คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
แดดยามบ่ายที่ร้อนระอุราวกับจะแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างให้มอดไหม้ให้เป็นจุณได้ในพริบตา เบื้องหน้าคือปิรามิดขนาดใหญ่ที่ทอดขวางตั้งอยู่ท่ามกลางแสงแดดมานานนับพันปีที่เรียกร้องและท้าทายความสนใจใคร่รู้ของผู้คนทุกยุคทุกสมัย
ณ ดินแดนแห่งนี้เองที่เมื่อหลายพันปีก่อนเป็นที่ตั้งของอารยธรรมอันยิ่งใหญ่และแสนจะรุ่งโรจน์ของเมืองเมมฟิธแห่งราชอาณาจักรอียิปต์ที่ยืนยงยิ่งใหญ่และวูบหายไปไม่เหลือร่องรอยในเวลาต่อมา
ใกล้กันนั้นคณะขุดสุสานโบราณของดร.โบม กำลังทำงานกันอยู่อย่างขะมักเขม้นในบริเวณเนินทรายเล็กๆที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นที่ซ่อนของสุสานโบราณ
ดร.โบมควักแผนที่ออกมากางดูด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ใบหน้าหยาบกร้านเกินอายุนั้นชื้นไปด้วยเหงื่อ ร่างกายของเขาดูเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้ามีแต่แววตาเท่านั้นที่มุมานะที่จะขุดสุสานในครั้งนี้ให้ได้
“ขุดต่อไป มันต้องมีแน่ๆสิ”เขาตะโกนสั่งลูกน้องก่อนจะหันไปทางนาธานผู้ช่วยของเขาที่กำลังถ่ายรูปทุกอิริยาบถของคนงานขณะขุดสุสานเอาไว้ นาธานวางกล้องในมือลงบนรถจิ๊ปก่อนจะหันมาสบตากับหัวหน้าคณะแล้วส่ายหน้า
“ผมว่าเราอาจจะต้องย้ายสถานที่ใหม่แล้วละครับหัวหน้า เราขุดกันมาทั้งวันแล้วไม่เจอร่องรอยอะไรเลย”
“อย่าพึ่งเลยนาธาน ผมคิดว่าผมมั่นใจว่าสุสานจะต้องอยู่แถวนี้แน่ๆ อดทนอีกสักนิดเถอะ”เขาบอกขึ้นคล้ายจะเป็นการปลอบใจตัวเองมากกว่าจะเป็นอย่างอื่น
และหลังจากนั้นในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงนาธานก็อุทานเสียงดังพร้อมกับคว้ากล้องถ่ายรูปขึ้นมาคล้องคอเอาไว้พลางชี้มือให้ดร.โบม ดูบริเวณที่คนงานขุดกันอยู่อย่างตื่นเต้น
เมื่อหลุมที่ถูกขุดเปิดออกกว้างจนมองเห็นแผ่นหินเรียบๆคล้ายขั้นบันไดโผล่ออกมาเล็กน้อยแต่สายตาของนาธานก็ยังอุตส่าห์เหลือบไปเห็นจนได้
“อา
..ทางเข้าสุสานเราพบแล้ว”ดร.โบมถลาเข้าไปมุงดูอย่างยินดี นัยน์ตาจับจ้องแผ่นหินตรงหน้าอย่างตื่นเต้น
“ลงมือขุดต่อเลยแต่ต้องระวังหน่อยนะอย่าให้แผ่นหินเสียหาย”นาธานเป็นฝ่ายหันมาสั่งการแทนเมื่อหัวหน้าของเขายังคงอยู่ในอาการตกตะลึงอยู่นั่นเอง
ไม่นานผืนดินอันแห้งแตกระแหงและทรายร้อนๆที่ถูกขุดออกมากองแล้วกองเล่าเผยให้เห็นขั้นบันไดออกมาทีละขั้นลึกลงไปเรื่อยๆ
สีหน้าของทุกคนในคณะยามนี้ปีติยินดี โดยเฉพาะดร.โบม นัยน์ตาของเขาเพ่งมองคนงานตรงหน้าทำงานไม่วางตาจนแทบจะลืมหายใจเลยทีเดียว
“โอ!.......นาธานดูนั่นสิ”ดร.โบมอุทานอย่างตื่นเต้นพร้อมกับกระโดดลงไปในหลุมที่เริ่มจะลึกขนาดบ่อน้ำย่อมๆนั้นทันทีเมื่อพบเข้ากับประตูทางเข้าสุสาน
นาธานถ่ายรูปเอาไว้แล้วค่อยๆหย่อนตัวลงไปตามขั้นบันไดอย่างระมัดระวัง หลุมนั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ ที่ก้นหลุมส่องสว่างด้วยตะเกียงแบ็ตเตอรี่ ทำให้มองเห็นสภาพภายในหลุมนั้นชัดเจน
นาธานยกกล้องขึ้นกดชัตเตอร์ถี่ยิบด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน ประตูบานนั้นเป็นประตูอิฐฉาบด้วยปูนแน่นหนา ตรงกึ่งกลางประตูเยื้องกับศีรษะของดร.โบม มีตราที่ทำจากอิฐขนาดไม่ใหญ่มากเขียนด้วยอักษรฮีโมกลิฟฟิคชัดเจน
“เรดามุน
”ดร.โบมซึ่งนอกจากจะมีความรู้ทางด้านอียิปศาสตร์และโบราณคดีอย่างเต็มเปี่ยมแล้วเขาก็ยังมีความสามารถในการอ่านภาษาฮีโมกลิฟฟิคได้อย่างเชี่ยวชาญอีกด้วยทำให้เขาสามารถอ่านพระนามขององค์หญิงเรดามุนได้ในทันที
“พระนามนี้ดูคุ้นๆนะครับ”นาธานเงยหน้สขึ้นถามหัวหน้าคณะ
“โธ่เอ้ย
.คุณนี่ความจำสั้นจริงๆนาธาน จำไม่ได้แล้วรึไงว่าเมื่อหลายปีก่อนเราขุดพบสุสานของฟาโรห์เมเนสรา ในบันทึกปาปิรุสที่อยู่ในสุสานนั้นบอกว่าพระองค์มีพระขนิษฐาอยู่พระองค์หนึ่งพระนามว่าเรดามุน แต่ไม่รู้ว่าจะใช่คนเดียวกันรึเปล่า เดี๋ยวเราคงจะได้รู้กันในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านั้แล้ว”ดร.โบมบอกขึ้นพลางมองคนงานขุดสุสานต่อด้วยสายตาลุ้นระทึก
แล้วในเวลาไม่นานสุสานขององค์หญิงเรดามุนก็ถูกช่างผู้ชำนาญการกระเทาะปูนที่ฉาบประตูออกและช่วยกันลำเลียงอิฐออกจากที่เดิมทีละก้อนจนมองเห็นโพรงขนาดพอที่จะเอาตัวมุดเข้าไปได้ทีละคน ดร.โบมก้าวเข้าไปยืนหน้าโพรงนั้นแล้วส่องแบ็ตเตอรี่เข้าไปในช่องนั้น
“เห็นอะไรไหมครับ”นาธานขึ้นจากด้านหลัง
“ยังเลยข้างในมืดมากคงจะเป็นทางหรือไม่ก็ขั้นบันไดทอดไปสู่ตัวสุสานนั่นแหละ เอ้า
ลงมือต่อเร็วเข้า”ประโยคสุดท้ายเขาหันไปสั่งหัวหน้าคนงาน พวกคนงานรับคำพร้อมกับใช้เครื่องมือกระเทาะปูนและอิฐออกอย่างระมัดระวัง
“อา
.วิเศษ!”ดร.โบมอุทาน ใบหน้าของเขายามนี้แดงก่ำด้วยความยินดีเพราะกำแพงที่ฉาบปูนเอาไว้ถูกเจาะออกด้วยฝีมือประณีตไม่ทำความเสียหายให้กับอิฐแต่ละชิ้น
เมื่อทุกคนในที่นั้นเดินผ่านประตูอิฐนั้นก็เห็นทางเดินแคบยาวตรงไปยังประตูอีกบานที่อยู่ด้านในสุด นาธานยกกล้องขึ้นถ่ายรูปอย่างคล่องแคล่ว
“ประตูบานนี้คงจะเป็นประตูห้องพระศพ เพราะดูจากภาพเขียนด้านข้างดูสวยงามมากกว่าประตูอื่นๆ”นาธานตั้งข้อสังเกต ดร.โบมพยักหน้าช้าๆก่อนจะสั่งให้คนงานลงมือเจาะต่อ แววตาของเขาเปล่งประกายยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ห้องที่สองนั้นมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ความกว้างของห้องเท่ากับห้องนอนขนาดพอเหมาะ ด้านซ้ายของห้องมีเทวรูปของเทวีไอสิสขนาดใหญ่เท่าตัวคนธรรมดาตั้งอยู่หน้าเทวรูปมีแท่นทองคำสำหรับบูชาตั้งเอาไว้
ส่วนด้านขวานั้นเป็นแท่นยาวทำจากทองคำเช่นกันวางที่บรรจุพระศพที่ประดับด้วยกระเบื้องและหินหลากสีเขียนด้วยลวดลายต่างๆ
ที่บรรจุพระศพนั้นปิดผนึกแน่นหนาแต่ก็ไม่เกินความสามารถของคนงานในคณะ ไม่นานที่บรรจุพระศพนั้นก็ถูกเปิดออก
ภายในนั้นมีหีบศิลาขนาดเท่าตัวคนแกะสลักเป็นรูปร่างมนุษย์ดูงดงามอ่อนช้อย บนรูปหน้ามีหน้ากากทองครอบเอาไว้เป็นใบหน้าที่มีความงดงามไร้ที่ติ ความงามที่ปรากฏนั้นทำให้ทุกคนในที่นั้นยืนจ้องมองตาไม่กระพริบ
“อา
..องค์หญิงเรดามุน”เสียงของดร.โบมดังก้องกังวานทำลายความเงียบก่อนจะพูดต่อด้วยความดีใจ
“ถ้าหากเป็นคนเดียวกันกับพระนามที่ปรากฏของปาปิรุสในสุสานของฟาโรห์เมเนสราแล้วล่ะก็ เธอก็คือพระขนิษฐาของฟาโรห์ ดีแล้วล่ะเราจะได้ให้ทั้งสองพระองค์ได้อยู่เคียงข้างกันภายในพิพิธภัณฑ์ไคโร”เขาบอกขึ้นเบาๆ
“องค์หญิงเรดามุนมีความสำคัญมากแค่ไหนครับ”
“หลังจากที่ฟาโรห์เมเนสราสิ้นพระชนม์ด้วยวัยเพียง 35 พรรษา องค์หญิงเรดามุนจึงได้ปกครองอาณาจักรเมมฟิธแทนพระเชษฐา จนกระทั่งสิ้นพระชนม์ตอนอายุ 80 ปีโดยที่องค์หญิงเรดามุนไม่ได้ทรงอภิเษกกับชายใดเลย ทรงครองตัวเป็นหญิงพรหมจารีจนสิ้นรัชสมัย”เสียงของหัวหน้าคณะยังดังขึ้นช้าๆท่ามกลางความสนใจใคร่รู้ของทุกคน
“แต่พระนางเป็นสตรีไม่ใช่เหรอครับ”
“ใช่ แต่ฟาโรห์เมเนสราไม่มีโอรสเอาไว้สืบทอดราชบัลลังก์แต่ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรนี่นะ ยุคขององค์หญิงเรดามุนนับได้ว่ารุ่งเรืองมาก น้ำในแม่น้ำไนล์อุดมสมบูรณ์ต่อการยังชีพและการเพาะปลูก ประชาชนมั่งคั่งพระนางจึงเป็นที่รักของประชาชนทั่วไป”
“เอ๊ะ
.ดร.ครับ ที่มุมของหีบพระศพนั้นมีหีบไม้อยู่ด้วย”นาธานชี้มือไปยังอีกมุมหนึ่งของหีบพระศพที่แอบอยู่ด้านข้าง
“เอ
.แปลก ปกติแล้วหีบต่างๆจะต้องเก็บเอาไว้ในห้องพระคลังสำหรับเก็บสมบัติไม่ใช่เหรอ แสดงว่าหีบนี่จะต้องมีความสำคัญแน่ๆ ถึงได้วางเอาไว้ข้างๆหีบพระศพราวกับกลัวว่ามันจะสูญหายไปเช่นนี้”ดร.โบม ตรงเข้าไปยกหีบใบเล็กแต่หนักอึ้งนั้นขึ้นมาเพ่งพิศดู
หลายคนในที่นั้นจึงวางมือจากงานตรงหน้าเข้ามามุงดูอย่างสนใจ ดร.โบมทำท่าจะเปิดหีบแล้วชะงักก่อนจะหันไปทางพระศพขององค์หญิงเรดามุนแล้วคุกเข่าลงทำความเคารพอย่างนอบน้อมก่อนเอ่ยขึ้นด้วยเสียงดังฟังชัด
“ได้โปรดเถิดองค์หญิง โปรดอนุญาตให้ผมเปิดหีบใบนี้ด้วยเถิด”ทันทีที่สิ้นเสียงของดร.โบม ก็มีลมพัดเข้ามาจากทุกทิศทุกทางจนข้าวของในที่นั้นปลิวว่อนทั้งๆที่ไม่น่าจะมีลมพัดผ่านเข้ามาในที่นั้นได้แต่ก็เพียงไม่นานลมก็สงบลงราวกับว่าเป็นการอนุญาตขององค์หญิงผู้เป็นเจ้าของสุสานนี้
ดร.โบมยิ้มร่าก่อนจะลงมือเปิดหีบใบนั้นออกช้าๆ ภายในนั้นบรรจุม้วนกระดาษปาปิรุสเอาไว้สองม้วน ม้วนแรกเป็นตัวอักษรฮีโมกลิฟฟิคที่เขียนถึงชีวประวัติขององค์หญิงผู้เป็นเจ้าของสุสาน
ส่วนอีกม้วนหนึ่งเป็นภาพเขียนของหญิงสาวสวยคนหนึ่งในชุดทรงสูงศักดิ์มีอักษรฮีโมกลิฟฟิคอธิบายสั้นๆว่าหญิงในภาพนี้เป็นหมอหลวงที่ช่วยรักษาพระนางจนหายจากโรคร้าย
ดร.โบมอธิบายข้อความให้ลูกทีมฟังแล้วทำท่าจะม้วนเก็บเข้าที่เดิมแต่นาธานยั้งมือของเขาเอาไว้ด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“เดี๋ยวครับ ผมคิดว่าผมเห็นอะไรบางอย่าง”นาธานว่าพลางดึงแผ่นกระดาษม้วนนั้นมาคลี่ออกกาง คิ้วของเขาขมวดมุ่น มือชี้ไปยังตัวอักษรท้ายกระดาษที่เขียนด้วยหมึกสีดำที่เริ่มจะจางลงตามกาลเวลาถ้าไม่สังเกตดีๆก็อาจจะมองไม่เห็น
ตัวอักษรเล็กๆนั้นสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก ดร.โบมถึงกับมือไม้สั่นเลือดในกายแทบจะจับตัวเป็นก้อนแข็ง เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับนาธานพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นก่อนจะอ่านทวนข้อความที่เขียนด้วยอักษรไทยชัดเจนนั้นอีกครั้งว่า
“นารา
ความคิดเห็น