ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พิศวาสมัจจุราช (ตีพิมพ์ สนพ ทัช)

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 9 ธ.ค. 56


    คุณจะทำอะไรคะ ลดากลัว อุ้มลดาทำไม?” ถามพร้อมดิ้นรนเพื่อให้เขาปล่อยเธอ

            คนที่ถูกถามกระตุกยิ้มออกมาหนึ่งครั้งก่อนที่จะเอื้อนเอ่ยเสียงแข็งกระด้างออกมา “อยากกลับบ้านมากไม่ใช่หรอ เดี๋ยวจะได้กลับ แต่เธอก็ว่ายกลับไปเองนะกัน” พร้อมกับโยนเชลยสาวไปในท้องทะเลกว้าง 

            ฝ่ายพิศลดาร้องลั่นด้วยความตกใจที่ถูกโยนลงไปในทะเล เธอพยายามตะเกียดตะกายว่ายน้ำ ทั้งๆ ที่เธอว่ายน้ำไม่เป็น  และทันทีที่ร่างนวลถูกโยนลงไปในท้องทะเล บรรดาลูกเรือต่างก็วิ่งกรูมายังท้ายเรือเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วบรรดาลูกเรือก็ต้องร้องเสียงหลงออกมา เพราะตกใจ ที่เห็นเชลยสาวของนายตัวเองกำลังตะเกียดตะกายอยู่ในท้องทะเล แถมตอนนี้หญิงสาวได้ค่อยๆ จมดิ่งลงไปสู่ใต้ทะเลลึกแล้ว

            “นายๆ เธอจมลงไปแล้ว นายจะไม่ไปช่วยหรือ เดี๋ยวเธอจะตายนะนาย” กล้าลูกน้องคนสนิทเอ่ยบอกเสียงสั่นด้วยสีหน้าที่สงสารและนึกสังเวชใจหญิงสาวคนนี้ ที่ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้นายของเขาโกรธ นายผู้ใจดี ถึงออกไปจับตัวหญิงสาวมา แถมยังกระทำอย่างป่าเถื่อนต่อผู้หญิงคนนี้

            “…” มาคัสไม่ตอบ เอาแต่ยืนนิ่งและจ้องมองไปยังร่างของเชลยสาวที่ค่อยๆ จมดิ่งไปในท้องทะเล

            “นาย ๆ เธอจมหายไปนานแล้วนะนาย นายจะไม่ลงไปช่วยจริงๆ หรือนาย” กล้ายังคงส่งเสียงถามด้วยใจที่เต้นโครมคราม เพราะกลัวว่าคนที่จมดิ่ง จะหมดลมหายใจไปจริงๆ

            “เออ กูจะลงไปช่วยอยู่นี่ล่ะ ถ้ามึงอยากลงไปช่วยมากก็ลงไปแทนกูป่ะ ไอ้กล้า” เอ่ยตอบเสียงแข็งพร้อมรีบกระโดดลงไปในทะเลไม่รอฟังคำตอบของกล้า ชายหนุ่มดำดิ่งลงไปช่วยเชลยสาวที่ใต้ทะเล เขาดำผุดดำว่ายอยู่นานกว่าจะพบร่างสวยที่เขาเป็นคนโยนลงทะเลมากับมือ

            ทันทีที่เห็นว่านายหัวของพวกเขาหาหาตัวของเชลยแค้นเจอ ลูกเรือต่างก็ส่งเสียงดีใจ เพราะไม่อยากจะให้มาคัสขึ้นชื่อว่าฆ่าคนตาย พวกเขาเคยทำผิดมาก่อน ถึงผลกรรมนั้นดี พวกเขาจึงไม่อยากให้นายหัวทำผิด “เจอแล้วโว้ย นายเจอตัวผู้หญิงคนนั้นแล้ว” กล้าส่งเสียงดังกว่าใคร เพราะดีใจที่หาตัวหญิงสาวเจอ

            “มัวแต่พูดอยู่นั้นล่ะไอ้กล้า มึงมาช่วยกูเอาตัวเธอขึ้นไปก่อนสิวะ เดี๋ยวก็ตายห่ากันจริงๆ พอดี”

            “ครับๆ นาย” กล้ารีบไปช่วยดึงตัวพิศลดาขึ้นมาจากท้องทะเล แล้วรีบวางเธอลงบนพื้นเรือ และพยายามเรียกชื่อให้หญิงสาวฟื้น แต่เธอก็ยังนิ่งเงียบ ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับแต่อย่างใด จนคนที่คนโยนเชลยสาวสุดแค้นลงไปจากเรือ ต้องรีบเข้าไปช่วยเชลยแค้นของเขาเอง

            “หลบไปไอ้กล้าเดี๋ยวกูช่วยเธอเอง” สั่งแล้วรีบตรงไปเรียกชื่อเชลยแค้น แต่เชลยแค้นของเขาก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจใช้ฝ่ามือหนาตบไปที่หน้าของหญิงสาวเพื่อเรียกสติเธอให้กลับมา แต่มันก็ไม่ได้ผล

            “นายผายปอดเลยนาย เร็วๆ สิ นาย เดี๋ยวเธอก็ตายหรอกนาย”

            คนที่ถูกสั่งหันมามองคนสั่งด้วยสายตาที่แข็งกร้าว เพราะหงุดหงิดที่ลูกน้องเขาเอาแต่สั่ง คนที่ถูกมองก็ตัวแข็งทื่อ เพราะกลัวสายตาดวงนี้ แล้วก็ยิ้มเจื่อนๆ ไปให้

            มาคัสรีบผายปอดให้หญิงสาวทันที

            ฝ่ายลูกเรือทุกคนต่างลุ้นเอาใจช่วยให้หญิงสาวฟื้นขึ้นมา ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าทำไมนายหัวของพวกเขาที่แทบไม่เคยออกไปไหนจากเกาะเลย แต่คราวนี้กลับออกไปฉุดตัวผู้หญิงคนนี้มา ทั้ง ๆ นานๆ ที มาคัสจะออกจากเกาะ ซึ่งจะออกจากเกาะก็ตอนเข้าประชุมที่บริษัท ที่ทุกคนต่างรู้ว่ามาคัสนั้นมีบริษัทมากมาย โดยมีน้องชายควบคุมแทนอยู่

            ส่วนคนที่กำลังผายปอดก็สูดอากาศเข้าไปในปอดแล้วก้มลงไปผายปอดเอาอากาศให้เชลยสาว โดยสลับกับการปั้มหัวใจ เขาทำแบบนี้อยู่สามครั้ง แล้วก็ตบหน้าสวยเบาๆ และในที่สุดหญิงสาวสุดแค้นของเขาก็ได้สติและไอสำลักน้ำออกมา

            ทันทีที่พิศลดาลืมตาขึ้นมา เธอก็ได้พบกับมัจจุราชใจร้ายที่โยนเธอลงไปในทะเล หญิงสาวรีบลุกขึ้นพรวดด้วยอาการที่ลนลานแล้วทำท่าจะวิ่งหนี เนื่องจากยังตกใจกลัวการกระทำที่แสนจะโหดร้ายของชายหนุ่มอยู่ แต่ทว่ามือหนาก็รวบตัวของเธอไว้ก่อน พร้อมกับออกคำสั่งให้ลูกน้องกลับไปทำงานตามเดิม “เป็นไง พิศลดา ว่ายน้ำสนุกไหม” เอ่ยถามเสียงหยันพร้อมกับอุ้มหญิงสาวที่กำลังดีดดิ้นเข้าไปในห้องที่ใช้สำหรับพัก

            ฝ่ายคนที่ถูกอุ้มก็ดิ้นรนสุดชีวิต เพราะกลัวว่าเขาจะจับเธอไปโยนทะเลอีกครั้ง  หญิงสาวรีบร้องตะโกนขอร้องให้เขาปล่อยเธอทันทีด้วยเสียงที่สั่นกลัว ใบหน้าก็มีแต่คราบน้ำตาที่ปนเปกับน้ำทะเล “คุณมาคัส ปล่อยลดาเถอะ ฮือ ลดาไม่กลับบ้านแล้ว ลดาจะอยู่ที่นี่ อย่าจับลดาโยนทะเลนะ ลดากลัว”

            “อ้าว ไม่กลับแล้วหรอ ไหนว่าอยากกลับบ้านไง ฉันก็อุตส่าห์ปล่อยเธอไปแล้วนะ ทำไมถึงไม่กลับล่ะ   ฉันกะว่าถ้าปล่อยเธอไปแล้ว ฉันจะไปจับตัวของพิศน้ำผึ้งน้องสาวของเธอมาแทน” เขาพูดพร้อมกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างเป็นต่อ เพราะรู้ดีว่าผู้หญิงที่เป็นเชลยแค้นของเขารักน้องสาวฝาแฝดมากแค่ไหน ยังไงก็ไม่ทางขัดขืนเขาแน่ หากเขาเอาน้องสาวของเธอขึ้นมาขู่

            ทันทีที่ได้ยินพิศลดาก็ร้องอ้อนวอนเสียงแหบพร่าทั้งน้ำตา “ฮือๆ ลดาขอโทษ อย่าไปจับตัวของน้ำผึ้งมาเลยนะคะ ลดาจะอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหน ขอร้อง อย่าไปจับตัวของน้ำผึ้งมาเลยค่ะ”

            “ได้สิ ถ้าเธอทำตัวดีๆ รับรองว่าเธอคนเดียวที่ได้มาอยู่ที่นี่และเป็นเมียฉัน แต่ถ้าไม่ เธอกับน้องอาจจะมีผัวคนเดียวกัน” เสียงเหี้ยมเอ่ยขู่อีกรอบ

            “ค่ะ ลดาสัญญา ลดาจะทำตัวดีๆ ” เรียวปากสั่นเอ่ยสัญญาด้วยความเจ็บปวดใจ หญิงสาวไม่รู้ว่าทำไมเธอต้องยอมเขาด้วย ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ผิดอะไร และที่สำคัญไปกว่านั้นเธอไม่รู้ว่าวันข้างหน้า เธอจะต้องเจอกับอะไรบ้างและชีวิตจะเป็นอย่างไรเมื่อต้องอยู่กับโจรใจร้ายคนนี้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่หญิงสาวรู้คือ เธอจะไม่ยอมให้เขาจับน้องสาวเธอมาทรมานอย่างแน่นอน เพราะเธอจะยอมให้เขาทรมาน ยอมให้เขาทำทุกๆ อย่างที่เขาต้องการ ขอแค่เขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับพิศน้ำผึ้งสาวก็พอ น้ำตาใสยังคงไหลออกจากดวงตากลมโต

            ฝ่ายมาคัสก็จัดการอุ้มเชลยแค้นเจ้าน้ำตาเข้ามาในห้อง และวางเธอลงบนเตียงไม้แล้วจัดการกับเสื้อผ้าที่เปียกโชกของเชลยสาว

            “คุณจะทำอะไรคะ จะถอดเสื้อลดาทำไม” หญิงสาวพยายามปัดป่ายมือหนาที่พยายามถอดเสื้อตัวเปียกออก แต่ทว่าก็โดนมือหนาปัดออก

            “ถามได้ ก็ถอดเสื้อให้เธอนะสิ มันเปียกแบบนี้ จะทนใส่หรือไง”

            “ลดาถอดเองได้ค่ะ” หญิงสาวพยายามขัดขืน

            “แต่ฉันพอใจจะถอดให้ อยู่เฉยๆ อย่าให้โมโห” เขาส่งสายตาที่ดุร้ายมาให้หญิงสาวและลงมือถอดเสื้อของเธอออก เขาถอดมันออกอย่าง่ายดายราวกับว่าเขาถอดเสื้อให้ผู้หญิงบ่อยครั้ง

            ทันทีที่เสื้อและกางเกงของเธอหลุดออกจากตัว ใบหน้าของพิศลดาก็แดงแป๊ดด้วยความอาย ตอนนี้ร่างสวยเหลือแต่บราเซียร์ตัวสวยกับซับในตัวจิ๋วเท่านั้น แถมยังต้องมาเจอสายตาของมัจจุราชตัวร้ายที่จ้องมองทรวงอกของเธออยู่อย่างไม่ละสายตา หญิงสาวเม้มปากแน่นเพราะรู้สึกเขินอายที่เขาจ้องมองไม่เลิก แถมพอเธอยกมือขึ้นมาปิดอกสวย ชายหนุ่มก็บอกว่าไม่ต้องปิด เพราะมันปิดไม่มิด ใหญ่เกินตัวซะขนาดนั้น

            “เอาไปใส่ซะ ใส่เร็วๆ ด้วย ก่อนที่ฉันจะอดใจไม่ไหว ปล้ำเธอบนเรือ” ส่งเสื้อตัวโตของเขามาให้เธอใส่ ซึ่งเมื่อหญิงสาวใส่แล้วมันก็หลวมและก็ยาวเทอะทะอย่างกับว่าเธอเป็นเด็กแล้วใส่เสื้อของผู้ใหญ่

            เมื่อชายหนุ่มเห็นก็หัวเราะลั่นออกมา เพราะมันตลกกับตัวของเธอที่เล็กเกินที่จะใส่เสื้อผ้าของเขา “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฉันให้เสื้อเด็กอนุบาลใส่หรือเนี่ย ทำไมเธอใส่แล้วมันยาวเทอะทะขนาดนั้น”

            ฝ่ายคนที่ถูกหัวเราะก็แอบด่าทอชายหนุ่มในใจว่ายังมีหน้ามาหัวเราะเธออีก ก็เขาตัวใหญ่ราวกับหมียักษ์ส่วนเธอตัวนิดเดียว แล้วจะใส่เสื้อเขาได้อย่างไรกัน

            “เอ้า ใส่เสร็จแล้วก็ตามมา เราจะไปปล่อยอวนกันแล้ว” สิ้นเสียงเข้มเขาก็เดินนำหน้าเธอไป ส่วนหญิงสาวก็เดินตาม ฝ่ายพิศลดาไม่เข้าใจว่าปล่อยอวนนั่นคืออะไร จนกระทั่งมาเข้าใจก็ตอนเสียงเข้มเอ่ยอธิบายพร้อมกับเห็นว่าลูกเรือทุกคนกำลังช่วยกันเอาตาข่ายผืนสี่เหลี่ยมคล้ายเชือกไนลอนที่มีความยาวและกว้างมากปล่อยลงไปในทะเล แล้วจากนั้นนำมันมาผูกกับเรือ

            “นั่นเขาเรียกว่า อวนติดตา ใช้จับปลาอินทรีย์กับปลาโอ เราจะมาปล่อยอวนที่นี่ตอนเย็นๆ แล้วจะเอาขึ้นมาอีกก็ต่อจากนี้อีก 6 ชั่วโมง แล้วจะกู้อวนเสร็จตอนเช้าตรู่” อธิบายให้เธอฟังพร้อมจูงมือหญิงสาวไปดูลูกเรือที่กำลังปล่อยอวนลงในท้องทะเล “พอเราเอาอวนขึ้นจะเอาไปให้ผู้หญิงที่เกาะคัด แล้วก็จะส่งออกไปขายในตอนสายๆ ของทุกวัน” เขาอธิบายต่อ จากนั้นก็จูงมือสวยปนกระชากนิดๆ พาเธอไปนั่งที่หัวเรือ ดูพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ ล่วงสู่ท้องทะเล

     

            พระอาทิตย์ที่ส่องแสงสีส้มอร่ามกำลังค่อยๆ ถูกท้องทะเลกลืนกินไปทีละนิด จนกระทั่งตอนนี้ดวงจันทร์เคลื่อนขึ้นมาแทนที่ด้วยสีทองอร่าม ส่องแสงลงมากระทบกับท้องทะเลในยามมืดมิด ฝ่ายคนที่จูงมือสวยมาก็บังคับให้เจ้าของมือสวยลงๆ กับตัวเอง ที่กำลังนั่งมองท้องทะเลที่แสนกว้าง ที่ยามนี้กลายเป็นสีดำเพราะยามวิกาล

            ฝ่ายคนที่ถูกบังคับให้นั่งใกล้ๆ ก็รู้สึกแปลกใจที่ชายหนุ่มเอาแต่นั่งจ้องมองไปยังท้องทะเล ดวงตาที่มัจจุราชใจร้ายมองไปยังท้องทะเลกว้างช่างเป็นดวงตาที่เศร้าผิดกับสายตาที่เขาชอบมองมายังเธอมากนัก เพราะมันเต็มไปด้วยพลังแห่งไฟแค้น ดวงตาคมยังคงจ้องมองไปยังท้องทะเลกว้าง ความรู้สึกบางอย่างถูกถ่ายทอดออกจากดวงตาร้าย พิศลดารู้สึกเหมือนกับว่าตอนนี้เขากำลังเศร้า เพราะสายตานั้นช่างหมองหม่น มันเหมือนกับว่าเขาเสียใจและสูญเสียบางอย่างไปจากชีวิต

            ฝ่ายพิศลดาตอนนี้ก็เริ่มนั่งหยุกหยิกไปมา เพราะยุงมันเริ่มอาละวาด แต่สายตาก็ยังไม่เลิกจ้องมองมัจจุราชตัวร้าย ขนาดเขาพูดกับเธอ เธอยังไม่รู้สึกตัว

            “อ้าวยุงมันกัดแล้วไม่ตบหรือไง หรือว่าจะบริจาคโลหิตให้มัน” บอกเสียงดัง เพราะเห็นเธอนั่งเหม่อแถมจ้องมองมายังเขา และพอเขาหันมามองเธอ หญิงสาวก็ยังไม่เลิกมอง แถมตอนนี้ยุงมันก็กัดเธอเต็มขาสวยไปหมด

            พิศลดาที่กำลังขบคิดเรื่องของชายหนุ่มอยู่ก็สะดุ้งตกใจเสียงแข็ง และลนลานรีบตบยุงตามที่มาคัสสั่ง แต่เธอไม่ได้ตบให้ตัวเอง เธอตบให้เขา

            “เธอนี่มันก็ตลกนะ ยุงกัดตัวเองไม่ตบ ดันมาตบให้ฉัน” บอกออกมาพร้อมดึงตัวของเชลยแค้นมานั่งบนตักและยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้

            ฝ่ายพิศลดาก็ดิ้นขลุกขลิกบนตักของมาคัส เพราะตกใจที่อยู่ดีๆ ชายหนุ่มก็พูดจาดีกับเธอแถมยังดึงตัวเธอมานั่งบนตักอีก และยังมีรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์ของเขาที่ส่งมาให้ หญิงสาวไม่เข้าใจว่าเขาจะทำอะไร แต่ไม่นานก็ต้องเข้าใจ เพราะตอนนี้ใบหน้าที่มีแต่หนวดเคราของเขาซบไซร้ซอกคอขาวของเธอ

            “ตัวเธอนี่มันหอมและหวานดีจริงๆ ไม่น่าล่ะ ไอ้ลูเซียร์มันถึงหลงเธอหัวปักหัวปำ ถึงขั้นยอมแต่งงานด้วย” เขาบอกด้วยเสียงที่ดุดัน เอ่ยชื่อนี้ทีไรทำให้เขาหัวเสียทุกที “ว่าแต่มันใช้ท่าไหนกับเธอบ้างล่ะ ฉันจะได้ใช้ถูก แต่รับรองว่าฉันเหนือกว่ามันชัวร์” เขาพูดพร้อมพลิกตัวนอนลงที่พื้นกระดานเรือ กะว่าจะแกล้งเธอเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะปล้ำเธอ แค่อยากแกล้ง แต่พอเห็นหน้าเชลยสาวตอนตกใจ เขาก็แกล้งหนักขึ้น เพราะหน้าตาของพิศลดามันตลกดีเหมือนกับลิงตื่นกรง

            ฝ่ายหญิงสาวก็ยิ่งตกใจเพิ่มเข้าไปอีกเมื่อชายหนุ่มทำท่าจะพลิกตัวเธอลงไปกับพื้น เธอตกใจถึงขั้นถีบและผลักเขาให้ออกจากตัว พร้อมกับร้องเรียกชื่อลูเซียร์และชายอีกคนให้ช่วย เพราะทุกครั้งที่เธอเดือดร้อน ลูเซียร์และชายคนนั้นจะยื่นมือมาช่วยเธอเสมอ แต่หญิงสาวก็เอ่ยถึงชื่อชายคนนั้นด้วยเสียงที่เบาและเศร้าใจ เพราะยังคงสะเทือนใจกับเหตุการณ์ครั้งนั้น เหตุการณ์ที่ทำให้ชายคนนั้นไม่สามารถมาช่วยเธอได้อีกต่อไป เพราะเขาจากเธอไปแล้ว หญิงสาวจึงเปลี่ยนมาร้องเรียกชื่อลูเซียร์ออกมาแทน  โดยเธอลืมไปว่าชื่อนี้มันจะกลับมาทำร้ายเธอ

            “โอ๊ย!” มาคัสร้องออกมาเสียงหลงดังพร้อมกับหันมามองคนที่ทำร้ายเขาด้วยสายตาที่ขุ่นมัวและสีหน้าที่ค่อยๆ แดงขึ้นเพราะความโกรธ โกรธที่เธอกล้าเรียกชื่อคนที่เขาเกลียดออกมา “กล้ามากนะ ที่ถีบฉัน แถมยังกล้าเรียกชื่อผัวเธอต่อหน้าฉัน  อยากลองดีกับฉันใช่ไหม” ใช้มือหนาดึงข้อเท้าเล็กเข้ามาหาตัวทันทีที่เห็นว่าหญิงสาวกำลังจะลุกหนี

            “ลดาขอโทษ ลดาตกใจ ลดาไม่ได้ตั้งใจ” พนมมือไหว้ทันทีที่ร่างสูงนั่งคร่อมร่างช้ำของเธอ

            “ตั้งใจไม่ตั้งใจฉันไม่สน ฉันสนอย่างเดียวคือถ้าฉันเจ็บ คนที่ทำมันต้องเจ็บกว่า” บอกเสียงเหี้ยม พลางใช้มือร้อนกระชากเสื้อตัวใหญ่ที่เขาพึ่งให้เธอยืมสวมใส่ออกจากร่างสวยแสนช้ำ

            ทันทีที่เสื้อตัวใหญ่หลุดออกจากตัว หญิงสาวผู้โชคร้ายก็กรีดร้องออกมาสุดเสียง ทำให้บรรดาลูกเรือต่างวิ่งกรูกันเข้ามาท้ายเรือเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แล้วก็มีคำสั่งประกาศิตออกมาจากลำคอหนาของชายหนุ่มเสียก่อน เท้าหนาหลายสิบคู่ที่กำลังวิ่งมาดูจึงต้องหยุด และหมุนตัวกลับไปนอนที่เดิม

            “ไม่ต้องเข้ามายุ่ง กูจะลงโทษคน กลับไปนอนที่เดิม” สิ้นเสียง บรรดาลูกน้องก็เดินกลับไปนอนที่กลางเรือเช่นเดิม

    แต่ก็แอบอดสงสารเชลยสาวคนนี้ไม่ได้ เพราะพวกเขารู้ดีว่าหากเจ้านายพวกเขาโกรธแล้วจะเป็นเช่นไร ผู้หญิงคนนี้ต้องถูกลงโทษเจ็บเจียนตายแน่ ขนาดเขาไม่ได้เห็นหน้านายหัวของพวกเขาว่าโกรธเพียงใด แค่น้ำเสียงที่ดุดันก็ทำให้พวกเขารู้ดีว่าหญิงสาวไม่รอดคืนนี้ไปได้ง่ายๆ แน่

            ฝ่ายพิศลดาก็ร้องออกมาลั่น เมื่อมาคัสพยายามดึงบราเซียร์ออก แถมตอนนี้มันก็หลุดออกไปจากร่างสวยแล้ว และเขาก็จัดการโยนทิ้งไปในทะเลอย่างไม่ใยดี  “ฮือ ปล่อยลดา ลดาขอโทษ อย่าทำลดาเลย” หญิงสาวร้องไห้ระงม เนื้อตัวสั่นไปหมด พยายามยกมือน้อยมาปิดดอกบัวคู่งามอันเต่งตึงของเธอ หญิงสาวร้องออกมาจนสุดเสียง พยายามขอร้องชายหนุ่ม แต่มันก็ไม่ได้ผล เพราะเขาไม่หยุด เขายังคงพยายามถอดกางเกงของเธอออก

            “ ฮือ ลดาขอโทษค่ะ คุณมาคัส อย่าทำแบบนี้กับลดาเลย ลดากลัว”

            “กลัวอะไร ที่เมื่อกี้ยังกล้าถีบฉันอยู่เลย แถมยังกล้าเรียกชื่อผัวเลวๆ ของเธอต่อหน้าฉัน  แต่เธอไม่ต้องกลัวนะเพราะเดี๋ยวฉันจะพาเธอไปทั่วนรกให้สาสมกับสิ่งที่เธอทำ” เขาไม่ได้โกรธที่หญิงสาวถีบเท่าไหร่นัก แต่โกรธที่เธอเรียกชื่อของชายที่เขาเกลียดเข้าไส้ และสักวันหนึ่งเขาต้องฆ่าผู้ชายคนนี้ให้ได้

            “อย่าทำลดา ฮือๆ” เธอร้องไห้ออกมาจนดวงตาใสเริ่มจะบวมช้ำ เธอกลัว กลัวมัจจุราชตนนี้เหลือเกิน เธอเอ่ยขอโทษเขาเป็นสิบครั้ง แต่สายตาเขาก็ดุดันเช่นเดิม เธอกลัวเหตุการณ์นี้เหลือเกิน เธอกลัวมัน เพราะครั้งหนึ่งเหตุการณ์แบบนี้มันเคยเกิดกับเธอแล้ว แต่ก็โชคดีที่มีชายผู้ใจดีเข้ามาช่วยเธอไว้

            ด้วยความโมโหทำให้มาคัสไม่สามารถถอดกางเกงตัวเก่าออกได้ ทั้งกระชากก็แล้ว ฉีกก็แล้ว แต่มันก็ไม่หลุดชายหนุ่มจึงเปลี่ยนมาซุกไซร้ซอกคอขาวแทน เขาขบกัดอย่างเมามัน ไม่กลัวว่าหญิงสาวจะช้ำหรือเจ็บแค่ไหน เขารู้อย่างเดียวว่าเธอต้องถูกลงโทษ

            พิศลดาร้องออกมาด้วยความเจ็บและช้ำใจ เธอกรีดร้องออกมาทุกครั้งที่เขาขบกัดซอกคอขาว เธอเจ็บจนแทบไม่มีเรี่ยวแรงที่จะร้องออกมา แถมเธอยังไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย จึงทำให้หญิงสาวหวาดกลัวและอยากจะกลั้นใจตาย แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะเธอเป็นห่วงพิศน้ำผึ้งคนเป็นน้องสาว กลัวว่าเขาจะไปจับตัวพิศน้ำผึ้งมา

            “ร้องออกมาเลย ฉันชอบ ร้องสิ” ตอนนี้สติของมาคัสไม่หลงเหลืออยู่อีกแล้ว ยิ่งเวลานึกถึงตอนที่พิศลดาร้องบอกให้ลูเซียร์ช่วย สติเขาก็ไม่มีหลงเหลืออยู่เลย เขามีแต่ความแค้นและการลงโทษเท่านั้น

            ฝ่ายลูกเรือก็สงสารหญิงสาวจับใจจนทุกคนทนนอนอยู่ไม่ได้ ต้องลุกขึ้นมานั่ง แล้วพลางคิดว่าพวกเขาจะช่วยเธออย่างไรดี ถึงจะรู้ว่านายของพวกเขานั้นต้องลงโทษ แต่ก็ดีกว่าจะทนอยู่แบบนี้ แถมพวกเขายังไม่อยากให้มาคัสต้องรู้สึกผิดไปตลอด เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบเพียงเท่านั้น ปกติแล้วมาคัสไม่เคยทำร้ายใคร แถมใจดีและไม่เคยลงโทษใครหรือโมโหใครแบบนี้เลย

            “พวกเอ็ง ทำไงดีวะ ข้ากลัวว่านายจะฆ่าเธอก่อนที่จะปล้ำเป็นเมียเสียอีก” กล้าออกความคิดเห็น

            “ไม่รู้ว่ะ พวกข้าก็คิดไม่ออกว่าจะช่วยเธอได้อย่างไร เอ็งดูสิว่านายคงโกรธมาก ถึงทำแบบนี้ ทั้งที่นายเราเป็นสุภาพบุรุษมาตลอด ไม่เคยล่วงเกินผู้หญิงคนไหน แต่อยู่ดีๆ นายก็คิดจะทำมัน” ชายร่างท้วมบอกออกมาด้วยความหนักใจ

            “โอ๊ย พวกเราจะทำไงดี” กล้าและบรรดาลูกเรือต่างเกาหัวด้วยความหงุดหงิดที่คิดไม่ออกว่าจะหาทางออกอย่างไร  แต่แล้วเสียงที่ใช้หารือกันก็พานหยุดลง เพราะเห็นว่าคนที่กำลังเอ่ยถึงกำลังอุ้มเชลยสาวตรงมาทางนี้ บรรดาลูกเรือจึงแกล้งล้มตัวลงนอน แต่ก็ยังแอบมองอยู่ สิ่งที่บรรดาลูกเรือเห็นก็คือหญิงสาวร้องไห้สะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของมาคัส ส่วนชายหนุ่มตอนนี้ก็เปลือยส่วนบนเพราะเสื้อตัวเก่งอยู่ที่ตัวของหญิงสาว

            เมื่อนายของพวกเขาเดินผ่านไปแล้ว บรรดาลูกน้องก็กระซิบถามกันใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมชายหนุ่มถึงยอมหยุดลงโทษ แต่ทุกคนก็หาคำตอบไม่ได้และคิดไม่ออกว่าอะไรคือเหตุผล

            ฝ่ายมาคัสก็อุ้มพิศลดาเข้ามาในห้อง บรรจงวางเธอลงบนเตียงไม้และจ้องมองคนที่นอนตัวสั่น แล้วพยายามครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

     

            เหตุการณ์ก่อนหน้านี้….

            “ปล่อยลดาไปเถอะค่ะ ลดากลัว” หญิงสาวอ้อนวอนขอร้องด้วยเสียงสะอื้นแทบขาดใจ เธอบอกแบบนี้มาสิบกว่าครั้งแล้ว แต่ทว่าก็ไม่ได้รับสิ่งที่ขอกลับมา มีแต่ความรุนแรงและถ้อยคำเสียดสีเท่านั้นที่เขามีเพิ่มขึ้น

            “ร้องเข้าไป ฉันชอบ” มาคัสตอบกลับ แล้วก็ลงมือจัดการหญิงสาวตรงหน้าต่อ เขากระแทกจูบไปที่ริมฝีปากบางและบดเบียดจูบด้วยความโหดร้าย เขาไม่สนใจว่าเธอจะเจ็บไหม สิ่งที่เขาสนใจคือ เขาพอใจอย่างเดียว โดยชายหนุ่มบอกเหตุผลกับเธอไปแค่ว่าเขาจับหญิงสาวมาเพราะเขานั้นแค้นลูเซียร์ โดยเขานั้นไม่ได้บอกหมด เพราะมันไม่มีแค่ความแค้นต่อลูเซียร์เพียงเท่านั้น แต่มันยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเธอว่าตกลงแล้วใช่ต้นเหตุของการสูญเสียของเขาหรือไม่ เพราะไดอารี่ต้นเหตุเขียนไว้อย่างซับซ้อน และมีหลายหน้าที่ขัดแย้งกัน ทำให้เขาไม่แน่ใจในสิ่งนี้ แต่ตอนนี้คนกรุ่นโกรธ กำลังจะปักใจเชื่อเพราะใจมีแต่ความแค้น ไม่คิดถึงความเป็นจริง ใจมีแต่ปรักปรำข้อหาให้เธอ

            “ลดาขอโทษ ฮือ”

            “มันสายไปแล้วกับคำขอโทษ” มาคัสเอื้อนเอ่ยด้วยสายตาที่มีแต่ไฟชิงชัน ชายหนุ่มกระแทกจูบไปที่หญิงสาวอีกครั้งและอีกครั้ง เมื่อทรมานเธอจนพอใจเขาก็วกลงมาที่หน้าอกสวย เขาดูดเม้มจนมันเป็นรอยแดง แถมยังทำแบบนี้จนทั่วหน้าอกจนมันมีแต่รอยแดงช้ำ

            ฝ่ายพิศลดาก็ได้แต่สะอื้นร้องไห้ หญิงสาวไม่รู้ว่าเธอจะทำอย่างไรแล้ว อ้อนวอนขอร้องก็ไม่ได้ผล จะสู้ก็คงไม่มีทาง เธอคงไม่มีทางจะชนะ เผลอๆ เขาคงจับเธอโยนน้ำเป็นแน่ แล้วตอนนี้หญิงสาวแทบไม่มีสติหลงเหลืออยู่ เธอมีแต่ความกลัว และความกลัวเท่านั้น แถมท้องฟ้าก็มืดครึมกว่าปกติ ยิ่งทำให้หญิงสาวกลัว เพราะเหตุการณ์มันช่างเหมือนสองปีที่แล้วจริงๆ เหตุการณ์ที่ทำให้เธอเสียชายที่เธอหลงรักไป เพราะเขาเข้ามาช่วยเธอจากเหตุการณ์ที่เธอถูกอาของตัวเองปล้ำ

            ใบหน้าที่มีแต่น้ำตากำลังย้อนคิดไปถึงเมื่อเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อน  พร้อมกับมีเสียงฟ้าผ่าที่ช่างเหมือนกันเหตุการณ์สะเทือนใจครั้งนั้น หญิงสาวถึงกรีดร้องเสียงดังออกมาเพราะความกลัว และต่อจากเสียงกรีดร้องที่ดัง ก็คือความเงียบ หญิงสาวไม่มีอาการอะไรออกมาอีกเลย นอกจากเหม่อลอย ไม่ร้อง หรือทุบตีคนที่ทำร้ายเธออีกแล้ว

            ฝ่ายคนที่กำลังหลงมัวเมากับการลงโทษก็ต้องหยุดและเงยหน้าไปมองอย่างสงสัยว่าทำไมร่างกายนี้ถึงหยุดไม่ต่อต้าน ไม่ดิ้นรน หรือร้องขอให้ปล่อยตัวเองไป ซึ่งเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมามองที่ใบหน้านวลก็ต้องตกใจ เพราะตาเธอเหม่อลอยมีแต่น้ำตาที่ยังไหลรินอยู่ มาคัสถึงกับหน้าเปลี่ยนสีทันทีที่เห็น “พิศลดา พิศลดา อย่ามามารยานะ” เขายังคงคิดว่าเธอนั้นแกล้งมารยาใส่ แต่ในใจก็กลัวว่าเธอจะเสียสติไป ตาเธอเหม่อลอยเหมือนกับคนที่ไม่มีสติ ยิ่งคิดเขาก็ต้องร้องถามเธออกไปพร้อมกับเขย่าตัวเธอแรงๆ “พิศลดา พิศลดา” ชายหนุ่มพยายามเขย่าตัว เพื่อเรียกสติของหญิงสาวกลับมา แต่มันก็ไร้ผล จนเขาตัดสินใจตบไปที่ใบหน้านวล

            “เพียะ!!” มาคัสใส่แรงไม่มากนัก เพราะกลัวว่าคนที่ไร้สติจะช้ำไปกว่านี้ พอตบเบาๆ แล้วก็ส่งเสียงร้องเรียกชื่อเธอเสียงดัง ซึ่งมันก็ได้ผลร่างกายของหญิงสาวเริ่มมีปฏิกิริยาตอบรับ หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา แต่เธอก็ยังคงร้องไห้โวยวายออกมาอย่างคนเสียสติ

            “อย่าทำลดาเลยค่ะ ลดากลัวแล้วอาพล อือ อย่าทำลดา ”เมื่อหญิงสาวได้แต่พร่ำร้องบอกว่าอย่าทำเธอ แต่ชื่อที่บอกออกว่ามันไม่ใช่ชื่อของชายหนุ่มที่กำลังเรียกสติเธอคืน มันเป็นชื่อของใครไม่รู้ที่เขาไม่รู้จัก “อย่าทำกับลดาแบบนี้ ลดาเป็นหลานอานะคะ อาจะปล้ำหลานตัวเองหรอคะ” หญิงสาวยังคงเพ้อด้วยเสียงที่สั่นเครือต่อ แถมมันยังหนักกว่าเดิม

             ฝ่ายมาคัสก็ทำหน้างง เพราะเขางงว่าอาพลเป็นใคร แล้วใครทำอะไรเธอ แต่พอได้ยินประโยคที่ว่าอาจะปล้ำหลานตัวเอง เขาก็เลยพอเข้าใจว่าเธอน่าจะเคยถูกปล้ำ หรือเกือบถูกปล้ำมาก่อน “พิศลดา ฉันมาคัส ไม่ใช่อาพลบ้าบออะไรของเธอ” ชายหนุ่มตะโกนบอก

            “ปล่อยลดานะ  ปล่อย” พิศลดาร้องไห้อย่างคนเสียสติ มือเบาก็พยายามทุบตีมาคัส เมื่อชายหนุ่มพยุงตัวหญิงสาวให้ลุกและกอดเธอไว้แน่น

            “ปล่อย อาพลปล่อยนะ”

            “ลืมตา ลืมตาดูสิ พิศลดาว่าฉันคือใคร” คนกอดรีบร้องบอกให้หญิงสาวลืมตา แต่มันก็ไม่ได้ผล เธอยังคงโวยวายอย่างกับคนบ้า จนเขาต้องกระชับอ้อมกอดให้แน่น เพื่อมอบความอบอุ่น ซึ่งมันได้ผล คนร้องโวยวายเริ่มเงียบลง

            ความอบอุ่นที่พิศลดาได้รับจากร่างกายกำยำของชายหนุ่มทำให้เธอเริ่มเรียกสติกลับมาได้ แต่ยังคงร้องไห้และตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของคนที่มีแต่หนวดเครา

            “พิศลดา ลืมตา” สั่งให้ลืมตาเมื่อรับรู้ว่าหญิงสาวเริ่มได้สติกลับมา ซึ่งหญิงสาวก็ลืมตาขึ้นมาตามคำสั่งและจากนั้นก็เอ่ยขอโทษเขา เมื่อคิดว่ามันจะทำให้เธอไม่ต้องเจอเหตุการณ์อันเลวร้ายแบบนี้อีก

            “อย่าทำลดาเลย ลดาขอโทษ” เธอเอ่ยขอโทษเขาด้วยเสียงสั่นทันทีที่ได้สติ และพนมมือยกมือไหว้ด้วยแขนที่ไร้เรี่ยวแรง

            ฝ่ายชายหนุ่มไม่ตอบอะไร นอกจากถอดเสื้อของตัวเองแล้วมาสวมให้และอุ้มเชลยแค้นของเขาตรงไปยังห้องพักแล้วก็ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์นี้

             มาคัสมองหน้าสีซีดของหญิงสาวด้วยความสงสัย เพราะรู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้ต้องเคยประสบพบเจอกับเหตุการณ์ร้ายๆ มาอย่างแน่ เพราะไม่เช่นนั้นเธอคงไม่สติแตกแบบนี้ และเขาพอจะเดาเหตุการณ์ออกว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น เพราะจากการที่เธอเพ้อ ในใจของเขามีคำถามอย่างมากเกี่ยวกับตัวของเธอที่อยากจะรู้ ซึ่งส่วนใหญ่มันเป็นข้อความที่ถูกเขียนไว้ในไดอารี่เล่มนั้น เล่มที่เป็นชนวนแห่งความแค้น แต่เขาก็เลือกที่จะเก็บความสงสัยและคำถามมากมายไว้ในใจ ไม่อยากเอ่ยถามออกไป เพราะสภาพเธอตอนนี้มันก็หนักเอาการแล้ว

     

            และเมื่อถึงเวลาที่ต้องเอาอวนขึ้น มาคัสก็ออกไปช่วยเหล่าลูกเรือ แต่ทว่าก็ต้องทนกับสายตาที่สงสัยของพวกลูกเรือ ซึ่งกำลังจ้องมองไม่หยุด บางคนก็ซุบซิบกัน โดยพอชายหนุ่มหันกลับไปมอง ลูกเรือทุกคนต่างหลบสายตา มันทำให้เขารำคาญใจ “ถ้าพวกแกสงสัยอะไรก็ถามมา”  เอ่ยถามออกมาเสียงดัง เพราะแสนจะรำคาญสายตามองมาแกมสงสัย

            “เปล่าๆ ไม่ได้สงสัยอะไรเลยนาย” กล้าร้อนตัวเป็นคนแรก

            “ถ้าไม่สงสัยก็ตั้งใจทำงาน แล้วเลิกมองฉันได้แล้ว”

            “ครับ นาย” กล้าตอบรับ และจากนั้นบรรดาลูกเรือก็เอาอวนขึ้นได้หมด แล้วเรือลำโตก็เคลื่อนตัวกลับไปยังเกาะเพลิงโดยทันที

               

            เมื่อเครื่องยนต์เรือดับลง บรรดาลูกเรือต่างเร่งมือช่วยกันเอาอวนลงจากเรือ เพราะพวกเขาหิวข้าวกันเต็มทนแล้ว  ส่วนพวกสาวๆ ที่คอยอยู่ ต่างก็ทำหน้าที่ของตน บางคนก็จัดเตรียมสถานที่สำหรับคัดปลา บางคนก็ไปช่วยลูกเรือเอาอวนลงจากเรือ

               ส่วนตัวเจ้าของเกาะก็อุ้มสาวน้อยที่ร้องไห้ลงมาจากเรือและเดินตรงไปยังบ้านพัก การกระทำของเจ้าของเกาะเพลิง  สร้างความแปลกใจให้สาวๆ ในเกาะ เพราะไม่เคยเห็นนายหัวอุ้มสาวใดมาก่อน แถมยังเปลือยหน้าอกทำให้สาวๆ ใจละลายไปหมดทั้งสาวน้อยสาวใหญ่

               “แกดูนายสิ ไหนบอกว่านางนั่นมันเป็นเชลยไง ทำไมต้องอุ้มมาด้วยวะ ทำไมไม่ลากมันมา”

              “แหม่ ก็นายประกาศปาวๆ แล้วนิว่าเป็นเชลย แต่ก็เป็นเมียนาย แต่ก็คงเมียเก็บว่ะ” น้อยพูดด้วยความอิจฉาขณะมองภาพที่บาดตา เมื่อเห็นนายหัวเจ้าของเกาะ ชายที่ตนหลงรักอุ้มหญิงสาวที่ประกาศปาวๆ ว่าเป็นเชลยแค้น

            “ทำไมแกพูดแบบนั้นวะน้อย อย่างน้อยก็น่าเห็นใจผู้หญิงด้วยกันนะ” ชบา สาวน้อยบนเกาะอีกคนเอ่ย พร้อมกับส่ายหัวออกมากับความร้ายกาจของน้อยที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

            “ทำไมฉันต้องเห็นใจมันด้วย นางนั่นก็เป็นได้แค่เชลยเท่านั้น ส่วนแกก็อย่าทำตัวเป็นคนดีนักเลย นางชบา” น้อยสะบัดเสียงใส่พร้อมเดินไปชนชบาแล้วเดินไปยังที่ทำงานของตน

            ฝ่ายชบาก็ได้แต่ส่ายหัวออกมาอีกรอบในความร้ายกาจของน้อยและเพื่อนๆ

            ฝ่ายมาคัสก็วางหญิงสาวที่ร้องไห้กระซิกๆ ลงบนเตียงนอนไม้ พร้อมกับล้มตัวลงนอนข้างๆ  ซึ่งเมื่อชายหนุ่มล้มลงนอน พิศลดาก็กระถบตัวหนี  เพราะรู้สึกกลัวชายตรงหน้าเหลือเกิน  แต่ทว่ามือใหญ่ก็คว้าร่างของหญิงสาวเข้ามาแนบตัว พร้อมเอ่ยบอกว่า

               “กลัวฉันมากหรือไง ทำใจให้ชินซะ ยังไงเธอก็ต้องเป็นเมียฉัน แถมยังต้องอยู่ที่นี่จนกว่าฉันจะพอใจ แล้วอย่าทำเป็นรังเกียจคนเกาะอย่างฉัน เพราะเธออาจจะเจ็บตัวได้” ดึงเชลยแค้นเข้ามากอดและจูบไปที่หน้าผากนวล แล้วจากนั้นไม่นานเปลือกตาของเขาก็ปิดลง แต่ทว่าชายหนุ่มก็ยังไม่ได้หลับ เขากำลังใช้ความคิดเรื่องที่เกิดเมื่อคืนที่ผ่านมา

            ฝ่ายพิศลดาก็นอนตัวสั่นเพราะกลัวและมีเสียงสะอื้นออกมาจากลำคอเป็นระยะ เธอยังตกใจกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสามเหตุการณ์ติด  หนึ่งเขาจับตัวเธอมา สองเขาจับตัวเธอโยนทะเล และสามเขาจะขืนใจเธอบนเรือ สามเหตุการณ์นี้เธอคงไม่มีวันลืม

              ซึ่งไม่นานนักคนตัวเล็กที่เหน็ดเหนื่อยมาจากการร้องไห้ และสู้รบตบมือกับมัจจุราชผู้ร้ายกาจก็หลับไปแล้ว ซึ่งก่อนที่จะหลับไป หญิงสาวก็ยกมือใหญ่ที่โอบกอดเธอออกไปได้ เมื่อเห็นว่าเขาหลับลึก  แต่ทว่าเพียงไม่นานร่างเพรียวบางที่พยายามนอนห่างจากชายหนุ่มก็พลิกตัวเข้าหาร่างใหญ่ที่ให้ความอบอุ่นเสียเอง ตอนนี้ใบหน้านวลกำลังซุกอยู่ที่หน้าอกแกร่ง ทำให้เจ้าของความอบอุ่นต้องลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกถึงความนุ่มนิ่มของร่างสวย

             “ทำไมฉันรู้สึกว่าเธอมันเป็นคนอ่อนต่อโลกแบบนี้นะ พิศลดา” เอ่ยพลางกระชับอ้อมกอด เมือเห็นว่าร่างกายเธอสั่นเทา และหญิงสาวก็ได้รับไออุ่นจากอ้อมกอดของมัจจุราชไปตลอดวัน

     

    กรุงเทพ…

                     ในโรงแรมหรูระดับห้าดาวตอนนี้ถูกใช้จัดงานฉลองมงคลสมรสอันยิ่งใหญ่ของตระกูลมาร์ซิโอ เพราะลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลมีคู่ครองเสียที  ซึ่งงานนี้บรรดาแขกเรือในงานต่างแต่งกายมาประชันแข่งขันกัน เพชรพลอยต่างใส่กันมาแบบระยิบระยับ ต่างปั้นหน้าเข้าหากัน ฉีกยิ้มเพื่อให้เป็นจุดเด่นในงาน เพราะงานนี้มีคนในหลากหลายวงการมาร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นวงการธุรกิจ หรือแม้แต่วงการนายแบบนางแบบ ขณะที่ทุกคนกำลังฉีกยิ้มแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว คงมีเพียงใบหน้าของเจ้าสาวเท่านั้นที่บึ้งตึง ไร้รอยยิ้ม จนตากล้องฝีมือดีที่กำลังถ่ายภาพครอบครัวต้องหันมาสั่งให้เจ้าสาวฉีกยิ้ม

             “เจ้าสาวยิ้มหน่อยสิครับ” แต่ทว่าคำสั่งนั้นก็ไม่ได้ทำให้เจ้าสาวของงานทำตามแต่อย่างใด ใบหน้าสวยยังคงบึ้งตึง และยิ่งบึ้งตึงเข้าไปใหญ่ เมื่อเจ้าบ่าวที่เจ้าสาวไม่ชอบขี้หน้าก้มลงมาสั่ง

            “คุณฉีกยิ้มหน่อยสิ สิบล้านนะ ท่องจำไว้ เพื่อเงินนะคุณ” ลูเซียร์เจ้าบ่าวแสนทะเล้นเอ่ยบอกกับเจ้าสาวตัวแทนของเขา

            “ฉันไม่ได้อยากแต่งงานกับคุณ ไอ้คนปากหมา” พิศน้ำผึ้งเจ้าสาวของงานบอกเสียงกรอดพร้อมกับส่งสายตาค้อนมาให้เจ้าบ่าวที่แสนจะเหม็นขี้หน้า เจอกันทีไรต้องทะเลาะกันทุกที

            “ไม่อยากแต่ง แต่ก็แต่งแล้วนะ ถึงแม้ว่าจะแต่งในนามพี่คุณก็เหอะ”

             เจ้าของใบหน้าสวยค้อนขวับใส่มาให้เจ้าบ่าวอีกรอบ และพอเขาเอ่ยถึงพี่สาวของเธอ ที่หายตัวไปดื้อๆ ในวันแต่งงาน เธอก็หนักใจขึ้นมาเพราะไม่รู้ว่าที่สาวของเธอหายไปได้อย่างไร และใครเป็นคนจับตัวพี่สาวของเธอไป เพราะพี่สาวของเธอไม่มีทางหนีไปอย่างแน่นอน พี่สาวเธอไม่ใช่คนไม่รับผิดชอบ ถึงแม้ว่างานแต่งงานในครั้งนี้ พี่สาวของเธอจะแต่งงานปราศจากความรัก แต่พิศลดาพี่สาวฝาแฝดของเธอก็เต็มใจแต่ง เพื่อตอบแทนเงินจำนวนหนึ่งที่ลูเซียร์ให้หยิบยืม เพื่อไถ่ถอนบ้าน และที่สำคัญพี่สาวฝาแฝดของเธอกับตาเจ้าบ่าวปากเสียที่หญิงสาวไม่ชอบหน้าก็ได้ต้องตกลงกันแล้วว่าทุกอย่างจะเป็นแค่การจัดฉาก และทุกอย่างจะจบลงในเวลาสองปี หรือไม่ก็เมื่อลูเซียร์เจอคนที่ใช่ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ลมหายใจร้อนๆ ก็พ่นออกมา พลางกับคิดต่อว่า ถ้าพี่สาวของเธอไม่หายตัวไป  เธอคงไม่ต้องมาแต่งงานกับคนที่เธอไม่ชอบขี้หน้าแบบนี้ พอนึกถึงคนที่ยืนข้างๆ ที่กำลังยิ้มระรื่น เธอก็ส่งค้อนให้อีกรอบ และจำใจต้องแสดงบทบาทเป็นพิศลดา พี่สาวของเธอให้เนียน เพราะงานแต่งมันถูกจัดขึ้นแล้ว เธอจึงต้องมาสมยอมปลอมตัวเป็นพิศลดา  พี่สาวฝาแฝดที่หน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะ       

            และเรื่องการหายตัวไปของพิศลดาก็มีแค่เธอ ลูเซียร์ และป้าของเธออีกคนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ เพราะฉะนั้นงานนี้ทุกคนจึงคิดว่าเธอคือพิศลดา

            “ได้เวลาส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอแล้วครับ ” ญาติฝ่ายผู้ใหญ่ของลูเซียร์พูดขึ้น พร้อมกับบอกให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวขึ้นไปยังห้องหอ

             “เจ้าลูเซียร์แต่งงาน มีเมียแล้ว ทำอะไรก็คิดดีๆ ก่อน แล้วดูแลน้องเขาให้ดีๆ ด้วย อย่าให้ฉันกับแม่แกผิดหวังล่ะ” ลูคัสเจ้าของตระกูลมาร์ซิโอผู้มีกิจการมากมายเอ่ยบอกแก่หลานชายคนสำคัญ

             “ครับ ปู่ ผมรับรองว่าจะดูแลเมียผมให้ดีเลยครับ แถมจะเร่งผลิตทายาทให้ปู่ด้วยครับ” ส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้เจ้าสาวที่เอาแต่ค้อนใส่

             “ส่วนแกก็ดูแลคุณลูเซียร์เขาดีๆ นะยายน้ำผึ้ง เอ๊ย ยายลดา” เสียงแหลมของพิมพรรณ ป้าวัยสาวแต่จอมขี้ตืดของพิศน้ำผึ้งเอ่ยขึ้น

            ฝ่ายพิศน้ำผึ้งไม่ตอบแต่อย่างใด เอาแต่เชิดหน้าใส่สามี

            “อ้าวๆ พวกเราออกไปกันได้แล้ว จะได้ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอกัน” พอพูดจบ ทุกคนก็ทยอยออกจากห้องไป จนในที่สุดห้องนี้ก็เหลือแต่พิศน้ำผึ้งกับลูเซียร์เพียงเท่านั้น ตลอดเวลาเกือบสิบนาทีหญิงสาวไม่เอ่ยอะไรออกมาเลย นอกจากลงมือเกะกิ๊ปติดผมของเธอออกและพยายามถอดชุดแต่งงาน โดยที่ไม่อายสายตาของเจ้าบ่าวอย่างลูเซียร์สักนิด

            “ไม่อายผมบ้างหรอคุณ ถอดเข้าไป”

            พิศน้ำผึ้งไม่ตอบ เธอได้แต่พยายามถอดชุดเจ้าสาวออกต่อ แต่มันก็ถอดยากซะเหลือเกิน จนบางครั้งถึงกับเซเพราะดึงชุดออกจากตัวไม่ได้

            “ผมช่วยไหมคุณ” เจ้าบ่าวผู้แสนทะเล้นเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าเจ้าสาวเกือบจะล้มก้มขมัมไปกับพื้นกับการถอดชุด

             “ไม่ต้อง ฉันทำเองได้” คนถูกถามปฏิเสธเสียงแข็ง และลงมือถอดชุดต่อ

             เมื่อเจ้าสาวแสนสวยไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขา  เขาก็ไม่ช่วย โดยลูเซียร์เลือกที่จะไปหย่อนก้มนั่งลงที่โซฟาตัวหรู ดูหญิงสาวจัดการกับชุดเจ้าสาวของตัวเอง

            ส่วนพิศน้ำผึ้งก็ไม่ได้ใส่ใจกับสายตาที่มองมา เพราะหญิงสาวก็ถูกมองแบบนี้อยู่บ่อยๆ ก็ในเมื่อเธอเป็นนางแบบและถ่ายแบบเซ็กซี่อยู่เรื่อยๆ เธอจึงชินกับการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าใครๆ และที่สำคัญเธอไม่ได้แก้ผ้าสักหน่อย แค่ถอดชุดออก และมันก็ยังเหลือบราเซียร์กับซับในตัวสวยอยู่

             “เอาเข้าไปแม่คุณ ถอดไม่คิดว่าผมเป็นผู้ชายหรือไง ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะที่ทนเห็นผู้หญิงถอดเสื้อโชว์ได้ แล้วจะไม่รู้สึกอะไร” เอ่ยเสียงดังให้หญิงสาวได้ยิน เมื่อเลือดในกายเริ่มปั่นป่วน เริ่มจะทนดูหญิงสาวถอดชุดไม่ไหว เพราะท่าทางการถอดเสื้อผ้าของเธอ มันช่างยั่วใจเขาเหลือเกิน

              “หลับตาไปสิ ใครใช้ให้คุณมองมิทราบ” เธอสวนกลับเขา และจัดการเดินไปหยิบผ้าขนหนูแล้วเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน

               และเมื่อเพียงก้าวเท้าบางออกมาจากห้องน้ำ เธอก็พบว่าตอนนี้ลูเซียร์ยืนรอเธออยู่ แต่สิ่งที่เธอเห็นคือ เขาเปลือยเปล่าไม่สวมอะไรสักชิ้น ทันทีที่สติของหญิงสาวประมวลได้ เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาเสียงดัง และปาผ้าขนหนูที่อยู่ในมือใส่หน้าเขา

              “ไอ้หน้าไม่อาย มาแก้ผ้าให้คนอื่นดูทำไม ไอ้ลามก” หลับตาปี๋ไม่อยากมอง แต่ใจกับเต้นโครมครามไปหมด กับการที่เห็นเขาเปลือยเปล่า

             “อ้าว ผมก็นึกว่าคุณชอบ เห็นทีคุณยังแก้ได้เลย ผมก็แก้บ้างไง” เมื่อสิ้นเสียงก็มีแต่เสียงหัวเราะของลูเซียร์ที่เดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างคนอารมณ์ดี ที่เห็นแก้มที่แดงระเรื่อของเจ้าสาว ที่เขาจงใจจะแกล้ง

            และเมื่อลูเซียร์อาบน้ำชำระร่างกายเสร็จ เขาก็เดินฮัมเพลงออกมาจากห้องน้ำอย่างคนมีความสุข เขารู้สึกว่าการได้พิศน้ำผึ้งมาเป็นเมียคงต้องมีเรื่องให้เขาสนุกแน่นอน คิดไปก็พลางเหล่ไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียง “นอนซะอย่างกับเป็นเตียงตัวเองเลยนะ” เขาหัวเราะออกมาเบาๆ กับท่าทางการนอนของเธอ ก็แม่คุณเล่นนอนแบบเต็มเตียง เหยียดแข่งเหยียดขาซะ นอนแบบคิดว่าเตียงนี่เป็นของเธอหรือไง แล้วนี้เขาจะนอนตรงไหนได้เนี่ย

            เมื่อเช็ดผมให้แห้งแล้ว ลูเซียร์ก็จัดการกับพิศน้ำผึ้งที่นอนบนเตียงอย่างสบาย นอนหลับจนไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขาได้ล้มตัวนอนข้างๆ เธอแล้ว  “ฝันดีนะจ้ะ เมียจ้า” บอกจบก็แอบหอมแก้มหญิงสาว ซึ่งคนที่ถูกกวนก็เอามือขึ้นมาปัดสิ่งที่กำลังรบกวนเธออยู่ที่แก้ม และก็หลับต่อไป แต่ไม่นาน หญิงสาวก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เพราะรู้สึกมีอะไรบางอย่างอยู่ที่หน้าอก พยายามปัดก็ไม่หายไป

            ฝ่ายคนที่ยังคงนอนไม่หลับ เพราะท่านอนของพิศน้ำผึ้งมันดูเซ็กซี่มาก หันขวาทีซ้ายที ชุดนอนแสนเซ็กซี่ของเธอก็ปลิวไปตามแรงลม แถมสายเดี่ยวก็หลุดออกจากบ่าสวย มากองอยู่ที่แขน ทำให้บราเซียร์ตัวสวยโผ่ลพ้นออกมา จนคนที่นอนข้างๆ ต้องกลืนน้ำลายลงคอ ด้วยความสวยแถมเซ็กซี่ “จะยั่วกันหรือไง แม่คุณ เดี๋ยวทนไม่ไหวก็จับปล้ำซะหรอก” ลูเซียร์กระซิบข้างหูขาวและจัดการหยิบสายเดี่ยวขึ้นมาไว้ที่ที่มันสมควรจะอยู่ แต่แม่คุณก็ปัดมือหนาของเขาออก ทำให้เขาต้องหยิบเป็นรอบที่สอง แต่ครั้งนี้พิศน้ำผึ้งกลับลืมตาขึ้นมาและกรี๊ดลั่นห้อง จนหูของเขาแทบแตก

              “กรี๊ด ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ไอ้บ้ากาม จะทำอะไร” หญิงสาวกรีดร้องโวยวายออกมาจนแก้วหูของอีกฝ่ายแทบแตกแถมยังปาข้าวของที่อยู่บนหัวเตียงใส่

             “โอ๊ย จะโวยวายทำไมล่ะจ๊ะ เมียจ๋า ผัวแค่ลูบๆ คลำๆ เท่านั้นเอง” ชายหนุ่มยักคิ้วพร้อมทำหน้ายียวนส่งไปให้

             “ไอ้บ้า” เมือได้ยินสิ่งที่ลูเซียร์บอก พิศน้ำผึ้งก็ควันออกหูทันที “แค่ลูบๆ คลำๆ เหรอ ไอ้บ้า อย่าอยู่เลย” เธอกระโดดไปทุบตีลูเซียร์ ซึ่งคนอย่างลูเซียร์มีหรือจะหลบไม่ทัน

            “โห เมียจ๋า เข้าหอวันแรกก็จะฆ่าผัวแล้วหรือจ๊ะ แบบนี้มันไม่ดีนะ” รวบตัวของพิศน้ำผึ้งไว้ และจัดการลงโทษด้วยการหอมแก้มซ้ายทีขวาที

            “ยี้ ปล่อยนะ มาหอมทำไม ปล่อยสิ ไอ้บ้าหื่นกาม” เธอพยายามเบี่ยงหน้าสวยหลบจากจมูกโด่งที่มาถูไถหน้าของเธอ แต่ก็ไม่สำเร็จ

            “บ๊ะ มากล่าวหาว่าผัวหื่นได้ไง แบบนี้มันต้องจัดให้สักทีสองทีว่าไหม เมียสุดสวย” ลูเซียร์ยังไม่เลิกทะเล้น ยิ่งเห็นใบหน้าที่โกรธจัดของพิศน้ำผึ้งเขาก็ชอบใจ ระดมหอมแก้มนุ่มอีกหลายครั้ง

            “ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้าปล่อยสิ” เธอดิ้นหยุกยิกบนตักของเขา ยิ่งดิ้นลูเซียร์ก็ยิ่งหอม จนเธอต้องยอมยกธงขาวก่อน เพราะดูท่าแล้วใช้ไม้แข็งไม่ได้ ต้องใช้ไม้อ่อน แล้วค่อยตลบหลัง “ไม่ดิ้น ไม่ด่าแล้ว ปล่อยก่อนซิ”

            “ผัวไม่เชื่อเมียหรอกว่าเมียจะยอม เพราะครั้งแรกที่เราเจอกัน เมียก็บอกว่ายอม แล้วเป็นไงล่ะ ผัวไปโรงพยาบาลเย็บต้องสิบเข็ม คราวนี้รับรองว่าผัวไม่มีวันเชื่อใจเมียอีกแน่” ลูเซียร์พูดออกมาพลางคิดไปถึงวันแรกวันที่เขาและพิศน้ำผึ้งเจอกัน

            โดยวันนั้นเขาตั้งใจจะไปหาพิศลดา พี่สาวฝาแฝดของเธอ ซึ่งเขากับพิศลดารู้จักกันผ่านเพื่อนของเขาอีกคน ซึ่งก็คือ เจ้านายของพิศลดา พิศลดาทำงานเป็นเลขาให้กับอลัน เพื่อนรักของเขา และวันนั้นวันที่เกิดเรื่องขึ้น เขา อลัน และพิศลดาได้ออกไปทานมื้อค่ำกัน โดยที่หญิงสาวกับอลันได้ขอตัวกลับก่อน เพราะว่าจะต้องไปขึ้นเครื่องเพื่อไปดูงานที่ต่างประเทศ ส่วนเขานั่งทานข้าวต่ออีกสักพัก แต่พอจะกลับก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าของหญิงสาวที่ลืมไว้ เขาจึงคิดว่าจะเอาไปคืนที่บ้านของเธอ ซึ่งเขาก็เคยไปสองสามครั้ง แต่ไม่คิดว่าการไปครั้งนี้จะทำให้เขากลายเป็นคู่กัดกับพิศน้ำผึ้งน้องสาวฝาแฝดของพิศลดา แถมยังได้แผลที่หัวมาอีกซึ่งต้องเย็บถึงสิบเข็มเลยที่เดียว เพราะเธอคิดว่าเขาเป็นขโมย

            “คราวนี้ฉันยอมจริงๆ สาบานว่าจะไม่เอาแจกันฟาดหัวคุณแบบวันนั้น”

            “ผัวไม่เชื่อหลอก ผัวง่วงนอนแล้ว วันนี้ก็เป็นหมอนข้างให้ผัวกอดหน่อยนะกัน” เขาบอกพร้อมพลิกให้ร่างของเขาและเธอนอนลงกับเตียงนอนนุ่ม

            “ปล่อยนะ ไอ้บ้าลูเซียร์ ใครจะให้นายกอดทั้งคืน ปล่อยซิ” พิศน้ำผึ้งทั้งดิ้น ทั้งตะโกนลั่น แต่ลูเซียร์ก็ไม่ปล่อย แถมยังมากระซิบที่ข้างหูอีกว่า

            “ถ้าขืนยังร้องแบบนี้ อีกสักพักจะได้ร้องเพลงประสานเสียงกับผัวนะที่รัก”ทันทีที่ลูเซียร์พูดจบ ใบหน้าของสวยก็ร้อนผ่าวและหยุดร้องและโวยวาย เพราะกลัวว่าเขาจะทำแบบที่พูดขึ้นมาจริงๆ ผู้ชายคนนี้ยิ่งบ้าดีเดือดอยู่ด้วย 

            ฝ่ายคนที่กอดได้หลับไปแล้ว ส่วนคนที่ถูกกอดยังหลับไม่ลง เพราะกลัวเขาจะลุกขึ้นมาปล้ำเธอ และที่สำคัญหญิงสาวยังคงคิดเรื่องพี่สาวของเธอ ไม่รู้ว่าปานนี้จะเป็นยังไง และที่สำคัญใครกันนะที่เป็นคนจับตัวพี่สาวของเธอไป ทั้งๆ ที่พิศลดาก็ไม่เคยมีศัตรูที่ไหน พิศน้ำผึ้งคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้สักพัก เปลือกตาบางของเธอก็ปิดลงพร้อมกับที่ยังคงอยู่ในอ้อมกอดของลูเซียร์แบบนี้

     

    บทที่ 2 มัจจุราชพิโรธ

            หลังจากวันแรกที่พิศลดาถูกจับตัวมาและถูกจับโยนลงทะเล เพราะขอร้องให้มัจจุราชใจร้ายปล่อยเธอกลับบ้าน ตั้งแต่วันนั้นมาหญิงสาวก็ไม่เคยร้องขอแบบนั้นอีกเลย เพราะรู้ดีว่าชายหนุ่มนั้นเอาจริงแค่ไหน โดยที่หญิงสาวผู้โชคร้ายที่โดนจับตัวมาอยู่ที่เกาะแห่งนี้นี้ได้สองอาทิตย์เต็มๆ แล้ว โดยที่ทุกๆ วันเธอก็ต้องออกไปหาปลากับชายหนุ่ม พอกลับมาก็ต้องมาอุทิศร่างให้เขากอดทุกคืน แถมบางครั้งมาคัสยังทำมากกว่ากอดนั้นคือจูบ แต่พิศลดาก็แอบแปลกใจอยู่บ้างที่ร่างกายเธอกลับไม่เคยรู้สึกรังเกลียดอ้อมกอดจากชายคนนี้ แต่ทว่าก็ไม่ใช่ว่าเธอต้องการมัน หญิงสาวไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกว่าบางครั้งอ้อมกอดนี้ก็อบอุ่น และตอนนี้เธอก็อยู่ในอ้อมกอดของเขาบนเรือหาปลา

            “ทำไมยังไม่นอนอีก หรือว่ายังไม่ชิน” เสียงเหี้ยมเอ่ยถาม

            “ยังไม่ชินค่ะ”เธอตอบออกไปตามตรง โดยคืนนี้มาคัสพาหญิงสาวออกมานอนร่วมกับบรรดาลูกเรือซึ่งบางคนก็แลดูเป็นมิตร แต่บางคนก็ไม่เป็นมิตรซะเลย แถมบางครั้งยังส่งสายตาโลมเลียมาให้

            “ไม่ต้องกลัวไปหรอก ทำใจให้ชินซะ เพราะเธอต้องอยู่ที่นี่อีกนาน และถ้าทำตัวดี รับรองว่า ฉันคนเดียวที่จะเป็นผัวเธอ แต่ถ้ายังดื้อด้านอยู่ละก็เธอจะมีผัวนับสิบ” บอกข่มขู่และหลับตาลง ปล่อยให้คนฟังน้ำตาไหลออกมาเพราะกลัวว่าเขาจะทำตามพูดนั้นจริงๆ

            และพอเรือแล่นยังมาถึงเกาะ บรรดาสาวๆ ต่างก็มาช่วยกันเอาอวนลงจากเรือ และนั่งคัดปลากันอย่างขะมักขะเม่น สาวๆ พูดคุยเรื่องราวต่างๆ อย่างสนุกสนาน ส่วนบรรดาพวกผู้ชายก็ไปทานข้าวที่โรงครัวประจำเกาะ ซึ่งพิศลดาก็นั่งอยู่ในโรงครัวประจำเกาะนั้นด้วย เธอนั่งอยู่ข้างๆ กับมาคัสที่ตอนนี้กำลังตักข้าวกินอย่างเอร็ดอร่อย

            “กินสิ จะนั่งบื้อทำไม กินเสร็จจะได้ไปพักผ่อน” หันมาตวาดคนที่นั่งเฉย

            “ค่ะ” พิศลดารีบลงมือทานข้าวที่มีอยู่ตรงหน้าทันที เพราะถ้าช้าไปกว่านี้เธออาจอดได้ เพราะบรรดาลูกน้องของชายหนุ่มหิวโหวอย่างมาก ตักกับข้าวไปไว้ที่จานตนเองจนแทบล้ม

            และเมื่อทานข้าวเสร็จ มาคัสก็ลากตัวของเธอออกมาจากโรงครัว แล้วตรงไปที่บ้านพักและจัดการสั่งให้หญิงสาวเข้าไปอาบน้ำ เพื่อที่จะได้มานอนพักผ่อนสักที เพราะวันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน

            พิศลดารีบรับเสื้อผ้าจากมือหนามาและเดินตรงเข้าไปอาบน้ำ เธออาบน้ำชำระร่างกายที่เต็มไปด้วยเหงื่อและขัดไปที่แก้มนวลที่โดนมาคัสหอมเป็นประจำ หญิงสาวไม่ได้รังเกียจสัมผัสจากชายหนุ่ม แต่เธอก็ไม่ชอบที่เขาทำแบบนี้กับเธอ ถึงแม้ว่าบางครั้งหญิงสาวก็คิดว่าเขานั้นไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่คิด แต่เรื่องที่เขามากอดมาหอม เธอทุกวัน หญิงสาวก็ไม่ได้เต็มใจเท่าไร แต่ไม่สามารถขัดขืนได้ก็เท่านั้น เพราะเคยขัดขืนแล้ว และเจอความร้ายกาจของเขาที่ตอบกลับมา พิศลดาจึงต้องจำใจยอมให้เขากอดและหอม

            ฝ่ายคนที่รออาบน้ำอยู่ข้างนอกก็เริ่มหงุดหงิดใจที่หญิงสาวอาบน้ำนาน เขาจึงเดินพรวดเข้าไปในห้องน้ำ ทันทีที่ชายหนุ่มเปิดประตูเข้ามา เขาก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ เพราะภาพที่เห็นตรงหน้ามันช่างเป็นประติมากรรมชั้นดี ทรวดทรงของพิศลดามันทำให้เลือดในกายของมาคัสพุ่งพลาดไปหมด

            ฝ่ายคนที่ตกใจในการกระทำของชายหนุ่มก็รีบหยิบผ้าขนหนูมาห่อตัวเอง และก้าวเดินเพื่อที่จะออกจากห้องน้ำ เพราะเธออาบน้ำเสร็จพอดี แต่ทว่าการที่หญิงสาวรีบนั้นมันทำให้เธอลื่นและกำลังจะล้มไปที่พื้น แต่ทว่าชายหนุ่มก็คว้าตัวเธอไว้ได้ก่อน ซึ่งตอนนี้เธอก็อยู่ในอ้อมแขนของเขา

            แค่มาคัสได้สัมผัสที่ร่างที่นุ่มนวลของพิศลดา สิ่งที่บ่งบอกบุรุษเพศก็พองตัวและกำลังผงาดอยู่ในกางเกงตัวหนา ซึ่งมันกำลังแสดงว่าเขาที่จะปลดปล่อย แต่พอเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่แสดงความกลัวทีมีแต่เขา ชายหนุ่มก็เลือกก็ระงับอารมณ์เอาไว้ เพราะยังไม่อยากทำอะไรหญิงสาวตอนนี้ เขาอยากจะให้เธอชินกับเขาเสียก่อน

            “ที่หลังอาบน้ำให้มันเร็วๆ หน่อย อย่าอาบน้ำนานขนาดนี้ ที่นี่ไม่ใช่บ้านเธอที่จะอาบน้ำนานแค่ไหนก็ได้”เขาบอกเธอพร้อมกับคลายวงแขนที่โอบกอดเธออยู่ แต่ทว่าแค่เขาคลายอ้อมแขนออก ผ้าขนหนูที่พิศลดาใช้ห่อหุ้มตัวก็ร่วงสู่พื้นห้องทันที ซึ่งเจ้าของวงแขนก็ต้องกลืนน้ำลายอีกรอบเพราะร่างนวลของหญิงสาวมันช่างกระชากอารมณ์ของเขาได้ดีจริงๆ และตอนนี้เขาก็ระงับไฟสวาทไว้ไม่อยู่แล้ว

            ฝ่ายพิศลดาก็รีบก้มไปเก็บผ้าขนหนูขึ้นมาห่อตัวไว้แบบเดิม และกำลังจะก้าวออกจากห้องน้ำไป ตอนนี้เธอรู้สึกว่าใบหน้าเธอร้อนผ่าวไปหมด ที่เขาเห็นร่างอันเปลือยเปล่าของเธอถึงสองรอบ ยิ่งคิดเธอก็รู้สึกว่าอาย หญิงสาวจึงรีบเดินออกจากห้องน้ำไป แต่ทว่าไม่ทันที่จะก้าวพ้นประตูไปเรียวแขนยาวของมาคัสก็กระชากแขนสวยของเธอไว้ และก้มลงมาประกบปากจูบเธอทันที

            “อือ...ปล่อย” พิศลดาพยายามดันร่างใหญ่ให้ออกห่างแต่ทว่าก็ไม่เป็นผล แถมเสียงที่หญิงสาวประท้วงก็หายไปในลำคอ

            ฝ่ายมาคัสเมื่อเห็นร่างที่เปลือยเปล่าของพิศลดาอีกรอบ ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าทนไม่ไหว ไฟราคะกำลังเล่นงานเขาแถมตอนนี้แก่นกายของเขาพองตัวสุดๆ จนทำให้เขาเจ็บปวดไปหมด อยากที่จะปลดปล่อยมันออกมา ชายหนุ่มจึงคว้าร่างสวยของหญิงสาวเข้ามาจูบ เขากำลังใช้ความชำนาญทำให้พิศลดายอมจำนน ชายหนุ่มบดเบียดจูบไปที่หญิงสาวอย่างหนักหน่วงและเร่าร้อน แถมมือหนาก็จับที่ท้ายทอยของเธอไว้เพื่อให้จูบได้ถนัด ซึ่งมืออีกข้างก็ยกขึ้นมารวบมือเล็กที่กำลังระดมทุบตีเขาไว้

            ฝ่ายพิศลดาก็สู้กับคนตัวโตที่แสนจะใจร้ายอย่างมาคัสไม่ได้เลย เธอจึงต้องยอมให้เขารังแก พร้อมกับที่น้ำใสๆ กำลังเอ่อล้มออกมา เพราะกำลังหวาดกลัวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น

            เมื่อมาคัสพอใจกับความหวานที่ได้รับจากริมฝีปากที่แสนสวยของหญิงสาวแล้ว เขาก็ผละออกแล้วใช้มือร้อนกระชากผ้าขนหนูที่เธอห่มตัวไว้ให้ออกจากร่างสวย และก้มลงไปดูดกลืนดอกบัวคู่สวยที่กำลังหลอกล่อสายตา

            ฝ่ายคนที่โดนกระทำก็ออกแรงต่อต้านมากขึ้นเมื่อชายหนุ่มพยายามรุกเธอมากขึ้น ดวงตาไหวระริก เนื้อตัวสั่น ขาแทบจะทรงตัวไม่อยู่ หญิงสาวหวาดกลัวสุดๆ กับการกระทำที่แสนป่าเถื่อนของชายหนุ่ม “ฮือ ลดายังไม่พร้อม อย่า….. ฮือ ลดากลัว” เธออ้อนวอนเขาเสียงพร่าพร้อมกับใช้มือน้อยผลักให้เขาออกห่างจากกาย เมื่อเห็นว่าเขาหยุดชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเธออ้อนวอน

            เพราะเสียงอ้อนวอนของหญิงสาว ทำให้มาคัสดึงสติให้หลุดจากไฟพิศวาส พอตั้งสติได้ เขาก็เลือกที่จะเดินเข้าไปหาคนที่อ่อนแรง ล้มอยู่ที่พื้น “จะร้องทำไม ฮึ จะเวลาไหนมันก็เหมือนกันนั่นล่ะ ยังไงเธอก็ต้องเป็นเมียฉันอยู่ดี” เขาบอกเธอพร้อมเดินตรงเข้ามากระชากให้ตัวและจัดการช้อนตัวของหญิงสาวขึ้นแล้วเดินตรงไปที่เตียงนอน

            “ลดายังไม่พร้อม ฮือ ลดากลัว” หญิงสาวบอกทั้งน้ำตาและพยายามดิ้นรนสุดชีวิต เมื่อคิดว่าเขาจะหาเธอไปข่มเหงที่เตียงต่อ

            และเมื่อหลังของเธอสัมผัสกับเตียงนอนนุ่ม หญิงสาวก็ล่นตัวหนี แต่เธอก็โดนเขากระชากตัวให้กลับมาที่เดิม และก้มลงไปประกบปากจูบเธออีกครั้ง แต่ครั้งนี้มัจจุราชตัวร้ายกลับมอบจูบที่อ่อนโยนและนุ่มนวล ไม่หนักหน่วงเหมือนกับที่แล้วมา และไม่นานเขาก็ผละออกจากริมฝีปากบาง จากนั้นก็ใช้มือร้อนเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบที่แก้มนวล “ไม่ต้องร้องแล้วพิศลดา ฉันไม่ทำอะไรแล้ว” เขาบอกเธอพร้อมจูบลงไปที่แก้มนวลอีกครั้ง และผละออกห่างแล้วเดินตรงไปในห้องน้ำเพื่อดับอารมณ์ที่ร้อนรุ่นตอนนี้

            มาคัสก็ไม่รู้ใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม เขาถึงไม่ทำอะไรเธอทั้งๆ ที่ความต้องการมันทำให้เขาเจ็บปวดไปหมด จนแทบจะทนเดินเข้าห้องน้ำมาไม่ไหว มันอาจเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้แลดูบอบบาง และที่สำคัญเขายังคงหลงเหลือความคิดในด้านดีอยู่บ้าง ไฟแค้นไม่ได้ครอบคลุมจิตใจของเขาไปทั้งหมด

            และเมื่อชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องน้ำ เขายังคงเห็นว่าหญิงสาวยังคงร้องไห้และตัวสั่นอยู่บนเตียงนอน ซึ่งมาคัสก็ไม่ชอบที่พิศลดาร้องไห้ไม่เลิก ในเมื่อเขาบอกแล้วว่าจะไม่ทำอะไร เธอก็น่าจะหยุดร้อง ไม่ใช่ร้องอยู่แบบนี้ “หยุดร้องได้แล้วพิศลดา อย่าให้น้ำตามันไหลออกมาอีก เพราะไม่เช่นนั้นฉันจะสานต่อจากเมื่อกี้” เขาบอกด้วยสายตาที่แข็ง เขาไม่ชอบผู้หญิงที่ร้องไห้พร่ำเพื่อและอ่อนแอ

            เมื่อมาคัสส่งเสียงที่ดังออกมา พิศลดาก็ตกใจผวาเล็กน้อยกับเสียงที่ดังแถมสายตาที่ส่งมาให้เธอ มันอย่างกับสายตามัจจุราช หญิงสาวจึงรีบใช้มือน้อยปิดปากของตัวเอง เพราะกลัวว่าเสียงสะอื้นของเธอมันจะดังเล็ดลอดออกไป แล้วทำให้เขารำคาญและทำเรื่องที่เขาขู่อีกรอบ

            ทันทีที่มาคัสล้มตัวลงนอน ชายหนุ่มก็ดึงร่างนวลของพิศลดาเข้ามาในอ้อมกอดเช่นทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มันมีหยดน้ำตาของเธอแถมมาให้เขาด้วยบนอกแกร่ง “พรุ่งนี้ฉันไม่อยู่ ฉันจะขึ้นไปที่ฝั่ง เพราะฉะนั้นเธอต้องอยู่แต่ในบ้านห้ามออกไปไหน และที่สำคัญอย่าคิดหนี เพราะหนีอย่างไงเธอก็หนีไปไม่พ้น ถึงจะพ้นฉันก็จะไปตามตัวเธอกลับมาอยู่ดี และที่สำคัญเธออาจมีผัวเพิ่มถ้าคิดจะหนี” เขาเอ่ยบอกพร้อมกับที่กระชับอ้อมกอดมากขึ้นและจูบลงไปที่หน้าผากนวล โดยเพียงไม่นานเขาและเธอก็จมดิ่งอยู่ในห้วงของนิทรา

     

             เช้าวันต่อมา….

            พิศลดางัวเงียตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากนอกบ้าน หญิงสาวดันตัวให้ลุกขึ้นและหันไปมองคนที่โอบกอดเธอทั้งคืน แต่เจ้าของอ้อมกอดนั้นไม่อยู่แล้ว หญิงสาวจึงลุกขึ้นไปล้างหน้าและชำระร่างกายแล้วเดินออกไปดูเสียงที่ดังที่เป็นต้นเหตุให้เธอตื่น “มีอะไรกันรึจ๊ะชบา ทำไมถึงเสียงดังกันจัง” เอ่ยถามชบา หญิงสาวที่สนิทที่สุดบนเกาะนี้

            “พวกเรากำลังช่วยกันขนสินค้าที่กำลังเอาไปส่งที่ฝั่งอยู่นะจ๊ะ มันก็เลยเสียงดังเพราะต้องเช็ดว่าของครบหรือเปล่า” ชบาเอ่ยบอก พร้อมกับส่งเสียงเช็ดของต่อไป

            “ให้ลดาช่วยไหมชบา จะได้เสร็จเร็วๆ มาลดาช่วย”

            “ ไม่ต้องหรอกจ้ะคุณลดา พวกฉันทำได้ คุณไปนอนต่อเถอะ”

            “ไม่เป็นไรจ้ะ ลดาช่วย ชบาอย่าลืมสิว่าฉันก็เป็นคนงานเหมือนกัน”

            “ใช่อีชบา มึงก็ให้อีนี่มันช่วยพวกเราสิ มันก็เป็นคนงานเหมือนกับเรา แค่มีตำแหน่งนางบำเรอของนายพ่วงมาด้วยก็เท่านั้น” น้อยสาวสวยปากร้ายประจำเกาะเอ่ยด้วยเสียงและสายตาที่เหยียดหยาม

            “ทำไมแกไปเรียกคุณลดาแบบนั้นล่ะ น้อย”

            “ทำไมกูจะเรียกไม่ได้ มันก็เป็นขี้ข้าเหมือนเรานี่ล่ะไม่ได้วิเศษวิโสมาจากไหน แถมอีกไม่นานก็คงต้องถูกนายเขี่ยทิ้ง และก็มาเป็นโสเภณีประจำเกาะ ให้พวกผู้ชายใช้บริการ ฮ่าๆ” พูดพร้อมกับเบ้ปากใส่

            “คุณลดาอย่าไปฟังนางน้อยมันเลยนะจ๊ะ มันก็ปากร้ายแบบนี้ล่ะจ้ะ”ชบารีบเอ่ยปลอบใจ  เมื่อเห็นว่าพิศลดามีสีหน้าที่เศร้า

            “ไม่เป็นไรจ้ะชบา มาฉันช่วยนะ” พิศลดาเอ่ยบอกพร้อมกับช่วยคนงานขนของขึ้นไปยังเรือ เธอขนลังสี่เหลี่ยมขนาดเล็กขึ้นเรือและแอบคิดในใจว่าลังพวกนี้มีอะไรอยู่ เธอคิดไปต่างๆ นาๆ และแอบคิดไปว่าถ้ามีลังที่ใหญ่กว่านี้ก็คงจะดี เพราะเธอจะได้แอบหนีไปได้

            “ขอบใจนะจ๊ะที่มาช่วย” เอ่ยบอกขอบคุณด้วยรอยยิ้ม และจัดการจูงมือของพิศลดาไปยังโรงครัวที่อยู่ไม่ไกลจากจุดนี้มากนัก “มาทานข้าวกันเถอะจ้ะ” ชบาจัดแจงยกกับข้าวมาให้พิศลดาและทั้งสองคนก็ลงมือทานอย่างเอร็ดอร่อย และเมื่อทานเสร็จชบาก็พาหญิงสาวไปยังน้ำตกที่อยู่ท้ายเกาะ

            “สวยจังเลยชบา” ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตะลึงในความสวยของน้ำตกหลังเกาะ หญิงสาวไม่คิดเลยว่าเกาะโจรจะมีน้ำตกที่สวยแบบนี้ แถมน้ำก็ใส น่าลงไปอาบและลงไปเล่นอย่างมาก

            ฝ่ายชบาก็ตั้งใจจะขออนุญาตนายหัวเรื่องที่จะพาเชลยสาวของนายมาที่น้ำตกแห่งนี้ แต่มันก็เป็นความโชคดีที่มาคัสขึ้นไปฝั่ง เธอจึงไม่ต้องขออนุญาต เหตุที่เธออย่างพาหญิงสาวมาก็เพราะหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เธอเห็นว่าหญิงสาวมีแต่ความเศร้า และหวาดกลัวคนในเกาะ เธอจึงอยากพาหญิงสาวมาดูความสวยงามของเกาะนี้บ้าง เผื่อว่าหญิงสาวจะยอมทำใจอยู่บนเกาะได้มากขึ้น

            “ลงไปเล่นน้ำกันเถอะจ้ะ” ชบาเอ่ยชวน และจากนั้นทั้งสองก็ลงไปเล่นน้ำกันด้วยความสดชื่น การลงมาสัมผัสกับน้ำเย็นๆ มันทำให้พิศลดาผ่อนคลายจากความเครียดไปได้มาก ทั้งคู่เล่นน้ำกันด้วยความสนุกสนาน แต่เล่นได้ไม่นานพวกเธอก็ต้องขึ้นจากน้ำใส เพราะชบากลัวว่านายหัวจะกลับมาเสียก่อน แล้วจะโดนดุได้  “ว่างๆ ชบาจะพามาที่น้ำตกใหม่นะจ๊ะ แต่คราวหน้า ฉันต้องขออนุญาตนายก่อน ไม่งั้นฉันอาจถูกลงโทษได้” ชบาส่งยิ้มเจื่อนๆ มาให้ เพราะกลัวถูกลงโทษอยู่เหมือนกัน

            “จ๊ะชบา งั้นเรากลับกันเถอะ ลดาไม่อยากทำให้ชบาเดือดร้อน”

            จากนั้นทั้งคู่ก็เดินกลับไปยังบ้านพัก เท้าบางก้าวตามหลังชบามาตลอดทาง จนกระทั่งสายตาสวยสะดุดกับอะไรบางอย่าง พิศลดาถึงกับต้องตาวาว เพราะระหว่างทางที่เดินกลับมา หญิงสาวเห็นว่ามีเรือจอดอยู่ลำหนึ่ง ซึ่งเป็นเรือสปีดโบ๊ท   เท้าบางที่ก้าวตามหลังชบานั้นเริ่มเดินช้าลง เพราะมั่วแต่จ้องมองไปที่เรือลำนั้น และพลางคิดว่ามันจะมีกุญแจอยู่ที่เรือไหม ถ้ามีก็คงจะดี เพราะเธอจะได้มีหนทางหนี หญิงสาวหันกลับไปมองอยู่บ่อยครั้งจนชบาเอ่ยถามเพราะสงสัยที่หญิงสาวหันกลับไปมองด้านหลังอยู่บ่อยครั้ง แถมยังก้าวเดินช้าลง

            “คุณลดามองอะไรหรือจ๊ะ ชบาเห็นคุณหันกลับไปมองด้านหลังหลายครั้ง มีอะไรรึเปล่า”

            “ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะชบา เอ่อ ฉันขอถามอะไรชบาหน่อยนะจ๊ะ ถ้ามีคนทำผิด คุณมาคัสจะลงโทษแบบไหน” เธอถาม เพื่อต้องคำตอบการให้กับตัวเองในการตัดสินใจในการหนี

            “ส่วนมากนายจะไม่ลงโทษหรอกจ้ะ แค่ตักเตือนนะ แต่ก็มีบางครั้งที่ลงโทษแรงเหมือนกัน เช่น สั่งอดข้าว หรือไม่ก็ลงโทษด้วยการทำให้หลาบจำ ประมาณนี้ล่ะค่ะ”

            “แล้ววันนี้คุณมาคัสขึ้นฝั่งไปนานไหม” ถามไปก็กลัวไป กลัวว่าชบาจะรู้ว่าเธอนั้นคิดที่จะหนี

            “น่าจะกลับมาเย็นนะจ๊ะ”

            “จ้ะ” เมื่อฟังคำตอบของชบา พิศลดาก็กำลังตัดสินใจด้วยความสั่นกลัวในใจ ว่าเธอนั้นจะหนีดีไหม เธอกลัวว่าชบาจะเดือดร้อนไปด้วย หากเธอนั้นหนีไป และพอเดินมาถึงที่พัก หญิงสาวก็เดินวนไปวนมาอยู่ในบ้าน เพราะกำลังตัดสินใจ  “จะหนีไปดีไหม แล้วถ้าหนีไม่พ้นล่ะ เราจะเป็นอย่างไร ไม่ต้องกลายมาเป็นโสเภณีประจำเกาะอย่างที่เขาพูดเหรอ และที่สำคัญชบาจะเดือดร้อนไปด้วยหรือเปล่า” หญิงสาวคิดไม่ตกอยู่นาน แต่ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะหนี แค่นึกถึงพิศน้ำผึ้ง น้องสาวของเธอ ที่ไม่เคยแยกจากกันเลย เธอก็มีแรงฮึดที่จะหนี  แถมหญิงสาวยังนึกกลัวป้าพิมพรรณ ป้าแท้ๆ ของเธอ ที่แสนจะร้ายกาจ จะบังคับให้พิศน้ำผึ้งแต่งงานแทนเธอ เพราะป้าของเธอต้องการเงินจำนวนมาก ไม่เช่นนั้นก็คงต้องหาผู้ชายมาให้น้องสาวของเธอและบังคับให้แต่งงานอย่างแน่นอน

            แต่ในความใจกล้าของหญิงสาวมันก็ซ่อนความกลัวไว้ในตัว ถึงใจจะกล้า แต่ขาที่กำลังจะก้าวออกไปมันสั่นเทาไปหมด 

            พิศลดาหันซ้ายหันขวา เมื่อไม่เห็นใครเดินผ่านบ้านพัก หญิงสาวก็รีบเดินตรงไปยังจุดที่เรือจอดอยู่ทันที เดินไปด้วยใจระทึก เพราะไม่รู้ว่าเรือลำนั้นมีกุญแจอยู่หรือเปล่า และที่สำคัญมันจะพาเธอไปถึงฝั่งไหม และเมื่อเดินมาถึงจุดที่เรือจอดอยู่ พิศลดาก็ต้องเอ่ยของคุณสวรรค์เพราะมีกุญแจเสียบคาไว้ แถมน้ำมันก็มีเต็มถัง

            พิศลดารีบขึ้นไปยังเรือและสตาร์ทเรือทันทีแล้วขับมันออกไปด้วยความเร็ว เพื่อมุ่งหน้ากลับไปยังฝั่ง โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าทางที่เธอขับมามันถูกหรือเปล่า แถมท้องฟ้าเริ่มมืดลง ซึ่งต่างจากเมื่อกี้มากมาย ท้องฟ้าที่แสนสดใสกลายเป็นมืดครึ้ม เหมือนกำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับเธอ ซึ่งต่อจากนั้นไม่นานเม็ดฝนเม็ดเล็กๆ ก็ได้โปรยปรายลงมา  หญิงสาวประคองเรือไปด้วยความลำบาก เพราะคลื่นได้โหมกระหน่ำอย่างหนัก และท้องฟ้าก็แปรปรวนเพิ่มมากขึ้นจนเธอขับเรือไปแทบไม่เห็นเส้นทาง

            ฝ่ายทางด้านเรือลำโตของมาคัสตอนนี้ก็กำลังแล่นกลับเข้ามาในเกาะ ซึ่งมันก็เป็นทางเดียวกับที่เชลยสาวกำลังขับเรือออกมา โดยอีกไม่กี่นาทีข้างหน้ารับรองว่าเรือสองลำได้เจอกันอย่างแน่นอน

            และไม่นานนักเวลานั้นก็มาถึง เรือของพิศลดากำลังแล่นผ่านหน้าเรือของมาคัส ซึ่งเชลยสาวก็กำลังขับเรือผ่านหน้าเรือลำใหญ่ไปให้เร็ว เพราะกลัวว่าเรือลำนั้นจะเป็นของมัจจุราชตัวร้าย ซึ่งมันก็จริงเรือลำนั้นเป็นของมาคัส และที่สำคัญกล้าได้เห็นหญิงสาวแล้ว

            “นายแย่แล้วครับ นาย” กล้าวิ่งมาบอกด้วยใบหน้าที่ตื่น และพยายามบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ทว่าความที่รีบร้อนก็ทำให้ไม่มีใครเข้าใจ เพราะพูดลนลานไปหมด

            “มีอะไรไอ้กล้า ร้องเอะอะโวยวายอยู่ได้”

            “คุณพิศลดาครับ เธอกำลังขับเรือของนายอยู่ครับ”

            “พูดมาให้รู้เรื่องซิวะ จะรีบร้อนพูดไปไหน”

            “นาย คุณพิศลดาเธอขับเรือสปีดโบ๊ทของนายหนีไปครับ พึ่งผ่านหน้าเราไป” ทันทีที่มาคัสเข้าใจในสิ่งที่กล้าพูด ดวงตาของชายหนุ่มก็วาววับ ขบกรามเข้ามากัน และใบหน้าก็กลายเป็นสีแดงเพราะความกรุ่นโกรธ เขาโกรธที่เธอกล้าคิดหนี ทั้งๆ ที่เขาเตือนเธอแล้ว ว่าหากหนีแล้วเธอจะถูกลงโทษอย่างไร      

     

    แฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/LayPakSiDa?ref=hl

    พิศวาสมัจจุราช มีกำหนด ออกประมาณวันที่16 ธันวา นะคะ ยังไงฝาก อุดหนุนด้วยน๊า สนพ ทัช นะคะ

    รูปภาพ : พิศวาสมัจจุราช มีกำหนด ออกประมาณวันที่11 นะคะ ยังไงฝาก อุดหนุนด้วยน๊า ใ ครอุดหนุนผลงาน ของเค้า แล้วเตรียมตัวเล่นเกม ไดเลยคาา ฝากด้วยนะคะ สนพ ทัช นะคะ

      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×