คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ปริญญาบัตร
ในงานพระราชทานปริญญาบัตรในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง นาราหญิงสาวสวยอ่อนหวานอยู่ในชุดครุยตัวยาวดูสวยสง่า
ผมดำยาวสลวยเกล้าเป็นมวยสูง ใบหน้างามแต่งแต้มอ่อนๆดูเป็นธรรมชาติ ใบหน้ารูปไข่นั้นค่อนข้างยาว คิ้วสี น้ำตาลเข้มเรียวโค้งได้รูป ดวงตากลมใหญ่รูปเมล็ดอัลมอนต์ ขนตาหนาเป็นแพรงอนระยับ จมูกโด่งามรับกับริมฝีปาก
กำลังยืนโพสต์ท่าถ่ายรูปร่วมกับเพื่อนๆอยู่โดยมีท่านนายกรัฐมนตรีประมุตผู้เป็นบิดาและคุณหญิงจรัสศรีผู้เป็นมารดายืนมองอยู่ด้วยความภาคภูมิใจที่บุตรสาวเพียงคนเดียวเรียนจบคณะแพทย์ศาสตร์ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง
หญิงสาวถ่ายรูปกับเพื่อนๆด้วยความสนุกสนาน สีหน้ายิ้มแย้มมีความสุขที่เรียนจบได้เสียทีด้วยก่อนหน้านี้ต้องเรียนหนักมาโดยตลอดถึง 6 ปี
หญิงสาวจึงฉีกยิ้มกว้างอย่างยินดีให้กับกล้องทุกตัวก่อนที่สายตาของเธอจะสะดุดเข้ากับชายหนุ่มหล่อ บุคลิกงามสง่าคนหนึ่งที่ก้าวลงจากรถยนต์คันหรูพร้อมกับหอบช่อดอกลิ้มลี่สีขาวสะอาดตาช่อใหญ่ เขาเดินตรงมายังเธอด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ยินดีด้วยจ้ะ บัณฑิตคนใหม่ ต่อไปนี้คงต้องเรียกคุณหมอนาราแล้วสินะ”ชายหนุ่มบอกขึ้นยิ้มๆ หญิงสาวเปิดยิ้มกว้างก่อนจะโผตัวเข้าไปเกาะแขนเขาด้วยท่าทีออดอ้อน
“พี่ภาค
นึกว่าจะไม่มาแล้วเชียว”เธอว่าพร้อมกับแสร้งทำหน้างอนๆจนอีกฝ่ายต้องมองอย่างหมั่นไส้ปนเอ็นดู
สายตาที่ทอดมองหญิงสาวตรงหน้าเต็มไปด้วยความรักใคร่ที่มีอยู่เต็มเปี่ยม จนเธอต้องหลบสายตาเสมองไปทางอื่นอย่างทำตัวไม่ถูก
ถึงภาคภูมิจะเป็นคู่หมั้นคู่หมายของเธอมาตั้งแต่เล็กๆแต่เธอก็มีความรู้สึกต่อเขาเฉกเช่นน้องสาวมีต่อพี่ชายเท่านั้น
อาจจะเป็นเพราะความที่เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กก็เป็นได้ ทำให้เธอรู้สึกสนิทสนมกับเขามากจนไม่เคยคิดเป็นอย่างอื่น
หากแต่ที่ยอมรับหมั้นก็เพราะว่าไม่อยากขัดใจพ่อแม่ และที่สำคัญในชีวิตของเธอก็มีแต่ภาคภูมิเท่านั้นที่คอยดูแลและอยู่เคียงข้างเธอมาโดยตลอด
“จะไม่มาได้ยังไงละครับ ขืนไม่มางานนี้กลับไปนาก็เล่นงานพี่จนยับสิ”ภาคภูมิบอกขึ้นยิ้มๆพร้อมกับยกมือขึ้นไปขยี้มวยผมสลวยนั้นอย่างเอ็นดู
“อุ้ย
ผมนาเสียทรงหมด พี่ภาคนี่
..รู้ไหมว่าผมทรงนี้นาต้องตื่นมาให้ช่างผมเขาทำตั้งแต่ตี 4 นะ”เจ้าตัวว่าพร้อมกับส่งสายตาดุๆกลับไปให้จนอีกฝ่ายหน้าเสีย จนเพื่อนๆที่ร่วมถ่ายรูปด้วยกันกับเธออดแซวขึ้นมาไม่ได้
“เอ๊ะ
..พี่ภาคนี่ขนาดยังไม่ได้แต่งงานกับยัยนายังหงอซะขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดเลย
.ว่าต่อไปจะเป็นยังไง”เตือนใจเพื่อนสนิทของเธอเอ่ยแซวยิ้มๆจนนาราต้องตีแขนเพื่อนเบาๆ
“บ้า
ยายเตือนฉันไม่ใช่แม่มดนะยะจะได้โหดร้ายขนาดนั้น”เจ้าตัวว่าก่อนจะเดินหนีงอนๆกลับไปหาพ่อกับแม่ที่ยืนรออยู่
ก่อนจะพากันขึ้นรถขับออกไปเลี้ยงฉลองต่อที่ร้านอาหารหรูใจกลางเมือง โดยมีภาคภูมิขับรถตามออกไปอีกคันแต่แยกกันไปคนละทางเพราะเขาต้องย้อนกลับไปรับพ่อกับแม่ที่สนามบินสุวรรณภูมิเพราะท่านทั้งสองติดงานที่ต่างประเทศพึ่งจะกลับมา
และในวันนี้นอกเหนือไปจากการไปเลี้ยงอาหารแสดงความยินดีกับนาราที่สู้อุตส่าห์ร่ำเรียนจนจบคณะแพทย์ศาสตร์ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งแถมท้ายแล้วเขายังขอให้พ่อกับแม่มาเจรจาสู่ขอนาราให้แต่งงานกับเขาอีกด้วย
เพราะเขาเฝ้ารอเธอมาตั้งแต่เด็กจนเดี๋ยวนี้นารากลายเป็นคุณหมอสาวสวยที่มีผู้ชายหลายคนเตรียมขายขนมจีบอยู่ ถึงเขาจะเป็นคู่หมั้นของเธอมาหลายปีก็เถอะ
แต่ทั้งๆที่หมั้นหมายกันมานานแต่เขากลับไม่เคยได้ยินคำว่ารักออกจากปากของเธอเลย การแสดงออกต่อเขาก็เหมือนๆกับที่แสดงออกต่อคนอื่น
จนเขาเองชักจะไม่แน่ใจว่าเธอคิดยังไงกับเขากันแน่ แต่เท่าที่เห็นเขาก็ไม่เห็นว่าเธอจะมีใครคนอื่นนอกจากเขาซึ่งมันทำให้เขาพอจะใจชื้นขึ้นมาบ้าง
แต่ก็ยังไม่สบายใจนักจึงต้องรีบให้พ่อกับแม่ไปสู่ขอเธอให้เร็วๆเพราะขืนชักช้ากลัวว่านาราจะเผลอปันใจให้คนอื่นถ้าถึงตอนนั้นเขาคงจะทนอยู่ต่อไปไม่ไหว
ชายหนุ่มอมยิ้มไปมาขณะนึกถึงนาราก่อนจะหักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าไปจอดยังที่จอดรถและตรงเข้าไปยังสนามบินเพื่อรอรับพ่อกับแม่
ทางด้านนารากับพ่อกับแม่ของเธอขับรถตรงล่วงหน้ามาที่ร้านอาหารก่อน เมื่อมาถึงพนักงานร้านสาวสวยในชุดพนักงานต้อนรับตรงเข้ามาเปิดประตูให้พร้อมกับไหว้อย่างนอบน้อม
“โต๊ะของท่านที่จองเอาไว้อยู่ทางด้านนี้ค่ะ”พนักงานหญิงบอกพร้อมกับเดินนำไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อนจะผายมือให้เมื่อมาถึงโต๊ะ
“เฮ้อ
นั่งรถมาซะไกลเลยคุณพ่อเนี่ย บอกแล้วว่าให้ป้าเจียมทำกับข้าวให้กินที่บ้านซะก็สิ้นเรื่องไม่เห็นต้องฝ่าดงรถติดมาเลย”เจ้าตัวบ่นอุบขณะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้แกะสลักลวดลายวิจิตร ทิ้งแผ่นหลังลงพิงพนักเต็มแรง
“ดู
..แม่ลูกสาวคนนี้นั่งให้มันดีๆหน่อยได้ไหมฮึ”คุณหญิงจรัสศรีเอ่ยขึ้นขณะค่อยๆทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ด้านตรงข้ามด้วยกิริยานุ่มนวลตรงข้ามกับผู้เป็นลูกสาวโดยสิ้นเชิง
“อย่าไปว่าแกเลยคุณ ลูกคงเหนื่อยน่ะต้องตื่นมาแต่งตัวตั้งแต่ตี 4 ตามสบายเลยยัยนา”ผู้เป็นพ่อบอกอย่างอารมณ์ดี เจ้าตัวฉีกยิ้มกว้างส่งไปให้จนคุณหญิงจรัสศรีต้องมองค้อนด้วยความหมั่นไส้ที่สามีตามใจลูกสาวคนนี้จนเคยตัว
“คุณก็เป็นซะอย่างนี้ จนตอนนี้จากลูกคนจะกลายเป็นลูกม้าดีดกะโหลกอยู่แล้ว”คนเป็นแม่ว่าพร้อมกับส่ายหน้าระอา
“แหม
..คุณแม่ก็นาก็เป็นของนาแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนนี้กลายเป็นไม้แก่ดัดยากซะแล้วล่ะค่ะ”เจ้าตัวบอกขึ้นเสียงโอดครวญ
“แบบนี้จะขายออกไหมล่ะเนี่ย ถึงมีคนเอาไปไม่นานก็คงเอาใส่พานกลับมาคืน”
“ใครบอกละคะว่าจะไม่มีคนเอา อย่างน้อยๆก็มีพี่ภาคคนหนึ่งแหละ”เจ้าตัวบอกขึ้นพร้อมกับยักไหล่ง่ายๆจนคุณหญิงจรัสศรีผู้เป็นแม่ต้องหันมาหยิกหมับเข้าที่เอวของผู้เป็นลูกเบาๆอย่างหมั้นไส้
“โอ๊ย
..คุณแม่นาเจ็บนะคะ”หญิงสาวหน้ามุ่ยครางเสียงอ่อยจนท่านประมุตอดที่จะหัวเราะอย่างเอ็นดูขึ้นมาไม่ได้
“เอ้
คุณหญิงลูกเราโตเป็นสาวแล้วนะพึ่งจะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรได้เป็นบัณฑิตมาหมาดๆยังลงโทษลูกเป็นเด็กๆไปได้”
“คุณพี่ก็ดูแม่ลูกสาวของเราก่อนสิคะ โตแต่ตัวนิสัยยังกะเด็กอายุสามขวบ”ว่าแล้วก็หันมาส่ายหน้าให้กับลูกสาวอย่างระอา กำลังจะเอ่ยคำต่อว่าต่อก็พอดีกับที่ภาคภูมิพร้อมด้วยคุณอนงค์กับท่านวิวัฒน์พ่อแม่ของเขาเดินเข้ามาในร้านพอดี
“อุ๊ย
..อนงค์ คุณวิวัฒน์ขอโทษทีค่ะ ดิฉันมัวแต่ดุแม่ลูกสาวตัวดีอยู่”คุณหญิงจรัสศรีหันมาทักทายคุณวิวัฒน์และคุณอนงค์เพื่อนสนิทของเธอ
ทั้งเธอและคุณอนงค์เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ พอต่างคนต่างแต่งงานก็สัญญากันว่าจะให้ลูกสาวกับลูกชายแต่งงานกัน
แต่นับว่าโชคดีที่ไม่ได้เกิดจากการคลุมถุงชน เพราะดูภาคภูมิเองก็มีจิตรักใคร่ลูกสาวเธออยู่ไม่น้อย ส่วนนาราเองก็ไม่ได้ปฏิเสธเมื่อผู้ใหญ่ต้องการให้ทั้งคู่หมั้นหมายกัน
“เป็นอะไรฮึเรายัยนา ทำหน้างอเป็นม้าหมากรุกเชียว”ภาคภูมิเอ่ยแซวคู่หมั้นสาวล้อๆ พร้อมกับทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ติดกัน ส่วนคนเป็นพ่อแม่นั่งอยู่ด้านตรงข้าม
หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ทำความเคารพผู้สูงวัยกว่าอย่างนอบน้อม ทั้งสองรับไหว้อย่างเอ็นดูว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้มาก
สักพักพนักงานสาวสวยคนเดิมก็นำเมนูมาให้ ภาคภูมิรับมาและจัดการสั่งอาหารเองอย่างคล่องแคล่ว เพราะว่าเขาสนิทสนมกับครอบครัวของคู่หมั้นมานานจนรู้ว่าใครชอบทานอะไรไม่ชอบทานอะไร
“นี่
.ยัยอนงค์ลูกชายเธอน่ะรู้ใจฉันซะยิ่งกว่าแม่ลูกสาวตัวดีของฉันเสียอีกนะ ดูสิ
สั่งอาหารที่ฉันชอบทั้งนั้นเลย”คุณหญิงจรัสศรีหันไปบอกแก่เพื่อนรัก พลางหันไปมองทางว่าที่ลูกเขยด้วยประกายตาชื่นชมฉายชัด
“ใช่สิจ้ะ
..ตาภาคเอาใจผู้ใหญ่เก่ง ถ้าได้ไปเป็นลูกเขยนะรับรองไม่ผิดหวังแน่ๆ จริงไหมคะคุณ”คุณอนงค์ว่าพลางหันไปถามความเห็นจากสามี
“มันก็คงจะจริงนะ เพราะตอนที่ผมเข้าไปจีบคุณใหม่ๆ ผมก็ใช้วิธีนี้แหละ”คุณวิวัฒน์บอกพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาเสียงดังลั่น ก่อนที่จะหันเหหัวข้อสนทนาไปเรื่องการเมืองกับท่านประมุต ปล่อยให้ฝ่ายภรรยากับสองหนุ่มสาวนั่งคุยกันไปเรื่อยๆจนกระทั่งพนักงานนำอาหารเข้ามาเสิร์ฟ
“ทานเยอะๆนะหนูนา ดูสิ
..สงสัยจะเรียนหนักผอมลงเยอะเลยลูก”คุณอนงค์หันมากล่าวกับว่าที่ลูกสะใภ้อย่างอาทร
หญิงสาวพยักหน้ายิ้มรับอย่างซาบซึ้งที่คุณอนงค์กับคุณวิวัฒน์มีเมตตากับเธอมาก ส่วนภาคภูมิเขาก็รักและตามใจเธอยิ่งกว่าใคร
แต่ทำไมเธอถึงไม่รักเขาเสียทีนะ
ทั้งที่พยายามแล้วแต่เธอก็ทำไม่ได้ซะที
ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าเพราะอะไร มันเหมือนกับว่ามีใครสักคนที่อยู่ไกลเหลือเกิน กำลังรอคอยเธออยู่
ใครสักคนที่จะคอยเติมเต็มความรัก ความอบอุ่นให้เธอ
.
“เอาล่ะคุณหญิง ท่านประมุตที่มาวันนี้นอกจากจะมาฉลองแสดงความยินดีกับหนูนาแล้ว ทางเราก็อยากจะพูดถึงการแต่งงานของตาภาคกับหนูนาเสียที เพราะหมั้นหมายกันมาก็นานแล้ว”คุณวิวัฒน์เอ่ยขึ้นหลังจากที่ทุกคนทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ภาคภูมิหัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น ส่วนตัวนาราเองกลับรู้สึกใจหายกับการสู่ขอเธอของญาติผู้ใหญ่ทางภาคภูมิทั้งๆที่ได้เตรียมใจเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้แล้ว
“ว่ามาเลยคุณวิวัฒน์ คนกันเองแท้ๆ ไม่ต้องมากพิธี”ท่านประมุตบอกขึ้นอย่างอารมณ์ดี สร้างเสียงหัวเราะให้แก่ทุกคน ยกเว้นเจ้าตัวคนถูกขอเองที่ก้มหน้างุด
ในสายตาของคนอื่นๆอาจจะคิดว่าเธอกำลังเขินอาย จนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับใคร แต่ใครล่ะจะรู้ว่าเวลานี้หัวใจของเธอคิดอะไรอยู่
“แหม
พูดตรงๆเลยก็คือดิฉันกับคุณวิวัฒน์จะมาสู่ขอหนูนาให้ตาภาคแหละค่ะ เรียนก็เรียนจนจบแล้ว ให้แต่งงานกันเลยก็แล้วกัน หมั้นหมายกันมาก็หลายปีแล้ว บอกตามตรงว่าดิฉันอยากจะอุ้มหลานเต็มทีแล้ว”คุณอนงค์บอกขึ้นพร้อมกับหันไปทางบุตรชายยิ้มๆ
ภาคภูมิมีสีหน้าขวยเขินเล็กน้อยก่อนจะหันมาสบตากับท่านประมุตและคุณหญิงจรัสศรีด้วยสีหน้าจริงจัง
“ผมขอรับรองด้วยเกียรติครับ ว่าผมจะดูแลนารายิ่งกว่าชีวิตของผม”ท่านนายกมองหน้าว่าที่ลูกเขยก่อนจะพยักหน้าด้วยความพอใจ
“ดีมาก
.ว่าไงเรายัยนา ทางพ่อแม่ก็เห็นด้วย คราวนี้ก็เหลือแต่เจ้าตัวเองแล้วว่าจะเอายังไง”ท่านนายกประมุตว่าพร้อมกับหันมาทางลูกสาวที่เอาแต่นั่งก้มหน้าลูกเดียว
ส่วนเจ้าตัวคนถูกถามที่นั่งก้มหน้าอยู่ กำลังใช้มือจิกเล็บตัวเองจนแดงเป็นปื้น ถึงกับสะดุ้งเฮือกจำต้องเงยใบหน้าเจื่อนๆขึ้นไปมองทุกคน
“นา
.นาคงจะไม่มีอะไรขัดข้องค่ะ ถ้าคุณพ่อคุณแม่เห็นสมควรแล้ว”หญิงสาวตอบอ้อมแอ้ม ไม่มีความรู้สึกยินดียินร้ายในคำตอบตกลงนั้น
ทั้งที่สิ่งที่ควรจะเป็นคือเขินอายหรือยิ้มมีความสุขที่เธอกำลังจะได้แต่งงาน ซึ่งถือเป็นความใฝ่ฝันของผู้หญิงอีกหลายๆคน
“จริงหรือนา โอ
พี่ดีใจจริงๆ”ภาคภูมิกล่าวอย่างดีใจพร้อมกับเอื้อมมือไปรวบฝ่ามือเย็นเฉียบของนารามากุมเอาไว้แน่น
“อะแฮ่ม”ท่านประมุตกระแอมขึ้นเบาๆ ด้วยสายตาดุๆชายหนุ่มรีบปล่อยมือนาราลงทันทีพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ
“แหม
..ท่านคะ ยกให้แล้วก็ยังจะหวงอีกเหรอละเนี่ย”คุณอนงค์ว่ายิ้มๆ
“ไม่ได้หรอกคุณอนงค์ เอาไว้ให้แต่งงานกันก่อนก็แล้วกัน ลูกผู้หญิงจะมีเกียรติก็ตรงที่รักนวลสงวนตัวนี่แหละ”ท่านประมุตบอกขึ้น
เขายอมรับว่าเป็นคนค่อนข้างหัวโบราณมากทีเดียว ตัวเขาเองก็รักและซื่อสัตย์ต่อคุณจรัสศรีผู้เป็นภรรยา โดยที่ไม่เคยคิดนอกใจเธอเลยแม้สักครั้งเดียว
ส่วนภาคภูมิท่านเองก็เชื่อว่าดูคนไม่ผิด เพราะตลอดเวลาที่รู้จักมาเขาก็ดูแลลูกสาวของท่านอย่างดีและคงความเสมอต้นเสมอปลายมาโดยตลอด
“ถ้าอย่างนั้น
เดี๋ยวเรื่องฤกษ์แต่งงาน ดิฉันจะเป็นคนจัดการเองนะคะ”คุณอนงค์รีบบอก
“เอาให้เร็วที่สุดเลยนะครับคุณแม่”ภาคภูมิบอกขึ้นพลางหันมากอดเอวมารดาอย่างประจบ จนผู้เป็นแม่ต้องมองค้อนด้วยความหมั่นไส้
อาการของสองคนแม่ลูกสร้างเสียงหัวเราะให้แก่ทุกคน ยกเว้นนาราเองที่เธอแอบถอนหายใจยาวด้วยความกลุ้มใจกับภาระหนักที่ยากจะปฏิเสธได้
ความคิดเห็น