ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิธีการเอาตัวรอดเมื่ออยู่ในดงศัตร

    ลำดับตอนที่ #14 : การฟันดาบ = ศิลปะ

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 64


     ยูเอะกำลังเล่นหมากล้อมคนเดียวอยู่ อยู่ๆ ก็มีซากุระโมจิพร้อมชาเขียวมาวางบนโต๊ะเธอ

    “เมื่อวาน ข้าขอโทษที่เข้าใจท่านผิดไป และขอโทษอีกพันครั้งที่ข้าสลบไปก่อน ยกโทษให้ข้า...ได้หรือไม่” อายูมิกล่าวพร้อมยื่นนิ้วก้อยให้

    “ข้าไม่ได้โกรธท่านเลย หากเป็นข้า ข้าคงทำยิ่งกว่าท่านอีก” ยูเอะยื่นนิ้วก้อยเกี่ยวตอบ

    “วันนี้ท่านจะทำอันใดหรือ” อายูมิกล่าว

    “กินขนม ไปกับข้าไหม” ยูเอะตอบ

    “ข้าต้องลองเรียนดีดพิณจากแผ่นดินใหญ่ ว่ากันว่า ที่นั่นศิลปะ วัฒนธรรม เฟื่องฟู ข้าอาจต้องโดนส่งไปอยู่ที่นั่นเพื่อเจริญสัมพันธไมตรี” อายูมิกล่าวพร้อมหน้าเศร้าสร้อย

    “นอกจากพี่ชายท่าน มีใครที่ท่านชอบพออีกหรือไม่” ยูเอะกล่าว

    “ไม่มี” อายูมิกล่าวแล้วขอตัวไป

     

              ยูเอะกำลังนั่งเหม่อที่ร้านขนมขึ้นชื่อ เธอพยายามคิดว่า อะไรทำให้เธอโดนกลั่นแกล้งไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาปลุกกำหนด การที่มีชายชุดดำจับอายูมิและบอกว่าเธอเป็นคนสั่งการ ‘ใครอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้กันแน่...’แล้วสายตาก็พลันพบสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวได้อยู่สิ่งอย่างหนึ่ง เธอรีบสะกดรอยตามไป โดยทิ้งซาอิที่ยังงงกับอาการของเธอไว้เบื้องหลัง

                    “ยูเอะ ไปไหนขอรับ” ซาอิถามหลังจากชำระค่าอาหารเสร็จแล้ววิ่งตามเธอมา

                    “หากข้าไม่เรียก ห้ามออกมาให้เห็นนะ เข้าสู่ภาวะไร้เงาเดี๋ยวนี้ซาอิ” ยูเอะสั่ง

                    “ขอรับ” ซาอิผู้ว่าง่ายก็ปฏิบัติตามแต่โดยดี

      

                    ‘ไปไหนแล้วหล่ะ’ ยูเอะที่กำลังเดินตามมาพบว่า คนที่เธอสะกดรอยตามหายไป...แล้วอยู่ๆ ก็มีมีดเขามาจ่อที่คอของเธอ

                    “ยูเอะฮิเมะ ท่านรู้หรือไม่ การสะกดรอยตามใครควรปิดลมหายใจเอาไว้” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังเธอ

                    ยูเอะแอบลอบกลืนน้ำลาย การสะกดรอยตามนี่ยากจริงๆ “ข้าเป็นนินจาฝึกหัดนะ” ยูเอะกล่าว แล้วมีดก็หายไป ยูเอะจึงหันกลับมาเผชิญหน้ากับบุคคลที่เธอแอบปลื้มที่สุดในสามโลก เป็นใครไม่ได้นอกจาก เบียคุยะ เอ้ย ทาคุมิ แม่ทัพสุดหล่อเจ้าของหัวใจของเธอนั่นเอง

                    “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าเป็นข้า” ยูเอะสงสัยตั้งแต่ตอนแรกที่เจอกันแล้ว จึงถามออกไป

                    “การที่ท่านแต่งเป็นชาย นับว่าเหมือนอยู่ แต่พอสบสายตากระจ่างใสดุจแก้วของท่าน ก็ต้องเป็นคนสูงศักดิ์คนหนึ่ง และใครที่เคยเห็นท่านวงหน้าของท่านแล้ว รับรองว่าไม่ลืมเลือน” ทาคุมิกล่าว

                    “หมายความว่า ท่านพึงใจหน้าตาข้าสินะ” ยูเอะแอบดีใจ

                    “พอใจส่วนพอใจ รักใคร่หาได้เกี่ยวพัน” ทาคุมิกล่าว

    ยูเอะยังหยอดต่อ “สิ่งใดเล่า ที่ทำให้ท่านแม่ทัพผู้เกรียงไกรพึงใจสตรีได้”  

                    “หามีไม่ อิสตรีล้วนน่ารำคาญ” ทาคุมิกล่าวจบแล้วเดินไป

                    “เดี๋ยว” ยูเอะกล่าว

                    “...” ทาคุมิหันกลับมา

                  “ท่านก็เห็นแล้วว่าข้าแม้แต่สะกดรอยตามยังทำไม่ได้ เมื่อไม่นานมานี้มีคนร้ายจับตัวอายูมิเพื่อแลกตัวกับข้า แต่ก่อนข้าไม่เคยคิดว่าต้องสามารถป้องกันตัวเองได้

    แต่บัดนี้ ข้าผู้ซึ่งไร้อำนาจ หามีสิ่งใดปกป้องตัวเอง หากท่านจะกรุณา ข้าขอให้ท่านสอนดาบให้กับข้าได้หรือไม่” ยูเอะกล่าว เธอไม่รู้หรอกใครเก่งดาบที่สุด แต่แม่ทัพหนุ่มคนนี้ เธออยากให้สอน

                    “ข้าหาคู่ควรไม่” ทาคุมิกล่าว

                    “ท่านแค่ไม่มั่นใจสินะ ว่าจะสามารถสอนสตรีได้” ยูเอะกล่าว

                    “ข้านั้นมั่นใจในตัวเองที่สุด แต่หาได้มั่นใจในความสามารถของท่านไม่” ทาคุมิกล่าวแล้วหันหลังหมายจะเดินไป

                    “ไม่ลองจักรู้ได้อย่างไร หากวันนี้ท่านรู้สึกเสียเวลากับข้า ท่านค่อยปฏิเสธข้าเป็นอย่างไร” ยูเอะกล่าว

             ทาคุมิยังหันหลังอยู่ แต่ยังไม่ขยับไปไหน ยูเอะเดินไปข้างหน้า จ้องตาทาคุมิ แล้วกล่าวว่า “จริงๆ แล้ว ข้าไม่ต้องการให้ใครตายแทนข้าอีกต่อไปแล้ว” แล้วหันหลังกลับ

                    “ตามข้ามา” ทาคุมิกล่าว 

                ยูเอะหุบยิ้ม เดินตามทาคุมิไป

    ***

    ทาคุมิพาเธอมาที่สวนในจวนแม่ทัพ

    “อย่างแรกสิ่งที่ต้องทำคือ การมีสมาธิกับตัวเอง การที่จะเป็นนักดาบที่ดีได้ ต้องมีจิตใจที่ไม่หวั่นไหว นั้นสิ่งแรกที่ต้องทำคือ การนั่งซาเซน* หลังท่านต้องตรง อีกไม่นานพระอาทิตย์จะอยู่เหนือศีริษะ หากท่านสามารถฝึกจนถึงตอนนั้นได้ ข้าจะสอนท่านในขั้นต่อไป” ทาคุมิกล่าว แล้วนั่งซาเซนไปกับเธอด้วย

    *ซาเซน = นั่งสมาธิแบบเซน คือนั่งตัวตรง ห้ามเคลื่อนไหว

     ยูเอะเคยฝึกนั่งซาเซนมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ชม. ยูเอะนั่งหลับตา ฟังเสียงลมหายใจของตัวเองไปเรื่อยๆ

     “เอาหล่ะ อย่างที่ข้าได้กล่าวไปแล้ว จิตของท่านต้องนิ่งสงบ ขั้นต่อไปทั้งร่างกายและดาบกลายเป็นเครื่องใช้ในมือของใจ ณ จุดนี้ การฟันดาบจะกลายเป็นศิลปะ” ทาคุมิกล่าว

                    “อย่างไรเรียกศิลปะ” ยูเอะกล่าว

                    “โปรดดู” ทาคุมิกล่าวและหยิบดาบไม้ที่ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไร มารำดาบให้เธอดู เธอเคยเรียนวิชาฟันดาบมาตอนเด็ก แต่นี่เป็นวิชารำดาบที่เธอรู้สึกว่า งดงามยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นจังหวะ การยกมือ การกระโดด การฟัน 

                    “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าต้องฟันตอนไหน” ยูเอะยังสงสัย

                    “ใจที่ไม่หวั่นไหวของท่านจักบอกเอง” ทาคุมิกล่าว

                    “อันใดนะ” ยูเอะกล่าว เธอเข้าใจว่า เหตุใดคนแบบทาคุมิที่ดูมีหลักการ มีการวางแผน มีการคิดอย่างเป็นระบบ มีการรับรู้อย่างดี จะตอบเธอแบบนี้ 

             “การฟันดาบคือศิลปะ อย่างไรก็ตาม มันก็มีท่าพื้นฐานอยู่ 2 ท่า” ทาคุมิเห็นหน้าของหญิงสาว จึงกล่าวขึ้น

              “ฟัน แทง” ทาคุมิกล่าวต่อ

                    “ก็ไม่เห็นมีอันใดนี่ แค่ฟันกับแทง” ยูเอะพูดกับตัวเอง แต่ก็เสียงดังพอให้ทาคุมิได้ยิน

                    “ท่านลองฟันกับแทงข้าสิ” พูดจบทาคุมิก็โยนดาบไม้อีกอันมาให้เธอ

                    ยูเอะรับดาบไม้แล้วลุกขึ้นฟันกับแทง ซึ่งไม่ว่าเธอพยายามเท่าไร ก็ไม่สามารถโดนตัวทาคุมิได้เลย

                    “เพราะท่านฝึกมาดี ข้าเลยตี ฟัน แทงไม่โดนใช่หรือไม่” ยูเอะหอบ

                    “หามิได้ ท่านแค่เป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง ท่านลองคิดว่า ไม่จำเป็นที่ต้องฟันโดน แค่ฟัน ไม่จำเป็นที่ต้องแทงให้โดน แค่แทง แค่เป็นหนึ่งเดียวกับทุกสิ่ง ใจที่สงบนิ่งของท่านจักบอกท่านเองว่าต้องทำอย่างไร” ทาคุมิกล่าว

    ยูเอะกรอกตา สูดลมหายใจเข้าลึก ไม่มีอะไรในโลกที่เธอคิดว่าทำไม่ได้ ทะลุมิติมาอยู่ในยุคโบราณเธอยังผ่านมาแล้ว แค่นี้นะหรือ...

    ยูเอะก็รวบรวมสมาธิ หลับตา สายลมเอื่อยๆ พัดมา ดอกซากุระปลิว กลีบดอกซากุระหลุดลอยมา เธอลืมตาขึ้น มือจับดาบกระชับ เดินเข้าหาทาคุมิทีละก้าว ทีละก้าว ด้วยความสงบนิ่ง เธอรู้สึกเหมือนเข้าใกล้ความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ เธอรู้สึกว่า มีแค่เธอกับกลีบดอกซากุระที่หมุนวนอยู่รอบๆ ตัวเธอ ‘แค่ฟัน แค่แทงสินะ’ จังหวะนั้นเอง เธอหลับตาลงอีกครั้ง และฟันที่ช่วงเอวของทาคุมิ

                    “ฟึ่บ” ทาคุมิใช้ดาบไม้ของตัวเองปัดดาบของยูเอะทิ้ง เมื่อกี้เขารู้สึกเหมือนหญิงสาวตรงหน้า หายไป แล้วมาอีกทีก็อยู่ใกล้เขาแค่เอื้อม

                    “ถึงไม่สามารถฟันท่านได้ แต่ข้าก็สนุกดีนะ” ยูเอะโค้งให้อย่างงดงาม เหม่อมองบุรุษตรงหน้า...แค่ได้ใกล้ชิด เธอก็มีความสุขแล้ว

                    ทาคุมิจ้องมาหน้าหญิงสาวตรงหน้า ใบหน้าหมดจดงดงาม มีเลือดฝาดนิดๆ เพราะใช้กำลัง เหงื่อที่หยดลงมาตั้งแต่หน้าผาก ไล่มาที่แก้ม แล้วหยดลงบนพื้น “ตึ่ง” จึงทำให้เขาได้สติ เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่เขารู้สึกควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาจึงหันหลังให้ยูเอะ

                    “ข้าขอตัว ขอบคุณท่านมาก” ยูเอะกล่าว

                    “ช้าก่อน ท่านไม่ฝึกกับข้าต่อแล้วหรือ” ทาคุมิกล่าว พร้อมหยิบดาบที่ตกอยู่ของยูเอะโยนให้เธอ

                    “ท่านข้าคู่ควรหรือ” ยูเอะจงใจโยนประโยคกลับให้ทาคุมิ

                    “ลองดูจักรู้เอง” แล้วทาคุมิก็เริ่มสอนการร่ายรำ 

     

              “ว้าย” ยูเอะหลบดาบของทาคุมิจนสะดุดก้อนหิน เธอทำท่าจะล้มลงบ่อน้ำ เธอจึงพยายามคว้าสิ่งรอบตัวเอาไว้ ทาคุมิเห็นดังนั้น จึงเอื้อมมือไปคว้ายูเอะ จนตัวเองล้มลง...

                    “ทำอันใดกันน่ะ” อยู่ๆ ก็มีเสียงเกรี้ยวกราดหนึ่งดังขึ้นมา

                    “แล้วท่านคิดว่า ทำอันใดกันอยู่เล่า” ยูเอะจำเสียงได้ เธอจึงตอบไปแบบกวนๆ แล้วเมื่อเธอพยายามลุกขึ้นมา เธอจึงพบว่า ตอนนี้ใบหน้าของเธอแนบอยู่ปากอันนุ่มนวลของทาคุมิ มืออีกข้างของเธอจับที่คอเสื้อซึ่งตอนนี้เผยให้เห็นจุดสีชมพูบนพื้นที่ขาวเนียนที่หน้าอก มือข้างซ้ายของทาคุมิอยู่รอบเอวของเธอ โดยมีมือข้างขวาจับดาบอยู่ ‘หากเท็ตซึยะไม่มาขัดจังหวะ เธอคง...ไปแล้ว’ เธอรู้สึกหน้าร้อนผ่าว จึงรีบลุกขึ้น หันไปมองหน้าทาคุมิ พบว่า ชายหนุ่มยังมีสีหน้าเรียบเฉย

               “ข้าซ้อมดาบให้กับยูเอะ แล้วนางกำลังจะล้มลงข้าเลยช่วย” ทาคุมิตอบ

               “หากไม่ได้ ทาคุมิข้าคงเปียกเป็นหมาตกน้ำแล้ว” ยูเอะกล่าว

                    “เรียกชื่อกันเฉยๆ เลยหรือ ภรรยาข้า” เท็ตซึยะหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้เธอ

    ยูเอะกล่าวไปว่า “ข้ายังมิได้เข้าเรือนหอ หรือการแต่งงานใดๆ ข้าเพียงแค่อาศัยบ้านท่านเท่านั้น วันนี้ขอบคุณท่านมากทาคุมิ” ยูเอะยังยิ้มหวานหยดย้อยที่สุดที่ลองฝึกหน้ากระจกไว้ใช้ในยามจำเป็น 

                    แต่ชายทั้งสอง หาได้มีสีหน้าเคลิ้มอย่างที่เธอคิดไม่ ยูเอะกรอกตา คิดว่ามารยาของเธอคงฝึกมาน้อยไป 

                   “อยู่ด้วยกันก่อนสิ เดี๋ยวค่อยกลับพร้อมกับข้า” เท็ตซึยะจับข้อมือของเธอ แม้ว่าเธอจะพยายามสะบัด แกะ มือของเขาที่รัดข้อมือเธออยู่ เธอก็ยังสู้แรงของเขาไม่ได้ เธอจึงยอมแพ้แต่โดยดี

                    เท็ตซึยะมองหญิงสาวตรงหน้า แม้ว่า เธอจะใส่ชุดเหมือนคุณชายสูงศักดิ์ แต่เมื่อมองที่ดวงตากระจ่างใด รูปหน้าที่งดงาม ประกอบกับเส้นผมที่หลุดลุ่ยลงมา และยังไม่นับเหงื่อที่ผุดอยู่บนใบหน้า ทำให้เขาถึงกับอยากจุมพิตเธอเดี๋ยวนี้เลย 

    แต่ยังทำไม่ได้ สำหรับเท็ตซึยะ เรื่องส่วนตัวมาหลัง เครือฟุจิวาระมาก่อน เพราะเขาเป็นถึงสายฮอกเกะซึ่งเป็นสายหลักจาก 4 สายเครือฟุจิวาระ “ทาคุมิแผนการที่ข้าวานท่าน เป็นอย่างไรบ้าง” เท็ตซึยะถามขึ้นมา หลังจากรวบผมให้หญิงสาว จนไม่มีเส้นผมสักเส้นตกลงมา

                    ทาคุมิยังตะลึงกับการดูแลเอาใจใส่ของเท็ตซึยะอย่างนี้ เขาไม่เคยเห็นสหายสนิทของเขาดูแลทะนุถนอมหญิงใด เท่าคนตรงหน้ามาก่อน ซาโอะที่ว่างามที่สุดในแผ่นดิน เท็ตซึยะยังไม่เคยทำให้ขนาดนี้ ‘เท็ตซึยะ ไม่ใช่โดนพิษรัก...เข้าแล้วนะ’ เขาจำได้ตอนเด็กๆ เท็ตซึยะกล่าวว่า จะไม่มีหญิงสาวคนใด ที่ทำให้ตนเองหลงรักได้

                    “จากที่กองทัพจักรพรรดิ์ยกไปปราบ ดูเหมือนจะล้มเหลว ข้าจึงใช้ทหารจาก 3 ตระกูลใหญ่ ประกอบด้วย ไทระ ทาจิบานะ มินาโมโตะ และ 1 เครือ คือฟุจิวาระ ไปปราบ ตอนนี้อยู่ระหว่างเดินทัพ” ทาคุมิกล่าวพร้อมรินชาให้

                    ยูเอะไม่ได้สนว่า เขาคุยเรื่องอันใดกัน แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่า ‘ฟิน’ เธอนั่งอยู่ใต้ต้นซากรุ ทาคุมิรินน้ำชาให้ 

                

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×