คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ผู้หญิงแสนงอน
“เอ๊ะ
.ของใครมาลืมไว้ในรถเรา”ติรณาขมวดคิ้วอย่างงงงันเมื่อเห็นกระถางพลาสติกสีน้ำตาลเล็กๆภายในบรรจุกล้วยไม้กำลังออกดอกสีม่วงอ่อนชูช่อสวยงาม
กลีบดอกยังมีหยดน้ำเกาะพราวเหมือนพึ่งถูกรดน้ำมาได้ไม่นาน หญิงสาวหยิบมันขึ้นมาพิจารณาก่อนจะกวาดสายตามองหาเจ้าของมัน สงสัยคงจะมีคนลืมไว้
“ของเธอนั่นแหละ
.เราตั้งใจซื้อมาฝาก”เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากเบื้องหลัง ติรณาใจเต้นแรงแต่ไม่ยอมหันกลับไปมอง ทรงรบใจแป้ว ก่อนจะเดินเข้าไปสะกิดเบาๆ
“นี่
.หันหน้ามาหน่อยสิ หันหลังอย่างนี้จะพูดกันรู้เรื่องได้ยังไงกัน”ติรณาไม่ตอบแต่กลับจูงรถมอเตอร์ไซค์ไปอีกทาง
“เราขับไปส่งนะ ขับรถไม่เก่งไม่ใช่เหรอ”เขารีบบอกเมื่อเห็นอย่างนั้น
“ไม่ต้อง ฉันขับไปเองได้”หญิงสาวเชิดหน้าตอบเสียงห้วน ยังโกรธเขาเรื่องเมื่อวานไม่หาย เธอขึ้นคร่อมรถแล้วสตาร์ทเต็มแรงตามอารมณ์โกรธ
“แคว๊ก”ติรณาตะลึงก้มลงมองชายกระโปรงที่ขาดเป็นทางยาวผ่าขึ้นไปถึงต้นขาอย่างนึกไม่ถึง อายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
เมื่อมีสายตาของคนที่เดินผ่านไปมาหันมามองอย่างสนใจ บางคนมองอย่างเห็นใจ บางคนก็กระซิบกระซาบกันพร้อมกับหัวเราะ
โธ่เว้ย
.ทำไมซวยอย่างนี้นะ ทรงรบเองก็ตกใจไม่แพ้กัน เขารีบถอดเสื้อแจ็คเกตออกมาคลุมทับให้
“ไปเปลี่ยนกระโปรงเถอะ เราจะรออยู่ข้างล่าง เร็วสิ เดี๋ยวไปเรียนไม่ทันนะ”เขาเร่งเมื่อเห็นเธอทำท่าลังเล หญิงสาวจึงไม่มีทางเลือก รีบเดินจ้ำอ้าวกลับขึ้นไปเปลี่ยนกระโปรงทันที
โอ้ย
ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนละเนี่ย ต่อหน้าคนอื่นน่ะไม่เท่าไหร่แต่ต่อหน้านายทรงรบนี่สิซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ
“ติรณาเดินไปเปลี่ยนกระโปรงลวกๆแล้วเดินหน้าจ๋อยมาที่ลานจอดรถ พบว่าเขายืนคอยอยู่อย่างที่พูดจริงๆด้วย
“ยังรออยู่อีกเหรอ วันนี้มีเรียนตอนเช้าไม่ใช่เหรอ”เธอเอ่ยถาม เพราะรู้ว่าวันอังคารเขาจะมีเรียนตอนเช้าและเขาไม่เคยไปเรียนสายเลยสักครั้ง
“ไม่เป็นไรหรอก แค่ครึ่งชั่วโมง มันคงจะไม่ทำให้เกียรตินิยมมันหายไปไหนหรอก”เขาบอกยิ้มๆ เธอมองค้อนเขาอย่างหมั่นไส้
“ยืนยิ้มอะไร ขึ้นรถซะทีสิ”เสียงของเขาดังขึ้นขัดอารมณ์เธออีกรอบ หญิงสาวบ่นว่าเขาอยู่ในใจแล้วขึ้นรถนั่งซ้อนท้ายเขาออกไป
“เหมือนฝนจะตกเลย”ติรณาบอกพร้อมกับแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้มเข้ามาทุกที เขาไม่ตอบแต่เร่งความเร็วของรถขึ้น
“เน่
.จะขับเร็วอะไรขนาดนี้นะ เดี๋ยวก็ไปไม่ถึงคณะหรอก”หญิงสาวร้องเสียงหลงทุบหลังเขาอั๊กๆไปหลายที
“โอ้ย
.ฉันเจ็บนะ ไม่เห็นเหรอว่าฝนกำลังจะตก อยากตากฝนไปเรียนรึไง”เขาบอกอย่างหงุดหงิดจนพารถมาจอดอยู่หน้าคณะพยาบาล หญิงสาวหน้างอ ก้าวขาลงจากรถก็พอดีกับที่ฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก
เขารีบคว้ามือเธอไปหลบฝน โชคยังดีที่ลายจอดรถยังมีหลังคาเล็กๆบัง เธอพลิกข้อมือดูนาฬิกาอย่างกังวลเมื่อมันเลยเวลาไปเกือบ 40 นาทีแล้ว เธอจึงมองสายฝนด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“ไปเถอะ ขืนรอให้มันหยุดก็เข้าเรียนไม่ทันกันพอดี”เขาบอกพร้อมกับดุนหลังเธอเบาๆ
“ขืนวิ่งฝ่าไปหน้าคณะก็เปียกหมดสิ”
“มาเถอะน่า ใกล้ๆแค่นี้เปียกไม่มากหรอก”เขาจูงมือเธอออกวิ่งโดยเอาตัวเขาบังด้านที่ฝนสาดเอาไว้พร้อมกับใช้สมุดแลกเช่อร์บังหน้าเธอไว้ให้
จนมาถึงหน้าคณะ เธอกอดอกห่อตัวด้วยความหนาวหันมามองหน้าเขาอย่างขอบคุณ ตัวเธอเปียกไม่มากเพราะเขาเอาตัวมาบังไว้แต่เขากลับเปียกโชกไปทั้งตัวแถมยังต้องไปเรียนสายเพราะเธออีก
“ขอบใจนะ”เธอบอกเสียงเบา เขาส่ายหน้าพร้อมกับยื่นกุญแจรถคืนให้
“แล้วนายจะไปเรียนยังไง อย่าปฏิเสธเลยน่า นายเดินไปไม่ถึงหรอก ฝนตกหนักขนาดนี้”เธอเอื้อมมือไปดึงมือเขาพร้อมกับยัดเยียดกุญแจให้ เขาก้มลงมองมือเธอนิ่งอย่างเขินๆ ใบหน้าแดงก่ำ ติรณารู้สึกตัวรีบชักมือกลับ
ตาบ้า! คนที่ควรจะอายจนหน้าแดงมันคือฉันตะหากล่ะ ไม่ใช่นาย
“ก็ได้ งั้นเย็นนี้เลิกเรียนแล้วเรามารับนะ”เขาถือโอกาสรวบรัด ติรณาอมยิ้มพยักหน้าเขินๆแล้วรีบวิ่งเข้าหน้าคณะไป
จะว่าไปนายก็เป็นสุภาพบุรุษเป็นเหมือนกันนะ นายหน้าปลากะโห้
เธอยิ้มๆก่อนจะนึกได้ว่ามาเรียนสายรีบวิ่งเข้าชั้นเรียนไม่คิดชีวิต เพื่อนๆในห้องเรียนหันมามองเธอเป็นตาเดียวเมื่อเห็นสภาพเปียกมะลอกมะแลกของเธอ
“ฝนตกค่ะอาจารย์ หนูติดฝนเลยมาไม่ได้”เธอบอกอ่อยๆ ก่อนจะเดินไปทรุดตัวลงนั่งด้านหน้าสุดไม่ใช่เพราะเธอขยันเรียนเลยอยากตั้งใจฟังอาจารย์สอนหรอกนะ
แต่เป็นเพราะว่าด้านหลังเพื่อนที่มาก่อนนั่งกันเต็มหมดแล้วต่างหากล่ะ อาจารย์พยักหน้ารับไม่พูดอะไรตามแบบฉบับอาจารย์คณะนี้
“เอาล่ะติรณา เพื่อนๆเขากำลังเรียนกันถึงทฤษฏีการทำคลอด เดี๋ยวอีกหนึ่งชั่วโมงเราจะไปห้อง lab การทำคลอดกับหุ่นกัน”
อาจารย์สุภาวดี อาจารย์ที่สอนวิชาสูติที่สวยที่สุดในคณะบอกขึ้น ทุกคนตั้งใจฟังเต็มที่ ไม่มีใครมีทีท่าง่วงนอนเพราะการทำคลอดเป็นชั่วโมงที่ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นและอยากจะเรียนมากที่สุด
“ตื่นเต้นจังเลยนะ เทอมหน้าเราก็จะได้หัดทำคลอดจริงๆแล้วอยากให้ถึงเร็วๆอ”ฉวีวรรณเอ่ยขึ้น ขณะที่รอเรียนวิชานี้
“นั่นสิ ผู้หญิงนี่ทรมานนะ กว่าจะอุ้มท้องมาครบเก้าเดือน พอจะคลอดก็ยากอีก บางทีคลอดธรรมดาไม่ได้ก็ต้องผ่าหรือไม่ก็ดูดออก”ติรณาเห็นด้วย
“ลูกตัวเล็กไปก็ไม่ได้ ตัวใหญ่ไปก็คลอดลำบาก สาบานเลย ฉันไม่ยอมมีลูกเด็ดขาด”ปริศนาบอกขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าดิก
“ผิดกับฉันนะ ฉันว่าการได้คลอดลูกนี่แหละถือเป็นหน้าที่ที่น่าภูมิใจของผู้หญิงเลยล่ะ”ติรณาบอกแล้วทำท่าเคลิ้มฝัน
“เว่อร์ไปแล้ว คำพูดกับหน้าตาไม่ได้ไปด้วยกันเลยนะแกนี่”ปริศนาหันมามองเพื่อนอย่างหมั่นไส้
“ใช่
..ท่าทางยังกะทอม แค่นอยากจะเป็นแม่คน แหม
.เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นงี้เลย พอมีผู้ชายเข้ามาจีบเข้าหน่อยเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือขึ้นมาเชียว”ฉวีวรรณแซวขึ้น
“บ้า
..พวกแกนี่ ไปเรียนได้แล้ว”ติรณาบอกพร้อมกับลากเพื่อนเข้าห้องเรียนไป
จนกระทั่งถึงเวลาเลิกเรียนทุกคนจึงทยอยกันออกมาจากห้องเรียนด้วยท่าทีที่แตกต่างกันไป บางคนสีหน้าตื่นเต้น บางคนทำท่าหวาดเสียว โดยเฉพาะกลุ่มของติรณา
“โหย
ฉันไม่คิดเลยนะว่าการทำคลอดมันจะยากเย็นขนาดนี้ บางทีเอาหัวเด็กออกมาได้ยังติดไหล่ออกมาไม่ได้อีก ขนาดแค่หุ่นไม่มีชีวิตยังน่ากลัวขนาดนี้แล้วถ้าเกิดเป็นเด็กจริงๆขึ้นมาจะทำยังๆไง”ฉวีวรรณบอกแล้วทำท่าขนลุก ติรณาหน้าเสีย
“จริงด้วย ฉันว่าฉันไม่อยากจะเป็นแม่คนแล้วล่ะ ฉันขอภาคภูมิใจเรื่องอื่นดีกว่า”ติรณาบอกพร้อมกับชะเง้อคอมองออกไปหน้าคณะ
“โธ่เอ้ย
..นึกว่าจะแน่ แค่เห็นเด็กคลอดติดไหล่แค่นี้ก็กลัวซะแล้ว แล้วนี่แกมองหาใคร”ปริศนาหันมาถามเมื่อเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของเพื่อน
“เปล๊า
..พวกแกกลับก่อนเถอะ ฉันขอไปค้นหนังสือในห้องสมุดก่อน”ติรณารีบปฏิเสธแล้วเดินเลยเข้าห้องสมุดของคณะไป ปล่อยให้เพื่อนมองตามงงๆ
ติรณาค่อยๆ โผล่หน้าออกมาดูเมื่อเห็นเพื่อนๆออกไปหมดแล้วถึงได้ออกมา พบว่าทรงรบมานั่งรอเธออยู่ก่อนแล้ว
“ไหนบอกว่าเลิกเรียน 5 โมงไง นี่มันจะหกโมงแล้ว เพื่อนเธอกลับกันหมดแล้วทำไมพึ่งจะออกมา”เขาถามเสียงห้วน ติรณาหน้าตึง
“ไม่พอใจจะรอ ทำไมไม่ฝากกุญแจเอาไว้กับน้ายามล่ะ”เธอแหวกลับเสียงแหลม เขาถอนหายใจยาวขี้เกียจเถียงด้วย
“ไม่ใช่อย่างนั้นแต่ฉันชอบคนตรงต่อเวลา เอาล่ะๆอย่าให้เรื่องเล็กๆแค่นี้ต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่เลยน่า ว่าแต่เธอหายโกรธฉันรึยัง”เขาหันมาถาม ทำให้หญิงสาวพึ่งนึกได้ว่าเธอกำลังโกรธเขาอยู่แต่แกล้งทำเป็นปากแข็ง
“โกรธ? เรื่องอะไรที่ฉันจะต้องไปโกรธนาย นายไปทำอะไรมาให้ฉันโกรธงันเหรอ”ติรณาเลิกคิ้วย้อนถามเสียงเรียบ
“ก็เรื่องโทรศัพท์เมื่อวานยังไงล่ะ พอดีว่าต้นอ้อเขาไม่สบายมาก เขาไม่มีใครเลย”ทรงรบบอกตามตรง ติรณาทำท่าคอแข็งเชิดหน้าขึ้นก่อนตอบด้วยเสียงที่พยายามทำให้ราบเรียบอย่างที่สุด
“เรื่องของนาย นายจะไปทำอะไรยังไงก็เชิญ ฉันไม่สนใจหรอกย่ะ”หญิงสาวบอกพร้อมกับสะบัดหน้าพรืดจนชายหนุ่มต้องหัวเราะชึ้นมากับท่าทางนั้น
“ปากบอกว่าไม่สนแต่ดูท่าทางเธอสิ หึงฉันชัดๆ”เขายั่วเย้า หญิงสาวหน้าแดงจัดทำท่าจะเงื้อมือจะฟาดไปที่หลังเขาแต่โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
“ฮัลโล
..รบเหรอจ้ะ อ้อกำลังจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้ รบช่วยมารับอ้อหน่อยได้ไหมคะ อ้อไม่มีใครเลย”
“แต่
..”ชายหนุ่มทำท่าอึกอักหันมาทางติรณาอย่างเกรงใจ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเชิดหน้าคอแข็งขึ้นยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
“นะคะรบ อ้อกลัว รบมาอยู่เป็นเพื่อนอ้อหน่อยนะคะ วินเขาโทรเข้ามาขู่ว่าจะทำร้ายอ้อ เขากลัวว่าอ้อจะเอาเรื่องของอ้อกับเขาไปบอกคนอื่นๆ”ต้นอ้อบอกขึ้นพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นจนทรงรบต้องรีบรับคำ หลังจากวางสายแล้วเขาก็หันมาทางติรณาอย่างหวาดๆ
“ฉันจะกลับเอง นายไม่ต้องไปส่งแล้วก็ไม่ต้องขึนรถไปกับฉันด้วย หาทางกลับเอาเองก็แล้วกัน”หญิงสาวบอกขึ้นแล้วก็ขับรถออกไปเลย
ทิ้งให้ทรงรบยืนมองตามหลังเธอไปอย่างอึดอัด โน่นก็คนรักส่วนอีกคนก็แฟนเก่าที่หน้าสงสารจนทิ้งไม่ลง
*************************************************************************************************
“เป็นอะไรอีกล่ะยัยติน นั่งหน้าหงิกเป็นม้าหมากรุกอีกแล้วนะ”ฉวีวรรณถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนรักเดินหน้ามุ่ยเข้ามาในห้อง
“เซ็งคน
ฉันเปลี่ยนใจไม่อยากมีแฟนแล้วล่ะฉวีวรรณ ผู้ชายนี่มันเฮงซวยชะมัดเลย”ติรณาบอกขึ้น มือคว้าน้ำดื่มมาดื่มอักๆระบายอารมณ์
“พอได้แล้ว เดี๋ยวได้ท้องแตกตายกันพอดี เป็นบ้าอะไรอีกยะ”ติรณาไม่ตอบคำถาม หากแต่โผเข้ากอดเพื่อนเต็มแรง พร้อมสะอื้นฮักๆ
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร รู้แต่ว่ามันผิดหวัง
..ผิดหวังที่เอานายทรงรบนั่นเป็นแฟน”พูดมาแล้วอดน้ำตาร่วงอีกไม่ได้ ฉวีวรรณที่กำลังจะอ้าปากมาต่อว่าเลยต้องหันมาปลอบใจแทน
“ร้องไห้ไปทำไมล่ะ ถ้ามีแฟนแล้วมันไม่ดีก็อย่าไปมีมันสิ ฉันเองก็ไม่มีแฟนเหมือนกันไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย”ติรณาฟังแล้วนั่งคิดตามก่อนพยักหน้าเห็นด้วย
“จริงสินะ มีแฟนแล้วมันก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิดเลย สงสัยฉันคงอ่านนิยายมากไป พอไม่ได้แบบนั้นเลยอดเสียใจไม่ได้น่ะ”บอกแล้วก็หัวเราะเบาๆขำให้กับความคิดไร้สาระของตัวเอง
“ต้องให้มันได้อย่างนี้สิ ถึงจะกลับมาเป็นติรณาคนเดิม เออนี่
มัวแต่ปลอบใจแก เห็นใบประกาศที่ติดอยู่หน้าหอไหม เขาจะให้พวกที่เรียนอยู่ปี 2-4 ย้ายออกเพื่อเอาน้องปี 1 มาอยู่แทน”คำบอกเล่านั้นทำเอาติรณาตกใจมาก
“ว่าไงนะ
แล้วพวกเราจะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ”
“คงต้องออกไปอยู่หอพักข้างนอก“ปริศนาเป็นฝ่ายบอกขึ้น ติรณาพยักหน้ารับอย่างเหนื่อยหน่ายใจกับเรื่องราวมากมายที่มาพร้อมๆกัน
และในวันย้ายหอพักสามสาวจึงได้ช่วยกันขนย้ายข้าวของมากมายนั้นอย่างทุลักทุเล
“ยัยติน ทำไมของห้องแกมันถึงได้เยอะแยะอย่างนี้นะ ฉันขนจนมือหงิกไปหมดแล้ว”ฉวีวรรณบ่นกระปอดกระแปด เมื่อข้าวของของติรณามีมากมายกว่าของคนอื่นๆหลายเท่า
“เฮ้ย
.แล้วกล่องหนังสือใหญ่ๆพวกนี้ใครจะยก เกือบสิบกิโลได้มั้งเนี่ย”ปริศนายืนเท้าสะเอวมองกล่องหนังสืออย่างเหนื่อยใจ
“ฉันยกไปเอง”ทรงรบที่มายืนฟังสามสาวตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้บอกขึ้น ติรณาหันขวับมามอง หน้าตึงเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“ไม่ต้อง! ของแค่นี้พวกเรายกไปกันเองได้”
“เฮ้ย!”ปริศนากับฉวีวรรณอุทานขึ้นพร้อมกัน ติรณาหันมาถลึงตาใส่เพื่อน
“นี่
.อย่ามายุ่งนะ”ติรณาถลาเข้าไปยื้อยุดกล่องหนังสือของตัวเองไว้เมื่อเห็นทรงรบทำท่าจะยกไปให้ เขาเงยหน้าขึ้นมองเธออย่างเหนื่อยใจ
“อย่าเล่นตัวได้ไหม ยกไปไม่ได้ก็บอกว่ายกไปไม่ได้ อย่าอวดเก่ง”ติรณาหน้าตึงขยับปากจะกรี๊ดแต่ฉวีวรรณรู้ทันรีบยกมือปิดปากเพื่อนเอาไว้ทัน พร้อมกับกระซิบ
“อย่านะ
เขามาช่วยก็ดีแล้ว ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้วรู้มั้ย หรือแกอยากจะขนคนเดียว”ฉวีวรรณขู่ ติรณานิ่งเงียบหุบปากทันที กลัวว่าจะต้องขนของหนักๆพวกนี้คนเดียว
“ก็ได้
ขนดีๆล่ะ อย่าให้ข้าวของฉันเสียหาย”ติรณาบอกห้วนๆก่อนจะยอมให้เขาขนของเข้าไปในหอพักให้
“จะว่าไป ฉันว่าเขาก็น่ารักดีออกนะ ดูสิ
.มาช่วยขนของแต่เช้า แกยังจะว่าเขาไม่ดีอีก”ทรงรบกลายเป็นหัวข้อสนทนาของสามสาวอีกครั้ง เมื่อเขาขนของเดินห่างออกไปพอที่จะไม่ได้ยินเสียงพูดคุยของพวกเธอ
“นั่นสิ
ถ้าไม่ได้เขา เราแย่เลยนะ ดูสิของหนักขนาดนั้น ขืนยกเองมีหวังมดลูกหย่อนกันพอดี”ฉวีวรรณพูดเสริมอีกคน
“เฮอะ! หน้าไหว้หลังหลอก พวกแกไม่รู้หรอกว่าลับหลังพวกแกเขาทำอะไรกับฉันไว้บ้าง”ติรณาบอกแววตาแค้นเคือง
“ติน! ฉันจะบอกอะไรแกอย่างหนึ่งนะ ชีวิตคนเรามันไม่เหมือนนิยาย ไม่เหมือนหนังเกาหลีที่แกชอบดู พระเอกจะได้ดีไปหมดทุกอย่าง แกนึกถึงแง่ดีของเขาบ้างสิ แล้วเอามาหักลบกันดูว่าสิ่งที่เขาทำไม่ดีกับแกมันเลวร้ายถึงขนาดคบไม่ได้เลยเหรอ”ปริศนาสอนยืดยาว
ติรณานิ่งคิดตาม ใจนึกถึงตอนที่เขาขับรถตากฝนขับมาส่งเธอถึงหน้าคณะแล้วยังช่วยเอาตัวมาบังให้อีกแถมวันนี้ก็มาช่วยขนของทั้งวัน
แล้วที่สำคัญเขาเคยช่วยเธอจากการถูกมาวินข่มเหงอีกแล้วนี่เธอจะโกรธเขาจนไม่ยอมฟังเหตุผลของเขาเลยเชียวหรือคิดได้อย่างนั้นแล้วเธอจึงยืนมองตามหลังเขาเงียบๆ แววตาอ่อนลง
“นี่
เย็นแล้ว เราสองคนต้องไปเต้นแอโรบิกแกคงไม่ออกไปกับพวกเราตามเคยล่ะสิ ของในห้องแกจัดรอไปก่อนนะ”ปริศนาหันมาบอกหลังจากขนของชิ้นสุดท้ายเสร็จแล้ว
“อืม
..พวกแกไปเถอะ ฉันไม่ชอบไปเต้น”ติรณาบอกเพื่อนพลางลงมือจัดของไปด้วย สองสาวโบกมือลาก่อนจะเดินไปขึ้นรถประจำทางออกไป แล้วหญิงสาวก็หันกลับมามองทรงรบเก้อๆ เมื่อเหลือเพียงเขากับเธอในห้อง
“ขอบใจนะ นายกลับไปได้แล้วล่ะ เย็นมากแล้ว”เธอบอกเสียงอ่อย
“ยังก่อน เดี๋ยวฉันจะช่วยเธอจัดของ”เขาไม่รอให้เธอปฏิเสธ รีบถือวิสาสะเข้าไปในห้องลงมือเก็บกวาดจัดห้องให้เธอใหม่อย่างคล่องแคล่ว
“ของอะไรที่ไม่ได้ใช้แล้ว อย่างกระดาษพวกนี้ กระปุกอะไรที่ไม่ใช้แล้วทิ้งๆมันไปซะแล้ว เก็บของยัดมาลวกๆแบบนี้ เป็นผู้หญิงประสาอะไร”เขาบ่นไปแล้วก็จัดข้าวของให้ไปด้วย
หญิงสาวแอบเบ้หน้าใส่เขาด้วยความหมั่นไส้ พลางมองเขานั่งพับเพียบพับเสื้อผ้าเธอใส่ในตู้เสื้อผ้าอย่างทึ่งจัด อดรู้สึกดีๆกับเขาขึ้นมาไม่ได้
สายตาของเธอมองตามเขาอย่างชื่นชมก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นไม่ไว้ใจเมื่อที่ควานหาจะเอานิตยสารคลีโอที่เธอชอบอ่านมาเก็บบนชั้นวาง
แต่พัดลมเจ้ากรรมดันพัดกระดาษให้เปิดไปที่คอลัมน์หนึ่งพอดิบพอดี ราวกับพระเจ้าตั้งใจดลบันดาลให้เธอเห็นหน้านั้นอย่างนั้นแหละ
“ระวัง! แฟนที่คุณคบอยู่จะเป็นเกย์”หัวข้อนี้สะดุดสายตาเธอเข้าอย่างจัง รีบหยิบมันขึ้นมานั่งอ่านคร่าวๆ
เฮ้ย
หนังสือเล่มนี้ซื้อมาตั้งนาน ทำไมหน้านี้ฉันไม่เคยอ่านมาก่อนเลยนะ หญิงสาวกวาดสายตาอ่านไปมาอีกหลายรอบ
“วิธีสังเกตอาการของพวกแกย์ ข้อ 1. นิ้วก้อยมักจะชี้ขึ้นเวลาหยิบสิ่งของ เวลาเผลอมักจะทำตัวเรียบร้อยบางทีอาจจะมีการแสดงความจุกจิกขี้บ่นเหมือนผู้หญิงทั้งที่เวลาปกติมักจะแสดงกิริยาก้าวร้าวบังหน้า”ติรณาอ่านขมุบขมิบกลัวว่าเขาจะได้ยิน
ตายล่ะ
นี่แค่ข้อแรก นายนั่นก็เข้าเค้าหมดเลย
ติรณาเหลือบตามองทรงรบที่กำลังนั่งพับเพียบพับผ้าอยู่อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เธอถอนหายใจอย่างกลัวๆ
กวาดสายตามองไปยังนิ้วก้อยของเขาที่เธอเห็นว่ามันกระดกขึ้นนิดนึง ถ้าหากว่าคนมองไม่คิดระแวงจนเกินไปนัก
“เสื้อผ้าพวกนี้ก็เหมือนกันนะ ตัวไหนที่ไม่ใส่แล้วก็เอาออกไปซะมั่ง จะเอาไปบริจาคหรือเอาไปทำเป็นผ้าขี้ริ้วก็ได้ ไม่ใช่ปล่อยให้มันรกตู้แบบนี้”เขาบ่นแล้วส่ายหน้าให้กับความไม่เป็นกุลสตรีของเธอต่อไปถ้าเขาพาเธอเข้าบ้าน มีหวังแม่เขาคงลมจับวันละสามสี่รอบ
“เป็นอะไรไป”เขาหันมาถาม หญิงสาวสะดุ้งเฮือก รีบปฏิเสธอย่างร้อนตัว
“เปล่านะ ฉันแค่คิดว่าจะจัดห้องยังไงดี ไม่ได้ระแวงหรือสงสัยอะไรใครเลยนะ”เธอโบกไม้โบกมือปฏิเสธวุ่นวาย
“เป็นบ้าอะไรของเธอ รีบจัดของเร็วๆเข้าสิฉันหิวแล้ว”เขาบอกขึ้น ติรณารีบรับคำแต่กลับหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อเมื่อเขาเผลอ
“ถ้าตกใจ เกย์จะเผลอแสดงอาการกรี๊ดกร๊าดออกมา เพราะลืมการควบคุมตัวเอง”
อืม
ข้อนี้ท่าจะดีนะ แต่จะทำยังไงเขาถึงจะตกใจล่ะ
หญิงสาวกวาดสายตามองหาตัวช่วยก่อนจะยิ้มกริ่มเมื่อเจอเชือกรัดของสีดำสนิท ยาวขนาดพอเหมาะมองไปคล้ายๆงูตัวยาว
“เฮ้ย! งู”เธอตะโกนเสียงดังลั่น พร้อมกับโยนงูปลอมออกไปตรงหน้าเขา
“เฮ้ย”เขาตกใจ ถลาลุกขึ้น แต่แทนที่จะวิ่งหนีหรือกรี๊ดลั่นอย่างที่เธอคาดการณ์ เขากระโดขึ้นเหยียบงูปลอมของเธอซะบี้แบน
เขาเงยหน้าขึ้นมองเธออย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นว่างูที่เขาเหยียบไปเต็มแรงนั้นแท้ที่จริงแล้วมันคือเชือกรัดของดีๆนี่เอง
“เล่นอะไรของเธอ โตแล้วนะ เล่นอะไรเป็นเด็กๆไปได้”เขาว่าเสียงดุ ติรณาหน้าเจื่อน ได้แต่ส่งยิ้มเก้อๆกลับไปให้
“แหม
ก็ฉันเห็นนายเครียดๆน่ะ ก็เลยอยากสร้างบรรยากาศ”
โธ่เอ้ย
ไม่เห็นจะได้ผลเลย เห็นที่จะต้องพึ่งพี่โป๊ ที่เรียนคณะเดียวกับเธอซะแล้ว เกย์มักจะดูเกย์ด้วยกันออก
เฮ้อ
นี่ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิมอีกแล้วเหรอเนี่ย แฟนคนแรกก็เป็นเกย์ คนนี้ก็ยังทำท่าจะเป็นเกย์อีกเหรอ
ผู้ชายยิ่งมีน้อยๆอยู่แล้วยังจะมาเป็นตุ๊ดเป็นเกย์ซะอีก
“เอ้า
..เหม่ออยู่นั่นแหละ นี่ห้องเธอนะ ไม่ใช่ห้องฉัน ไม่เห็นจะช่วยอะไรเลย พอแค่นี้ก่อน ฉันหิวมากแล้ว”เขาบอกแล้วตรงเข้าฉุดแขนเธอลุก เธอเดินตามหลังเขาอย่างว่าง่าย
ความคิดเห็น