คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1
ค.ศ 1975
แสงแดดแรกแห่งวันทอผ่านพ้นแมกไม้ออกมาให้เห็นรำไร แสงขาวนวลนั้นช่วยอาบไล้หิมะขาวโพลนที่ร่วงหล่นเต็มพื้นดินนั้นให้ระเหยกลายเป็นไอขึ้นไปสู่ท้องฟ้าได้บ้าง แต่ถึงแม้จะมีแสงแดดอย่างนั้นแต่เกล็ดขาวๆ ของหิมะก็ยังโปรยปรายลงมาไม่ขาดสายทับถมเหล่าต้นหญ้าเล็กๆไม่ให้มีโอกาสได้งอกเงยขึ้นมาสูดอากาศจากภายนอก
จากตำแหน่งที่ยืนอยู่ผู้มองสามารถเห็นทิวทัศน์ของเมืองนี้ได้ชัดเจน ตึกสูงๆ ต่ำๆ ระเกะระกะ บางตึกสูงจนแทบจะเสียดเข้ากับผืนฟ้า
นับเป็นเวลากว่าสัปดาห์แล้วที่ถนนไฟแดง เมืองโตเกียวแห่งนี้มีหิมะตกโปรยปรายลงมาไม่หยุด แต่วันนี้นับได้ว่าเป็นวันที่มีอากาศดีที่สุด อากาศโปร่งใสมากพอที่หลายคนอยากจะออกไปจับจ่ายใช้สอยข้าวของจำเป้นแต่สำหรับเธอ ซายูริ ริเอะ คงไม่มีโอกาสเช่นนั้น ความคิดของเธอในเวลานี้จมปลักอยู่อย่างเดียวก็คือทำอย่างไรเธอถึงจะมีเงินมากๆได้ มากพอที่จะใช้มันเป็นบันไดพาเธออกไปพบแม่ได้
เงินคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต เงินที่จะบันดาลทุกสิ่งที่อยากได้ อำนาจของมันล้นเหลือ เมื่อมีเงินทุกอย่างย่อมมาสยบอยู่แทบเท้า
สายตาของซายูริทอดมองออกไปไกล ทางด้านหน้าตรงข้ามกับอาคารมีเด็กๆ หลายคนวิ่งเล่นกันอยู่อย่างสนุกสนาน ของเล่นชิ้นใหม่ราคาแพงที่ผู้ปกครองซื้อให้ สีสันของมันสดใสน่าเล่น เด็กๆเหล่านั้นได้ลิ้มรสความสนุกสนานตามวัยกันอย่างเต็มที่ยกเว้นตัวเธอเอง
ภายในใจของเธอหวนคิดไปถึงเมื่อสิบปีก่อนเมื่อครั้งที่เธออาศัยอยู่กับมิยาอิผู้เป็นย่าตามลำพังในกระท่อมหลังน้อยในเขตฮิดะในจังหวัดกิฝุ ซึ่งเป็นพื้นที่ในชนบทที่มีภูเขาและหุบเขาล้อมรอบทำให้แถบนี้มีหิมะตกหนักเกือบตลอดทั้งปี อุณหภูมิลดต่ำลงจนหนาวเหน็บแทบทนไม่ไหว
บ้านของเธอหรือจะเรียกให้ถูกก็คือกระท่อมแบบโบราณหลังเล็กกระจิดจิดที่สร้างมาจากไม้และดินเหนียว มุงหลังคาด้วยกระเบื้อง อันถือเป็นสมบัติตกทอดมาจากคุณปู่ฮาคิดะ
ถึงตัวบ้านจะค่อนข้างเก่าแต่ภายในกลับอยู่สบาย ลมและอากาศถ่ายเทได้สะดวก ประตูและหน้าต่างเป็นแบบประตูเลื่อนที่สามารถเปลี่ยนแปลงห้องเล็กๆ ที่มีอยู่ด้วยกันสองห้องซึ่งแต่เดิมแยกเป็นของทาเคชิผูเป็นพ่อและของเธอกับย่าให้รวมกันเป็นห้องใหญ่ๆ 1 ห้องได้
“มากินข้าวได้แล้วล่ะซายูริ เดี๋ยวจะเย็นเสียหมด”เสียงแหบเครือด้วยวัยชราของผู้เป็นย่าดังขึ้น ขณะที่มือของหญิงชราง่วนอยู่กับการตักข้าวเจ้า เมล็ดสั้นกลมป้อมออกเหนียวเล็กน้อยนั้นใส่ลงในถ้วยกระเบื้องเคลือบเก่าๆจนเต็มให้กับหลานสาวกำพร้าที่น่าสงสาร
เด็กหญิงซายูริวัยสิบขวบ เงยใบหน้ากลมป้อมขึ้นขานรับก่อนจะละมือจากการปอกต้นกระเทียมที่เธอกับผู้เป็นย่ารับจ้างปอกเพื่อยังชีพเอาไว้และเลื่อนถาดนั้นแอบชิดเข้ากับข้างฝ้า
รายได้เพียงน้อยนิดสำหรับคนอื่นแต่ก็มีค่ามากพอสำหรับสองย่าหลานที่ยากจน
“วันนี้ทำอะไรคะย่า น่าทานจัง”เด็กหญิงยิ้มกว้างรีบล้างมือจนสะอาดและมานั่งคุกเข่าบนเสื่อทาตามิพลางกวาดสายตามองอาหารเพียงสองอย่างตรงหน้าบนโต๊ะญี่ปุ่นด้วยความหิว
“ผักกาดดองกับเทมปุระ อ่อ
วันนี้ย่าทำโมจิข้าวเหนียวให้ด้วยนะ เผื่อเอาไว้พรุ่งนี้จะได้ห่อไปโรงเรียนด้วยเลยยังไงล่ะ”เจ้าของเสียงแหบเครือนั้นใช้ตะเกียบคีบขนมก้อนกลมๆ ข้างในเป็นไส้ถั่วแดงกวนออกวางไว้ให้หลานสาวสองชิ้นและสำหรับตัวเองอีกหนึ่งชิ้น
“หนูไม่อยากไปโรงเรียนเลยจ้ะย่า”ซายูริย่นหน้าแต่ปากและมือยังคงทำงานกันอย่างสอดประสานไม่นานข้าวในถ้วยก็หมดจนต้องขอเติมอีก หญิงชรารีบตักให้อย่างเอ็นดู
“กินเยอะๆ จะได้โตเร็วๆ เจ้าผอมกว่าคนอื่นในหมู่บ้านเสียครึ่ง ใครเห็นก็จะว่าย่าเลี้ยงหลานให้ อดๆ อยากๆ เราไม่ได้ยากจนถึงขนาดนั้นเสียหน่อย เอ่อ....ว่าแต่มีอะไร ทำไมถึงไม่อยากไปโรงเรียนเรอะ”
“ใครๆ ที่โรงเรียนชอบล้อว่าหนูเป็นลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่ จริงหรือจ๊ะยาย”ทุกครั้งที่ได้ถามถึงผู้ให้กำเนิดลำคอของเด็กหญิงจะเต็มตื้นขึ้นมาจนไม่สามารถกลืนอาหารรสชาติโอชะของนางมิยาอิเข้าไปอีกได้ แม้ว่าร่างกายในวัยกำลังเจริญเติบโตจะเรียกร้อง หญิงชราส่ายศีรษะไปมาพร้อมทำเสียงเข้ม
“ใครกันที่ล้อเจ้า ย่าจะไปเอาเรื่องมันเดี๋ยวนี้”ไม่พูดเปล่าแต่เจ้าของเสียงแหบเครือนั้นถลกผ้านุ่งขึ้นยืนจังก้าท่าทางเอาเรื่องอย่างที่พูด ดูน่าขันแต่ในเวลานี้ซายูริขำไม่ออกเอาเสียแล้ว
“แล้วมันจริงไหมล่ะย่า”
“ถ้าไม่มีพ่อไม่มีแม่เจ้าจะเกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่หรือยังไงเล่า เรียนมาซะสูงก็น่าจะรู้ดีนี่นา”ทำเสียงแข็ง แต่ตาคอยหลบหลานสาวตลอดเวลา
“แล้วพ่อกับแม่ล่ะย่า ไปไหนกันหมด”คำถามเดิมซ้ำๆ ที่เด็กหญิงเฝ้าเพียรถามแต่ไม่ได้รับคำตอบอะไรเลยมาเป็นเวลาสิบกว่าปีนานเท่าอายุเธอ
“เอาล่ะๆ เซ้าซี้อยู่ได้ แล้วเย็นนี้จะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน”ผู้เป็นย่าตัดบท ใจอ่อนยวบกับสายตาอ้อนวอนของหลานสาวทั้งที่ใจแข็งมาได้ตั้งหลายปี แต่ซายูริโตพอที่จะรับความจริงอันโหดร้ายได้แล้ว
ความหลังที่เจ็บปวดทำให้นางไม่อยากนึกถึง แม้ใครๆ จะไม่พูดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาอีกแต่นางก็รู้ดีว่าอาโออิ อดีตเกอิชาเลื่องชื่อ ซากุระงามผู้เป็นที่หมายปองของชายมากมายในเวลานั้น
และเป็นลูกสะใภ้ของนางเองที่แอบหนีไปกับชายชู้พร้อมกับทาเคอิน้องชายของซายูริ จากวันนั้นมานางก็ไม่ได้ทราบข่าวของสองแม่ลูกคู่นั้นอีกเลย
อาโออิทิ้งให้ทาเคชิลูกชายของนางเอาแต่ดื่มเหล้าจนเมามาย ไม่ยอมสนใจไยดีซายูริลูกสาวตัวน้อยวัยขวบเศษ มีเพียงนางมิยาอิผู้เป็นย่าเท่านั้นที่เลี้ยงดูหลานสาวตัวน้อยด้วยตัวเอง จนกระทั่งบุตรชายของนางได้ตายไปเพราะเมาและถูกรถชนขณะเดินข้ามถนน
“โธ่
ทำไมจะต้องเย็นนี้ด้วยล่ะจ๊ะ ตอนนี้ไม่ได้หรือ”เด็กหญิงโอดครวญแต่การที่ผู้เป็นย่ายอมรับปากก็ทำให้เธอยิ้มกว้างพร้อมกับปาดน้ำตาทิ้งอย่างยินดี
“บอกว่าเย็นนี้ก็ต้องเย็นนี้สิ และจนกว่าเจ้าจะปอกกระเทียมและทำการบ้านเสร็จแล้วด้วย ไม่อย่างนั้นย่าเห็นทีจะเปลี่ยนใจ”นางมิยาอิขู่ขึ้นแต่สายตานั้นทอแสงอ่อนลงอย่างเห็นใจ
“เดี๋ยวนี้แหละจ้ะยาย” ซายูริลงมือเก็บถ้วยชามไปล้างทำความสะอาดและเดินฮัมเพลงออกไปปอกหัวกระเทียมด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
ตาคอยเฝ้ามองนาฬิกาเก่าๆบนฝาผนังห้องเป็นระยะ นับวันคอยว่าเมื่อไหร่จะถึงเย็นนี้เสียที เธอจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้วพ่อกับแม่เป็นใคร พ่อกับแม่จะต้องรักเธอมาก ไม่ได้ทิ้งเธอไปอย่างที่ได้ยินคนอื่นๆเขาพูดกัน
เมื่อทำงานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว เด็กหญิงก็ออกมานั่งรอผู้เป็นย่าซึ่งออกไปช่วยงานศพของคนในหมู่บ้านอย่างใจจดใจจ่อ
เด็กหญิงร่างเล็กนั่งเหม่ออยู่บนชิงช้าที่ทำมาจากท่อนไม้ผูกด้วยเชือกปอทั้งสองด้านและนำไปผูกเงื่อนไว้กับต้นไม้ใหญ่ทั้งสองด้าน
ซายูริแกว่งเท้าเบาๆให้ชิงช้านั้นเคลื่อนตัวเป็นจังหวะ ร่างขาวนวลอาบไล้ด้วยแสงแห่งพระจันทร์ดูแปลกตา ดวงตากลมโตสีดำสนิทต่างจากคนเชื้อชาติญี่ปุ่นทั่วไปของเธอสว่างไสวในความมืดเป็นประกายวับแต่ทว่าดูโดดเดี่ยว ใบหน้าขาวนวลแนบพิงกับตัวเชือกทำให้เส้นผมสีดำสนิทม้วนพันเข้ากับปลายเชือก
ดวงตากลมโตนั้นเอ่อท้นด้วยหยาดน้ำตาขึ้นมาอีกครั้ง นึกถึงเรื่องเมื่อวานที่มีเพื่อนหญิงคนหนึ่งล้อเลียนเรื่องแม่ของเธอ กล่าวหาว่าแม่ของเธอเป็นโสเภณีชั้นสูงที่อ้างตัวเป็นเกอิชาแต่กลับตั้งท้องจนต้องออกมาแต่งงานกับพ่อของซายูริแต่ก็ไม่รักดีแอบมีชู้จนมีลูกชายอีกคน
“ไม่จริงใช่ไหมจ๊ะแม่จ๋า
แม่ต้องไม่ทิ้งซายูริ”เด็กหญิงครางเสียงแผ่วราวกับจะฝากสายลมหวีดหวิวที่พัดมาเป็นระยะให้ไปถึงอาโออิผู้เป็นแม่ เด็กหญิงหลุบสายตามองพื้นสลับกับชะเง้อคอมองออกไปหน้าบ้านเป็นนานกว่าผู้เป็นย่าจะกลับมา ซายูริโหนตัวลงจากชิงช้าวิ่งแจ้นเข้าไปรับของจากมือมิยาอิ
“ย่าจ๋า มาช้าจังเลย”
“ยังไม่นอนอีกเหรอริเอะ นี่มันดึกมากแล้วนะ สามทุ่มสำหรับเด็กอย่างเจ้าถือว่าดึกมากแล้ว”เสียงแหบพร่านั้นเอ่ยตำหนิไม่จริงจังนัก
“โธ่ย่า
.อย่าแกล้งลืมอย่างนี้สิจ๊ะ ก็ย่าบอกว่าเย็นนี้จะเล่าเรื่องพ่อกับแม่ให้ฟังยังไงล่ะ”เด็กหญิงย่นจมูกเอ่ยทวงสัญญาในทันที
“นึกว่าลืมแล้วเสียอีกนะนี่ ถ้าอย่างนั้นย่าขอไปอาบน้ำก่อนก็แล้วกัน ถ้าเจ้ายังไม่อาบก็ไปอาบพร้อมกัน”นางมิยาอิส่ายหน้าก่อนจะเดินไปยังห้องอาบน้ำโดยมีซายูริเดินตามหลังด้วยความดีใจ
เธอกับผู้เป็นย่าเข้าไปห้องอาบน้ำพร้อมๆ กัน ซายูริจัดการนำน้ำร้อนที่ต้มเอาไว้รอท่าแล้วเทผสมกับน้ำประปาเย็นจัดจนมันกลายเป็นน้ำอุ่นลงในอ่างอาบน้ำจนเต็มอ่าง ต่างคนต่างชำระร่างกายฟอกสบู่บนม้านั่งตัวเล็กจนสะอาดแล้วจึงลงไปแช่ตัวในอ่างน้ำอุ่นพร้อมๆกัน ซายูริค่อยๆ คลานเข้าไปนวดไหล่ให้ย่าอย่างเอาใจ
“หวังผลล่ะซิ ทำมาเอาใจย่าอย่างนี้”
“ไม่ใช่สักหน่อย แต่ถ้ามันทำให้ย่าอารมณ์ดีแล้วรีบเล่าเรื่องพ่อกับแม่ให้ฟังมันก็คงจะดี”เด็กหญิงทำหน้าทะเล้นไปด้วยจนผู้เป็นย่าต้องเผลอยิ้มทั้งเอ็นดูทั้งหมั่นไส้ สีหน้าผ่อนคลายกับการนวดของหลานสาว
“พ่อของเจ้าชื่อทาเคชิ ส่วนแม่น่ะชื่ออาโออิ”นางมิยาอิหลุดปากออกมาจนได้ ซายูริตาโตทวนชื่อพ่อกับแม่ของตัวเองจนขึ้นใจ ท่าทางสนใจมองตาแป๋วของหลานสาวทำให้หญิงชราต้องเลยตามเลยยอมเล่าเรื่องนั้นไปพร้อมๆกับการอาบน้ำไปด้วย
“แล้วยังไงต่อคะย่า”
“ทาเคชิทำงานบริษัทส่งออกรถยนต์ในโตเกียว เขาเป็นผู้ชายที่หล่อมาก สาวๆมาแอบชอบมากมายเชียวล่ะแต่ผู้หญิงคนเดียวที่เขารักกลับเป็นอาโออิ แม่ของเจ้าที่ในเวลานั้นเป็นแค่เกอิชาเท่านั้น”นางมิยาอิหลับตาลงด้วยความเจ็บปวดขณะเล่า ลูกสะใภ้ที่เป็นเกอิชาใครเห็นใครก็นินทาว่าร้ายกันทั้งนั้น
“ย่าเตือนหลายครั้งว่าไม่ให้พวกเขาคบกันแต่ทาเคชิก็ไม่เคยเชื่อฟัง ยอมเป็นตันนะอุปถัมป์นางจนตั้งท้องเจ้า ย่าก็เลยต้องรับนางเข้าบ้าน ถึงจะไม่รักไม่อยากได้มาเป็นสะใภ้แต่เมื่อนางตั้งท้องหลานในไส้แล้วอย่างนี้ย่าก็ต้องรับเอาไว้และพ่อของเจ้าก็ยืนยันนักหนาว่าอาโออิเป็นเกอิชาที่ขายเพียงศิลปะไม่เคยขายเรือนร่าง”
“พ่อกับแม่คงรักกันมาก”เด็กหญิงบอกขึ้นด้วยความภูมิใจแต่ถ้อยคำนั้นทำให้ก้อนแข็งๆในคอของหญิงชราเต็มตื้นขึ้นมาจนพูดไม่ออก
“รีบขึ้นจากอ่างเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”จู่ๆนางก็เปลี่ยนเรื่องแถมยังลุกออกจากอ่างน้ำไปซะเฉยๆทิ้งให้ซายูริต้องนั่งงงก่อนจะรีบตามออกไปบ้าง
เด็กหญิงแต่งตัวลวกๆแล้วเข้าไปหาย่าในห้องนอน ล้มตัวลงนอนเคียงข้างบนนวมนุ่ม สอดปลายเท้าเข้าไปใต้ผ้า ยามดึกอากาศเริ่มหนาวมากขึ้นจนต้องห่อตัวด้วยความหนาวเหน็บ
“ว่าไงจ๊ะย่า”ซายูริยังคงเซ้าซี้แม้ว่าผู้เป็นย่าจะแกล้งหลับตาเหมือนว่ากำลังหลับสนิทไปแล้วก็ตาม
“เมื่อมาอยู่ที่บ้านแรกๆอาโออิก็ช่วยเหลืองานบ้านด้วยดี ทำให้ย่าเริ่มอ็นดู แต่เพราะความสวยของนางจึงทำให้มีผู้ชายมากหน้ามาชอบ ชาวบ้านหลายคนก็เริ่มนินทาต่างๆ นาๆ อย่างว่าคนเป็นเกอิชามาก่อนใครๆก็ต้องมองไม่ดีกันทั้งนั้น”นางมิยาอิแสยะยิ้มในความมืดเมื่อสั่งให้หลานสาวดับตะเกียง
“ไม่จริงหรอก ถึงซายูริจะจำแม่ไม่ได้แต่ก็รู้ดีว่าแม่ไม่มีวันชอบผู้ชายพวกนั้น”
“อันนั้นย่าเองก็ไม่รู้หรอกนะแต่ที่รู้ ยามเมื่อพ่อเจ้าออกไปทำงานก็มีผู้ชายหลายคนเอาข้าวของชิ้นโน้น ชิ้นนี้มาให้มากมายไม่ขาดจนต้องทะเลาะกับพ่อของเจ้า และอีกปีต่อมาอาโออิก็ตั้งท้องพอคลอดก็ออกมาเป็นเด็กผู้ชาย ใบหน้าของเด็กคนนั้นไม่มีเคล้าทาเคชิแม้แต่นิดเดียว” น้ำตาของหญิงชราคลอเบ้าอย่างเจ็บใจ ความสงสารบุตรชายคนเดียวแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆจนร่างเหี่ยวย่นตามวัยนั้นสั่นสะท้าน
“แล้วแม่พาน้องหนีไปใช่ไหมจ๊ะ”ซายูริเองเสียงก็ชักเครือขึ้นมาบ้าง
“ใช่
อาโออิคงทนแรงกดดันจากคนรอบข้างไม่ไหวจนต้องพาทาเคอิหนีไปทั้งที่เขามีอายุเพียงแค่เดือนเดียว นั่นยิ่งทำให้เรื่องที่แม่ของเจ้าคบชู้มันน่าเชื่อหนักเข้าไปอีก ทาเคชิเสียใจมาก เขาดื่มเหล้าหนักจนถูกไล่ออกจากงานทำให้ข้าวของในบ้านต้องถูกขายออกไปเพื่อแลกกับเงินจนร่อยหรอ สภาพบ้านเราก็เป็นอย่างที่เจ้าเห็นนั่นแหละ และไม่นานเขาก็ถูกรถชนตายเพราะความเมา”
“ถึงอย่างไรซายูริก็ยังไม่อยากเชื่อว่าแม่จะทิ้งหนูไป”ซายูริส่ายหน้า ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ไม่ว่าใครจะกล่าวร้ายอย่างไรเธอก็จะไม่มีวันเชื่อจนกว่าจะได้เห็นด้วยตาของตัวเอง
“ย่าก็เล่าเท่าที่รู้ ความจริงมันเป็นสิ่งที่เจ็บปวดแต่มันก็คือความจริง”
“สักวันหนูจะตามหาแม่ให้พบแล้วถามแม่ด้วยตัวเองว่าทิ้งหนูกับพ่อทำไม”เด็กหญิงบอกเสียงดัง ดวงตาวาวโรจน์ในความมืด ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นจนหญิงชราชักหวั่นใจ
“จะไปได้อย่างไรกัน แม่เจ้าหนีไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เห็นว่าชายชู้นั่นเป็นคนตะวันออกแต่ย่าก็ไม่รู้จัก แค่เคยได้ยินชื่อชนเผ่าตอนพวกเขาทะเลาะกัน ย่าจำได้เพราะพวกเขาทะเลาะกันกรอกหูแทบทุกวัน”
“ย่าว่าแม่จะไปอยู่ที่ไหนหรือย่า”เด็กหญิงลุกจากที่นอนอันแสนอบอุ่นหันมาเขย่าแขนผู้เป็นย่าอย่างร้อนรน
หญิงชราส่ายหน้าแต่ก็ยอมบอกชื่อชนเผ่าที่ได้ยินตอนลูกชายกับลูกสะใภ้ทะเลาะกันแต่โดยดี พราะไม่คาดคิดคิดว่าในอนาคตอันต่อจากนี้เด็กหญิงจะทำตามความมุ่งมันของตัวเองจนได้
“ย่าเคยได้ยินพ่อของเจ้าบอกว่าชายชู้ที่มาติดพันอาโออิเป็นคนชนเผ่าฟามาลย์ ในประเทศแถบทะเลทราย ประเทศอะไรย่าก็ไม่ได้ถามเจ้ารู้แค่นี้ก็พอแล้ว ไปนอนซะย่าง่วงเต็มที”นางมิยาอิหันข้างให้และคุมโปงใต้ผ้านวมเป็นการตัดบทสนทนา ซายูริ ริเอะถอนหายใจยาวแต่ความมุ่งมั่นยังมีอยู่เต็มเปี่ยม
“ชนเผ่าฟาร์มาล”เด็กหญิงพึมพำไปมา ท่องจนขึ้นใจพลางคิดในใจว่าไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหนเธอจะต้องเก็บเงินให้มากพอที่จะออกไปตามหาอาโออิผู้เป็นแม่กับน้องชายให้จงได้
ความคิดเห็น