คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ปิ่นปักรัก
ในคืนเดือนมืดที่ไร้แสงจันทร์ ฤดูเหมันต์ ณ วังหลวง
ภายในห้องมืดมิดไร้แสงเทียน มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมา
"ฮึก...อย่า...อย่าเข้ามา ได้โปรด" เสียงเด็กหนุ่มร้องด้วยความกลัว
ชายสูงวัยมองดูแล้วกลับกระตุ้นสัญชาตญาณอย่างประหลาด คล้ายกับกระต่ายตื่นกลัวในยามที่ถูกล่า
"เคียวเฮ เด็กดี... อย่าดื้อเลย" กล่าวโดยชายสูงวัย รูปร่างอ้วนท้วมกำลังพยายามขึ้นคร่อมกระต่ายตัวน้อย
ในค่ำคืนนั้น มีเสียงคราวสูงต่ำดังขึ้นทั้งคืน...
ทุกๆ หกวัน ยูเอะฮิเมะจะมาเจอเคียวโกะฮิเมะที่วัดเท็นงู ซาอิก็ไม่รู้ว่าทำไม เขาก็ชอบมองเวลาเคียวโกะฮิเมะพูดเสียเหลือเกิน วันนี้เขายอมนำเงินที่เก็บมาไว้ซื้อปิ่นปักผมลวดลายผีเสื้อ ผีเสื้อที่เข้ากับเคียวโกะฮิเมะเหลือเกิน...เขาไม่รู้ว่าตระกูลของนางคือตระกูลอะไร ถามยูเอะฮิเมะก็ไม่ยอมบอก บอกว่าให้ถามเคียวโกะฮิเมะเอง เขาก็ตระหนักว่า หากนางมาอยู่กับเขา นางคงลำบาก...
“นี่...ดูท่าซาอิจะชอบเคียวโกะแล้วล่ะ” ยูเอะบุ้ยปากไปทางที่ซาอิอยู่
“ฮึฮึ เอาอย่างไรดีหล่ะ ข้าทั้งสาวทั้งสวย ทั้งตระกูลสูงส่ง องครักษ์ของท่าน ไหนเลยกล้า ฮึฮึ” เคียวโกะยังกล่าวต่อไป
“เฮ้อ...” ยูเอะถอนหายใจ เคียวเฮเป็นถึงเสนาบดีมีทั้งหญิงทั้งชายติดกันตรึม สามารถเปิดฮาเร็มได้เลย เท่าที่คุยกันมา เคียวเฮแบบนี้แปลว่ามีปม* กำลังตามหาอะไรสักอย่างอยู่ ซึ่งเธอในฐานะเคยเป็น Counseling ก็พยายามช่วยเขาเจอตนเองอยู่โดยการ Reflect* แต่บางทีบทบาทเพื่อนก็ต้องเตือนกันบ้าง**
*Reflection เป็นการสะท้อนคำพูด แล้วสื่อเป็นอารมณ์กลับ แตกต่างจากการ Restatement ซึ่งคือ เขาคำพูดเขามาแล้วเรียงประโยคใหม่ ซึ่งทั้งสองวิธีก็สามารถทำให้ผู้พูดสารได้เข้าใจตัวเองมากขึ้นจากการสะท้อนทั้งคำพูด อารมณ์ความรู้สึก
** การ counseling ไม่ควรหาคำตอบให้กับลูกค้า แต่ควรให้ลูกค้าหาคำตอบได้เอง โดยไม่คาดหวังว่าเขาผลลัพธ์ แต่มุ่งเน้นแค่เขาเข้าใจตัวเองมากขึ้น
“ไม่รู้สิ เขาก็น่ารักดีนะ” เคียวเฮตอบสีหน้ากังวล
“ท่านกลัวว่าหากเขารู้ว่าท่าน...เขาจะไม่ชอบท่านหรือ” ยูเอะกล่าว
“มีผลอย่างมาก บุรุษที่อยู่ในจวนของข้า ข้าซื้อด้วยเงินเกือบทั้งหมดหล่ะ” เคียวเฮตอบด้วยสีหน้าเศร้ายิ่งกว่าเดิม
“แล้วความรักเล่า” ยูเอะกล่าว
“ข้าไม่รู้สิ ข้ารู้สึกแค่อยากทำน่ะ” เคียวเฮกล่าว
“ท่านแค่รู้สึกอยากทำ ไม่ว่าเป็นชายคนใดก็ได้หรือ” ยูเอะจี้
“ใช่ จริงๆ เท็ตซึยะซามะหรือทาคุมิซามะ หากตำแหน่งต่ำกว่าข้า แล้วข้าสามารถอุปถัมภ์ได้ ข้านำมาเก็บไว้ในจวนของข้าแล้ว” เคียวเฮกล่าว
“เท็ตซึยะนะไม่เป็นไรหรอก เอาไปได้ แต่ท่านเบีย เอ้ย ทาคุมิ ข้าไม่ยอมท่านนะ” ยูเอะกล่าว
“แต่ไหน แต่ไรมา ท่านไม่เคยชอบผู้ชายที่เงียบเหมือนเป่าสาก แกร่งเหมือนหินผา กำยำเหมือนหมี ยโสเหมือนสิงโตไม่ใช่หรือ อะไรฮิเมะของข้า กลายเป็นชอบบุรุษเยื่ยงนั้นได้อย่างไรกัน” เคียวเฮกล่าว แต่หน้าเคลิ้มมากแบบปิดไม่มิด
“ท่านจะให้ข้าชอบอสรพิษในคราบหงส์ขาวอย่างเท็ตซึยะอย่างนั้นหรือ...” ยูเอะกล่าว ในใจเธอยังไม่กล้าจำเรื่องวันนั้นเลย น่ากลัวจริงๆ หากเธอมีสติไม่ทัน เธอคงเสร็จเขาไปแล้ว...
“เท็ตซึยะซามะทำอะไรท่านหรือฮิเมะของข้า” เคียวเฮกล่าว แล้วทำหน้าอยากรู้อย่างเต็มเปี่ยม
ยูเอะหน้าแดงแล้วกล่าว “หามีอะไรไม่ กลับมาเรื่องของท่านเถอะ”
“ท่านยังบริสุทธิ์อยู่ใช่หรือไม่ ตอนอยู่ในวัง ข้าต้องปกป้องท่านแทบตายตั้งแต่เด็กจนโต แทนที่ข้าจะรู้สึกรักหญิงสาวมากขึ้น กลับทำให้ข้าไม่รู้สึกอะไรกับพวกนางจนถึงทุกวันนี้ เฮ้อ” เคียวเฮกล่าว
“ร่างกายนี้ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่เสียแรงที่ท่านปกป้องจนจิตใจของท่านบอบช้ำอย่างนี้ ข้าขอโทษ...” ยูเอะพูดแล้วกอดเคียวเฮ
“ฮิเมะ ท่านนอกจากจะทำให้ข้ากลายเป็นชายรักชาย ตอนนี้ข้าอยู่ในคราบหญิงสาวท่านยังทำให้ข้ากลายเป็นสตรีรักสตรีอีกหรือ” เคียวเฮกล่าวแต่กอดยูเอะเอาไว้
“สิ่งใดที่ข้าเคยทำไม่ดีเอาไว้ ข้าขอโทษ ต่อจากนี้ ข้าจะทำดีกับท่านนะ” ยูเอะกล่าว เธอไม่รู้ว่าแต่ก่อนอาโออิฮิเมะมีเรื่องอะไรกับเคียวเฮหรือเปล่า แต่นับจากนี้ต่อไป เธอจะรักษาความสัมพันธ์กับเคียวเฮไว้ ในโลกนี้มีเคียวเฮเป็นสหายสนิทคนเดียวของเธอนี่น่ะ แล้วน้ำตาเธอก็ไหล
“ฮิเมะของข้า อย่าร้องนะ ข้าสั่งให้คนครัวของข้าทำขนมที่ท่านชอบไว้ ชิมสักหน่อยเถอะ” เคียวเฮเช็ดน้ำตาให้หญิงสาวตรงหน้า แล้วหยิบอาหารออกมาจากห่อผ้าแล้วมากองไว้มี ดังโงะ ซากุระโมจิ โมจิ และน้ำชาเขียว
“ขอบคุณท่านมาก” ยูเอะกล่าวแล้วเทชาเขียวใส่ถ้วยให้เคียวเฮ แล้วเธอก็รู้สึกดีกับอาโออิฮิเมะมาอีกนิดว่าชอบเหมือนเธอเลย
เคียวเฮลอบสังเกต ปกติ องค์หญิงไม่ชอบซากุระโมจิ แต่หญิงสาวข้างหน้า หยิบเป็นสิ่งแรก ...’นี่มันอะไรกันเนี่ย เริ่มจากท่าทางที่เข้าอกเข้าใจ ไม่วางอำนาจ การเล่นหมากล้อมที่ต่างออกไป การรินน้ำชาให้คนอื่นก่อนอย่างประณีต และการที่กินของที่เกลียดที่สุด’ เขาเริ่มไม่แน่ใจ องค์หญิงอาจสมองกระทบกระเทือนแต่ไม่บอกเขาหรือเปล่า แต่ร่างกายนี่เป็นขององค์หญิงอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นเคียวเฮนิ่งเงียบ ยูเอะจึงคิดว่า เขากำลังเศร้าอยู่ จึงกล่าวว่า “เดี๋ยวข้ามานะ”
เคียวเฮคาดว่า ยูเอะคงไปเข้าห้องน้ำ แต่ยูเอะก็กลับมาพร้อมกับซาอิ
“ไหนๆ พวกข้าก็คุยกันนานและ ขนมที่ท่านเอามา พวกข้าก็กินกันเองไม่หมด ให้ซาอิมากินด้วยเถอะ ดีหรือไม่?” ยูเอะกล่าว
“หากยูเอะต้องการ ไหนเลยข้าจักห้ามได้ เชิญซาอิซามะเจ้าค่ะ” เคียวเฮในคราบเคียวโกะตอบพร้อมผายมือให้ซาอิผู้ตอนนี้หน้าแดงเถือกนั่ง
“เคียวโกะฮิเมะ ข้าเป็นเพียงองครักษ์ของยูเอะฮิเมะ ท่านหาได้เรียกข้าซามะไม่” ซาอิกล่าว
“มดตัวหนึ่งก็มีชีวิต ม้าตัวหนึ่งก็มีชีวิต หมูตัวหนึ่งก็มีชีวิต คนก็มีชีวิต ข้าท่านล้วนเป็นมนุษย์ ทำไมถึงต้องมีสูงมีต่ำเล่า” เคียวโกะกล่าว
ยูเอะมองฉากเกี้ยวพาในยุคโบราณแล้วเขินอายแทน
“ท่านหญิงกล่าวเกินไป อย่างไรข้าน้อยก็ไม่ควรมานั่งด้วยกันกับท่าน” ซาอิกล่าว
“แล้วไปเถอะ ท่านดื้อด้านนัก อย่าเรียกข้าท่านหญิง เรียกข้าว่า เคียวโกะได้หรือไม่” เคียวโกะกล่าว
“หามิได้ ข้าคนละชนชั้น” ซาอิกล่าว
“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าคนละชนชั้น” เคียวโกะกล่าว
“การแต่งกาย วาจา รวมถึงผิวพรรณ และ...และ” ซาอิกล่าว
“และอะไรหรือ” เคียวโกะกล่าว
“ความงามของท่าน” ซาอิกล่าว
‘กริ๊ด ซาอิ นายจัดไปเต็ม 10’ ยูเอะที่แอบลุ้นอยู่พลอยเขินไปด้วย
“อย่างนั้นหรือ” แล้วเคียวโกะก็ทำท่าเอียงอาย “หากท่านเห็นว่าข้างามนัก ท่านก็เรียกข้าแค่เคียวโกะพอ ได้หรือไม่ หากท่านไม่เรียกข้าว่าเคียวโกะ แสดงว่า ข้าไม่งาม” เคียวโกะกล่าวพร้อมยกแขนเสื้อมาปิดใบหน้า
ยูเอะแอบมอง พบว่า เคียวโกะ หน้าไม่ได้แดง...
“เคียวโกะฮิเมะงามล้ำ ท่านอย่าได้แกล้งข้าอีกเลย” ซาอิกล่าว
“ท่านว่า ว่าข้าไม่งาม ยูเอะ สั่งสอนองครักษ์ของท่านด้วย” เคียวโกะกล่าวแล้วยิ้มกับยูเอะอย่างรู้ทัน
“ซาอิ ทำตามที่เคียวโกะกล่าวเถอะ หากท่านเห็นว่า เคียวโกะงามก็เรียกเคียวโกะ หากไม่ก็เรียกเคียวโกะฮิเมะ ตามนี้นะ” ยูเอะกล่าวแล้วแอบขยิบตาให้เคียวโกะ
“หามิได้ เคียว...โกะ” ซาอิกล่าว
“ไหนเรียกอีกทีสิ” เคียวโกะยังแกล้งต่อไม่หยุด
“เคียวโกะ” ซาอิพูดอย่างอายๆ
“ชิมซากุระโมจิหน่อยเร็ว เด็กดี” เคียวโกะป้อนซากุระโมจิเข้าปากของซาอิ
หากที่นี่นอนได้โดยไม่เสียกริยา ยูเอะมั่นใจว่า เธอคงนอนดิ้นกริ๊ดกร๊าดยกใหญ่
ซาอิหน้าแดงอยู่แล้วเคี้ยวโมจิอย่างสงบเสงี่ยม ขณะที่สองสาวก็แกล้งซาอิอย่างสนุกสนาน
ผ่านไปจนพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน
“ข้าต้องไปแล้ว” เคียวโกะกล่าวแล้วทำท่าจะลุกขึ้น
“ช้าก่อนเคียวโกะ ข้ามีของจะให้ท่าน” แล้วซาอิก็หยิบปิ่นปักผมลายผีเสื้อมาให้เคียวโกะ “แม้ว่าไม่มีราคา แต่ข้าเห็นแล้วนึกถึงท่าน หากท่านไม่พึงใจ ก็ช่วยรับของข้าแล้วให้คนอื่นเถอะ”
“งดงามยิ่ง ข้าชอบผีเสื้อ ขอบคุณท่านมาก” เคียวโกะยิ้มอย่างหวานหยดย้อยให้ซาอิ แล้วนำปิ่นปักของเธอเก็บเข้าในแขนเสื้อ และปักปิ่นใหม่ของซาอิ ทำให้ซาอิโดนกระชากวิญญานยืนทื่อเหมือนก้อนหินไปซะงั้น...ยูเอะจึงเดินมาส่งเคียวโกะที่รถม้า
“เอาเข้าไปจะจัดการต่อจากนี้อย่างไรเล่า” ยูเอะกล่าว
“ท่านว่า...หากเขารู้ความจริง ข้ายังจะอยู่ในหัวใจของเขาหรือไม่” เคียวโกะกล่าวพร้อมทำสีหน้าเศร้าสร้อย
เท่าที่รู้ ก็มีคู่รักหลายคู่ที่ตอนแรกรักกันไปแล้ว เพิ่งมารู้ทีหลังว่า อีกฝ่ายเป็นชาย ก็ไม่มีปัญหาอะไร แล้วจากทฤษฎีทางจิตวิทยา มีองค์ประกอบของการชอบพอกันคือ มีความเข้าใจกัน มีความคล้ายคลึงกัน มีความใกล้ชิดกัน รูปร่างหน้าตา ฐานะ แต่ในกรณีของเคียวเฮ รวยและสวย หากมีความเข้าใจกัน ใกล้ชิดกัน เธอคิดว่า สองคนนี้ไปต่อได้ แต่เธอก็ไม่แน่ใจว่า สมัยนี้ ชายรักชาย มีกฏหมายร้ายแรงแค่ไหน เธอจึงไม่กล้าพูดอะไร...
เมื่อเธอส่งเคียวโกะเสร็จ เธอจึงกลับมาหาซาอิที่ยืนบื้ออยู่
“ซาอิ เจ้าคิดว่า ชายรักชาย เป็นไปได้หรือไม่” ยูเอะกล่าว
“ข้าว่ามันแปลกๆ นะท่าน ชายก็สมชายชาตรี จะมารักชายได้อย่างไร สำหรับข้ารู้สึกขยะแขยงเหลือเกิน” ซาอิกล่าว
“เฮ้อ” ยูเอะถอนหายใจ ‘เคียวเฮเอ๋ย ดูท่าจะอีกนานนะ ความรักของท่านนะ...’ หากเคียวเฮชอบผู้หญิง เธออาจจะจีบเขาก็ได้ หน้าตาหล่อ รูปร่างสมส่วน นิสัยน่ารัก เงินหนา ฐานะดี ฉลาดและเข้าใจเธอ
ความคิดเห็น