คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ถูกหลอก
“กริ๊ง”เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้งแต่เจ้าของโทรศัพท์กลับไม่ยอมรับสาย จนฉวีวรรณที่นอนอ่านการ์ตูนอยู่ชักจะทนไม่ไหวเอื้อมมือไปกดปิด
“นี่
ทำไมแกไม่รับโทรศัพท์ซะทีล่ะ มาวินโทรมาไม่ใช่เหรอ”
“ไม่รู้สิ
..ฉันไม่อยากคุยกับใคร มันเบื่อๆ”เธอส่ายหน้าสีหน้าเพลียจัดเพราะเมื่อคืนมัวแต่คิดถึงคำสารภาพรักของนายทรงรบจนนอนไม่หลับ
ทั้งที่บอกตัวเองตลอดเวลาว่าไม่ชอบขี้หน้าเขาแต่เธฮกับหัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่เจอหน้าเขา เวลาไหนที่เขาไม่มาเจอไม่มากวนประสาทเธอแล้วมันอดคิดถึงขึ้นมาไม่ได้
ผิดกับมาวินที่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่โทรมาหรือไม่โผล่มาให้เห็นหน้าเลยมันก็แค่ทำให้รู้สึกแปลกๆแล้วก็ชินไปเองไม่ได้รู้สึกคิดถึงจับใจแบบนี้
“เบื่อ? ที่ว่าไม่อยากคุยกับใคร หมายถึงนายรบหรือนายมาวิน”ฉวีวรรณตะแคงตัวหันมาถาม
“ไม่รู้สิ บอกไม่ถูก พอมาวินไม่โทรมาก็รู้สึกแปลกๆ แต่พอนายทรงรบไม่โทรมาฉันก็รู้สึกแย่อีก แกว่า แบบนี้เขาเรียกว่าหลายใจไหมวะ”ติรณาถามเสียงเศร้า ฉวีวรรณหัวเราะขำๆพร้อมกับเดินไปเปิดเพลง อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคนของทาทา ยัง ให้ฟัง
“ฮื้อ
..ปิดเดี๋ยวนี้เลยนะ”หันมาฟาดฝ่ามือไปที่ต้นแขนของเพื่อนงอนๆ
“เอ้า
.ก็มันจริงนี่นา พอไม่มีแฟนก็ร่ำร้องอยากจะมีอยากจะมี พอมีคนมาจีบเยอะๆก็มาบ่นปวดหัวอีก สู้อยู่เป็นโสดอย่างเดิมก็ไม่ได้”ฉวีวรรณยักไหล่ หยิบขนมใส่ปากเคี้ยวอย่างสบายอารมณ์
“มันก็จริงอ่ะนะ ฉันไม่รู้ว่าฉันชอบใครกันแน่ มาวินเขาก็ดีเป็นสุภาพบุรุษดีกับฉันทุกอย่างอยู่กับเขาแล้วเหมือนกับเป็นเจ้าหญิงเลยนะมีคนคอยเอาใจแต่ว่า
.มันรู้สึกอึดอัดยังไงก็ไม่รู้”
ทั้งเรื่องผมเผ้า การแต่งตัว เขาคอยห้ามนู่นสั่งนี่อยู่เรื่อย ทั้งเรื่องอาหารการกินเธอชอบกินส้มตำ อาหารพื้นบ้านแต่เขาต้องเป็นร้านอาหารหรูๆ
“แล้วกับนายทรงรบล่ะ?”
“นายนั่นน่ะเหรอ ตรงข้ามกันทุกอย่างเลย ปากเสีย ปากแข็ง ฟอร์มจัดนี่ถ้าไม่บอกฉันก็คงเดาไม่ถูกหรอกว่าเขาชอบฉัน แต่ช่างเถอะเขาคงแค่อยากจะเอาชนะมาวินเท่านั้นล่ะ เขาคงไม่ได้คิดอย่างที่พูดจริงๆหรอก ฉันคบกับมาวินอย่างเดิมก็ดีแล้ว”สารภาพตรงๆกับเพื่อน แต่พอคิดอย่างนั้นแล้วตัวเธอเองก็อดรู้สึกเศร้าใจขึ้นมาไม่ได้
นี่เธอกำลังเป็นอะไรไปหนอทำท่าเหมือนกับว่าชอบนายทรงรบนั่นเข้าแล้วจริงๆอย่างที่เขาเคยสบประมาทเธอเอาไว้อย่างนั้นแหละ
ไม่นะ! ท่องเอาไว้นะติรณาว่าเขาหลอกเรา เขาหลอกเรา เขาหลอกเรา หญิงสาวบอกกับตัวเองในใจอยู่อย่างนั้นหลายสิบรอบ
“ย่ะ แม่คนเสน่ห์แรง แม่คนสวยเลือกได้”ฉวีวรรณบอกอย่างหมั่นไส้ เจ้าตัวหัวเราะคิกอย่างชอบอกชอบใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์โชว์ชื่อมาวินเมื่อมันดังขึ้น
“ว่าไงจ๊ะวิน อะไรนะ รออยู่หน้าหอเหรอ จ้ะๆจะลงไปเดี๋ยวนี้แหละ”ว่าแล้วค่อยๆปิดวางสายสบตากับฉวีวรรณอย่างเฉยชา
“ฉันจะออกไปข้างนอกนะ มาวินเขาชวนไปทานอาหารเย็น ไม่ต้องรอนะ”ติรณาบอกเนือยๆ ก่อนจะหันไปแต่งตัวที่คิดว่าดูดีที่สุดก่อนจะลงไป
“รอนานไหม”เธอถามขึ้น เมื่อเห็นมาวินยืนหันหลังให้ เขาหันขวับกลับมามองเธอยิ้มๆ
“ไม่นานจ๊ะ
..เดี๋ยวนี้ตินดูแปลกๆไปนะ”หญิงสาวขมวดคิ้วก้มลงสำรวจตัวเอง
“แปลกยังไง?”เลิกคิ้วสูง
“สวยขึ้น”เขาบอกเสียงหวาน
“บ้า
อยู่ๆก็มาชม”หญิงสาวยิ้มเขินก่อนจะเดินก้มหน้างุดตามหลังเขาออกไปขึ้นรถเก๋งคันหรู ขับออกไป
เขาพาเธอมายังร้านอาหารที่หรูที่สุดของเมืองนี้ อาหารที่สั่งมาล้วนแล้วแต่ราคาแพงชนิดที่เกือบจะเป็นเงินเดือนทั้งเดือนของใครอีกหลายคน หญิงสาวนั่งมองอาหารตรงหน้าอย่างลำบากใจ
“มีอะไรรึเปล่าติน ทำหน้าแปลกๆ”
“เปล่าหรอกค่ะ แต่ตินรู้สึกว่ามันแพงไป”เธอบอกเขาตามตรง ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆก่อนจะมองเธฮด้วยสายตาที่แปลกจากเดิม
ถึงเวลาแล้วติรณา ฉันจีบเธอมานานเกินไปแล้ว ให้ตายเถอะฉันไม่เคยจีบใครนานเกินสองเดือนเลยนะ เพียงแค่เขาซื้อของราคาแพงๆสักชิ้นสองชิ้นพวกคุณเธอเหล่านั้นก็พร้อมที่จะพลีกายให้เขาได้ทุกเมื่อแต่กับติรณาถึงเธอจะทำท่าเหมือนจะชอบเขาแต่ดูคงจะไม่ยอมเขาง่ายๆ
แล้วเดี๋ยวนี้เธอก็ดูแปลกๆไปทำท่าเหมือนกับไม่อยากจะคุยกับเขาเท่าไรนัก บ่อยครั้งที่เธอดูเหม่อลอยราวกับกำลังคิดถึงใครบางคนอยู่
แล้วเดี๋ยวนี้ก็มีคนรายงานเขาว่าเธอกับทรงรบไปทานข้าวด้วยกันบ่อยๆ เรื่องอะไรที่เขาจะปล่อยเธอให้ไอ้หมอนั่นมันคาบไปกิน
เขาเคยแย่งต้นอ้อมาจากมันได้แล้วทำไมเขาจะแย่งคนที่มันชอบมาอีกสักคนไม่ได้เล่า เขาคิดอย่างนั้นแล้วจึงหันไปกวักมือเรียกบริกรให้นำไวน์ราคาแพงเข้ามาเสิร์ฟ
เขาสบตากับพนักงานคนนั้นอย่างมีเลศนัย ชายคนนั้นพยักหน้าเบาๆ มาวินยิ้มรับเป็นเชิงรู้กันแล้วพนักงานคนนั้นก็วางแก้วไวน์แก้วหนึ่งเอาไว้ให้ติรณา อีกแก้วให้มาวิน หญิงสาวหน้านิ่วก่อนจะขอเปลี่ยนเป็นน้ำส้มคั้นแทน
“ลองทานดูสักหน่อยนะติน ไวน์ที่นี่รสชาติดีนะแค่แก้วเดียวไม่เมาหรอก”ชายหนุ่มคะยั้นคะยอก่อนจะยกแก้วขึ้นจ่อที่ปากทำให้หญิงสาวต้องยอมยกขึ้นจิบเบาๆ
“โธ่ดื่มแค่นั้นจะไปรู้รสอะไรล่ะติน ดื่มให้หมดแก้วเลยนะ ไม่อย่างนั้นเราจะถือว่าตินรังเกียจเรานะ”เขาแกล้งบอกเสียงน้อยใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ”
“ไม่ใช่ก็ดื่มอีกสิครับ”มาวินเร่งเร้า หญิงสาวจึงจำใจยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด รสฝาดเฝื่อนนั้นผ่านลำคอเข้าไปอย่างยากเย็น มาวินยิ้มเย็นอย่างพอใจ
ติรณาดื่มได้ไม่นานก็รู้สึกปวดที่ศีรษะอย่างรุนแรง สายตาเริ่มพร่ามัวแปลกๆ เธอสะบัดศีรษะไปมาอย่างงุนงง มาวินเห็นอย่างนั้นจึงรีบถามอย่างห่วงใย
“ติน เป็นอะไรไป ไม่สบายรึเปล่า”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่ปวดนิดหน่อยเดี๋ยวตินขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”หญิงสาวบอกพร้อมกับลุกขึ้นยืนแต่ก็รู้สึกวูบจนเซถลาทำท่าจะล้ม มาวินเห็นอย่างนั้นจึงรีบลุกขึ้นมารับ
“เราว่าตินคงจะเมาน่ะ เดี๋ยวเราพาตินไปส่งให้นะ”มาวินบอกขึ้นแล้วก็พยุงร่างอ่อนปวกเปียกนั้นไปขึ้นรถ ติรณาพยักหน้ารับ
“อืม”
เมื่อเข้ามานั่งในรถ แอร์เย็นๆช่วยทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นแต่ยังเวียนศีรษะอยู่มาก แค่ไวน์แก้วเดียวไม่น่าจะทำให้เธอรู้สึกเมาได้มากมายขนาดนี้เลย
“ปวดหัวจัง”
“คนไม่เคยดื่มก็อย่างนี้แหละ ตินหลับไปเลยก็ได้นะเดี๋ยวถึงหอพักแล้วเราจะปลุกเอง”
“ขอบใจนะ”ติรณาเงยหน้าขึ้นบอกแล้วก็เอนตัวหลับไปโดยไม่รู้ตัว
มาวินยิ้มพอใจรีบเคลื่อนรถออกไปทันที เมื่อมาถึงป้ายที่บ่งบอกว่าเป็นโรงแรมม่านรูดแน่ๆ เขาก็เลี้ยวรถเข้าไปทันที
“เอ๊ะ
..นั่นรถไอ้วินนี่หว่าพาไก่อ่อนที่ไหนมาด้วยวะ เสน่ห์แรงซะจริง”เมธาดลที่ขับรถสวนมาทันได้เห็นรถของมาวินติดไฟแดงอยู่
เขาอุทานเบาๆเมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะไม่ได้สติ เมธาดลรับเขม้นมองใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นแต่ก็เห็นไม่ชัดนักก่อนจะทำท่านึกได้เมื่อขับรถมาไกลแล้ว
“เฮ้ย
..ฉิบหายแล้ว นั่นมันยัยตินนี่หว่า”เมธาดลคิดได้อย่างนั้นแล้วจึงกดโทรศัพท์หาทรงรบด้วยท่าทีรนราน
“มีอะไรวะเมย์ ฉันกำลังเขียนแบบงานอยู่นะ ถ้าไม่มีธุระอะไรเอาไว้วันหลังค่อยคุยกันนะ ฉันกำลังยุ่ง”ทรงรบบอกขึ้นพลางตั้งท่าจะวางโทรศัพท์
“เฮ้ย
..อย่าพึ่งวาง เมื่อกี้ข้าเห็นไอ้วินมันขับรถพาผู้หญิงเข้าโรงแรม หน้าเหมือนยัยตินเลยว่ะ ท่าทางเหมือนคนถูกมอมยาเห็นหลับตลอด”ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะพูดจบ
ทรงรบก็รีบลงจากโต๊ะ กระโดดพรวดเดียวผ่านบันไดทีละสามขั้นอย่างร้อนใจ คว้าช็อปเปอร์คู่ใจออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับต่อโทรศัพท์ถึงเมธาดล
“ไอ้เมย์ แกขับรถล่วงหน้าไปก่อนเลยนะ ฉันจะรีบไปโรงแรมสวีทใช่ไหม เออ
รู้จักแกรีบไปขัดขวางเอาไว้ก่อนนะ”ชายหนุ่มกดวางสายแล้วขับรถออกไปอย่างเร็วที่สุดในชีวิตทั้งที่ไม่เคยขับรถแบบวาดเสียวแบบนี้มาก่อนเลย
เพราะแม่ของเขาขอร้องเอาไว้ รถของเขาขับฉวัดเฉวียนไปมาจนถูกด่าตามหลังแต่เขาไม่สนใจเพราะความห่วงใยคนบางคนมีมากกว่า
“ยัยบ้าเอ้ย
..เคยเตือนแล้วใช่ไหม หาเรื่องจนได้ หวังว่าเธอคงจะไม่ได้เต็มใจหรอกนะ”เขาสบถออกไปก่อนจะเร่งความเร็วจนมาถึงหน้าโรงแรมนั้นพอดี
“เฮ้ย
.ไอ้รบทางนี้ ข้าหาจนเกือบจะทุกห้องแล้วว่ะ ไม่เจอเลย”เมธาดลที่ล่วงหน้ามาก่อนรีบวิ่งเข้ามาหาทรงรบในทันทีที่เขามาถึงและก่อนหน้านี้เขาเคาะประตูเกือบจะทุกห้องอยู่แล้วแต่ไม่เจอเลย
“เหลืออีกสามห้องที่ยังไม่ดู ไปเร็ว”ทรงรบกับเมธาดลรีบเปิดหาห้องที่เหลืออย่างร้อนใจ
มาวินพาหญิงสาวเข้ามายังห้องหนึ่งที่อยู่สุดท้าย ร่างของติรณายังคงไม่ได้สติ เขาวางร่างนั้นลงบนเตียงพร้อมกับยืนถอยหลังออกไปยืนพิจารณาร่างงามที่นอนหายใจรวยรินไม่ยอมรับรู้ชะตากรรมของตัวเองเลยนั้นอย่างพอใจ
“ขอโทษนะติรณาที่ฉันต้องทำแบบนี้ สวยๆอย่างเธอฉันคงอยู่ด้วยนานกว่าคนอื่นๆ ไม่ต้องห่วงหรอกนะ”เขาบอกพลางลูบไล้ไปมาตามใบหน้าจนมาถึงเนินอกอวบอิ่ม
ก่อนค่อยๆปลดกระดุมออกทีละเม็ด หัวใจของเขาเต้นแรงเมื่อทรวงอกเด่นตระหง่านนั้นท้าทายต่อสายตาของเขาภายใต้บราเซียตัวจิ๋ว
เขาค่อยๆก้มหน้าลงซุกไซ้ต้นคอหอมกรุ่นนั้น หญิงสาวมีท่าทีกระสับกระส่ายกึ่งหลับกึ่งตื่นก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อลืมตาขึ้นมาได้
“กรี๊ด
. อย่านะมาวิน นี่จะทำอะไรน่ะ”เธอกรี๊ดเสียงแหลมอย่างตื่นตระหนก มาวินหัวเราะลั่นกับคำถามนั้นของเธอ
“อย่าทำมาไร้เดียงสาไปหน่อยเลยติรณา ฉันพาเธอมาที่นี่คงไม่ได้คิดจะพามานอนเล่นหรอกนะ เธอชอบฉันไม่ใช่เหรอ ฉันก็กำลังจะทำให้เธอมีความสุขอยู่นี่ไง ไม่ชอบหรอกเหรอ”เขาบอกพลางก้มหน้าลงมาชิด หญิงสาวเบือนหน้าหนีอย่างรังเกียจพร้อมกับดิ้นรนเต็มแรง
“ปล่อยนะ! มาวิน ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยมานายจะเป็นคนแบบนี้ นายวางยาฉันใช่ไหม ฉันน่าจะเชื่อทรงรบตั้งแต่แรก”ติรณาร้องไห้น้ำตาไหลพรากอย่างตกใจระคนหวาดกลัวในใจคอยเฝ้าภานาให้ทรงรบมาช่วยเธอเอาไว้
“อย่าพูดชื่อไอ้หมอนั่นให้ฉันได้ยินอีกนะ ไม่อย่างนั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลยน่าเป็นของฉันแล้วเธอจะได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเงินทองมากมาย ฉันชอบเธอมากนะมากกว่าทุกๆคนที่ฉันเคยผ่านมาซะอีก”
“ไม่นะ
.วินไม่นะ”หญิงสาวพยายามดิ้นรนสุดชีวิตแต่เรี่ยวแรงที่มีอยู่นั้นแทบจะไม่มีแม้แต่แรงที่จะผลักร่างหนาที่ถาโถมเข้ามานั้น
ติรณาหลับตาลงอย่างหวาดหวั่นเตรียมรับชะตากรรมแต่แล้วร่างของมาวินก็ถูกกระชากออกไปด้วยน้ำมือของใครคนหนึ่งที่กระแทกหมัดลงไปไม่ยั้ง
“ไอ้สารเลว แกมันสิ้นไร้ไม้ตอกจนถึงขนาดวางแผนข่มขืนผู้หญิงเลยเหรอ”
“ไอ้รบ
..แกมายุ่งอะไรด้วยผู้หญิงคนนี้เป็นของฉัน อย่ามายุ่ง”มาวินตระคอกกลับพร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่ปากอย่างหัวเสียแต่สภาพของเขาสะบักสะบอมเกินกว่าที่จะตอบโต้
“เฮ้ย
.พอแล้วไอ้รบ แกรีบไปดูตินเถอะเดี๋ยวไอ้หมอนี่ฉันจะจัดการเอง”เมธาดลรีบบอกขึ้นเมื่อเห็นสภาพดูไม่จืดของมาวิน
เขาไม่ได้เป็นห่วงมันหรอกนะแต่ยังไม่อยากให้เพื่อนรักต้องกลายเป็นฆาตรกร คนถูกห้ามพึ่งจะนึกได้รีบถลาเข้าไปดูติรณาที่ยังคงนั่งตัวสั่นอยู่ด้วยความตกใจ
“ติน
เป็นยังไงบ้าง”
“ทรงรบ”หญิงสาวโผเข้ากอดร่างของเขาตัวสั่นเป็นลูกนกในอ้อมกอดนั้น
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นไรเธอปลอดภัยแล้ว”ชายหนุ่มบอกขึ้นพร้อมกับก้มลงจุมพิตเบาๆที่หน้าผากเธออย่างปลอบโยน
รู้สึกเวทนาคนตรงหน้าจับใจ มองสภาพเกือบเปลือยของเธอแล้วใจหาย เขารีบถอดแจ็คเก็ตที่สวมอยู่สวมทับให้เธอก่อนจะพยุงร่างบางนั้นให้ลุกขึ้น
“ไปพักที่ห้องฉันก่อนนะอย่าพึ่งกลับหอพักตอนนี้เลย เดี๋ยวคนอื่นๆจะตกใจกันเปล่าๆ”
“อะไรนะ!”ติรณาเบิกตากว้างอีกครั้งมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ ชายหนุ่มรีบขัดขึ้นเมื่อเห็นสายตาไม่ไว้วางใจของเธอ
“ไว้ใจฉันเถอะ อย่าห่วงเลยฉันกับมาวินไม่เหมือนกัน เธอนอนพักที่ห้องฉันส่วนฉันจะไปพักกับไอ้เมย์เอง”ทรงรบว่าพร้อมกับช่วยพยุงร่างอ่อนปวกเปียกของเธอออกไป ทิ้งมาวินให้เมธาดลเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดรวมทั้งแจ้งความแทน
ชายหนุ่มพยุงร่างที่เริ่มจะหลับอีกครั้งเพราะฤทธิ์ยาของเธอให้เขาไปนั่งในรถเก๋งของเมธาดลไปยังห้องพักของเขา เมื่อมาถึงห้องเขาช่วยให้เธอได้นอนลงบนเตียงอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าถ้าวางแรงกว่านี้เธอจะเจ็บไปทั้งร่าง
จากนั้นจึงจัดการนำผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าและตามลำคอให้ หญิงสาวกระสับกระส่ายไปมา ความตกใจประกอบกับความเจ็บช้ำของร่างกายและจิตใจทำให้ร่างกายของเธอเริ่มจะเพ้อเพราะพิษไข้
ชายหนุ่มวางมือลงบนหน้าผากของเธอแล้วต้องสะดุ้งเมื่อความร้อนจากผิวกายของเธอวิ่งผ่านมาจนถึงมือเขา
“ตัวร้อนจี๋เลย หมดฤทธิ์กันล่ะคราวนี้แม่คนเก่ง นี่ถ้าฉันไม่ไปช่วยเธอคงเละไปแล้ว ไอ้มาวินฉันไม่คิดเลยนะว่าแกจะเลวได้ถึงขนาดนี้”ชายหนุ่มขบกรามแน่นเมื่อมองไปทางคนป่วยที่ดูจะกระสับกระส่ายมากขึ้นจากเดิม
“น้ำ
.ขอน้ำหน่อย”หญิงสาวครางเสียงแผ่วเบา ชายหนุ่มรีบจัดการป้อนน้ำที่วางอยู่บนหัวเตียงให้อย่างระวังมือ
“กินยาลดไข้ซะหน่อยนะ ถ้าไม่ดีขึ้นฉันจะพาเธอไปหาหมอ”ทรงรบจัดการพยุงร่างของเธอให้ลุกขึ้นและป้อนยาให้ หญิงสาวทำตามอย่างว่าง่ายก่อนจะหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
จนกระทั่งถึงเช้าเธอก็ตื่นขึ้นเมื่อแสงแดดลอดผ่านแมกไม้เข้ามากระทบแก่สายตา ติรณษเบิกตากว้างเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนจึงรีบถลาตัวลุกขึ้นสำรวจเนื้อตัวของตัวเองแล้วก็ต้องตกใจแทบช็อคเมื่อกระดุมเสื้อของเอถูกปลดออกไปหลายเม็ดและเสื้อผ้าบางส่วนถูกฉีกขาด
“กรี๊ด”หญิงสาวกรี๊ดลั่นจนทรงรบที่กำลังอุ่นโจ๊กให้เธออยู่ต้องวิ่งถลาเข้ามาดูอย่างตกใจ
“เป็นอะไรน่ะติน”
“นาย
..นายทำอะไรฉัน”เธอชี้หน้าเขาแล้วถามขึ้นอย่างตื่นตระหนกจากนั้นจึงเริ่มขว้างปาข้าวของที่อยู่ใกล้มือที่สุดใส่เขาไม่ยั้ง
โดยที่เขาได้แต่ปัดป้องไม่มีโอกาสได้อธิบายให้เธอฟังจนเมื่อหมดของชิ้นสุดท้ายคือนาฬิกาปลุกที่วิ่งผ่านศีรษะของเขาไปอย่างเฉียดฉิวนั่นแหละเขาจึงสบโอกาสถลาเข้าไปรวบมือเล็กๆที่กำลังควานหาข้าวของชิ้นใหม่เอาไว้ได้
“ปล่อยฉันนะไอ้บ้า
..ไอ้ทรงรบ
..ฮือ
..แกทำอะไรฉัน”ติรณาตะโกนลั่นจนชายหนุ่มต้องยกมือขึ้นตะปปปากนั้นเอาไว้ก่อนจะตะคอกกลับด้วยน้ำเสียงดุๆ
“พอได้แล้ว แล้วก็หยุดแหกปากซะทีเสร็จแล้วก็ฟังฉัน เธอลองนึกดูให้ดีๆซิว่าเมื่อคืนเธอออกไปข้างนอกกับใคร เกิดอะไรขึ้นแล้วใครเป็นคนไปช่วยเธอ”ทรงรบบอกขึ้นอย่างหงุดหงิดที่เป็นคนไปช่วยเธอเอาไว้แท้ๆกลับถูกกล่าวหาแบบนี้
ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ
คำพูดของเขาทำให้เธอสงบลงและเริ่มนึกคิดทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนแล้วต้องเป็นฝ่ายส่งยิ้มแหยๆกลับไปให้เขา
“เจ็บมากไหม”เธอถามขึ้นแล้วเลื่อนตัวลงไปคลำแผลที่ศีรษะของเขาที่เริ่มบวมปูดขึ้นทันตาเห็น แววตาของเธอมีแววสำนึกผิดจนเขาโกรธไม่ลง
“ถามคำถามโง่ๆอีกแล้ว หัวฉันบวมปูดเท่าลูกมะนาวขนาดนี้ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอว่าเจ็บมากไหม ยัยบื้อ”เขาต่อว่าเธอไม่จริงจังนัก
“ก็ฉันตกใจนี่นา มันสะลึมสะลือแล้วก็มึนๆอยู่ ขอบใจมากนะที่นายไปช่วยฉันน่ะ”หญิงสาวบอกขึ้นพลางมองหน้าเขาอย่างซึ้งใจ
“ไม่เป็นไรหรอก คราวหน้าคราวหลังจะออกไปไหนกับผู้ชายมืดๆค่ำๆก็ระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน โชคมันไม่ได้เข้าข้างเธอเสมอไปหรอกนะ ดีนะที่ไอ้เมย์มันขับรถผ่านไปเห็นเข้า หึ
รึว่าหมูเขาจะหามแต่เอาคานเข้าไปสอดซะก็ไม่รู้”ว่าแล้วเขาก็อดที่จะประชดเธอขึ้นมาไม่ได้
เมื่อเขาพยายามเตือนเธอมาตั้งหลายครั้งแล้วเรื่องมาวินแต่เธอก็ไม่เคยเชื่อเขาเลยแถมยังมาหาว่าเขาใส่ร้ายเพราะอิจฉาเสียอย่างนั้น
“นี่นาย! จะพูดกับฉันดีๆให้มันเกินห้านาทีไม่ได้รึยังไง ไปให้พ้นเลยนะฉันไม่อยากคุยกับผู้ชายปากสียอย่างนาย”หญิงสาวผลักร่างของเขาเต็มแรงพร้อมกับออกปากไล่
“อ้าว
..แม่คุณมองดูให้ดีๆนะว่าเรี่ยมันห้องฉัน มาไล่เจ้าของห้องเขาอย่างนี้ได้ยังไงกัน”ทรงรบหรี่ตามองเธอก่อนจะบอกขึ้น
“งันฉันไปเองก็ได้”ติรณาบอกขึ้นอย่างเสียหน้า รีบก้าวลงจากเตียงขยับจะลุกหนีแต่เขารีบคว้าแขนเธอเอาไว้ทำให้ร่างของติรณาเสียหลักล้มลงมาทับเขา
ตาต่อตาประสานกันนิ่งนาน ราวกับกำลังจะอ่านความรู้สึกของอีกฝ่าย หัวใจของทั้งคู่เต้นตูมตามจนแทบได้ยินเสียงเต้นของหัวใจกันและกัน หญิงสาวเป็นฝ่ายได้สติก่อนรีบผลักร่างของเขาออกไป
“ฉันจะกลับห้องแล้ว”เธอบอกเสียงห้วนๆใบหน้าแดงก่ำพอๆกับเขา
“หายดีแล้วรึไง จะพักอยู่ก่อนก็ได้นะฉันไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก”
“ฉันอยากกลับจริงๆ เดี๋ยวเพื่อนจะเป็นห่วงเพราะว่าฉันไม่เคยหายไปไหนนานๆแบบนี้ กระเป๋ากับโทรศัพท์ฉันก็คงอยู่ที่โรงแรมนั่นไม่รู้ว่าเมย์จะเก็บไว้ให้รึเปล่า”เธอบอกขึ้นอย่างกังวลเพราะข้าวของทุกอย่างรวมทั้งเอกสารสำคัญอยู่ในกระเป๋าหมด
“ไม่ต้องห่วงหรอก ไอ้เมย์เป็นคนรอบคอบ ถ้าเพื่อนเธอโทรไปป่านนี้เขาคงจะรู้เรื่องกันหมดแล้วแถมยังจะรู้มากกว่าเธอกับฉันซะอีก”
ทรงรบพูดถูกเมื่อไม่ถึงสามนาทีดีประตูห้องพักของทรงรบก็ถูกเคาะแรงๆบ่งบอกถึงความร้อนใจของคนข้างนอกได้เป็นอย่างดี
เมื่อเปิดประตูก็พบว่าเป็นสองสาวเพื่อนซี้ของเธอนั่นเองส่วนด้านหลังเป็นเมธาดลนั่นเอง ทั้งสองโผเข้าหาติรณาทันทีสำรวจเนื้อตัวเพื่อนรักอย่างห่วงใย
“ยัยติน แกเป็นยังไงบ้าง ฉันเป็นห่วงแกแทบแย่ โทรหาแกทั้งคืน เมย์เป็นคนรับแล้วเล่าให้ฟังหมดแล้ว ฉันไม่เคยนึกเลยนะว่ามาวินจะเลวได้ถึงขนาดนี้”ฉวีวรรณบอกขึ้นอย่างแค้นใจ
“นั่นสิ นี่ถ้าไม่ได้ทรงรบกับเมย์ไปช่วยไว้เธอคงแย่ ขอบใจนายสองคนมากเลยนะ”ปริศนาหันมาขอบคุณสองหนุ่มแทนเพื่อน
“ด้วยความยินดีอย่างยิ่งเลยครับ เพราะว่าเรื่องของชาวบ้านคืองานของเรา”เมธาดลยื่นหน้าดำๆเข้ามาแทรกขึ้น ทรงรบส่ายหน้าระอาก่อนจะหันมาถามย้ำกับคนเจ็บ
“เธอหายปวดหัวแล้วแน่เหรอ จะนั่งพักที่นี่ จะพักที่นี่ก่อนก็ได้นะขาดเรียนสักวันคงจะไม่เป็นไรหรอก”ทรงรบบอกขึ้นอย่างเป็นห่วงคนตรงหน้า
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ฉันอยากจะไปอาบน้ำพักผ่อนที่ห้องน่ะ ฉวี ปูอย่าบอกเรื่องนี้ให้พ่อกับแม่รู้นะ ฉันไม่อยากให้ท่านไม่สบายใจ”ประโยคสุดท้ายเธอหันมาหาเพื่อนรักทั้งสองเป็นเชิงขอร้องต่อเมื่อฉวีวรรณกับปริศนารับปากแล้วเธอจึงสบายใจขึ้น
หลังจากวันนั้นเธอจึงต้องขาดเรียนถึงสามวันเพราะยังขวัญเสียจนยังไม่พร้อมจะไปเรียน แล้วทุกๆวันก็จะมีช่อดอกกุหลาบขาวกับการ์ดสีทองส่งมาให้เธอถึงห้อง
หญิงสาวเริ่มแน่ใจแล้วว่าตัวเองคงจะเข้าใจผิดว่าดอกไม้ช่อนี้คงจะไม่ใช่ของมาวินแน่ๆ เพราะเขาคงไม่กล้าโผล่มาให้เธอเห็นหรือแม้แต่ส่งดอกไม้มาอย่างนี้
ติรณารู้สึกสับสนเธอเคยคิดว่าตัวเองหลงรักเจ้าของดอกไม้เพราะคิดว่าเขาคือมาวินแต่ตอนนี้มันกลับไม่ใช่แล้ว
ส่วนทรงรบบางครั้งเขาก็มีท่าทีเหมือนชอบเธอแต่บางครั้งก็ดูเฉยชาจนเธอดูไม่ออกว่าเขาคิดยังไงกับเธอกันแน่
หรือว่าเขาแค่ต้องการทำดีกับเราเพื่อแย่งเราไปจากมาวินกันแน่ ต้องใช่แน่ๆเลยพอเห็นว่าเราไม่ได้คบกับมาวินแล้วเขาถึงได้ไม่สนใจไยดีเธอแบบนี้ นับตั้งแต่วันนั้นเกือบสามวันแล้วที่เขาไม่เคยโทรมาถามไถ่ข่าวคราวของเธอเลย
“ต้องใช่แน่ๆเลย ฉันไม่ยอมให้นายใช้ฉันเป็นเครื่องมือหรอกนะนายทรงรบ”ติรณาบอกกับตัวเองก่อนจะลงมือค้นหาสมุดไดอารี่เก่าๆที่รวบรวมรายชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนๆสมัยเรียนมัธยมทั้งหมดของเธอที่เคยเก็บไว้แล้วไม่มีโอกาสได้เปิดดู
“ฉันจะต้องหาใครสักคนมาควงให้ได้เพื่อให้นายเห็นว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงหน้าโง่ที่จะถูกนายหลอกได้ง่ายๆ อืม
อุดม พรชัย ธนิตย์ วิวัฒน์ อ้า
.เจอแล้ววิวัฒน์ เขานี่แหละที่เหมาะที่สุดเพราะเขาเรียนมหาลัยเดียวกับเรา”
หญิงสาวยิ้มกว้างอย่างดีใจขณะชี้นิ้วไล่ไปตามกลุ่มราบชื่อต่างๆจนมาสะดุดเข้าที่ชื่อของตะริงเพื่อนที่เคยแอบชอบเธอตอนเด็กๆซึ่งเขาจัดว่าหน้าตาดีพอใช้
เธอรีบกดโทรศัพท์หาเขาและชวนเขาออกไปช็อปปิ้งด้วยกันและดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรีบตกปากรับคำในทันที วิวัฒน์ขับรถเก๋งคันหรูมาจอดรอรับเธอถึงหน้าหอพักแล้วขับพาเธอออกไปยังห้างสรรพสินค้า
เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงแสลคดูหล่อเนี๊ยบ ออกจะเนี๊ยบจนเกินไปด้วยซ้ำสำหรับการไปช็อปปิ้งซื้อของธรรมดา
วิวัฒน์เป็นอย่างนี้เสมอไม่ว่าเขาจะทำอะไรทุกอย่างจะต้องดูดีและเพียบพร้อมเสมอจนแม้แต่เธอซึ่งเป็นผู้หญิงแท้ๆยังอาย
“เสื้อตัวนี้สวยดีนะ เหมาะกับตินเลย ชอบไหม”เขาบอกพร้อมกับหยิบเสื้อมาทาบตัวให้ ก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงใจ ติรณาส่ายหน้าไปมา
“โหย
ไม่เอาหรอกตัว เกือบพันแหนะ ใส่แล้วเดี๋ยวคันน่ะ เคยใส่แต่ 199 น่ะ”เธอบอกเขายิ้มๆ เขายิ้มแหย
“แล้วก็ไม่ต้องบอกว่าจะซื้อให้นะ เพราะว่าตินไม่เอาหรอก”เธอรีบดักคอเขาเอาไว้ เมื่อเห็นเขาทำท่าเหมือนจะพูดอะไรออกมา ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะบอกว่าจะซื้อให้เธอแน่ๆ เขาหัวเราะเก้อๆ เพราะตั้งใจจะบอกเธอแบบนั้นจริงๆ
“โอเค
งั้นตินเลือกให้เราก็แล้วกัน”ชายหนุ่มหันมาบอก หญิงสาวพยักหน้ากวาดสายตามองหาเสื้อที่เหมาะกับเขา
“ตัวนี้ดีไหม สีน้ำตาลดูเท่ห์ดี”เอาเสื้อมาทาบกับตัวเขาจนมาเจอเข้ากับเสื้อเชิ๊ตสีน้ำตาลอ่อนตัวหนึ่ง แต่แล้วเขากลับส่ายหน้าดิก
“แต่เราชอบสีส้มหรือไม่ก็สีชมพูอ่อน”เขาบอกขึ้น
ห๊า
ผู้ชายอะไรเรี่ยชอบสีชมพู ไม่
..ไม่จริงหรอก ต้องไม่ใช่อย่างที่เราคิดแน่ๆ
“งั้นเหรอ เดี๋ยวตินเลือกให้ใหม่นะ”คนเลือกให้หน้าเจื่อนลง
“วิวัฒน์! ต๊าย มาซื้อของเหรอยะ”เสียงตะโกนวีดว๊ายของกลุ่มสาวประเภทสองดังขึ้น ทำให้เป็นที่สนใจของผู้คนแถวนั้น
เพราะนอกจากจะเสียงแหลมปรี๊ดแล้ว การแต่งตัวด้วยสีฉูดฉาดของแต่ละคนล้วนนำแฟชั่นที่ช่วยเรียกความสนใจของผู้คนได้อย่างดี
เธอเห็นเขาหันขวับตามเสียงเรียก ตาเบิกกว่างอย่างดีใจ รีบวิ่งไปหากลุ่มสามสาวนั้น โดยที่เธอได้แต่มองท่าทางเขาอยู่ห่างๆ
แหม
ท่าทางจะคุยกันถูกคอซะด้วยสิเนี่ย ดีนะที่เสียงวี๊ดว้ายนั่นไม่ใช่เสียงวิวัฒน์ ไม่อย่างนั้น ฮึ้ย
.พูดแล้วขนลุก
หญิงสาวยืนรอเขาอยู่นานแต่เขาไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเธอเลย ลองเดินเตร่รออยู่หลายรอบจนชักจะทนไม่ไหวจึงเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาครามครัน
โธ่เอ้ย
.อุตส่าห์จะหาแฟนใหม่ให้ได้ทั้งทีกลับทำท่าจะเป็นเก้งกวางไปซะได้ ขืนให้นายทรงรบรู้คงหัวเราะเยาะ เธอเข่นเขี้ยวในใจก่อนจะตัดสินใจก่อนที่โทรศัพท์ของเธอจะดึงขึ้น หญิงสาวดีใจขึ้นมาวูบหนึ่งเมื่อมันโชว์เบอร์ของทรงรบ
“นายทรงรบ ตอนนี้นายอยู่ไหนน่ะ มาหาฉันหน่อยได้ไหม ไม่ต้องถาม! ฉันให้เวลา 20 นาที “เธอบอกห้วนๆแล้ววางสายไปโดยที่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขาเลยด้วยซ้ำ
ติรณาหัวเราะหยันให้กับตัวเองแล้วอดมองตาขวางไปทางแม่กระเทย 3 ตัวนั้นไม่ได้ เอ๊ะ หรือจะ 4 ตัวดีถ้านับรวมนายวิวัฒน์อีกคน
“ว๊าย”ติรณาตะโกนลั่นอย่างตกใจ พร้อมกับปล่อยหมัดเล็กๆ ไปโดนหน้าทรงรบเข้าอย่างจัง เมื่อจู่ๆเขาก็ยื่นมือมาแตะไหล่เธอแบบไม่ทันรู้ตัว
“เฮ้ย
อะไรเนี่ย มาชกฉันทำไม”ทรงรบถึงกับเซไปกับหมัดเล็กๆนั้น สะบัดตัวลงขึ้นด้วยความหงุดหงิด หญิงสาวหน้าเสียอย่างตกใจ
“ขอโทษ
ก็นายเล่นมาเงียบๆ ฉันก็ตกใจสิ นายนะแหละที่ผิด”เธอพาลใส่เขา เพราะยังอารมณ์เสียกับเรื่องว่าที่แฟนใหม่อยู่ เขาส่ายหน้าด้วยความเซ็ง คร้านจะต่อปากต่อคำ
เพราะเท่าที่ขับรถมาหาภายในเวลา 20 นาที ก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ไม่มีอารมณ์ที่จะมาต่อล้อต่อเถียงไร้สาระกับเธอหรอก รีบแทบตาย เอ๊ะ
.ว่าแต่แล้วทำไมเขาจะต้องกลัวหล่อนขนาดนี้ด้วยเนี่ย
รู้แต่ว่าเขาเป็นห่วงเธอมากเห็นว่าเธอพึ่งหายไข้เพื่อนๆก็ไปเรียนกันหมด เขากลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไปแต่ติรณาก็ยังดูท่าทางสบายดีแถมยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะมาชกเขาซะหน้าหงายอีกด้วย
“เออ
.ฉันผิดก็ได้ แล้วนี่เรียกฉันออกมาทำไม”เขาหันมาถาม ติรณาอึกอักกับคำถามนั้น รีบลากแขนเขาไปอีกทาง
ไม่ได้สิ
จะให้นายนี่รู้ไม่ได้ ว่าคนที่เธอควงมามีแนวโน้มว่าจะเป็นเกย์ ขายหน้าแย่เลย
“เปล๊า
ไม่มีธุระอะไรหรอก ฉันแค่ไม่มีเพื่อนเดินซื้อของ แล้วฉันเองก็อยากจะรู้ว่าที่นายบอกว่าชอบฉันน่ะจริงๆไหมหรือว่าแค่อยากจะเอาชนะมาวินเท่านั้น”เธอยักไหล่
“เธอแกล้งฉันเหรอ รู้ไหมว่าวันนี้ฉันต้องขาดวิชาสถิติไป เพราะตกใจกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงเธอแค่ไหน!”เขาตะโกนลั่น บีบไหล่เธออย่างโกรธจัด หญิงสาวหน้าซีดเผือด
นี่
.เขาเป็นห่วงเธอขนาดนั้นเลยเหรอ? ทำไมคำๆนี้มันอบอุ่นจังเลยนะ
“ฉันขอโทษ”เธอก้มหน้าบอกด้วยความรู้สึกผิด น้ำตาคลอ ทรงรบถอนหายใจยาว ใจอ่อนยวบคำพูดที่เตรียมจะต่อว่าไม่รู้มันหายไปไหนหมด
“ช่างเถอะ ไหนๆก็เสียเวลาเรียนแล้ว ไปเดินเล่นเถอะ”เขาบอกขึ้น ถือโอกาสที่เธอกำลังรู้สึกผิดอยู่ จับมือเธอเดินออกไป
ติรณาขยับปากจะต่อว่าแต่เมื่อเห็นสายตาเอาเรื่องของเขา เลยต้องหุบปากโดยฉับพลันยอมให้เขาจูงมือเธอออกไปเงียบๆ
“จะพาฉันไปไหน”
“ตามมาก็รู้เองละน่า”เขาแกล้งทำเสียงรำคาญเข้าใส่
“นี่
.นายจะพูดกับฉันดีๆหน่อย ไม่ได้รึไง คำว่าโรแมนติกน่ะรู้จักไหม?”เธอบอกอย่างเหลืออด ชักจะโมโหแล้วเหมือนกันนะ เขาบอกว่าชอบเธอ ก็ดูสิ่งที่เขาแสดงออกสิ เหมือนคนชอบกันที่ไหน
“ก็ฉันพูดหวานๆไม่เป็น พูดได้แค่นี้ก็ถือว่าหรูสุดแล้ว”เขาบอกเสียงอ่อย หน้าตาดูซื่อสุดๆ จนคนถามต้องส่ายหน้าขำๆ อยากจะโกรธก็โกรธไม่ลง แล้วอารมณ์ครุกรุ่นของเธอก็จบลงเมื่อเขาพาเธอมานั่งชมวิวริมน้ำแถวนอกเมือง
ลมเย็นๆโชยพัดมาปะทะใบหน้า กลิ่นดอกไม้ป่าอ่อนๆโชยมาแตะจมูก สายน้ำใสแจ๋วจนสามารถมองเห็นตัวปลาได้
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่ ทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนพื้นหญ้าด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย เขามองเธอยิ้มๆพร้อมกับทิ้งตัวลงนอนข้างๆ เธอปลายตามองเขาแวบหนึ่ง
หญิงสาวยิ้มขำๆอยู่คนเดียวเมื่อนึกถึงผู้ชายอีกคนที่เธอไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะกลายเป็นเกย์และที่ยอมออกมากับเธออย่างง่ายดายคงเพราะอยากคบกับเธอบังหน้า เกือบซวยแล้วไหมล่ะยัยติรณา
ป่านนี้
.เขาจะรู้ตัวบ้างรึยังนะว่าเขาพาเธอมาด้วยและตอนนี้เธอหายไป
“ขำอะไร”เขาตะแคงหน้ามาถาม
“เปล่า
แค่คิดอะไรเพลินๆ ฉันไม่เคยมาที่นี่เลยอ่ะ สวยดีนะ”
“ฉันชอบมาที่นี่ มันสงบดี อยู่ห้องเพื่อนเยอะส่งเสียงดังเลยไม่ค่อยมีสมาธิอ่านหนังสือ เลยต้องหนีมาอ่านที่นี่”เขาบอกขึ้น เธอมองเขาอย่างทึ่งๆ
“งั้นเหรอ นึกว่าพวกวิศวะจะชอบเที่ยว ชอบกินเหล้า เที่ยวผู้หญิงซะอีก”
“มันก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะ พ่อแม่ฉันไม่ได้ร่ำรวยมากพอที่จะไปเที่ยวสิ้นเปลืองแบบนั้นหรอก มีหน้าที่เรียนก็ต้องเรียน และที่สำคัญฉันแพ้แอลกอฮอล์”ติรณายิ้มๆ มองเขาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
นายหน้าจืดนี่ก็มีความคิดดีๆเป็นเหมือนกันนะ เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ตั้งใจเรียน อืม
ใช้ได้ๆ
เธอยิ้มพร้อมกับทำท่าเพ้อฝันอยู่คนเดียว ก่อนที่อารมณ์โรแมนติกของเธอจะหมดไปเมื่อได้ยินเสียงของเขา
“สติดีอยู่รึเปล่าเนี่ย นอนยิ้มอยู่คนเดียว”
“ฉันกำลังอารมณ์ดีอยู่นะ ถ้าพูดอะไรแล้วทำให้อารมณ์เสียละก็ หุบปากไปเลยไป”เธอบอกอย่างเซ็งจัด หันหน้าหนีไปอีกทาง ทรงรบหน้าเสีย
“นายรักฉันไหม”จู่ๆ ติรณาก็ถามขึ้นมาลอยๆ ทรงรบถึงกับสะดุ้งกับคำถามนั้นก่อนจะพยักหน้าหงึกๆแทนคำตอบ
“ถามให้ตอบ ไม่ได้ให้พยักหน้า”เธอตวาด
“รัก!”เขาโพล่งออกไปจนได้ ความรู้สึกโล่งใจออกมาแทนที่พูดมันออกไปได้ คนถามพยักหน้าอย่างพอใจ
“แล้วนายอยากเป็นแฟนกับฉันไหม”เขาอึ้งเป็นครั้งที่สองกับคำถามนั้น
“อยาก”
“แล้วนายรักฉันจริงๆรึว่าแค่อยากจะเอาชนะมาวิน ตอบฉันมาตรงๆนะ”เธอถามแล้วหันไปสบตากับเขาอย่างรอคอยคำตอบ
“ฉันไม่มีความจำเป็รที่จะต้องอยากเอาชนะนายนั่นหรอกนะ หมอนั่นน่ะไม่เคยเอาชนะฉันได้อยู่แล้วเพราะผู้หญิงที่ยอมคบกับฉันในแบบที่ฉันเป็น ไม่หล่อไม่รวยเท่ามาวินก็แสดงว่าฉันได้ผู้หญิงที่ดีที่สุดมาแล้วส่วนผู้หญิงที่นายนั่นได้ไปก็แค่พวกผู้หญิงเห็นแก่เงินหรือพวกฉลาดน้อยที่หลงใหลไปกับคำพูดหวานๆพวกนั้น นายมาวินไม่เคยมีความจริงใจให้ใครแล้วเขาก็จะไม่มีวันได้รับความจริงใจจากคนอื่นๆ เห็นไหมว่านายนั่นไม่ได้มีอะไรให้น่าอิจฉาสักอย่าง”ทรงรบหันมาตอบยาวเหยียดแล้วต้องชะงักเมื่อเจอคำถามต่อไปของเธอซึ่งทำเอาเขาเองยังนึกไม่ถึง
“อืม
งั้นตอนนี้ตกลงฉันเป็นแฟนนาย”เธอรวบรัด
“ห๊า
..ทำไมมันเร็วแบบนี้ล่ะ ฉันยังทำใจไม่ทันเลย”เขาถามงงๆ ติรณายั้วจัด
“นี่ตกลงจะไม่เป็นใช่ไหม”
“ปะ
เป็น”เขาละล่ำละลักตอบ
“ก็แค่นั้น ไม่เห็นจะต้องคิดมากเลย เป็นแฟนกันแค่นี้ ฉันไม่ทำอะไรนายหรอกน่า”เธอบอกเขาพร้อมกับตบไหล่เขาเบาๆปลอบใจ
เขาพยักหน้าหงึกหงักอย่างทำตัวไม่ถูก ทั้งเขิน ทั้งอาย ก่อนที่จะชะงักรู้สึกแปลกๆกับคำพูดเธอรีบหันขวับกลับมา
“นี่
.ฉันต่างหากล่ะ ที่ต้องเป็นคนพูดประโยคนั้น”เขาบอกห้วนๆ หญิงสาวยักไหล่ ทั้งคู่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน
ความคิดเห็น