ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รอยรักกลีบซากุระ ตีพิมพ์กับกรีนมายด์

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ย. 52


    เอ๊ะ……กลิ่นอะไรน่ะพ่อ เหมือนมีอะไรไหม้ปราณีหันมาถามสามีพลางทำจมูกฟุดฟิดพร้อมกับมองหาที่มาของกลิ่นเหม็นไหม้ที่ส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่วบ้านสองชั้นหลังขนาดหลังกระทัดรัด

                คุณนิรักษ์ขมวดคิ้วชั่วครู่ กวาดสายตามองหา ก่อนจะส่ายหน้าอย่างระอาพร้อมกับบุ้ยใบ้ไปทางติรณาลูกสาวตัวดีที่นอนเอกเขนกอ่านหนังสืออยู่อย่างสบายอารมณ์

              ไม่รับรู้ว่าคนในบ้านกำลังวุ่นวายกันอยู่กับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ที่เจ้าตัวเป็นคนสร้างขึ้น

                ยัยติน! แม่บอกกี่ครั้งแล้วห๊า….ว่าเวลาอุ่นอาหารน่ะให้ดูด้วย แกนอนอยู่นี่ไม่ได้กลิ่นเหม็นไหม้บ้างรึไง มัวแต่อ่านนิยายอยู่นั่นปราณีหันมาดุอย่างโมโห มือเท้าสะเอวมองทางลูกสาวอย่างระอาระคนเหนื่อยใจกับพฤติกรรมเฉื่อยชานั้น

                ติรณาเบิกตากว้างอย่างตกใจ รีบทิ้งนิยายเล่มโปรดลงพื้นอย่างไม่ไยดี วิ่งไปปิดแก๊สที่เปิดอุ่นอาหารเอาไว้ทันที

                ตายล่ะ! ยัยติน โดนแม่ด่าหูชาแน่ๆ กับข้าวไหม้อีกแล้ว โอย……ทำไงดี ทำไหม้ครั้งที่สองในรอบเดือนนี้แล้ว เกินกว่าที่แม่จะให้อภัยจริงๆ เจ้าตัวคนทำคิดไม่ตกจึงได้แต่เดินกลับไปส่งยิ้มแหยๆให้กับผู้เป็นแม่ที่เดินตามมาว่าต่อถึงในครัว

                ยังไงล่ะ……เย็นนี้จะกินอะไร แกกินให้หมดเลยนะยัยตินกับข้าวที่ทำไหม้เนี่ย สอนไม่รู้จักจำ เมื่อไหร่นะที่แกจะ………”ปราณียังพูดไม่ทันขาดคำต้องหยุดกะทันหันเมื่อแม่ลูกสาวตัวดีตะโกนห้ามเสียงหลงแถมยังยกมือขึ้นมาปิดหูด้วยเสียอย่างนั้น

                พะ…..พอแล้วค่ะแม่ โอ้ย…..ด่าเป็นชุดเล่นเอาหูชาเลย อายข้างบ้านเขาบ้างสิคะ รู้แล้วน่ะว่าหนูผิด หนูไปออกไปซื้อกับข้าวมาให้แทนก็ได้ติรณายกมือขึ้นปิดหูวิ่งออกไปเพราะกลัวว่าแม่จะว่าอีกรอบ

                ฉันละเหนื่อยใจกับแม่ลูกสาวคนนี้ซะจริงๆ ทำไมมันถึงได้ขี้เกียจ ขี้หลงขี้ลืมอย่างนี้นะ โตจนเป็นสาวอยู่แล้ว ทำอะไรไม่เป็นซักอย่าง เลี้ยงมาจนโตขนาดนี้แล้วยังต้องมานั่งทำกับข้าว รีดผ้า ทำทุกอย่างให้อีก แทนที่มีลูกแล้วมันจะทำให้เรากิน ใครบอกกันนะว่ามีลูกสาวแล้วจะสบาย

    นางบ่นไม่หยุดพร้อมกับเดินไปหาสามีที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์พร้อมๆไปกับการดูข่าวภาคค่ำ จนผู้เป็นสามีต้องเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์กึ่งรำคาญกึ่งขำ

    จะบ่นทำไมกันนักหนา ฉันก็เห็นเธอด่าลูกมันอยู่ทุกวัน ไม่เหนื่อยมั่งรึไงนะ

    ก็มันจริงนี่ กับข้าวก็ทำไม่เป็น บ้านช่องก็ชอบทำรก ต่อไปถ้าแต่งงานแต่งการไปเขาจะไม่เอากลับมาคืนเราหรอกเหรอนางว่าก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเสื่อผืนบางที่ทอจากกกย้อมสีธรรมชาติลวดลายสวยงามที่ปูอยู่บนพื้น พลางใช้พัดโบกไปมาดับอารมณ์ที่ร้อนรุ่ม

    แต่จะว่าไปฉันเองก็กลุ้มใจเหมือนกันนะ อีกไม่กี่ปีก็จะสอบเอ็นทรานต์แล้ว แล้วลูกเราจะสอบได้ไหมนี่ ดูอย่างเจ้าเอสลูกชายเพื่อนที่ทำงานฉันสิ มันสอบติดแพทย์เชียวนะ เขาอวดลูกชายเขาทั้งวัน แต่ลูกเราสิไม่มีอะไรจะให้อวดคุณนิรักษ์ถอนหายใจยาวอย่างหนักใจ

    ลึกๆในใจแล้วอดที่จะอิจฉาเพื่อนร่วมงานขึ้นมาไม่ได้ ที่ลูกของเขาเป็นผู้ชายแท้ๆแต่ก็ตั้งใจเรียน ไม่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวัง ผิดกับตัวเขาเองที่มีลูกสาวแต่ต้องมานั่งหนักใจแทน

    วันๆ ก็เอาแต่ร้องเพลง อ่านนิยายหรือไม่ก็อยู่กับตู้ปลา ฉันน่ะอยากจะให้ยัยตินสอบพยาบาลได้ อยากเห็นลูกสาวตัวเองใส่ชุดขาวเหมือนลูกคนอื่นเขาบ้างปราณีบอกด้วยท่าทีเพ้อฝัน

    เพราะตัวเธอเองอยากจะเรียนพยาบาลใจแทบขาดแต่ติดที่เรื่องทุนทรัพย์ทำให้ไม่มีโอกาสได้เรียน พอมาถึงรุ่นลูกคิดจะฝากความหวังเอาไว้ซะหน่อย

    เฮ้อ………….คิดแล้วเหนื่อยใจ

    แต่มันก็คงจะเป็นไปได้ยาก ฉันไม่เห็นมันหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านซักที เราคงไม่มีวาสนาหรอกคุณนิรักษ์ว่าพร้อมกับส่ายหน้าปลงๆ

    ติรณาที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของบ้าน หน้าหมองลงทันทีหลังจากที่เธอกลับมาทันได้ยินประโยคที่พ่อกับแม่คุยกันอยู่พอดี เด็กสาวหมุนตัวออกไปจากตรงมุมที่ยืนอยู่ด้วยความรู้สึกหดหู่ น้ำตาซึมขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะปาดน้ำตาทิ้งลวกๆวิ่งกลับขึ้นไปยังห้องนอนตัวเองปิดประตูอยู่เงียบๆคนเดียวอย่างใช้ความคิด

    ทำไมพ่อกับแม่จะต้องตั้งความหวังเอาไว้กับเธอมากมายขนาดนี้ด้วยนะ บอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าไม่อยากเป็นพยาบาล บ้าจริงๆเลย……

    ติรณาคิดในใจพร้อมกับทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ซุกใบหน้าลงกับหมอนใบใหญ่ ด้วยท่าทีกลัดกลุ้ม เอื้อมมือมาหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาดูคร่าวๆ พลิกดูหน้าแล้วหน้าเล่าด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย

    แต่ก็ได้เพียงแค่สิบนาทีเท่านั้นก็ม่อยหลับไป ปล่อยให้หนังสือให้หลุดมือมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีเมื่อได้ยินเสียงดังแสบแก้วหูของแม่ปลุกเรียกให้ลงไปทานอาหาร

    *************************************************************************************************

    ติ๊ดๆเสียงนาฬิกาปลุกดัง เมื่อเข็มชี้ไปที่เวลาหกโมงเช้า มันทำหน้าที่อันแสนซื่อสัตย์และตรงต่อเวลาได้อยู่เพียงชั่วครู่

    เมื่อติรณาที่ซุกตัวอยู่ใต้ผืนผ้าห่มนวมสีเขียวอ่อนผืนโตหันมาหยิบผ้าห่มขึ้นคลุมทั้งศีรษะแต่กระนั้นความหนาของผ้าห่มก็ไม่อาจจะบดบังเสียงดังปลุกของมันได้

     มือบางควานหาสะเปะสะปะอยู่ชั่วครู่เมื่อเจอปุ่มจึงกดปิด ทำให้เสียงดังแสบแก้วหูนั้นเงียบไปหลังจากนั้นร่างบางก็คุดคู้นอนอยู่ใต้ผ้าห่มนวมตามเดิม

     ยัยติน! แกจะไปไหมโรงเรียนน่ะ ตะวันสายโด่งแล้วเสียงสวรรค์ของผู้เป็นพ่อดังขึ้นปลุกแทนนาฬิกา หญิงสาวผวาเฮือกอย่างตกใจเมื่อเข็มนาฬิกาชี้บอกเธอว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะสายแล้ว ติรณารีบวิ่งถลาลงบันไดมาขาแทบขวิดมือคว้าผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่บนราวตากผ้า ตรงเข้าไปทุบประตูห้องน้ำเป็นพัลวัล

    ยัยนิน……เร็วๆหน่อยสิ สายแล้วเดี๋ยวฉันไปโรงเรียนไม่ทันติรณาตระโกนบอกนิรนาน้องสาวที่กำลังอาบน้ำอยู่อย่างใจเย็น

    เรื่องอะไรล่ะ พี่ตื่นสายเองนี่นา หนูนอนอยู่ห้องข้างๆยังได้ยินเสียงนาฬิกามันดังปลุกพี่เลย ไม่อยากตื่นเองนี่ ช่วยไม่ได้นิรนาตะโกนตอบกลับทั้งที่อยู่ในห้องน้ำ คนเป็นพี่กัดฟันกรอดอย่างแค้นเคือง

    ฝากไว้ก่อนเถอะยายนิน พรุ่งนี้ฉันจะอยู่ในห้องน้ำให้มันถึงสองโมงเช้าเลย คอยดู! ติรณาบอกตัวเองในใจอย่างเข่นเขี้ยว แววตาอาฆาต

    โดยมีสิรนาน้องสาวคนเล็กนั่งหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจที่เห็นพี่สาวสองคนทะเลาะกัน ส่วนตัวเองตื่นมาอาบน้ำตั้งแต่เช้าแล้วเพราะนอนห้องเดียวกันกับพ่อแม่เลยต้องตื่นขึ้นมาพร้อมกับที่แม่ต้องตื่นขึ้นมาทำกับข้าวให้สามีและลูกตามธรรมดาของแม่บ้านที่ดี

    ติรณาถลึงตาใส่นิรนาน้องสาวที่พึ่งอาบน้ำเสร็จปล่อยสายตาพิฆาตให้ไปหลายทีก่อนจะตรงเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว โดยทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำในเวลาไม่ถึงสิบนาทีดีนัก

    ร่างเพรียวบางอยู่ในชุดกระโปรงบานของนักเรียนชั้นมอปลายก็ออกมาจากห้องน้ำ มือตะแป้งเด็กไปที่ใบหน้าพร้อมกับลิปกลอสสีมันวาวเท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำรับชีวิตสาวแรกรุ่นอย่างเธอ

    แต่งตัวเร็วๆเข้านะ เดี๋ยวพ่อจะไปทำงานสายเสียงคุณปราณีดังเอ็ดอึง เพราะต้องวุ่นวายอยู่กับการทำอาหารไว้ให้สามีและลูกทานในตอนเช้า

    กินไม่ทันแล้วค่ะแม่ จะสองโมงเช้าแล้ว ไปเถอะค่ะพ่อติรณาหันมาบอกพ่อพร้อมกับเดินไปหยิบกล่องนมมายกขึ้นดื่มลวกๆ

    ขาเล็กๆรีบก้าวไปยังชั้นวางรองเท้า หยิบรองเท้านักเรียนสีดำที่ขัดจนมันวับที่พึ่งจะลงทุนนั่งขัดมันไปเมื่อวานหลังจากที่ไม่ได้ขัดมันเลยมาเป็นเวลาแรมเดือนจนฝุ่นจับหนาเตอะ และไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋านักเรียนสีดำสนิทที่ผู้เป็นพ่อเพิ่งซื้อให้เมื่อเดือนที่แล้วติดมือมาด้วย

    คุณนิรักษ์ต้องใช้เวลาอยู่หลายนาทีกว่าจะต้อนลูกๆทั้งสามให้ขึ้นรถไปโรงเรียนได้

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×