คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ตอน 18
ยูซุปเดินมาตามทางเดินของโรงแรมด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น เมื่อพนักงานหญิงของโรงแรมเข้ามาบอกเขาว่าซายีน่า นายหญิงของเขาต้องการพบตัวเขาเป็นการด่วน จะมีเรื่องอะไรหากไม่ใช่เรื่องของอัสมาน และเมื่อเดินมายังล็อบบี้ของโรงแรม ยูซุปก็พบว่าซายีน่านั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“มาแล้วหรือยาซุป”
“นายหญิงต้องการพบด่วน มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”ยูซุปผู้ที่เป็นทั้งลูกน้องคนสนิทและเลขาส่วนตัวของอัสมานค้อมศีรษะลงทำความเคารพและถามขึ้นอย่างนอบน้อม พยายามวางสีหน้าให้ดูเรียบเฉยที่สุดทั้งที่ในใจนั้นหวาดหวั่น
“อัสมานเป็นอย่างไรบ้าง เห็นว่าไปอเมริกาแต่ทำไมเขาถึงไม่ส่งข่าวคราวถึงฉันเลย ปกติเขาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน”ซายีน่าหันมามองซีกหน้าลูกน้องของบุตรชายอย่างคาดคั้นแกมจับผิด
“ธุระสำคัญมากครับนายหญิง เป็นงานเจรจากับลูกค้าสำคัญ”
“สำคัญมากกว่าการไปพบกับโยฮานเรื่องหมั้นหมายกับยะนีระห์เชียวหรือ อัสมานนี่ชักจะเหลวไหลมากไปเสียแล้ว เขาจะกลับมาเมื่อไหร่กันล่ะ”
“เอ่อ
.คือ”ยูซุปที่ตลอดเวลาตอบคำถามมาอย่างดี เพราะตระเตรียมมาแล้วล่วงหน้าเมื่อเจอคำถามนี้ก็ถึงกับชะงักงันไปเลยทีเดียว เขาไม่อาจรู้ใจเจ้านายหนุ่มได้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่
“ว่าอย่างไรล่ะ การเดินทางติดต่อเรื่องงาน ถึงจะสำคัญก็ควรจะมีหมายกำหนดการที่แน่นอน”
“เอ่อ
.”
“รู้สึกจะติดอ่างขึ้นมาบ่อยเหลือเกินนะ สีหน้าของเธอดูมีพิรุธเหลือเกินยูซุป บอกมาตามตรงเดี๋ยวนี้ ว่าเจ้านายของเธออยู่ที่ไหนและจะกลับมาเมื่อไหร่”ซายีน่าเริ่มเสียงดุ สีหน้าท่าทางคาดคั้นเอาจริงทำให้ยูซุปจำเป็นต้องตอบคำถาม
“มะ
..ไม่น่าจะเกินมะรืนนี้ครับ”
“ดี
ถ้ามะรืนนี้อัสมานยังไม่กลับมา เธอจะต้องหาคำตอบมาให้กับฉัน”ซายีน่ายื่นคำขาดก่อนจะผุดลุกเดินออกไปโดยมีโซซีคอยประคองตามหลังอย่างห่วงใย
เมื่อมาถึงลานจอดรถก็สวนทางเข้ากับฮัสซาร์ที่กำลังจะแวะเข้ามาดูงานที่โรมแรมอยู่พอดี เขาขมวดคิ้วราวกับประหลาดใจนักหนาที่เห็นภรรยาของตัวเองยอมออกมาจากบ้านเสียได้แถมยังดั้นด้นมาถึงที่ทำงานของเขาเสียอีก
“มีธุระอะไรด่วนหรือเปล่าซายีน่า”
“ฉันเป็นห่วงอัสมานค่ะ เกือบสามวันแล้วที่ลูกไม่ส่งข่าวคราวมา ปกติเขาไม่เคยเป็นอย่างนี้ ท่านพี่ก็รู้ว่าอัสมานห่วงฉันอย่างกับอะไรดี แต่กลับเงียบหายไปเลย ฉันชักห่วง”น้ำเสียงของซายีน่าไม่สู้จะดีนัก
“ไม่แน่หรอก มันอาจจะกำลังสนุกสนานอยู่ก็ได้”ฮัสซาร์บอกขึ้นเสียงห้วน เขายังไม่ปักใจเชื่อนักว่าอัสมานจะไม่รู้เห็นเป็นใจกับการหายตัวไปของซายูริ เพียงแต่ยังหาหลักฐานเอาผิดไม่ได้เท่านั้น
น่าเสียดายในวันที่อัสมานหายตัวไปอีกครั้ง คนของเขาและแม้แต่ตัวเขาเองก็ชะล่าใจ เพราะเห็นว่าในตอนเช้าอัสมานจะต้องไปเจรจาเรื่องหมั้นหมายกับยะนีระห์
ใครเล่าจะคิดว่าอัสมานจะเลือกหลบหนีไปในวันนั้น
.
“ท่านพี่หมายความว่าอย่างไร”ซายีน่าหันขวับมาถามอย่างตกใจ เมื่อทันได้เห็นเสี้ยวหน้าดุดันของผู้เป็นสามี ฮัสซาร์รีบปรับสีหน้าเมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของเธอ
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็พูดไปอย่างนั้นเอง บางทีอัสมานอาจจะหนีเที่ยวก็ได้ อย่าคิดมากเลย”ฮัสซาร์เป็นฝ่ายหันมาปลอบใจภรรยาเมื่อเห็นท่าทางไม่สบายใจที่ฉายชัดอยู่ในสีหน้า
“อัสมานไม่ใช่คนเหลวไหลอย่างนั้น ท่านพี่ก็รู้นี่คะ ฉันกลัวค่ะ กลัวว่าลูกกำลังได้รับอันตราย แต่พอถามยูซุป เขาก็ยืนยันหนักแน่นว่าอัสมานไปอเมริกาจริงๆ”สีหน้าของซายีน่าบ่งบอกว่าไม่ค่อยจะเชื่อถือคำพูดของยูซุปมากเท่าใดนัก
“ฉันโทรไปที่นั่นแล้ว เขายืนยันว่าอัสมานอยู่ที่นั่น”
“อย่างนี้ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ ว่าจะแวะไปปลอบใจยะนีระห์เสียหน่อย คงโกรธน่าดูเลยค่ะที่ทางเราผิดนัดในวันนั้น หากอัสมานกลับมาฉันจะลงโทษเสียให้หนัก”กล่าวคาดโทษแต่สีหน้านั้นฉายแววอ่อนลงในทุกครั้งที่พูดถึงบุตรชายคนเดียว ฮัสซาร์พยักหน้าแล้วทำท่าจะเดินจากไปแต่แล้วกลับเปลี่ยนใจหันมาทางภรรยา
“รอเดี๋ยวเถอะ ฉันขึ้นไปเซ็นงานสักครู่ เราไม่ได้ทานอาหารข้างนอกด้วยกันนานแล้ว”
“ท่านพี่
..”ซายีน่ามองผู้เป็นสามีอย่างคาดไม่ถึง อาการตื่นเต้นแกมยินดีอย่างสุดซึ้งจากภรรยาทำให้ฮัสซาร์ต้องเผลออมยิ้มมองอย่างเอ็นดูขึ้นเป็นครั้งแรก
“รอก่อนนะ”เขายิ้มรับแล้วเดินเลยขึ้นไปยังห้องทำงานชั้นบนด้วยความรู้สึกสุขใจอย่างประหลาด จะว่าไปแล้วการหายตัวไปของซายูริกลับไม่ได้ทำให้เขาทุรนทุรายอย่างที่ใจคิด
เวลานี้มีเพียงแค่ความห่วงใยต่อแม่สาวน้อยกำพร้าน่าสงสารผู้นี้เท่านั้น เพราะไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เขาจะแจ้งความก็ไม่ได้เสียด้วยเพราะมันอาจจะส่งผลต่อธุรกิจของเขา และที่สำคัญหากอัสมานเป็นคนพาตัวเธอไปล่ะก็ มันก็เท่ากับว่าเขาแจ้งความจับลูกชายเพียงคนเดียวของตัวเอง
“ฉันฝันไปรึไม่โซซี”ซายีน่าหันมาถามสาวใช้คนสนิทด้วยสีหน้าประหลาดใจ แทบนับครั้งได้ที่ฮัสซาร์ผู้เป็นสามีจะปฏิบัติต่อเธอด้วยกิริยาอ่อนโยนเช่นนี้
“ไม่หรอกค่ะ นายหญิง นายท่านบอกเช่นนั้นจริงๆ”นางโซซีเองก็รู้สึกดีใจและโล่งใจแทนผู้เป็นเจ้านาย ไม่ว่าท่านฮัสซาร์จะทำอย่างนี้ด้วยเหตุผลใด หากมันทำให้ผู้เป็นนายของเธออาการดีขึ้นแล้ว นางก็ยินดี
ฮัสซาร์ขึ้นไปทำงานเพียงไม่นานอย่างที่บอกเอาไว้จริงๆ เพราะหลังจากนั้นเขาก็ลงมาหาผู้เป็นภรรยาแล้วพาเธอไปทานอาหารยังร้านที่เคยไปทานด้วยกันเป็นครั้งแรก โดยที่โซซีขอรออยู่ที่โรงแรมเพราะนางเองก็ไม่อยากไปขัดขวางการปรับความเข้าใจกันของผู้เป็นเจ้านายเหนือหัวทั้งสอง
“ร้านนี้เปลี่ยนไปมากเลยนะคะ เกือบเจ็ดปีแล้วกระมังที่ฉันไม่ได้มา”ซายีน่าบอกพลางกวาดสายตามองไปรอบร้านด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านอาหารที่ฮัสซาร์พาเธอมาเมื่อครั้งหมั้นหมายกันใหม่ๆ
เธอหลงรักเขาในทันทีที่เห็นหน้าแต่สำหรับเขานั้นเธอดูไม่ออกจริงๆ รู้แต่ว่าหลังแต่งงานเพียงแค่ไม่กี่วัน เขาก็พาผู้หญิงคนที่สอง ที่สามเข้าบ้าน สร้างความเจ็บช้ำให้เธอเป็นอย่างมาก เขามาที่บ้านพักที่สร้างให้เธอแทบนับครั้งได้ ทำให้ซายีน่าในเวลานั้นรู้สึกเก็บกด เจ็บช้ำจนกลายเป็นอาการทางจิต
เธอมีเพียงแค่อัสมานเท่านั้น ที่เป็นตัวแทนความรักของผู้เป็นสามี เธอจึงได้ทุ่มเททุกอย่างให้กับเขา อัสมานจึงได้รับรู้ถึงความชอกช้ำของแม่จนแสดงอาการต่อต้านต่อผู้เป็นพ่อและผู้หญิงทุกคนของฮัสซาร์
“นานถึงเพียงนั้นเลยหรือ”ฮัสซาร์เองก็นึกไม่ถึง นี่เขาละเลยภรรยานานขนาดนั้นเชียวหรือนี่ ยิ่งมองซีกหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความกังวลและทุกข์ใจของภรรยาเขาก็ยิ่งรู้สึกผิด
“ท่านพี่มีงานเยอะนี่คะ ฉันเข้าใจ อัสมานบอกทั้งหมดแก่ฉันแล้วค่ะ ว่าที่ท่านพี่ไม่มีเวลาให้กับเราสองแม่ลูกก็เพราะว่างานยุ่งมาก ท่านพี่
หากเหนื่อยมากนักก็พักเถอะนะคะ อัสมานโตพอที่จะรับผิดชอบงานแทนเราได้แล้ว อีกหน่อยเขาก็จะมีหลานชายมากมายให้เราได้ชื่นชม เราสองคนก็จะเป็นปู่กับย่ายังไงล่ะคะ”ซายีน่าบอกด้วยสีหน้าชวนฝัน
“ปู่ ย่า อย่างนั้นหรือ”ฮัสซาร์ทวนคำ สองคำนี้มันช่างฟังลึกซึ้งกินใจเสียจริง มันเป็นคำที่ช่วยดับไฟตัณหาราคะที่มีมาตลอดในตัวเขาให้ดับมอดลงได้อย่างประหลาด อย่างน้อยคำนี้ก็เกือบจะทำให้เขาไม่มีความคิดอยากจะเอาเด็กสาวคราวลูกอย่างซายูริมาเป็นภรรยาอย่างที่ได่ตั้งใจเอาไว้แต่แรก
“ค่ะ ปู่ ย่า ยะนีระห์เป็นผู้หญิงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับอัสมาน”
“ดูเหมือนยะนีระห์เองก็มีใจให้อัสมาน แต่ฉันกลับไม่แน่ใจเสียแล้วว่าลูกชายของเรารักใคร่ชอบพอกับแม่หนูคนนั้น”ฮัสซาร์บอกขึ้นอย่างไม่แน่ใจ ซายีน่าทำสีหน้าครุ่นคิดอย่างไม่สบายใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“ทำไมท่านพี่คิดอย่างนั้นล่ะคะ ฉันก็ยังไม่เห็นว่าอัสมานจะสนิทสนมกับใครนอกจากยะนีระห์”
“ถ้ามันรักใคร่แม่หนูคนนั้นจริง แล้วมันจะหลบเลี่ยงการหมั้นหมายในวันนั้นทำไมกันเล่า งานอะไรล่ะ มันจะสำคัญเท่ากับผู้หญิงที่มันรัก นอกจากว่า
”ฮัสซาร์รีบยั้งปากและความคิดของตัวเองเอาไว้ได้ทัน เมื่อเห็นหน้าแสดงความสงสัยของซายีน่า สายตาของเธอมองมายังฮัสซาร์อย่างคาดคั้น
“นอกจากอะไรคะ”
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่นอกจากมันจะรักคนอื่นเสียแล้ว”
“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ อัสมานไม่เคยพูดถึง หากอัสมานจะรักใครเขาต้องถามความเห็นชอบจากฉันอยู่แล้ว”ซายีน่าบอกขึ้นอย่างมั่นใจ ฮัสซาร์เลยได้แต่พยักหน้าเพราะไม่อยากขัดใจ
ความคิดของเขาในเวลานี้เต็มไปด้วยความวุ่นวายและสับสน หากอัสมานเป็นคนลักพาตัวซายูริไปจริง ในฐานะที่เธอกำลังจะเป็นเจ้าสาวของเขา เขาควรจะทำอะไรกับอัสมานดี
.
แล้วเธอผู้นั้นเล่า จะยังคงความเป็นนางสาวซายูริอยู่เต็มตัวได้เช่นนั้นหรือ แล้วเขาจะทำใจรับคนที่เกือบจะเป็นภรรยาของตัวเองมาเป็นลูกสะใภ้ได้โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวางใจอย่างนั้นได้หรือ
และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด อัสมานรังเกียจซายูริ คงไม่มีทางที่จะรับผิดชอบชีวิตของศัตรูด้วยการผูกมัดอย่างการแต่งงานเป็นแน่ แล้วเมื่อนั้นชีวิตของซายูริคงเต็มไปด้วยความมืดหรือแสงสว่างที่ริบหรี่แต่หากเขาจะทำใจยอมรับเธอผู้นั้นได้ แล้วซายีน่าเล่า จะยอมให้เขารับภรรยาคนที่สี่แต่โดยดีหรือไม่
“ท่านพี่
..”เสียงเรียกของซายีน่าทำให้เขาถึงกับสะดุ้งวาบ รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติโดยทันที ซายีน่าตักอาหารให้ผู้เป็นสามีอย่างเอาใจ สีหน้าของเธอบ่งบอกว่าสุดรักสุดบูชาในตัวสามีผู้นี้ยิ่งนัก
“หมู่นี้ท่านพี่ดูซูบผอมไป ราวกับคนมีเรื่องให้คิดหนัก ทานมากๆ นะคะ”ซายีน่าแย้มยิ้มแล้วเหลือบมองไปเห็น เด็กหญิงวัยไม่เกินห้าขวบที่วิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาในห้องอาหารแล้วสะดุดขาตัวเองล้มลงแล้วส่งเสียงร้องไห้จ้าขึ้นมา เธอลุกขึ้นขยับจะเข้าไปประคองแต่ก็ช้ากว่าฮัสซาร์ที่ก้าวขายาวๆไปไม่นานก็ถึงตัวเด็ก
“เป็นอย่างไรบ้างแม่หนู”ฮัสซาร์เอื้อมมือเข้าไปพยุงร่างนั้นขึ้นและเอ่ยถามอ่อนโยน
“หนูเจ็บ”
“เจ็บตรงไหนบอกมาสิจ๊ะ”ฮัสซาร์ถามพลางปัดเศษฝุ่นให้ เด็กหญิงเงยหน้าเปื้อนหยาดน้ำตาขึ้นมองผู้ช่วยเหลือก่อนจะเบะปากร้องไห้จ้ายิ่งกว่าเดิม
“โอม
..เพี๊ยง หายแล้ว”คหบดีฮัสซาร์ค่อยๆ ไล้ปลายมือไปเช็ดน้ำตาให้และลูบเบาๆ ตรงหัวเข่าเล็กๆ ที่ถลอกของเด็กหญิงให้แผ่วเบาและก้มลงเป่าให้แล้วเอ่ยกับเด็กหญิง
“หายเจ็บจริงๆ ด้วยค่ะ คุณปู่”เด็กหญิงบอกขึ้นพลางยิ้มกว้าง ทั้งที่น้ำเสียงยังเจือไปด้วยแรงสะอื้น จนฮัสซาร์ต้องเผลอหัวเราะขึ้นมาอย่างขบขัน ซายีน่ามองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มแห่งความประทับใจ
“หนูเรียกฉันว่าปู่หรือ”
“ค่ะ
..คุณปู่ของหนู หน้าตาก็คล้ายๆ อย่างนี้ มีหนวดสีดำๆ งอๆ แบบนี้ล่ะค่ะ”เด็กหญิงผละตัวลุกขึ้นแล้วยกมือน้อยๆ นั้นขึ้นไปลูบคลำหนวดเคราที่ตัดเป็นระเบียบอยู่เหนือริมฝีปากนั้นแล้วเลยลูบเล่นอยู่อย่างนั้น
“ชื่ออะไรหรือจ๊ะแม่หนู”นางซายีน่าก้มลงถามด้วยความเอ็นดู
“ซาร่าค่ะ คุณย่า”เด็กหญิงตอบฉะฉาน ดวงตาเป็นประกายวาววับอย่างซุกซน
“ลูกหลานใครกันนะ ช่างน่ารักจริง หากเรามีหลานช่างพูด ช่างเจรจาแบบนี้บ้างก็คงจะดีนะคะ ท่านพี่”ซายีน่าหันมาถามความเห็น ท่านฮัสซาร์เองก็พยักหน้าเห็นด้วย นึกเอ็นดูเด็กหญิงผู้นี้นักหนา
หากมีหลานที่คอยพูด ช่างซัก ช่างถามแบบนี้อยู่ในบ้านเขาก็คงจะไม่เหงา ซายีน่าเองก็เช่นเดียวกัน คำว่าปู่ย่าที่เด็กหญิงเรียกขานก่อให้เกิดความรู้สึกลึกซึ้งไม่รู้คลาย
“ซาร่า ตายจริง
มากวนอะไรคุณเขาลูกรัก”น้ำเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นพลางวิ่งมาโอบอุ้มลูกสาวตัวน้อยเอาไว้แนบอกแล้วค้อมศีรษะลงขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ หากซาร่าเล่นซนอะไรกวนใจ”
“ไม่เลย แม่หนูคนนี้น่ารักเหลือเกิน หนูช่างโชคดีนัก”ท่านฮัสซาร์ก้มลงมองเด็กหญิง อย่างเสียดายที่เวลาที่แสนจะอบอุ่นและสุขใจนี้ได้หมดลงเสียแล้ว ในวินาทีที่แม่บังเกิดเกล้าของเด็กหญิงมาแย่งตัวไปโอบอุ้มเอาไว้แทน
“แหม
ฉันล่ะเหนื่อยใจจะตายไปค่ะ อีกหน่อยพอลูกของคุณทั้งสองมีหลานเล็กๆ ให้เลี้ยงไว้ในบ้าน รับรองว่าจะมาบ่นให้ฟังแน่ๆ เชียวค่ะ”หญิงสาวผู้นั้นบอกยิ้มๆ ก่อนจะเอ่ยขอตัวออกไปพร้อมกับเด็กหญิงซาร่าที่หันมาโบกมือน้อยๆ อำลา ฮัสซาร์กับซายีน่ามองตามหลังเด็กหญิงไปด้วยความรู้สึกเงียบเหงา
“คิดอะไรอยู่หรือซายีน่า”ท่านฮัสซาร์หันมาถามเมื่อเห็นว่าผู้เป็นภรรยามองตามหลังซาร่าไปโดยไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน นางหันมายิ้มเศร้าให้กับท่านฮัสซาร์แล้วบอก
“ฉันอยากได้หลานสาวช่างพูดแบบนั้นน่ะค่ะ หากว่าเป็นลูกสาวของอัสมานก็คงจะดี ฉันอยู่แต่กับโซซี นานๆกว่าท่านพี่กับลูกจะมาหา ฉันเหงาเหลือเกิน”น้ำเสียงเศร้าสร้อยนั้น ทำให้ท่านฮัสซาร์รู้สึกสะท้อนเยือกในหัวใจด้วยความรู้สึกผิดหนักยิ่งขึ้น เขามองสบดวงตาบ่งบอกถึงความรักลึกซึ้งนั้นแล้วจึงเอ่ยให้คำสัญญา
“ฉันจะพยายามไปหาเธอบ่อยๆ”
“ท่านพี่
”ซายีน่ารวบมือของผู้เป็นสามีขึ้นมาจุมพิตอย่างแสนรักซึ่งเขาเองก็ดึงร่างบางของภรรยาเข้ามาใกล้และโอบเอาไว้หลวมๆ ด้วยความรู้สึกเข้าใจในกันและกันเป็นครั้งแรก
********************************************************************************************************************
แสงแห่งรุ่งอรุณสาดทอเข้ามาภายในกระโจมทำให้ร่างสองร่างที่ประครองกอดกันอยู่ด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขต้องตื่นขึ้น ซายูริมองไปรอบๆ กายก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ชายผู้เป็นสามีในทางพฤตินัยของเธอ ความรู้สึกของเธอเวลานี้ราวกับคนเพิ่งจะสร่างเมา สับสน มึนงงและสุขล้ำปะปนกันอย่างประหลาด
“ไม่อยากให้ถึงเวลาเช้าเลยซายูริ”ชายหนุ่มตะแคงหน้ามามองเรือนร่างเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าห่มผืนบางของเขาเองด้วยสายตาอ่อนหวาน รอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏอยู่บนริมฝีปากของเขา เมื่อเห็นท่าทีเขินอายของซายูริ เมื่อคืนนี้เขาตักตวงความรักและความสุขจากเธอจนเต็มที่
“กลับกันเถอะค่ะ เดี๋ยวสายกว่านี้แล้วแดดจะแรง ป่านนี้ท่านน้าซาวานอาจจะกำลังรอเราอยู่ก่อนแล้วก็ได้”หญิงสาวผุดลุกขึ้นพร้อมกับรวบผ้าห่มมาพันกายเมื่อเขายังคงหยุดสายตาอยู่ที่เนินอกขาวผ่องของเธอที่เขาเป็นผู้ครอบครองมันมาทั้งคืน อัสมานทำท่าอิดออดไม่ยอมลุกเสียทีก่อนจะกระตุกร่างบางนั้นให้เซถลาเข้ามาปะทะกับทรวงอกของเขา
“ซาวานมันไม่ว่าหรอกน่า จะรีบกลับทำไมเล่า พอกลับไปก็มีซาวานเป็นก้างขวางคอเราอีกน่ะสิ เธอสวยเหลือเกินซายูริแถมยังหอมไปทั้งตัว เคยมีใครบอกกับเธออย่างนี้ไหม”เขาเอ่ยชมจากใจจริง
“มีสิคะ เยอะแยะไป”
“อะไรนะ ใครกัน! บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”อัสมานตาขวาง น้ำเสียงชักดุดัน สีหน้าของเขาดูตกใจจนซายูริชักรู้สึกผิดที่คิดจะกลั่นแกล้งเขาอย่างนั้น
“ก็ฉันเป็นเกอิชานี่คะ เกอิชาก็ต้องทำตัวเองให้สวยและเนื้อตัวหอมกรุ่นอยู่ตลอดเวลา บรรดาแขกของสำนักเกอิชาล้วนมีมากหน้าหลายตา แต่ท่านก็คงจะรู้ดีว่าฉันไม่ได้ยินยอมให้ใครล่วงเกินไปมากกว่านั้น”
“นั่นสินะ”อัสมานยอมยิ้มออกมาได้
“กลับกันเถอะนะคะ ท่านน้าซาวานคงรอแย่”ซายูริหันมาบอกเป็นครั้งที่สองแล้วทำท่าจะผละไป อัสมานยื้อข้อมือขาวผ่องนั้นไว้แล้วตัดสินใจบอกกับเธอ
“พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอกลับไปดิลิยะห์ ไปสารภาพเรื่องของเราให้ท่านพ่อกับท่านแม่รู้”
“ท่านแน่ใจหรือคะว่า
ท่านทั้งสองจะยอมเข้าใจ”ซายูริเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล ไม่แน่ใจเลยสักนิดว่าเรื่องราวระหว่างเธอกับเขาจะสามารถลงเอยด้วยดีไปได้แต่เธอก็ไม่ซักถามไปมากกว่านั้นแต่รีบลงมือเก็บข้าวของและออกเดินทางกลับไปยังโอเอซิสอันเป็นที่อยู่ของเธอและเขาตามเดิม
การเดินทางเต็มไปด้วยความเงียบ เมื่อต่างฝ่ายต่างมีเรื่องราวให้ครุ่นคิดมากมาย อัสมานนั้นคิดหนักในเรื่องที่จะต้องแก้ไขปัญหาที่ตัวเขาเองนั้นเป็นผู้ก่อมันขึ้นมา
ในเวลานี้เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอย่างเมื่อก่อนนี้แล้ว หากแต่ยังมีคู่ชีวิตที่ต้องหอบหิ้วเธอกลับไปด้วย สังคมของเขานั้นผู้ชายเป็นใหญ่ในทุกสิ่ง
ผู้หญิงก็เปรียบเสมือนสินค้าหรือสัตว์เลี้ยงที่มีหน้าที่เป็นผู้ตามและยินยอมทุกอย่างเมื่อบิดาหรือสามีของเธอต้องการ แต่เขาตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะมีภรรยาเพียงคนเดียวในชีวิต เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแก่ตัวเขาและลูกที่จะเกิดมาในภายภาคหน้า แต่ซายีน่าผู้เป็นมารดาของเขาจะยินยอมรับหญิงต่างชาติให้เป็นภรรยาออกหน้าออกตาของบุตรชายอันเป็นที่รักคนเดียวได้ล่ะหรือ
เมื่อก่อนนี้เขาเองก็มีความคิดความอ่านที่ไม่แตกต่างจากชายชาวอาหรับคนอื่นๆ แต่ตอนนี้เขาเต็มใจที่จะรักและยกย่องซายูริเพราะความรักแม้ว่าเธอจะเป็นเพียงผู้หญิงต่างชาติก็ตาม สำหรับเขาแล้วเวลานี้จะต้องรับผิดชอบชีวิตของซายูริด้วยชีวิต เพราะเธอนั้นเป็นแค่หญิงสาวตัวเล็กๆ แถมยังอ่อนแอนัก
หญิงสาวผู้นี้ได้อดทนอดกลั้นกับความอารมณ์ร้ายและความป่าเถื่อนของเขาและมีความเป็นอยู่อย่างยากลำบากทั้งที่เธอควรจะมีความสุขอยู่กับการเป็นภรรยาคนที่สี่ของคหบดีฮัสซาร์แต่เธอก็ไม่ปริปากบ่น แถมยังเต็มใจที่จะทนอยู่ในทะเลทรายมากกว่าการอยู่กับพ่อของเขาเสียอีก
เขานึกขอบคุณ อัลเลาะห์และพระเจ้าเบื้องบน ที่ท่านได้เมตตากรุณาส่งผู้หญิงที่ดีที่สุดอย่างซายูริมาให้กับเขา ดลใจให้เขาเอาตัวเธอมากักขังเสียที่นี่ แม้ว่าเขาและเธอจะได้กระทำการอันเรียกว่าผิดประเพณีในครั้งนี้ แต่เขาก็แน่ใจว่าพระองค์ผู้มีความกรุณานั้นจะเข้าใจถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของเขาที่มีต่อเธอ
“ท่านอัสมาน ซายูริ ข้าดีใจเหลือเกินแล้วที่พวกท่านปลอดภัย”นางซาวานละมือจากการซักผ้าแทบจะเรียกว่าเป็นวิ่งถลาออกมารับข้าวของมากมายจากซายูริ
“ฉันก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกันล่ะค่ะ เป็นเพราะความดื้อรั้นของตัวเองแท้ๆ ที่ลืมคำเตือนของท่าน”ซายูริบอกขณะเลือกข้าวของที่เธอตั้งใจซื้อมาฝากส่งให้
“ตายจริง! แล้วเจ้าเป็นอะไรมากหรือไม่”นางซาวานถึงกับตบอกผางในทันทีที่หญิงสาวเล่าจบ แล้วหันมาสำรวจตามเนื้อตามตัวของเธอด้วยความห่วงใย
“ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่บอบช้ำนิดหน่อยแต่ถ้าท่านอัสมานไม่มาช่วยฉันก็คงแย่”
“โอ
..ขอบคุณท่านเหลือเกินที่ช่วยนางเอาไว้”นางซาวานคุกเข่าให้กับชายหนุ่มแทนคำขอบคุณ
“ถึงอย่างไรข้าก็ต้องช่วยนางอยู่แล้ว เพราะว่านางกับข้าเป็น
..”อัสมานยังพูดไม่ทันจบประโยคซายูริก็รีบเปลี่ยนเรื่องขึ้นเสียก่อน เพราะยังไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของเธอกับเขาในเวลานี้ แต่นางซาวานก็ลอบมองอาการขวยเขินของทั้งคู่อยู่ด้วยความสงสัย เพียงแต่ไม่ปริปากถามออกมาเสียเท่านั้น
หนุ่มสาวเดินทางรอนแรมด้วยกันตามลำพังอย่างนั้น ยากนักที่จะบังคับหัวใจตัวเองไม่ให้มีอะไรเกินเลย แต่หากเจ้านายของนางกับซายูริจะลงเอยกันเสียได้นางเองก็ยินดียิ่งนัก
“พรุ่งนี้ข้ากับซายูริจะเดินทางกลับดิลิยะห์ เจ้าจะไปด้วยหรือไม่ซาวาน”อัสมานหันมาเอ่ยถามนางทาสผู้ซื่อสัตย์ นางซาวานส่ายหน้าแทนคำตอบโดยไม่ต้องรอคิด
“ไปด้วยกันเถอะนะคะท่านน้า หากท่านไม่ไปฉันคงคิดถึงท่านมาก”ซายูริรวบมืออีกฝ่ายมากุมเอาไว้ด้วยสีหน้าอ้อนวอน เพราะความขาดแม่และอีกฝ่ายเองก็ขาดลูก ทั้งสองจึงได้เกิดความรู้สึกผูกพันกันได้ไม่ยาก
“ชีวิตของข้าอยู่ที่นี่ จะตายก็ขอให้ได้ตายที่นี่เถิดค่ะนาย แต่หากเป็นความประสงค์ของนายท่านจริงๆ ข้าก็ต้องติดตามไป เพราะท่านคือผู้มีพระคุณของข้า”
“ข้าไม่บังคับใจเจ้าหรอกซาวาน แต่เอาเถอะ หากข้ามาเที่ยวเล่นในทะเลทรายแห่งนี้เมื่อไหร่ ข้าจะพาซายูริมาพบเจ้าทันที ข้ารู้ดีหากเอาเจ้าไปด้วย เจ้าก็คงจะไม่มีความสุข”อัสมานบอกขึ้นอย่างเห็นใจ
“ขอบคุณเหลือเกินแล้วนายท่าน”นางซาวานก้มลงทำความเคารพซ้ำซาก แล้วหันมาทางซายูริที่ไม่พูดไม่จาเพราะเอาแต่น้ำตาซึมที่จะต้องจากนางซาวานไปโดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะได้กลับมาพบกันอีก
“ขอให้เจ้าโชคดีซายูริ”
“ท่านเองก็เช่นกันค่ะ ฉันจะไม่มีวันลืมท่านหรอก”ซายูริโผเข้ากอดนางซาวาน นอกจากนางคาเนดะกับมิกะแล้วก็เห็นจะมีนางผู้นี้กระมังที่เธอรักและผูกพันด้วย
“ถ้าอย่างนั้น คืนนี้เราจะเลี้ยงฉลองกันดีไหมคะ ข้าจะทำอาหารเลี้ยงพวกท่านอย่างสุดฝีมือเลยทีเดียว”นางซาวานรีบเปลี่ยนเรื่อง ก่อนที่หยาดน้ำตาของนางจะรินไหลออกมาให้อับอาย
“ฉันก็จะระบำพัดให้พวกท่านดูด้วย ฉันซื้อมันมาจากตลาดด้วย”ซายูริว่าพลางค้นหาข้าวของแล้วต้องตกตะลึงเมื่อเห็นพิณซึ่งเป็นเครื่องดนตรีชิ้นโปรดของเธอลองจากซามิเซ็ง
ซายูริหันขวับมามองเขาด้วยความตื้นตันใจ เธอนึกว่าเขามัวแต่เจรจาซื้อขายสัตย์เลี้ยงโดยไม่ได้สนใจไยดีเธอเลยแต่เขากลับสู้อุตส่าห์นึกถึงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ อย่างซื้อเครื่องดนตรีมาให้เธอ
“ฉันกลัวเธอเหงาก็เลยซื้อมาให้ และคืนนี้หวังว่าฉันกับซาวานคงจะได้ฟังเธอบรรเลงให้ฟัง”
“แน่นอนค่ะ รับรองว่าคืนนี้ท่านทั้งสองจะต้องติดใจฝีมือการเล่นดนตรีของฉันเป็นแน่”ซายูริยิ้มเป็นเชิงอวด อัสมานส่ายหน้ากับความขี้อวดของอีกฝ่าย
แล้วทั้งสามจึงได้ช่วยกันลงมือสร้างงานเลี้ยงส่งท้ายเล็กๆ ขึ้นมาก่อนการอำลาจริงในวันพรุ่งนี้ อัสมานก่อไฟกองใหญ่เพื่อให้แสงสว่าง ในขณะที่ซายูริกับซาวานลงมือประกอบอาหารอย่างสุดฝีมือ เมื่อลงมือทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซายูริจึงได้ลงมือชงชาตามแบบฉบับของญี่ปุ่นให้แขกเพียงแค่สองคนของเธอได้ชิม
การชงชาที่เน้นความอ่อนช้อย และลีลาของผู้ชงมากกว่าจะต้องการรสชาติที่แท้จริงของชา และเมื่อเธอได้รินชาแจกจ่ายให้แขกของเธอแล้วจึงได้หยิบเอาพิณขนาดเล็กรูปร่างแปลกตาเพราะเป็นพิณตามแบบฉบับของชาวอาหรับแล้วลงมือเล่นด้วยจังหวะสูงๆ ต่ำๆ มีทั้งอารมณ์สนุกสนานและเศร้าสร้อยปะปนกันตามอารมณ์ของผู้เล่น
“เยี่ยมยอดจริงๆ”เสียงปรบมือดังลั่นมาจากอัสมานพร้อมกับเอ่ยชมจริงจัง ซายูริยิ้มกว้างด้วยความพอใจจึงได้ลงมือทั้งร้อง ทั้งเต้นระบำเองอย่างสนุกสนาน
เพราะไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใด ชีวิตของเด็กกำพร้าเร่ร่อนอย่างเธอจะได้พานพบกับความสุขและความสนุกสนานดังเช่นวันนี้อีกครั้ง ดังนั้นวันนี้เธอจึงจะขอตักตวงมันเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่เธอจะสามารถเก็บเกี่ยวมันเอาไว้ได้
ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงจันทร์และดวงดาวประดับประดาเต็มท้องฟ้าลาจากไปอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย อีกไม่กี่เวลาข้างหน้าเธอจะต้องกลับไปเผชิญกับอนาคตที่ไม่รู้ชะตากรรม
..
*********************************************************************************************************************
ขากลับกินเวลาไม่มากนัก เพราะอัสมานไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนตัวจากการตามล่าของฮัสซาร์ผู้เป็นพ่อ เขาจึงใช้เวลาแค่หนึ่งวันกับหนึ่งคืนในการพาเธอเดินทางรอนแรมในทะเลทรายจนเข้าสู่เขตเมือง อัสมานพาเธอขึ้นรถไฟจากเมืองท่าและโทรศัพท์เรียกยูซุปให้มารับเมื่อมาถึงปลายเขตดิลิยะห์
ทันที่ที่เห็นผู้เป็นเจ้านายกับหญิงสาวชาวญี่ปุ่นเขาก็ถึงกับเข่าอ่อน ทั้งที่รู้ล่วงหน้าอยู่แล้วแต่พอเห็นภาพนั้นจริงๆ เขากลับหวาดหวั่น อย่างบอกไม่ถูก เพราะดูจากท่าทางของอัสมานที่แสดงออกต่อซายูริแล้ว มันผิดวิสัยปกติที่อัสมานจะปฏิบัติต่อคนที่เขาเรียกว่าเชลย มันมีทั้งความอ่อนโยนและห่วงหาอาทรในการแสดงออกนั้น
“นายท่านกับคุณซายูริ
”
“ซายูริเป็นเมียของฉัน”คำตอบของเขาชัดเจน ชัดถ้อยชัดคำเกินกว่าที่เขาจะคิดคำถามอื่นออกไปได้ทัน ผู้หญิงคนนี้มาที่ดิลิยะห์เพื่อเป็นภรรยาของท่านฮัสซาร์แต่ตอนนี้เจ้านายของเขากลับบอกว่าเธอผู้นั้นเป็นภรรยาของเขาอย่างนั้นหรือ
โอ
นี่พระเจ้าเบื้องบนคิดจะเล่นตลกอะไรกัน พ่อกับลูกจะรักผู้หญิงคนเดียวกันได้อย่างไร
“แต่
นายท่าน”
“ฉันจะรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันทำเอง”อัสมานโอบกระชับร่างบางเข้ามาใกล้อย่างหวงแหน ในขณะที่ซายูริได้แต่ก้มหน้างุดเพราะไม่รู้จะวางหน้าอย่างไรเช่นเดียวกัน
“ครับ”ยูซุปตอบได้เพียงแค่นั้น แต่น้ำเสียงของเขาดูอ่อนลง ดวงตาคมกริบของเขาทอดมองร่างที่อยู่ในอ้อมกอดของอัสมานแล้วถอนหายใจ
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายเฉยชาอย่างอัสมาน ยามเมื่อปฏิบัติต่อซายูริจะดูอ่อนโยนถึงขนาดนั้น เขาไม่อยากเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อเมื่อเห็นท่าทางห่วงหาของอัสมานที่มีต่อเธอ
“เชิญครับ”ยูซุปเปิดประตูรถยนต์ให้ทั้งคู่ขึ้นไปนั่งทางด้านหลัง อัสมานแตะแขนหญิงสาวให้เข้าไปข้างในแล้วกระซิบบอกอ่อนโยนเมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของเธอ
“ไม่ต้องห่วงนะซายูริ ทุกอย่างฉันจะจัดการเอง”
“ค่ะ”หญิงสาวพยักหน้า ทั้งที่ไม่แน่ใจเลยสักนิดเดียว สังหรณ์ใจบางอย่างบอกกับเธอว่า เรื่องมันจะไม่ง่ายอย่างที่เขาบอกแก่เธอ แต่เธอเองก็ไม่อยากจะขัดใจเขาให้ต้องหนักใจ
หลายวันมานี้เธอรู้ดีว่าเขาวิตกกังวลมากเพียงใด อัสมานเป็นคนรักแม่มาก ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาคิดจะขัดใจผู้เป็นมารดา นอกเสียจากครั้งนี้
.
เมื่อรถเคลื่อนตัวออกไปจากที่นั้น ภายในรถเต็มไปด้วยความเงียบงัน อัสมานเองก็มีสีหน้าวิตกกังวลเกินกว่าจะพูดอะไรได้ในเวลานี้ ซายูริเองก็เช่นเดียวกัน จนกระทั่งรถยนต์คันหรูของอัสมานมาจอดหน้าโรงแรม เขาให้เธอขึ้นไปพักผ่อนในห้องพักห้องเดิมของเธอ ในขณะที่ตัวเขาเองนั้นสั่งให้ยูซุปไปส่งที่บ้านของซายีน่าผู้เป็นแม่
“นายท่านครับ ตอนที่คุณซายูริหายตัวไป แม้ไม่มีหลักฐานว่านายท่านเป็นคนพาตัวเธอไปแต่ผมรู้ดีว่าท่านฮัสซาร์นั้นสงสัยตัวนายท่านอย่างมาก ท่านแค้นเคืองไม่น้อยที่ถูกลูบคมอย่างนั้น”ยูซุปเอ่ยเตือน
“ฉันรู้ดียูซุปว่าเวลานี้ฉันกำลังจะเดินเข้าปากของสิงโต ได้แต่นั่งรออย่างสงบใจว่าเมื่อไหร่ สิงโตตัวนั้นจะขย้ำฉันให้ตายคาปาก”อัสมานบอกขึ้นคล้ายจะเย้ยหยันตัวเอง
“ผมนึกแล้ว ว่าคนอย่างนายท่านหากมีความรักจะต้องยอมแลกกับทุกสิ่งแม้กระทั่งชีวิต เพียงแต่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่คุณยะนีระห์เท่านั้น”
“ใช่
..ฉันเองก็ไม่เคยคิด ว่าตัวเองจะรักใคร่ผู้หญิงคนนี้ได้ เมื่อแรกที่ฉันพาเธอไปมันเต็มไปด้วยความแค้นอยู่แน่นอกแต่ซายูริก็ได้พิสูจน์ให้ฉันเห็นแล้วว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดสำหรับฉัน”
“ผมกลัวว่าท่านฮัสซาร์จะไม่ยินยอม แล้วยังจะท่านคหบดีโยฮานอีก เขาคงไม่ยอมง่ายๆ เพราะทางเราได้เอ่ยปากเจรจาสู่ขอคุณหนูยะนีระห์ไปแล้ว นอกเสียจากว่าจะให้เธอเป็นภรรยาคนที่หนึ่งแล้วคุณซายูริเป็นรอง”
“แกก็รู้ดีนี่นายูซุป ฉันไม่เคยคิดจะมีเมียสองคน”ชายหนุ่มยังคงยืนยันความคิดของตัวเอง แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตหรือแม้แต่การจ่ายเงินทดแทนค่าเสียหายให้แก่ยะนีระห์จนหมดตัวไปเลยก็ตาม
“นายท่านทำอย่างกับว่าไม่กลัวความตาย”
“กลัวสิ ใครบ้างล่ะที่ไม่กลัวตาย แต่ถึงอย่างไรฉันก็เป็นลูก ถ้าหากพ่อจะโกรธแค้นถึงขนาดฆ่าฉันด้วยมือของท่านเอง ฉันก็คงจะไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากทางแห่งความตาย”
“ความรักช่างมีอิทธิพลต่อท่านมากเหลือเกิน จะมีผู้หญิงคนไหนบ้างที่จะโชคดีอย่างนั้น”
“เจ้ากำลังจะบอกว่าเราโง่อย่างนั้นสิยูซุป วันนี้แล้วที่จะเป็นวันชี้ชะตาของฉัน หากว่าฉันไม่สามารถผ่านวันนี้ไปได้ ฉันก็ขอฝากซายูริเอาไว้ด้วย ทุกอย่างเป็นความผิดของฉันแต่เพียงผู้เดียว”
เขาเองก็นึกประหลาดใจตัวเองเช่นเดียวกัน เพราะไม่คิดว่าความรักจะมีอิทธิพลกับตัวเขามากมายถึงเพียงนี้ ความกลัวตายของเขานั้นแทบจะไม่ต้องคิด เพื่อซายูริแล้ว เขาพร้อมจะเดินก้าวเข้าสู่ปากของสิงโตที่ดุร้าย ทั้งที่ไม่อาจแน่ใจว่าความตายจะไม่รออยู่ข้างหน้า เวลานี้ไม่มีอะไรสำคัญมากเท่าความรัก
ทันทีที่รถของเขาจอดลงหน้าบ้านของซายีน่า เขาก็ตรงเข้าไปพบผู้เป็นมารดาในทันทีด้วยความร้อนใจ ขณะนั้นมารดาของเขากำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่กับท่านฮัสซาร์ผู้บิดา เป็นภาพที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นมาก่อน
“อัสมานลูกรัก
.”ซายีน่าโผเข้ากอดร่างสูงกำยำของบุตรชายคนเดียวอย่างแสนรัก ใบหน้าของผู้เป็นมารดาแจ่มใสขึ้นผิดหูผิดตา มือขาวสะอาดของเธอลูบคลำไปบนคากสากๆ ของอัสมานอย่างผิดสังเกต
“ทำไมลูกถึงได้ดูมอมแมมอย่างนี้ เจ้าไปเจรจาการค้าที่อเมริกาหรือว่าไปเป็นพ่อค้าเร่ร่อนในทะเลทรายกันแน่ แล้วไหนจะชุดสกปรก เปื้อนทั้งฝุ่นและทรายแบบนี้อีก”นางซายีน่าพึมพำอย่างตกใจ เช่นเดียวกับท่านฮัสซาร์ที่จับจ้องไปบนใบหน้าเปื้อนคราบฝุ่นของบุตรชาย คิ้วของเขาขมวดขึ้นเป็นปมอย่างจับผิด
“ผมไม่ได้ไปอเมริกาอย่างที่บอกหรอกครับ”ชายหนุ่มเริ่มต้นช้าๆ สบตากับผู้เป็นพ่ออย่างแน่วแน่ ดวงตาของเขาฉายแววปวดร้าวและทุกข์ตรมยิ่งกว่าครั้งใด ที่ต้องทรยศหักหลังด้วยการครอบครองผู้หญิงของพ่อตัวเองอย่างนี้
ฮัสซาร์มองหน้าอัสมานเขม็ง กำมือของตัวเองแน่นเข้า เนื้อตัวของเขาเวลานี้สั่นเทาอย่างพยายามควบคุมไม่ให้ระเบิดอารมณ์ใส่อัสมานต่อหน้าซายีน่า หากไม่เพราะเวลานี้จิตใจของเขาโอนอ่อนลงแล้วและเขาเองก็ได้ให้สัญญากับซายีน่าว่าจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจอีก เขาคงจะตรงเข้าขย้ำคอบุตรชายในไส้คนนี้ให้แหลกลาญ
“ท่านพ่อ
..ลูก”อัสมานกลืนความรู้สึกอัดอั้นทั้งหมดลงคอ มีคำพูดมากมายที่อยากจะบอกแต่กลับพูดไม่ออกสักคำเดียว ฮัสซาร์เสียอีกที่ควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าเขานัก
“มีอะไรกัน สองคนพ่อลูก”นางซายีน่าเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจกับท่าทีของสามีและบุตรชาย
“ไม่มีอะไรหรอกซายีน่า อัสมานคงมีเรื่องงานสำคัญจะคุยกับฉัน ไปเถอะ
.อัสมาน ไปคุยกับพ่อที่ห้องรับแขก”ฮัสซาร์แตะแขนบุตรชายให้เดินนำไปข้างหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ทว่าดวงตานั้นแข็งกร้าวจนชายหนุ่มนึกหวั่นใจ
ซายีน่ามองตามหลังของผู้เป็นสามีไปอย่างไม่ไว้ใจนัก ดังนั้นเมื่อคล้อยหลังพวกเขาเพียงไม่นานเธอจึงได้แอบย่องตามออกไปอย่างเงียบกริบโดยที่พวกเขาไม่ทันรู้ตัว
“แกเป็นคนพาตัวซายูริไปใช่ไหม
..อัสมาน”น้ำเสียงนั้นพยายามฝืนให้ราบเรียบ ใบหน้าเรียบเฉยนั้นปิดบังความรู้สึกได้ดีเยี่ยม เขาอยากเห็นผู้เป็นพ่อกราดเกรี้ยวและทำร้ายร่างกายเขามากกว่าจะเห็นฮัสซาร์ในสภาพที่น่าอึดอัดเช่นนี้
“ครับ”ชายหนุ่มก้มหน้ารับคำ
“แก!”ฮัสซาร์ตรงเข้ากระชากคอเสื้อตัวในของอัสมานเข้าหาตัวแล้วตะคอกอย่างดุดัน อัสมานหลับตาลงอย่างเตรียมพร้อมรับกรรมเมื่อฮัสซาร์ประเคนหมัดหนักๆ ใส่ใบหน้าของเขาไม่ยั้ง แต่เขาก็ไม่คิดจะสู้
“ผมขอโทษครับพ่อ ผมเพียงแต่ไม่อยากให้แม่เสียใจไปมากกว่านี้”
“แต่แกก็ไม่มีสิทธิ์เอาตัวเขาไปอย่างนั้น ซายูริเป็นผู้หญิงของฉัน!”เสียงนั้นกร้าวและดุดัน ตามมาด้วยหมัดหนักๆ อีกหลายครั้งจนอัสมานตัวงอ เลือดทะลักแต่ไม่มีแม้แต่เสียงร้องขอแต่ก่อนที่เขาจะลงมือหนักขึ้นซายีน่าก็วิ่งเข้ามาขวางเอาไว้พลางร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าผู้เป็นสามีจะทำการรุนแรงเช่นนี้ต่อบุตรชาย
“อะไรกันคะ นี่ลูกชายของเรานะ”ซายีน่าเงยหน้าเปื้อนหยาดน้ำตาแห่งความตกใจขึ้นถาม
“ก็เพราะมันเป็นลูกของเราน่ะสิ ฉันถึงจะฆ่ามัน แกหยามน้ำหน้าฉันนักอัสมาน ฉันไม่รู้จะทำยังไงกับแกดี ถึงจะสาสมกับความผิดครั้งนี้ของแก”ฮัสซาร์ตะคอกใส่หน้า
“ลูกทำผิดอะไรนักหนาคะ ถึงกับจะต้องฆ่าแกงกันอย่างนี้”
“มันจับตัวผู้หญิงของฉันไป แค่นี้มากพอรึยังที่ฉันจะฆ่ามัน”ฮัสซาร์บอกขึ้นอย่างลืมตัวทำเอาซายีน่าอ้าปากค้าง เพราะไม่นึกฝันว่าสามีจะมีผู้หญิงคนอื่นอีกครั้ง
“ทะ
.ท่านพี่”
“บอกมานะ ว่าแกทำอะไรกับผู้หญิงคนนั้นบ้าง”ฮัสซาร์ขย้ำคอเสื้อบุตรชายแล้วเหวี่ยงหนักๆ จนร่างหนานั้นกลิ้งไปกระทบกับข้างฝาท่ามกลางเสียงหวีดร้องของซายีน่า
“ผมรักเธอครับ ผมรักซายูริ”อัสมานตะโกนบอกพลางเช็ดเลือดที่ผุดซึมขึ้นมาตรงมุมปากแรงๆ
“แกยังกล้าพูดแบบนี้อีกเหรอ ไอ้ลูกสารเลว”ฮัสซาร์ขยับจะเอาเรื่องอีกครั้ง อัสมานเองก็ยืนนิ่งราวกับคนไม่กลัวตาย ซายีน่ากรีดร้องเสียงดังก่อนจะเป็นลมหมดสติไปท่ามกลางความตกใจของสองพ่อลูก
“แม่!”
“ซายีน่า! รีบเอารถออก”ทั้งสองคนอุทานขึ้นพร้อมๆ กันก่อนที่ฮัสซาร์จะช้อนร่างของภรรยาขึ้นแนบอกแล้วพาออกไปโรงพยาบาลด้วยความห่วงใย รถยนต์ของอัสมานโผนทะยานออกจากบริเวณบ้านราวกับติดปีกบินเพื่อออกไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เมื่อมาถึงโรงพยาบาลซายีน่าก็ถูกนำเข้าห้องฉุกเฉินเป็นการด่วน
อัสมานเดินกลับไปกลับมาด้วยความกระวนกระวายใจ เพราะเขาเองแท้ๆ ที่เป็นสาเหตุให้ซายีน่าต้องเป็นแบบนี้ หากผู้เป็นแม่เป็นอะไรไป เขาจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเลย
“เพราะแกทีเดียว”ฮัสซาร์ชี้หน้าทั้งเป็นห่วงภรรยา ทั้งแค้นใจบุตรชายจนไม่รู้ว่าจะทำอะไรก่อนหลังดี อัสมานน้ำตาซึมจึงได้ขยับเข้าไปหาฮัสซาร์แล้วคุกเข่าลงกับพื้น
“ผมขอโทษครับพ่อ”อัสมานบอกขึ้นอย่างรู้สึกผิด ดวงตาแดงก่ำคลอไปด้วยหยาดน้ำตาของอัสมานทำให้คนเป็นพ่ออย่างฮัสซาร์ใจอ่อนขึ้นมาบ้าง เขาถอนหายใจยาวอย่างหนักใจแล้วเอ่ยถามตรงๆ อีกครั้ง
“แกรักซายูริจริงหรือ รักเพราะแกรัก หรือแกล้งทำเป็นรักเพราะอยากจะกันเขาออกไปจากฉัน”
“ครับ ผมรักเธอ รักโดยที่ไม่มีอะไรแอบแฝงเลยแม้แต่นิดเดียว”
“หึ
ในที่สุด คนเย็นชาอย่างแกก็มีความรักจนได้นะ แถมยังไปรักศัตรูที่แกแสนเกลียดเขาอีกด้วย แต่นั่นมันไม่ใช่ปัญหาหรอกนะ ปัญหาของแกเวลานี้อยู่ที่ยะนีระห์ เด็กคนนี้ฉันดูจากแววตาแล้ว ไม่ใช่คนที่แกคิดจะล้อเล่นกับเขาได้ง่ายๆ หากแกยังแก้ปัญหาตรงนี้ไม่ได้ฉันจะไม่มีวันยกซายูริให้กับแก”ฮัสซาร์บอกเสียงห้วน
เวลานี้ ความรู้สึกของเขาฉันท์ชู้สาวกับซายูริแทบไม่มีเหลือแล้ว แต่ที่เขาทำร้ายอัสมานจนปางตายอย่างนั้น ก็เพราะว่าโกรธแค้นที่บุตรชายทำลายศักดิ์ศรีของเขาเสียจนยับเยิน
มีหลายคนที่รู้ว่าเขาคิดจะให้ซายูริเป็นภรรยาคนที่สี่แล้วอย่างนี้เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน หากไม่เพราะอัสมานเป็นลูกชายคนเดียวป่านนี้คงถูกเขาฆ่าตายไปนานแล้ว
“พ่อ
.นี่หมายความว่าพ่อจะยอมยกซายูริให้กับผมอย่างนั้นหรือครับ”อัสมานอุทานขึ้นอย่างนึกไม่ถึง ฮัสซาร์มองท่าทางดีใจออกหน้าออกตาของบุตรชายแล้วก็โกรธไม่ลง ยี่สิบกว่าปีมานี้ เท่าๆ กับอายุของอัสมาน เขาแทบจะไม่เคยทำตัวเป็นพ่อที่ดีของลูกชายเลย บางทีเหตุการณ์ครั้งนี้อาจทำให้เขามีโอกาสได้แก้ตัว
“ยังหรอก อย่ามาทำหน้าดีใจไปหน่อยเลย บอกแล้วยังไงล่ะว่าตราบใดที่แกจัดการเรื่องของยะนีระห์ไม่ได้ ฉันจะไม่มีวันยอมยกซายูริให้กับแกเป็นอันขาด”ฮัสซาร์บอกขึ้นแล้วตีหน้าเคร่งขรึมเข้าใส่ อัสมานลุกขึ้นยืนแล้วโผตัวเข้ากอดร่างหนาของผู้เป็นพ่อแนบแน่น เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เขามีโอกาสได้กอดพ่ออย่างเต็มรักแบบนี้
“ผมรักพ่อที่สุดเลยครับ”
“ยี่สิบกว่าปีแล้วที่แกเกิดมา มีแค่วันนี้สินะที่แกบอกรักฉัน”ผู้เป็นพ่ออดประชดขึ้นมาไม่ได้แต่อย่างน้อยเขาเองก็ดีใจที่ได้ทำอะไรเพื่อลูกชายบ้าง
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับพ่อ”อัสมานรีบบอกด้วยอาการขวยเขินอย่างบอกไม่ถูก ฮัสซาร์หัวเราะลั่นขึ้นด้วยความขบขันแล้วหันมาตบบ่าบุตรชาย
“อย่าเพิ่งดีใจไป บอกแล้วอย่างไรว่ายะนีระห์ ไม่ใช่ปัญหาที่แกจะแก้ตกง่ายๆ”ฮัสซาร์บอกขึ้นอย่างหนักใจแทน อัสมานเองก็ถึงกับหน้าเจื่อนขึ้นมาเหมือนกัน กับเรื่องงานเขาสามารถแก้ปัญหายากๆ ได้อย่างง่ายดายแต่กับเรื่องหัวใจความคิดความอ่านของเขามันช่างมืดสนิทเสียเหลือเกิน
“ผมจะพยายาม”เขาบอกขึ้นก็พอดีกับที่หมอมูลราห์ออกมาจากห้องของคนไข้ ทั้งสองคนจึงจบการสนทนาด้วยการก้าวยาวๆ เข้าไปยังห้องนั้น
“ซายีน่าเป็นอย่างไรบ้างหมอ”
“ไม่เป็นไรแล้วครับ คนไข้เพียงแค่ตกใจมากเท่านั้น ตอนนี้ผมให้ยานอนหลับไปแล้วครับ ตื่นขึ้นมาก็คงจะดีขึ้น”หมอบอกยิ้มๆ อัสมานถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะหันมาหาผู้เป็นพ่อ
“แต่ผมว่าพ่อก็มีปัญหาไม่น้อยไปกว่าผมหรอกครับ เพราะคงต้องหาข้อแก้ตัวเรื่องซายูริให้ดีๆ หน่อย ตัวผมเองยังมีข้ออ้างได้ว่าทำลงไปเพราะช่วยแม่”ชายหนุ่มบอกยิ้มๆ แต่ก็สร้างความหนักใจให้กับฮัสซาร์ได้ไม่น้อยเลย
“งั้นเราก็คงมีเรื่องให้ขบคิดกันในคืนนี้มากพอดูเลย”
“เอ่อ
..ผมจะขอแวะเข้าไปดูซายูริหน่อย จะได้ไหมครับ”อัสมานเอ่ยถามผู้เป็นพ่ออย่างเกรงใจ ฮัสซาร์ส่ายหน้าแทนคำตอบทำเอาบุตรชายหน้าจ๋อย
“ฉันให้แกได้เท่านี้มันก็มากเกินพอแล้ว เรื่องอธิบายกับซายูริ ฉันจะจัดการเองแต่แกต้องจัดการเรื่องแม่หนูยะนีระห์ให้เรียบร้อย ไม่ต้องห่วงซายูริหรอก พนักงานในโรงแรมจะดูแลเธออย่างดีที่สุดตามคำสั่งของฉัน”ฮัสซาร์บอกเสร็จก็ขอตัวกลับเข้าไปดูภรรยาในขณะที่อัสมานเองก็ขอตัวไปอาบน้ำพักผ่อนเพราะร่างกายของเขาเพลียจากการเดินทางเต็มที
********************************************************************************************************************
ซายูริตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยความรู้สึกสดชื่นมากเป็นพิเศษ เพราะเธอได้นอนบนที่นอนหนานุ่ม แอร์เย็นฉ่ำจึงทำให้หลับสบายตลอดทั้งคืน หญิงสาวอยู่ในชุดพื้นเมืองสีชมพูอ่อน ชุดเดิมที่ท่านฮัสซาร์เคยตัดเอาไว้ให้ ความคิดของหญิงสาวยังคงวนเวียนกลับไปกลับมาอยู่แค่ไม่กี่เรื่องแต่ก็เป็นปัญหาที่คิดไม่ตกเสียที
ป่านนี้อัสมานจะทำอะไรอยู่นะ เขาจะพูดคุยเรื่องของเธอกับพ่อแม่ของเขาแล้วหรือยัง และท่านทั้งสองจะว่าอย่างไรบ้าง จะยอมรับในตัวเธอได้หรือเปล่า
ประตูห้องบานใหญ่ของเธอถูกเคาะเบาๆ อย่างเกรงใจ ซายูริวางมือจากการแปรงผมยาวสลวยของตัวเองลงแล้วลุกขึ้นไปเปิดประตูด้วยสีหน้ายินดี คงจะเป็นอัสมานแน่ๆ ที่มาหาเธอแต่เช้าอย่างนี้
“มีคนมารอพบคุณค่ะ”พนักงานสาวสวยคนหนึ่งบอกขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแต่สายตาของเธอบ่งบอกกับซายูริว่าไม่ค่อยน่าไว้วางใจนัก เธอรู้สึกว่าสายตาของผู้หญิงคนนี้ นับแต่วันแรกที่เธอย่างก้าวเข้ามาจนถึงวันนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง สีหน้ายิ้มแย้มแต่ประกายตาบ่งบอกแววเยาะหยันและประสงค์ร้าย
“ท่านอัสมานหรือจ๊ะ”
“คุณลงไปก็จะรู้เองแหละค่ะ แต่รับรองว่าคงจะตื่นเต้นน่าดู”ดูเหมือนหญิงสาวผู้นั้นจะกลั้นยิ้มเอาไว้ในหน้า ซายูริขมวดคิ้วงงงัน รู้สึกหวาดหวั่นในหัวใจ
คงจะเป็นท่านฮัสซาร์กระมัง เขาคงรู้เรื่องนี้จากอัสมานแล้วและคงจะมาจัดการกับเธอเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นพนักงานคนนี้คงไม่ทำสีหน้าเยาะหยันเธออย่างนั้น
เมื่อเธอเดินมาจนถึงห้องรับรองแขก อันดับแรกที่ทำก็คือกวาดสายตามองหาแขกผู้มีประสงค์จะพบกับเธอ สายตาของซายูริสะดุดเข้ากับแผนหลังของใครคนหนึ่ง จากรูปร่างและชุดที่สวมอยู่บ่งบอกว่าเป็นสตรี สตรีผู้นั้นค่อยๆ หันหน้ามาเผชิญกับเธอเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของซายูริดังขึ้นมาจากทางเบื้องหลัง
“คุณซายีน่า”ซายูริอุทานเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ หัวใจและเนื้อตัวของหญิงสาวสั่นระริกเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับมารดาของอัสมานอีกครั้งหนึ่ง
“เธอรู้จักฉันด้วยหรือ”ซายีน่าปรายตามองซายูริหมิ่นๆ ใบหน้าของเธอเชิดขึ้นสูง ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดทางสีหน้ามีเพียงแต่ดวงตาเท่านั้นที่มีประกายดุดันและคมกร้าว
ซายูริขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ เพราะเธอกับซายีน่านั้นเคยพบกันมาก่อน และตัวซายีน่านั้นก็ได้กรีดร้องอาละวาดจนหมดสติไปเพราะเธอ แล้วเกิดอะไรขึ้น เธอผู้นี้ถึงได้ทำท่าราวกับไม่เคยพบเธอมาก่อน
“ค่ะ”หญิงสาวตอบสั้นๆ ซายีน่ากวาดสายตาของเธอจับจ้องใบหน้าของซายูริอย่างอิจฉาที่หญิงต่างชาติผู้นี้สามารถกุมหัวใจของสามีและลูกชายของเธอได้พร้อมๆ กัน
พ่อกับลูกแทบจะฆ่ากันตาย เพราะหลงเสน่ห์นังผู้หญิงต่างชาติผู้นี้!
“นั่งสิ”
“ขอบคุณค่ะ”ซายูริค้อมศีรษะทำความเคารพแล้วทรุดตัวลงนั่ง วางมือเอาไว้บนตักด้วยอาการสำรวม
“ตกใจมากหรือที่เจอหน้าฉัน ใบหน้าของเธอถึงได้ดูซีดเซียวมาก”ซายีน่ากอดอกมองหมิ่น ไม่มีทีท่าเห็นใจในน้ำเสียงนั้นเลยสักนิด ผู้หญิงคนนี้ไม่เหมาะจะเป็นลูกสะใภ้เธอแม้แต่นิดเดียว คุณสมบัติไม่มีแม้เศษเสี้ยวของยะนีระห์
“เปล่าหรอกค่ะ เพียงแต่ฉันแปลกใจเท่านั้น ที่คุณซายีน่าอุตส่าห์มาพบฉันด้วยตัวเอง”ซายูริบอกเสียงเรียบ พยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้ดูหวาดหวั่นมากจนเกินไป
“ไหนบอกฉันมาซิ ว่าเธอมาที่นี่เพราะอะไร ฉันอยากรู้ประวัติความเป็นมาของเธอตั้งแต่แรก ประวัติความเป็นมาตั้งแต่อยู่ที่ประเทศของเธอจนมาที่ดิลิยะห์ และฉันก็อยากรู้ว่าเธอรู้จักท่านฮัสซาร์ สามีของฉันได้อย่างไร”ซายีน่าจับจ้องไปบนสีหน้าซีดเผือดของอีกฝ่ายเขม็ง ท่าทางของซายีน่าบ่งบอกกับซายูริได้ว่าผู้ถามมีจุดประสงค์ไม่ดีนัก
“ฉันเป็นคนญี่ปุ่นค่ะ เป็นเด็กกำพร้าที่ยากจนต้องขายตัวเองให้สำนักเกอิชามาตั้งแต่เด็ก ฉันมีโอกาสได้เจอท่านฮัสซาร์และท่านมีเมตตาต่อฉันมาก”หญิงสาวสบดวงตาสีดำสนิทของเธอเข้ากับดวงตาเยาะหยัน ริมฝีปากที่เยาะขึ้นอย่างรังเกียจระคนดูถูกฉาบไปทั่วใบหน้าของซายีน่าอย่างไม่อาจหลบเลี่ยง
ซายูริเล่าเรื่องราวของเธอตั้งแต่ต้นจนจบให้กับซายีน่าฟังด้วยน้ำเสียงราบเรียบและอยู่ในอาการสงบนับตั้งแต่วัยเด็ก วัยสาวจนมาเจอท่านฮัสซาร์ เหตุผลที่เธอยอมติดตามเขามาอย่างง่ายดาย จนกระทั่งการที่เธอถูกอัสมานจับตัวไปแล้วเกิดเป็นความรัก ได้ยินเพียงน้ำเสียงพึมพำเป็นเชิงเยาะของซายีน่าดังขัดขึ้นมาเป็นระยะ
“เท่าที่ฉันฟังมา เธอมันก็แค่นางโลมคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าท่านพี่หลงเสน่ห์อะไรถึงได้คิดจะเอาเจ้ามาแต่งออกหน้าออกตาเป็นภรรยาคนที่สี่ รู้ถึงไหนอายเขาถึงนั่น”
“ไม่ทราบค่ะ”ซายูริก้มหน้าตอบเสียงเครือ น้ำตาคลอหน่วยแทบจะหยดแต่เจ้าตัวไม่ยอมให้หยดลงมาง่ายๆ ซายูริสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบแล้วตอบฉะฉาน
“เพราะฉันไม่ใช่นางโลม เกอิชากับนางโลมไม่เหมือนกันเลยแม้แต่นิดเดียว คุณจะเชื่อถึงเหตุผลที่ฉันกล่าวมาหรือไม่ก็ตามแต่ แต่ฉันขอยืนยันว่าฉันไม่ได้ตั้งใจเลยที่จะแย่งท่านฮัสซาร์ไปจากคุณ ฉันต้องการพบแม่และท่านฮัสซาร์ก็ต้องการภรรยาคนที่สี่ และท่านก็ยืนยันว่าพูดคุยกับคุณเรียบร้อยแล้ว หากฉันรู้ว่าจะเป็นต้นเหตุให้คุณอาการป่วยหนักขึ้น ฉันจะไม่มีวันมา”ซายูริเสียงสั่นสะท้าน ทั้งที่พยายามอย่างที่สุดแล้ว น้ำตายังคงปริ่มขอบตาอยู่เช่นเดิม
“เสแสร้งได้เก่งอย่างนี้นี่เองลูกชายของฉันถึงได้หลงเสน่ห์เธอเข้าอีกคน”
“ฉันรักท่านอัสมานด้วยใจจริงค่ะ”ซายูริก้มหน้าลงต่ำ พยายามฝืนน้ำตาเอาไว้แต่กระนั้นมันก็ยังอุตส่าห์เล็ดลอดหยดแหมะลงมาต้องหลังมือของตัวเองจนได้
“นี่เธอเชื่ออย่างนั้นหรือว่าคนอย่างอัสมานจะรักเจ้าจริงๆ หากเธอเชื่อก็นับว่าโง่เง่าเต็มที”ซายีน่าแค่นยิ้มเย้ยหยัน หางเสียงนั้นไม่เป็นมิตรกับเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“ฉันเชื่อเขาค่ะ”ซายูริตอบหนักแน่น
“ฉันจะบอกอะไรให้นะ อัสมานเขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว และกำลังจะแต่งงานกันในเร็ววันนี้ ยะนีระห์เป็นลูกสาวในตระกูลผู้ดี ฐานะร่ำรวยและมีกิจการมากพอๆ กับตระกูลของเรา แล้วอย่างนี้เธอยังคิดว่าฉันควรจะยอมรับเธอเป็นลูกสะใภ้อย่างนั้นหรือ”ซายีน่าจับจ้องใบหน้าของซายูริอย่างคาดคั้น ซึ่งหญิงสาวเองก็รับฟังด้วยหัวใจที่ร้าวราน
เขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว แต่เขาไม่เคยบอกเธอเลย
.
“ฉันเชื่อว่าอัสมานจะต้องจัดการทุกอย่างได้ค่ะ”ซายูริเงยหน้าพูดเบาๆ
“เธอนี่มันหน้าด้านเสียยิ่งกว่าอะไร ไม่ได้พ่อแล้วคิดจะจับลูกเชียวหรือ ฉันจะบอกให้เอาบุญนะอัสมานเขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอแม้แต่นิดเดียว แต่ที่เขาบอกเธอไปทั้งหมดก็เพียงเพราะต้องการจะแยกเธอออกมาจากท่านพี่เท่านั้น อัสมานเขารักฉันมากและเขาก็ยินยอมทำทุกอย่างเพื่อแม่ของเขาแม้ว่าจะต้องทนอยู่กับผู้หญิงชั้นต่ำอย่างเธอก็ตาม”
“ไม่จริง!”ซายูริน้ำตาร่วง พยายามหาเหตุผลมาหักล้างคำพูดของซายีน่าแต่มันก็ยังดูไม่มีน้ำหนักพออยู่นั่นเอง หนำซ้ำแม่ของเขายังคอยตอกย้ำเธออยู่ตลอดเวลาอย่างนี้
“เธอจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ อัสมานเขามาพูดคุยกับฉันเรื่องของเธอแล้ว เขาเองก็กำลังกลุ้มใจว่าจะพูดอย่างไรยะนีระห์ถึงจะยอมเข้าใจ เขาอาจจะพูดให้ยะนีระห์ยินยอมให้เธอเป็นภรรยาคนที่สอง สามหรือสี่ ทำใจยอมรับสภาพของเธอซะ อัสมานไม่มีวันจริงจังกับผู้หญิงต่างชาติ ต่างเผ่าพันธุ์อย่างเธอหรอก”
“ฉันจะยอมเชื่อก็ต่อเมื่อได้รับฟังจากปากของอัสมานค่ะ”ซายูริฝืนตัวเองลุกขึ้นบอกอย่างนั้น แต่ในใจของเธอโน้มเอียงไปทางคำพูดของซายีน่าเสียครึ่งไปแล้ว
เธอจะทนได้ละหรือ ที่จะเป็นภรรยาคนที่สามหรือสี่ของชายอันเป็นที่รัก กับท่านฮัสซาร์เธอนั้นยินยอมเพราะไม่ได้คิดรักใคร่ในตัวเขามากไปกว่าผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ แต่กับอัสมานเธอนั้นรักเขาสุดหัวใจ
แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะสายเกินแก้ไปเสียแล้ว เพราะเธอเผลอมอบทั้งตัวและหัวใจให้เขาไปหมดสิ้น เธอควรจะรู้ตัวเองดีตั้งแต่แรกแล้ว ว่าผู้ชายร่ำรวยและเพียบพร้อมอย่างเขานั่นหรือจะมาหลงรักผู้หญิงต่างชาติที่ต่ำต้อยอย่างเธอ
“อัสมานเขาไม่มาพบเธอหรอก จนกว่าเขาจะแต่งงานกับยะนีระห์ ทางที่ดีเธอไปจากที่นี่ซะ คนที่นี่ไม่มีใครต้อนรับเธอรวมทั้งท่านพี่ด้วย เขาคงไม่รับผู้หญิงที่มีมลทินเสียแล้วอย่างเธอหรอก อย่าว่าแต่ภรรยาคนที่สี่เลย ต่อให้เป็นนางบำเรอในฮาเร็มยังเป็นไม่ได้ อัสมานนี่ฉลาดหลักแหลมจริงๆ ที่เลือกกำจัดเธอด้วยวิธีนี้”
ซายีน่าบอกเสียงเย็น ที่ทำเอาคนฟังอย่างซายูริสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ร่างบางที่ยืนประจันหน้ากับซายีน่าเซไปหลายก้าวก่อนจะทรุดลงบนเก้าอี้เพราะหมดเรี่ยวแรงแม้แต่จะลุกขึ้น
“อะไรคะ?”ซายูริร้องถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายยื่นถุงสีน้ำตาลเข้มใบหนาให้
“เงิน
.เป็นเงินดอลล่าห์ทั้งนั้นนะ เงินนี่จะทำให้เธออยู่ได้อย่างสุขสบายไปนานพอดูทีเดียว แลกกับอิสรภาพของลูกชายฉัน เขาทำเพื่อฉันมามากแล้ว ฉันก็อยากตอบแทนเขาบ้าง หากเธอไปจากชีวิตอัสมาน เขาก็จะไม่ต้องมีปัญหากับยะนีระห์ ข้อเสนอนี้เธอน่าจะสนใจนะ เพราะอย่างน้อยก็ดีกว่าจะไม่ได้อะไรเลย ชีวิตของเธออยู่ที่สำนักเกอิชาไม่ใช่ที่นี่”ซายีน่าบอกอย่างเย็นชา ทั้งที่เห็นว่าอีกฝ่ายนั้นใบหน้าซีดเผือด ขาวราวกระดาษ
“ฉันจะไม่รับอะไรจากคุณแม้แต่เซ็นเดียว”ซายูริบอกเสียงแข็ง มือกำแน่นอย่างปวดร้าวไปทั้งหัวใจ นับตั้งแต่กลับมาที่นี่เขาก็หายหน้าไปเลยอย่างที่ซายีน่าบอกเอาไว้จริงเสียด้วย
หากเธอไปเสียก็คงจะไม่ต้องทนเห็นภาพบาดใจ หากต้องเป็นภรรยาคนรองของเขา เธอคงจะทำใจได้ยากหากจะเห็นหญิงอื่นมาแบ่งปันความรักจากสามี ในบางวัน และบางเวลา
ไม่สินะ
..หากเขาไม่ได้รักเธอจริง ที่ทำไปทั้งหมดเพราะต้องการกีดกันเธอออกจากท่านฮัสซาร์เท่านั้น เธอก็ไม่จำเป็นต้องถูกแบ่งปันความรัก เพราะเขาไม่ได้มีความรักที่จะมอบให้เธอ
“หมายความว่าเธอยังจะหน้าด้านอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ”ซายีน่าไม่พอใจหนักแล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างหงุดหงิดใจ ซายูริยิ้มหยันให้กับตัวเองก่อนจะส่ายหน้า
“ฉันจะไม่รับเงินของคุณ แต่ฉันยินดีที่จะไปจากที่นี่โดยไม่เอาอะไรติดตัวไปสักอย่าง ขอให้คุณสบายใจได้”ซายูริตัดสินใจบอกขึ้น เวลานี้หัวใจของเธอมันเจ็บเสียจนชาด้านไปหมด จนคิดและตัดสินใจอะไรไม่ออกแล้ว
เรื่องการตามหาแม่ของเธอคงสิ้นสุดกันทีเสียเท่านี้แล้ว บางทีแม่ของเธออาจจะมีชีวิตที่ดีกับครอบครัวใหม่จนไม่ได้อยากเจอลูกสาวคนนี้เลยก็ได้
“แน่ใจหรือที่พูด”ซายีน่ามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่อย่างเชื่อ
“ค่ะ”ซายูริรับคำเพียงสั้นๆ
“ดี
.และหวังว่าเธอคงจะไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ไม่ต้องรออัสมานให้เสียเวลาหรอกนะ เพราะเขาไม่มีทางมาพบเธอแน่ๆ ยะนีระห์คงไม่ยอมปล่อยว่าที่เจ้าบ่าวของเขามาง่ายๆ”
“ฉันจะไปให้เร็วที่สุด ถ้าคุณจะกรุณาให้คนไปส่งฉันที่สนามบิน”หญิงสาวบอกอย่างเข้มแข็ง ทั้งที่ในใจนั้นอ่อนล้า ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะฝืนตัวเองให้ลุกขึ้น
“ไม่มีปัญหา นี่เงินของฉัน
รับไปเถอะ อย่างน้อยมันคงจะพอช่วยเธอได้บ้าง”ซายีน่าวางถุงสีน้ำตาลเอาไว้ตรงหน้าเธอแล้วเชิดหน้าเดินจากไปอย่างองอาจ
ขณะที่ซายูริทาบใบหน้าของตัวเองเข้ากับฝ่ามือแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจแต่เพียงไม่นาน ความทรนงตัวในศักดิ์ศรีของตัวเองก็ทำให้เธอฝืนตัวลุกขึ้นเดินเข้าไปเก็บของภายในห้องได้และไม่ลืมหยิบเงินของซายีน่ามาด้วย เธอผู้นั้นพูดถูกอย่างน้อยเงินจำนวนนี้ก็สามารถเป็นทุนให้เธอกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างไม่เดือดร้อนนัก
ในเมื่อสูญสิ้นกับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไปแล้ว เธอก็ควรจะเรียกร้องอะไรกลับไปบ้าง
ความคิดเห็น