คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ 15
อัสมานรีบวางมือจากการย่างเนื้อแห้งชั้นดีที่เขานำติดตัวมาด้วยลงทันทีเมื่อเห็นซายูริเดินกะย่องกะแย่งออกมาจากห้องพักของเขา ท่าทางนั้นยังดูอิดโรยแต่สีหน้าดูแจ่มใสขึ้นมาก
“รีบลุกขึ้นมาทำไมกันเล่า”ชายหนุ่มบอกเสียงดุ
“ฉันนอนอุดอู้อยู่ในห้องมาหลายวันแล้วค่ะ ขืนอยู่ต่อไปฉันคงต้องเป็นบ้าแน่ๆ”ซายูริบอกแล้วส่งรอยยิ้มซีดเซียวที่ฝืนเอาไว้ไปให้ หญิงสาวเดินลงบันไดบ้านพักลงมาอัสมานจึงได้รีบเข้าไปประคองเอาไว้อย่างห่วงใย
ตาสองคู่สบกันนิ่งนานราวกับต้องมนต์สะกด ความรู้สึกอบอุ่นวาบลึกในจิตใจของคนทั้งคู่ อัสมานกระชับวงแขนของเขากับไหล่ผอมบางนั้นแล้วกระซิบบอก
“เธอผอมลงไปมากจริงๆ”
“ก็ท่านให้ฉันทานอะไรบ้างล่ะคะ นอกจากขนมปังกับอินทผลัมแห้ง”หญิงสาวยื่นหน้าเข้าไปบอก อัสมานเสหัวเราะแก้เก้อแล้วชี้มือไปยังเนื้อที่ย่างเอาไว้
กลิ่นของมันหอมตลบอบอวลไปทั่วบริเวณจนหญิงสาวชักเริ่มหิว น้ำย่อยในกระเพราะพร้อมใจกันหลั่งออกมา เพราะเมื่อตอนไม่สบายเธอไม่ยอมแตะต้องอาหารชนิดใดเลย
“จ๊อกๆ”
เสียงแห่งความหิวของเธอประท้วงออกมาให้เจ้าของของมันได้รับความอับอายอย่างที่สุด ซายูริหน้าม้าน อายอย่างบอกไม่ถูกโดยเฉพาะเมื่ออัสมานปล่อยเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นอย่างขบขัน
“ฮ่ะๆ เจ้านี่ตลกจริงๆ หิวล่ะสิ”
“ก็นิดหน่อย”หญิงสาวบอกเสียงอ่อย จมูกสูดกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอนั้นเป็นระยะ อัสมานดึงข้อมือของหญิงสาวให้มาหยุดอยู่หน้ากองไฟแล้วยื่นเนื้อย่างสุกนั้นให้ หญิงสาวยิ้มกว้างรีบรับมันมาถือเอาไว้
“เธอผอมเกินไปนะซายูริ”
“ถ้าไม่อยากให้ฉันผอมก็ต้องหาอะไรอร่อยๆ แบบนี้มาให้ฉันกินสิคะ”ซายูริยิ้มตอบแล้วแบ่งเนื้อออกเป็นสองชิ้น ยื่นให้เขาอันหนึ่ง อัสมานส่ายหน้าแล้วผลักมันกลับคืน
“เธอกินเถอะ”
“ได้ยังไงกันคะ เราก็ต้องกินด้วยกันสิ หากท่านไม่กินฉันก็ไม่กิน”หญิงสาวร้องบอก ดังนั้นชายหนุ่มจึงต้องรับเนื้อจากมือเธอมา ซายูริพอใจแต่แทนที่จะลงมือทานส่วนที่เหลือเธอก็กลับแบ่งมันออกอีกเสียครึ่งหนึ่ง อัสมานมองการกระทำของหญิงสาวอย่างแปลกใจ แทนคำตอบซายูริกวาดสายตามองหาอะไรบางอย่างแล้วถามขึ้น
“ท่านน้าซาวานล่ะคะ”
“นางเอาอูฐออกไปเลี้ยงทางด้านหลังโอเอซิส เจ้ากินให้หมดเถอะ ยังเหลืออาหารอีกมากพอ”อัสมานเข้าใจในสิ่งที่หญิงสาวทำ รอยยิ้มพอใจผุดขึ้นในหน้าและเริ่มต้นทานเนื้อย่างนั้นกับเธอ
ซายูริไม่รอช้าเช่นกัน เพราะร่างกายของเธอไม่ได้รับอาหารเลยมาเกือบสองวัน ประกอบกับร่างกายเพิ่งจะฟื้นไข้จึงได้รู้สึกหิวมากเป็นพิเศษ
“แต่หลังจากพรุ่งนี้ พวกเราก็ต้องกลับไปทานขนมปังกับอินทผลัมตามเดิม เพราะของที่ฉันเอามา สามารถเอามาได้แค่นี้”อัสมานว่าขึ้น ซายูริเลยลุกออกไปสำรวจข้าวของที่ชายหนุ่มนำติดตัวมาด้วย
ในถุงนั้นมีข้าวและถั่ว น้ำมันสำหรับหุงข้าว เนื้อสัตว์ตากแห้งหลายชิ้นซึ่งคงจะพอทานกันสามคนได้จนถึงเย็นพรุ่งนี้ นมกล่องหลายกล่องที่ชายหนุ่มอุตส่าห์แบกมันมาด้วยแถมยังมีขนมหวานหลายชิ้นอยู่ในนั้นด้วย
“ขนมนี่ทำแห้งและเก็บเอาไว้ได้นาน ฉันเอามาฝาก”อัสมานบอกเมื่อเห็นหญิงสาวยกขึ้นดมดูอย่างไม่แน่ใจ แต่ก็รับมันมาถือไว้ด้วยความรู้สึกขอบคุณ
“แล้วในห่อนั้นก็เนื้อแกะตากแห้ง”
“เหม็นสาบจังค่ะ ฉันไม่เคยกินด้วย”หญิงสาวย่นหน้า แล้วหยิบขนมที่เขาสู้อุตส่าห์นึกถึงเธอเข้าปาก เคี้ยวจนแก้มตุ๋ย อัสมานมองอย่างเอ็นดู
“เถอะ
..แล้วจะให้ลองเนื้ออย่างอื่น รับรองว่าอร่อยแน่ๆ”เขาบอกขึ้นเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเธอ ซึ่งก็ได้ผลเมื่อหยิงสาวหันมามองเขาอย่างสนใจ
“เนื้ออะไรหรือคะ”
“เนื้อกระต่ายป่าหรือไม่ก็เนื้อนกแถวๆ นี้”
“อี๋
ไม่เอาล่ะค่ะ ฉันคงทนกินมันไม่ได้หรอก”
“หากจำเป็นก็ต้องกิน ร่างกายของคนเรามันขาดโปรตีนไม่ได้หรอกนะ หากเธอยืนยันจะให้ฉันช่วยตามหาแม่ของเธอ เธอก็ต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน นอกเสียจากว่าเธออยากจะแต่งงานกับพ่อฉัน”เขาบอกขึ้น ประโยคสุดท้ายชักห้วนขึ้น หมู่นี้อารมณ์ที่เยือกเย็นของเขาไม่รู้ว่าหายไปไหนหมด ถึงได้เหลือแต่ความรู้สึกแปรปรวนง่ายอย่างนี้
“ฉันจะพยายามค่ะ”ซายูริยอมจำนน
ถึงอย่างไรการให้เขาช่วยตามหาแม่โดยมีข้อแลกเปลี่ยนให้เธอไปจากที่นี่มันก็คงจะดีกว่า การต้องทนเป็นภรรยาของท่านฮัสซาร์และที่สำคัญเธอจะได้ไม่ต้องทนรู้สึกผิดว่าตัวของเธอเองนั้นกำลังจะแย่งสามีและความรักไปจากใคร
“ว่าง่ายๆ อย่างนี้ค่อยเข้าท่าหน่อย หายป่วยแล้วจะพาไปเที่ยว”
“คะ?”หญิงสาวอุทานอย่างไม่เชื่อหู
เมื่อครู่นี้ ผู้ชายเย็นชาอย่างเขา บอกว่ากำลังจะพาเธอไปเที่ยวเช่นนั้นหรือ!
“หากเธอกินอาหารให้มากๆ แล้วร่างกายหายเป็นปกติเมื่อไหร่ ฉันจะพาไปเที่ยว”อัสมานย้ำบอก รู้สึกพอใจที่เห็นประกายตาสุกใสราวกับเด็กได้ของเล่นเช่นชิ้นใหม่ของซายูริ
“ที่นี่มีที่เที่ยวด้วยหรือคะ”
“ห่างไปทางด้านทิศตะวันตก มีโอเอซิสใหญ่ที่หนึ่ง เป็นแหล่งค้าขายของพวกคาราวาน ที่นั่นจะมีอาหาร เสื้อผ้าสวยๆและสัตว์ต่างๆมากมายให้เลือกซื้อ ขอเพียงแค่มีเงิน”
“จริงหรือคะ แต่ฉันไม่มีเงินเลย”หญิงสาวอุทานอย่างตื่นเต้นแต่แล้วกลับหงอยลงในประโยคสุดท้าย อัสมานเลยต้องหัวเราะขึ้นด้วยความขบขัน
ดูเหมือนว่าซายูริจะทำให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นอย่างประหลาด หากเป็นยามปกติแล้ว คนใกล้ชิดของเขาต่างรู้ว่า น้อยครั้งนักที่จะได้ยินเสียงหัวเราะจากอัสมาน หากพวกเขามาเห็นอัสมานในเวลานี้คงจะนึกแปลกใจไปตามๆกัน
“เธอลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าฉันเป็นใคร”
“จริงสินะคะ ฉันลืมไปเสียสนิทว่าท่านน่ะคือท่านอัสมานผู้ร่ำรวย ถ้าอย่างนั้นฉันจะคว้านซื้อเอามาให้หมดเลย เผื่อท่านไม่พาฉันออกไปอีก”หญิงสาวประชดขึ้น
“พูดถูกแล้ว โอเอซิสนั่นหากไกลจากที่นี่มาก ชั่วเดินทางถึงสองวันสองคืนกว่าเราจะไปได้ถึง ฉันคงไม่มีโอกาสพาเธอไปได้บ่อยนักหรอก ถ้าอยากไปก็รีบหายเสียไวๆ”ชายหนุ่มเอาของเข้าล่อราวกับเธอเป็นเด็กๆ
“ตกลงค่ะ ฉันจะกินทุกอย่างให้เกลี้ยงเลย”หญิงสาวยิ้มเผล่ให้อย่างเอาใจ มือบางคว้าขนมหวานที่เขายื่นให้กินเอาๆ ราวกับอดยากมาจากไหน เศษขนมเล็กๆติดตามมุมปากอย่างน่าขัน
“กินเป็นเด็กๆไปได้นี่”ชายหนุ่มส่ายหน้าระอาก่อนจะเอื้อมมือไปบรรจงลูบเศษขนมปังออกจากมุมปากที่เปลี่ยนจากแห้งแตกกลับมาชุ่มชื่นเอิบอิ่มดังเดิม
“ฉันไม่ได้กินอะไรอร่อยๆ แบบนี้มานานแล้วนี่คะ กินแต่ขนมปังแข็งๆ อินทผลัมแห้งๆ แล้วก็ข้าวหุงกับถั่วผสมน้ำมันของซาวาน นี่ถ้าขืนให้กินต่ออย่างนี้อีกสักสามวัน ฉันคงฝืนกินต่อไปไม่ได้แน่ๆ”
“ที่ตลาดมีอาหารขายมากมาย เพราะโอเอซิสที่นั่นใหญ่และอุดมสมบูรณ์กว่านี้มาก ที่สำคัญมันใกล้กับเขตเมืองท่า มันถึงได้เจริญมากกว่าโอเอซิสอื่น รับรองเลยว่าเธอจะต้องติดใจ เผลอๆ นะเธออาจจะหลงเสน่ห์ดินแดนอาหรับจนไม่อยากจะกลับบ้านเมืองของตัวเองเลยก็ได้”เจ้าของประเทศพูดเป็นเชิงอวด
“พูดอย่างนี้ ฉันยิ่งอยากเห็น เราไปวันนี้เลยไม่ได้หรือคะ”ซายูริเงยหน้าขึ้นถามด้วยสีหน้ากระตือรือร้น
“ไปได้อย่างไรกันเล่า ตัวเธอเองไม่สบายอยู่นะ เพิ่งจะฟื้นไข้”
“ฉันหายดีแล้วค่ะ เกือบจะปกติดีทุกอย่างแล้ว”หญิงสาวรีบแย้ง ทั้งที่เธอเองนั้นยังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่มาก พูดยังไม่ทันขาดคำคนอวดเก่งก็จามออกมาชุดใหญ่จนต้องส่งยิ้มแหยๆกลับไปให้อัสมานแทน
“ไปนอนเถอะ คนเป็นไข้ควรจะนอนพักให้มากๆ”
“ขอนั่งรับลมหน่อยเถอะค่ะ อยู่ในบ้านแล้วอุดอู้ ยังกับอยู่ในเตาอบก็ไม่ปาน”หญิงสาวทำท่าอิดออดจนอัสมานต้องลุกขึ้นรั้งแขนผอมบางนั้นให้ลุกตามพร้อมส่งเสียงดุๆ
“บอกให้ไปนอน ดื้อจริงเธอนี่ ตาจะปิดอยู่แล้วยังจะทำมาอวดเก่ง ถ้าเธอไม่เดินไปดีๆ ล่ะก็ ฉันจะอุ้มไปเอง”ชายหนุ่มกระซิบข่มขู่ทำให้ซายูริต้องยอมแต่โดยดี
พอเดินมาถึงบนบ้านได้เท่านั้น หญิงสาวก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของชายหนุ่ม ที่นับตั้งแต่เมื่อวานหญิงสาวก็ยึดเอามาเป็นกรรมสิทธิ์ในการถือครอง
ซายูรินอนคุดคู้ภายใต้ผ้าห่มนุ่มหนาของเขาด้วยท่าทางสบาย เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเธอก็หลับสนิท สติสัมปชัญญะถูกตัดขายจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง
อัสมานเองเมื่อเก็บข้าวของทุกอย่างจนเรียบร้อยดีแล้ว ใจนึกเป็นห่วงหญิงสาวจึงได้ตามขึ้นมาดู แล้วก็ต้องซ่อนยิ้มเอาไว้ในสีหน้า เมื่อเห็นคนป่วยหนักเมื่อวานนอนหลับตาพริ้มบนเตียงนอนของเขา
ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง มือหนาแข็งแรงยกขึ้นปัดเม็ดทรายเล็กๆ ที่เกาะอยู่บนหน้าผากมนนั้นออกให้อย่างแผ่วเบา ทนุถนอม ใบหน้านวลเริ่มมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าเมื่อวานมาก เพราะมันเริ่มมีสีแดงเรื่อจากเลือดแห่งวัยสาวสูบฉีด ใบหน้านวลถูกแสงแดดจากภายนอกตกกระทบ งดงามจับตาแม้ยามหลับ
หายากนักผู้หญิงที่จะมีทุกสิ่งทุกอย่างรับกับใบหน้าได้อย่างพอเหมาะพอดีเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นหน้าผากกลมมน จมูกโด่งพองามที่เชิดขึ้นอย่างถือดี ปากได้คางรับกันเหมาะเจาะ หากเธออยู่ในสภาพสุขสมบูรณ์ ไม่ได้อยู่อย่างยากลำบากเหมือนอยู่ที่นี่ หรืออยู่ในชุดเจ้าสาวของคหบดีฮัสซาร์ หญิงสาวผู้นี้จะงดงามมากสักเพียงใดหนอ
มิหน่าเล่า
พ่อของเขาถึงได้ยอมแลกทุกสิ่งเพื่อเธอ แม่เกอิชาทรงเสน่ห์
ซายูริยังคงหลับตาพริ้มอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ลมหายใจยังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ผมสีดำสนิทยาวสลวยของเธอปลิวมาปลกหน้า เรือนผมที่นุ่มนวล น่าสัมผัส
อัสมานขยับเข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้นอย่างลืมตัว หัวใจของเขาเต้นแรงไม่เป็นส่ำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ใบหน้าของชายหนุ่มเลื่อนเข้าไปใกล้และจุมพิตลงเบาๆ บนเปลือกตาคู่งามนั้น แต่ซายูริก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัว อัสมานถอนหายใจยาวด้วยความรู้สึกอัดอั้น หนักหน่วงไปทั่วร่างกายเมื่อต้องหักใจลุกขึ้นและเดินลงบันไดของบ้านพักไป
เขาไม่อาจแตะต้องเธอมากไปกว่านี้ได้ ในเมื่อซายูริยังคงอยู่ในฐานะผู้หญิงของคหบดีฮัสซาร์ บิดาบังเกิดเกล้าของเขา ถึงแม้ร่างกายจะรู้สึกปวดร้าว จิตใจจะทุกข์ทรมานมากเพียงใดก็ตาม
ชายหนุ่มเดินดุ่มๆ ออกไปถึงแหล่งโอเอซิสและเดินลุยลงไปแช่น้ำกลางแดดเปลี้ยงๆ เพื่อควบคุมอารมณ์ใคร่ของตัวเองที่มีต่อเชลยสาวแสนสวยผู้นี้
“โว้ย
..”อัสมานแหงนหน้าขึ้นตะโกนก้องแทนการระบายอารมณ์และความปรารถนาอันร้อนแรงตามธรรมชาติก่อนจะผุดลุกขึ้นมาจากน้ำเมื่อความรู้สึกหงุดหงิดค่อยบรรเทาเบาบางลง
เขานึกถึงรสจูบเมื่อคืนกับซายูริขึ้นมาทำให้รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก ความรู้สึกอ่อนหวานซาบซ่านยังตามติดไม่เคยจาง ชายหนุ่มถอนหายใจเป็นครั้งที่ร้อยแล้วเหยียดตัวเองทอดยาวไปตามโขดหินทั้งที่ชุดยังเปียกปอนและพราวไปด้วยหยดน้ำ ความคิดล่องลอยไปไกลแต่แล้วก็กลับหยุดชะงักลง เมื่อใบหน้าของทานฮัสซาร์ผุดพลายขึ้นมา
หากพ่อรู้ว่าเขาเป็นคนพาซายูริมาที่นี่จะว่าอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรู้ว่าเวลานี้จิตใจของบุตรชายเพียงคนเดียวของเขากำลังสั่นคลอนและทุกข์ทรมานอย่างหนัก
ทุกข์เพราะคิดว่าตัวเองก็กำลังตกหลุมรักผู้หญิงคนเดียวกับพ่อนั่นเอง
.
แล้วมารดาของเขาเล่า ซายีน่าจะว่าอย่างไรหากรู้ว่าลูกชายกำลังตกหลุมรักศัตรูที่กำลังแย่งความรักจากสามีของนางไป ผู้หญิงคนเดียวแต่กลับสามารถกุมหัวใจลูกชายและสามีของเธอเอาไว้ได้อย่างอยู่หมัด
ชายหนุ่มยิ้มหยันให้กับตัวเองในที่สุด เพราะแม้แต่ตัวเขาเองยังไม่เคยคาดคิดเลยว่า เขาจะต้องมาตกหลุมรักแม่เชลยสาวที่คิดว่าตัวเองเกลียดหล่อนนักหนาอย่างนี้
น่าขำอะไรเช่นนี้
.
ใครรู้เขาจะหัวเราะเขาสักแค่ไหนนะ โดยเฉพาะหล่อนที่เพียงแค่อยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิดแต่กลับทำให้เขาทุกข์ทรมานเสียยิ่งกว่าที่เขาจับตัวเธอมาเสียอีก
*******************************************************************************************************************
เมื่อผ่านพ้นไปอีกหนึ่งคืน การได้หลับสนิท ทานอาหารที่มีประโยชน์และได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอทำให้ร่างกายของหญิงสาวฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว วันนี้เธอจึงได้ตื่นแต่เช้าตรู่มาช่วยนางซาวานทำอาหารด้วยสีหน้าสดชื่น และประการสำคัญนั้นเธออยากจะเอาใจอัสมาน เขาจะได้พาเธอไปตลาดอย่างที่บอกเอาไว้
“ท่านอัสมาน อาหารเสร็จแล้วค่ะ”ทันทีที่อัสมานตื่นนอนและลุกออกมาจากห้องหญิงสาวก็ถลาเข้ามาหาเขาแล้วบอกขึ้นอย่างเอาใจ สีหน้าท่าทางราวกับเด็กๆ ของเธอนั้นช่วยให้รอยยิ้มบางๆ แต้มอยู่บนใบหน้าเคร่งขรึมของเขาได้ไม่ยาก
“หายดีแล้วหรืองถึงได้ตื่นมาทำงานแต่เช้า”
“หายดีแล้วค่ะ ดูสิ ฉันดูแข็งแรงเสียยิ่งกว่าท่านน้าซาวานอีก”คนป่วยฉีกยิ้มอวด
“ท่านสัญญาอะไรกับมันไว้หรือเจ้าคะ มันถึงได้ทำท่าตื่นเต้นยังกะได้แก้วแหวนเงินทอง ลุกขึ้นมาทำอาหารไว้รอท่า อย่างเอาใจเช่นนี้”นางซาวานเงยหน้าขึ้นมาถามผู้เป็นนายยิ้มๆ นึกโล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอก ที่เห็นสองคนที่ทำท่าจะตีกันตายทุกครั้งที่พบหน้ากัน คืนดีกันแล้วอย่างนี้
“ฉันจะพาซายูริไปตลาดเมืองท่าที่โอเอซิสกีบัง”
“แต่มันไกลมากนะเจ้าค่ะ ต้องเดินทางถึงสองวันหนึ่งคืนเชียว แล้วนายท่านเองก็เพิ่งจะเคยขี่อูฐไปที่นั่นแค่ครั้งเดียว ฉันเกรงว่า
”นางซาวานอุทาน
“เจ้ากลัวว่าฉันจะหลงหรือไงซาวาน คิดว่าเราเป็นใครกันฮึ
..ถึงฉันจะไม่ใช่ชายเบดูอิน หรือคนในกองคาราวานแต่ก็ใช่ว่าฉันจะไม่เคยเดินทางรอนแรม เที่ยวเล่นในทะเลทราย”
“ฉันไม่ได้ดูถูกอะไรท่านเลยนะเจ้าคะ เพียงแต่ว่าทะเลทรายมันไม่ใช่ทางราบ ภูมิประเทศมันเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลาหากว่าเกิดพายุทรายเข้า โดยเฉพาะหากวันใดพระจันทร์มืดมิดขึ้นมา มองไม่เห็นทาง อาจจะหลงเอาได้ง่ายๆ แต่เหนือสิ่งอื่นใด พวกโจรทะเลทรายก็มีมากมายนัก”นางซาวานเอ่ยเตือนอย่างหวังดี
ประสบการณ์ร้ายในชีวิตทำให้นางหวาดระแวงและไม่อยากจะเดินทางไปไหนในทะเลทรายอีก นางจะขอปักหลักอยู่ที่โอเอซิสแห่งนี้จนตาย
“พวกมันมีดาบแต่เรามีปืนในมือ เจ้าคิดว่าสิ่งไหนกันล่ะที่จะมีอำนาจเหนือกว่า”
“เจ้าค่ะ”นางซาวานยอมจำนน
“แล้วท่านน้าไม่ไปด้วยหรือคะ”ซายูริที่ยืนมองการโต้ตอบของทั้งสองคนอยู่นานแล้วเอ่ยแทรกขึ้น นางซาวานส่ายหน้าดิก ความทรงจำเลวร้ายนั้นยังไม่เคยลบเลือนไปง่ายๆ
“อูฐมีแค่ตัวเดียว”ซาวานกล่าวอ้าง
“เจ้ากลัวก็ว่ามาเถอะซาวาน”อัสมานหัวเราะเป็นเชิงล้อ นางซาวานมองค้อนให้ผู้เป็นนายแล้วเสหยิบคนโทน้ำขึ้นเทินศีรษะแล้วเดินจากไปทันที
“ท่านล่ะก็ไปว่านาง”
“ฮ่ะๆ คนแก่นี่งอนแล้วตลกชะมัด”
“ท่านนี่จริงๆ เลยนะ ปากร้ายเป็นที่สุด”
“ขืนเจ้าว่าเราอีก เห็นทีคงจะไม่ได้ไปเสียแล้วล่ะ ตลาดเมืองท่าแต่ถ้าเจ้าอยากให้เราเปลี่ยนใจล่ะก็ ช่วยเอาผ้านั่นมาเช็ดเหงื่อให้ที เผื่อแดดร้อนน้อยกว่านี้เราจะได้พาไป”อัสมานบอกขึ้นหน้าตาเฉย ดวงตาสีเหล็กของเขาเป็นประกายวาววับอย่างน่าหมั่นไส้ ชายหนุ่มไม่พูดเปล่าแต่เอื้อมใบหน้าลงมาใกล้แล้วอย่างนี้จะให้เธอปฏิเสธได้อย่างไร
หญิงสาวใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองซับเบาๆ ไปที่หน้าและขมับทั้งสองข้าง ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำเดียว เมื่อตาสองคู่มองสบกันนิ่งนาน ความเงียบเข้าปกคลุมอยู่ชั่วครู่ก่อนจะจบลงเมื่อหญิงสาวรีบเบี่ยงตัวหลบ
“รีบกินอาหารเถอะ แล้วจะรีบพาไป จากนี้ไปอีกหนึ่งชั่วโมงแดดคงจะร้อนมาก”อัสมานเสบอกขึ้นเก้เก้อแล้วตัวเขาเองก็ทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิทานอาหารที่หญิงสาวเตรียมเอาไว้ให้ ซายูริทำตามแต่ทานได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น
“มันตื่นเต้นจนกินไม่ลงน่ะค่ะ”หญิงสาวให้เหตุผล
“ประเดี๋ยวเถอะจะเป็นลมเพราะความหิวเอาตอนยังไม่ถึงครึ่งทาง”ชายหนุ่มปรามาส
“ฉันไม่อ่อนแอถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ไม่เชื่อก็ลองไปตอนนี้ดู”คนอวดเก่งยกแขนขึ้นชูอวดกำลังแล้วหันไปเก็บสัมภาระเตรียมออกเดินทางทั้งที่อัสมานยังไม่ได้รับปากดีนัก
ชายหนุ่มส่ายหน้าให้กับวิธีการมัดมือชกของเธอแต่ก็ยอมตามใจเสียแต่โดยดี ในชีวิตเขาไม่เคยตามใจผู้หญิงมาก่อน ขอลองสักครั้งจะเป็นไรไป
“ไปก็ไป บางทีอาจจะต้องซื้อแพะมาให้ซาวานมันด้วย หากอยู่ที่นี่โดยไม่มีสัตว์พวกนี้ มันจะลำบาก”ชายหนุ่มพูดถึงนางทาสผู้ซื่อสัตย์ของเขาอย่างเห็นใจ
เขาพยายามชวนซาวานไปอยู่ในเมืองหลายครั้งแต่นางก็ไม่ยอมท่าเดียวแต่กลับขอใช้ชีวิตอยู่ตามทะเลทรายเพียงลำพังที่โอเอซิสแห่งหนึ่ง จนเมื่อเขามีแผนการในการปล้นเจ้าสาวของฮัสซาร์มาจึงได้ไปรับตัวนางซาวานมาที่นี่ และนางเองก็เต็มใจเป็นนักหนาเนื่องจากโอเอซิสแห่งนี้ถูกบดบังจากการรบกวนของผู้คนมาช้านาน
“ท่านห่วงคนอื่นก็เป็นหรือคะ”หญิงสาวประชดขึ้นขณะยกข้าวของในห่อผ้าขึ้นไปไว้บนแคร่ที่ติดไว้บนหลังอูฐ และรับผ้าผืนหนาจากนางซาวานมาพันหน้าเพื่อกันแดดและลม
“มีอีกหลายอย่างที่ตัวฉันมี แต่เธอไม่รู้”ชายหนุ่มบอกเสียงขรึมก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งบนที่ประจำในการบังคับอูฐ นางซาวานดึงมือซายูริเอาไว้แล้วกระซิบอวยพร
“ขออัลเลาะห์ประทานความปลอดภัยแก่ท่านทั้งสอง”
“ขอบใจจ๊ะท่านน้า แล้วฉันจะซื้อของมาฝากนะคะ”ซายูริบอกยิ้มๆ แล้วจึงขึ้นไปนั่งบนแคร่ด้านหลังตัวอูฐ สายตาของหญิงสาวทอดมองออกไปยังทะเลทรายเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ราวเด็กๆ ที่กำลังจะได้ของเล่นชิ้นใหม่ อัสมานหวดแส้ไปบนสะโพกของเจ้านาวาแห่งทะเลทราย ครู่เดียวมันก็ออกเยื้องย่างไปบนผืนทะเลทรายอย่างองอาจ
ทะเลทรายยังคงถูกแสงแดดแผดเผา แต่คนบังคับอูฐอย่างอัสมานก็ไม่ได้ปริปากบ่น ความชุ่มชื้นของที่นี่แทบจะไม่มีเหลือเมื่อห่างไกลออกมาจากโอเอซิส ลมร้อนๆ พัดเข้ามาปะทะหน้าอยู่เป็นระยะ ผ้าโพกศีรษะของอัสมานปลิวล้อลมเบาๆ ใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่งเฉยและครุ่นคิด
ชุดเสื้อคลุมอาบายาที่เขาสวมอยู่นั้น บ่งบอกว่าตัดด้วยผ้าเนื้อดีเพียงแค่มองด้วยตาเปล่า สีของมันเป็นสีดำสนิทเป็นเงาขลิบดิ้นทองทางส่วนปลายทั่วทั้งตัว
“เธอเบื่อที่นี่หรือยังซายูริ”ชายหนุ่มเอ่ยทะลุความเงียบขึ้นมา
“ก็
..ไม่นี่คะ”หญิงสาวยักไหล่
“ถ้าสมมุติว่าฉันพาเธอกลับไปส่งที่ดิลิยะห์ตามเดิม เธอจะทำอย่างไรต่อไป”
“ท่านพูดจริงหรือแค่สมมุติล่ะคะ แต่หากท่านพูดจริงๆ ฉันก็จะตอบ ขอเพียงแต่ท่านปล่อยตัวฉันไปและฉันมั่นใจว่าไม่มีข่าวคราวอะไรจากแม่แล้ว ฉันจะกลับไปที่ญี่ปุ่นตามเดิมค่ะ”
“เธอไม่คิดจะแต่งงานกับพ่อฉันแล้วหรือ”อัสมานหยั่งเชิง
“ท่านกับแม่จะยอมไหมล่ะคะ หากท่านยอมฉันก็คงไม่ต้องถูกจับตัวมาอย่างนี้แล้วยังจะต้องถามอะไรอีกกับคนที่ไม่มีทางเลือกอย่างฉัน”ซายูนิบอกเสียงขื่น แล้วเมินหน้าหนีไปอีกทาง
อัสมานทำท่าอึกอัก เขาไม่สามารถมองเห็นดวงตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตาของเธอ ใบหน้างามที่โดดเด่นไปทั้งหน้า ต่อไปในภายภาคหน้าหากไม่เห็นใบหน้านี้อีกเขาจะทนได้อย่างนั้นหรือ
“ฉันจะให้เงินชดเชยกับเธอ มากมายที่เธอจะอยู่ได้อย่างไม่ลำบาก”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ถึงอย่างไรฉันก็สามารถมองสิ่งที่ท่านทำในแง่ดีได้ ฉันไม่ใช่คนมองโลกในแง่ร้ายนักหรอกค่ะ อย่างน้อยในชีวิตไร้ค่าของเด็กกำพร้าอย่างฉันก็ได้มาร่วมผจญภัยกับท่านอย่างนี้ มันน่าตื่นเต้นพอดูกับชีวิตที่ต้องอยู่แต่สำนักเกอิชาอย่างฉันล่ะค่ะ ถึงท่านจะเคยโหดร้ายกับฉันแต่อย่างน้อยเมื่อสองวันก่อนฉันก็รอดตายมาได้เพราะท่าน”หญิงสาวกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา อย่างพยายามกล้ำกลืนความรู้สึกและก้อนสะอื้นที่แล่นเข้ามาเป็นระยะ
“ขอบคุณที่เธอเข้าใจ”
“ค่ะ ฉันเข้าใจดี ผู้หญิงเราใครบ้างที่จะอยากถูกแบ่งปันความรักจากสามี ฉันเองก็ผิดที่ดั้นด้นมาที่นี่”ซายูริยิ้มเศร้าๆ ให้กับเขา ลมร้อนๆจากภายนอกยังคงพัดเข้ามาไม่ขาดสาย
“เธอไม่เสียดายพ่อฉันหรือ บางที
..หากเธอต้องการฉันจะพยายามคุยกับท่านแม่”เขาหยั่งเชิง หรี่ตามองหญิงสาวคล้ายจะจับผิดความต้องการที่แท้จริงของเธอ
“ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ เพราะฉันไม่ได้รักท่านฮัสซาร์ บางทีอาจจะต้องขอบคุณท่านเสียด้วยซ้ำที่ทำให้ฉันไม่ต้องเสียความตั้งใจของตัวเองที่เคยมี”
“เธอตั้งใจอะไรไว้”
“ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ ฉันแค่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะมอบของที่มีค่าที่สุดในชีวิตฉันให้กับผู้ชายที่ฉันรักเท่านั้น แต่ฉันก็ล้มเลิกความตั้งใจนั้นเสียเพราะท่านฮัสซาร์บังคับให้ต้องเลือก”
“งั้นหรือ
..”ชายหนุ่มพึมพำเพียงแค่นั้น ความรู้สึกลึกซึ้งบางอย่างเอ่อท้นในหัวใจ ความปรารถนาในส่วนลึกของเขาก็คือ อยากเป็นผู้ชายที่โชคดีคนนั้นอย่างที่สุด
ใครกันหนอที่จะได้ครอบครองตัวและหัวใจของซายูริ หญิงสาวต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนาแต่สามารถทำให้หัวใจของเขาสั่นคลอนได้อย่างง่ายดาย
ความเงียบเข้าครอบงำผืนทรายร้อนแรงอีกครั้งจนกระทั่งดวงอาทิตย์ทอแสงอ่อนลงแปรเปลี่ยนเป็นลูกกลมโตสีแดงสุกปลั่งตัดกับสันทรายและขอบฟ้าดูงดงามน่าพิศวง
“ท่านเหนื่อยหรือเปล่าคะ เราหยุดพักหน่อยไม่ดีหรือ”ซายูริร้องถามอย่างเห็นใจ เมื่อเริ่มออกเดินทางตั้งแต่ตอนเช้าจนเกือบจะพลบค่ำแต่ชายหนุ่มกลับส่ายหน้าแล้วบอกขึ้น
“การเดินทางในตอนกลางคืนจะยิ่งเร็วขึ้นกว่าตอนกลางวัน หากไม่ไหวจริงๆ เราอาจจะต้องพักกลางดึก เจ้าหนาวรึไม่ หากหนาวก็เอาเสื้อคลุมที่สอดอยู่ใต้แคร่นั่นมาห่มซะ หรือหิวก็กินขนมปังเสียก่อน”เขายังมีแก่ใจเป็นห่วงเธอ ทั้งที่ตัวเขาเองนั้นถูกทั้งแดดและลมมานานหลายชั่วโมง
“อีกนานไหมคะกว่าจะถึง”
“หากเราหยุดพักไม่นาน พรุ่งนี้สายๆ ก็น่าจะถึง”
“ท่านลำบากเพราะฉันรึเปล่าคะ”ซายูริเอ่ยถามอย่างลำบากใจ เพราะความอยากรู้อยากเห็นของเธอเองแท้ๆ ที่ทำให้เขาต้องพลอยลำบากพาเธอมาอย่างนี้
“ไม่เลย ปกติฉันก็ชอบเดินทางรอนแรมอย่างนี้อยู่แล้ว มันรู้สึกถึงความท้าทายดี ชีวิตลูกผู้ชายชาวทะเลทรายหากไม่เคยใช้ชีวิตยากลำบากอย่างนี้ก็เสียชาติเกิด”
“ท่านนี่แปลกคน”ซายูริหยุดหัวเราะ แล้วแหงนมองพระจันทร์บนท้องฟ้าที่วันนี้ทอกระจ่างราวกับโคมทองที่คอยส่องนำทางให้กับมนุษย์ผู้เดินทางรอนแรมในทะเลทราย
“ใครๆ เขาก็บอกอย่างนั้น แต่ฉันไม่ค่อยชอบชีวิตความเป็นอยู่ที่วุ่นวายในเมืองหลวงนักหรอก เธอคงเคยไปเที่ยวชมในเมืองหลวงของเราแล้ว เมื่อเธอไปเห็นเมืองท่าที่โอเอซิสซากาน่า เธอจะเห็นว่ามันต่างกันอย่างลิบลับเลยทีเดียว โดยเฉพาะพวกเร่ร่อนในทะเลทรายยิ่งแล้วใหญ่ พวกเบดูอินน่ะยังคงใช้ชีวิตอยู่เหมือนเมื่อร้อยปีที่แล้วไม่มีผิด”
“น่าแปลกนะคะ ทั้งที่ประเทศของท่านออกร่ำรวย”
“ความรวยมันกระจุกตัวอยู่เฉพาะในเมืองเท่านั้นล่ะ จำนวนคนจนยังสูงลิบลิ่ว ทั้งๆ ที่ใต้ผืนทรายที่พวกเขาเหยียบย่ำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้นมันมีขุมทรัพย์มหาศาลอย่างน้ำมันซุกซ่อนอยู่”
“เพราะอย่างนี้ท่านก็เลยพึงใจที่จะท่องเที่ยวชมชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขา”ซายูริคาดเดา
“จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิด แล้วเธอล่ะจุดมุ่งหมายในชีวิตของเธอคืออะไร”
“ฉันโตมาได้เพราะมีย่าเป็นผู้เลี้ยงดู ความทรงจำเกี่ยวกับพ่อแม่ช่างเลือนราง อ้อมกอดของแม่สำหรับฉันมันนานจนเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นความฝัน ฉันเป็นเด็กกำพร้าที่ยากจนคนหนึ่ง ไม่มีที่ไปจนต้องขายตัวเองเพื่อเป็นเกอิชา คงไม่แปลกใช่ไหมคะ ที่ฉันอยากจะได้อ้อมกอดจากแม่อีกครั้ง มันเป็นความฝันของฉันแต่มันเป็นความฝันที่ไม่เคยได้เติมเต็ม”
“บางทีความฝันของคนเราก็เหมือนกับขันน้ำที่มีรูรั่ว ที่พยายามตักยังไงมันก็ออกมาตามรูรั่วนั้นจนได้”
“ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องนั่งเฝ้าขันน้ำเอาไว้ตลอดเวลา เพราะกลัวว่าจะมีใครมาแอบเจาะมันเพิ่ม”หญิงสาวบอกยิ้มๆ รอยยิ้มเศร้าหมองเมื่อนึกถึงอาโออิผู้เป็นแม่
“แล้วเธอก็คงจะหมดแรงตายไปก่อนที่จะได้วิ่งตามความฝัน”
“คงจะอย่างนั้นล่ะมั้งคะ พวกเรามาจากหลายครอบครัวที่ต้องมาอยู่รวมกันค่ะ แต่ละคนมีปัญหามากมายมาเหมือนกันหมด แต่ส่วนใหญ่แล้วทุกคนที่เป็นเกอิชาล้วนมีความใฝ่ฝันอย่างหนึ่งที่เหมือนกันหมด นั่นก็คือการแต่งงานมีครอบครัวกับชายที่รัก และมอบสิ่งล้ำค่าอย่างพรมจารีให้กับเขา”
“แล้วเธอล่ะ มีความฝันเช่นนั้นด้วยหรือ”
“ฉันก็เป็นเกอิชาคนหนึ่งนี่คะ เกอิชาที่คนภายนอกมองพวกเราอย่างผิดๆ ว่าพวกเราขายเรือนร่างแต่ความจริงนั้นไม่ใช่เลย ฉันเองนอกจากความในเรื่องแม่แล้ว ก็อยากจะมีครอบครัวที่อบอุ่น อยากเป็นภรรยาที่ดีและเป็นแม่ที่ดีของลูกๆ และฉันจะไม่ยอมให้พวกเขาเป็นเด็กขาดความรักอย่างฉัน นั่นล่ะค่ะ คือความใฝ่ฝันที่ไม่มีวันเต็มของฉัน”เธอบอกเสียงเศร้า
“คุยกันเสียเพลิน ดึกมากพอดูแล้ว พักอูฐเสียหน่อยเถอะ มันคงอ่อนล้าเต็มที”ชายหนุ่มบอกขึ้นแล้วหยุดเจ้านาวาแห่งทะเลทรายตัวโปรดเอาไว้ และจัดการกางกระโจมสำหรับนอนพักแรมคืนนี้
พักค้างคืนกับหญิงสาวสวยท่ามกลางบรรยากาศเป็นใจ คืนนี้คงจะเป็นอีกคืนที่เขาทรมานใจเสียยิ่งกว่าคืนไหนๆ
ความคิดเห็น