ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิธีการเอาตัวรอดเมื่ออยู่ในดงศัตร

    ลำดับตอนที่ #17 : โจรป่า !!! (เพิ่มคำอธิบาย)

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 64


    ท่ามกลางการประชุมของเหล่าบรรดาขุนศึก บรรยากาศเป็นอย่างเช่นที่มันสมควรจะเป็น ตึงเครียด อึดอัด หัวข้อเป็นดังที่ทุกคนคุ้นเคย เพียงแต่ในคราวนี้บนใบหน้าของทุกบุรุษกับเต็มไปด้วยริ้วรอย  ไม่ว่าจะด้วยความร้อนที่เกิดจากแสงแดดยามสายหรือ ชุดที่หนักชวนให้หายใจไม่ออกอย่าง หรือจากหัวข้อการสนทนาในครั้งนี้ก็ตาม

                “โจรป่า?” 

                ใช้แล้วหัวข้อการประชุมครั้งนี้เกียวกับการกำจัดโจรป่าทางเหนือ

                “...พวกมันจะเที่ยวออกปล้มสะดมหมูบ้านรอบ ๆ ภูเขาทสึคุบะ ทุกแห่ง ดักตามถนนทุกสาย อันที่จริงข้าเพิ่งได้ข่าวมาว่าพวกมันเพิ่งดักปล้นเหล่าพ่อค้าที่มาจากทางเหนือด้วย ซึ่งน่าแปลกมากเพราะพวกมันไม่ค่อยทำแบบนั้น ไม่ค่อยหาเรื่องใส่ตัวขนาดนี้”

                ทั้งหมดเป็นเพียงบทสนทนาของพลทหารที่เพิ่งมาผลัดเวรเฝ้าซุ้มกระโจม

                แต่ภายในห้องโถงที่อบอวลไปด้วยความร้อนและบรรยายกาศแห่งความกดดัน มีบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าวด้วยเสียงอันหนักเข้ม “เราจะรออันใดกันอยู่ ก็รู้ว่าพวกโจรนั้นมันอยู่หนใดกันแล้ว เหตุใดไม่ส่งทหารเข้าไปกำจัดพวกมันสะเลยสิ หรือพวกท่านทุกคนรวนกลายเป็นสุนัขแก่ๆ ไม่ใช่พยัคฆ์กันแล้วฮ่ะ!!!”

                “ระวังคำพูดของท่านบ้างนะ ท่านยาสุดะ”

                “ข้าพูดความจริงมีอันใดให้ต้องระวัง ถ้าขี้ขาดตาขาวนักก็ถอดเกราะเอาไว้ตั้งไว้ที่บ้านเจ้าไป๊!!!”

                “เจ้า!!! ระวังไว้ให้ดีเถอะรอยแผลครั้งต่อไปอาจจะมาจากดาบของข้าก็ได้”

                “ดี!!! ดาบข้าก็อยากรู้ว่าเลือดของเจ้าจะคู่ควรกับคมของมันไหม”

                “หากพวกท่านจะประลองกัน ขอให้เรื่องปราบโจรป่านี้สำเร็จก่อนดีหรือไม่” เสียงเท็ตซึยะดังกังวานไปทั่วทั้งห้อง

                ‘เอาแล้วไง เหมือนถามแต่บอกว่า หุบปาก’ ยูเอะซึ่งอยู่ในชุดของชายผู้สูงศักดิ์นั่งข้างๆ ทาคุมิ

                ชายทั้ง 2 กลับสงบลงและสีหน้าก็กลับมาแสดงถึงความรู้สึกผิดแทนความคุกกรุ่นจากการปะทะฝีปาก

                

    บรรยากาศในห้องโถงเริ่มสงบได้ไม่ได้ ก็พร้อมที่จะเผชิญกับความตึงเครียดครั้งใหม่ที่มาพร้อมกับผู้ส่งสารที่รีบร้อนวิ่งเข้ามาแจ้งข่าวด้วยเสียงหายใจที่หอบและถี่ระรัว

                “มีรายงานมา...ครับท่าน” ผู้นำสารรีบร้อนแจ้งแก่ที่ประชุมด้วยเสียงที่แทบจะเป็นลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเขา

                “แจ้งมา” เท็ตซึยะกล่าว

                หลังจากผู้นำสารหายใจเข้าเฮือกใหญ่ เขาจึงเริ่มกล่าว “รายงานจากช่ายป่าทางเหนือครับท่าน พวกโจรเคลื่อนไหวอีกแล้วครับท่าน แต่ครั้งนี้พวกมันบุกเข้าโรงเก็บข้าวของทางการครับ”

                “จากรายงานที่แจ้งมาพบว่าพวกโจรป่ามีจำนวนมากเป็นหลักพันขอรับ”

                “พวกมันมาจากไหนกันมากมายขนาดนั้น” เสียงหนึ่งกล่าวกลางที่ประชุม

                “ว่าต่อสิ” เท็ตซึยะกล่าวด้วยใจจดจ่อรอฟังคำจากผู้นำสาร

                “หลังการบุกปล้นสะดมเสร็จ ได้มีการส่งหน่วยสอดแนม ไปลาดตระเวนติดตามพวกโจรป่าไปจนตอนพอจะทราบที่ตั้งค่ายของพวกมันแล้วครับ ค่ายพวกมันอยู่บนภูเขากลางป่าครับท่าน”

                “ดี ในที่สุดก็รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดเสียที จัดทัพแล้วบุกไปปราบพวกมันให้สิ้นซากเลยดีกว่า” ยาสุดะกล่าว

                “จริงของท่าน รีบสังการจัดเตรียมกองทัพให้พร้อมเดินทางในทันที่ เราจะต้องถึงก่อนตะวันจะอยู่กลางศีรษะในวันพรุ่งนี้” เท็ตซึยะออกคำสั่งอย่างฉับพลัน

                “ข้าจะมอบหน้าที่กองหน้าและหน่วยสำรวจให้กับท่านอาซุมะ อย่าทำการบุ่มบ่ามแล้วถ้าเป็นไปได้อย่าให้พวกมันรับรู้การมาถึงของพวกเรา รีบสำรวจพื้นที่โดยรอบและหาจุดตั้งค่ายทันที่ที่ไปถึง” คำสั่งจากเท็ตซึยะตามมาอย่างไม่ขาดสาย

                “กองยุทธปัจจัยให้เตรียมเชื้อเพลิงไปให้มากพอ...” เท็ตซึยะกล่าวแล้วหยุดคิดกล่าวครัน

                “ให้มากพอสำหรับอันใดหรือขอรับ?” นายทหารผู้รับผิดชอบกล่าวถาม

                “ให้พอที่จะเปลี่ยนป่าและภูเขากลายเป็นขุมนรก” เท็ตซึยะกล่าวด้วยแววแต่ที่ลุกโชนดังเปลวเพลิง และรอยยิ้มเฉกเช่นดวงตะวัน

                “รับคำสั่ง!” นายทหารผู้รับผิดชอบยุทธปัจจัยขานรับในทันใด

                ยูเอะมองบุรุษต้องหน้า แล้วรู้สึกขนลุกฉับพลัน...

                

    ยามค่ำคืนอันเงียบสงบ เสียงเดียวที่ได้ยินเป็นเพียงเสียงของฝีเท้าที่ย่ำพร้อมๆกันบนเส้นทางหลักที่จะใช้ไปทางเหนือท่ามกลางท้องฟ้าที่เป็นไปด้วยดวงดาวที่เริ่มจะจากหายไปจากท้องฟ้าเป็นสัญญาณของการมาถึงของดวงตะวัน

                เสียงพลทหารคนหนึ่งกล่าว “เหตุใดครั้งนี้พวกโจรถึงได้เยอะนักนะ?”

                “นั่นสินะ ปกติพวกมันไม่เคยอยู่รวมกันได้มากมายขนาดนี้” พลทหารอีกคนนึงกล่าวตอบ

                “แต่ก็ดีแล้วที่ ทำให้ครั้งนี้ข้ารู้ที่ตั้งพวกมันชัดเจนดี เจ้าไม่สังเกตหรอ?” นายทหารคนเดิมกล่าวต่อ

                “จริงของเจ้า ถ้าครั้งนี้กวาดล้างพวกมันได้หมดก็ข้าก็คงจะเบาใจได้ เพราะบ้านพ่อแม่ข้าก็อยู่ในบริเวณเขตที่พวกโจรป่ามันชอบปล้นเสียด้วย”

                สิ้นเสียงเจรจาของพลทหารได้ไม่นานเสียงฝีเท้าก็หยุดลง พร้อมกับเสียงใหม่ที่ดังขึ้น “เอาหละ ตั้งค่ายกันตรงนี้”

                ตัวของค่ายนั้นตั้งอยู่ทางตะวันตกเชียงใต้ของหุบเขาและเมื่อสิ้นเสียงตอกหมุดครั้งสุดท้ายเหล่าบรรดานายทหารและที่ปรึกษาทั้งหลายเริ่มเข้าไปยังแดนประชุมศึกซึ่งอยู่นะตำแหน่งตรงกลางของค่ายพอดี

                “จากรายงานของท่านอาซุมะ ข้าพอจะเห็นภาพของชัยภูมิโดยรอบทั้งหมดของป่าแล้วก็ภูเขาแล้วไม่น่าจะมีอันใดที่เล็ดรอดสายตาพวกเราไปได้ ข้าว่าข้ามาคุยกันดีกว่าว่าผู้ใดจะได้รับเกียรติในการเป็นผู้เข้าไปเด็ดหัวพวกโจรพวกนั้น”

                “ท่านอย่าใจร้อนนัก ที่เท็ตซึยะซามะตัดสินใจรีบนำทัพเดินทางมาตลอดทั้งคืนนี้ ก็เร่งทำการและเสี่ยงมากพออยู่แล้ว” ทาคุมิกล่าวขึ้นมา เกรงว่า เท็ตซึยะจะหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมกับความคิดน้อยของผู้อาวุโสคนหนึ่ง       

    “ขออภัย เพียงแต่เลือดในกายของข้ามันร้อนรนและดาบของข้าก็พร้อมสำหรับเครื่องสังเวยเต็มทีแล้ว” ยาสุดะผู้ใจร้อนกล่าวตอบ

                “ข้าเข้าใจท่านดี เพียงแต่เวลาของข้า คือยามราตรี ที่ซึ่งทุกอย่างรอบ ๆ จะเปลี่ยนไป ที่ซึ่งเป็นเวลาของพวกเรา”  เท็ตซึยะกล่าวพร้อมรอยยิ้มเฉกเช่นเดียวกับเมื่อตอนที่เข้าสังให้นายทหารจัดเตรียมเชื้อเพลิง

                “แบ่งกำลังออกเป็น 6 ส่วน ข้าต้องการให้ท่านไคเซ็น นำกำลัง 1 กองอ้อมไปทางทิศเหนือ ท่านนาริฮิระนำกำลังอีก 1 กอง อ้อมไปทางทิศตะวันตก พวกท่านทั้ง 2 จะได้ไพรพลเพียงคนละ 500...”

                ไม่ทันที่เท็ตซึยะจะกล่าวจบก็เกิดเสียงขัดค้านขึ้น “500!!! ท่านจงใจส่งพวกข้าทั้ง 2 ตายอย่างนั้นหรอ!?”

                ยิ้ม เท็ตซึยะ ยิ้มแบบที่แก้มบุ๋มเข้าไป ซึ่งซาอิบอกว่าเธอ อันตราย !!! ยูเอะไม่เข้าใจ แก่ปูนนี้ละ จะใจร้อนอะไรหนักหนา ‘จะเป็นไปได้ไหม ที่พวกท่านจะฟังหนุ่มโหดคนนี้ให้จบก่อน!!!’

                เมื่อเห็นเท็ตซึยะยิ้ม บุรุษทั้งสองก็เปลี่ยนท่าทีและเงียบสงบลงในทันใด

                “500 จะมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ สำหรับงานนี้ เพราะข้าไม่ต้องการให้พวกมันพบเจอท่านทั้งสอง” เท็ตซึยะใช้น้ำเสียงที่นุ่มกล่าว

                “ข้าต้องการให้พวกท่านนำเชื้อเพลิงที่ตระเตรียมมาทั้งหมดไปทำการราดตลอดแนวชายป่าและสำหรับทหาร 500 คน นั้นก็เพื่อหลักประกันในความปลอดภัยของตัวพวกท่าน” เท็ตซึยะขยายความต่อ

                “ขออภัย” บุรุษทั้ง 2 กล่าวขึ้นพร้อมกัน

                “แล้ว 4 กองที่เหลือท่านจะจัดวางกำลังยังไง” ทาคุมิกล่าวถาม 

                “ใช่แล้ว ข้าอดใจรอไม่ไหวแล้วนะ” ยาสุดะ กล่าวเสริม

                “ดักเชือด!” เท็ตซึยะกล่าวด้วยเสียงที่เย็นชา

                นิ้วอันเรียวยาวดุจเชิงเทียนของเท็ตซึยะชี้ไปที่ราบข้างล่างภูเขาไฟ “พวกมันจะต้องหนีมากทางนี้ ตามเส้นทางของแม่น้ำมา กองทัพทั้ง 3 กองจะกระจายตัวอยู่ตลอดแนวชายป่า ขอของยกหน้าที่ปลิดชีพพวกมันให้ท่าน ท่านยาสุดะ”

                “ส่วนกองสุดท้ายจะเป็นบรรดาม้าเร็วมีหน้าที่รับผิดชอบในการรุกไล่และกำจัดพวกที่เล็ดรอดมาได้ ทาคุมิ เจ้ารับหน้าที่นี้ไป”

                “เมื่อราตรีมาถึง ทางทิศเหนือและตะวันออกจะเริ่มจุดไฟจงให้แน่ใจว่าจะไม่มีช่วงที่ไฟนั้นว่างเว้นถ้ามีพวกมันหลุดรอด ให้รีบกำจัดทันที ที่เหลือให้ดำเนินการตามที่ได้ตกลงไว้”

                “รับคำสั่ง!!!” เสียงของเหล่าบรรดานายทหารทั้งหมดดังขึ้นพร้อมกัน

                

                เมื่อเสร็จประชุม ทุกคนก็เดินออกไป เหลือเพียงยูเอะ เท็ตซึยะ และทาคุมิ

                “เหตุใดโจรป่า ถึงเปิดเผยสถานที่ซ่อนตัวง่ายดายนัก” ยูเอะกล่าวขึ้นมาอย่างแปลกใจ

                “ข่าวบอกว่า ครั้งนี้มีถึงหนึ่งพันคน แต่อย่างไรก็ดีโจรป่าก็คือโจรป่า” ทาคุมิกล่าว

                “อย่างนั้นหรือ ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่า ลมจะช่วยท่าน” ยูเอะกล่าวขึ้นมา 

                “ช่วงเวลานี้ของทุกปี ลมจะมาจากทางทิศเหนือและตะวันตก” ทาคุมิกล่าวขึ้น

                “แล้วหากลมอยู่ๆ ก็เปลี่ยนทิศหล่ะ” ยูเอะกล่าวต่อ

                “มีทางใดที่ สามารถรู้ทิศทางลมที่เปลี่ยนด้วยหรือ” ทาคุมิกล่าวต่อ 

                “ปกติแล้วมันมี 8 ทิศ หากลมเปลี่ยนท่านก็จะรู้ โดยใช้อย่างนี้...” ยูเอะกล่าวพลางวาด Wind vane* ให้ ‘เธอไม่แน่ใจว่า มันจะสำเร็จไหม แต่เธอก็ไม่อยากเป็นตัวถ่วง’

    * Wind vane = เครื่องดูทิศทางลม

     

                “ข้าจักเชื่อถือมันได้มากน้อยเพียงใด” เท็ตซึยะที่เงียบตลอดกล่าวขึ้น

                “หากท่านไม่เชื่อแบ่งอีกหนึ่งกอง เป็นหน่วยพิเศษดีหรือไม่ไว้รอดูลมดีไหม” ยูเอะกล่าว

                “ข้าเห็นว่าน่าสนใจดี ลองดูสักครา ยังไงไพร่พลครั้งนี้ก็มาเกินพอ” ทาคุมิกล่าว

                ยูเอะยิ้มให้ทาคุมิ

                “ตกลง ตามนี้” เท็ตซึยะกล่าว

     

    ตะวันเริ่มลับฟ้า วาระที่มาถึงได้เริ่มต้นขึ้น ยูเอะชี้ให้เท็ตซึยะดู Wind vane ที่หมุนไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เท็ตซึยะจึงกล่าวว่า “ส่งคำสั่งออกไป ให้หน่วยพิเศษไปทางตะวันออก ให้กองที่อยู่ตะวันตกหลีกหนีออกมาระยะหนึ่งที่ไม่โดนไฟป่าเตรียมซุ่มโจมตี” 

    จากนั้นไม่นาน ชายป่าทางทิศเหนือและทิศตะวันออกเริ่มเปลี่ยนจากยามราตรีเป็นรุ่นอรุณด้วยแสงของเปลวเพลิงแดงฉาน

                เท็ตซึยะมองไปที่ดาบของขุนพลของเขา 'ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามแผนที่ได้วางเอาไว้' เขาคิดด้วยใจจดจ่อต่อผลรับที่กำลังจะมาถึงท่ามกลางราตรีอันมืดมิด

                แสงสะท้อนจากคมดาบเริ่มเปลี่ยนจากสีเงินเย็นเฉียบที่สะท้อนมาจากตะวันที่กำลังลับขอบฟ้าจากสีเหลือง ส้ม และแดง  เสียงร้องโหยหวนของผู้ที่ถูกไฟผลาญดังก้องไปในทุกส่วนของแนวชายป่าฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ ไม่เพียงแต่ไฟเท่านั้นที่ก่อให้เกิดเสียงร้องเหล่านั้น คมอาวุธ หอก ดาบ และธนูก็เช่นกัน

    บาดแผลทุกแผลที่เกิดขึ้น เลือดทุกหยดที่กระเซ็นตกในกองเพลิงจนเกิดเป็น “ฉ่าา” เมื่อมันต้องกองไฟ ทุกอย่าง ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้รอยยิ้มของเท็ตซึยะนั้นฉีกกว้างกว่าเดิม 

    ในแววตาของเท็ตซึยะบัดนี้แยกไม่ออกว่ามันสุกสว่างเพราะขุมอเวจีที่ปรากฎตรงเบื้องหน้าของเขาที่สะท้อนเข้ามายังดวงตา หรือแท้จริงแล้วเป็นดวงตาของเขากันแน่ที่สุกสว่างและรุกไหม้รุนแรงจนเกิดเป็นขุมนรกอยู่เบื้องหน้า หรือเพราะความแปลกใจว่า หญิงสาวสูงศักดิ์รู้จักการดูทิศทางลมได้อย่างไรก็เป็นได้...

     

                “พวกโจรป่าแตกกระจัดกระจายไม่เป็นขบวน” นายทหารกล่าวแจ้งข่าว

                “ท่านยาสุดะ ได้เด็ดศีรษะผู้นำกองโจรเรียบร้อยแล้วขอรับ” นายทหารกล่าวต่อถึงแม้จะเหมือนไม่มีการตอบสนองจากผู้นำทัพ

                

    ครานี้แสงที่สาดส่องมิใช้แสงจากเปลวเพลิงยามราตรีแต่เป็นแสงสว่างที่มารับช่วงต่อของดวงตะวัน ทาคุมิ ควบม้ากลับเข้ามายังค่ายหลักพร้อมรายงานต่อ เท็ตซึยะ

                “พวกที่แตกกระจัดกระจายไปตอนนี้ไม่ถูกสังหารก็โดนจับกุมหมดสิ้นแล้วขอรับ” ทาคุมิกล่าวเยี่ยงนายทหารผู้หนักแน่นต่อหน้าที่ของตน

                “ในที่สุดทุกอย่างก็เสร็จสิ้น ไปพักเถิดสหายข้า อีกไม่นานเราจะเก็บค่ายแล้วเดินทางกลับกัน”

                “รายงานจากแนวหน้า สำรวจพบค่ายของข้าศึกที่โดนไฟเผาอยู่กลางภูเขาแล้วครับ ไม่พบสิ่งน่าสนใจใด ๆ ” ผู้นำสารกล่าว

                “แล้วข้าวของที่พวกโจรปล้นไปแหละ” เท็ตซึยะถามตอบ

                “พบร่องรอยที่เชื่อว่าจะเป็นข้าวของขอรับ ทั้งหมดโดนไฟเผาไม่เหลือขอรับ” นายทหารตอบกลับ

                “สมควรเป็นเช่นนั้นแล้ว แจ้งหน่วยหน้าให้กลับมาที่ค่ายได้” เท็ตซึยะกล่าว

                “รับคำสั่ง!” นายทหารกล่าวพร้อมก้าวเท้าออกจากที่ประชุม

                

    “ความสูญเสียเป็นเช่นไรบ้าง” ทาคุมิกล่าวถาม

                “เจ้ายังไม่รีบพักผ่อนเตรียมเนื้อเตรียมตัวอีกหรอ?” เท็ตซึยะกล่าวด้วยความสงสัยแต่ก็มิได้รอคำตอบ

                “ทางข้าสูญเสียไม่มากไม่ถึงร้อยคนด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่แล้วบาดเจ็บเล็กน้อย” เท็ตซึยะกล่าวตอบต่อผู้เป็นสหาย

                “แล้วบรรดาพวกโจรป่าเหล่าท่าน มีตาย หรือถูกจับกุมมากแค่ไหน?” ทาคุมิกล่าวถามด้วยความกังวล

                “ท่านแม่ทัพไร้พ่าย โจรป่าเหล่านั้น หนีไปได้บางส่วนจากจำนวนที่ได้สืบมา ตายห้าร้อย และถูกจับกุมเกือบห้าร้อย” เท็ตซึยะกล่าวประชดพร้อมเสียงหัวเราะ

                “มีความจำเป็นที่จะต้องล้างผลาญกันถึงเพียงนี้เลยหรอ?” ทาคุมิกล่าว

                “จะกำจัดวัชพืชก็ต้องถอนให้ถึงราก  หาไม่มันจะกลับงอกขึ้นใหม่ได้ในเร็วพลัน” เท็ตซึยะกล่าวปิดบทสนทนา

                ตอนแรกยูเอะเข้าใจว่า เท็ตซึยะก็แค่ได้เป็นบุตรชายคนโตของเครือฟุจิวาระจึงมีอำนาจ แต่หลังจากวันนี้ที่ได้เห็น...มันไม่ใช่อย่างนั้น...เท็ตซึยะฉลาด ร้ายกาจ และน่ากลัวกว่าที่เธอคิดจนเธอสงสัยว่า สาเหตุที่เท็ตซึยะพาเธอมา ก็เพราะเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูหรือไม่...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×