโส (ผู้สำเร็จราชการที่จักรพรรดิยังไม่ทรงเจริญพระชนมพรรษาแล้ว)และต่อมา คัมปะกุ (ผู้สำเร็จราชการเมื่อจักรพรรดิทรงเจริญพระชนมพรรษาแล้ว) ซึ่งดำรงตำแหน่งขุนนางที่ทรงอิทธิพลที่สุด

    “ถ้าเช่นนั้น หมายความว่า ท่านพี่หนีจากการดูตัวอีกแล้วสินะ” อายูมิฮิเมะต่อ

    “...” มีแต่ความเงียบงันตอบกลับไป

    “ท่านพ่อไม่ห่วงท่านพี่หรอกหรือ หากมีใครรู้ว่าท่านพี่เป็นบุตรชายคนโตของเครือฟูจิวารจะเป็นเช่นไร...” อายูมิฮิเมะกล่าวต่อ

    “...” ยังคงมีแต่ความเงียบเช่นเดิม

    ***

    เช้าแล้ว ยูเอะรู้สึกถึงแสงอาทิตย์ที่เริ่มจะแรงจ้า จนเธอแสบตา กระเพราะเริ่มส่งเสียงเรียกร้อง ‘นี่เธอไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องเลยสินะ’ แล้วสมองก็เริ่มทำงาน เธอพยายามลืมตาขึ้นมองหาชายหนุ่มใจดีที่มากับเธอ เขากล้าดียังไง ให้เธอที่เป็นเจ้าหญิงมานอนกลางป่าแบบนี้...

    อยู่ๆ ก็มีผลไม้ที่เธอไม่รู้จักถูกวางข้างๆ เธอ สิ่งเดียวที่เธอสามารถพูดได้คือ “ขอบคุณ” พร้อมกำลังจะกัดเข้าไปที่ผลไม้นั้น 

    “ล้างหน้าล้างตาเสีย ที่ริมแม่น้ำ” ชายหนุ่มบอก ว่าแล้วเธอก็จัดการผลไม้ให้หมด แล้วไปล้างหน้า

    ‘คือ ปากจะไม่เหม็นหรอ ที่ไม่แปรงฟัน’ เธอยังคิดไม่ทันจบ ชายหนุ่มก็ส่งเกลือมาให้ 

    ‘อา สมัยก่อนใช้เกลือแทนยาสีฟันสินะ’ ว่าแล้วเธอก็ใช้มือเอาเกลือเข้าปากแล้วถู ‘เค็มชะมัด แต่ก็ดีกว่าพูดแบบเหม็นๆ ให้คนอื่นดมละกัน’ ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่กำลังถูอย่างขะมัดเขม้น แล้วเผลอยิ้มออกมา

    เมื่อยูเอะจัดการกับตัวเองเสร็จก็พบว่าผมเธอยาวมาก ยาวเกินไป นอกจากจะทำให้ร้อนแล้ว ยังทำให้หนักด้วย ก็เดินลงมานั่งข้างๆ ชายหนุ่ม แล้วเพิ่งนึกได้ว่า ยังไม่รู้จักชายหนุ่มเลย เธอจึงถาม “นาย...เอ่อ...นามของท่าน” 

    หยดน้ำยังอยู่ที่ใบหน้าหญิงสาว ชายหนุ่มไม่ตอบอันใด จนยูเอะถามอีกครั้ง ชายหนุ่มมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย ดวงตาหลุบต่ำ และไม่สบตาเธอ ก่อนกล่าวว่า “เรียกข้าว่า เร็นจิ” เร็นจิที่แปลว่า กลางคืนอะนะ ?

    ยูเอะ ทำงานเป็น Counsellor หรือ นักบำบัดทางจิต แม้เธอจะไม่ใช่จิตแพทย์แต่เธอก็พอรู้ว่า สีหน้า ท่าทางแบบไหนเรียกโกหก ยอมรับความจริง  รู้สึกผิด และสับสน ชายหนุ่มที่ให้เรียกว่า เร็นจิ มีอาการดังกล่าวมาหมด จากข้อสันนิษฐาน เธอมั่นใจว่าเขาโกหก แต่ด้วยสาเหตุอะไรเธอไม่รู้ ไม่ว่าอย่างไร เขาดูไม่น่าจะใช่คนที่ฆ่าเธอแน่ เธอจึงเลือกที่จะไม่เปิดโปงชายหนุ่มตรงหน้า

    เมื่อเห็นยูเอะเงียบไป ชายหนุ่มจึงถามเธอต่อ “ท่านคิดจะทำอย่างไรต่อ อาโออิฮิเมะ” 

    “ท่านคิดว่า การที่ต้องดิ้นรนหนีออกจากปราสาท คนรอบข้างตายหมดต้องทำอย่างไรหรือ... ข้าอาจจะเข้าไปที่ฟูจิวาระ ไปลอบสังหารทั้งเครือดีไหม หรือไปเป็นอัครมเหสี สังหารทั้งจักรพรรดิ์ รัชทายาท และเครือฟูจิวาระดีไหม” ยูเอะตอบพร้อมยิ้ม

    “ท่านหญิง ท่านดูไม่มีเรี่ยวแรงขนาดสังหารคนได้หรอก” ชายหนุ่มจ้องเธอนิ่งแล้วตอบ

    “ข้ากำลังคิดว่า จะไปฝึกเป็นนินจา เอ ดูน่าจะนานไป หรือใช้แผนหญิงงาม หลอกให้รักแล้วสังหารให้หมดดี...” ยูเอะมองชายหนุ่มต้องหน้าแล้วยิ้ม

    “แต่ข้าว่า วิธีที่ง่ายที่สุด น่าจะเป็นการฆ่าตัวตายนะ ท่านว่าไง” และก็มีเสียง “เช้ง” ยูเอะหยิบดาบที่อยู่ข้างๆ ชายหนุ่มขึ้นมาพาดกับคอตัวเอง

    ชายหนุ่มจ้องหญิงสาวอยู่นานก่อนเอ่ย “อาโออิฮิเมะ ชีวิตท่านได้ถูกข้าช่วยเอาไว้หนึ่งครั้ง แม้จะเป็นแค่การหนีที่ยังไม่สิ้นสุด แต่ข้าคือคนที่ช่วยชีวิตท่านออกจากป่าที่มีแต่ทหารฟูจิวาระ หากท่านจะตาย ต้องขออนุญาตข้าก่อน” พูดจบชายหนุ่มทำท่าจะจับดาบคืน แต่ยูเอะหัวเราะ แล้วตัดผมของเธอจนยาวเพียงแค่กลางหลังก่อนส่งดาบคืนให้ชายหนุ่ม

    “ข้าล้อเล่น ใครว่าข้าจะฆ่าตัวตายหล่ะ ผมข้าทั้งหนัก อากาศก็ร้อน ท่านวางใจเถอะ สิ่งที่ข้าจะไม่ทำในชีวิตคือการฆ่าตัวตาย ต่อไปนี้เรียกข้าว่า ยูเอะ ไม่มีอีกแล้ว อาโออิฮิเมะ” ยูเอะตอบ ‘แล้วเธอก็นึกไปถึง AV เรื่องดังเรื่องหนึ่ง ชื่ออย่างกับนางเอก ไม่เปลี่ยนก็บ้าหล่ะ !!!’

    ชายหนุ่มจ้องมองเธออีกครั้ง ตาของเขาหรี่ลงเหมือนคิดอะไรอยู่ แล้วจ้องมองเธออีกครั้งพร้อมยิ้ม 

    ในพริบตานั้น หัวใจของยูเอะแทบหยุดเต้น เธอรู้ตัวมาสักพักว่า ชายหนุ่มตรงหน้าเธอหน้าตาดี...ดีมากจนหากไปเป็นดาราก็ต้องเป็นระดับดาราจอเงิน

     ไม่ว่าจะเป็นผิวที่ขาว คิ้วที่เข้ม ตาเรียวหงส์ จมูกที่โด่ง บวกกับปากรูปกระจับสีชมพู ใครกันนะที่สร้างสรรค์บุรุษงามตรงหน้ามาได้ และเมื่อชายหนุ่มตรงหน้ายิ้ม แก้มของเขาก็จะมีรอยบุ๋มลงไป ยูเอะรู้สึกเก้อเขินหันหน้าไปอีกทาง แต่ก็ยังรู้สึกถึงใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตนเองได้

    นานกว่า ยูเอะได้สติอีกครั้งจึงถามออกไปว่า “ท่านกำลังจะไปไหนนะ” 

    “ข้ากำลังตามหาคนๆ นึงทางเหนือ” เร็นจิตอบ

    เมื่อเห็นท่าสงสัยของยูเอะ ชายหนุ่มจึงเสริมต่อว่า “ข้าจะเอายาถอนพิษ เพื่อช่วยสหายของข้าที่ถูกพิษเพราะข้า ซึ่งคนที่ข้ากำลังตามหาเท่านั้น ที่เป็นคนเก็บไว้” แล้วชายหนุ่มก็จมอยู่ในความคิดเองต่อไป

    “ข้าคิดว่าจะแยกกันตรงหมู่บ้านข้างหน้า เพราะทางที่ไปมีแต่อันตราย” หลังจากที่เงียบไปพักใหญ่ ชายหนุ่มก็พูดขึ้นมา

    แม้รู้ตัวว่า ถึงเอาเธอไป ก็เป็นภาระ แต่เธอก็ไม่รู้จะทำยังไง เอาเงินที่ไหนกิน ยูเอะกำลังคิด แล้วมองชายหนุ่มตรงหน้า “เมื่อกี้ ท่านพูดเองว่า ท่านเป็นคนอนุญาตให้ข้าตายหรือไม่ตาย ดังนั้น ข้าว่าจะเป็นการดีกว่า หากข้าไปกับท่าน และข้าก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้วด้วย” ยูเอะยิ้มแล้วลุกขึ้น ผมของเธอสลายต้องลม เมื่อยูเอะเห็นผมของเธอเกะกะ เธอจึงฉีดผ้าจากเสื้อของเธอแล้วมัดผมซะ 

    “ไปหรือยัง สหายท่านถูกพิษ หากชักช้าจะไม่ทันการ” ยูเอะเดินมาตรงม้า แล้วทำท่าจะลองขึ้นเอง แต่ดูเหมือนม้าที่เร็นจิเรียกว่า โยรุ นี่ไม่ยอมให้ขึ้นสักที จนเธอต้องจ้องตามันเขม็ง พร้อมลูบหัวมันอย่างรักใคร่ มันจึง เอาลิ้นมาเลียหน้าเธอ แล้วก็หัวเราะ ชายหนุ่มมองภาพตรงหน้าอย่างแปลกใจ ปกติ โยรุ ไม่ยอมดีกับใครง่ายๆ แต่ทำไมดีกับ อาโออิฮิเมะ ไม่สิ ยูเอะอย่างง่ายดาย...

    “ขอขึ้นไปหน่อย...” ไม่ทันที่ยูเอะจะพูดจบคำว่า ละนะ เร็นจิก็ยกตัวเธอขึ้นไปบนม้าแล้วกระโดดขึ้นตาม 

    ยูเอะถอนหายใจ ปกติเธอชอบทำอะไรด้วยตัวเอง โดนช่วยตลอดแบบนี้ เธอรู้สึกแย่ ‘คราวต่อไปต้องขึ้นและควบม้าให้เก่งให้ได้’ เธอบอกกับตัวเอง 

    ดูเหมือนอากาศเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ ยูเอะมองขึ้นไปพบว่า ดวงอาทิตย์อยู่กลางศีรีษะของเธอแล้ว แม้ว่าเธอจะหิว แต่เธอไม่กล้าแม้แต่จะพูดออกไป ดูเหมือนเร็นจิจะรู้ จึงกล่าวว่า “หาอะไรทานก่อนแล้วเดินทางต่อ”

    เมื่อได้ร้านนั่ง เธอปล่อยให้ชายหนุ่มสั่งอาหารให้ แล้วหูก็ได้ข่าวทั่วไป แต่มีเสียงหนึ่งที่อยู่ๆ ก็เข้าโสตมาว่า

    “นี่รู้เปล่า พวกท่านฟูจิวาระยึดครอบปราสาทนะระได้แล้ว” 

    “แล้วทุกคนในปราสาทตายหมดเลยเหรอ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา

    “ว่ากันว่า นางกำนัล พระชายา รวมถึงเจ้าหญิงถูกข่มขืนแล้วฆ่าทิ้งเรียบร้อยแล้ว” อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา

    “นี่ๆ อาโออิฮิเมะที่สวยหยาดฟ้านั่นด้วยเหรอ ที่โดน...และฆ่านะ” อีกเสียงหนึ่งแว่วมา เร็นจิสังเกตท่าทางของหญิงสาวที่มากับตน ที่ทำเป็นก้มหน้าทำหน้าแหยเก แล้วเคี้ยวอย่างเงียบเชียบ มือที่จับถ้วยข้าวของเธอบีบถ้วยอย่างแรง อีกมือที่จับตะเกียงก็กำไว้จนมีรอยแดงออกมา

    “ทำไมเจ้าพวกฟูจิวาระถึงไม่ถนอมเจ้าหญิงผู้บอบบางนั่นเลยหล่ะ หากเป็นข้านะจะถนอมเป็นอย่างดีเลยหล่ะ แล้วมาแบ่งให้พวกเจ้าด้วย 555+” แล้วก็มีแต่เสียงหัวเราะกัน

    “ตึ่งงงง” เร็นจิวางแก้วอย่างดังจนทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว 

    ยูเอะจึงรู้สึกตัวว่า อาโออิฮิเมะที่ว่า คือเธอหนี่หว่า...แต่พวกนี้ก็ไม่ไหว เอามาพูดอย่างนี้ ไม่ว่าเป็นหญิงสาวที่ไหนก็เสียหาย เมื่อมองที่หน้าเร็นจิ ก็พบว่า เขาพยายามกำแก้วจนมันจะแตกอยู่แล้ว 

    ด้วยความกังวลว่าอีกไม่นานข้างหน้า คงจะเกิดเรื่องเป็นแน่ ยูเอะจึงกล่าวออกไปว่า “ท่านพี่ข้าบอกกี่คราแล้ว จับถ้วยอย่างนี้” เธอจับมือเร็นจิกับแก้วใหม่ และมองไปหาทุกคนพร้อมเกาหัวว่าว่า “ต้องขอโทษพวกท่านด้วย พี่ชายข้ามือไม้ไม่ค่อยดีนัก” แล้วบรรยากาศตรงนั้น ก็กลับมาสู่ความครื้นเคร้งอีกครั้งแต่เปลี่ยนหัวข้อคุยใหม่

    เร็นจิวางเงินไว้แล้วเดินออกไป

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×